ตอนที่ 17 : Lost in love Chapter 16 นานแค่ไหนก็จะรอ [100%]

Lost in love Chapter 16
นานแค่ไหนก็จะรอ
ผลการตรวจสุขภาพโดยรวมของยองวอนไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และเพราะมีเรื่องแพ้อาหารของเลิฟลี่แทรกเข้ามาจึงทำให้ยงฮวาลืมที่จะสนใจสอบถามคิมยองวอนว่าเธอวิ่งตามใครออกไปจากร้าน
“เลิฟลี่แพ้อาหารหรอจ๊ะ แย่จัง แล้วหนูนั่นเป็นอะไรมากหรือเปล่า?” ยองวอนแสดงอาการวิตกกังวลไม่น้อย เด็กตัวเล็กๆแพ้อาหารจนถึงขั้นหายใจเองไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ จูฮยอนเองก็แย่เลยเหมือนกัน เอาแต่โทษตัวเอง ทั้งที่ความจริงแล้ว…จูฮยอนเองก็ไม่รู้อะไรเลย เลิฟลี่ไม่เคยแพ้อาหารมาก่อน อยู่ดีดีกลับมาแพ้ชาดอกเก็กฮวย…เหมือนผมเลย”
ยองวอนมองหน้ายงฮวาแล้วได้แต่มึนงง แต่ทุกอย่างอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญมากกว่า
“แล้วตอนนี้ หนูเลิฟลี่อยู่ที่ไหนจ๊ะ ป้าเข้าไปเยี่ยมได้หรือเปล่า?”
….
….
จูฮยอนนั่งเฝ้าดูเลิฟลี่ไม่ยอมห่าง เธอรู้สึกผิดมากเพราะว่าตัวเองเป็นคนชงชาให้เลิฟลี่ดื่มเองกับมือ
“หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” เด็กหญิงบอกกับน้าสาวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ระหว่างทางน้าจูฮยอนจับมือและคอยบอกให้เลิฟลี่อดทนไว้ ถึงจะทรมานแต่ความห่วงใยนั้นทำให้หนูน้อยรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงใยที่น้ามอบให้
“ดีแล้วจ๊ะ หลานสาวของน้าเก่งมากๆ” จูฮยอนจับมือของหนูน้อยเอาไว้พร้อมกับบีบแน่น น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าของคนเป็นแม่ยังคงหลั่งไหลออกมาไม่หยุด ถ้าเลิฟลี่เกิดเป็นอะไรไปขึ้นมา เธอคงอยู่บนโลกนี้ต่อไปไม่ได้ด้วยเหมือนกัน
ฮโยยอนกับมินฮยอกซึ่งเพิ่งจะตามมาถึงได้ไม่นานต่างพากันนั่งเงียบเพราะรู้สึกซาบซึ้งไปกับความรักความผูกพันของสองน้าหลาน ขนาดหมอบอกว่าเลิฟลี่พ้นขีดอันตรายแล้วแต่จูฮยอนก็ยังคงเอาแต่นั่งเฝ้ามองไม่ห่าง ความรักที่จูฮยอนมีต่อหลานสาวดูแล้วมันยิ่งใหญ่ไม่ต่างไปกับความรักของแม่เลย
เป็นอีกครั้งที่เดทของมินฮยอกมีอันต้องสะดุดลง แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้ดีว่าเรื่องไหนมีความสำคัญมากกว่ากัน
“หนูจะต้องหายเร็วๆนะคะ น้าจูฮยอนเป็นห่วงหนูมากเลยนะรู้ใช่ไหม”
เด็กหญิงพยักหน้าตอบรับคำถามของคุณป้าฮโยยอน เลิฟลี่รู้ดีว่าน้าเป็นห่วงและรักเธอมากแค่ไหน
ทุกคนในห้องพากันหันมองดูคนมาใหม่ ยงฮวาพาป้ายองวอนมาเยี่ยมหนูน้อย ซึ่งก่อนหน้าจูฮยอนได้พบยงฮวาแล้ว แต่สำหรับป้ายองวอนเธอไม่คิดว่าท่านจะมาอยู่ที่นี่ด้วย
“คือว่าวันนี้ป้ายองวอนเป็นลมน่ะ เพราะพี่พาป้ามาโรงพยาบาล ก็เลยทำให้ได้รู้ว่าเลิฟลี่เข้าโรงพยาบาลด้วยเหมือนกัน”
“ป้าเป็นลมหรอคะ แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า?” จูฮยอนรีบปาดน้ำตาก่อนที่จะเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไรแล้วจ๊ะ คนแก่ก็อย่างนี้แหละ เป็นลมเอาได้ง่ายๆ แต่โชคดีที่ตอนนั้นยงฮวาอยู่ด้วย ว่าแต่…หนูเลิฟลี่เป็นยังไงบ้างจ๊ะ คงไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมลูก?”
“หมอบอกว่าแค่ให้นอนดูอาการน่ะค่ะ พรุ่งนี้น่าจะกลับบ้านได้” จูฮยอนพูดตอบ เธอรู้สึกขอบคุณในความห่วงใยที่ป้ามอบให้ ขนาดว่าตัวเองป่วยแต่ก็ยังมาเยี่ยมเลิฟลี่ถึงที่นี่
“ป้าจะต้องดูแลตัวเองดีดีนะคะ แล้วถ้าหลังจากนี้เกิดเป็นลมอีกล่ะคะ จะทำยังไง?”
