ตอนที่ 30 : Hate you, I hate you Chapter 29 :: Heart alert [100%]
Hate you, I hate you Chapter 29
Heart alert
จูฮยอนแอบฟังอยู่พักใหญ่ แต่ประเด็นที่ยงฮวากับจงฮยอนพูดคุยกันก็ยังคงไม่มีวี่แววว่าจะจบลงง่ายๆ
เป็นเวลาหลายชั่วโมงนับตั้งแต่ตอนเช้าที่คนไข้ควบคุมพิเศษยังคงเอาแต่เรียกร้องในสิ่งที่เธอต้องการไม่ยอมหยุด ทั้งที่ก่อนหน้าก็เชื่อฟังเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี หากยังคงแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ หมอคงจะต้องเลือกวิธีสุดท้ายก็คือการจ่ายยาระงับประสาทให้
“คุณหมอคะ”
…!!
อยู่ดีดีถูกสะกิดเรียก จูฮยอนก็เลยตกใจ ร่างบางรีบก้าวถอยหลัง ตั้งใจหลบเลี่ยงไม่ให้ยงฮวากับจงฮยอนเห็นว่าเธอมาแอบยืนดูยืนฟังพวกเขาสองคนอยู่นานแล้ว
“มีอะไร?”
“คือว่า…คุณซองอึนน่ะค่ะ คุณซองอึนบอกว่าเธอต้องการจะพบคุณน่ะค่ะ เรียกหาคุณหมอตั้งแต่เช้าแล้ว จนป่านนี้ก็ยังเรียกอยู่ตลอดเลยค่ะ”
….
ทุกครั้งที่ได้เห็นน้าของตัวเอง จูฮยอนก็จะต้องคิดถึงแม่ของเธออยู่เสมอ เมื่อเช้าเธอได้รับผลตรวจดีเอ็นเอเรียบร้อยแล้ว ถึงคำพูดของชเวซองอึนจะไม่เคยเป็นเรื่องเหลวไหล แต่จูฮยอนก็ไม่อาจปักใจเชื่อว่าสาเหตุที่น้าต้องเป็นอย่างนี้จะเป็นเพราะแม่ของเธอ
“มาแล้ว…จูฮยอน จูฮยอน”
ซองอึนผวาเกาะประตูกระจก ลูกสาวของซอแจวันมาหาเธอแล้ว ในที่สุดหลานรักของเธอก็มาเสียที
“น้าซองอึน”
“จุนฮี จุนฮีเป็นน้องสาวของเธอนะ”
“ค่ะ หนูรู้” จูฮยอนยิ้มกว้าง รอยยิ้มที่แสนสวยงามทำให้ซองอึนผิดหวังจนต้องระบายความอัดอั้นด้วยน้ำตา
“แกมันบ้า…ฮึก…ยิ้มทำไม เสียใจสิ แกต้องเสียใจจนร้องไห้ ร้องไห้ให้ตายไปเลยนะ!”
สารภาพว่าตอนนี้ชเวซองอึนเป็นมนุษย์ที่ดูน่ากลัวมาก จูฮยอนคงไม่อาจยืนยิ้มหรือทำอวดเก่งได้หากระหว่างเราไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นเอาไว้
“ถ้าหนูตาย…แล้วใครจะดูแลจุนฮีล่ะคะ หนูเป็นพี่จะต้องอยู่ดูแลน้อง”
“ไม่! ฉันไม่ให้จุนฮีอยู่กับแกหรอก”
“น้ามีสิทธิ์เลือกหรอคะ คนอย่างน้า…ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรได้หรอก น้าไม่มีสิทธิ์ทำร้ายแม่ของหนูด้วยซ้ำ แต่น้าก็ยังทำ แม่ของหนูต้องตายก็เพราะน้า รู้หรือเปล่าว่าตัวเองคือฆาตกร!”
เมื่อเห็นว่าจูฮยอนกำลังจะเปิดประตูเข้ามา ยงฮวาก็รีบแกล้งนอนหลับในทันที
เห็นว่าคุณสามียังคงนอนหลับ จูฮยอนจึงทำอะไรไม่ได้มากนอกจากนั่งลงตรงหน้าเขา ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมากจนไม่รู้ว่าควรจะปั้นหน้าแบบไหนแล้วด้วยซ้ำ ทะเลาะกับคนสติไม่ดีแล้วก็ทำให้เธอเหมือนจะเป็นบ้าตาม ถึงผลการตรวจดีเอ็นเอจะไม่เกินความคาดหมาย แต่จูฮยอนยอมรับว่าความจริงแล้วเธอแอบผิดหวังอยู่มากพอสมควร
เข้ามานานแล้วแต่กลับเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ สิ่งที่ยงฮวาได้ยินก็คือเสียงลมหายใจที่ดูผิดไปจากช่วงเวลาปกติ พอลืมตาขึ้นมาได้ก็เห็นว่าจูฮยอนกำลังเศร้ามากแค่ไหน สีหน้าของเธอดูไม่ดีเอาเสียเลยจนทำให้ยงฮวาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
ยงฮวาลุกขึ้นมาในช่วงที่จูฮยอนยังคงพลั้งเผลอ จูฮยอนไม่รู้ตัวจวบจนกระทั่งถูกคนบนเตียงประกบริมฝีปากเข้าให้
…!!
