ตอนที่ 20 : Lost in love Chapter 19 กลับบ้านเก่า [100%]

Lost in love Chapter 19
กลับบ้านเก่า
อยู่ดีดีก็ได้พบชินเฮอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แม้ว่าเรื่องเมื่อคืนที่เราคุยกันจะทำให้ยงฮวาไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก แต่เราก็ได้พูดคุยกันทุกอย่างแล้ว และชินเฮก็ลั่นวาจาออกมาเองว่าที่ถามถึงเรื่องนี้ ไม่ได้เพราะต้องการจะไปจองเวรหรือทำร้ายใคร เธอรู้ดีว่าตลอดมาทำผิดกับยงฮวามาตั้งแต่ต้น ถ้าวันหนึ่งวันใดเขาได้มีความสุขและได้รับความรักที่แท้จริง เธอจะดีใจไปกับเขาด้วย
“มาคุยกันหน่อยสิ พอจะมีเวลาใช่ไหม?”
เด็กนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างพากันหันมองดูคู่สามีภรรยาคนดังพากันเดินออกไปด้วยกัน ซึ่งภาพนั้นแม้แต่ซออึนฮีเองก็ยังได้เห็น
“คุณอึนฮีคะ ท่านอธิการบดีเรียกพบค่ะ”
….
ซออึนฮีเข้ามาพบพี่ชายซึ่งได้นัดหมายกันไว้ก่อนแล้ว เป็นเพราะก่อนหน้าพี่ชายของเธอไม่พอใจและไม่สบายใจเอามากๆ ที่ได้รู้ว่าจูฮยอนจะพาเลิฟลี่กับเพื่อนไปทัศนศึกษาที่ไร่แสงแห่งรักจึงเรียกเธอมาต่อว่าไปแล้วครั้งหนึ่ง
ในวันนี้สีหน้าของซอซอนมินแลดูอิดโรยมากไปกว่าในทุกวัน นับวันเขาก็มีแต่จะอายุมากขึ้น แถมสังขารยังร่วงโรยไปตามกาลเวลา ความปรารถนาเดียวของชายชราคนนี้ก็หวังแค่ว่าอยากเห็นลูกสาวก้าวเข้ามาแทนที่แทนตำแหน่งของตนอย่างสง่างาม และซอซอนมินก็มั่นใจว่าจูฮยอนจะสามารถทำมันได้ดี
“ไหวหรือเปล่าคะ ความจริงแล้วพี่น่าจะไปโรงพยาบาล”
“ไม่ต้องหรอกน่า พี่ไม่เป็นไรหรอก แล้วนี่เธอ…จัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ฉันนัดเขาคนนั้นเรียบร้อยแล้ว จากนี้พี่ก็แค่ต้องรักษาสุขภาพร่างกายให้ดี จะได้อยู่รอดูจูฮยอนแต่งงานไงคะ”
ซออึนฮีกลับเข้ามายังห้องทำงานของตัวเอง นานมากแล้วที่ตลอดมาเธอต้องอยู่ตรงนี้ตลอด และคงไม่มีโอกาสได้ไปที่อื่น นอกเสียจากต้องแก่ตายอยู่ตรงนี้
ปาร์คชินเฮเดินกลับมาหลังได้พบพูดคุยกับยงฮวามาพักใหญ่ เธอเพิ่งได้รู้ว่ายงฮวารู้จักสนิทสนมกับซออึนฮีมาเกือบจะเป็นสิบปีแล้ว แถมเขายังสนิทสนมกับอาจารย์มากกว่าเธอไม่รู้กี่เท่าตัวอีกด้วย
“มาแล้วหรอจ๊ะ” ผู้เป็นอาจารย์ทักทายลูกศิษย์เก่าพร้อมกับรอยยิ้ม
เป็นครั้งแรกที่ชินเฮรู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวมันเปลี่ยนไปหมด ไม่เว้นแม้แต่คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอด้วย
“อาจารย์รู้…รู้มาตลอดเลยว่าหนูกับยงฮวา… ”
อึนฮีรู้ทุกอย่าง เธอรู้ดีว่าปาร์คชินเฮจะต้องตกใจไม่น้อย ตลอดมาก็เพราะความเชื่อใจ เธอถึงได้มาที่นี่ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ตอนนี้…เธอคงมีคำถามมากมายที่อยากจะถามเลยสินะจ๊ะ”
ชินเฮไม่รู้จะพูดอะไร พยายามคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของเธอแต่มันก็เกี่ยวกับเธออยู่ดี
“ทำไมคะ? ทำไมอาจารย์ถึงเห็นดีเห็นงามให้หนูเลือกยงฮวา ทั้งที่เขาเป็น…?”