“โธ่…ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ป้าตรวจสุขภาพมาหมดแล้วด้วย ปกติดีทุกอย่าง คงจะไม่ได้เป็นลมบ่อยๆหรอก อย่าเป็นห่วงป้าเลย เลิฟลี่เป็นหนักกว่าป้าเสียอีก คงทรมานน่าดู”
เลิฟลี่แพ้หนักมาก ต่างกับยงฮวาที่แพ้นิดหน่อยเพียงเท่านั้น พ่อกับลูกต่างเหมือนกัน ต่อไปนี้จูฮยอนจะต้องจดจำและเรียนรู้จากเขาในอีกหลายๆอย่างเสียแล้ว
ยงฮวาขยับเข้ามาดูเลิฟลี่ใกล้ๆ เขาส่งยิ้มกว้างให้กับหนูน้อย รู้สึกโล่งอกที่รู้ว่าเลิฟลี่ปลอดภัยดีแล้ว
“เรานี่เป็นฝาแฝดกันแน่ๆเลย แพ้ชาดอกเก็กฮวยเหมือนกันเปี๊ยบ”
มินฮยอกกับฮโยยอนต่างหันมองหน้ากัน อาจเป็นแค่ความบังเอิญ คงไม่แปลกที่พวกเขาจะแพ้อะไรเหมือนๆกัน
“นอนพักเยอะๆนะ ต้องพักเยอะๆ แล้วจะดีขึ้นเอง” ความห่วงใยที่จูฮยอนมีในช่วงนาทีนั้น มันมากล้นจนทำให้ยงฮวาอดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ แต่ก็คงจะเป็นเพราะว่าจูฮยอนรักเลิฟลี่มากๆ เธอก็เลยออกอาการหนักขนาดนั้น
ยิ่งรู้ว่าจูฮยอนรักเด็กคนนี้มากแค่ไหน ยงฮวาก็ยิ่งต้องรักและใส่ใจต่อเลิฟลี่มากเท่านั้น ถ้าชินบีมีนิสัยน่ารักได้สักครึ่งของเลิฟลี่ เขาก็คงจะรักแกได้ไม่ยาก แต่เขาก็ต้องยอมรับด้วยว่าที่ชินบีเป็นแบบนี้ ตัวของเขาเองก็มีส่วน
ความสดใสของเลิฟลี่ยังคงมีอยู่ในทุกรอยยิ้ม แม้ว่าแกจะยังคงเป็นคนป่วยก็ตาม หากแต่กว่าเลิฟลี่จะฟื้นจนสามารถพูดคุยกับทุกคนได้ก็ปาเข้าไปตั้งหลายชั่วโมง แต่จนป่านนี้แล้วยงฮวายังไม่เห็นนิชคุณกับทิฟฟานี่มาเยี่ยมลูกสาวเลย
พอคิดถึงพวกเขาสองคนก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาพอดี จูฮยอนโทรบอกพวกเขาสองคนนานแล้ว แต่ว่าตอนนั้นนิชคุณกับทิฟฟานี่ต่างติดงานด้วยกันทั้งคู่ อยากจะทิ้งงานมาในทันทีแต่ก็ทำไม่ได้ ต้องรับผิดชอบงานของตัวเองให้เสร็จทั้งที่ใจจะขาดอยู่รอมร่อ แต่ก็โชคดีที่มีจูฮยอนคอยเฝ้าดูแลให้
“เลิฟลี่…โธ่ ลูกแม่ หนูเป็นยังไงบ้างลูก?” ทิฟฟานี่กับนิชคุณโผเข้ามาหาลูกสาว เลิฟลี่นั้นดีใจมากที่เห็นพ่อกับแม่มาหา จากที่ก่อนหน้าคิดว่าพวกท่านจะมาไม่ได้เสียแล้ว
“สรุปหมอว่ายังไงบ้าง แปลกจริงๆที่แพ้ชาดอกเก็กฮวย” นิชคุณแสดงความคิดเห็นด้วยความแปลกใจ เพราะตั้งแต่เล็กจนโต เลิฟลี่ไม่เคยแพ้อะไรเลย แต่พวกตนก็ไม่เคยให้เลิฟลี่กินชาดอกเก็กฮวยด้วยเหมือนกัน
ยองวอนได้เห็นทิฟฟานี่ก็จำได้ว่านี่คือลูกสาวของซออึนฮี ส่วนทิฟฟานี่เองก็รู้สึกคุ้นหน้ายองวอนด้วยเหมือนกัน
จูฮยอนอาจจะจำไม่ได้ว่าแม่ของตัวเองมีหน้าตาเป็นยังไง อีกทั้งพ่อของจูฮยอนยังเก็บกวาดหลักฐานการมีอยู่ของคิมจูอึนจนหมดเกลี้ยง ตอนนั้นทิฟฟานี่มีอายุห้าขวบแล้ว ถึงแม้สมองของเธอจะไม่จดจำในบางเรื่อง แต่เธอกลับยังคงสามารถจดจำคิมจูอึนได้ดี
“คุณคือ… ”
“ยงฮวา เรากลับกันเลยดีไหมจ๊ะ” ยองวอนเอ่ยปากชวนเพราะยังไม่พร้อมที่จะแสดงตัวในตอนนี้ ซึ่งยงฮวาเองก็รู้ตัวดีว่าทิฟฟานี่คงไม่อยากเห็นหน้าตนสักเท่าไหร่นัก เป็นฝ่ายกลับไปเองย่อมดีกว่าถูกไล่ตะเพิดออกไป
“เลิฟลี่ ลุงกลับก่อนนะ, จูฮยอน…พี่จะพาป้ายองวอนกลับไปส่งที่บ้านเอง” ยงฮวาพูดแค่นั้น แล้วเขากับป้ายองวอนก็พากันกลับออกไปในทันที ทิฟฟานี่มองตาม ส่งแรงขับไล่ยงฮวาด้วยดวงตาเต็มที่ แต่ขณะเดียวกันก็ติดใจในตัวของคุณป้าคนเมื่อครู่
“จูฮยอน…เธอรู้จักคุณป้าคนนั้นด้วยหรอ?” ทิฟฟานี่ถามขึ้น
“ป้ายองวอนน่ะค่ะ ท่านเปิดร้ายขายอาหาร ฉันเองเคยไปฝากท้องกับท่านอยู่บ่อยๆ ท่านอยู่คนเดียวค่ะ ไม่มีลูก ไม่มีครอบครัวด้วย พี่เคยรู้จักท่านมาก่อนหรอคะ?”
