ตอนที่ 26 : Lost in Love Chapter 25 ข่าวอื้อฉาว [100%]
Lost in Love Chapter 25
ข่าวอื้อฉาว
ถึงจะเป็นห่วงน้องสาวแต่ทิฟฟานี่ก็ยังต้องมาทำงานตามปกติ วันพรุ่งนี้เช้าจูฮยอนจะย้ายเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลกลางกรุงโซล ซึ่งนั่นก็จะทำให้ทิฟฟานี่สามารถไปเยี่ยมไปหาจูฮยอนกับเลิฟลี่ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมากกว่านั้นก็คือจูฮยอนจะได้รอดพ้นจากพวกนักข่าวที่คอยแต่จะหาโอกาสมาสืบส่องหาข่าวแทบจะตลอดเวลา
ทิฟฟานี่นั่งจ้องมองไฟล์รูปภาพที่ได้รับมาก่อนหน้านี้มาเป็นเวลาพักใหญ่แล้ว เป็นธรรมดาสำหรับสายอาชีพนี้ ที่มักจะเก็บรวบรวมภาพและข่าวความเคลื่อนไหวของคู่รักดาราเอาไว้ก่อน เมื่อได้โอกาสเหมาะๆ แล้วถึงค่อยปล่อยข่าวออกมา
“ปาร์คชินเฮกับลีจงซอก, ยงฮวากับจูฮยอน…ไม่หรอก ฉันเชื่อว่าน้องสาวของฉันจะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีแน่ๆ อีกอย่าง จูฮยอนเองก็เพิ่งกลับมาไม่กี่เดือน ผิดกับคู่นั้นที่แอบคบซ้อนซ่อนชู้กันมาเป็นปีๆ”
ทิฟฟานี่นั่งบ่นหน้าเครียด งานนี้ถ้าเธอยังอยู่เฉยซึ่งไม่แน่ว่าหลังจากนี้ข่าวของจูฮยอนกับยงฮวาอาจจะหลุดออกมาจากสำนักข่าวอื่นก่อนก็ได้ ซึ่งนั่นมันจะอยู่เหนือการควบคุมของเธอ ถ้าถึงจุดนั้นมันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะหย่าก่อน หรือหย่าทีหลัง ใครคบใครก่อนไม่สำคัญ ผู้คนจะต้องตราหน้าทำให้จูฮยอนกลายเป็นจำเลยของสังคมไปโดยปริยาย
“เพราะฉะนั้นงานนี้…ใครเร็วกว่าก็ได้เปรียบ”
ยังไม่ทันที่ลีจงซอกจะได้ตัดสินใจ เรื่องระหว่างเขากับปาร์คชินเฮก็ถูกแฉออกมาก่อน ทิฟฟานี่เป็นคนตัดสินใจเลือกที่จะลงข่าวในช่วงเวลานี้เพราะไม่ต้องการให้จูฮยอนตกเป็นจำเลยสังคมแค่เพียงฝ่ายเดียว
สถานะซ้ำซ้อนซ่อนปมของนางเอกสาวที่แต่งงานมีครอบครัวแล้ว กับพระเอกหนุ่มชื่อดังที่ก่อนหน้าไม่เคยมีข่าวด่างพร้อยหรือข่าวฉาวกับผู้หญิงมาก่อนกลายเป็นข่าวใหญ่ประจำปีแซงหน้าทุกข่าวในช่วงเวลาก่อนหน้าและช่วงเวลาเดียวกันไปจนหมด ในทันทีที่ข่าวถูกแพร่ออกไปไม่ถึงสิบนาที นักข่าวก็แห่แหนออกจากโรงพยาบาลพากันไปเฝ้าอยู่หน้าสถานีตำรวจ เพราะทุกคนมีความคาดหวังว่าลีจงซอกจะต้องมาปรากฎตัวที่นี่อีก
ความจริงแล้วทุกคนต่างก็สงสัยนับตั้งแต่มีคนบอกว่าเห็นลีจงซอกมารับลูกสาวของชินเฮไปดูแล เพียงแต่ทุกคนรู้ดีว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนาน การที่จะให้เด็กอยู่ในโรงพักก็เป็นเรื่องไม่เหมาะสมตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ทุกคนคิดว่าจงซอกน่าจะหวังดีเพราะชินเฮเองก็ไม่มีญาติที่ไหน
เมื่อข่าวความสัมพันธ์ยาวนานถูกแฉพร้อมภาพข่าวอย่างหนาแน่น ชนิดว่าดิ้นหนียังไงก็ดิ้นไม่หลุด ข่าวความสัมพันธ์ในอดีตที่ว่าพวกเขาสองคนเคยคบหากันมาก่อนก็ถูกลากออกมาแฉ ยิ่งซ้ำเติมให้ข่าวนี้โด่งดังขึ้นมาอีก
+18,897, -345 [ชินเฮมีชู้ หรือว่ายงฮวามีชู้กันแน่ ฉันงงไปหมดแล้ว…]
+15,500, -388 [ถ้ายึดถือเวลาตามข่าว แสดงว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานโดยที่ยงฮวาอาจจะไม่รู้]
+9,690, -230 [มันเป็นข่าวใหญ่จริงๆ ฉันอยากจะเป็นลม ฉันเคยชอบพวกเค้ามากเลยนะ T_T]
+6545, -545 [สรุปว่ายงฮวาเป็นพ่อพระหรอ เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะไม่รู้ว่าถูกชินเฮสวมเขา]
+5,998, -297 [สมควรแล้วถ้ายงฮวาจะมีคนอื่น ฉันทนอ่านข่าวชายหญิงคู่นี้ไม่ได้แล้วจริงๆ
[แต่ฉันสงสัยว่า…บางทีชินบีอาจจะไม่ใช่ลูกของยงฮวาตั้งแต่แรก ใครเห็นด้วยมั่ง?]
“อ่านอะไรอยู่คะ?”