“คำตอบง่ายมากจ๊ะ มันเป็นเพราะว่า…ยงฮวาไม่คู่ควรกับจูฮยอนไง”
“ไม่คู่ควร ทั้งที่อาจารย์กำลังทำตัวเหมือนเป็นแม่สื่อให้พวกเขาเนี่ยนะคะ”
ถ้อยคำยอกย้อนนั้นทำให้อึนฮีถึงกับสะดุ้งตกใจ เธอพลาด เพราะคิดไม่ถึงว่าคนอย่างยงฮวากับชินเฮจะสามารถนั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องส่วนตัวให้กันและกันได้แบบนี้
“ยงฮวาบอกว่า เขามาขอบคุณที่อาจารย์ยอมช่วยให้ซอจูฮยอนพาเด็กๆไปทัศนศึกษาที่ไร่แสงแห่งรัก”
“ถ้าจะให้พูดตามตรง ทั้งอาจารย์และเธอต่างก็รู้ดีว่ายงฮวาเป็นคนดีมากแค่ไหน ตลอดมาอาจารย์ไม่เคยรังเกียจหรือคิดว่ายงฮวาไม่เหมาะสมกับจูฮยอนเลย แต่มันเป็นเพราะว่าพี่ชายของอาจารย์ ไม่อยากได้ยงฮวามาเป็นลูกเขย”
“ไม่รู้สิคะ หนูรู้สึก…ว่าเหมือนถูกอาจารย์หักหลัง”
ซออึนฮีคลี่ยิ้ม แต่เดิมทีเธอก็แค่อยากผูกพวกเขาทั้งหมดด้วยความรักและความเกลียดชัง แต่ปาร์คชินเฮโง่เง่าเกินไป ไม่ยอมเดินตามเกมของเธอเลย ถึงจะเจ็บอีกกี่ครั้ง หัวใจของปาร์คชินเฮก็เป็นของลีจงซอกเสมอ
“อาจารย์หักหลังเธอยังไงหรอจ๊ะ? ในเมื่อทุกอย่าง…เธอเป็นคนเลือกเองทั้งนั้น”
ชินเฮตั้งท้อง เธอไม่กล้าพอที่จะทำแท้ง หนำซ้ำพ่อของเด็กยังไม่พร้อมที่จะเสียสละชื่อเสียงเงินทองเพื่อคนรักและเลือดเนื้อของเขา เธอก็แค่ให้คำปรึกษาว่าการอุ้มท้องโดยไร้ซึ่งสามีมันยากเกินไปสำหรับลูกผู้หญิงตัวคนเดียว อนาคตของชินเฮในวงการจะจบเห่ จะไม่มีใครอยากมอบโอกาสดีดีให้เธออีก เว้นเสียแต่ว่า…เธอจะแต่งงานกับใครสักคน แล้วให้เขาคนนั้นมาเป็นพ่อของเด็กในท้อง เหตุผลที่ชินเฮเลือกยงฮวาก็เพราะชินเฮเป็นคนเลือกเขาเอง…เพราะเธอคิดว่าเขาโง่
“แล้วทำไมอาจารย์ถึงไม่บอกหนูตั้งแต่แรกว่ารู้จักกับยงฮวาด้วย?”
“ก็เพราะอาจารย์คิดว่ามันไม่สำคัญนี่จ๊ะ ต่อให้เธอรู้ แล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า เธอไม่ได้แย่งของของใครมาเลย ยงฮวากับหลานของอาจารย์จบกันไปตั้งนานแล้วด้วย”
“….” ชินเฮยืนนิ่ง แต่เดิมทีซออึนฮีสนับสนุนให้เธอเลือกยงฮวา แต่พอมาตอนนี้ท่านกลับมีท่าทีเปลี่ยนไป แถมยังเปลี่ยนข้างยืน ยินดีที่จะสนับสนุนยงฮวาให้กลับไปลงเอยกับหลานสาว ท่านทำแบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าบีบเธอ แล้วจะให้เธอคิดแบบไหน
“หมายความว่า…หนูควรจะหย่ากับยงฮวาก่อนครบกำหนดสามเดือนใช่ไหมคะ?”
“อันนั้นก็แล้วแต่เธอจ๊ะ อาจารย์ไม่เข้าไปยุ่งอยู่แล้ว”
“แล้วถ้าหนูไม่ยอมหย่าล่ะคะ?”
“ถ้าเธอไม่หย่า ซอจูฮยอนจะตกเป็นมือที่สาม แต่จะว่าไปเรื่องนั้นมันก็ไม่สำคัญหรอกนะ เพราะว่ามันมีอีกเรื่องนึงที่เธอยังไม่รู้…ลีจงซอกสร้างชื่อเสียงเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของมหาวิทยาลัย โปรไฟล์ของเขาดูดีทุกอย่าง แม้ว่าข้างในจะกลวงโบ๋ก็มีน้อยคนที่จะรู้”
“หมายความว่ายังไงคะ? อาจารย์กำลังจะบอกอะไรกับหนูกันแน่!?”
“คนอย่างลีจงซอกคงไม่บอกเธอ แล้วเขาก็คงไม่มีวันยอมบอกเธอแน่ๆ ว่าเขาถูกวางตัวให้เป็นว่าที่ลูกเขยของท่านอธิการบดี ดูเหมือนว่าเขาจะเต็มใจซะด้วยสิ รู้อย่างนี้แล้ว เธอคิดจะทำยังไงต่อไปล่ะจ๊ะ?”
…!!
จูฮยอนเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังแผนการพาเด็กชั้นประถมไปทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้การปลูกพืชผักสวนครัวที่ไร่แสงแห่งรัก เลิฟลี่กับเพื่อนร่วมชั้นจะต้องเดินทางร่วมกันด้วยรถไฟเที่ยวหกโมงเช้า มีกำหนดเดินทางกลับออกจากไร่ในช่วงสี่โมงเย็น เด็กทุกคนจะต้องกลับถึงบ้านไม่เกินหนึ่งทุ่มหรือสองทุ่มเป็นอย่างช้า
แม้จะสอนชั้นมัธยมแต่คุณครูซึงยอนก็มีรายชื่อต้องร่วมเดินทางไปช่วยดูแลเด็กๆที่ไร่แสงแห่งรักด้วย ซึงยอนนั้นเต็มใจที่จะไปช่วยงาน หากแต่ในช่วงหลายวันมานี้ เธอมีอาการไม่ค่อยดี เดี๋ยวป่วยเดี๋ยวหายจนทำให้กลัวว่าจะร่วมเดินทางไปดูแลเด็กๆได้ไม่เต็มที่ เธอจึงตัดสินใจขอยื่นใบลาแทน
หลังเสร็จสิ้นจากการประชุม จูฮยอนได้รับเอกสารที่ถูกส่งตรงมาถึงมือในแบบสดๆร้อนๆ เป็นข้อมูลของผู้หญิงคนนั้น คนที่เคยพาเธอไปทิ้งไว้ในป่า
ประวัติการทำงานเมื่อ 7 ปีก่อน หลังจากทิ้งเธอไว้ในป่าแบบไม่มีสาเหตุ จากนั้นไม่ถึงปีหลังจากที่เธออุ้มท้องไปอเมริกา อาอึนฮีเป็นคนรับผู้หญิงคนนี้เข้าทำงานเป็นแม่บ้านในมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะลาออกไปเมื่อสามปีก่อน ไม่มีประวัติการทำงานต่อจากนั้น จนกระทั่งปรากฎตัวครั้งล่าสุดที่โรงเรียนแห่งนี้ ตรวจสอบแล้วพบว่าสมัครเข้ามาทำงานด้วยตัวเอง ไม่มีเส้นสาย ไม่มีใครฝากเข้ามา น่าจะได้พบกับจูฮยอนด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะถ้ารู้ว่าจะมาพบเธอ เธอคนนั้นก็ไม่น่าจะมาทำงานที่นี่ตั้งแต่แรก
มีชื่อของซออึนฮีกำกับอยู่อย่างชัดเจนในช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งที่ท่านก็รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มีเจตนาทิ้งเธอเอาไว้ในป่า แต่ทำไมอาถึงยังรับคนคนนี้เข้ามาทำงาน แล้วก็บอกกับเธอว่าตามหาคนคนนี้ไม่พบตลอดเจ็ดปีมานี้
“ตอนนี้เธออยู่กับสามีครับ แต่ว่าทั้งสองคนไม่ได้กลับบ้านมาพักใหญ่แล้ว”
“พักใหญ่นี่คือ…นานแค่ไหนหรอคะ?”
“ผมถามจากเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง ประมาณเกือบ 1 เดือนได้แล้วครับ ที่พวกเขาสองคนไม่ได้กลับเข้าบ้านเลย”
น่าจะเป็นเวลาใกล้เคียงกับในวันที่ได้พบกันที่โรงเรียนแน่ๆ จูฮยอนมั่นใจว่าจะต้องเป็นเวลานี้
“แล้วพวกนักเลงในคราบชุดสูทพวกนั้น?”
“ไม่มีที่อยู่หรือหลักแหล่งแน่ชัดครับ จุดนี้ค่อนข้างอันตรายถ้าคุณจะไปพบพวกเขาคนเดียว ผมบอกได้แค่ว่าพวกเขายินดีทำงานให้กับใครก็ได้ที่มีเงินจ้าง ส่วนผู้ว่าจ้างก็ล้วนเป็นคนหน้าเดิมที่ได้รับการติดต่อ ได้รับการแนะนำมาจากคนเดิมๆครับ คนพวกนี้ค่อนข้างระวังตัวมากเลยทีเดียว ถ้าผู้ว่าจ้างหน้าใหม่ๆที่ไม่ใช่คนรู้จักมักคุ้นแนะนำมา พวกเขาจะไม่รับทำงานให้เด็ดขาด”
“แล้วพอจะสืบได้ไหมคะว่าใครเป็นคนจ้างให้คนพวกนี้มาทำร้ายจองยงฮวาในวันนั้น?”
“ยากจริงๆครับ ผมสืบยากเพราะเป็นแค่นักสืบธรรมดา แต่ถ้าเรื่องถึงมือตำรวจจะง่ายมากกว่าเพราะพวกเขาย่อมมีอำนาจในการสืบโดยตรงอยู่แล้ว”
แต่เดิมทีมินฮยอกไม่ได้อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของจูฮยอนแต่อย่างใด หากแต่ถ้าเรื่องที่จูฮยอนต้องการรู้มีความสุ่มเสี่ยง เขาก็มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ ในฐานะของเพื่อน เขาจะไม่ยอมปล่อยให้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับจูฮยอนแน่นอน
“แปลกนะครับ ทั้งเรื่องของคุณจูฮยอน กับเรื่องของคิมยองวอนมันแปลกมากเลยจริงๆ”
“แปลกยังไงครับ?” มินฮยอกเอ่ยถามคุณนักสืบ
“คนที่คุณป้าคิมยองวอนให้สืบหา เขาคนนั้น…เป็นสามีของคนที่คุณจูฮยอนให้สืบหาครับ”
“คุณกำลังบอกผม ว่าเรื่องของคนสองคน อาจจะเป็นเรื่องเดียวกัน?”