“อ๋อ เปล่าจ๊ะ ก็แค่ถามน่ะ เห็นมีคนอยู่ในห้องเยอะเชียว ถ้าเป็นคนที่เธอรู้จักก็โอเค”
….
หลังจากทิฟฟานี่กับนิชคุณมาเยี่ยมเลิฟลี่ จูฮยอนก็จำต้องยอมกลับออกมาพร้อมกับฮโยยอนและมินฮยอกเพื่อให้เลิฟลี่ได้อยู่กับพ่อแม่ อยู่ด้วยกันเพียงสามคนพ่อแม่ลูกเท่านั้น
“พี่กับมินฮยอกจะไปส่งเธอที่วิลล่า”
“ช่วยไปส่งที่โรงเรียนดีกว่าค่ะ ฉันจะแวะไปเอารถที่นั่นด้วย”
มินฮยอกกับฮโยยอนมาส่งจูฮยอนที่โรงเรียนตามที่เธอร้องขอ ทั้งสองคนรู้สึกเป็นห่วงจูฮยอนมาก แต่จูฮยอนยืนยันว่าเธอจะขับรถกลับที่พักด้วยตัวเอง
“ฤกษ์ไม่ดีเลยจริงๆ อุตส่าห์ได้คิวแล้วเชียว สุดท้ายก็ชวดอีก” ฮโยยอนบ่นด้วยความเสียดาย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องของเลิฟลี่สำคัญกว่าเรื่องเดทนะครับ จูฮยอนเองก็ดูทั้งรักแล้วก็เป็นห่วงหลานมากด้วย สงสัยว่าจะรักมากจริงๆ”
“เออ แต่พี่ถามหน่อยสิ คุณยงฮวาเนี่ย เขาไปรู้จักกับจูฮยอนตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ผมก็ยังไม่ได้ถามให้แน่ชัดเหมือนกันครับ พี่ยงฮวาบอกแค่ว่า…รู้จักกับจูฮยอนมานานมากแล้ว ผมก็รู้อยู่เท่านี้ อาจจะ…เป็นก่อนที่พี่เค้าแต่งงานก็ได้มั้งครับ”
จูฮยอนกลับมาถึงวิลล่า ขณะที่ยงฮวาก็มานั่งดักรอพบเธออยู่แล้วด้วยเหมือนกัน
ที่หน้าห้องของเราในตอนนี้มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นนิดหน่อย ก็คือมีเก้าอี้ยาวมาวางเอาไว้ให้พร้อมกับกระถางต้นไม้ และยงฮวาก็เป็นคนที่ประเดิมนั่งบนเก้าอี้ตัวนั้นเป็นคนแรกด้วย
“คือพี่โจควอนบอกว่า…มันเป็นโครงการพิเศษอะไรสักอย่างสำหรับลูกบ้านนี่แหละ แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องนั่งบนพื้น”
จูฮยอนทำเพียงแค่รับฟัง และกำลังจะกลับเข้าห้องของตัวเอง แต่กลับถูกยงฮวาฉุดคว้าข้อมือเอาไว้
“คุยกันก่อนสิ เลิฟลี่โอเคดีขึ้นแล้วใช่ไหม” ยงฮวาดึงร่างบางให้นั่งลงข้างๆ จูฮยอนนั่งลงพิงกับพนักเก้าอี้ก่อนที่จะหลับตาแล้วปล่อยลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอตกใจมากจริงๆ ไม่คิดเลยว่าเลิฟลี่จะแพ้หนักขนาดนั้น
“มันเกิดขึ้นเร็วมากเลยค่ะ แล้วฉันก็กลัวมากด้วย ว่าแต่…ยังมีอะไรที่พี่แพ้อีกบ้างไหมคะ?”
