ตอนที่ 33 : Lost in Love Chapter 32 รายงานตัวกับคุณพ่อตา [100%]

Lost in Love Chapter 32
รายงานตัวกับคุณพ่อตา
เลิฟลี่นั่งเลือกหนังสือนิทาน ก่อนหน้านี้หนูน้อยเสนอตัวว่าจะเล่านิทานให้คุณยายฟังก่อนนอน ซึ่งคุณยายบอกว่าให้เลิฟลี่เป็นคนเลือกเองว่าอยากเล่าเรื่องอะไรมากที่สุด
“คุณยายจะต้องห่มผ้าให้คลุมถึงเท้าด้วยนะคะ ห้ามให้เท้าโผล่ออกมาค่ะ เพราะเดี๋ยวจะเป็นหวัด”
หลานสาวดูแลเอาอกเอาใจและช่วยห่มผ้าให้ ไม่ใช่เรื่องยากที่คุณยายจูอึนจะรักหลงเลิฟลี่เอาได้ง่ายๆ น่าเสียดายที่ก่อนหน้าเราได้พบกันแล้วแต่กลับไม่รู้ว่านี่คือหลานสาวแท้ๆของตัวเอง
หลังจากตรวจดูจนแน่ใจว่าเท้าของคุณยายไม่โผล่ออกมาจากผ้าห่ม เลิฟลี่ถึงกลับมาที่กองหนังสือนิทานนับสิบๆเล่ม ที่เจ้าตัวเป็นคนไปยกออกมาจากห้องของน้าสาวตั้งแต่เมื่อตอนเย็น
สมุดนิทานปกหนังสีชมพู ทั้งขนาดและรูปเล่มดูแปลกตากว่าเล่มอื่นๆ เลิฟลี่ดีใจที่ได้พบว่ายังมีนิทานเรื่องที่ตนยังไม่เคยได้อ่านหลงเหลืออยู่
“หนูจะเล่าแล้วนะคะ คุณยายพร้อมไหมคะ?”
“พร้อมแล้วจ๊ะ คืนนี้ยายจะต้องนอนหลับฝันดีแน่ๆเลย”
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว… ”
หนังสือนิทานถูกเปิดออกทีละหน้า หากแต่ที่หน้าแรกแม้จะเป็นรูปภาพแต่มันกลับไม่ใช่นิทานเหมือนกับที่เลิฟลี่เคยพบเห็นมาก่อน แต่รูปที่หนูน้อยได้เห็นคือรูปของน้าจูฮยอน ในแต่ละหน้ามีบางอย่างที่ดูไม่เหมือนเดิม ก็คือขนาดของหน้าท้องที่ยื่นออกมา จนกระทั่ง…
“อ่านได้ไหมลูก ถ้าอ่านไม่ได้ ยายจะอ่านให้หนูฟังเอง” จูอึนเห็นหลานสาวเงียบไปนานจนผิดปกติ ก็เลยคิดว่าเลิฟลี่อาจจะอ่านไม่ออกเพราะเนื้อหาอาจจะยากเกินไป หากแต่พอได้เพ่งดูรูปที่หลานสาวกำลังจ้องมอง จูอึนก็ถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก
“เลิฟลี่! ส่งหนังสือนั่นมาให้ยายลูก”
หลานสาวส่งหนังสือคืนให้คุณยายกับมือ ในใจก็เต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมรูปของตัวเองถึงมาอยู่ในหนังสือเล่มนี้ได้
“น้าจูฮยอน เคยมีน้องด้วยหรอคะ?”
…!!
พอรู้ว่าจูฮยอนตั้งท้อง ยงฮวาก็ไม่ยอมอยู่ห่างและไม่ยอมให้จูฮยอนคลาดสายตาเลย เขายืนยันว่าจะอยู่ใกล้ๆเธอ ขนาดถูกจูฮยอนแกล้งให้ลงไปนอนบนพื้น ยงฮวาก็ยอม
“พี่ง่วงแล้ว ถึงแม้ว่า…พื้นมันจะแข็งและมันอาจจะหนาวมากไปหน่อยก็ตาม”
จูฮยอนพลิกตัวมองดูคนที่กำลังหลับตาลงอย่างช้าๆ ความจริงแล้วเธอไม่ได้อยากแกล้งให้เขาต้องทนนอนหนาว ถึงเราจะกำลังมีลูกคนที่สองด้วยกัน แต่เราสองคนยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกันเลย จูฮยอนไม่อยากทำอะไรให้มันเกินงาม เพราะแค่นี้เธอก็รู้สึกผิดต่อแม่กับพ่อจะแย่แล้ว
“เอาผ้าห่มอีกไหมคะ?”
“ไม่เอาหรอก”
ยงฮวาบอกว่าไม่เอา แต่จูฮยอนจัดการแบ่งผ้าห่มผืนใหญ่ให้ ห่มคลุมลงมาถึงคนที่นอนอยู่หน้าเตียง
“พี่จะต้องรักษาชีวิตเอาไว้นะคะ วันพรุ่งนี้ยังมีศึกใหญ่รออยู่”
ยงฮวาหลับตาพร้อมกับถอนหายใจดังเฮือก จูฮยอนพูดถูก วันพรุ่งนี้คือของจริง
“ขอพี่จับมือหน่อย”
จูฮยอนยอมยื่นมือให้จับตามคำเรียกร้อง ไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง เธอเชื่อว่าเราสองคนจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน
“สู้ๆนะคะ เพื่อลูกค่ะ ท่องเอาไว้”
“เพื่อเธอด้วย ทั้งเธอแล้วก็ลูก มีความสำคัญกับพี่มากๆ มากที่สุดในโลกเลย”
จูฮยอนอมยิ้มเขิน เธอรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองผิดและทำตัวไม่ดีที่ยอมปล่อยตัวปล่อยใจจนประวัติศาสตร์ซ้ำรอย แต่คราวนี้ความรู้สึกยินดีกลับมีมากกว่า ไม่แน่ว่าความตึงเครียดอาจจะไปตกอยู่ที่ยงฮวาหมดแล้วก็ได้
“ฉันทำให้พี่เป็นทุกข์ หรือว่าไม่มีความสุขหรือเปล่าคะ?”