ทั้งแขนและขามันอ่อนแรงไปหมด แต่ถึงกระนั้นสัมผัสนี้กลับทำให้จูฮยอนรู้สึกดีมากเหลือเกิน
สัมผัสแผ่วเบาค่อยๆ หลอมละลายหัวใจของเธออย่างช้าๆ ทุกอย่างที่ทำให้รู้สึกขุ่นข้องหมองใจในก่อนหน้าถูกผลักจนปลิวหายไปหมดเลย
ยงฮวาถอนจูบออก ตามด้วยการมอบกอดแน่นๆให้กับคุณหมอคนสวย ไม่ว่าจูฮยอนจะพบเจอกับเรื่องอะไรก็ตาม เขาจะช่วยเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างเธอเสมอ
“โอเคขึ้นบ้างไหม?”
“….” จูฮยอนไม่รู้จะตอบว่าอะไร สิ่งที่เธอทำได้ก็คือการคลี่ยิ้มหวานให้ จนยงฮวารู้สึกใจชื้น
“คนไข้คนไหนดื้อกับคุณหมอ บอกผมได้นะ ผมจะไปจัดการให้”
“มีอยู่คนนึงดื้อมาก”
“ใคร? บอกผมมาเลย ผมจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย”
จูฮยอนชี้นิ้วตรงมาที่เขา แต่ยงฮวาก็แก้เกมกลับด้วยการแกล้งนั่งลอยหน้าทำไม่รับรู้ ยังไงก็ตามเธอรู้สึกขอบคุณเขามากที่ช่วยทำให้ช่วงเวลาที่รู้สึกแย่ ดีขึ้นได้อย่างทันตาเห็น
“ปล่อยได้แล้วน่า”
“ไม่เอา ผมจะต้องทำโทษที่คุณแอบลงไปข้างล่าง โดยที่ไม่ยอมบอกผมก่อน”
ยอมให้กอดสักพัก ยงฮวาก็ยอมปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระแต่โดยดี จองชินบอกว่าเธอน่าจะมาช่วงเที่ยง แต่นี่มันบ่ายเข้าไปแล้ว สงสัยว่าวันนี้จะมีคนไข้เยอะ
“กินข้าวกลางวันหรือยัง? ไม่ใช่แค่รักษาคนอื่น แต่คุณจะต้องใส่ใจดูแลตัวเองด้วยเหมือนกัน”
“กินแล้ว ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะ ห่วงตัวเองเถอะ แล้วนี่อาจารย์จินโมยังไม่มาหรอ แปลกจัง แต่สงสัยท่านจะติดเคสผ่าตัดมั้ง นายก็รอหน่อยแล้วกันนะ”
ดวงตาของจูฮยอนเอาแต่จ้องมองซองเอกสารที่หัวเตียงไม่กะพริบตา ในนั้นคือประวัติของคังมินฮยอกที่จงฮยอนเพิ่งเอามาส่งให้ ยงฮวาเองไม่ได้คิดที่จะปิดบังเรื่องนี้แม้แต่น้อย แต่เขาจะพูดทุกอย่างต่อเมื่อมั่นใจแล้วเท่านั้น
“ในนั้น…อะไรหรอ ขนาดไม่สบายยังมีคนเอางานมาส่งอีกหรอเนี่ย” จูฮยอนแกล้งถามทั้งที่รู้แน่ชัดอยู่แล้วว่าในนั้นคืออะไร
“ก็แค่งานเล็กๆน้อยๆ ไม่มีอะไรมากหรอก… ”
เขาโกหกชัดๆ ขนาดนี้แล้วก็ยังคงไม่ยอมบอกเรื่องของคังมินฮยอกกับเธอ
“งานอะไร ขอดูหน่อย”
…!!
ยงฮวาตกใจเป็นอย่างมาก เมื่ออยู่ดีดีจูฮยอนลุกขึ้นมาคว้าเอาซองเอกสารไปในแบบต่อหน้าต่อตา
จูฮยอนเปิดดูเอกสารในซองนั้น ทุกอย่างย้ำชัดด้วยสองตา เธอไม่ได้หูฝาดแน่ ยงฮวาสั่งตรวจสอบประวัติของมินฮยอกตั้งแต่สามขวบ ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งสองคนจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“มันเป็นความลับมากนักหรอ ถ้าจะบอกว่าในซองนี้ไม่ใช่งานน่ะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น คือผม… ”
“ไม่ต้องแก้ตัวเลยนะ เพราะว่าฉันได้ยินหมดแล้วว่านายกับจงฮยอนพูดคุยอะไรกัน ฉันจะไปบอกมินฮยอกว่านาย…ให้คนไปขุดคุ้ยประวัติส่วนตัวของเขา”
ยงฮวาลุกพรวดขึ้นมาคว้าตัวของจูฮยอนมากอดแน่น เป็นตายยังไงเขาก็ปล่อยให้เธอบอกเรื่องนี้กับมินฮยอกไม่ได้
“อย่าไปนะจูฮยอน ผมขอร้อง”
“ฉันจะไม่ไป ถ้านายเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฉันฟังทั้งหมด”
ยงฮวารู้ตัวว่าตนนั้นถูกต้อนมาจนสุดทางแล้ว จูฮยอนแอบมาได้ยินเรื่องทั้งหมดแต่ก็ยังแกล้งถาม ลวงให้เขาต้องพูดโกหก
เป็นเวลาพักใหญ่ที่จูฮยอนได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ที่ยงฮวาไหว้วานให้จงฮยอนช่วยสืบค้นประวัติส่วนตัวของคังมินฮยอก ก็เพราะสงสัยว่าเขาอาจจะเป็นน้องชายที่หายสาบสูญไป
...เหมือนในละครเลย
แต่มินฮยอกไม่เคยบอกเธอเหมือนกันว่าอยากรู้เรื่องของยงฮวาไปทำไม ถ้าไม่ติดว่าคริสตัลอยู่ด้วย เธอคงซักถามได้ละเอียดมากกว่านี้
“สงสัยก็พากันไปตรวจดีเอ็นเอสิ ฉันยังตรวจเลย” จูฮยอนห้ามปากของตัวเองไม่ทัน พลั้งเผลอพูดเรื่องของตัวเองออกมาจนทำให้ยงฮวาต้องแปลกใจ
“คุณตรวจอะไร ตรวจดีเอ็นเอ…กับใคร?”
