ตอนที่ 26 : Hate you, I hate you Chapter 25 :: Love ring for you [100%]

Hate you, I hate you Chapter 25
Love ring for you
จูฮยอนนอนอมยิ้ม ปลายนิ้วเรียวไล้เล่นกับมือของยงฮวาที่ยังคงกอดเอวของเธอไว้แน่น โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดของเธอ ส่วนยงฮวา ถึงจะเป็นวันหยุดแต่เขาก็ยังมีงานสำคัญที่จะต้องไปทำ
“ตื่นหรือยังคะ?”
ยงฮวาตอบคำถามด้วยการโอบรัดร่างบางเอาไว้แน่นมากขึ้น เขาไม่อยากปล่อยเธอไปไหน แต่ก็ต้องไปเพราะว่าติดงานสำคัญ
“ถ้าพูดเพราะๆแบบนี้ เธอจะยิ่งดูสวยน่ารักมากขึ้น พูดแบบนี้ให้ตลอดเลยได้ไหม”
“ฉันเป็นคนพูดเพราะแต่กำเนิด ยกเว้นกับคนบางคนเท่านั้นแหละ”
“คนที่ยกเว้น คือใครหรอ? ไม่ยักกะเคยเห็น”
จูฮยอนพลิกตัวหันมาประจันหน้า เธอเอารอยยิ้มเข้าสู้ แต่ยงฮวาก็สู้ไม่ถอยด้วยเหมือนกัน
มือหนาไล้ฝ่ามือบนใบหน้าสวยด้วยความรัก ยงฮวาไม่แน่ใจว่าเขาฝันไปหรือเปล่า
“แล้วสรุปว่าจะให้เรียกที่รักจริงหรอ ฉันว่ามัน…เลี่ยนไปนะ อายคนอื่นเค้า”
ยงฮวาก็คิดว่าคำนั้นฟังดูเลี่ยนเกินไปด้วยเหมือนกัน ความจริงแล้วที่บังคับให้เรียกก็เพราะตั้งใจจะแกล้งจูฮยอนก็เท่านั้น
“เรียกว่าพี่สิ ผมอายุมากกว่า เรียกนายมันฟังดูไม่น่ารักเลย”
“น่ารักออก ไม่เห็นจะแปลกเลย”
จูฮยอนดื้อมากจนทำให้ยงฮวาเริ่มที่จะรู้สึกเหนื่อย ถึงแม้จะหว่านล้อมไม่สำเร็จ แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็สุขใจ
“ต้องไปอาบน้ำแล้วล่ะ วันนี้มีนัดเซ็นสัญญากับพรีเซนเตอร์คนใหม่”
“คนใหม่แทนไอยูกิ?”
“อืม นั่นแหละ”
“ใครหรอคะ?”
