ตอนที่ 27 : Lost in Love Chapter 26 ความลับรั่วไหล [100%]

Lost in Love Chapter 26
ความลับรั่วไหล
ในระหว่างเฝ้ารอและคอยดูต้นทางให้เลิฟลี่สามารถเข้าเยี่ยมยงฮวาได้อย่างสะดวก มินฮยอกตัดสินใจเดินย้อนกลับมาที่ห้องของจูฮยอนเพื่อมาดูต้นทาง ตนนั้นอยากรู้แค่ว่าทำไมฮโยยอนถึงไม่ยอมตามลงไปกินข้าว พอมาหยุดอยู่หน้าห้อง ถึงได้เห็นว่าพี่สาวกับจูฮยอนกำลังร้องห่มร้องไห้กันอยู่ยกใหญ่ โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ถึงสาเหตุ
“เลิกร้องเถอะ ถ้าเลิฟลี่กลับมาเห็นเข้า แกคงจะต้องตกใจมากแน่ๆ พี่เข้าใจเธอทุกอย่าง เข้าใจดีด้วยว่าที่ผ่านมาเธอทรมานมากแค่ไหน…เลิฟลี่เป็นเด็กน่ารัก พี่เชื่อว่า…สักวันแกคงเข้าใจ ว่าแม่ของแก รักแล้วก็เป็นห่วงแกมากแค่ไหน”
“สัญญากับฉันนะคะ ว่าพี่จะไม่บอกใคร”
ฮโยยอนยกมือขึ้นสาบาน เธอรู้ดีว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมากแค่ไหน
“พี่สาบานเลยว่าจะไม่พูด จะไม่บอกใครเลยสักคนว่าเลิฟลี่…เป็นลูกสาวของเธอกับยงฮวา ถ้าพี่พูด…ขอให้พี่ขึ้นคาน หาสามีไม่ได้ไปตลอดทั้งชีวิต จีบผู้ชายไม่ติด เปิดโรงเรียนสอนเต้นไม่ได้ด้วย”
…!!
มินฮยอกตกใจเป็นอย่างมาก เอาแต่เดินก้าวหน้าถอยหลังอยู่พักใหญ่ พยายามที่จะรวบรวมสติที่มี อีกทั้งยังคิดทบทวนอีกนับเป็นสิบๆครั้ง ว่าเมื่อครู่นี้เรื่องที่ตนได้ยินคือเรื่องอะไร
หูของเขาไม่ได้ฝาดแน่ พี่สาวของเขาพูดชัดถ้อยชัดคำเลยว่าเลิฟลี่เป็นลูกสาวของจูฮยอนกับยงฮวา ตอนนี้แขนขาของมินฮยอกอ่อนยวบยาบไปหมดแล้ว
ที่ผ่านมาแค่มองด้วยสายตา ยังรู้สึกได้ว่าพวกเขาสามคนเหมือนกับพ่อแม่ลูก เมื่อ 7 ปีที่แล้วพวกเขาสองคนเลิกกัน แล้ว 7 ปีหลังจากนั้นก็มีเด็กผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง และที่ผ่านมาจูฮยอนก็แสดงออกว่ารักและเป็นห่วงเด็กคนนี้อย่างมากมาย
“คุณลุงขา เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
…!
มินฮยอกสะดุ้งตกใจ เมื่อจู่ๆก็ได้พบคู่พ่อลูกอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ยงฮวารับอาสาพาเลิฟลี่ออกมาส่ง ยิ่งได้จ้องมองดูพวกเขาทั้งสองคน มินฮยอกก็ยิ่งแน่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองได้ยินเมื่อครู่นี้ ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปแน่ๆ
ซออึนฮีอยู่ไม่เป็นสุข เหตุก็เพราะว่าหวาดระแวงจากเรื่องที่จูฮยอนแจ้งความซ้อน ซ้ำร้ายหนักไปกว่านั้นก็คือตอนนี้ทางตำรวจปล่อยตัวปาร์คชินเฮออกมาแล้วด้วย
ปาร์คชินเฮมาหาเธอที่มหาวิทยาลัย แล้วก็ลืมแว่นกันแดดอันนั้นเอาไว้ ตอนแรกซออึนฮีตั้งใจว่าจะคืนให้ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้คืน จนมันกลายมาเป็นหลักฐานช่วยเบี่ยงเบนตัวคนร้ายตัวจริงในครั้งนี้
ทิฟฟานี่มาหาแม่ของเธอที่บ้าน เธอรู้ว่าแม่คงหัวเสียไม่น้อยเพราะเธอชิงลงข่าวปาร์คชินเฮกับลีจงซอกในช่วงเวลาที่แม่ต้องการให้ปาร์คชินเฮตกเป็นจำเลยของสังคมข้อหาหึงหวงหน้ามืดจนเป็นเหตุทำให้ต้องจ้างคนไปทำร้ายอดีตสามีกับผู้หญิงของเขาซึ่งก็คือจูฮยอน
พอความจริงที่เผยออกมาย้อนแย้งกันเอง คนที่เสียประโยชน์มากที่สุดก็คือแม่ของเธอในที่สุด จูฮยอนแจ้งความแล้ว แถมเธอยังมีหลักฐานเพิ่มเติมด้วย แม้จะรู้สึกไม่สู้ดีเพราะใจหนึ่งกลัวว่าแม่ของตัวเองจะถูกจับ แต่อีกใจหนึ่งทิฟฟานี่กลับรู้สึกตรงกันข้าม
“มาแล้วหรอ แกทำบ้าอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม อยากให้ฉันพังหรือไง ถึงได้ปล่อยข่าวนั่นออกมา!?”