“เปล่า ไม่ใช่ของฉันหรอก ฉันพูดไม่ครบน่ะ ฉันหมายถึงว่า…ก่อนหน้านี้ฉันพาคนไข้ไปตรวจมาเหมือนกัน เป็นพี่น้องผู้หญิง อยู่บ้านเดียวกันมาตั้งนาน คิดว่าเป็นญาติแค่ธรรมดาๆ แต่สุดท้ายดีเอ็นเอบนใบหน้าทำให้พวกเธอสองคนสับสน”
เรื่องคล้ายและใกล้เคียงกับความจริงมากจนทำให้ยงฮวาไม่กล้าถามต่อ แค่รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของจูฮยอน เขาก็เหมือนจะโล่งใจ
“ผมก็อยากตรวจนะ แต่ก่อนจะทำอย่างนั้น ผมก็อยากแน่ใจกับอะไรหลายๆอย่าง”
“ฉันรู้ว่าตอนนี้มันเป็นแค่สมมติฐาน”
ยงฮวาหยิกแก้มนุ่มทั้งสองข้างของหญิงสาวตรงหน้า ก่อนที่จะฉุดพาเธอกลับมานั่งลงใกล้ๆ
“ฉลาดแสนรู้จริงๆ”
“ว่าฉันเป็นหมาหรือเปล่าเนี่ยฮะ?”
ยงฮวาหยิกแก้มของเธอเล่นอีกรอบ ตอนแรกเขาคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะอธิบายเรื่องหลายอย่างให้จูฮยอนได้เข้าใจ แต่พอได้เล่าออกมาแล้ว เขากลับรู้สึกสบายใจเหมือนกับได้เพื่อนคู่คิดที่ดี
“น่ารักขนาดนี้ น่ารักกว่าหมาเยอะ” เขาโน้มใบหน้าเข้ามาหา ทำทีเหมือนจะโฉบเข้ามาหอมแก้มกัน แต่คราวนี้ยงฮวาต้องกินแห้วเพราะจูฮยอนขยับตัวหนี
“ดูเหมือนว่ามินฮยอกเองก็สงสัยด้วยเหมือนกัน แต่เขาเคยบอกนะว่าจำเรื่องวัยเด็กไม่ได้เลย เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่ ไม่รู้ด้วยว่ามีญาติพี่น้องหรือเปล่า เขาหวังว่านายอาจจะรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้างก็เท่านั้น”
“ก็ตอนนั้นเขายังเด็กมาก ไม่แปลกหรอกที่จะจำไม่ได้ แล้วว่าแต่เขาอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผมบ้างล่ะ?”
ยงฮวายื่นหน้าเข้ามาถาม ลมหายใจของเขาอบอุ่นและมีกลิ่นหอมสะอาดมากจนทำให้จูฮยอนแอบรู้สึกเขินกับจูบเมื่อตอนแรก
“นี่แปรงฟันรอจูบเลยหรือเปล่าเนี่ย?”
จูฮยอนพูดถูก ยงฮวาไม่คิดว่าเธอจะรู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ หากแต่ตอนนี้เขาอยากรู้เรื่องของมินฮยอกให้มากยิ่งขึ้น แต่เธอก็ยังแกล้งที่จะทำบ่ายเบี่ยง
“อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ เรื่องบางเรื่อง…ถ้ารู้ก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดออกมาหรอกนะ”
จูฮยอนพยักหน้า เข้าใจในถ้อยคำสอนของคุณสามีอย่างล้ำลึก มีหลายเรื่องที่เธอรู้แต่พูดออกมาไม่ได้ ทั้งที่เรื่องพวกนี้ยงฮวาเองก็รู้หมดแล้วแต่ไม่ยอมปริปากบอกเธอเลย แม้แต่เรื่องเดียวก็ไม่เคย
“พอฉันไม่พูด นายทำมาเป็นทนไม่ได้ ถึงทีฉันแล้วล่ะ ถึงรู้…ก็ไม่มีทางบอกหรอก”
ยงฮวาพยายามจะคว้าร่างบางเอาไว้ หากแต่จูฮยอนกลับเอาแต่วิ่งหนีไปมาจนรอบห้อง ทั้งคนป่วยและคุณหมอวิ่งไล่จับกันเหมือนเด็ก กว่าจะตามจับกันได้ก็เกือบที่จะต้องเสียเหงื่อ
“จองยงฮวา! นายเป็นอะไร?”