“ไม่น่ามีแล้วนะ พี่ก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองแพ้ชาดอกเก็กฮวยเหมือนกัน แต่ก็แปลกไปอีกที่เลิฟลี่ก็แพ้มันด้วย”
จูฮยอนหลบสายตาวูบ เธอรีบลุกขึ้นเตรียมจะหนีกลับเข้าห้องของตัวเอง แต่กลับถูกยงฮวาหยอดตามด้วยความห่วงใย
“เอานี่ไปด้วยสิ ป้ายองวอนทำฝากมาให้ ท่านคงคิดว่าเธอคงจะยังไม่ได้กินข้าว ถ้ามันเย็นเกินไปก็อุ่นให้ร้อนก่อน กินให้หมดแล้วก็…อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะ แล้วก็…พอพี่ออกไปแล้วเธอจะต้องล็อคห้องให้ดีดี เพราะกว่าพี่จะกลับคงดึกกว่านี้มาก”
“งานอะไรหรอคะ ทำตอนกลางคืน?” จูฮยอนหันกลับมาถามด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่งานอะไรที่ไม่ดีหรอก อาชีพตอนกลางคืนที่ดีดีก็มีเยอะแยะไป รีบเข้าห้องเถอะ ไปอาบน้ำ กินข้าวแล้วก็รีบเข้านอน นอนพักให้เยอะๆ เดี๋ยวเกิดล้มป่วยไปจะแย่เอา เดี๋ยวก็ไม่มีแรงไปตามดูเลิฟลี่หรอก” ยงฮวาส่งถุงอาหารให้ ก่อนที่จะเดินออกไป จูฮยอนมองตามสลับกับก้มมองถุงอาหารในมือ รู้สึกขอบคุณทั้งยงฮวาและป้ายองวอน พวกเขาสองคนใส่ใจต่อเธอเสมอ
จูฮยอนกลับเข้ามาในห้องพัก อาหารในกล่องยังคงอุ่นอยู่เลย ป้ายองวอนเป็นคนทำอาหารอร่อย ได้กินอาหารฝีมือท่านทีไร ทำให้รู้สึกเหมือนได้กินอาหารฝีมือแม่ทุกที
เพราะตอนนั้นยังเด็กมาก หน้าตาของแม่เป็นยังไงจูฮยอนจำไม่ได้แล้ว รูปทุกใบในบ้านที่คิดว่าน่าจะมี ไม่มีเหลือเลยแม้สักใบ พยายามแอบรื้อหาทุกครั้งที่สบโอกาสแต่ก็ไม่รู้ว่าพ่อเอารูปของแม่ไปเก็บไว้ที่ไหนหมด สิ่งเดียวที่จูฮยอนจดจำได้ก็คือรสชาติของอาหารที่แม่ทำให้
เป็นมื้อค่ำที่ช่างเงียบเหงาไม่ต่างไปจากในทุกวัน แต่อาหารในช่วงนี้อร่อยมากเป็นพิเศษจนทำให้เผลอตัวกินได้หมดในแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย หากแต่ถึงจะกินอิ่มแต่กลับข่มตานอนหลับไม่ลง ป้ายองวอนเองก็ป่วยแต่ก็ยังมีน้ำใจทำอาหารฝากมาให้ วันนี้ได้พบท่านแค่เดี๋ยวเดียว แถมท่านยังไม่ค่อยสบายด้วย
ยองวอนเกิดอาการนอนไม่หลับหลังจากที่วันนี้ได้พบเจอเข้ากับลูกสาวของอึนฮีในแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
วันนี้เธอเหมือนจะโชคดีแต่ก็โชคร้ายด้วย วิ่งตามไล่จับคนขับรถคู่กรณี นอกจากจะตามไม่ทันแล้วยังดันไปเป็นลมอีก แถมเลิฟลี่ก็ยังแพ้อาหาร ช่างเป็นวันที่มีแต่เรื่องไม่ดี จนทำให้ข่มตานอนหลับไม่ลงเลย
เพราะนอนไม่หลับยองวอนจึงตัดสินใจออกมาเดินเล่นรับลมที่ด้านนอก ดึกสงัดแบบนี้ ไม่รู้ว่าป่านนี้จูฮยอนจะเข้านอนไปแล้วหรือยัง
หญิงวัยกลางคนหันมองตามแสงสว่างที่พุ่งตรงเข้ามาหา จูฮยอนจอดรถหน้าบ้านหลังเล็ก เธอดีใจที่พบยองวอนทั้งที่ก่อนหน้าคิดว่าท่านคงจะนอนหลับไปนานแล้ว
“จูฮยอน…ทำไมมาดึกแบบนี้ล่ะจ๊ะ?” คนเป็นแม่เอ่ยถามด้วยความห่วงใย วันนี้ก็ยุ่งมาตลอดทั้งวัน จูฮยอนไม่ควรขับรถมาคนเดียวทั้งที่ค่ำมืดดึกดื่นแบบนี้เลย
“หนูแค่อยากมาขอบคุณที่ป้าทำอาหารฝากไปให้น่ะค่ะ ป้าเองก็ไม่ค่อยสบาย ทำไมถึงยังไม่เข้านอนล่ะคะ?”
ดีใจเหลือเกินที่เห็นลูกสาวมาหา แม้จะดึกมากเกินไปหน่อย แต่คืนนี้เธอคงสามารถนอนหลับได้แล้ว
“ทีหลังไม่ต้องมาขอบคุณตอนดึกๆแบบนี้นะจ๊ะ มันอันตรายมากนะรู้ไหม”
“หนูไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่ป้าเป็นยังไงบ้างคะ วันพรุ่งนี้หนูมารับไปตรวจสุขภาพอีกดีไหมคะ?”
“โอ้ย ไม่ต้องหรอกจ๊ะ วันนี้ยงฮวาสั่งหมอจับป้าตรวจหมดทุกอย่างแล้ว ป้าแข็งแรงดีจ๊ะ ไม่ต้องเป็นห่วงป้านะลูก หนูรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ได้รู้ว่าอาหารที่ตั้งใจทำไปให้ถูกปากจนสามารถกินได้จนหมดเกลี้ยง คนเป็นแม่ก็ดีใจ ยิ่งจูฮยอนแสดงออกว่าเป็นห่วงกังวลในเรื่องสุขภาพของตน ยองวอนก็ปลื้มปริ่มจนน้ำตาแทบจะไหล ที่ผ่านมาเธอไม่เคยอยากอยู่ห่างจากลูกสาวของตัวเองเลย เพียงแต่ซอนมินไม่ยอมให้เธอเข้าใกล้ลูกของเขาก็เท่านั้น ในสายตาของเขาเธอคือคนที่น่ารังเกียจจนเกินจะให้อภัย
หลังแยกย้ายจากยองวอน จูฮยอนไม่ได้กลับวิลล่า แต่เธอมุ่งหน้าตามหัวใจของตัวเองมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
ร่างบางมาแอบมองดูลูกสาวจากหน้าประตูห้อง เลิฟลี่นอนหลับไปแล้ว แต่ที่แปลกก็คือมีพยาบาลพิเศษมาเฝ้าแทน แล้วทิฟฟานี่กับนิชคุณล่ะ พวกเขาสองคนหายไปไหนแล้ว?