“เป็นใครบางคนที่เธอก็รู้จักดี” ยงฮวาลุกออกจากเตียง จนทำให้จูฮยอนถึงกับหัวใจหล่นหาย วัตถุโบราณสมัยโชซอนอวดเรือนร่างทั้งหมดของเขาอย่างไม่มีซ่อนเร้น ทำเอาจูฮยอนถึงกับต้องรีบมุดตัวลงใต้ผ้าห่มด้วยความอับอาย
ยงฮวาหันมองคนที่อยู่ใต้ผ้าห่มก่อนที่จะรีบคว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่ ไม่ใช่แค่จูฮยอนหรอกที่อาย เพราะเขาเองก็อายมากด้วยเหมือนกัน
“ผมใส่เสื้อแล้ว ไม่ต้องแอบแล้วนะ”
จูฮยอนค่อยๆโผล่หน้าออกจากผ้าห่ม เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เธอถึงสามารถหายใจหายคอได้โล่งมากยิ่งขึ้น เธอรอดูจนกระทั่งแน่ใจว่ายงฮวาเข้าไปในห้องน้ำแล้วถึงได้ลุกออกจากเตียง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจสำคัญ
ซอจูฮยอนในชุดคลุมอาบน้ำลงทุนศึกษาวิธีทอดไข่ดาวจากคลิปวีดีโอในอินเทอร์เน็ต ครั้งแรกที่ได้ทอดไข่เธอทำพลาด แต่คราวนี้เธอจะไม่ยอมทำพลาดอีกแล้ว
เป็นเพราะแม่ครัวยังไม่กลับ และยงฮวาก็คงจะต้องรีบออกไปทำงาน ดังนั้นวันนี้จูฮยอนจึงขอรับอาสาเป็นแม่บ้าน เข้าครัวเตรียมอาหารเช้าให้กับสามีของเธอ ไข่ดาวถูกถอดออกจากพิมพ์รูปหัวใจอย่างทุลักทุเล ถึงแม้จะยังไม่คล่องตัว แต่จูฮยอนภูมิใจที่เธอได้ทำมันเพื่อคนที่เธอรัก
“อีกฟองนึงแล้วกัน ฟองเดียวคงไม่อิ่ม” ว่าพลางตอกไข่ลงในกะทะร้อนฉ่า จูฮยอนเผลอตัวกระโดดหนีน้ำมัน ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีน้ำมันกระเด็นออกมาเลยแม้แต่หยดเดียว
เมื่อได้ไข่ดาวตามที่ต้องการแล้ว คุณแม่บ้านสาวก็ละเลียดทาเนยลงบนขนมปังอย่างสนุกสนาน เสร็จจากทาเนยก็มาลงมือทำน้ำผลไม้ปั่นเพื่อสุขภาพ
จูฮยอนไม่รู้หรอกว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะถูกปากยงฮวาหรือเปล่า ไข่ดาวรูปหัวใจของเธออาจไม่สวยเหมือนยงฮวาทอดเอง และขนมปังปิ้งนี่ก็อาจจะแข็งไปหน่อย แต่ทั้งหมดเธอทำด้วยใจล้วนๆ
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ยงฮวาถึงออกมาข้างนอก เขาค่อนข้างแปลกใจที่พบว่าจูฮยอนไม่ได้อยู่ในห้อง และเขาก็มั่นใจว่าเธอยังไม่ได้อาบน้ำแน่ๆ
เดินตามหาไม่นาน เขาก็เห็นเธอทำลับๆล่อๆเดินออกมาจากห้องครัว ยิ่งเห็นเขาด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าจูฮยอนจะยิ่งตกใจมาก
“ทำอะไร หิวหรอ เดี๋ยวผมทำให้เอง”
“ก็ดีนะ ฉันไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ถ้าทำเสร็จแล้วกินเลยไม่ต้องรอฉันนะ เดี๋ยวนายไปทำงานสาย” พูดจบแล้วจูฮยอนก็รีบเดินจ้ำขึ้นบันไดตรงไปยังห้องนอนชั้นบน ความจริงแล้วเธอควรจะบอกยงฮวาไปตรงๆว่าเธอเตรียมอาหารเช้าให้เขาเรียบร้อยแล้ว แต่เธอกลับพูดอะไรไปก็ไม่รู้