“เปล่านะครับ ผมก็แค่แปลกใจ ตามสืบหาคนมาก็เยอะ ไม่เคยสืบครั้งเดียวได้นกสองตัวแบบนี้มาก่อนเลย”
ยองวอนผิดหวังที่อุตส่าห์ตามสืบจนเกือบจะพบตัวแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายคนคนนั้นกลับไม่อยู่เสียแล้ว
“นี่บ้านใครหรอครับ? ใช่บ้านของคนคนนั้นไหม คนที่ป้าต้องการที่จะพบให้ได้”
“ใช่จ๊ะ ป้าแอบหวังว่าถ้าเรามา…เราอาจจะพบเขาก็ได้” ยองวอนรู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าของบ้านไม่ได้กลับมาพักใหญ่แล้ว ความจริงแล้วเธออยากมาแค่คนเดียว แต่ยงฮวายืนยัน ไม่ว่ายังไงเขาก็จะมากับเธอให้ได้ เหตุผลก็เพราะว่าเขาเป็นห่วง กลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัยก็เลยขอตามติดมาด้วย ซึ่งการมียงฮวามาเป็นเพื่อนก็ทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจมากด้วยเหมือนกัน
“ถ้ายังไงก็อย่าท้อนะครับ ผมคิดว่าเราจะต้องแอบมาดูที่นี่บ่อยๆ ผมเชื่อว่าเขาคนนั้นจะต้องกลับมาแน่ๆครับ”
“ป้ารู้สึกมาตลอดว่าเหมือนมีใครสักคน ไม่อยากให้ป้าอยู่ตรงนั้น”
“ยังไงหรอครับ ที่ตรงนั้น…คือที่ตรงไหนหรอครับ?”
จูฮยอนนั่งรอยงฮวาอยู่ที่หน้าห้อง นั่งรอไปก็เอาแต่คิดถึงหลักฐานมากมายที่มีอยู่ในมือ เธอพยายามที่จะปะติดปะต่อมันเข้าด้วยกัน หากแต่ความจริงที่ปรากฎออกมามันเริ่มน่ากลัวมากเกินไป
ข้อสันนิษฐานแรกเป็นเรื่องเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ถ้าไม่คิดอะไรให้ซับซ้อน คำตอบมันก็ตรงตัว จูฮยอนไม่เชื่อว่าพ่อบังเกิดเกล้าจะให้คนเอาเธอไปปล่อยทิ้งไว้ในป่า แต่ถึงแม้ชื่อของซออึนฮีจะกำกับอยู่ในเรื่องนี้อย่างชัดเจน แต่คุณอาผู้แสนดีที่เคยช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด หนำซ้ำเราสองคนอาหลานยังสนิทสนมกันมากจนสามารถที่จะพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ยิ่งคิดหาคำตอบ จูฮยอนก็ยิ่งหวาดกลัว
ถัดมาที่เรื่องของกลุ่มคนที่มาทำร้ายยงฮวาในคืนนั้น เธอมีหลักฐานเป็นรูปถ่ายของพวกเขาเกือบทั้งหมด ซึ่งถ้ารู้ว่าใครเป็นผู้ว่าจ้าง เธอก็จะได้รับคำตอบทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันถ้าคำตอบออกมาเป็นพ่อของตัวเอง ถึงตอนนั้นจูฮยอนจะเดินออกจากเรื่องนี้ได้ยังไง
ในทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ยงฮวาฉีกยิ้มจนปากกว้าง ไม่ง่ายเลยที่จูฮยอนจะเป็นฝ่ายมานั่งรอ ปกติแล้วน่าจะเป็นเขามากกว่าที่จะต้องนั่งอยู่ตรงนั้น เฝ้ารอเดือนเฝ้ารอพระจันทร์ว่าจูฮยอนจะยอมออกมาพบพูดคุยด้วยหรือเปล่า
“รอพี่อยู่หรอ!?” ยงฮวายื่นหน้าเข้ามาทักเสียงดัง ทำเอาจูฮยอนที่ก่อนหน้ากำลังนั่งคิดอะไรอยู่เพลินๆ ถึงกับตกใจประหนึ่งเห็นผีโผล่ออกมา
…!
“ตกใจหมด ทำไมต้องทำเสียงดังด้วยคะ พูดปกติธรรมดาก็ได้” จูฮยอนบ่นหน้าหงิกงอ
ยงฮวานั่งลงเคียงข้าง ช่องว่างระหว่างเราถูกคั่นกลางด้วยกล่องข้าวกล่องโตที่ป้ายองวอนฝากมาให้เหมือนกับในทุกวัน ความจริงแล้วจูฮยอนควรที่จะไปกินด้วยกันที่ร้านมากกว่า แต่คงไม่ดีแน่ถ้ามีคนเห็นเราอยู่ด้วยกันในสถานที่เปิดแบบนั้น แต่ป้ายองวอนก็แสนใจดี ทำอาหารมาฝากจูฮยอนทุกวัน ทำให้ฟรีไม่คิดเงินอีกต่างหาก
“ป้าฝากมาหรอคะ ฉันเกรงใจจัง จะจ่ายเงินให้ แต่ป้าไม่เคยรับเงินเลย” จูฮยอนก้มมองอาหารกล่องโตด้วยความซาบซึ้งใจ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองไปเพิ่มภาระให้ แต่ขณะเดียวกันได้กินอาหารฝีมือป้าทีไร จะต้องรู้สึกอบอุ่นและคิดถึงแม่ทุกที
“ป้าตั้งใจทำเพื่อเธอเลยนะ แค่กินให้หมด ท่านก็ดีใจแล้ว”
“ทำไมป้าถึงดีกับฉันจังเลยคะ พี่พอจะรู้บ้างไหม?” นับตั้งแต่ครั้งแรกแล้วที่ได้พบกับท่าน ได้เป็นลูกค้าสองคนแรกของวัน ป้าเอาแต่มองเธอแล้วก็ยิ้ม วันนั้นอาหารในจานของเธอทั้งเยอะแล้วก็อร่อยมากกว่าใคร แม้แต่ยงฮวายังแอบบ่นเลยว่าทำไมเนื้อในจานของเขาถึงมีน้อยกว่าของเธอมากขนาดนั้น
“คงเป็นเพราะว่า…ป้าคงคิดถึงลูกสาวของท่านมั้ง”
จูฮยอนหันมองหน้ายงฮวาด้วยความแปลกใจ เธอไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าป้ายองวอนมีลูกสาว
“ป้าบอกพี่หรอคะ ว่าท่านมีลูกสาว?”