“คือพี่กับนิชคุณมีงานด่วนจ๊ะ ก็เลยให้พยาบาลมาเฝ้าแทน แล้วนี่เธออยู่ที่ไหน อย่าบอกพี่นะว่ากลับไปหาเลิฟลี่อีกแล้ว?” ทิฟฟานี่เอ่ยถามผ่านโทรศัพท์ เธอเองอยากอยู่เฝ้าเลิฟลี่ด้วยตัวเอง แต่ติดตรงที่เราสองคนในตอนนี้งานรุมเร้าเหลือเกิน
“ถ้าอย่างนั้นพี่สองคนตั้งใจทำงานเถอะค่ะ คืนนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเลิฟลี่เองนะคะ”
พยาบาลพิเศษถูกเชิญให้ออกจากห้องเพราะจูฮยอนรับอาสามานอนเฝ้าเลิฟลี่ด้วยตัวเอง คนเป็นแม่นั่งมองดูลูกสาวตัวน้อยพร้อมกับไล้ฝ่ามืออ่อนนุ่มบนไรผมของเลิฟลี่อย่างแผ่วเบา ต่อไปเธอให้สัญญากับตัวเองว่าจะดูแลและใส่ใจกับเลิฟลี่ให้มากยิ่งขึ้นอีก
หนูน้อยลืมตากลับขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม ทำเอาจูฮยอนถึงกับสะดุ้งตกใจเพราะคิดว่าตัวเองทำให้เลิฟลี่ตื่น หากแต่เลิฟลี่ไม่ได้นอนหลับ แต่ที่ทำเหมือนนอนหลับก็เพราะอยากทำให้พ่อกับแม่รู้สึกสบายใจก็เท่านั้น
“น้าจูฮยอน…จะไม่ทิ้งหนูไว้คนเดียวใช่ไหมคะ?”
จูฮยอนน้ำตาปริ่มก่อนที่จะพยักหน้า เด็กผู้หญิงที่แสนน่ารัก แท้จริงแล้วก็คงรู้สึกโดดเดี่ยวไม่ต่างไปจากเธอเมื่อ 7 ปีที่แล้วเลย จะต่างกันก็คือเลิฟลี่ยังเด็กมากนัก แต่กลับได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างและเลือกทำในสิ่งที่แม้แต่ผู้ใหญ่บางคนยังคาดไม่ถึง
“หนูอยากให้พ่อกับแม่อยู่ตรงนี้ แต่ว่าท่านทั้งสองคนงานยุ่งมากเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ พ่อกับแม่งานยุ่งก็ไม่เป็นไร เพราะว่าเลิฟลี่มีน้าอยู่ตรงนี้แล้ว คืนนี้…น้าจะอยู่เป็นเพื่อนเลิฟลี่เองนะจ๊ะ”
“….”
ยงฮวาถึงกับต้องเอาหัวโขกประตู ทายอะไรเอาไว้ไม่เคยพลาดว่าจูฮยอนจะต้องไม่ยอมหลับนอนแล้วก็ย้อนมาหาเลิฟลี่อีกแน่ๆ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
“คุณลุงมาค่ะ” เลิฟลี่ยิ้มกว้าง เพราะคืนนี้นอกจากมีน้าจูฮยอนแล้ว ยังมีคุณลุงยงฮวาอีกด้วย
จูฮยอนรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ได้พบยงฮวาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาบอกกับเธอว่าจะไปทำงาน พอเลิกงานแล้วก็น่าจะกลับไปพัก ไม่รู้ว่าจะตามมาโรงพยาบาลอีกทำไม
“พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วหรอ?” ยงฮวาเอ่ยถามหนูน้อยพร้อมกับหันมองไปจนทั่ว
“คุณพ่อกับคุณแม่ไปทำงานค่ะ”
ดึกป่านนี้แล้วยังต้องไปทำงานอีกอย่างนั้นหรือ? ทั้งที่ลูกสาวอยู่ในระหว่างการพักฟื้น พวกเขาสองคนยังเห็นงานสำคัญกว่า
“แต่หนูมีน้าจูฮยอนมาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ”
ยงฮวาหันมองสบสายตากับคุณน้าผู้ที่รักและเป็นห่วงหลานสาวยิ่งกว่าแม่แท้ๆ ถ้าเป็นเรื่องของเลิฟลี่จูฮยอนไม่มีพลาดเลย เธอทำให้เขาทึ่งมากเลยจริงๆ ยงฮวาเชื่อว่าถ้าวันนึงจูฮยอนได้เป็นแม่คน เธอจะต้องเป็นแม่ที่ดีมากแน่ๆ
“นอนเถอะนะจ๊ะ มันดึกมากแล้ว” นาฬิกาบอกเวลาตีสามครึ่ง มันดึกเกินไปที่เด็กแค่เจ็ดขวบจะลุกขึ้นมานั่งเล่นหรือพูดคุยในเวลานี้
“ถ้าไม่ยอมนอนหลับ ดีไม่ดีวันพรุ่งนี้คุณหมออาจจะไม่ยอมให้กลับบ้านก็ได้”
“ถ้าหนูนอนแล้ว น้าจูฮยอนกับคุณลุงจะไม่หนีกลับบ้านไปก่อนใช่ไหมคะ?”