ยงฮวาก้มมองดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ แม้จะเหลือเวลาน้อยนิด แต่เขาคิดว่าถ้าทำอาหารเช้าง่ายๆ ก็น่าจะยังพอมีเวลา หากแต่ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องครัว กลับได้พบผลงานชิ้นโบว์แดงวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า ยงฮวาถึงกับยืนยิ้มกว้างก่อนที่จะหยิบเอากระดาษโน้ตที่จูฮยอนแนบไว้ขึ้นมาอ่าน
ทานอาหารเช้าแล้วรีบไปทำงานซะนะ อาจหน้าตาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้ากินแล้วไม่อร่อย ต้องขอโทษจริงๆ เอาไว้ถ้ามีเวลาฉันจะหัดทำอาหารให้เก่งๆ จะได้ทำของอร่อยๆให้พี่กินได้
[จูฮยอน]
ถึงแม้อาหารเช้าของจูฮยอนจะหน้าตาดูแปลกๆไปบ้าง แต่ยงฮวาก็กินจนหมดเกลี้ยงทุกอย่าง นอกจากจะเป็นปลื้มกับสรรพนามที่จูฮยอนใช้เรียกในกระดาษโน้ตแผ่นนี้แล้ว อาหารหลักที่มีแค่ไข่ดาวสองฟองกับขนมปังทาเนยแข็งๆ กลับกลายเป็นมื้อเช้าที่อร่อยมาก ยิ่งได้ดื่มน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพควบคู่กันด้วยแล้วยิ่งทำให้สดชื่น เปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล ทุกอย่างเกินความคาดหมายไปหมด ยงฮวาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้เขากำลังฝันอยู่หรือเปล่า
จูฮยอนใช้โอกาสที่ยงฮวาไปทำงานเข้าไปในห้องของจุนฮีเพื่อเก็บเส้นผมที่เหลือติดค้างอยู่บนหวีไปตรวจดีเอ็นเอ ก่อนหน้าเธอพยายามที่จะเข้าไปหลายครั้งแล้วแต่ก็กลัวว่ายงฮวาจะสงสัย เธอแค่อยากทำทุกอย่างให้เงียบๆ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เธอยอมรับได้หมดทุกอย่าง
จองชินรู้สึกว่าเหมือนจะเห็นหลังของจูฮยอนไวๆ แต่เขาก็ไม่ค่อยเชื่อสายตาของตัวเองเท่าไหร่ เพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุดของเธอ
หลังจากแอบแวะไปส่งเส้นผมเพื่อตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว จูฮยอนถือโอกาสมาที่ร้านเครื่องประดับ เมื่อคืนเธอแอบวัดขนาดนิ้วของยงฮวามาจนแน่ใจ วัดแล้ววัดอีก กลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมาเห็นก็กลัว แต่ก็โชคดีที่ยงฮวานอนหลับสนิท ไม่อย่างนั้นถ้าเขารู้ก่อน เธอคงจะต้องอายมาก
“เอาแบบไหนดี?” ดวงตากลมโตจ้องมองแหวนมากมายตรงหน้า คนอย่างยงฮวาน่าจะชอบอะไรเรียบๆ แต่ดูดี แต่ในสายตาของจูฮยอนแหวนทุกวงที่อยู่ตรงหน้าเธอสวยและดูดีหมดทุกวงเลย
“คุณลูกค้าสนใจแหวนสไตล์ไหนคะ จะเลือกเป็นของขวัญให้ตัวเองหรือว่าซื้อให้คนพิเศษดีคะ?”