“…!” รู้ว่าตัวเองหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองออกมา ยงฮวานั้นถึงกับออกอาการกระอักกระอ่วนมากเลยทีเดียว
“พี่พูดอย่างนั้นหรอ? สงสัยคงพูดผิดน่ะ ลืมๆมันไปเถอะ น่าจะฟังเรื่องของคนอื่นมาเยอะ ก็เลยเอามายำรวมกันจนมั่วไปหมด”
ยงฮวาถอนหายใจได้อย่างโล่งอก เมื่อจูฮยอนไม่ได้นึกสงสัยหรือสอบถามอะไรต่อ เขาไม่น่าหลุดปากเลย ถ้าป้ารู้ว่าเขาพูดเรื่องของท่านกับคนอื่น ท่านคงจะต้องโกรธมากแน่
“แล้วว่าแต่วันนี้ลงทุนมานั่งรอ เป็นเพราะว่าคิดถึงพี่…ใช่ไหมล่ะ?”
รอยยิ้มของคนถามทำให้จูฮยอนรู้สึกหายใจได้ลึกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ทุกครั้งที่ได้เห็น รอยยิ้มของจองยงฮวาจะดูทะเล้นมากขึ้นในทุกครั้งเลย
“คือว่ามีเรื่องอยากรบกวนน่ะค่ะ คือวันพรุ่งนี้พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าเลิฟลี่จะไปเรียนปลูกผักที่ไร่ พอดีว่า…ฉันมีประชุมในช่วงเช้า ต้องตามเด็กๆไปช่วงสาย ฉันอยากขอร้องให้พี่ช่วยดูแลเลิฟลี่กับเพื่อนๆเป็นกรณีพิเศษด้วยนะคะ”
ที่แท้ก็เป็นห่วงหลานสาว ซึ่งเรื่องนั้นยงฮวาเองก็สั่งกำชับจองชินไปเรียบร้อยแล้วด้วยเหมือนกัน
“ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเลย พี่ดูแลให้เต็มที่อยู่แล้ว เธอทำงานเสร็จแล้วก็รีบตามมานะ ค่อยๆขับรถมา ไม่ต้องรีบร้อน เน้นให้ปลอดภัยไว้ก่อน ถึงอาจมาช้าแต่ก็ยังดีกว่าไม่มา”
ยงฮวาเปิดเผยความรู้สึกในแบบตรงไปตรงมาเสมอ ต่างกับจูฮยอนที่ทำได้แค่นั่งรับฟังแล้วก็เก็บซ่อนความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ในใจ เธออยากบอกว่า…ทุกครั้งที่หันมองมาแล้วเห็นยงฮวาอยู่ข้างๆ เธอไม่รู้สึกเหงาหรือว่าโดดเดี่ยวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เมื่อก่อนเธอเอาแต่ตัดพ้อเขาเพราะคิดว่าเขาทำให้เธอต้องเสียใจ แต่เธอไม่เคยรู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ต้องพบเจอหรือผ่านพ้นกับเรื่องอะไรมาบ้าง ถ้ายงฮวาไม่พาเธอออกมาจากป่า วันนี้ก็คงไม่มีซอจูฮยอน แล้วก็…ไม่มีเลิฟลี่ด้วย
“ไร่แสงแห่งรัก…ชื่อเพราะดีนะคะ เมื่อก่อนไม่เห็นว่ามันจะมีชื่อเลย”
ยงฮวาถอนหายใจออกมาอย่างยืดยาว ถ้าตรงหน้าเราคือท้องฟ้าก็คงสวยดีไม่น้อย แต่ทว่าผนังสีทึบไม่อาจปิดกั้นความรู้สึกและความรักที่มีได้ หากถามว่าถ้าย้อนเวลากลับไปแล้วเขาอยากพบกับจูฮยอนอีกไหม คำตอบของเขามั่นคงเสียยิ่งกว่าอะไรดี…จองยงฮวามีแต่ซอจูฮยอนอยู่ในหัวใจดวงนี้ตลอด
“คิดอยู่นานเลยล่ะว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรดี ตอนที่เอาแต่เดินไปเดินมา บังเอิญมองขึ้นไปท้องฟ้าแล้วเห็นดาวสองสามดวงอยู่บนนั้น พี่ก็คิดขึ้นมา…ว่าตอนนี้จูฮยอนจะกำลังทำอะไรอยู่ เธออยู่ไกลถึงอเมริกาจะกำลังมองดูท้องฟ้าแล้วเห็นดาวสองสามดวงนั้น เหมือนที่พี่เห็นหรือเปล่า? นั่นคือที่มาของชื่อไร่เลย”