“หนูรู้สึกแปลกๆ นับตั้งแต่รูปของจูฮยอนหลุดแล้วล่ะค่ะ เลขาของหนูเป็นคนส่งรูปพวกนั้นให้แม่ หลังจากนั้น…หนูก็เลยระมัดระวังตัวเองมากเป็นพิเศษ”
“…!”
ถึงคนอื่นหรือแม้แต่แม่ของตัวเองจะคิดว่าเธอเป็นคนไม่ละเอียดรอบคอบ ความจำสั้นเหมือนกับปลาทอง แต่ความจริงแล้วสำหรับในบางเรื่อง ทิฟฟานี่แค่ตั้งใจจะไม่จดจำมันเอาไว้เองก็เท่านั้น เรื่องไหนที่เธอตั้งใจจะจดจำ เธอไม่มีวันที่จะลืมมันอย่างแน่นอน
“เลขาของหนูไม่รู้ แล้วจากนี้ก็คงจะไม่มีทางได้รู้อะไรอีกแล้ว แม่ทำแบบนั้นทำไมคะ หนูเคยบอกแล้ว…ว่าหนูไม่ต้องการอะไรเลย หนูมีความสุขดีกับสิ่งที่หนูเลือกเอง”
“แกคิดว่า…ฉันลงทุนไปตั้งมากมายนี่คือเพื่อแกงั้นหรอ เปล่าเลย…ฉันทำเพื่อตัวของฉันเองต่างหาก”
ทิฟฟานี่มองหน้าแม่ของตัวเองพร้อมกับกลั้นน้ำตา ในอดีตพ่อกับแม่ต้องเลิกกันก็เพราะว่าแม่เป็นคนไล่พ่อออกจากบ้าน แม่ไม่เคยรักใครมากไปกว่าที่รักตัวเอง เห็นจูฮยอนเรียนเก่งก็มาเคี่ยวเข็ญบีบบังคับเธอสารพัด พอไม่ได้ตามที่ต้องการก็ด่าทอพ่อ กล่าวหาว่าพ่อเอาแต่ตามใจจนทำให้เธอเสียคน
“แม่สัญญากับหนูแล้ว ว่าจะไม่ทำร้ายจูฮยอน แล้วจะไม่ทำร้ายน้าจูอึนด้วย”
“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรสองคนนั้นนี่ ฉันทำอะไร…ไม่เคยทำเลย” ซออึนฮีลอยหน้าโต้แย้งลูกสาว
“พอเถอะค่ะ หยุดทุกอย่างเถอะ แม่ลืมไปแล้วหรือยัง…ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ แม่ทำกับลูกของหนูยังไง?”
“ฉันทำอะไร…แกมันซุ่มซ่ามเองต่างหาก”
ทิฟฟานี่ปล่อยน้ำตามากมายล้นทะลักออกมาด้วยความเจ็บปวด คนอย่างซออึนฮีไม่เคยมีความผิด มีแต่คนอื่นที่ผิด ตัวเองไม่เคยทำอะไรผิดเลย
“ถึงแม่จะโกหกคนอื่นได้ แต่แม่โกหกใจของตัวเองไม่ได้ หยุดทุกอย่างก่อนที่มันจะสายเกินไปเถอะนะคะ หนูขอร้องในฐานะลูกสาวของแม่”
“พล่ามอะไรของแก แม่บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งนั้น แกหาว่าแม่ผลักแกหรอ แกตกบันไดเอง อย่ามาโทษฉันนะ”
รู้อยู่แล้วว่าแม่จะต้องพูดแบบนี้ แต่ทิฟฟานี่ในวันนี้คงเสียใจมากเท่ากับในอดีตไม่ได้อีกแล้ว
“ถ้าความสำเร็จของแม่ต้องแลกมาด้วยการกำจัดใครหลายๆคน รวมไปถึงเลิฟลี่ หนูไม่มีทางยอมให้แม่ทำร้ายลูกของหนูอีกเป็นอันขาด ยอมถอยเถอะนะคะ รีบหนีไปอยู่เมืองนอกก่อนที่ตำรวจจะสืบมาถึงแม่…จูฮยอนมีหลักฐานนะคะ เธอไม่ได้มีแค่ลมปาก ถ้าแม่ยังดื้อรั้น ถึงวันนั้นหนูคงช่วยอะไรแม่ไม่ได้อีกแล้ว”
จูฮยอนย้ายโรงพยาบาลแต่เช้าตรู่ ยงฮวาเฝ้ารอจนแน่ใจว่าจูฮยอนพาเลิฟลี่พ้นออกไปแล้ว เขาถึงตัดสินใจที่จะกลับไปรักษาตัวต่อที่ไร่
“แล้วพี่จะกลับยังไงครับ?” มินฮยอกเอ่ยถาม เขาตกอยู่ในสภาวะน้ำท่วมปาก อยากพูดอยากบอกเรื่องทุกอย่างที่บังเอิญไปได้ยินมา แต่ก็ยังไม่กล้าพูด
“รอจองชินมารับน่ะ คงมาสายหน่อย วันนี้มีส่งของลอตใหญ่ด้วย แต่ไม่เป็นไรหรอก คงไม่นานเท่าไหร่”
“อย่าเพิ่งกลับไร่เลยนะครับ ไปอยู่บ้านผมก็ได้ อยู่นานแค่ไหนก็ได้ อยู่เหมือนเมื่อก่อนที่พี่เคยอยู่”
ยงฮวาคิดว่าวันนี้มินฮยอกดูแปลก แทนที่เขาจะกลับไปพร้อมกับฮโยยอน แต่ก็ไม่ กลับมาอยู่ตรงนี้แล้วก็ทำอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้เขากลับไปที่ไร่
“เป็นอะไรของนาย เกิดพิศวาสอะไรฉันขึ้นมา”