“ไม่เลยสักนิด พี่ดีใจมากๆ ที่ได้รู้ว่าเรากำลังจะมีลูกด้วยกันอีกคน” ทุกอย่างอาจรวดเร็ว แต่ก็ไม่เกินที่จะตั้งรับ เพื่อจูฮยอนกับลูกๆ ยงฮวาพร้อมทุกอย่างและพร้อมทุกเมื่อเสมอ
“คราวก่อน…พี่ไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างเธอ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เห็นหรือได้ยินเสียงเลิฟลี่ร้องไห้ครั้งแรก คราวนี้…พี่มีโอกาสได้แก้ตัวแล้วล่ะ”
จูฮยอนยิ้มกว้าง ทั้งสองคนนอนจับมือจ้องมองสบสายตากันและกันเนิ่นนาน ช่วงเวลาของเราที่เคยหายไป หลังจากนี้เราต่างตั้งใจที่จะเติมเต็มคืนให้แก่กันอย่างเต็มที่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นมากลางดึกทำให้ยงฮวาต้องรีบไปแอบซ่อนตัวในห้องน้ำ ส่วนจูฮยอนรีบลุกขึ้นมาเปิดประตูรับผู้เป็นแม่ที่ตรงดิ่งมาหาด้วยความร้อนใจ
“มีอะไรหรอคะแม่?” จูฮยอนเอ่ยถาม สีหน้าของแม่ดูไม่ค่อยดี จนทำให้จูฮยอนรู้สึกหวั่นกลัวไม่น้อย
“ยงฮวาล่ะจ๊ะ เขาอยู่หรือเปล่า?”
จูฮยอนไม่กล้าพูดตอบ เอาแต่เหลียวหลังหันมองดูประตูห้องน้ำ จูอึนไม่รอช้า เป็นคนเดินมาเปิดประตูเชิญว่าที่ลูกเขยออกมาจากที่ซ่อนด้วยตัวเอง ก่อนที่จะเดินวกกลับมาส่งไดอารี่คืนให้จูฮยอนกับมือ
“มันติดไปกับหนังสือนิทาน แล้วเลิฟลี่ก็เข้าใจว่ามันเป็นนิทานด้วย หลานเห็นแล้วนะ ถามแม่ด้วยว่า…น้าจูฮยอนเคยมีน้องหรอคะ”
ยงฮวาอยู่ไม่เป็นสุข รีบเข้ามาช่วยประคองจูฮยอนที่เกือบจะทรุดลงกับพื้นเอาไว้ได้ทันเวลา
“แล้ว…แล้วแม่ตอบว่ายังไงคะ?” จูฮยอนเอ่ยถามน้ำตาริ้น
“แม่ไม่อยากโกหกหลาน ก็เลยบอกความจริงกับแกไปว่าลูกมีน้อง เลิฟลี่ดูตื่นเต้นมาก แกเอาแต่ถามว่า…น้องอยู่ที่ไหน อยากจะเจอน้องให้ได้ แม่ก็เลยบอกไปว่าวันพรุ่งนี้แม่จะพาไปเจอน้อง กว่าแม่จะกล่อมให้นอนหลับได้ แทบแย่เหมือนกัน แต่คิดว่าเลิฟลี่คงยังไม่เห็นอะไรมากหรอก เอาแต่ตื่นเต้นที่จะได้เจอน้องมากกว่า”
ฮโยยอนนอนไม่หลับ ตอนนี้มีแต่เรื่องน่าตื่นเต้นให้ลุ้นตลอดเวลา ไหนจะเรื่องของเลิฟลี่ แล้วตอนนี้จูฮยอนยังเกิดท้องขึ้นมาอีก
“จองยงฮวานี่ใช้ไม่ได้เลย ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ถ้าฉันเป็นพ่อแม่ของจูฮยอน ฉันเอาเขาตายแน่”
“อะไรคุณ ของแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะ”
จองชินโผล่ขึ้นมาจากผ้าห่ม อุตส่าห์ยอมสละห้องส่วนตัวให้นอนแล้ว แต่ฮโยยอนกลับไม่ยอมไปเข้านอน เธอมานั่งบ่นอยู่กลางห้องรับแขกทำให้เขานอนไม่ได้เลย
“ก็จริงอยู่ แต่ยังไงก็ตาม…คนของคุณก็ควรที่จะรู้จักยับยั้งชั่งใจบ้าง จะให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยไปถึงไหน”
“เลิกบ่นเรื่องของคนอื่น แล้วไปนอนเถอะคุณ ผมง่วงนอนแล้ว” จองชินมุดตัวกลับเข้ามาในผ้าห่ม แต่กลับถูกฮโยยอนดึงเอาไว้
“อย่าเพิ่งนอนสิ อยู่คุยเป็นเพื่อนกันก่อน”
“นี่มันเกือบตีสามแล้วนะครับ ผมยังมีการมีงานต้องรับผิดชอบ ไม่ได้ว่างเหมือนกับคุณถึงจะได้มีเวลามานั่งคิดแต่เรื่องของคนอื่น”
“เรื่องของคนอื่น มันไม่ใช่แค่เรื่องของคนอื่นธรรมดาๆนะ อย่ามาทำหน้าหนาบอกว่าไม่สนใจจะฟังเลย คุณน่ะก็ไม่ต่างไปจากฉันนักหรอก”
จองชินหัวเราะในลำคอ ก่อนที่จะชิงมุดกลับลงมาในผ้าห่มผืนหนา ฮโยยอนมองค้อนใส่ แกล้งจิ้มปลายนิ้วลงบนผ้าห่ม เธอหัวเราะเสียงใสถูกใจเมื่อคนในผ้ากระดุกกระดิกไปมาอย่างน่ารัก