จูฮยอนกลั้นน้ำตา เหมือนจะมีความสุขแต่ก็ทุกข์ใจมากกว่า ช่วงเวลาในอดีตของเราหายไปอย่างรวดเร็ว มันเหมือนเป็นแค่หมอกควัน อยู่ได้ไม่นานก็จางหายไป พยายามเอื้อมมือไขว่คว้าเท่าไหร่ก็คว้าไว้ไม่ได้
“ขอโทษจริงๆนะคะ ฉันรู้ว่ามันช้าเกินไป แต่ว่า…ฉันเสียใจจริงๆ”
ตลอดมายงฮวาไม่เคยอยากได้รับคำขอโทษหรือความเสียใจจากผู้หญิงคนนี้เลย เขารู้อยู่แล้วว่าจูฮยอนเป็นคนยังไง เรื่องราวเลวร้ายๆต่างๆนานา จูฮยอนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียว
“ทุกอย่างโอเคดีแล้ว พี่เก่งสุดๆไปเลยนะ รับรองว่าวันพรุ่งนี้เธอจะต้องได้เห็นไร่แสงแห่งรักที่สวยมากกว่าเดิมแน่”
ทุกอย่างจะต้องดีกว่านี้ หากว่าเราสองคนไม่มีเลิฟลี่ ทุกวันนี้แม้ว่าจะมองเห็นแสงสว่างเพียงเลือนราง แต่จูฮยอนยังหวังว่าสักวันตัวเองจะสามารถยืนอยู่ข้างเด็กคนนั้นในฐานะของแม่ เธออยากบอกยงฮวาด้วยว่าเขามีลูกสาวที่น่ารักและเขาก็รู้จักเด็กคนนั้นดี แต่เธอก็กลัว…กลัวว่าปัญหาจะถาโถมใส่เราหนักมากกว่านี้
“มีอะไร…ที่อยากจะพูดอีกหรือเปล่า? ถ้าอยากขอให้ช่วยทำอะไร บอกได้เลยนะ พี่ทำให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว” จูฮยอนเอาแต่มองหน้าของเขา ทำเหมือนยังมีเรื่องอยู่ในใจจนทำให้ยงฮวาต้องเอ่ยถาม
“ไม่แล้วล่ะค่ะ ฉันจะกลับเข้าห้องแล้ว พี่ก็…รีบไปพักผ่อนเถอะนะคะ” ร่างบางลุกขึ้นเตรียมจะกลับเข้าห้องของตัวเอง แต่ยงฮวากลับฉุดรั้งข้อมือบางเอาไว้
เขาอยากถ่วงเวลาให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันนานๆ ความรักที่ทำได้แค่เฝ้ามองดู หรือทำแค่พูดจาทักทาย แสดงความห่วงใยให้กันเหมือนกับเป็นแค่คนรู้จักทั่วไป ทั้งที่หัวใจรู้สึกต้องการมากกว่านั้น มันช่างเป็นความทุกข์ที่อธิบายยากเกินไป เขานึกไม่ออกเลยว่าหากวันหนึ่งจำเป็นจะต้องตัดใจ แล้ววันนั้นในหัวใจจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหนกัน
“พี่รอได้นะ ไม่ว่าจะให้รอนานแค่ไหน…พี่ก็รอได้” ยงฮวาเอาถุงอาหารยัดใส่มือให้กับหญิงสาวตรงหน้า เขาผิดเอง ผิดที่ไม่จัดการชีวิตของตัวเองให้ดีมากกว่านี้ จนมันทำให้ยุ่งยากกันไปหมด ถึงจะหย่าแล้วแต่มันก็คงไม่จบเรื่องง่ายๆ จากที่หวังว่าจะมีแต่ความสุขแต่นั่นไม่ต่างอะไรกับเป็นการทำร้ายจูฮยอนอยู่ดี
“ความจริงแล้ว…ฉันก็อยากให้พี่รอนะคะ แต่ว่า…ฉันเห็นแก่ตัวจนไม่อยากเสียสละอะไรเพื่อใครอีกแล้ว เพราะฉะนั้น…อย่ารออีกเลยค่ะ”
ร่างบางแทรกตัวผ่านประตูเข้ามาก่อนที่ประตูบานนั้นจะปิดสนิทลงด้วยความรวดเร็ว ยงฮวายืนมองน้ำตาเอ่อ แม้ว่าจูฮยอนจะพูดตัดทาง แต่หัวใจของเขากลับยังรั้นว่าจะยังคงเฝ้ารอ
พอกลับเข้ามาในห้อง จูฮยอนนั่งกอดกล่องข้าวทั้งน้ำตา ถ้าเธอไม่ได้เป็นแม่ของเลิฟลี่ เธอก็คงเลือกทำตามความต้องการของตัวเองไปแล้ว แต่เพราะเป็นแม่ เธอถึงไม่อยากทำให้เลือดเนื้อของตัวเองต้องแปดเปื้อน ตอนนี้ซอจูฮยอนไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนเดิมอีกแล้ว แต่เธอเป็นซอจูฮยอนที่ต้องแบกเรื่องราวและภาระมากมายเอาไว้บนบ่า เธอไม่มีหน้ายืนอยู่เคียงข้างยงฮวาแล้วทิ้งลูกสาวของตัวเองให้เป็นลูกของคนอื่น ครั้นจะบอกความจริงให้ยงฮวาได้รู้ก็ยิ่งทำไม่ได้ ชีวิตของเลิฟลี่จะเป็นยังไง ถ้าความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมา
ในทันทีที่เดินทางมาถึงไร่แสงแห่งรักในช่วงสาย เลิฟลี่กับเพื่อนๆได้รับการต้อนรับและการดูแลเป็นอย่างดี เด็กหลายคนชื่นชอบคุณผู้จัดการไร่ลีจองชิน เพราะว่าเขาทั้งใจดี สุภาพและเป็นกันเองกับพวกเด็กๆมาก แถมยังจัดเตรียมขนมและน้ำผลไม้อร่อยๆ มาให้กับพวกเด็กๆ รวมไปถึงคุณครูทุกคนด้วย
ฮโยยอนก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วได้แต่ถอนหายใจ ความจริงแล้วเธอไม่ได้มีรายชื่อให้มาช่วยดูแลเด็กๆในวันนี้หรอก แต่เป็นเพราะว่าอยากถือโอกาสมาพักผ่อนด้วยก็เท่านั้น หลังจบจากการเรียนปลูกพืชผักสวนครัว เธอกับจูฮยอนรวมไปถึงเลิฟลี่จะถือโอกาสนอนพักค้างคืนที่บ้านในสวนของจูฮยอนด้วยกัน จากนั้นเราค่อยเดินทางกลับในช่วงวันเสาร์ตอนเย็น
“คุณป้าคุณครูฮโยยอนขา…น้าจูฮยอนจะมาถึงกี่โมงหรอคะ?” เลิฟลี่แอบมากระซิบถาม หนูน้อยรู้สึกเสียดายที่น้าจูฮยอนไม่ได้ขึ้นรถไฟรอบเช้ามาด้วยกันเพราะว่าต้องทำงานให้เสร็จก่อน
“น่าจะเลยเที่ยงไปแล้วนะจ๊ะ แต่ไม่ต้องกลัวว่าน้าจูฮยอนจะไม่มาหรอกนะ น้าจูฮยอนจะต้องมาแน่ๆจ๊ะ เพราะถ้าไม่มา…เราก็จะไม่มีคนพาเที่ยว แล้วก็อาจจะไม่มีคนพากลับบ้านด้วย”
“ดื่มน้ำครับคุณครู”
“อ่า…ขอบคุณมากเลยค่ะ” ฮโยยอนรับน้ำผลไม้มาจากมือของคุณผู้จัดการไร่ เธอไม่คิดเลยว่ามือของเขาจะยังมีความนุ่มนิ่มหลงเหลืออยู่ ทั้งที่โดยปกติน่าจะแห้งกร้านเพราะจับจอบจับเสียมอยู่เป็นประจำ แต่นี่กลับยังนิ่มอยู่เลย พาให้ข้องใจเหลือเกินว่าเป็นผู้จัดการไร่ของที่นี่น่าจะทำงานสบายต่างไปจากที่คิดเสียแล้ว
จองชินเองก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมป่านนี้แล้วยงฮวาถึงยังมาไม่ถึงสักที เขาบอกเองว่าจะมาถึงตอนเช้า แล้วยังสั่งกำชับมาด้วยว่าให้ช่วยดูแลหลานสาวให้เป็นพิเศษ แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าเด็กคนไหน หันไปทางไหนก็มีแต่เด็กน้อยน่ารักเต็มไปหมด
“คุณครูครับ…คุณครูพอจะรู้ไหมว่าเด็กคนไหนชื่อ เลิฟลี่?”
หนูน้อยที่ยืนอยู่หันมองหน้าคุณครูก่อนที่จะหันมองหน้าคุณผู้จัดการ
“นี่ไงคะ เลิฟลี่ ว่าแต่…ถามถึง…ทำไมหรอคะ?”
จองชินก้มมองสบสายตากับหนูน้อยก่อนที่จะพ่นรอยยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ที่แท้เด็กคนที่ตามหาก็อยู่ไม่ไกลเลย เลิฟลี่ตัวจริงน่ารักสมคำล่ำลือ แต่ว่าดูไปดูมาหน้าก็แอบคล้ายยงฮวาด้วยเหมือนกัน
แต่เดิมทียงฮวาตั้งใจว่าจะไปถึงไร่แต่เช้า หากแต่เขาต้องไปรับชินเฮกับลูกสาวมาทำธุระสำคัญด้วยกันเสียก่อน กว่าธุระจะเสร็จก็เกือบเที่ยงวันเข้าไปแล้ว แถมชินเฮยังขอติดรถมาเที่ยวที่ไร่แสงแห่งรักด้วยกันอีกด้วย
“ฉันคง…ไม่ได้ทำให้นายลำบากใจใช่ไหม?”