จูฮยอนตกใจวิ่งกลับมาช่วยพยุงคนที่จู่ๆก็ทรุดฮวบลงกับพื้น ยงฮวาถือโอกาสนั้นกอดรัดร่างบางเอาไว้
“คุณโดนจับแล้วนะ เด็กดื้อ” ว่าพลางส่งเสียงหัวเราะชอบใจ ผิดกับจูฮยอนที่รู้สึกเคืองเพราะยงฮวาแกล้งทำมารยาใส่จนทำให้เธอใจหายใจคว่ำ
“เดี๋ยวนี้ชักจะเจ้าเล่ห์เพทุบายใหญ่แล้วนะ”
“เพราะมีเมียฉลาดไง ผมก็เลยต้องพัฒนาตัวเองด้วยเหมือนกัน”
“ฉลาด แต่ก็คงน้อยกว่านายอยู่ดี” จูฮยอนหยิกเอวของคุณสามีจนทำให้เขาเจ็บจนต้องดิ้นหนี แต่ถึงจะยอมปล่อยด้วยความจำยอม ยงฮวายังวกกลับมาฉวยหอมแก้มของจูฮยอนได้อีกฟอดใหญ่
คนถูกขโมยหอมหน้าแดงระเรื่อ หมดคำพูดแถมยังนึกไม่ออกว่าจะด่าอะไร จูฮยอนรู้แค่ว่าไม่ว่ายังไงจุนฮีก็คือน้องสาวของเธอวันยังค่ำ ถึงผลจะออกมาเป็นที่น่าผิดหวัง แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะตอนนี้เธอมียงฮวาอยู่ข้างๆแล้ว
“ถ้าสมมติว่า…สมมติฐานของนายผิด นายจะผิดหวังไหม?”
“ก็คงผิดหวังบ้าง แต่ผมก็จะไม่ยอมหมดหวังหรอกนะ สักวันแหละ ถ้าน้องของผมยังอยู่ สักวันเราน่าจะได้พบกัน”
“นายมองโลกในแง่ดีจังเนอะ”
“ทำยังไงได้ ก็ผมมันเป็นพระเอกผู้แสนดีนี่”
พูดไปพูดมาที่แท้ก็แค่อยากยอตัวเอง จูฮยอนเบือนหน้าพร้อมกับรีบเปิดดูข้อความด่วนที่ได้รับมาหมาดๆ
“อะไร…ใครส่งข้อความมา?” ยงฮวาถามหน้างอ ความสุขของเขาสั้นเหลือเกิน จูฮยอนมาได้แค่แป็บเดียวก็มีคนส่งข้อความมาตามเสียแล้ว
“มีอุบัติเหตุใหญ่น่ะ ความจริงแล้วมันไม่เกี่ยวกับฉันหรอก แต่ฉันอยู่เฉยไม่ได้ ถ้าช่วยกันหลายๆคน โอกาสที่จะมีคนรอดชีวิตจะเพิ่มขึ้นตาม”
จูฮยอนวิ่งสวนทางกับเสียงสัญญาณขอความช่วยเหลือที่ดังขึ้นมาจนทั่วอาณาบริเวณ พอได้ชะโงกหน้าลงมามองที่ด้านหน้าโรงพยาบาล ยงฮวาจึงได้พบว่ามีผู้ป่วยมากมายกำลังถูกลำเลียงเข้ามารับการรักษา แต่ละคนมีสภาพเลือดชุ่มโชก ถ้าได้มองดูใกล้ๆ คงทำให้รู้สึกหดหู่ไม่น้อย ถ้าหนึ่งในนั้นมีคนที่เขารู้จัก เขาคงจะต้องรู้สึกแย่มากอย่างแน่นอน
นี่กระมังคือสิ่งที่ทำให้ยงฮวารู้สึกแน่ใจว่านี่คือสิ่งที่เป็นตัวตนของจูฮยอนจริงๆ เธอมักจะมองเห็นความสำคัญและยินดีให้ความช่วยเหลือคนอื่นเสมอ ถ้าเธอเป็นหมอแค่ในนาม เมื่อไม่ใช่งานของเธอ เธอก็คงไม่คิดยุ่งหรือก้าวก่าย
…เขาภูมิใจในตัวของเธอมาก และคิดว่าทุกคนที่รักเธอ ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ของเธอก็จะต้องภูมิใจในตัวของเธอด้วยเหมือนกัน
“สวัสดีครับ คุณจองยงฮวา… ”
“สวัสดีครับ” ในที่สุดคนที่เฝ้ารอคอยก็มาเสียที อาจารย์หมอของจูฮยอนยังคงดูหล่อเหลา แต่ขณะเดียวกันก็ดูภูมิฐาน แค่ลูกศิษย์ออกปาก ท่านก็ยอมให้ความช่วยเหลือในทันที สงสัยว่าท่านคงจะต้องเป็นคนใจดีมากแน่ๆ
“คือผม…คือวันนี้ผมจะกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับ?”