“ซื้อให้…คนพิเศษค่ะ ฉันอยากซื้อแหวนให้คนพิเศษ” จูฮยอนรู้สึกร้อนวูบวาบกับคำว่าคนพิเศษ เธอใช้เวลาเลือกซื้อแหวนไม่ต่ำกว่าชั่วโมง สุดท้ายก็ได้แหวนที่ต้องการมาในที่สุด
เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่จู่ๆก็ได้พบจูฮยอนเข้าด้วยความบังเอิญ ก่อนหน้าซูโฮพยายามขอร้องให้ฮวังมิยองช่วย แต่สุดท้ายเธอก็ทำไม่สำเร็จ จูฮยอนไม่ยอมตอบตกลง และเธอก็ไม่ได้รับปากด้วยว่าจะมาพบเขาเมื่อไหร่
จูฮยอนค่อนข้างตกใจที่ได้พบซูโฮ เธอรู้ว่าช่วงนี้เขากำลังลำบากไม่น้อย เพราะนักร้องคนสำคัญสร้างปัญหาใหญ่ไว้ให้
“มีเวลาไหม มาคุยกันหน่อยสิ”
“….” จูฮยอนพยักหน้ารับ ความจริงเธอตั้งใจว่าจะไปหาเขาอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาเธอไม่ค่อยมีเวลาก็เท่านั้น
ทั้งสองคนไม่ได้พบกันในร้านอาหาร สถานที่นัดพบคือบนรถของซูโฮ เหตุก็เพราะหลายเรื่องที่จำเป็นจะต้องพูดไม่สามารถพูดในที่สาธารณะได้
“ฉันเสียใจด้วย เรื่องไอยูกิ”
ซูโฮยอมรับว่าเขาพลาดเอง เขายอมรับว่าตัวเองมีความสามารถไม่มากพอ ที่ผ่านมาบริหารงานอย่างหละหลวม ถึงจะท้อแต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวถอยหลัง
“มันก็อย่างนี้แหละ พอเกิดมาแล้วก็ต้องดับ คราวหน้าฉันจะต้องรอบคอบมากกว่านี้ ไม่ใช่ทำงานแค่นั่งโต๊ะหรือเซ็นเอกสารให้มันผ่านๆไป”
เหมือนว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะสอนให้ซูโฮเติบโตขึ้นมาก จูฮยอนโล่งใจที่เขาเลือกจะจดจำบทเรียนครั้งนี้เอาไว้เพื่อทำครั้งต่อๆไปให้ดีขึ้น
“จะให้ดีกว่านี้ ถ้านายจะไม่แจกโบนัสพี่สาวของฉันทุกเดือน ถ้าจากนี้นายยังทำอะไรเวอร์ๆแบบนี้อีก ฉันจะให้พี่แทยอนกับพี่มิยองลาออก”
“ฉันทำอย่างนั้น…เพราะฉันรักเธอนะ”
จูฮยอนทำเมินใส่คนที่จ้องมองมา ถ้าเลือกได้เธออยากให้ซูโฮไม่ต้องมาสนใจเธออีก แต่พอนึกถึงตอนเด็กที่เขาคอยเป็นเพื่อนเล่นและช่วยดูแลเธอ ความทรงจำพวกนั้นมันมีค่ามากเกินกว่าที่จะลืมเลือนมันได้
“ซูโฮ อย่ารักฉันอีกเลยได้ไหม”
“ฉันก็อยากทำอย่างนั้น แต่ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้เลย”
เขายิ้มให้เธอน้ำตาเอ่อ เราสองคนผูกพันกันมากเกินไป คงดีกว่าถ้าวันนี้แม่ของเขายังอยู่ อย่างน้อยเขาจะได้มีคนช่วยปลอบใจ
“ฉันเหมือนลูกแหง่เลย ทำอะไรก็ไม่เคยดีสักอย่าง นี่ถ้าแม่ยังอยู่ ท่านคงเตะฉันไปหลายทีแล้ว”
ซูโฮพูดติดตลก ทั้งที่ในใจเจ็บหนักอยู่รอมร่อ เขาเป็นผู้ชายทำไมจะดูไม่ออก ยิ่งคิดถึงว่าจูฮยอนอยู่กับยงฮวา หัวใจของเขาก็สลายได้วันละไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
“ถามจริงๆ ว่าตอนนี้เธอยังคิดจะหย่ากับจองยงฮวาอยู่อีกไหม?”