ยงฮวาตื่นแต่เช้าเพราะเมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ ทั้งเขาและจูฮยอนต่างพากันเครียดเรื่องที่เลิฟลี่รบเร้าต้องการที่จะพบกับน้องให้ได้ แถมวันนี้เขายังจะต้องเตรียมตัวเป็นอย่างดีเพื่อพบกับพ่อของจูฮยอนด้วย ไม่แน่ใจว่าจะเจ็บหนักแค่ไหน แต่เพื่อลูกกับจูฮยอนแล้ว ยังไงเขาก็จะต้องรอดพ้นจากทุกอย่างไปให้ได้
“ครอบครัวสุขสันต์รออยู่ สู้ๆ จองยงฮวา เพื่อลูกกับเมีย ท่องเอาไว้ ยังไงนายก็ตายไม่ได้” ยงฮวามองสำรวจตัวเองในกระจก ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีวันไหนพิถีพิถันกับการแต่งตัวมากเท่ากับในวันนี้เลย แต่เพื่อจูฮยอนกับลูกแล้ว เขายอม
จูฮยอนลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้า ใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกหวาดกลัวและประหม่ากับการที่จะบอกกับเลิฟลี่ว่าตัวเองเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจว่าเลิฟลี่จะเข้าใจและยอมรับว่าเธอกับยงฮวาเป็นพ่อแม่ของแกหรือเปล่า
“น้าจูฮยอนขา… ”
พอคิดถึงลูก ลูกก็มาหาในทันที เลิฟลี่มาหาเธอด้วยชุดกระโปรงน่ารักดูสดใส จูฮยอนต้อนรับเด็กหญิงด้วยอ้อมกอด แม้ว่าหัวใจจะเต้นแรงและรู้สึกตกใจกับการได้พบกับเลิฟลี่ในครั้งนี้ แต่เธอก็บอกตัวเองว่ามันคงถึงเวลาแล้ว ไม่ว่าช้าหรือเร็ว ที่สุดแล้วเลิฟลี่ก็จะต้องรู้อยู่ดี
ยงฮวาเปิดประตูตามเข้ามาสมทบอีกคน พอเลิฟลี่ได้เห็นยงฮวาในชุดฮันบก หนูน้อยก็เอาแต่ยิ้มและเอาแต่จ้องมองเขาแทบจะไม่กะพริบตา
“วันนี้คุณลุงหล่อจังค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคนหล่อขอกอดเลิฟลี่หนึ่งทีได้ไหมคะ?”
เด็กหญิงยอมให้ยงฮวากอด จูฮยอนมองภาพนั้นแล้วทำให้รู้สึกหายเครียดลงไปได้มากพอสมควร
“เมื่อคืน…หนูเห็นรูปของน้าจูฮยอนด้วยค่ะ คุณยายบอกว่าน้าจูฮยอนเคยมีน้อง หนูอยากเห็นน้องจังเลยค่ะ ตอนนี้…น้องอยู่ที่ไหนหรอคะ?”
จูฮยอนสบตากับยงฮวาครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจหยิบไดอารี่ต้นเหตุของเรื่องออกมาเปิดทีละหน้าให้เลิฟลี่ได้ดูมันชัดๆอีกครั้ง ซึ่งอันที่จริงเลิฟลี่ก็ได้เห็นมันหมดทุกหน้าแล้ว รวมไปถึงเห็นว่ามีรูปของตัวเองอยู่ในนั้นด้วย
“น้องในท้องที่หนูเห็นก็คือ…คือหนูตอนที่ยังอยู่ในท้องของน้า” เสียงของจูฮยอนสั่นเครือ จนยงฮวาต้องรีบขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับวางมือลงบนไหล่ของเธอเพื่อประสานหัวใจเป็นหนึ่งเดียว
“หนูหรอคะ? เด็กที่อยู่ในท้องของน้าคือหนูหรอคะ?” เลิฟลี่เอ่ยถามตาใส เด็กน้อยรู้สึกมึนงงและไม่เข้าใจ ว่าสรุปแล้วตัวเองมีพ่อแม่กี่คนกันแน่
“น้าจูฮยอน…เป็นแม่แท้ๆของเลิฟลี่ แล้วเลิฟลี่ก็เป็น…ลูกสาวแท้ๆของพ่อด้วย” ยงฮวาช่วยอธิบายต่อ แม้ทุกอย่างจะยาก แต่เราก็ต้องเสี่ยง
“พ่อหรอคะ? ไม่ใช่คุณลุงหรอคะ?”
“ไม่ใช่ลุง แต่เป็นพ่อ…เป็นพ่อแท้ๆ ของหนู” ฝ่ามือที่แสนอบอุ่นเอื้อมออกมาหมายจะลูบหัวหนูน้อยด้วยความรักของพ่อที่มีต่อลูก หากแต่เลิฟลี่กลับขยับตัวถอยหนี
หนูน้อยเอาแต่ยืนก้มหน้าดูรูปภาพในไดอารี่ แน่นอนว่าเลิฟลี่อ่านออก แม้บางคำจะไม่เข้าใจในความหมายของมันก็ตามที
“แล้วคุณแม่ทิฟฟานี่กับคุณพ่อนิชคุณล่ะคะ? คนเรา…มีพ่อแม่อย่างละสองคนได้หรอคะ?”