“พี่ไม่คิดถึงเลิฟลี่หรอ เมื่อวานแกร้องไห้เพราะว่าพี่เลยนะครับ แล้วไหนจะยังมีป้ายองวอนอีก ใจคอพี่จะทิ้งให้ป้าอยู่คนเดียวหรอครับ ป้าไม่มีลูกหลาน ไม่มีคนคอยดูแล ถ้าเกิดเจ็บป่วยหรือเป็นลมเป็นแล้งไปแล้วใครจะคอยช่วยเหลือ แล้วไหนจะงานของผมอีก เซ็นสัญญาไว้ 1 ปีนะครับ ผมแค่อยากให้พี่รับผิดชอบก็แค่นั้น คนฟังกำลังติดเท็ดดี้จองด้วย จะมาทิ้งกันกลางคันได้ยังไง”
ยงฮวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความจริงแล้วเขาเองก็ห่วงกังวลไปหมดเสียทุกเรื่องที่มินฮยอกเอ่ยมานั่นแหละ
“อย่างน้อยก็ไปทำงานให้ผมก่อน ทำหน้าที่ของเท็ดดี้จองให้ดี แล้วก็จบมันให้สวยงาม ไม่ต้องถึงปีก็ได้ครับ ผมไม่ได้เขี้ยวลากดินขนาดนั้น ผมขอเวลา…แค่ให้ได้คนใหม่มาแทนก่อน ถือว่าผมขอร้องนะครับ”
เพราะกำลังมีข่าวฉาวระหว่างปาร์คชินเฮกับลีจงซอกจึงทำให้ข่าวอื่นๆไม่ได้รับความสนใจจากผู้คนเท่าที่ควร มีการพบศพผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 40 ปี ถูกฆ่าแล้วก็โบกปูนทับเอาไว้บริเวณท้ายรีสอร์ตแห่งหนึ่ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณหนึ่งเดือน ผู้จัดการรีสอร์ตให้การว่าผู้ตายมาสมัครงานพร้อมกับสามี ตนจึงรับเอาไว้ทั้งสองคน ภรรยาทำงานเป็นแม่บ้าน ทำความสะอาดทั่วไป ส่วนสามีรับไว้เป็นคนขับรถเพื่อคอยรับส่งแขกที่มาเข้าพัก ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าผู้ตายมีเรื่องกับใครหรือมีเรื่องทะเลาะกับสามีหรือเปล่า รู้แค่ว่ามาทำงานได้ไม่กี่วันก็หายไปทั้งสามีภรรยา จนกระทั่งมีคนพบศพของผู้หญิงคนดังกล่าว
“ยอซินซู ผู้ตายอายุประมาณ 40 ปี ส่วนสามีอ๊กแทยัง หายตัวไป คาดว่าเป็นผู้ต้องสงสัยฆาตกรรมภรรยาแล้วก็อำพรางศพ หากใครพบเบาะแสของคนในภาพถ่ายให้รีบแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที… ”
ได้เห็นข่าวจากในทีวีที่ตลาดแล้วคิมยองวอนก็ถึงกับหน้าซีดเผือด ผู้ตายเธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่สามีที่ชื่อว่าอ๊กแทยัง คืออดีตคนขับรถคู่กรณีของเธอ
ก๊อก! ก๊อก!
คนในห้องสะดุ้งตกใจเพราะคิดว่าตำรวจอาจจะมาจับตนก็ได้ หากแต่พอได้ยินเสียงของคิมจูอึนหรือคิมยองวอนแล้ว เขาถึงยอมออกมาเปิดประตูให้
“เธอบอกเอง ว่าจะบอกทุกเรื่องให้ฉันได้รู้ ตอนนี้ตำรวจกำลังตามหาตัวเธออยู่ ถ้าคิดจะหนีไป ฉันคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ผม…ผมไม่ได้ฆ่าซินซู พวกเราถูกหลอก แล้วผมก็ถูกใส่ร้าย”
ยองวอนยื่นถุงอาหารให้ อ๊กแทยังมาหาเธอ เขามาขอให้เธอช่วย เพราะเขาไม่ต้องการที่จะถูกตำรวจจับ
“ใครล่ะ ใครกันที่เป็นคนใส่ร้ายเธอ แล้วเธอคิดจะอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ฉันอาจจะถูกตำรวจจับด้วย ข้อหาให้ความช่วยเหลือฆาตกร แค่ที่ผ่านมา…ฉันยังเดือดร้อนไม่พออีกหรอ?”
….
ยงฮวาไม่ได้กลับไร่ ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาลตั้งใจมาหายองวอนทันที หากแต่การจะไปหาที่ร้านไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ยงฮวาจึงมารอพบยองวอนที่บ้านเช่าของเธอแทน
“อ้าว ยงฮวามาแล้วหรอจ๊ะ?” เห็นข่าวออกครึกโครม ยองวอนตั้งท่าจะไปเยี่ยม แต่ติดว่ายงฮวาอยู่ไกล พอโทรไปถามข่าว ยงฮวาบอกว่าเขาจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้แล้ว วันนี้ยองวอนก็เลยปิดร้านเพื่อรอพบยงฮวาโดยเฉพาะ
“ผมขอโทษนะครับที่ทำให้ป้าต้องลำบาก”
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ หยุดแค่วันเดียว ไม่เป็นไรหรอก กินข้าวมาหรือยังจ๊ะ ป้าทำอะไรให้กินเอาไหม?”