คำถามของซูโฮทำให้จูฮยอนปั้นหน้าไม่ถูก แต่จะให้พูดโกหกหรือหลีกเลี่ยง จะยิ่งเป็นการทำร้ายซูโฮมากกว่า
“คิดว่าคงไม่แล้วล่ะ”
ซูโฮกลั้นน้ำตา เขาเข้าใจไม่ผิดแล้วก็ไม่ได้คิดไปเองจริงๆด้วย เขาเสียใจที่สุดตั้งแต่รู้ว่ายงฮวาพาจูฮยอนเข้าโรงแรมม่านรูด แต่ก็ยังคิดเข้าข้างตัวเองว่ามันจะต้องไม่มีอะไร แต่สุดท้ายทุกอย่างก็กระจ่างชัดเพราะคำพูดแค่ประโยคเดียว
“เธอไม่เคยรักใครเลยนะจูฮยอน แน่ใจหรอว่าเธอรักเขาจริงๆ”
“ระหว่างฉันกับยงฮวามันไม่ใช่แค่ความรัก แต่มันมากกว่านั้น นายไม่มีวันเข้าใจหรอก”
ยิ่งจูฮยอนพูด ซูโฮก็ยิ่งเจ็บจนแทบจะหายใจไม่ออก อย่างน้อยๆก็น่าจะปราณีคิดถึงหัวอกหัวใจของเขาบ้าง แต่นี่กลับไม่เลย
“ฉันแค่…ไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้หญิงประเภทจับปลาหลายมือหรือว่าชอบให้ความหวังผู้ชาย ที่ฉันตอบตกลงคบกับนาย ก็เพราะฉันคิดว่าเราสองคนน่าจะเข้าใจกันได้ดี แต่สุดท้ายเป็นฉันมากกว่าที่ไม่เคยเข้าใจตัวเอง ฉันรู้ว่าความรู้สึกที่นายมอบให้ฉันมันมีค่ามากแค่ไหน ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันทำให้นายต้องเจ็บและน้อยใจเสมอ ฉันทำร้ายคนดีดีแบบนายไม่ได้ ยิ่งคิดถึงแม่ของนายด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งคิดว่าตัวเองคือคนเห็นแก่ตัว”
ซูโฮพยักหน้าทั้งน้ำตา เขาคิดว่าตัวเองเข้าใจจูฮยอนดี เพราะเขาเองก็รู้มาตลอดว่าจูฮยอนเห็นเขาเป็นแค่เพื่อน ที่เธอยอมใจอ่อนคบกับเขาเป็นแฟนเพราะทนลูกตื้อของลูกแหง่อย่างเขาไม่ไหว เธอรำคาญหรือไม่ก็คงสงสารก็เลยตอบตกลงยอมคบกับเขาก็เท่านั้น
“แล้วเธอมั่นใจได้ยังไง ว่าจองยงฮวารักเธอ”
ไม่ใช่แค่คำบอกรัก แต่ทุกอย่างที่เป็นจองยงฮวาทำให้เธอต้องรักเขา ไม่ใช่ว่าซูโฮหรือคนอื่นๆไม่ดี แต่เป็นเธอเองต่างหากที่ดีไม่พอและที่สำคัญก็คือ เธอรู้ใจของตัวเองดีว่ารู้สึกกับแต่ละคนได้แค่ไหน
“ก็เหมือนที่ฉันรู้…ว่านายรู้สึกยังไงกับฉันนั่นแหละ มันต่างกันที่ฉันไม่ได้รักนายเหมือนคนรัก สำหรับฉันแล้วนายคือเพื่อนที่ฉันเป็นห่วง นายเป็นคนที่พอได้พูดคุยด้วยแล้วทำให้ฉันคิดถึงตัวเองในตอนยังเป็นเด็ก”
“คิดว่าพูดให้ฉันเหมือนมีความสำคัญ แล้วจะทำให้ฉันรู้สึกดีได้อย่างนั้นหรอ?”