มันไม่ใช่อย่างละสองคนหรอก คนเรามีพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดได้เพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น
“หนูอยากพบคุณแม่ทิฟฟานี่กับคุณพ่อนิชคุณค่ะ เมื่อไหร่คุณแม่กับคุณพ่อจะมาหาหนูสักที”
เลิฟลี่ส่งไดอารี่กลับคืนให้ก่อนที่จะเดินหนี แต่กลับถูกจูฮยอนดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้แน่น
“แม่ไม่ได้ต้องการที่จะเร่งรัดหรือทำให้หนูต้องอึดอัดหรือสับสน แต่เราสองคนก็แค่อยากให้ลูกได้รู้…ว่าลูกเป็นลูกสาวที่เกิดจากเราทั้งสองคน”
เลิฟลี่แหงนหน้าขึ้นมามองสบสายตากับคนที่เคยคิดว่าเป็นน้าผู้แสนดี สลับกับหันไปมองดูคุณลุงที่มักจะมาสร้างเสียงหัวเราะ ทำให้อบอุ่นและมีความสุขอยู่เสมอ
เมื่อลูกสาวดิ้นรนและไม่ต้องการอยู่ในอ้อมกอดของเธอ จูฮยอนจึงจำต้องปล่อยเลิฟลี่ให้เป็นอิสระ ทั้งสองคนน้ำตาร่วงกราวเมื่อลูกสาวเดินพ้นออกไปจากห้อง โดยไม่หันมามองดูเราทั้งสองคนอีก
เลิฟลี่ออกมาอ้อนขอให้คุณยายช่วยต่อโทรศัพท์หาพ่อกับแม่ให้ จูอึนไม่รู้จะทำยังไง สงสารลูกก็สงสาร แต่ก็สงสารหลานสาวมากด้วยเหมือนกัน เรื่องบางเรื่องก็ซับซ้อนเกินกว่าที่เด็กจะเข้าใจ หรือบางทีเลิฟลี่อาจจะเข้าใจ แต่อาจจะยังรับกับความจริงไม่ได้ก็เท่านั้น
นิชคุณสะดุ้งตื่นเมื่อมีคนโทรเข้ามาหา เขาพาทิฟฟานี่มาตรวจร่างกายหลังจากที่เธอวูบหลับในระหว่างขับรถสืบเนื่องมาจากร่างกายอ่อนเพลียมาก ผลจากการตรวจในครั้งนี้เราสองคนได้รับข่าวน่ายินดีก็คือทิฟฟานี่กำลังตั้งท้อง และตอนนี้ทิฟฟานี่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องพักผ่อนให้มากๆ
“ฮัลโหล…สวัสดีครับ”
“….” ได้ยินเสียงลูกสาวร้องไห้เรียกหา แล้วก็เอาแต่ถามซ้ำๆ ว่าตัวเองเป็นลูกของใครกันแน่ นั่นทำให้นิชคุณถึงกับต้องกลั้นน้ำตา
“ถึงพ่อจะไม่ใช่พ่อแท้ๆของลูก แต่พ่อก็ยังรักลูกเหมือนเดิม”
….
ยงฮวากับจูฮยอนเห็นเลิฟลี่คุยโทรศัพท์ไปก็เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เรียกให้นิชคุณกับทิฟฟานี่มาหาหรือไม่ก็มารับตนกลับไปอยู่ด้วย เสียงคร่ำครวญปริ่มจะขาดใจนั่นทำให้ทั้งสองคนรู้สึกปวดร้าว ทำได้แต่นั่งมองหน้ากันไปมาแล้วก็ช่วยให้กำลังใจกันเอง
ทิฟฟานี่ได้ยินเสียงนิชคุณคุยกับเลิฟลี่ก็ถึงกับน้ำตาไหลพราก ต้องการจะไปรับเลิฟลี่กลับมาให้ได้ ทว่าแม้แต่จะลุกขึ้นก็ยังลุกขึ้นไม่ไหว
“รีบไปรับลูกกลับมาสิคะ จะปล่อยให้ลูกร้องไห้ไปถึงไหน”
นิชคุณกดตัดสาย เราสองคนไม่อยากทำแบบนี้ แต่เพราะรู้ดีว่าที่ผ่านมาจูฮยอนเองก็ทรมานและเจ็บปวดมามากด้วยเหมือนกัน
เลิฟลี่ไม่ใช่เด็กกำพร้า แต่แกมีพ่อแม่ที่พร้อมจะมอบความรักและเติมเต็มความอบอุ่นให้มากกว่าที่เราสองคนเคยมอบให้ การตัดใจปล่อยเลิฟลี่คืนให้กับพ่อแม่ที่แท้จริง นั่นเป็นทางออกที่ดีมากที่สุดแล้ว
“ที่รัก…ผมตัดสินใจ…ว่าจะคืนเลิฟลี่ให้ยงฮวากับจูฮยอน คุณพ่อของจูฮยอนท่านมาขอด้วยตัวเอง ท่านคุกเข่าให้ผมด้วย ขอร้องให้คืนหลานสาวให้ท่านไป คุณคิดว่า เรายังสมควรที่จะรั้นเอาลูกของคนอื่นมาเป็นลูกของตัวเองได้อีกอย่างนั้นหรอ? ความจริงแล้ว…เราเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก”
“แต่เลิฟลี่อยากมีน้องนะคะ แกบอกกับฉัน…ว่าแกอยากมีน้อง มันไม่ใช่ว่าพอเรามีลูกของเรา แล้วเราต้องทิ้งแก เลิฟลี่จะต้องดีใจมากแน่ๆ ถ้ารู้ว่าตัวเองกำลังจะได้มีน้อง” ทิฟฟานี่ร้องไห้โฮ ใจนั้นอยากฝืนสังขารไปรับเลิฟลี่กลับมา แต่กลับไม่มีปัญญาลุกออกจากที่นอน อีกทั้งนิชคุณก็ไม่ยอมด้วย เขาใจแข็งมาก เอาแต่ยืนกรานบอกให้ทิฟฟานี่พักผ่อน ยังไม่ต้องคิดถึงเรื่องอะไรเลยทั้งนั้น
เลิฟลี่ร้องไห้จนนอนหลับ จูอึนคอยเฝ้าดูแลหลานอย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใย ขณะที่ยงฮวากับจูฮยอนต้องออกมาต้อนรับซอซอนมินที่เพิ่งเดินทางมาถึง
จูอึนรายงานเรื่องทุกอย่างให้อดีตสามีได้รู้เป็นระยะๆ ตอนนี้เรื่องความรู้สึกของเลิฟลี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเปราะบาง เราทำได้อย่างดีที่สุดก็คือคอยดูแลหลานไม่ให้คลาดสายตา