ยงฮวาพยักหน้ารับหน้าเศร้า ในสายตาของยองวอน ยงฮวาก็ไม่ต่างอะไรกับลูกชายของเธอ ผู้หญิงในข่าวคือใคร มีหรือที่ยองวอนจะไม่รู้ ข่าวของพวกเขาสร้างความสับสนให้กับคนทั่วไปเป็นอย่างมาก แต่ก็ถือว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายเพราะตอนนี้ผู้คนต่างหันไปให้ความสนใจกับข่าวของปาร์คชินเฮกับลีจงซอกกันหมด ส่วนยงฮวาก็กลายเป็นคนน่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น
“ก่อนหน้านี้…ป้าไปไหนมาหรอครับ?” ยงฮวามาถึงก่อน ป้ายองวอนไม่ได้ล็อคประตูบ้าน ท่านกำลังเตรียมตัวทำอาหาร แต่เหมือนจะรีบร้อนออกไปแบบกะทันหัน
“อ๋อ ออกไปซื้อของน่ะจ๊ะ ซอสหมด ป้าก็เลยต้องออกไปซื้อ รีบสุดๆ กลัวว่าเธอจะมาก่อน แล้วเธอก็มาก่อนจริงๆ”
ยงฮวายืนอมยิ้ม ป้าบอกว่าออกไปซื้อซอส แต่ว่าตอนที่ท่านกลับมา เขาไม่เห็นท่านถืออะไรติดมือมาเลย
“ผมช่วยทำเองนะครับ จะได้เสร็จเร็วๆ”
หลังทำอาหารเสร็จ ยงฮวาได้กินข้าวไปได้ไม่กี่คำก็มีคนโทรมาหายองวอน เป็นเหตุให้ท่านต้องรีบร้อนออกไปอีกครั้ง
“คราวนี้ผมจะบอกคุณทุกอย่าง แต่คุณต้องสัญญาว่าจะช่วยให้ผมหลบอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน ถ้าผมหาที่ซ่อนตัวใหม่ได้แล้ว ผมจะรีบไปทันที จะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนอีกแน่ๆครับ”
ยงฮวาเห็นว่ายองวอนมีท่าทีดูรีบร้อนแปลกๆ ก็เลยแอบตามออกมาโดยที่ยองวอนไม่รู้ตัว ปกติแล้วป้าแทบจะไม่เคยสุงสิงกับใคร เพื่อนสนิทอะไรก็ไม่มี มีแต่คนรู้จักทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่เป็นลูกค้าที่ร้านทั้งนั้น แล้วใครกันคือคนที่ป้าต้องรีบร้อนออกมาพบแบบนี้
ยองวอนรีบร้อนมาที่ร้านอาหารของเธอ ด้านหลังร้านเป็นห้องที่เธอใช้เก็บของ ปกติแล้วไม่มีคนอยู่ มีแต่คราวนี้ที่เธอมองเห็นว่ามันมีความจำเป็นจริงๆ แล้วก็แอบหวังว่าอ๊กแทยังจะยอมปริปากบอกเล่าความจริงในอดีตแก่เธอทั้งหมด
“มีคนตามคุณมาหรือเปล่า? ไม่มีตำรวจตามมาใช่ไหม?” อ๊กแทยังชะโงกมองออกมาที่หน้าประตูเพื่อความแน่ใจ
“ไม่มีใครตามมาทั้งนั้น ถ้าฉันคิดจะแจ้งตำรวจ ฉันคงไม่เลี้ยงดูหาข้าวปลาอาหารมาส่งให้แบบนี้หรอก”
ความจริงก็คือยองวอนปิดร้านมาได้สองวันแล้ว และเธอก็คงจะต้องปิดเรื่อยไป จนกว่าอ๊กแทยังจะไปแล้วจริงๆ
“บอกมาได้แล้ว ว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด”
ยองวอนถูกดึงเข้ามา ก่อนที่ประตูจะปิดลง แต่ถึงกระนั้นยงฮวาก็ยังเดินอ้อมมาอีกทาง ซุ่มแอบฟังแอบดูด้วยความเป็นห่วงเป็นใยคิมยองวอนอยู่ที่ช่องเล็กๆ ซึ่งแต่เดิมทีช่องนี้มีไว้สำหรับติดตั้งพัดลมดูดอากาศ แต่พัดลมได้ถูกถอดออกไปนานแล้ว
แม้ว่าก่อนหน้าตนจะนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ก็ได้รับฟังข่าวสารไม่มีขาด ดูทั้งข่าวของตัวเอง ข่าวของชินเฮจงซอก รวมไปถึงข่าวอื่นๆทั่วไป รวมไปถึงข่าวสามีผู้ต้องสงสัยอย่างอ๊กแทยังด้วย
“คุณซออึนฮีเป็นคนวางแผนทั้งหมด เธอต้องการกำจัดคุณ แล้วก็กำจัดลูกสาวของคุณด้วย”
“อะไรนะ!?” ยองวอนตกใจมากพอๆกับที่ยงฮวาตกใจ ที่ผ่านมาอึนฮีดูแลเธออย่างดีในฐานะพี่สะใภ้ เราสองคนสนิทสนมกันเหมือนกับเป็นพี่น้องแท้ๆ มันจะเป็นไปได้ยังไง
“คุณไม่เห็นข่าวหรอ? ไอ้พวกนักเลงใส่สูทพวกนั้น ที่มันไปตามยิงไอ้อดีตพระเอกนั่น ผู้ชายคนนั้น…คนที่เป็นแฟนเก่าของลูกสาวคุณ ผมเอาหัวเป็นประกันเลย งานนี้ก็ฝีมือซออึนฮีด้วยเหมือนกัน ซออึนฮีสั่งให้คนพวกนั้นมาฆ่าเมียผม ผมหนีรอดมาได้ มันก็ใส่ร้าย หาว่าผมเป็นคนฆ่า…ลูกสาวคุณ ยังไงก็ไม่รอดหรอก เพราะว่าซออึนฮีเริ่มเป็นบ้าแล้ว”
…!!