“ไม่หนี… ” ทั้งยงฮวากับจูฮยอนพูดขึ้นมาพร้อมกัน จูฮยอนไม่มีวันทิ้งเลิฟลี่เอาไว้คนเดียว ยงฮวาก็เช่นกัน เขาไม่อาจทิ้งทั้งจูฮยอนและเลิฟลี่ให้อยู่กันเพียงตามลำพังได้
“นอนได้แล้วจ๊ะ น้าไม่ไปไหนแน่นอน จะนั่งอยู่ตรงนี้ตลอด ไม่ต้องกลัวเลยนะจ๊ะ”
“ลุงก็ด้วย อยากลองค้างคืนที่โรงพยาบาลดูบ้าง ว่ากันว่า…โรงพยาบาลมักจะมี… ” ยงฮวาลดเสียงต่ำพร้อมกับหันมองโดยรอบอย่างเชื่องช้า นั่นคือสิ่งที่เลิฟลี่หวาดกลัวจนไม่กล้านอนหลับ ถึงแม้ก่อนหน้าจะมีพยาบาลพิเศษมาเฝ้า แต่เลิฟลี่ก็ยังกลัวมากอยู่ดี
“เพราะฉะนั้นอยู่กันหลายๆคนหน่อย ย่อมดีกว่า”
จูฮยอนจิกสายตาดุใส่ทำเอายงฮวาเสียงอ่อยนั่งตัวงอ หากแต่จะว่าไปแล้วบรรยากาศก็เงียบมากเกินไปจริงๆ น่ากลัวมาตั้งแต่ทางเดินเข้าแล้ว แต่ตอนนั้นจูฮยอนเป็นห่วงเลิฟลี่มากกว่าก็เลยไม่ทันได้คิดหรือจดจ่ออยู่กับเรื่องลี้ลับในโรงพยาบาลเท่าไหร่นัก
“ราตรีสวัสดิ์นะคะน้าจูฮยอน ขอหอมหน่อยค่ะ”
คนเป็นน้ายื่นแก้มให้หลานสาวได้หอมแก้ม ก่อนที่ตัวเองจะหอมแก้มหลานสาวปิดท้ายอีกที ยงฮวายื่นใบหน้าเข้ามาอยากขอร่วมวงบ้าง แต่กลับถูกจูฮยอนดุใส่ด้วยดวงตา ส่วนเลิฟลี่นั้นได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ถึงจะเป็นเด็ก แต่ก็มีความคิดก้าวไกลเกินกว่าอายุ
“หนูหอมคุณลุงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะว่า…ถ้าเป็นผู้ชาย หนูจะหอมแค่คุณพ่อคนเดียวเท่านั้น”
คุณลุงยงฮวาจำต้องกลับมานั่งที่ด้วยความสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ถึงจะแอบผิดหวังไปบ้าง แต่ข้อจำกัดของเลิฟลี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
จูฮยอนแอบลอบมองยงฮวา พอเห็นเขาแสดงออกว่าผิดหวัง ใจของเธอก็จะเริ่มเจ็บแปลบ เธอปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกดีมากแค่ไหนในความห่วงใยและความใส่ใจที่ยงฮวามีต่อเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ถ้าสมมติว่าเขาได้รู้ความจริงว่าเลิฟลี่เป็นลูกสาวของเขาแท้ๆ เขาคงจะยิ่งดีใจและมอบความรักให้กับเลิฟลี่มากขึ้นอีกเป็นแน่ ถึงแม้ว่าก่อนหน้าเขาจะยืนยันว่าไม่ชอบเด็ก แต่เธอมั่นใจว่าอันที่จริงแล้วยงฮวาไม่ใช่คนแบบนั้นเลย
พอหันมาอีกทีเลิฟลี่ก็หลับสนิทไปแล้ว ยงฮวานั่งจ้องมองคนตรงหน้าดวงตาหวานเชื่อม จะเป็นยังไงถ้าเราสองคนได้กลับมาสานความรักกันอีกครั้ง
ต่อให้จูฮยอนในวันนี้จะเปลี่ยนไปยังไง แต่เธอก็ยังคงเป็นซอจูฮยอนคนเดิมเสมอ บางครั้งเหมือนจะเข้มแข็งแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความอ่อนโยนที่ไม่ต่างไปกับในช่วงวันวาน เราในวันนี้ต่างก็เติบโตมากขึ้น อดีตของวันวานคือจุดเริ่มต้น ส่วนอนาคตยงฮวาหวังเอาไว้ว่ามันจะชัดเจนขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้านี้
“คงดีนะ ถ้าในอนาคต…เราจะมีลูกที่น่ารักด้วยกันเหมือนกับเลิฟลี่”
“….” จูฮยอนใจเต้นไปหมด แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้ามากด้วย ถ้าเลือกทำตามความต้องการในหัวใจ เลือกทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องสนใจคนอื่น เธออาจจะทิ้งทุกอย่างแล้วก็เริ่มต้นใหม่กับยงฮวาอีกครั้งก็ได้ แต่ว่า…ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว ทุกอย่างอาจง่ายดายกว่านี้อีกถ้าเมื่อเจ็ดปีที่แล้วไม่มีเด็กคนนี้อยู่ในท้องของเธอ
“มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอกค่ะ ไม่ว่าจะทางไหน…ก็ไม่มีทางเลย”
“ได้สิ อีก 3 เดือนนะ อีก 3 เดือนพี่จะหย่าจากชินเฮแล้ว”
เรื่องระหว่างเราไม่ได้มีแค่เรา แต่ทุกอย่างมันผูกมัดกันจนไม่สามารถแกะออกจากกันได้ง่ายๆ ทางเดียวที่จูฮยอนสามารถทำได้ก็คือเลือกตัดบางปมทิ้ง และถึงแม้ว่าระหว่างเราจะพอมีเส้นทาง แต่มันก็ไม่มีทางที่จะสวยงามได้ดั่งที่ใจคาดหวัง
“คุณชินเฮบอกแล้วค่ะว่าเธอจะฝากชินบีไว้กับฉันแค่ 3 เดือน จากนั้นเธอจะพาชินบีไปอยู่ต่างประเทศสักพัก แต่ถึงแม้เธอจะยอมไป…เรื่องของเราก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอกนะคะ”
“ได้สิ อีกกี่ปีที่พี่ควรรอ ไม่ว่าจะ 5 ปีหรือว่า 10 ปี พี่รอได้ทั้งนั้น พี่รู้ว่าสถานะของตัวเองจะทำลายเธอ แต่พี่ก็พยายามที่จะเป็นแค่คนธรรมดาๆ ใช้ชีวิตเดินไปมาอยู่ข้างถนน เพราะอยากจูงมือพาเธอไปไหนต่อไหนด้วยกันได้อย่างเปิดเผย”
“รอได้จริงๆหรอคะ นานขนาดนั้น…คนเรายังเฝ้ารอเพื่อหวังอะไรได้อีกบ้าง” จูฮยอนถามน้ำตาคลอ
“รอได้สิ พี่ไม่หวังอะไร ไม่ได้หวัง…มีแค่ความรักที่อยากมอบให้เพียงเท่านั้น อยู่ที่ว่า…เธอจะยอมรับมันหรือเปล่าเท่านั้นเอง”
“….”