ว่าที่ลูกเขยออกมาต้อนรับคุณพ่อตาด้วยชุดฮันบกเต็มยศ แม้อาจดูโอเวอร์เกินไปหน่อย แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ถึงความใส่ใจ อย่างน้อยๆยงฮวาก็คิดมาดีแล้ว ว่าเขาควรทำตัวยังไง สีหน้าสีตา มารยาทก็ดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ ซอซอนมินไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใบหน้าหรือริมฝีปากที่ชอบพูดจาหาเรื่องของยงฮวาเลย ก่อนหน้าตนก็พอที่จะทำใจรับเขาได้แล้วส่วนหนึ่ง แต่พอรู้ข่าวเรื่องจูฮยอนกำลังตั้งท้องก็ทำให้ตนหัวเสียมากเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นสถานการณ์มันก็เปลี่ยนได้เรื่อยๆ ตอนนี้ซอซอนมินไม่ขออะไรมาก แค่ขอให้ลูกกับหลานมีชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว
ยงฮวาเตรียมเค้กข้าวกับชาเห็ดหลินจือมารับรองคุณพ่อตา เค้กข้าวที่เตรียมมามีส่วนผสมของกลีบดอกไม้ ดูสวยงามและปราณีตมากกว่าเค้กข้าวทั่วไป เค้กข้าวหมายถึงความห่วงใย ความโอบอ้อมอารีและสายสัมพันธ์เหนียวแน่นที่ยากจะตัดขาดออกจากกันได้ เหมือนจูฮยอนกับพ่อและแม่ของเธอรวมไปถึงเลิฟลี่ด้วย
ยงฮวาเองไม่หวังอะไรมากมาย ในชีวิตที่เหลือต่อจากนี้เขาแค่อยากดูแลจูฮยอนกับลูก รวมไปถึงดูแลพ่อและแม่ของคนที่เขารักด้วยก็เท่านั้น
ว่าที่ลูกเขยตักเค้กข้าวใส่จานให้กับทั้งเขาและจูฮยอน อีกทั้งยังช่วยรินน้ำชาให้อีกด้วย
ซอซอนมินยอมชิมขนมที่ยงฮวาส่งให้ สายตาของคุณพ่อกว้างไกล เหลือบมองเห็นแหวนเพชรเม็ดโตบนนิ้วมือของลูกสาวส่องประกายแวววาว
“จูฮยอนโตแล้ว เธอสองคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ที่ผ่านมาอาจมีหลายเรื่องที่ผิดพลาดและไม่เข้าท่าเข้าทางเพราะอาจจะขาดผู้ใหญ่คอยชี้นำ หลังจากนี้…พ่อหวังว่า…ทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางเสียที”
แม้จะดีใจ แต่ยงฮวากลับยิ้มไม่ออก เหตุก็เพราะว่ายังคงเป็นห่วงกังวลในเรื่องความรู้สึกของเลิฟลี่ จูฮยอนเองก็เช่นเดียวกัน
“ผมต้องกราบขอโทษ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา”
“ฉันจะยกโทษให้ ก็ต่อเมื่อ…เลิฟลี่หยุดร้องไห้ได้แล้วก็เท่านั้น”
มันเป็นเรื่องยากมากที่สุดในตอนนี้แล้ว แต่มันคือสิ่งที่ยงฮวากับจูฮยอนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะต่อให้พ่อไม่พูด เราสองคนก็จะต้องช่วยกันแก้ปัญหาอยู่ดี
“พาจูฮยอนไปหาหมอฝากท้องให้เรียบร้อย ไหนๆก็จะเป็นข่าวใหญ่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็เลือกโรงพยาบาลดีดีหน่อยก็แล้วกันนะ”
“ครับ คุณพ่อ” ยงฮวารู้สึกผิดไม่น้อย ที่อาจจะทำให้เรื่องของตนดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง แต่ในเมื่อคุณพ่อตารับได้และยินดีสนับสนุนเราสองคน เพราะฉะนั้นเขาก็จะทำทุกอย่างที่ควรทำอย่างดีที่สุด
“แต่ถึงยังไง ก็ควรทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ถ้าจะรีบแต่งงานคงฉุกละหุก แต่ถ้าปล่อยให้ลูกคลอดออกมาก่อน คงไม่งาม”
“ผมยินดีที่จะทำทุกอย่าง ตามที่คุณพ่อต้องการอย่างไม่มีข้อแม้เลยครับ ขอบคุณมากจริงๆ ที่ให้ความเมตตากรุณาและไม่ถือสาในการกระทำที่ผ่านมาของผมเลย”
แค่ยงฮวารับปากรับคำอย่างหนักแน่น ว่าจะทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด เพียงเท่านั้นซอซอนมินก็พอใจมากแล้ว ในวันที่หลานคนที่สองคลอดออกมา ในวันนั้นเขาคงจะต้องมีความสุขเพิ่มมากขึ้นอีกอย่างแน่นอน
“ฉันมีลูกสาวแค่คนเดียว จูฮยอนเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวที่ฉันมี ฉันหวังว่า…เธอจะดูแลลูกและหลานๆของฉันเป็นอย่างดี”
“ผมไม่สัญญาว่าในอนาคตจูฮยอนจะไม่ร้องไห้เพราะผม ถึงเธอจะต้องร้องไห้ มันก็จะต้องเป็นเพราะว่าเราสองคนยังรักกันดีอยู่…ผมสัญญาว่าจะเป็นสามีที่ดี และเป็นพ่อที่ดีให้กับลูกๆของผม รวมไปถึงผมจะเป็นลูกชายที่ดีของคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยครับ ในอนาคตถ้าลูกชายคนนี้ทำผิดพลาดหรือทำอะไรที่ไม่ดี ขอให้คุณพ่อกับคุณแม่สั่งสอนผมได้เลย”