ยงฮวากลับมาก่อนหลังจากแน่ใจว่ายองวอนกลับออกมาอย่างปลอดภัย เขาคิดว่าตัวเองคิดอย่างรอบคอบดีแล้ว ป้ายองวอนไม่สามารถช่วยอ๊กแทยังได้ตลอดไป รวมไปถึงคนคนนี้เองก็ไม่น่าไว้วางใจ เพราะถ้าเขาเป็นดีจริงๆ ก็คงจะไม่ทำร้ายป้ายองวอนตั้งแต่แรก
“กลับมาแล้วจ๊ะ กินเสร็จแล้วหรอจ๊ะ ป้าขอโทษทีที่ต้องออกไปกะทันหัน”
“ป้าเป็น ‘แม่’ ของจูฮยอนหรอครับ?”
“….” คำถามนั้นทำเอายองวอนถึงกับอ้ำอึ้งและตกใจจนทำตัวไม่ถูก ยงฮวาคงตามเธอไปเมื่อครู่นี้ แล้วก็คงจะได้รู้ความจริงหมดแล้ว
“อย่าบอกจูฮยอนนะ ป้ายังไม่อยากให้จูฮยอนรู้ ที่สำคัญมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ…ป้ากลัวว่าจูฮยอนจะตกอยู่ในอันตราย”
“หมายความว่า…ที่ผมได้ยินว่าอาอึนฮีเป็นคนบงการเรื่องทั้งหมด มันเป็นความจริงใช่ไหมครับ?” จูฮยอนพูดแปลกๆ เธอพยายามยืนยันและถามเรื่องพ่อของเธอหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่เชื่อ จนมาได้ยินเองกับหูเมื่อครู่นี้
“ป้าเองก็ไม่อยากเชื่อ แต่มันเป็นไปแล้ว อันที่จริงป้าเองก็ควรที่จะสงสัยมาตั้งแต่แรก แต่เพราะอึนฮีทำดีกับป้ามาโดยตลอด จนทำให้ป้าไม่เคลือบแคลงหรือว่าสงสัยอะไรเลย” ยองวอนนั่งลงด้วยความอ่อนแรง หากแต่ได้นั่งไม่เท่าไหร่ เธอก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงรถตำรวจแล่นผ่านหน้าไป
“ตำรวจ…ตำรวจมาจับใคร!?”
“ผมเป็นคนแจ้งตำรวจเองครับ ผมคิดว่ามันจะเป็นอันตรายมากกว่าถ้าป้ายังเลี้ยงเขาไว้แบบนั้น ให้เขาอยู่กับตำรวจ ยังไงก็ปลอดภัยมากกว่าอยู่แล้ว ถ้าเขาถูกใส่ร้าย เขาก็มีสิทธิ์บอกกับตำรวจได้ว่าถูกใส่ร้าย แต่ป้าไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะหาทนายความให้เขาเอง อย่างน้อยผมจะพยายามกล่อมให้เขายอมเป็นพวกของเรา ถ้าเขายอม เขาคือพยานคนเดียวที่จะสามารถเปิดโปงซออึนฮีได้”
ฮโยยอนปรึกษากับมินฮยอกหน้าเครียด เหตุก็เพราะว่ามินฮยอกบังเอิญไปได้ยินเรื่องพ่อแม่ของเลิฟลี่เข้าด้วยความไม่ตั้งใจ มินฮยอกอยากบอกเรื่องนี้ให้ยงฮวาได้รู้แต่ก็ยังสองจิตสองใจ ตัวเขาเองมีแต่ความปรารถนาดี แต่ก็ไม่รู้ว่าถ้าพูดเรื่องนี้ออกไปแล้ว จะเกิดผลกระทบอะไรตามมาบ้าง
“พูดไม่ได้เลยนะ จูฮยอนบอกว่าเรื่องนี้สำคัญมาก ผู้ใหญ่ไม่เป็นไร แต่จิตใจของเด็กสำคัญมากที่สุด”
“หมายความว่าจะให้พ่อลูกเป็นแค่คนรู้จักกันต่อไปแบบนี้น่ะหรอครับ?”
“ทั้งทรมาน ทั้งอึดอัดมากเลยใช่ไหมล่ะ? พี่เองก็เป็น แต่คนที่หนักกว่าเราก็คือจูฮยอนนั่นแหละ ไม่รู้ว่าทนมาได้ยังไง”
มินฮยอกยกทั้งสองมือปิดตาตัวเองเอาไว้ ฮโยยอนพูดถูกว่าเขากำลังทรมานและอึดอัด น้ำท่วมปากจนเกือบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว แต่กลับพูดกลับบอกอะไรไม่ได้ เขาจะต้านทานต่อความรู้สึกนี้ได้อีกนานแค่ไหน นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย หลายครั้งที่พยายามจะแกล้งทำลืมมันไป แต่สุดท้ายพอได้มานั่งมองหน้ากันเอง ก็ลืมไม่ได้ทุกที
“ผมควรหนีไปบวชดีไหม?”