คนถูกถามออกอาการหนักใจอย่างเห็นได้ชัด อาการของสามีลูกศิษย์ดูภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร ทว่าลึกๆแล้วที่ภายในกำลังมีบางเรื่องที่น่ากลัวมากซุกซ่อนอยู่
“ลีจองชินบอกผม…ว่าแม่ของคุณเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ”
“….” ยงฮวาพยักหน้ารับ หัวใจของเขามันรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเพียงแค่ได้ยินคำถามนี้
“มีอะไร…หรือเปล่าครับ?”
“คือผมกำลังสงสัยในบางเรื่อง ถ้าไม่เป็นการเสียเวลามากเกินไป ผมอยากให้คุณตรวจร่างกายอย่างละเอียด… ”
….
จองชินเข้ามาหายงฮวาหลังจากที่อาจารย์หมอกลับออกไปไม่กี่นาทีเท่านั้น เขากำลังวิตกกังวล และคิดว่าบางทีมันอาจเป็นความโชคดีและโชคร้ายปนๆกัน
“อย่าบอกเรื่องนี้กับจูฮยอนนะ”
“นี่พี่จะให้ผมพูดโกหก เหมือนที่พี่โกหกทุกคนว่าวูบทั้งที่ไม่รู้ตัวหรอครับ?”
ยงฮวาสะดุ้งเฮือก หากแต่เขาไม่คิดว่าเรื่องเล็กน้อยที่ตั้งใจปกปิดจะกลายเป็นชนวนของเรื่องใหญ่
“พี่หายใจไม่ออกแล้วถึงวูบ ตอนนั้นพี่ทรมานแล้วก็แน่นหน้าอกเหมือนคนกำลังจะตาย แต่พี่ตั้งใจปิดบังไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับพวกเรา”
จองชินรู้ละเอียดขนาดนั้นได้ยังไง ยงฮวาไม่อยากเชื่อเลย
“อาจารย์จินโมคือผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจมือหนึ่งของประเทศเรา หัวใจของพี่ฟ้องกับท่านหมด อย่าคิดปิดบังอะไรเลยครับ”
ยงฮวาทรุดลงอย่างอ่อนแรง ถึงแม้ผลการตรวจที่แน่ชัดจะยังไม่เป็นที่ปรากฎ แต่เขาก็ยังคงมองโลกในแง่ดีว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรเลย สำหรับจูฮยอนแล้ว เขาเป็นอะไรในตอนนี้ไม่ได้
“ยังไงก็ตาม ผมอยากให้พี่ทำใจดีดีไว้ก่อน ไม่แน่ว่าบางทีพี่อาจจะไม่ได้เป็นอะไรเลยก็ได้ หรือถึงจะเป็นจริงๆ ผมเชื่อว่าอาจารย์จินโมยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อช่วยพี่นะครับ เพราะว่า…พี่เป็นสามีของลูกศิษย์คนโปรด”
ยงฮวาต้องฝืนยิ้มทั้งที่ริมฝีปากชาไปหมด ตอนนี้เขาเองก็ได้แต่ภาวนาขอให้ตัวเองไม่เป็นอะไรมากมาย เพื่อที่ว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับจูฮยอนตามคำสัญญา ไหนยังจะมีเรื่องของน้องชายที่กำลังตามหา เขายังมีเรื่องอีกมากที่ต้องทำ หากเลือกได้ เขาอยากมีชีวิตอยู่อย่างคนปกติแล้วก็ทำทุกเรื่องให้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกกลัวว่าจะไม่ได้อยู่ข้างๆจูฮยอนอีก
ผลพวงจากอุบัติเหตุทำให้จูฮยอนเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ได้เห็นความพยายามของเธอแล้ว จองชินก็ได้แต่ภาวนาขอให้อาจารย์จินโมคาดคะเนผิดพลาด สิ่งที่จูฮยอนหวาดกลัวก็คือความโดดเดี่ยวอ้างว้าง เธอจะอยู่ยังไงถ้าหากว่าไม่มียงฮวาเหมือนกับทุกวันนี้
“…จองชิน อาจารย์จินโมมาแล้วใช่ไหม บอกยงฮวาว่าให้รอฉันเดี๋ยวเดียว จะได้กลับบ้านพร้อมกัน”
จูฮยอนสะดุ้งตกใจแต่ก็ยิ้มกว้างเมื่อจองชินช่วยซับเอาเลือดของคนเจ็บที่กระเด็นมาติดบนหน้าผากออกให้
“ถ้าพี่ยงฮวาเห็นเธอสภาพนี้ คงสยองน่าดู”
“นั่นสิ ขอบใจนะ”
ร่างบางหันหลังกลับมาจ้องมองชายหนุ่มตัวสูงอย่างนึกสงสัย เธอกำลังจะเดินผ่านไปแล้ว แต่กลับถูกจองชินฉุดคว้ามือเอาไว้
“มีอะไรอีกหรือเปล่า?”