“อย่าเอาแต่พูดดี จะต้องทำให้ดีด้วย คนเรามันผิดพลาดได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ถ้าผิดซ้ำซาก ไม่รู้จักปรับปรุงตัวหรือแก้ไข…ก็จะไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สาม” คุณพ่อแอบจิกกัดลูกเขย อย่างน้อยยงฮวาควรที่จะได้รู้ว่า ตนก็ไม่ได้พอใจหรือยินดีในเรื่องที่จูฮยอนตั้งท้องก่อนแต่งงาน แต่หากจะตำหนิยงฮวาก็จะต้องตำหนิจูฮยอนด้วยที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ถ้าไม่สนใจว่าที่ผ่านมาพวกเขาสองคนช้ำกันมามากแค่ไหน คนอย่างซอซอนมินคงไม่มีวันยอมง่ายๆแบบนี้
ยงฮวากับจูฮยอนก้มหัวน้อมยอมรับความผิด เรื่องทุกอย่างราบรื่นมากกว่าที่คิด แต่ถึงกระนั้นทั้งยงฮวาและจูฮยอนกลับยังเต็มไปด้วยความทุกข์ และซอซอนมินก็เข้าใจพวกเขาทั้งสองคนเป็นอย่างดี คนเป็นพ่อแม่ ไม่มีเรื่องไหนจะทำให้เครียดและกลุ้มใจได้เท่ากับเรื่องของลูกตัวเองอีกแล้ว
“เรื่องของเลิฟลี่อาจต้องใช้เวลา อย่างน้อยๆ เราก็ได้พูดได้บอกในสิ่งที่ควรจะต้องพูดไปแล้ว ไม่ช้าก็เร็ว…ทุกอย่างก็จะผ่านไปเอง อย่ามัวแต่คิดมากจนไม่มีกะจิตกะใจสนใจเรื่องอื่นๆ จูฮยอนเองก็กำลังท้องกำลังไส้ เครียดมากๆ มันไม่ดี หลังจากนี้จะต้องช่วยดูแลกันเองแล้วนะ พ่อกับแม่แก่แล้ว คงอยู่ช่วยแก้ปัญหาให้ตลอดไปไม่ได้ จะผิดจะถูกก็ต้องช่วยกันคิดช่วยกันแก้เอง”
อยู่ดีดีน้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ จูฮยอนกับยงฮวาพยายามที่จะกลั้นเอาไว้ แต่สุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมาอยู่ดี
“ขอบคุณนะคะพ่อ”
ซอซอนมินตีมือลูกสาวเบาๆ ตนแก่แล้วคงมีโอกาสอยู่บ่นอยู่ว่าจูฮยอนได้อีกไม่นาน ถึงจะมีหลายเรื่องที่ทำให้ผิดหวังหรือไม่ได้อย่างใจไปบ้าง แต่อย่างน้อยจูฮยอนก็เป็นลูกสาวที่ตนรักและภาคภูมิใจ
“โบราณว่าไว้…เลือกสามีผิดคิดจนตัวตาย เพราะฉะนั้นถ้าสุดท้ายแล้วชีวิตรักมันห่วยมาก ก็ไม่ต้องอดทนหรอกนะลูก ทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วมันดีมันมีความสุข แค่นี้แหละที่พ่ออยากจะบอก”
“….” ยงฮวานั่งกะพริบตาปริบๆ สรุปแล้วคุณพ่อตาเต็มใจรับตนเป็นลูกเขยจริงหรือเปล่า?
“ยังไงก็ไม่มีทางเข้าขั้นห่วยแน่ๆครับคุณพ่อ ผมอาจไม่ได้เป็นคนที่ดีที่สุดในสายตาของคุณพ่อ แต่ผมรักและจริงใจกับลูกสาวของคุณพ่อจริงๆนะครับ ผมตั้งใจจะเป็นพ่อที่ดีให้กับลูกๆของผมด้วยนะครับ”
“ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน ฉันก็แค่พูดเผื่อไว้ อย่าร้อนตัวนักเลยน่ะ”
“….” ยงฮวาอ้าปากเตรียมจะเถียงกลับว่าตนนั้นไม่ได้ร้อนตัว แต่กลับถูกจูฮยอนสะกิดห้ามเอาไว้ จากนั้นเขาก็เลยใจเย็นลง
“ขอบคุณ…สำหรับคำชี้แนะนะครับคุณพ่อ ผมจะจดจำเอาไว้ ผมให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องผิดหวังเลย”
เรื่องของพ่อจบลงด้วยดี อันที่จริงแล้วจูอึนอยากร่วมวงด้วย แต่ติดที่ต้องคอยเฝ้าดูหลานสาว เพราะฉะนั้นคราวนี้เธอเลยต้องทำใจยอมปล่อยยงฮวาไปก่อนชั่วคราว เรื่องน่ากลุ้มใจผ่านพ้นไปอีกหนึ่งเรื่อง เหลือก็แต่เรื่องของเลิฟลี่กับเรื่องงานแต่งงาน
มินฮยอกให้ซูจองซึ่งตอนนี้รับหน้าที่เป็นเลขานุการฝึกหัดช่วยจดบันทึกว่างานวันเกิดและงานแต่งงานจำเป็นจะต้องทำอะไรหรือจัดเตรียมอะไรบ้าง ในวันศุกร์ที่กำลังจะถึงนี้ ยงฮวากับจูฮยอนตั้งใจจะจัดงานวันเกิดให้กับเลิฟลี่ อยากให้งานออกมาดีและทำให้เลิฟลี่มีความสุข
สำหรับงานแต่งงานยงฮวากับจูฮยอนมีหน้าที่หลักก็คือเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว เรื่องงานเรื่องพิธีการต่างๆ หรือของที่ต้องจัดเตรียมทั้งหมดตกเป็นหน้าที่ของมินฮยอก ฮโยยอนและจองชิน ซึ่งทุกคนมีความยินดีที่จะช่วยจัดเตรียมทุกอย่างด้วยความเต็มใจ งานหลักๆสองคนพี่น้องจะช่วยจัดการให้เองทั้งหมด ส่วนหน้าที่ของจองชินก็คือช่วยจัดการเรื่องสถานที่
“อ้อ…เรื่องชุดแต่งงาน ของชำร่วยแล้วก็การ์ดเชิญ พี่ฮโยยอนกับ…ซูจองพอจะช่วยกันได้ไหมครับ?”