ฮโยยอนสะดุ้งตกใจ ก่อนที่จะหันมาส่งยิ้มให้กับคนป่วย
จูฮยอนเห็นฮโยยอนเอาแต่นั่งดูโทรศัพท์อยู่นานแล้ว น่าสงสัยว่าข่าวอะไรที่ทำให้ฮโยยอนมีความสนใจมากขนาดนี้ สนใจมากจนถึงขนาดร่วมวงแสดงความคิดเห็นด้วยอย่างสนุกสนาน
“ข่าวของชินเฮกับลีจงซอก นี่ข่าวใหญ่สุดในตอนนี้เลยนะ มีคนสนใจพวกเขาเยอะมากเลยจริงๆ” ฮโยยอนแอบชำเลืองมอง เมื่อเห็นว่ามีคนมากดถูกใจความเห็นของตัวเอง เธอก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หากแต่ก็มีบางความคิดเห็นที่ตอบโต้ใส่เธอด้วยเหมือนกัน
+, - [แต่ฉันสงสัยว่า…บางทีชินบีอาจจะไม่ใช่ลูกของยงฮวาตั้งแต่แรก ใครเห็นด้วยมั่ง?]
[มโนอีกและ เบื่อจริงพวกมโนเหมือนอยู่ใต้เตียงพวกเค้าเนี่ย ไปไกลๆเลย ขยะเอ้ย!!!]
“หนอย…มาว่าฉันมโน พวกหล่อนรู้อะไรจริงมั่งล่ะยะ!? บอกเรื่องจริงก็ไม่เชื่อ”
ฮโยยอนนั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงด้วยความโมโห อุตส่าห์แง้มให้ขนาดนี้แล้ว ใครไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ ไม่อยากลดตัวลงไปทะเลาะด้วยให้เสียเวลา
เลิฟลี่กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับมินฮยอกที่ก่อนหน้ารับอาสาพาหนูน้อยออกไปซื้อขนมและน้ำดื่ม ความจริงแล้วเลิฟลี่อยากไปเยี่ยมยงฮวาด้วย แต่ว่าจูฮยอนยังไม่อนุญาตให้ไปในตอนนี้
“หนูกลับมาแล้วค่ะ หนูเลือกขนมมาฝากน้าจูฮยอนกับคุณป้าคุณครูฮโยยอนด้วยนะคะ”
เลิฟลี่บอกว่าซื้อขนมมาฝากจูฮยอนกับฮโยยอน แต่ก็ยังมีขนมอีกส่วนหนึ่งที่เลือกมาเป็นพิเศษ ซึ่งเมื่อฮโยยอนให้ความสนใจกับขนมในส่วนนั้น เลิฟลี่ก็รีบเก็บแยกมันใส่ไว้ในอีกถุงในทันที
“อันนี้หนูตั้งใจเก็บไว้ให้คุณลุงยงฮวาน่ะค่ะ ถ้าหนูเอาไปให้เองไม่ได้…หนูขอฝากคุณลุงมินฮยอกไป จะได้ไหมคะ?”
“จ๊ะ ฝากคุณลุงมินฮยอกไปก็แล้วกัน” จูฮยอนยอมตามใจลูกสาว
เลิฟลี่ยิ้มดีใจ เด็กหญิงกุลีกุจอเข้ามาช่วยพยุงให้จูฮยอนนั่งลงบนเตียง อีกทั้งยังบอกให้น้าสาวเลือกขนมที่อยากกินที่สุด แล้วก็รับอาสาว่าจะช่วยแกะห่อขนมให้ด้วย พฤติกรรมของหนูน้อยเป็นที่น่าชื่นชมจนทำให้ฮโยยอนกับมินฮยอกอดที่จะต้องยิ้มไม่ได้ เลิฟลี่เป็นเด็กน่ารักมาก เป็นเด็กที่ไม่ดื้อไม่ซน ซ้ำยังชอบดูแลคนอื่นอีกด้วย ใครได้รู้จักก็ล้วนที่จะต้องเอ็นดูด้วยกันทั้งนั้น
….
หลานสาวตัวเล็กฝากขนมมาให้พี่ชายคนสนิทที่นอนพักรักษาตัวอยู่ชั้นเดียวกัน มีหรือที่คุณลุงมินฮยอกจะกล้าทำให้ผิดหวัง นับตั้งแต่มีข่าวของปาร์คชินเฮกับลีจงซอก โรงพยาบาลก็ดูสงบสุขขึ้นมากเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้นเราทุกคนก็ยังต้องระมัดระวังตัวกันเหมือนเดิม
“อ้าว…จองชินไปไหนแล้วล่ะครับ?”
“พี่ให้กลับไปดูงานที่ไร่น่ะ คงจะมาอีกทีช่วงค่ำๆเลย”
“นี่ครับ…เลิฟลี่ฝากของมาเยี่ยมไข้ด้วย”
ได้รับขนมของเยี่ยมจากเด็กหญิงตัวน้อยทำให้ยงฮวารู้สึกหัวใจพองโตมากไปกว่าในทุกครั้ง
“เลิฟลี่มาแล้วหรอ?”