ความรักของจองยงฮวายังคงเหมือนเดิม บริสุทธิ์จริงใจและมั่นคงไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ต่อให้ต้องรอจนแก่เฒ่า จองยงฮวาคนนี้ก็รอได้ ความจริงแล้วเขาควรจะต้องขอบคุณอุปสรรค์ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา เพราะสิ่งเหล่านั้นช่วยพิสูจน์หัวใจของคนเราได้เป็นอย่างดี
“ความรักที่เราเคยมีให้กัน ครั้งหนึ่งมันอาจจะเป็นเหมือนภาพแห่งความฝันที่ดูสวยงาม แต่ตอนนี้…เราสองคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แม้ว่าภาพแห่งความฝันของเราจะถูกทำลาย แต่เราก็สามารถร่วมกันสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ ตราบที่…ใจของเรายังคงมีกันและกัน…พี่รอได้เสมอ ขอแค่เธอบอกให้พี่รอ พี่ก็จะรอ”
ในคืนนั้นเราบทสนทนาสุดท้ายเป็นของจองยงฮวา จากนั้นเราสองคนต่างก็นั่งมองหน้ากันและกัน ทำเพียงแค่จ้องมอง ถ่ายทอดและรับรู้ถึงความรักด้วยแววตา มันอาจจะเป็นความรักที่ผิดช่วงผิดเวลา เราสองคนในตอนนี้ยังจะสามารถกลับมารักกันเหมือนเดิมได้อีกไหม ยังพอที่จะมีทางให้เราได้เดินไปด้วยกันได้หรือเปล่า นั่นคือคำถามที่จูฮยอนเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เลิฟลี่ลืมตาตื่นขึ้นมา รู้สึกดีที่ทั้งน้าและคุณลุงยังคงอยู่เคียงข้างไม่ได้หนีหายไปไหนเหมือนอย่างที่หวาดกลัว
น้าจูฮยอนฟุบหลับอยู่ด้านซ้าย ส่วนคุณลุงยงฮวาฟุบหลับอยู่ที่ด้านขวา ถึงพวกท่านทั้งสองคนจะไม่ใช่คุณพ่อกับคุณแม่ แต่ก็ทำให้เลิฟลี่รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขได้
“เลิฟลี่…หนูตื่นแล้วหรอจ๊ะ” จูฮยอนลืมตากลับขึ้นมา เห็นหลานสาวนอนตาใส ผิดกับเธอที่ยังรู้สึกงัวเงียอยู่เลย
“พี่คะ ตื่นเร็ว” จูฮยอนสะกิดเรียกให้ยงฮวาตื่น ยงฮวาออกอาการเมาขี้ตาอย่างหนัก เพราะตลอดทั้งคืนแทบจะไม่ได้นอนเลยก็ว่าได้
“ทำไมมันเช้าเร็วจัง”
“คุณลุงนอนไม่อิ่มหรอคะ?”
“น่าจะแบบนั้นน่ะแหละ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุงค่อยกลับไปนอนต่อที่บ้านก็ได้ ว่าแต่เลิฟลี่เถอะ วันนี้…รู้สึกยังไงบ้าง?”
“ไม่รู้สึกอะไรแล้วค่ะ หนูอยากกลับบ้านแล้ว แต่ถ้าคุณหมอจะให้อยู่ต่อ น้าจูฮยอนกับคุณลุงช่วยมานอนเป็นเพื่อนหนูด้วยนะคะ”
ทั้งคุณน้าคุณลุงต่างพากันหัวเราะชอบใจ หากแต่พอจูฮยอนรู้สึกตัว เธอก็หยุดเสียงหัวเราะของตัวเองในทันที
“ไปล้างหน้าเถอะค่ะ ฉันจะดูแลเลิฟลี่เอง”
….