ยงฮวาสั่งไม่ให้พูดอะไร จองชินรู้สึกอัดอั้นมาก แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกทางลงที่ดีที่สุดให้คนทั้งคู่ ยงฮวาจะต้องตรวจร่างกายและหัวใจอย่างละเอียดในวันพรุ่งนี้ ถ้าจูฮยอนอยู่ที่นี่ เธอก็จะต้องรู้เรื่องนี้ในที่สุด
“พรุ่งนี้เราต้องไปเกาะเชจู ไปตอนเช้ามืดแล้วก็กลับตอนเย็น”
นั่นคืองานสำคัญ จูฮยอนเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเธอกับจองชินจะต้องลงมือทำงานภาคสนามด้วยกัน
“พรุ่งนี้เลยหรอ ได้อยู่ ยังดีนะเนี่ยที่บอกให้เตรียมตัวก่อน”
“ยังมีอีกเรื่องด้วย”
“….” จูฮยอนยิ้มรับรอให้จองชินพูดธุระของเขาออกมาให้หมด วันนี้จองชินดูพูดยากแปลกๆ ขนาดอาจารย์จินโมคนที่แทบจะไม่มีอารมณ์ขันยังนึกสนุกวิ่งหนีเธอ ผิดกับในทุกครั้งที่เจอหน้ากันทีไรจะต้องพุ่งเข้ามาหาในทันที
“คือพี่ยงฮวาจะยังไม่กลับบ้าน เขาตัดสินใจที่จะเข้าคอร์สตรวจสุขภาพครั้งใหญ่”
“ครั้งใหญ่เนี่ย มันใหญ่มากแค่ไหน ตรวจอะไรบ้าง ตับไต ลำไส้ สมอง หัวใจ… ”
“ตรวจทุกอย่างเลยนั่นแหละ” จองชินตัดบทก่อนที่จะเดินหนี ทิ้งให้จูฮยอนยืนงง แต่ขณะเดียวกันก็คิดในแง่ดีว่ายงฮวาทำถูกแล้ว คนเราควรที่จะดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ตรวจสุขภาพครั้งใหญ่จนถึงขั้นต้องนอนรอหมอในวันพรุ่งนี้เลยเชียวหรือ เขากลับบ้านวันนี้แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาก็ยังได้
ยงฮวาแกล้งหยิบหนังสือมาอ่านเมื่อเห็นว่าจูฮยอนกำลังจะเข้ามาหา เพราะรู้แน่ว่าเธอจะต้องถาม ว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจนอนรอรับการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล จูฮยอนเป็นหมอ หลายเรื่องทำให้ยากที่จะโกหกเธอได้
“อาจารย์จินโมชวนให้นายตรวจสุขภาพหรอ?”
“อื้ม ผมคิดว่าน่าสนใจดี ก็เลยตอบตกลงไป”
จูฮยอนถูกฉุดให้นั่งลงชมพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินด้วยกัน วันนี้ทั้งวันเป็นวันที่ยงฮวารู้สึกทรมานใจมากเป็นที่สุด
“ผมสั่งอาหารมื้อพิเศษไว้ เดี๋ยวก็คงมาถึง”
“เอาของกินมาล่อตลอด บอกมาซะดีดีว่านายกับอาจารย์จินโมมีความลับอะไรกับฉันหรือเปล่า แค่ตรวจสุขภาพ จำเป็นด้วยหรอที่จะต้องนอนค้างคืน”
“จำเป็นสิ ก็หมอนัดพรุ่งนี้แต่เช้า แล้วอีกอย่าง…พรุ่งนี้คุณก็ไม่อยู่ด้วย ผมให้จุนฮีเอาเสื้อผ้าแล้วก็ของใช้มาให้คุณแล้ว เรานอนด้วยกันที่นี่ ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง ไม่เห็นเป็นไรเลย”
สารพัดคำอธิบายหรือสารพัดเหตุผลไม่ได้ทำให้จูฮยอนหายสงสัย แต่เธอก็คิดในแง่ดีว่ายงฮวาคงไม่อยากให้เธอเหนื่อย ต้องไปๆกลับๆ เขาอยู่ที่โรงพยาบาลในระหว่างเธอไม่อยู่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี เผื่อไปวูบหรือเป็นอะไรที่อื่นคงไม่ดีแน่
“แต่ตอนนี้ นายโอเคดีแล้วใช่ไหม?”