“มาพักใหญ่แล้วครับ อยากมาเยี่ยมพี่ด้วย แต่น้าจูฮยอนไม่อนุญาต” มินฮยอกพูดไปก็สังเกตสีหน้าของยงฮวาไปพร้อมๆกัน ถือเป็นความโชคดี ทางสะดวกเพราะจองชินไม่อยู่ เขาจะได้สามารถพูดในสิ่งที่อยากพูดได้เสียที
“ผมอยากรู้…ว่าพี่กับจูฮยอนเป็นอะไรกัน กันแน่? อย่าบอกผมนะครับว่าเป็นแค่พี่น้อง เพราะว่า…ถ้าพี่พูดโกหกอีก ผมจะไม่นับถือพี่เป็นพี่ชายอีกแล้วนะ”
มินฮยอกเอาจริงแล้ว ซึ่งความจริงแล้วยงฮวาเองก็ไม่ได้อยากโกหกมาตั้งแต่แรก เขาออกตัวตามติดจูฮยอน ตามขัดขวางพวกเขาทั้งสองคนหนักขนาดนั้น คงแปลกถ้ามินฮยอกจะไม่รู้สึกอะไรเลย
“นานแล้ว…ระหว่างพี่กับจูฮยอน มันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 7 ปีที่แล้ว พี่เองไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบัง พี่จะยินดีด้วยซ้ำถ้าจูฮยอนมีคนดีดีคอยดูแล แต่พี่… ”
“แต่พี่ทำใจไม่ได้ ก็เลยคอยตามติด คอยกันท่าผมตลอดเวลา”
ยงฮวาอยากจะยิ้ม แต่มินฮยอกคงไม่อยากเห็นรอยยิ้มของตนเท่าไหร่นัก นอกจากต้องยอมสารภาพทุกอย่างออกมาตามวิถีทางของสุภาพบุรุษ เขากับจูฮยอนรักกันแต่ก็มีอันต้องยุติความสัมพันธ์ที่มีลงทั้งหมด ตลอดมายงฮวาไม่เคยคิดที่จะมองใครอื่น เพราะทำยังไงก็ลืมจูฮยอนไม่ได้ เขาต้องแต่งงานเพราะกลอุบาย แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่กับการสร้างภาพเพื่อกอบโกยเงินให้ได้มากที่สุด
“พี่ไม่คิดว่าเราสองคนจะได้พบกันอีก แต่นายจะให้พี่ทำยังไงล่ะ ในเมื่อพี่อยู่ในสถานะ…เป็นสามีของคนอื่น”
“ก็เลยตามแฝงตัวกีดกันผมกับจูฮยอนตลอดเวลา” มินฮยอกช่วยสรุปให้
“ขอโทษ…พี่จะบอกนายก็ไม่กล้า จะให้พี่เริ่มพูดยังไง มันไม่ใช่เรื่องที่จะพูดกันได้ง่ายๆเลยนะ”
มินฮยอกยืนกอดอกนิ่งเงียบ ก็คงพูดยากจริงๆเหมือนกับที่ยงฮวาบอก แต่ก็ดีแล้วที่ได้รู้ความจริงในวันนี้ ที่ผ่านมาเขาเองก็รู้สึกว่าการจะใกล้ชิดหรือทำความรู้จักกับจูฮยอนให้มากขึ้นเป็นเรื่องยากเย็น แต่เขาก็พอใจที่ทุกวันนี้ได้เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่จูฮยอนให้ความไว้วางใจ
“ไหนๆนายก็รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นช่วยอะไรกันสักหน่อยจะได้ไหม?”
“นี่ผมยังไม่หายเคืองเลยนะ ว่าแต่…จะให้ช่วยอะไรอีกล่ะครับ?”
ลีจงซอกมาที่สถานีตำรวจตามที่นักข่าวคาดกันเอาไว้ พระเอกหนุ่มมีสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่นัก เขาเดินฝ่าวงล้อมนักข่าวเข้าไปในสถานีตำรวจโดยไม่มีการให้สัมภาษณ์เลยแม้แต่คำเดียว
ชินเฮไม่อยากอธิบายหรือตอบคำถามใดๆกับทางตำรวจ คนอย่างเธอถึงจะร้ายหรือนิสัยไม่ดีแค่ไหน แต่เธอไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นแน่นอน ถึงจะมียงฮวาเป็นสามีในนาม แต่ตลอดมาเธอก็มีลีจงซอกอยู่ทั้งคน
“สรุปว่า…ระหว่างคุณกับคุณลีจงซอกเป็นยังไงกันแน่ครับ เขามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”
“ฉันมีส่วนร่วมที่ตรงไหน ฉันยังงงตัวเองอยู่เลยค่ะ” ชินเฮตอบคำถามด้วยความหัวเสีย
“ตอบไม่ตรงคำถามเลยนะครับ ช่วยตอบให้ตรงคำถามด้วย”
นางเอกสาวนั่งกำมือดับอารมณ์ เรื่องแดงขนาดนี้แล้ว เธอไม่มีอะไรจะพูดหรือแก้ตัว บอกตรงๆว่าเธอเองก็กลัวเหมือนกัน เพราะเธอไม่รู้ว่าลีจงซอกจะพูดเรื่องนี้ในทิศทางไหน เขาไม่พร้อมและไม่อยากที่จะยอมรับหรอก ชินเฮรู้จักเขาดี เธอเป็นห่วงก็แค่ชินบี ไม่รู้ว่าป่านนี้ลูกสาวของเธอจะเป็นยังไงบ้าง
“ถ้าคุณไม่พูด ก็เท่ากับว่าคุณยอมรับ”
“เป็นตำรวจภาษาอะไร ฉันยอมรับตรงไหน มีคำไหนที่แปลว่ายอมรับบ้าง?” นางเอกสาววีนใส่ สุดจะทนอีกแล้วจริงๆ พวกเขามีแต่จะให้เธอยอมรับท่าเดียว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ทั้งตำรวจและผู้ต้องหาต่างพากันเงียบ เมื่อมีบุคคลมาใหม่เปิดประตูเข้ามาเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม
เห็นว่าเป็นลีจงซอก ชินเฮไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร เพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะมาส่งข่าวเรื่องชินบีมากกว่า
“ผมมาเป็นพยาน ในคืนก่อนเกิดเหตุ…ชินเฮอยู่กับผมครับ”
…!!