“ไปเมื่อไหร่ล่ะ พี่จะขอไปบวชเป็นเพื่อนนายด้วยเหมือนกัน แต่มาคิดดูแล้ว ต่อให้หนีไปบวชจริงๆ ก็คงจะไม่สงบหรอก น่าสงสาร…พ่อแม่ลูกควรที่จะได้อยู่ด้วยกัน แต่นี่กลับ… ”
มินฮยอกถอนหายใจ เขาตัดสินใจแล้วว่าเป็นตายยังไงก็จะต้องหาทางบอกยงฮวาให้ได้
“ถ้าสงสาร ก็อยู่เฉยๆไว้นะครับ พี่ไม่ได้พูดอะไรเลยทั้งนั้น เพราะฉะนั้นพี่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขึ้นคาน”
“คิดจะทำอะไรของนาย อย่าบอกพี่นะว่านายจะ… ”
ยงฮวารับอาสาขับรถพายองวอนมาเยี่ยมจูฮยอนที่โรงพยาบาล ใจนั้นคิดถึงมากจนอยากจะตามเข้าไปด้วยเยี่ยมด้วย แต่ก็รู้ดีว่าจูฮยอนคงไม่อยากเห็นหน้าตนในตอนนี้ อีกทั้งตนยังมีเรื่องต้องคิดอีกมาก ถ้าสิ่งที่อ๊กแทยังพูดออกมาเป็นเรื่องจริง นั่นหมายความว่าจูฮยอนกำลังตกอยู่ในอันตราย
“แน่ใจนะจ๊ะ ว่าจะไม่ไปด้วยกัน”
“ผมฝากขนมไปให้เลิฟลี่ด้วยนะครับ ตอนนี้ผมยังทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้ ถ้ามีคนเห็นว่าผมไปเยี่ยมจูฮยอน คนจะต้องรู้แน่ว่าผู้หญิงที่ติดอยู่ในป่าคือเธอ ป้าไปเยี่ยมจูฮยอนแล้วก็อยู่พูดคุย อยู่ดูแลเธอนานๆนะครับ ไม่ค่อยมีโอกาสได้พบกันหลายวันแล้ว จูฮยอนคงดีใจที่เห็นว่าป้าไปเยี่ยม”
ยองวอนรู้สึกขอบคุณสำหรับทุกความช่วยเหลือที่ยงฮวามอบให้ ที่ผ่านมาก็มีแค่ยงฮวาคนเดียวที่คอยตามช่วยเหลือเธอมาตลอด พอเขาได้รู้ความจริง สิ่งที่เธอได้รับจากเขาก็คือความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ เราสองคนก็ไม่ต่างกัน อาจจะถูกซออึนฮีหลอกด้วยกันทั้งคู่
“ผมอยู่ทางนี้ จะคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้รอบคอบ ป้าเข้าไปเยี่ยมจูฮยอนเถอะครับ ถ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยโทรเรียกผมอีกที”
ยองวอนมาเยี่ยมลูกสาวพร้อมกับอาหารกล่องโตที่เธอตั้งใจทำมันอย่างสุดฝีมือ จูฮยอนไม่ได้อยู่คนเดียว แต่อยู่กับเลิฟลี่ หลานสาวตัวน้อยที่แสนน่ารัก และดูเหมือนจูฮยอนจะชอบเด็กคนนี้มากเลยทีเดียว
“สวัสดีคุณป้ายองวอนสิจ๊ะ”
“สวัสดีค่ะ คุณป้ามาเยี่ยมน้าจูฮยอนหรอคะ?”
“จ๊ะ ป้ามาเยี่ยมน้าจูฮยอนแล้วก็…มีขนมมาฝากหนูด้วย”
หนูน้อยรับขนมที่คุณป้าส่งให้ เป็นขนมหน้าตาคุ้นเคยที่ยงฮวารู้ดีว่าเลิฟลี่ชอบ เขาตั้งใจเลือกมาให้กับหนูน้อยโดยเฉพาะ ทั้งยงฮวาทั้งจูฮยอนต่างก็แสดงออกว่าเอ็นดูเด็กคนนี้มากเลยจริงๆ
“ขอบคุณนะคะ มีแต่ของที่หนูชอบทั้งนั้นเลย” พอได้ขนมเลิฟลี่ก็แยกตัวออกมานั่งเล่นบนโซฟา กินขนมไปดูทีวีไปด้วยในระหว่างที่รอให้คุณแม่ทิฟฟานี่มาหา
ยองวอนแกะอาหารในกล่องเพื่อเตรียมให้จูฮยอนได้กิน เพิ่งกลับออกมาจากป่า ที่ผ่านมาคงจะทั้งลำบากตรากตรำและคงหิวมากเลยทีเดียว ถ้าได้กินอาหารบำรุงดีดีก็น่าจะช่วยทำให้หายได้เร็วมากขึ้น
“เยอะจังเลยค่ะ กินไม่หมดแน่เลย”
“ป้าทำมาเผื่อเลิฟลี่ด้วย ยงฮวาบอกป้าว่าหนูน่าจะอยู่กับเลิฟลี่”
“….” จูฮยอนถึงกับชะงักงันเมื่อรู้ว่าก่อนหน้านี้ ป้ายองวอนได้พบกับยงฮวา ทั้งที่เมื่อคืนเลิฟลี่บอกกับเธอว่า ยงฮวาจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว ตอนที่ได้รู้ยังแอบใจหายอยู่เลย
“เขาไปหาป้าหรอคะ?”