หลังจากได้ล้างหน้าล้างตา ยงฮวาปลีกตัวออกมาหากาแฟดื่ม เมื่อคืนมัวแต่นั่งมองหน้ากันเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
ยองวอนตัดสินใจที่จะกลับออกมาจากสถานีตำรวจ เธอนอนคิดมาทั้งคืน และตั้งใจว่าจะมาแจ้งความให้ตำรวจช่วยสืบหาคนขับรถคนที่สมอ้างกล่าวหาว่าเธอนอกใจสามีแล้วก็เคยมีอะไรกับเขา แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ตัดสินใจที่จะเดินกลับออกมา โดยที่ยังไม่ได้แจ้งความ
ในตอนนั้นจูฮยอนมีอายุแค่ 3 ขวบ เธอจำได้ว่าวันนั้นตัวเองมีนัดกับซออึนฮีที่นอกบ้าน เราสองคนมักจะชอบไปเดินเลือกซื้อของด้วยกันตามประสาผู้หญิงอยู่เสมอ แต่วันนั้น…เธอไม่ได้ไปตามนัด
ตอนที่ออกจากบ้านมาเธอยังรู้สึกดี และรู้สึกว่าตัวเองเป็นปกติดีทุกอย่าง แต่เผลอตัวนอนหลับไปตอนไหน เธอเองก็ไม่รู้ตัวด้วยเหมือนกัน ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้พบหน้าอึนฮีเป็นคนแรก
วันนั้นเธอไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง สภาพของเธอในตอนตื่นนอนเป็นปกติดีทุกอย่าง ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับหรือแม้กระทั่งเงินที่มีในกระเป๋าก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรหายไปเลย ยกเว้นคนขับรถที่หายไปนับตั้งแต่ในวันนั้น
“อยู่ดีดีเดินไปแจ้งความเพื่อบอกว่าตัวเองในอดีตถูกใส่ร้าย แล้วใครกันล่ะ ตำรวจคนไหนจะรับอาสาช่วยเธอตามจับคนร้ายได้ เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว ต่อให้พูดหรืออธิบายยังไง ก็ไม่มีใครเข้าใจหรอก”
ยงฮวาแอบยืนดูจูฮยอนป้อนข้าวให้กับหลานสาว ความเอาใจใส่นั้นช่างดูบริสุทธิ์งดงาม ขนาดเป็นแค่หลานยังขนาดนี้ แล้วถ้ามีลูกของตัวเองจริงๆขึ้นมา จะมากมายขนาดไหนกัน
“คุณลุงมาแล้วค่ะ”
คุณลุงยงฮวากลับเข้ามาพร้อมกับอาหารสำเร็จรูปพร้อมกับเครื่องดื่ม จูฮยอนยังไม่ได้กินอะไรเลย พอตื่นขึ้นมาก็เอาแต่ดูแลเลิฟลี่ตลอด
“พี่ช่วยดูเลิฟลี่ให้เอง เธอกินข้าวเถอะ เลิฟลี่…น้าจูฮยอนน่าจะหิวมากแน่ๆ ให้ลุงป้อนแทนนะ โอเคไหม?”
“โอเคค่ะ แต่ความจริง…หนูกินเองได้นะคะ หนูหายดีแล้ว” เลิฟลี่คว้าเอาช้อนมาตักข้าวกินเอง เห็นหนูน้อยแสดงความกระตือรือร้นและกินข้าวได้เยอะ จูฮยอนก็โล่งใจ
ยงฮวานั่งลงจ้องมองดูเด็กน้อยกินข้าว เลิฟลี่เป็นเด็กน่ารักมาก ขนาดว่าพ่อกับแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้ แต่แกกลับไม่งอแงเลย นึกไม่ออกจริงๆว่าทิฟฟานี่กับนิชคุณเลี้ยงเด็กคนนี้มาดี หรือว่าดีเพราะอะไรกันแน่
“แล้วพี่กินข้าวมาแล้วหรอคะ?”
“กินกาแฟกับขนมปังรองท้องมาแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงพี่นะ เธอกินเถอะ”
เลิฟลี่หันมองดูคุณน้าทีคุณลุงทีแล้วก็เอาแต่ยิ้ม เวลาที่ท่านทั้งสองคนพูดคุยกันดีดี ทำให้โลกใบนี้เต็มไปด้วยความสุข
“น้าจูฮยอนกับคุณลุงยงฮวา เคยเล่นพ่อแม่ลูกไหมคะ?”
คำถามของเลิฟลี่ทำให้จูฮยอนถึงกับผงะ ความต้องการของหนูน้อยกำลังสร้างความลำบากใจให้กับเธอแล้ว
“มาเล่นกันเถอะค่ะ หนูอยากเล่นเป็นพ่อ ให้น้าจูฮยอนเป็นแม่ แล้วก็คุณลุงช่วยเป็นลูกให้หนูหน่อยนะคะ”
************************100%***********************
อย่าลืมคอมเม้นท์ให้ไรเตอร์นะคะ ขอบคุณค่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ถึงยงจะแสดงออกชัดเจนว่าไม่ได้รักชินเฮ และรักน้องซอมาก แต่เพราะทะเบียนสมรสทำให้ยงกลัวซอเสียหาย ถ้าอย่าแล้วยงคงได้ลุยมากกว่านี้
ได้โปรดอย่ากันเร็วๆด้วยเถอะ
พ่อ แม่ ลูก ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ีจังเลย
น้องซอ ใจอ่อนเร็วๆนะ
อยากรู้จริงว่าใครใส่ร้ายแม่น้องซอ เป็นน้าของเธอเองไหม ยังคงเป็นปริศนา ชอบ
จะไม่ให้น้องซอเป็นห่วงได้ไงก็ลูกทั้งคน...อ้อ ยังไม่รู้ละซิพี่ยงว่านั่นลูก
แต่เสียดายเนาะที่มิสามารถเปิดเผยฐานะที่แท้จริงต่อกันได้
เลิฟลี่น่าจะเป็นเด็กนิสัยดีตั้งแต่เกิดแล้วล่ะ
เพราะถ้าบอกว่าอยู่ที่คนเลี้ยงนี่ (พ่อนิชคุณกะแม่ทิฟทำแต่งาน)
ที่จะเล่นพ่อแม่ลูกตอนแรกก็นึกว่าเลิฟลี่เป็นลูกไงให้พ่อยงเป็นลูกล่ะค๊าาาาา55555
พ่อแม่ลูกเวอร์ชันนี้จะเป็นยังไงน้อรอติดตามค่าาา
ปล.ไรเตอร์สู้ๆคะ
จองยงเมื่อไหร่ต่อมสมองจะทำงานเนี่ย สงสัยลูกจะต้องรู้ก่อนพ่อแน่ๆ เผื่อเชื้อโง่ไม่ตกไปถึงลูก ได้สมองแม่มาเยอะๆนะเลิฟลี่นะ ต้องฉลาดกว่าพ่อนะลูก
ซอจู อยากทำอะไรทำเลย บางทีเรื่องมันอาจง่ายแค่นิดเดียวก็ได้ อย่าทำให้ยากเลน