ชินเฮหน้าถอดสีด้วยความตกใจ บอกตามตรงว่าเธอไม่เคยคาดหวังว่าคนอย่างจงซอกจะยอมพูดอะไรเพื่อช่วยเธอเลย
“ต่อให้คุณยอมมาเป็นพยาน ว่าอยู่กับเธอ…แต่คุณเองอาจจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วยก็ได้” เจ้าหน้าที่ยังคงงัดไม่ยอมเลิก ทำเอาทั้งชินเฮและจงซอกต่างต้องพากันอารมณ์เสีย
“ข่าวออกขนาดนี้ คุณคิดว่า…ชินเฮจะวางแผนนั่นให้โง่ทำไมไม่ทราบ เธอกับผมรักกัน ยงฮวาจะเป็นจะตายจะมีผู้หญิงกี่คน ชินเฮไม่เห็นต้องไปเดือดร้อน”
ยงฮวาขอร้องให้มินฮยอกช่วยดูต้นทางให้ อีกทั้งยังขอให้มินฮยอกช่วยพาเลิฟลี่กับฮโยยอนออกจากห้องของจูฮยอนไปชั่วคราวด้วย
“ทำไมผมจะต้องช่วยพี่ด้วย? นี่ยังเคืองไม่หายเลยจริงๆนะครับ”
“เอาเถอะน่า ช่วยกันหน่อยเถอะ ไหนๆ นายก็รู้เรื่องทั้งหมดแล้วก็ช่วยพี่หน่อยเถอะนะ ถือว่าขอร้อง… ”
มินฮยอกเดินนำทางออกมาก่อนด้วยความจำใจ ถึงจะเคืองแต่ได้ฟังเรื่องของพวกเขาสองคนแล้วทำให้รู้สึกเห็นใจมากกว่า ถูกบีบบังคับให้ต้องเลิกรา ยงฮวาไม่เคยลืมรักครั้งแรก เขาต้องทนใช้ชีวิตแต่งงาน ทำหน้าที่สามีและเป็นพ่อให้กับลูกของคนอื่น จูฮยอนเองก็คงเจ็บไม่น้อย เรื่องของพวกเขาสองคนซับซ้อนมากเกินกว่าที่จะอธิบาย ถึงจะไม่รู้ว่าจูฮยอนยังรักยงฮวาเหมือนเดิมเหมือนกับที่ยงฮวารักเธอหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาพี่สาวของเขาบอกว่าไม่เคยเห็นจูฮยอนคบกับใครเลย ทั้งที่ตลอดเวลาก็มีผู้ชายดีดีเข้ามาให้เลือกแทบจะตลอดเวลา
ห้องของจูฮยอนอยู่ห่างจากห้องของยงฮวาแค่ 4-5 ห้องเท่านั้นเอง ตอนนี้เป็นเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ ญาติผู้ป่วยส่วนใหญ่ถ้าไม่กลับบ้านก็ล้วนอยู่ในห้องดูแลญาติของตัวเองกันหมด บริเวณทางเดินจึงปลอดโปร่งมากเป็นพิเศษ ส่วนพวกนักข่าวตอนนี้น่าจะพากันไปตามเรื่องของลีจงซอกกับปาร์คชินเฮกันหมดแล้ว
“คุณลุงมินฮยอกมาค่ะ” เลิฟลี่ตาดีมองเห็นมินฮยอกก่อนใคร
“คือว่า…ผมมาชวนพี่ฮโยยอนกับเลิฟลี่ออกไปกินข้าวด้วยกันน่ะ? หรือว่าจูฮยอนอยากได้อะไรเพิ่มเติม บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ก่อนหน้าเลิฟลี่กินอาหารของทางโรงพยาบาลเรียบร้อยไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่ารสชาติของอาหารไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจหนูน้อยสักเท่าไหร่นัก
“หนูอิ่มแล้วค่ะ คุณลุงกับคุณป้าฮโยยอนไปทานข้าวกันให้อร่อยเถอะค่ะ หนูจะอยู่ดูแลน้าจูฮยอนเองนะคะ”
“ไม่ได้สิจ๊ะ อาหารของโรงพยาบาลมีแต่ผัก แค่เดี๋ยวเดียวก็ย่อยหมดแล้ว มันเหมาะกับผู้ป่วยมากกว่า ไปกับลุงดีกว่า…มีแต่ของอร่อยๆเต็มเลยด้วย” มินฮยอกพยายามที่จะโน้มน้าวหนูน้อย
“ไปกับคุณลุงคุณป้าฮโยยอนเถอะจ๊ะ หนูกินข้าวไปแค่นิดเดียวเอง ไม่ต้องเป็นห่วงน้าหรอกนะ” เลิฟลี่กินข้าวได้น้อยมากเพราะว่าอาหารของทางโรงพยาบาลไม่ถูกปาก แต่เลิฟลี่ก็ฝืนที่จะกิน แล้วมินฮยอกก็มาชวนได้ถูกเวลาพอดี จูฮยอนรู้สึกขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เขามีให้กับเธอเสมอมา
“ฝากดูแลเลิฟลี่ด้วยนะคะ”
“รับรองจ๊ะ พี่กับมินฮยอกจะดูแลหลานเอง จะไม่ให้คลาดสายตาเลย”
ยงฮวาแอบซุ่มรอจนกระทั่งเห็นมินฮยอกพาฮโยยอนกับเลิฟลี่ออกไปจนสุดทางเดินแล้วเขาถึงเปิดประตูออกจากห้อง ยงฮวาสวมเสื้อคลุมปิดบังใบหน้าของตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิด ถึงแม้ว่าตอนนี้นักข่าวจะให้ความสนใจกับเรื่องของชินเฮและจงซอกมากกว่า แต่เขาก็ยังต้องระมัดระวังตัวเองอยู่
จูฮยอนเตรียมที่จะนอนหลับพักสมองในระหว่างรอให้ทุกคนกลับมา เธอคิดว่าตราบที่ตำรวจยังสืบหาตัวคนร้ายที่แท้จริงไม่ได้ก็ยังถือเป็นระยะเวลาปลอดภัยสำหรับเธอ เลิฟลี่และอาจจะรวมไปถึงพ่อของเธอด้วย
ร่างบางลืมตากลับขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงประตูถูกเปิดออก ทีแรกจูฮยอนคิดว่าอาจจะมีใครสักคนลืมของ หากแต่คนที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอคือจองยงฮวา
“….” เขายังคงสบายดี และดูดีขึ้นมากกว่าตอนที่อยู่ด้วยกันในป่า จูฮยอนหวังว่ายงฮวาจะหายดีในเร็ววันนี้
“….” ยงฮวาดีใจมากที่ในที่สุดตนก็มีโอกาสได้พบจูฮยอนจริงๆเสียที เขาร้อนใจอยากจะรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง พอได้มาเห็นด้วยตาของตัวเองว่าเธอดูดีขึ้นแล้ว เขาก็โล่งใจ
ทั้งสองคนจ้องมองกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ในหัวใจต่างก็เป็นห่วงและคิดถึงกันตลอดเวลา เราจะหลีกเลี่ยงความรู้สึกนี้ได้อีกนานแค่ไหน
“ไม่ได้ถูกหมอสั่งตัดแขนใช่ไหมคะ?” จูฮยอนถามติดตลก แต่ยงฮวากลับเป็นฝ่ายถลาเข้ามากอดร่างบางไว้จนแน่น
“นี่ใจคอ…จะแช่งให้โดนตัดแขนให้ได้เลยใช่ไหม?”