“อ๋อ แค่แวะมาเดี๋ยวเดียวน่ะจ๊ะ ก็เลยได้คุยกันนิดหน่อย ยงฮวาเป็นคนบอกป้าว่าหนูไม่สบายอยู่โรงพยาบาล ป้าก็เลยมาเยี่ยมหนูวันนี้น่ะจ๊ะ” ยองวอนพูดแก้ตัว
จูฮยอนปั้นหน้ายิ้มทำร่าเริง แม้ความจริงในใจจะกำลังคิดถึงเขาคนนั้นอย่างมากมาย ที่ผ่านมายงฮวาตามตื้อตามง้องอนเธอไม่น้อย พอเขาไม่มาแล้วจริงๆ ก็ทำให้จูฮยอนรู้สึกเหงาและรู้สึกโดดเดี่ยว
แม้ที่ผ่านมาจะเจ็บปวดจนเข้าขั้นสาหัส แต่เธอก็ผ่านมันมาได้ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เธอหวังว่าทุกอย่างจะต้องผ่านพ้นไป และในอีกไม่นานก็คงรู้สึกเจ็บน้อยลงเอง
ยงฮวานัดพบกับมินฮยอกที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลมากนัก แม้ว่ามินฮยอกจะอายุน้อยกว่าแต่ที่ผ่านมาไม่ว่ามีเรื่องอะไร มินฮยอกคือคนที่สามารถรับฟังเขาได้หมดทุกเรื่องทุกปัญหา แถมเขายังเก็บความลับได้เก่งอีกด้วย
“แค่คำจากปากของคนคนเดียว คิดว่ามันจะพอเชื่อได้หรือเปล่า? แต่แม่ของจูฮยอนต้องระเห็ดออกจากบ้านเชียวนะ นายคิดว่า…ฉันจะแน่ใจเรื่องนี้ได้ยังไง?”
เรื่องในใจก็อัดอั้นจะแย่อยู่แล้ว นี่ยังมีเรื่องใหม่มาเพิ่มอีก ถ้าซออึนฮีอยู่เบื้องหลังเรื่องร้ายๆทั้งหมด มินฮยอกคิดว่ามันก็ไม่น่าที่จะต้องแปลกใจอะไร
“ฟังผมนะครับ ผมจะพูดแค่ครั้งเดียว จะไม่ทวนซ้ำแล้วนะ” มินฮยอกส่งสัญญาณมือขอให้ยงฮวาขยับเข้ามารับฟังตนใกล้ๆ ยงฮวารู้ช้าเกินไป ขณะที่จูฮยอนกำลังรอบทสรุปของเรื่องแล้ว
“ก่อนหน้านี้จูฮยอนขอร้องให้ผมช่วยหาคนสืบเรื่องเก่าๆให้ ทั้งเรื่องไร่ของพี่ที่ถูกเผา แล้วยังมีเรื่องที่พี่ถูกรุมทำร้าย รวมถึง…เรื่องผู้หญิงคนนั้นด้วย คนที่พาจูฮยอนไปทิ้งไว้ในป่า”
“ทำไมนายถึงรู้เรื่องอะไรมากมายแบบนี้แล้วไม่บอกให้ฉันได้รู้?” ยงฮวาทักท้วง
“จูฮยอนรู้ตัวมาสักพักแล้วครับ ว่าอาของตัวเองน่าจะมีส่วน แต่เธอแน่ใจแค่เรื่องเดียว ก็คือเรื่องของผู้หญิงคนที่พาเธอไปทิ้งไว้กลางป่า ตลอดมาซออึนฮีบอกว่าไม่รู้ไม่เห็น ตามสืบคนก็ไม่เคยเจอ ที่ไม่เจอก็เพราะว่า…คนพวกนั้นเป็นคนที่ตัวเองสั่งให้ไปทำงานให้”
ยงฮวาตกใจที่แม้แต่มินฮยอกยังรู้ลึกรู้ดีมากกว่าตน เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมจูฮยอนถึงพูดในทำนองว่าพ่อของเธอคือผู้บริสุทธิ์ ส่วนเขาก็เอาแต่ปักใจเชื่อคิดว่าซออึนฮีคือแม่พระ
“ตำรวจได้หลักฐานไปพอสมควรแล้วนะครับ ถ้าอ๊กแทยังยอมบอกเรื่องทุกอย่างที่รู้กับตำรวจ ผมคิดว่า…คดีที่หนักสุดคงถึงขั้น…จ้างวานฆ่า ที่ผ่านมามีแต่คดีอ่อนๆ ต่อให้ถูกจับก็คงสามารถประกันตัวออกมาได้อยู่ดี, แต่จะว่าไปแล้วมันก็มีมูลอยู่นะครับ สองคนผัวเมียเอาแต่ไถเงินจากซออึนฮีไม่เลิก พอทำหลายๆครั้งเข้าก็สุดทน แถมยอซินซูยังบังเอิญไปเจอกับจูฮยอนเข้าเต็มๆด้วย ถ้าจะถูกฆ่าปิดปากเพราะกลัวเรื่องของตัวเองจะแดง ผมคิดว่ามันก็เป็นไปได้อยู่”
เห็นทีว่าตอนนี้จูฮยอนจะตกอยู่ในอันตรายจริงๆแล้ว ยงฮวานั้นแทบนั่งไม่ติดที่ แต่มินฮยอกขอร้องให้เขานั่งดื่มกาแฟเป็นเพื่อนกันก่อน
“ถึงพี่โผล่ไปตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกครับ ตอนนี้เรื่องแรกๆเลยที่พี่จะต้องไปทำก็คือ… ”
“ฉันรู้ว่าจะต้องหาหลักฐานมามัดตัวซออึนฮี ที่ผ่านมา…ฉันคือคนโง่มาโดยตลอด โง่จนถูกหลอกไม่รู้ตัว” ยงฮวาด่าตัวเองด้วยความผิดหวัง หนำซ้ำความเกลียดชังที่ฝังลึกมาเกือบสิบปียังกลายเป็นการเกลียดผิดคนอีกด้วย เขาละอายใจในทุกครั้งที่พูดต่อหน้าจูฮยอนซ้ำๆ ว่าพ่อของเธอเป็นคนไม่ดี
เรื่องมันมีหลายปม มินฮยอกเข้าใจและเห็นใจพวกเขาเป็นอย่างมาก แต่ว่าเรื่องของเลิฟลี่ เป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมากจริงๆ
“ตอนที่พี่ตัดสินใจตรวจดีเอ็นเอของชินบี ตอนนั้นพี่คิดอะไรบ้างครับ?”