ฮโยยอนกับซูจองหันรีหันขวาง ในส่วนของงานวันเกิดเป็นอะไรที่ง่ายมาก แต่สำหรับงานแต่งงานค่อนข้างยากและไกลตัวพวกเราทุกคนมากพอสมควร
“พี่ไม่เคยแต่งงาน พวกเราในที่นี้…มีใครเคยแต่งงาน หรือมีประสบการณ์ช่วยจัดงานแต่งงานมาแล้วบ้าง?”
“….” ทุกคนนิ่งเงียบ ในสมุดจดของซูจองมีพื้นที่ว่างเต็มไปหมด เพราะว่าเธอไม่รู้เลยว่าจะเริ่มจากที่ตรงไหน มินฮยอกเอาแต่สั่งๆ ไม่ถามเลยด้วยซ้ำว่าเธอรู้อะไรบ้างหรือเปล่า
“ถ้าพวกคุณไม่ว่าอะไร ฉันคิดว่า…ฉันน่าจะพอช่วยได้นะคะ” ซึงยอนซึ่งก่อนหน้าแอบจับตามองดูพวกเขาอยู่นาน เมื่อได้ทีจึงเสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือ เธอเคยแต่งงานมาก่อน ในตอนนั้นเธอกับจงฮยอนช่วยกันเสนอความคิดและลงมือเตรียมงานด้วยตัวเอง ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นยังไงแต่จูฮยอนกับยงฮวาเป็นคนดี ถ้าสามารถช่วยพวกเขาได้ ซึงยอนยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
“อ่า…จริงด้วย ซึงยอนเลยครับ เธอคือผู้มีประสบการณ์ ลืมได้ยังไงกันเนี่ย?”
ฮโยยอนถอนหายใจเสียงดัง อีกทั้งยังมองค้อนใส่จองชินด้วย เธอรู้สึกหมั่นไส้ ที่อะไรๆสำหรับลีจองชินมักจะมีแต่ฮันซึงยอนตลอด
เลิฟลี่ร้องไห้หาทิฟฟานี่กับนิชคุณจนไข้ขึ้น จูฮยอนกับยงฮวาเป็นห่วงลูกสาว พยายามเข้ามาช่วยดูแลและพยายามที่จะพูดด้วย แต่เวลานี้เด็กน้อยมีแต่ที่จะต่อต้าน
“ออกไปก่อนเถอะจ๊ะ แม่จะดูหลานให้เอง เดี๋ยวให้กินข้าว กินยาลดไข้ดูก่อน ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยพาไปหาหมอก็แล้วกัน” จูอึนเป็นคนเดียวที่เลิฟลี่ยอมให้เข้าใกล้ จูฮยอนกับยงฮวาเสียใจที่ตอนนี้ตัวเองกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเลิฟลี่ไปแล้ว
“ต้องให้เวลาหลานหน่อย ของแบบนี้ต้องค่อยๆปรับตัว พาจูฮยอนไปกินข้าวก่อน อย่ามัวแต่ห่วงหรือใส่ใจอยู่แค่เพียงคนเดียว ในท้องของเราก็ด้วย ถ้ามีเวลาก็รีบไปตรวจเสียให้แน่ใจ”
“ผมจะดูแลจูฮยอนเองครับคุณพ่อ ถ้าจูฮยอนดื้อ ผมจะขอให้คุณพ่อกับคุณแม่ช่วยจัดการ” ยงฮวาแอบข่มขู่ไปในตัว ตั้งแต่เช้ามาจูฮยอนแทบจะไม่แตะไม่กินอะไรเลย เขาเองก็เป็นห่วงเธอมากด้วยเหมือนกัน
“พาเลิฟลี่ไปหาหมอด้วยเลยน่าจะดีกว่านะคะ”
“ลูกคงไม่ยอมไปพร้อมกับเราในตอนนี้หรอก” ยงฮวาหยุดความต้องการของจูฮยอนด้วยการเอาความจริงเข้าสู้ เลิฟลี่ไม่พูดกับเราด้วยซ้ำ ยงฮวาเองก็เสียใจมากเหมือนกันที่หลังจากได้รู้ความจริงแล้วทำให้เด็กที่เคยร่าเริงสดใสเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
ยงฮวาพาจูฮยอนมาตรวจที่โรงพยาบาลในตัวเมือง เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีหลังจากนั้น ข่าวการตั้งท้องของจูฮยอนก็ไปถึงหูพวกนักข่าว ไม่เว้นแม้แต่นิชคุณกับทิฟฟานี่ที่กำลังเดินทางออกจากโรงพยาบาลก็ยังรู้ข่าวนี้ด้วย
เราสองคนตั้งท้องในเวลาไล่เลี่ยกันอีกแล้ว มันเป็นเรื่องน่ายินดี แต่เวลานี้ทิฟฟานี่ไม่มีหน้าจะไปหาหรือไปพบพูดคุยกับจูฮยอนได้อีก เพราะว่าแม่ของเธอทำกับจูฮยอนและแม่เอาไว้มากเกินไป