จูฮยอนข่มน้ำตา แต่ก็ยอมให้คนตรงหน้าได้กอด เธอไม่อยากโกหกตัวเอง แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น
“เราสองคน…ควรจะจบทุกอย่างได้แล้วนะคะ”
ยงฮวาคลายอ้อมแขนออกมาจ้องมองสบสายตากับหญิงสาว รู้สึกใจหายที่จูฮยอนบอกว่าเราควรที่จะจบเรื่องทุกอย่าง ทั้งที่เขาคิดว่ามันควรที่จะดีขึ้นมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
“พี่บอกแล้วไง ว่าพี่รอได้”
“ไม่ต้องรอแล้วค่ะ เพราะว่ารอต่อไป…ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา”
ยงฮวากลืนน้ำตากลับเข้าในอก เขาไม่เข้าใจจูฮยอนเลยจริงๆ ว่าทำไมเธอจะต้องมาเพิ่มความเจ็บปวดระหว่างเราด้วย ที่ผ่านมาเราสองคนยังเจ็บกันไม่พออีกหรือ
“คงเป็นเพราะว่าพ่อของเธอ ไม่ปลื้มพี่สินะ”
“ไม่เกี่ยวเลยค่ะ เลิกดึงพ่อของฉันเข้ามาเกี่ยวด้วยสักที เรื่องในอดีต…ฉันผิดจริง ฉันยอมรับ พ่อต้องเสียใจและผิดหวังในตัวของฉันมามากพอแล้ว ต่อไปนี้ฉันต้องทำเพื่อตัวเอง”
“….” ยงฮวารู้สึกหมดแรงจนแทบไม่อยากหายใจ จูฮยอนปิดประตูแห่งความรักของเรา ทั้งที่ก่อนหน้าทุกอย่างมันดูลงตัวแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีกแล้ว
“ในอดีต…พี่เลิกกับฉันเพราะต้องปกป้องตัวเอง ปกป้องคุณแม่และปกป้องไร่ ตอนนี้…ฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องตัวเองด้วยเหมือนกัน” เธอต้องปกป้องเลิฟลี่ เด็กคนนั้นจะต้องไม่แปดเปื้อนเพราะเธอ ทุกการตัดสินใจในวันนี้ก็เพื่อปกป้องเด็กคนนั้น
ยงฮวาหันมองออกไปที่นอกหน้าต่าง แต่เขาก็ไม่เห็นอะไรเลย นอกไปจากผ้าม่านที่ปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างภายนอกเอาไว้ ถึงเขาจะรั้นแค่ไหน แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ร่วมด้วย เขาก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน
“ไม่เป็นไร…พี่จะพยายามเข้าใจ แม้ความจริงจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม”
ความสุขของเราจบลงนับตั้งแต่ออกมาจากป่าแล้วสินะ ที่แห่งนั้นคือสวรรค์แห่งสุดท้ายสำหรับเรา มันจะเป็นที่สุดท้ายจริงๆน่ะหรือ เขาเข้าใจแล้วว่าฝ่ายที่ถูกบอกเลิกก่อนรู้สึกยังไง เมื่อ 7 ปีที่แล้วจูฮยอนก็คงเจ็บปวดแบบนี้ด้วยเหมือนกัน
ร่างบางนั่งนิ่ง ทำได้แค่เพียงมองดูยงฮวาเดินจากไปด้วยความผิดหวัง เธอจะทิ้งเลิฟลี่แล้วไปมีความสุขกับเขาได้ยังไง ทุกครั้งที่หันไปมองดูแล้วได้เห็นยงฮวาอยู่ใกล้ชิดกับลูกสาวของตัวเอง เธอจะต้องปวดใจทุกที
ฮโยยอนเปิดประตูกลับเข้ามาแบบเงียบๆ ความจริงแล้วเธอไม่ได้ตั้งใจจะมาแอบฟังหรือแอบดูเลย แต่เธอดันลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้ กำลังจะกลับเข้ามาเอาก็เลยบังเอิญได้เห็นว่ายงฮวามาที่นี่
“ทำไมล่ะ ในเมื่อเขาก็หย่ากับเมียแล้ว เธอก็แค่ทิ้งระยะเวลาให้คนลืม แล้วค่อยคบกับเขาก็ได้” พวกเขาสองคนไม่ได้เป็นแค่คนรู้จักธรรมดาๆ แต่พวกเขาสองคนรักกัน ฮโยยอนได้เห็นทุกอย่างด้วยตาของตัวเอง แต่เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจูฮยอนจะต้องทรมานตัวเองด้วย ถึงที่ผ่านมาเธอจะเชียร์น้องชายของตัวเองอย่างออกนอกหน้า แต่เธอก็เข้าใจดีว่าความรักมันบังคับกันไม่ได้
“พี่รู้ไหมคะ ว่าทำไม…ฉันถึงไม่เคยคิดที่จะคบหรือแต่งงานกับผู้ชายคนไหนเลย มันไม่ใช่ว่า…เพราะฉันวิเศษเลิศเลอมาจากไหน หรือเป็นคนเลือกมากเพราะว่าเลือกได้… ” จูฮยอนพูดทั้งที่น้ำตานองเต็มใบหน้า
“ฉันบอกกับพี่ว่าอยู่อเมริกามาทั้งหมด 7 ปี แต่เราสองคนรู้จักกันในช่วง 5 ปีหลัง พี่เคยสงสัยไหมคะว่าก่อนหน้านั้น 2 ปี…ฉันทำอะไรหรือว่าอยู่ที่ไหน?”