“ไม่หรอก พาชินบีไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดีเหมือนกัน ถึงยังไงที่ไร่ก็ยินดีต้อนรับเธอกับชินบีเสมอ อยากไปเมื่อไหร่ก็ไปได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”
หนูน้อยซึ่งนอนพาดยาวอยู่บนเบาะหลังรถแอบหันมองพ่อกับแม่ทั้งน้ำตา ผู้ใหญ่อาจจะคิดว่าเด็กแค่ 3 ขวบคงไม่รู้เรื่องอะไรมากนัก แต่ชินบีซึมซับและจดจำทุกอย่างได้ดี
ชินเฮมองเส้นทางเบื้องหน้าพร้อมกับถอนหายใจ สาเหตุที่เรื่องทุกอย่างมันวุ่นวายแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าเธอทำตัวเอง
“สำหรับนาย…ระหว่างไร่แสงแห่งรักกับซอจูฮยอน อันไหนมีความสำคัญมากกว่ากัน?”
“ทั้งสองอย่าง ซอจูฮยอนเป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุดสำหรับไร่แสงแห่งรัก ฉันเสียใจ…ที่ที่ผ่านมาต้องปล่อยมือออกจากเธอ”
จองยงฮวาตรงไปตรงมาเสมอ เขาซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองแตกต่างกับลีจงซอกที่ตอบคำถามของเธอไม่ได้เลย คนคนนั้นยินดีที่จะตอบทุกอย่างตามความต้องการของตัวเอง ไม่เคยคิดที่จะสนใจคนอื่น ไม่สนใจแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
“คงไม่ว่าอะไรถ้าฉันจะบอกว่า…ฉันอิจฉาซอจูฮยอนมากๆ จนห้ามตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ”
เด็กๆศึกษาเรียนรู้การปลูกพืชผักสวนครัวด้วยความสนุกสนาน จองชินดูแลและให้คำแนะนำปรึกษาเป็นอย่างดี วันนี้แดดไม่แรงมากนัก อากาศเย็นสบายกำลังดีเหมาะสมกับกิจกรรมกลางแจ้ง ไม่มีเด็กคนไหนทำตัวงอแงเลยด้วย
จูฮยอนมาถึงในช่วงเที่ยงวัน เลิฟลี่ดีใจที่เห็นน้ามา แต่ขณะเดียวกันก็ต้องตั้งใจเรียนปลูกผักด้วย
ยงฮวาบอกว่าจะมาแต่เช้า แต่เธอไม่เห็นเขาอยู่แถวนี้เลย จูฮยอนสอบถามถึงสถานการณ์โดยรวมกับคุณครูที่รับหน้าที่ดูแลเด็ก ซึ่งทุกอย่างก็เรียบร้อยดี ไม่มีอะไรให้น่าห่วงกังวล
ไร่แสงแห่งรักในวันนี้ยิ่งใหญ่มากกว่าในอดีตมากนัก ถึงจะเคยเห็นมาแล้วจากในรูปถ่ายที่นักสืบส่งให้ แต่มันก็สวยสู้ของจริงไม่ได้ ยืนมองดูเท่าไหร่ก็เห็นแต่พืชผักผลไม้สุดลูกหูลูกตา
“ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่ช่วยดูแลเด็กๆให้เป็นอย่างดี”
“ไม่เป็นไรเลยครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” คุณผู้จัดการไร่ยิ้มรับ เด็กนักเรียนของจูฮยอนน่ารักและว่านอนสอนง่ายมาก น้อยคนนักที่จะทำตัวซุกซนหรือทำให้หนักใจ
ยืนคุยกับคุณผู้จัดการไร่ได้ไม่นานนักรถยนต์คันคุ้นตาก็แล่นเข้ามาจอด จูฮยอนหันมองดูสามคนพ่อแม่ลูกที่พากันเดินเข้ามาในไร่ เธอต้องส่งยิ้มทักทายพวกเขาทั้งหมด พร้อมไปกับต้องกลั้นน้ำตา
ไม่ว่าสถานะของพวกเขาจะเป็นยังไง แต่ถ้ายงฮวาสามารถเป็นคุณพ่อที่มีความสุขได้ จูฮยอนคิดว่านั่นคือทางออกที่ดีและเธอก็จะยินดีไปกับพวกเขาด้วย เลิฟลี่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าตัวเองเกิดมาจากไหน เพราะตอนนี้เด็กคนนั้นมีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว ส่วนเธอ…ก็แค่แยกกันเดินเหมือนกับที่ผ่านมา
*********************100%*************************
Dear Santa ตอน 2 อัพแล้วนะคะ
เป็นเรื่องราวน่ารักๆ ที่ไรเตอร์ตั้งใจแต่งให้กับทุกคนในช่วงคริสต์มาสนี้ค่ะ
http://writer.dek-d.com/angleinblue/writer/viewlongc.php?id=1412273&chapter=2นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฉันต้องกินมาม่าใช่ไหม
ฮือออออออออ ㅠ ㅠ
ยงซอก็เสียสละอะไรไปหลายๆอย่างเลย
ส่วนชินเฮทำไมจู่ๆก็อยากไปเที่ยวที่ไร่กับยงด้วย
เดินออกไปเงียบๆ
ปล.ไรเตอร์สู้ๆคะ
ถ้ายงรู้เรื่องลุก ทุกอย่างจะง่ายกว่าเดิมไหม คงต้องลุ้นต่อไป
ถึงยงรู้ว่าเลิฟลี่คือลูก แต่มีปมที่ยงแต่งงานแล้วอีก
วุ่นวายกันไปหมดจนหาทางออกไม่เจอจริง ๆ ค่ะ
เมื่อไหร่ถึงจะได้มีความสุขกันสักทีนะ
ชินเฮหวังว่าเธอจะยอมปล่อยยงนะ