“….” ยงฮวายิ้มกว้าง ต่อหน้าจูฮยอนเขาไม่กล้าที่จะแสดงความหวาดกลัวให้เธอได้รู้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ผมหายแล้วนะ จะให้อุ้มคุณวิ่งรอบสนาม ยังสบายๆเลย”
ได้เห็นเขาแล้ว จูฮยอนก็นึกถึงของสำคัญขึ้นมา ตอนที่พยาบาลเอาเสื้อผ้าและของใช้ของยงฮวามาให้เธอ ตอนนั้นเธอพบว่าถุงเท้าของแม่ของเขาเหลือแค่ข้างเดียวเท่านั้นเอง
“ฉันเจอมา อีกข้างนึงตกอยู่ในรถน่ะ ใจหายหมดเลย นึกว่าจะหายไปซะแล้ว”
ยงฮวารับถุงเท้ากลับคืนมา เขากำมันไว้แน่น ก่อนที่จะขอบคุณคนช่วยหาด้วยอ้อมกอด
สิ่งใดๆก็ตามที่ถูกสร้างมาเป็นคู่มันจะกลายเป็นของที่ไร้ประโยชน์ในทันที หากมีอันหนึ่งอันใดสูญหาย เสียหายหรืออาจถูกจับให้แยกจากกัน ถ้าเป็นแค่สิ่งของมันไม่มีชีวิตจิตใจ แต่ถ้าเป็นคนคงเจ็บปวดมากเกินคำบรรยาย
“ขอบคุณนะ ถ้าหามันไม่เจอ ผมคงรู้สึกแย่มากแน่ๆ”
จูฮยอนยิ้มกว้าง แขนทั้งสองข้างกอดคนตรงหน้าเอาไว้แน่นไม่ต่างกัน อยู่ดีดีต้องไปเกาะเชจูกะทันหัน สารภาพตามตรงว่าเธอไม่อยากไปเลย
“ความจริงแล้ว วันนั้น…ก่อนที่ผมจะวูบ ผมตั้งใจว่าจะพาคุณไปตรวจรับบ้าน”
“บ้าน…บ้านของพ่อฉันเสร็จแล้วหรอ?” จูฮยอนถามอย่างตื่นเต้น
“เสร็จแล้ว แล้วมันก็สวยมากเลยด้วย” รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณสามีเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ทุกเรื่องที่ทำให้จูฮยอนมีความสุขหรือว่ายิ้มได้ เขายินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอทั้งหมด
“ถ้าอย่างนั้น วันพรุ่งนี้เราไปดูบ้านด้วยกันนะ”
“คุณก็กลับมาเร็วๆแล้วกัน ผมจะรอคุณที่นี่แหละ”
เป็นมื้อเย็นที่เหมือนจะมีความสุข เป็นอาหารมื้อแรกที่อร่อยจนจุกอกไปหมดแต่ก็ต้องฝืนที่จะกิน ทว่าถึงแม้ในใจจะเป็นทุกข์และหวาดกลัวมากเพียงใด สุดท้ายยงฮวาก็สามารถหลงลืมความทุกข์นั้นได้จนเกือบหมดเมื่อได้อยู่กับคนที่เขารัก
จูฮยอนเอาผักป้ายน้ำสลัดมาแปะจนเต็มแก้มของยงฮวาเต็มไปหมด พอแกล้งทำให้เขาเลอะเทอะได้ แถมคนถูกแกล้งยังใจดียอมให้แกล้ง เธอก็หัวเราะอย่างมีความสุข
“เช็ดให้ผมเลย”
“….” จูฮยอนส่ายหน้าปนหัวเราะ แต่ผักสลัดยังไม่พอ เธอยังเอาสาหร่ายมาแปะที่ใต้ตาให้เขาด้วย
“ทำแบบนี้แล้วผิวจะสวยนะ นายจะไม่แก่ก่อนวัย แล้วใต้ตาของนายก็จะใสปิ้ง สวยกว่าไอดอลสมัยนี้เสียอีก”
จุนฮียืนมองพี่ชายและพี่สาวอยู่หน้าประตูห้อง ตั้งแต่จำความได้ เธอพบว่าป้าอินฮวาจะต้องเป็นห่วงและคอยย้ำคอยบอกให้ยงฮวาดูแลรักษาสุขภาพทุกครั้ง ตอนเด็กๆยงฮวามักจะล้มป่วยบ่อยๆ แค่ถูกฝุ่นถูกลม เขาก็จะเอาแต่จามจนเข่าอ่อน ไปหาหมอมากี่หมอก็ไม่ค่อยได้ผล สุดท้ายพ่อของยงฮวาเองนั่นแหละที่รักษาลูกชายจนสามารถข่มอาการพวกนั้นได้จนหมด ทั้งที่ท่านเป็นหมอโรคหัวใจแต่กลับรักษาภูมิแพ้ให้ลูกชายได้สำเร็จ ทำให้ยงฮวาสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับคนปกติทั่วไป
“เขาจะต้องไม่เป็นไร เชื่อพี่สิ” เวลานี้จงฮยอนทำได้แค่หายใจเข้าออก แล้วก็เฝ้าภาวนาขอให้ยงฮวาแข็งแรงดี
จุนฮีพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง เธอเองก็คิดว่ายงฮวาจะต้องไม่เป็นอะไร เขาจะต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ฉันคิดว่า…ไม่มีใครดูแลพี่ยงฮวาได้ดีเท่าพี่จูฮยอนเลยจริงๆ ไม่ใช่เพราะพี่เค้าเป็นหมอนะคะ แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนดูแลหัวใจของพี่ยงฮวาได้ดีเท่าพี่จูฮยอนอีกแล้ว”
ถูกของจุนฮี ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้าคนเรามีกำลังใจและมีความรักก็มักจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเสมอ
“เราไปที่อื่นกันก่อนเถอะ ตอนนี้คงไม่สะดวกที่จะเข้าไปหรอก”
….