“….” ฮโยยอนยืนนิ่ง ตอนที่ได้รู้จักกับจูฮยอนมาจนถึงวันนี้ เธอเคยพูดว่าเธอเสียใจด้วยซ้ำที่ได้รู้จักกับจูฮยอนช้าเกินไป ทั้งที่ฮโยยอนเองก็ใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกามามากกว่าสิบปี
“แล้วเรื่องในอดีตมันจะสำคัญมากกว่าความสุขในปัจจุบันได้ยังไง?” ฮโยยอนย้อนถามด้วยความไม่เข้าใจ หรือจะเป็นเพราะว่าพ่อของจูฮยอนไม่ยอมรับยงฮวา เพียงเพราะว่าเขาไม่ใช่ว่าที่ลูกเขยมือหนึ่ง คนระดับท่านอธิการบดี เป็นถึงเจ้าของสถาบันการศึกษา แถมจูฮยอนยังเป็นทายาทและเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของครอบครัว คงไม่แปลกที่คนเป็นพ่อจะไม่ต้องการให้ลูกสาวของตัวเองมีร่อยรองตำหนิ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
“เราจะพบกันตอนไหนมันไม่สำคัญ มันสำคัญแค่วันนี้ พี่แค่อยากเห็นเธอมีความสุข”
“ปีแรก…ฉันหมดเวลาไปกับการดูแลตัวเอง พอครบเก้าเดือน ฉันก็คลอดเด็กผู้หญิงคนหนึ่งออกมา”
…!!
“อะไรนะ…เมื่อกี้นี้…เธอว่าอะไรนะ!?” ฮโยยอนปากสั่น มือสั่น ขาสั่น ตลอดมาเราสองคนสนิทสนมกันและรักกันเหมือนพี่สาวกับน้องสาวแท้ๆ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่จูฮยอนเปิดปากพูดในเรื่องที่ได้ฟังแล้วทำให้ตกใจมากที่สุดในรอบ 5 ปี
….
….
เพราะสนิทสนมกันมานานจนเหมือนพี่น้อง จูฮยอนจึงไว้ใจ อยากระบายความรู้สึกที่เจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตให้ใครสักคนได้รู้ แม้ว่ายงฮวาจะโกรธหรือต้องเจ็บปวดอีกมากแค่ไหน เวลานี้จูฮยอนขอแค่อยากมีใครสักคนที่เข้าใจในความรู้สึกของเธอก็เท่านั้น
พอได้รู้ความจริงทั้งหมดแล้วฮโยยอนก็ถึงกับกินข้าวไม่ลง เรื่องระหว่างจูฮยอนกับยงฮวามันซับซ้อนซ่อนปมมากกว่าที่เธอหรือใครหลายคนได้เข้าใจ ที่ผ่านมาจูฮยอนทนอยู่มาได้ยังไง ถ้าเป็นเธอคงไม่มีความอดทนมากเพียงพอ
เป็นความลับอีกเรื่องที่ฮโยยอนได้ล่วงรู้ และเรื่องนี้ก็มีความสำคัญมากๆด้วย เพราะถ้าเธอพูด ก็จะส่งผลถึงอนาคตของสองคนแม่ลูกในทันที มันแลดูยิ่งใหญ่จนทำให้ฮโยยอนรู้สึกหวาดกลัว เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมจูฮยอนถึงได้รักและเป็นห่วงเลิฟลี่นักหนา ทุกครั้งที่เด็กคนนั้นเจ็บหรือไม่สบาย จูฮยอนคือคนที่เดือดร้อนมากที่สุด
เป็นแม่แท้ๆ แต่กลับต้องกลายมาเป็นได้แค่น้า ถึงจะรักและอยากอยู่กับยงฮวามากแค่ไหน แต่จูฮยอนไม่อาจทิ้งลูกสาวไว้ข้างหลังเพื่อไปมีความสุขอยู่กับยงฮวาแค่สองคนได้ คนเป็นแม่อยากดูแลและมอบความรักให้ลูก แต่กลับบอกลูกไม่ได้ว่าตัวเองเป็นแม่แท้ๆ และพ่อของแกก็อยู่ข้างแกมาโดยตลอด จูฮยอนหวาดกลัวว่าความจริงในเรื่องสายเลือดจะส่งผลกระทบกับลูกสาวที่แสนน่ารักของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะการที่เลิฟลี่เป็นลูกสาวของทิฟฟานี่กับนิชคุณ เป็นเรื่องที่สังคมรับรู้มาโดยตลอด
“แต่…แต่เลิฟลี่รักเธอนะ ถ้าแกได้รู้ว่าเธอเป็นแม่ ไม่แน่ว่า…มันอาจจะดีกว่าเดิมก็ได้”
“รักยังไง…ก็ไม่มากเท่ากับรักคนที่แกเข้าใจว่าเป็นพ่อแม่แท้ๆหรอกค่ะ ฉันกลัวว่าความจริงจะไปทำลายความรักความอบอุ่นที่เลิฟลี่เคยได้รับ ฉันจะคิดถึงแค่ความสุขของตัวเอง ไม่คิดถึงเลิฟลี่เลยได้ยังไง”
กลัวที่สุดก็คือกลัวว่าเลิฟลี่จะมองดูตัวเองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่คนเราจะสามารถยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้ จูฮยอนไม่อยากทำให้เลิฟลี่รู้สึกอับอาย เพราะมีเธอเป็นแม่
ฮโยยอนไม่รู้ว่าตัวเองจะช่วยจูฮยอนได้ยังไง สิ่งแรกที่เลือกทำก็คือมอบอ้อมกอดให้ เธอรู้และเข้าใจดีว่าจูฮยอนหวาดกลัวมากแค่ไหน เธอยอมที่จะตัดใจจากคนที่ตัวเองรัก ก็เพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องกลายเป็นเด็กมีปัญหา จูฮยอนไม่ได้กลัวว่าตัวเองจะต้องอับอายที่มีลูกตั้งแต่ยังเด็ก แต่เธอเป็นห่วงความรู้สึกของลูกสาวผู้น่ารักของเธอก็เท่านั้น
“แล้วยงฮวาล่ะ ทั้งชีวิตนี้ เธอจะไม่บอกเขาเลยใช่ไหม?”