หากแต่ในทันทีที่คิดถึงแม่…ทิฟฟานี่ก็คิดถึงแม่ของเธอขึ้นมาในทันที เธอไม่ได้ไปหาท่านตามสัญญา เห็นทีว่าแม่จะต้องหิวมากแน่ๆ
ผลการตรวจไม่ต่างอะไรกับที่คาดเอาไว้ ยงฮวาดีใจและรู้สึกโล่งใจที่ตนกำลังจะได้มีลูกอีกคน คุณพ่อขี้เห่อถามหมอว่าลูกของเขาเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย แต่สุดท้ายยงฮวาก็ต้องกลับมาลุ้นเองเพราะตอนนี้เด็กในท้องยังเล็กเกินกว่าที่จะสามารถระบุเพศได้
ได้เห็นสีหน้าสดใสของยงฮวาแล้ว จูฮยอนก็พอที่จะยิ้มได้บ้าง คุณพ่อพูดถูกว่าเธอไม่ได้มีแค่เลิฟลี่คนเดียว แต่ตอนนี้เธอต้องดูแลน้องของเลิฟลี่อีกคนด้วย
“เลิฟลี่จะดีใจไหมคะ ถ้าได้รู้ว่าแกกำลังจะมีน้องอีกคน”
“ต้องดีใจสิ แกเคยบอกพี่ด้วยนะว่าอยากมีน้อง แถมยังเคยถามถึงชินบีอยู่บ่อยๆด้วย ที่ผ่านมาถึงจะร่าเริงยังไงก็คงมีเหงาๆอยู่บ้างแหละ ถ้ามีน้องก็จะได้ไม่เหงาไง”
ทั้งยงฮวากับจูฮยอนเป็นลูกคนเดียวด้วยกันทั้งคู่ พวกเขาสองคนจึงเข้าใจในเรื่องของความรู้สึกเหงาได้เป็นอย่างดี
“ทุกอย่างต้องใช้เวลาเหมือนกับที่คุณพ่อบอก ต้องขอบคุณเลิฟลี่ที่ทำให้พี่ได้รับความเอ็นดูจากคุณพ่อด้วยนะ เพราะถ้าไม่มีเรื่องของเลิฟลี่ล่ะก็ พี่จะต้องตายแน่ๆ คุณแม่เองก็ฮึ่มๆใส่พี่ไม่น้อย แต่เพราะตอนนี้ต้องยุ่งกับการดูแลหลาน พี่ก็เลยรอดตัวชั่วคราว”
จูฮยอนมองหน้ายงฮวาแล้วอมยิ้ม เป็นทุกข์ด้วยกันสองคน ดีกว่าเป็นทุกข์แค่คนเดียว อย่างน้อยๆ ก็ยังพอมีช่วงเวลาให้ยิ้มออกได้บ้าง ในอดีตเธอเหมือนมีแค่ตัวคนเดียว แต่ตอนนี้เธอมียงฮวา มีคุณพ่อคุณแม่แล้วยังมีเพื่อนดีดีอีกหลายคนอยู่เคียงข้าง และทุกคนก็ช่วยให้กำลังใจเราสองคนเสมอ
“ฉันหวังว่า…เลิฟลี่จะยอมรับเราสองคนได้โดยเร็ว ยังไงก็ตาม…ฉันจะอดทนแล้วก็คอยดูแลตัวเองอย่างดีด้วยค่ะ”
ยงฮวายื่นมือมาเกาะกุมมือของจูฮยอนเอาไว้ เราสองคนกำลังก้าวเดินไปด้วยกันอย่างช้าๆ หวังว่าปัญหาทุกอย่างที่มีจะผ่านพ้นไปโดยเร็ว เขาเองก็จะอดทน เพื่อจูฮยอนกับลูกๆ อดทนเพื่ออนาคตของเรา
**********************100%********************
ประกาศจ้า
ไรเตอร์เปิดเรื่องใหม่แล้วนะคะ ตามไปจับจองพื้นที่กันได้เลย ยงซอเหมือนเดิม
(ขอฝากเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะทุกคน)
Three Hearts Lovers
http://writer.dek-d.com/angleinblue/writer/view.php?id=1436798อย่าลืมคอมเม้นท์ให้กันนะคะ
ขอบคุณทุกคนค่ะ จุ๊บๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนเลิฟลี่นืาสงสารอ่าคงยังทำใจไม่ได้
ฮโยนี่หึงชินแล้วป่ะคะ
คู่นี้นี่ชักยังไงๆล่ะ
ปล.ไรเตอร์สู้ๆคะ
และคงสับสนในใจด้วย
พ่อตาแม่ยายอุตส่าห์ไม่เอาเรื่องละนะ
ยังไงสายใยของพ่อแม่ลูกก็แข็งแรงที่สุด^_^
สงสารเด็กน้อยจัง คงต้องให้เวลาทำความเข้าใจหน่อยนะ
เหลือก้อแต่แม่ยายที่ยังฮึ่ม ๆ อยู่แต่ก้อไม่ถนัดนัก
เพราะต้องดูแลเลิฟลี่ที่ยังรับไม่ได้กับความจริงที่ได้รู้
หวังว่าเลิฟลี่ก้อเข้าใจโดยเร็วแล้วก้อจะมีน้องถึงสองคนเลยทีเดียว
ส่วนทางด้านแม่ของฟานี่อยู่ใกล้ครอบครัวยงด้วยสิหวังว่าจะไม่ก่อเรื่องอีกนะ....