ยงฮวาไม่ได้คิดอะไรมาก เขาก็แค่อยากรู้ความจริง อยากรู้ให้แน่ชัดว่าทั้งเขาและชินเฮไม่ได้เข้าใจผิดไป
“เรื่องมันผ่านมานานแล้ว แถมฉันกับชินเฮก็หย่ากันแล้วด้วย”
“ไปตรวจอีกครั้งเถอะนะครับ ไปตรวจดูให้แน่ใจเหมือนครั้งแรก”
“อะไรของนาย จะให้ฉันไปตรวจดีเอ็นเอหาความสัมพันธ์พ่อลูกกับชินบีใหม่เนี่ยนะ? ตลกละ”
“ไม่ใช่ชินบีครับ แต่เป็นเด็กอีกคน…คนที่แพ้ชาดอกเก็กฮวยเหมือนกัน แล้วเด็กคนนั้นก็…อายุ 7 ขวบ เท่ากับระยะเวลาที่พี่กับจูฮยอนติดอยู่ด้วยกันในป่าครั้งแรก”
“…!” ยงฮวาตกใจจนหัวใจเกือบจะหยุดเต้น มินฮยอกบอกให้เขาไปตรวจดีเอ็นเอหาความสัมพันธ์พ่อลูกกับเลิฟลี่ มินฮยอกไปรู้อะไรมาอีกกันแน่
“ถือว่าผมไม่ได้พูดหรือบอกอะไรกับพี่ในวันนี้เลยนะครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเลย พี่สัญญากับผมได้ไหม?”
มือของยงฮวาสั่นเทาไปหมด ยิ่งนึกย้อนถึงเหตุการณ์ของชาดอกเก็กฮวย รวมไปถึงคำพูดที่ก่อนหน้ามินฮยอกกับฮโยยอนเคยทักว่าเขากับเลิฟลี่มีหน้าตาคล้ายๆกัน อีกทั้งที่ผ่านมาจูฮยอนยังรักและหวงหลานสาวมากๆด้วย
“นายกำลังจะบอกว่า…เลิฟลี่ เป็นลูกสาวของฉันกับจูฮยอนอย่างนั้นหรอ?” ยงฮวาเอ่ยถามน้ำตาคลอ
มินฮยอกเอาแต่นั่งก้มหน้า หมดถ้อยคำที่จะพูด เขาไม่รู้อีกแล้วว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขารู้แค่ว่าเขาปล่อยให้ยงฮวากลายเป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยไม่ได้ ในเมื่อทั้งพ่อและแม่ก็ยังมีใจให้กัน แล้วทำไมจะต้องผลักไสเลือดเนื้อของตัวเองไปให้คนอื่น มินฮยอกเชื่อว่ายงฮวาเป็นพ่อที่ดีได้ เวลาที่พ่อลูกอยู่ด้วยกันทำให้คนที่ได้จ้องมองรู้สึกอบอุ่นได้มากอย่างบอกไม่ถูก ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากเลยจริงๆ
“ผมแค่บังเอิญผ่านไปได้ยิน ในตอนที่จูฮยอนกับพี่ฮโยยอนคุยกัน ถ้าจะให้ชัวส์ ผมคิดว่า…ตรวจดีเอ็นเอเลยดีกว่าครับ”
ยงฮวาลุกพรวดขึ้นมา ทำเอาคนทั้งร้านต่างพากันหันมองดูเขาเป็นสายตาเดียว มินฮยอกรีบลุกขึ้นเดินตาม เขารีบวิ่งไปดักหน้ายงฮวาเอาไว้อีกครั้งด้วยความตกใจ
“พี่จะทำยังไงครับ จะไปถามจากคุณจูฮยอนตอนนี้เลยหรือเปล่า?”
ยงฮวาบีบบ่าของน้องชายผู้แสนดีเอาไว้แน่น เขารู้ดีว่างานนี้มินฮยอกลำบากใจมากแค่ไหน ต่อให้คนทั้งโลกจะช่วยกันปกปิดความจริงเอาไว้ แต่สำหรับเขา มินฮยอกคือเพื่อนคือน้องชายที่แสนดีมากที่สุด
*******************100%***************
ความลับเริ่มทยอยเปิดเผยออกมาแล้ว อย่าลืมคอมเม้นท์ให้กันนะคะ
วันนี้ใครไปดูคอนเสิร์ตหนุ่มๆ เดินทางกลับบ้านกันอย่างปลอดภัยนะคะ
ขอบคุณทุกคนค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยงซอ ไฟ้ติ้ง
ความจิงค่อยๆปรากฏออกมาแล้วสินะ
รู้ว่าเลิฟลี่เป็นลูกของตน ตอนนี้ต้องยกความดีความชอบให้กะน้องมินเลยที่ทำให้ยงรู้ความจริง
แต่ว่าอิยงเอ๊ย ใจเย็นอย่าทำให้เลิฟลี่ตกใจซะละ
ปล.ไรเตอร์สู้ๆคะ
พ่อลูกจะได้รู้ความจริงไหม สู้ๆๆนะ ยง ดีใจด้วยนะ
คนที่ไว้ใจกลับเป็นคนที่ร้ายที่สุด เหลว มากกกกก
ค่อยๆไปตะล่อมแม่เค้าก่อนนะจองยงแกอย่าไปทำอะไรบุ่มบ่ามเดี๋ยวแม่โมโหพ่อจะอดเจอลูกนะ ท่ามกลางเรื่องร้ายๆจริงๆเลยนะ เรื่องดีๆยังเกิดขึ้นได้ สู้เค้า ขอสิทธิ์ความเป็นพ่อให้ได้