“ฉันอยากบอกค่ะ เขาคงดีใจ…ที่รู้ว่าเลิฟลี่เป็นลูกสาวของเค้า แต่ว่า…ฉันพูดไม่ได้ค่ะ ถ้าฉันต้องอยู่ข้างๆเขา มองเห็นเขาทุกวันแต่กลับต้องเก็บความลับเอาไว้ ฉันคงทนไม่ไหว ฉันถอยออกวันนี้ก็เพราะอยากเจ็บให้ทุกอย่างจบ”
ไม่ง่ายเลยที่จะยืนอยู่ตรงนี้แล้วรับฟังทุกปัญหา แต่ฮโยยอนสามารถที่จะทำได้ เธอรู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยกว่าที่จะผ่านพ้นปัญหาเหล่านี้มา แต่จูฮยอนก็ผ่านมันมาได้จนถึงทุกวันนี้ ในโลกนี้ไม่แปลกเลยที่คนเป็นแม่เลือกที่จะเจ็บเพื่อปกป้องลูกของตัวเอง ถึงจูฮยอนจะไม่ได้เป็นผู้หญิงที่เลิฟลี่เรียกว่า ‘แม่’ แต่ฮโยยอนมั่นใจว่าความรักที่จูฮยอนมี จะสามารถเชื่อมถึงหัวใจของเด็กน้อยได้ สักวันเลิฟลี่จะต้องได้รู้และเข้าใจว่าแม่ผู้ให้กำเนิดรักแกมากแค่ไหน
ฮโยยอนบอกว่าลืมโทรศัพท์จนต้องย้อนกลับไปเอา ตอนแรกมินฮยอกเองก็กลัวว่าพี่สาวจะต้องเข้าไปขัดจังหวะยงฮวากับจูฮยอนแน่ๆ เขาจึงรีบส่งข้อความไปบอกให้ยงฮวารู้ตัว แต่ก็ไม่แน่ใจว่ายงฮวาจะได้รับข้อความหรือเปล่า, ฮโยยอนย้อนกลับไปแล้วก็ไม่ยอมลงมาอีกเลย พอเขาโทรไปถาม ฮโยยอนบอกแค่ว่าให้พาเลิฟลี่ไปกินข้าวก่อนได้เลย ไม่ต้องรอ ซึ่งมินฮยอกเองก็ไม่กล้าคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เลิฟลี่กระตุกดึงแขนของมินฮยอกเอาไว้เมื่อหนูน้อยเดินผ่านมาถึงห้องของจองยงฮวา ซึ่งเลิฟลี่มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้อ่านชื่อผิดด้วย
“คุณลุงขา ถ้าตอนนี้หนูจะขอเข้าไปหาคุณลุงยงฮวาจะได้ไหมคะ?”
“….” มินฮยอกส่งยิ้มให้กับหนูน้อยอย่างใจดี เลิฟลี่อยากไปหายงฮวาตั้งแต่วันแรกที่มาแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นจูฮยอนไม่อนุญาต ตอนนี้ไม่มีพวกนักข่าวแล้วด้วย เขาคิดว่ามันไม่น่าจะเสียหายอะไร
ยงฮวารีบมุดตัวลงในผ้าห่มเมื่อรู้ว่ามีคนเข้ามาหา ซึ่งอาจจะเป็นจองชินหรือมินฮยอก และเขาก็ไม่อยากให้ใครได้เห็นว่าตัวเองกำลังอ่อนแอมากแค่ไหน
“ว้า…คุณลุงหลับซะแล้ว”
เสียงเจื้อยแจ้วช่างฟังดูคุ้นหู คนในผ้าห่มรีบปาดน้ำตา ต่อหน้าเลิฟลี่ ยงฮวาจะให้หนูน้อยได้เห็นน้ำตาไม่ได้เป็นอันขาด
“ใคร…ใครมา… ” ยงฮวาเปิดผ้าห่มออก แกล้งทำงัวเงียเหมือนว่าตัวเองนั้นนอนหลับเพิ่งตื่น มินฮยอกนั่งลงมองดูเด็กน้อยมาเยี่ยมไข้คุณลุง แม้จะอยากรู้ว่าไปพบจูฮยอนมาเป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนี้เขาต้องยอมสละเวลาให้เลิฟลี่ก่อน
เลิฟลี่ดีใจที่รู้ว่ายงฮวาตื่นแล้ว หนูน้อยยืนมองสำรวจคุณลุงอยู่ครู่ใหญ่ ได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกันว่ายงฮวาถูกยิง ฟังแล้วทำให้รู้สึกน่ากลัว
“เจ็บมากไหมคะ?”