หลังได้กินมื้อเย็นแสนอร่อยด้วยกัน จูฮยอนเล่าเรื่องงานของเธอในวันนี้ให้ยงฮวาได้ฟัง ถึงคนส่วนใหญ่จะบาดเจ็บแต่ก็มีบางคนที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
“คุณกลัวไหม เวลาที่เห็นคนตายตรงหน้า”
“หลายคนคิดว่าคนเป็นหมอจะต้องชิน แต่สำหรับฉันแล้ว มันไม่ใช่เลย”
จูฮยอนรู้สึกแย่ทุกครั้งที่ได้เห็นคนตาย และจะยิ่งแย่มากขึ้นหากคนคนนั้นเป็นคนที่เธอรู้จัก ครั้งล่าสุดก็คือแม่ของเธอ
“ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นข้อดีนะ เพราะรู้สึกอย่างนั้นก็เลยทำให้ฉันมีความกระตือรือร้น ถึงถ้าเทียบกับระดับอาจารย์หมอแล้วชั่วโมงบินของฉันจะด้อยกว่า แต่ฉันคิดว่าต่อให้อายุห้าสิบแล้ว ฉันก็จะเป็นแบบนี้เหมือนเดิมแหละ”
ยงฮวาจ้องมองประสานสายตากับคุณหมอคนสวยเนิ่นนาน ดวงตาของจูฮยอนเบิกกว้างก่อนที่จะปิดสนิทลงอย่างช้าๆ ทันทีที่ได้รับจุมพิตแสนหวานบนกลีบปากอิ่ม โลกทั้งใบของเราต่างหยุดหมุน มือหนาไล้แก้มนุ่มพร้อมกับกดจูบหนักๆ กระตุ้นให้คนตรงหน้าต้องแลกจูบกลับมาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ถึงใจจะนึกตัดรอนเพราะการกระทำช่างผิดสถานที่ แต่เวลานี้จูฮยอนหลงเคลิ้มไปแล้วทั้งตัวและใจ หัวใจของเธอไม่เคยรักใคร มันไม่เคยเรียกร้องหาใครเลย จนกระทั่งตอนนี้มันกลับทรยศ เอาแต่เรียกร้องหายงฮวาตลอดเวลา เธอห้ามมันไม่ได้เลย
“ผมรักคุณ”
เสียงของเขานุ่มทุ้มจับเข้ามาถึงหัวใจ สายตาของเราทั้งสองยามเมื่อจูบหวานสิ้นสุดลงต่างยังคงแข่งกันเปล่งประกายแห่งความรักออกมาอย่างสวยงดงาม
“แต่ฉันเกลียดนาย ผู้ชายซื่อบื้อ”
ปากว่าเกลียดทว่าดวงตากลมโตกลับแลดูฉ่ำหวาน ยงฮวายิ้มรับถ้อยคำนั้นก่อนที่จะทาบริมฝีปากลงบนแก้มนุ่มทั้งสองข้าง แล้วยืนยันความรักครั้งสุดท้ายด้วยจุมพิตบนหน้าผากสวย
“เกลียดผม แต่ก็จูบตอบผม”
“ก็นายนั่นแหละ บังคับฉันเองทำไม ทำอย่างนั้น…ฉันก็ต้องจูบกลับสิ” จูฮยอนพูดแก้หน้าแดง ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว แถมริมฝีปากยังรู้สึกชาวาบอีกด้วย ยงฮวาจ้องมองเธอแล้วได้แต่ยิ้มกว้างพอใจ จูฮยอนน่ารักแบบนี้ ถึงตายเขาก็ไม่อาจตัดใจจากเธอ
***************************100%*************************
ขอฝากบ้านใหม่ไว้ใจอ้อมใจด้วยนะคะ
แอบกระซิบว่าคือภาคต่อของ Devil Prince
The Snowman
http://writer.dek-d.com/angleinblue/writer/view.php?id=1314382
ช่วงนี้งานเยอะค่ะ แต่จะพยายามมาสม่ำเสมอนะคะ
ขอกำลังใจเป็นคอมเม้นท์เหมือนเดิมค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สงสารยงจังกำลังเริ่มมีความสุขได้ไม่นาน
ดราม่าอีกแล้ว
สรุปยงจะตายจริงๆ หรอพี่จอย ไม่เอาหักมุมนะพี่จอย
เศร้าเลยอ่ะ
จองยงอย่าเป็นอะไรเลยนะ
น้องซอจะเสียใจแค่ไหนถ้ารู้ว่าทุกคนปิดบังอะไรแบบนี้
รีดเดอร์กะไถนาหนักค่ะไรเตอร์ แต่จะมาอ่านไม่ขาดแน่นอน
สู้ๆนะคะ
จะได้ดูแลรักษาตัวเอง อยากให้น้องซออยู่ด้วยเป็นกำลังใจให้
ปล.ไรเตอร์สู้ๆคะ
ยงอย่าเป็นอะไรนะ ยังไงยงก็ต้องสู้นะ
ซอต้องให้กำลังใจยงเยอะๆนะ น่ารักแบบนี้แหละ ดีแล้ว
อาจารย์หมอจินโมมาแล้ววว ต้องช่วยยงด้วยนะคะ ซอคงอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มียงนะคะ
รอตอนหน้านะคะพี่จอยคนสวยยยย เป็นกำลังใจให้ยงค่ะ หวังว่าจะไม่เป็นอะไรมากนะคะ สู้ๆๆค่ะ ^_^
น้องซอเป็นหมอนะ มีทางรักษาได้อยู่แล้วแน่นอน
น้องซอเป็นหมอนะ มีทางรักษาได้อยู่แล้วแน่นอน
จะปิดซอได้นานแค่ไหนเนี้ย
ห้าม!!! เปนอะไรเด็ดขาด สงสารซอจัง~