“ไม่เจ็บแล้ว ลุงเป็นมนุษย์กระดูกเหล็ก” ยงฮวาตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม ก่อนหน้าเขาเสียใจและเจ็บปวดมาก แต่พอได้เห็นเลิฟลี่ก็เหมือนได้เห็นนางฟ้าตัวน้อยๆมาโปรดอย่างไรอย่างนั้น
“ลุงได้ขนมของหนูด้วย กินแล้วด้วย อร่อยมาก ขอบใจมากนะจ๊ะ”
เลิฟลี่เอาแต่ยืนยิ้ม จนยงฮวาต้องลุกขึ้นมาอุ้มหนูน้อยให้ขึ้นมานั่งด้วยกันบนเตียง มินฮยอกมองดูสองลุงหลานแล้วอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ดูยังไงพวกเขาก็เหมือนเป็นพ่อลูกกันไม่มีผิด
“คุยกันไปก่อน ผมจะออกไปดูต้นทางข้างนอกนะครับ”
ยงฮวาพยักหน้ารับรู้ เขารู้สึกขอบคุณมินฮยอกเป็นอย่างมากที่เขาช่วยเป็นธุระพาเลิฟลี่มาหาให้ได้ชื่นใจ
“คุณลุงจะนอนโรงพยาบาลกี่วันหรอคะ คุณแม่ทิฟฟานี่บอกว่า…วันพรุ่งนี้น้าจูฮยอนจะย้ายโรงพยาบาลแล้ว คุณลุงจะย้ายด้วยไหมคะ?”
คนฟังมีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด จูฮยอนตัดขาดจากเขาแล้ว ต่อให้ใจอยากจะตาม แต่จูฮยอนใจแข็งมาก ยิ่งเขาวิ่งเข้าหา เธอก็มีแต่จะวิ่งหนี
“วันพรุ่งนี้…หมออนุญาตให้ลุงกลับบ้านได้พอดี หลังจากวันพรุ่งนี้…ลุงคงไม่ได้กลับไปปาร์ตี้มันเผากับเลิฟลี่ แล้วก็...น้าจูฮยอนอีกแล้ว”
“ทำไมคะ? ทำไมถึงไปปาร์ตี้กันอีกไม่ได้ล่ะคะ?” หนูน้อยย้อนถามเสียงสั่น
“เพราะว่าบ้านของลุง…คือไร่แสงแห่งรัก ลุงเหนื่อยแล้ว…เหนื่อยจนไม่อยากจะไปไหนอีกแล้ว”
ฝ่ามือเล็กช่วยปาดซับหยดน้ำตาให้กับคุณลุงที่แสนใจดี เลิฟลี่รู้สึกใจหายและเจ็บในหัวใจ ที่รู้ว่าจากนี้ต่อไปจะไม่ได้พบ ไม่ได้เล่นกับยงฮวาอีก
“หนูจะต้องคิดถึงคุณลุง แล้วก็คิดถึง…คุณเท็ดดี้จองมากแน่ๆ ไม่ต้องร้องไห้นะคะ ถ้าคุณลุงยังร้องอีก หนูจะร้องตามแล้วนะ”
**********************100%*************************
อย่าลืมคอมเม้นท์ให้ไรเตอร์นะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องซอ คิดดีๆนะ
ต้องตัดใจเพื่อเลือกความสุขของลูก
ต้องกลับไป รอคนที่เรารัก แต่กลับผลัดเราออกจากชีวิต
กลับมาอยู่ด้วยกันเร็วๆนะ
ตอนนี้สงสารทั้งยง ซอและเลิฟลี่มากๆเลย
แต่มันจะไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้แล้วเหรอคะ สงสารความรู้สึกของทั้งคู่จัง
คนนึงเจ็บเพราะรู้เหตุผล แต่อีกคนเจ็บเพราะไม่รู้เหตุผลอะไรเลยอย่างไหน
น่าสงสารกว่ากันคะมันอึดอัดอัดอั้นแทนจริงๆ
ปัญหามันแก้ยากจริง ๆ ถ้าเลิฟลี่รู้จะเข้าใจมั้ย แค่คิดก็กลุ้มแทนซอแล้วค่ะ
ปล.ไรเตอร์สู้ๆคะ
แล้วก็เห็นใจยง อ่ะแบบคงท้อเต็มที
นี่จะหนีกลับไร่อีก ระยะทางระหว่างสองคนยิ่งจะห่างไกลไปอีก
อยากฝากความหวังไว้ที่ฮโยจังค่ะ แบบผู้กุมความลับแล้วล่ะทีนี้
เจ็บปวดทุกคนเลยทั้งพ่อยงแม่ซอและลูกสาว+รีดเดอร์เองก็เจ็บปวด😭
น้องซอ....ไม่มีทางอื่นที่ดีกว่านี้เลยเหรอลูกสงสารพี่ยงนอนมุดผ้าห่มร้องไห้
เลิฟลี่หนูช่วยคุณพ่อด้วยนะจ้ะคุณแม่ใจแข็งมากเลย
รอตอนต่อไปนะคะไรเตอร์
น่าสงสารยง รอ ทั้งที่ไม่รู้อะไร และไม่รู้ว่าว่าต้องรอจนถึงเมื่อไหร่
ทิ้งทุกอย่างไว้ แล้วกลับไปที่ไร่ก็ดียง
ชอบฉากยงกับเลิฟลี่ รักกันทั้งที่ไม่รู้ว่า รักที่มีให้กันนั้นมันมากกว่ารักของลุงกับหลาน
หากเลิฟลี่โตแล้วมารู้ทีหลัง คงยิ่งกว่าเจ็บ
10 ปีผ่านไป....
ตอนนี้อัพครบ100%เร็วมากๆ ขอบคุณนะคะ