“ฉันไม่ได้พูดเพราะแค่อยากให้นายรู้สึกดี จริงอยู่ว่านายมีสิทธิ์ที่จะคิดว่าฉันก็แค่กำลังหาข้ออ้าง แต่ที่พูดไปทั้งหมด ฉันพูดจริงๆนะ”
ตลอดการเซ็นสัญญา ทั้งยงฮวากับมินฮยอกเอาแต่จ้องมองกันไปมา โดยส่วนตัวแล้วทั้งสองคนได้ยินมาเหมือนๆกันว่าต่างฝ่ายต่างก็กลัวเรือด้วยกันทั้งคู่
ตอนที่ยงฮวาพลัดกับน้องชาย ตอนนั้นเขามีอายุแค่ห้าขวบ ส่วนน้องชายของเขาก็ยังเล็กมาก ไม่รู้ว่าถ้าตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่เขาจะมีหน้าตาแบบไหน
มินฮยอกอ่านรายละเอียดของสัญญาก่อนที่จะเซ็นชื่อลงในเอกสาร นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปคังมินฮยอกจะเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ รับหน้าที่โฆษณาประชาสัมพันธ์คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ในเครือทั้งหมดที่มีความอ่อนโยน มีความปลอดภัยใช้ได้แม้กระทั่งเด็กอ่อน ภาพลักษณ์ของว่าที่คุณพ่อเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้อย่างห้ามไม่ได้
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะครับ”
มินฮยอกยื่นมือออกมาจับกับมือของท่านประธานตามมารยาท ถึงแม้จะไม่ค่อยกินเส้นกัน แต่เขามีความจำเป็นจะต้องรับงานนี้เพื่อกอบกู้ชื่อเสียง
“ทางเราไม่มีนโยบายยกกองไปถ่ายทำในเรือ เพราะฉะนั้นคุณสบายใจได้เลยนะครับ”
มินฮยอกจ้องดวงตาของยงฮวาอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่นัก เขาก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ยังจะมาพูดจี้จุดอ่อนกัน
“กลัวเรือไม่แปลกเลยใช่ไหมครับ เพราะคุณเอง…ก็เคยกลัวมันด้วยเหมือนกัน”
คำพูดนั้นช่วยเปิดทางให้ภาพเก่าๆย้อนกลับคืนมา เป็นเพราะเมื่อตอนยังเด็กยงฮวาเป็นคนไม่ค่อยแข็งแรง เขาเป็นภูมิแพ้แล้วอาการก็มากำเริบในช่วงเวลาที่เรือกำลังจะล่มหลังจากชนเข้ากับโขดหิน ตอนนั้นพ่ออุ้มเขาพาดบ่าแล้วก็จูงมือพาน้องชายในวัยแค่สามขวบหนีตายออกมา ตอนนั้นทุกคนต่างก็กลัวตายวิ่งหนีกันจนชุลมุนวุ่นวายจนกระทั่งมาชนเข้ากับพวกเรา เป็นเหตุให้น้องชายพลัดหายไปในตอนนั้น พยายามตามหาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ยงฮวาต้องกลัวเรือ ถึงแม้ตอนนี้จะรักษาอาการพวกนั้นจนหายดีแล้ว แต่เขาก็ยังคงมีอาการเมาเรือหลงเหลืออยู่ ความรู้สึกหวาดกลัวที่จมอยู่ในอดีตมันทรมาน ถึงจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมมินฮยอกถึงได้กลัวเรือมากขนาดนั้น แต่ยงฮวาเข้าใจดีว่าหากเลือกได้ ไม่มีใครอยากมีความรู้สึกนี้แน่นอน
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ความจริงแล้ว…ผมควรที่จะเข้าใจคุณมากกว่าใคร แต่อย่างน้อยผมหวังว่าคุณจะสามารถทำงานกับเราได้อย่างมีความสุข สารภาพตามตรงว่างานนี้ผมคาดหวังกับคุณมากเลยนะครับ ถ้าผลตอบรับดี เราก็วินๆด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
มินฮยอกเผลอตัวหลุดรอยยิ้ม เขาเชื่อแล้วว่าวัตถุโบราณของจูฮยอนเป็นคนเก่ง แถมมันสมองของเขายังหลักแหลมมากอีกต่างหาก เมื่อก่อนเห็นเอาแต่คอยตามจูฮยอนต้อยๆ เขายังแปลกใจว่าคนคนนี้ไม่มีงานทำหรืออย่างไร เห็นหน้าซื่อๆ ยอมให้จูฮยอนกดหัวมาตั้งนานสองนาน ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นนักธุรกิจเต็มตัวขนาดนี้
“ยิ่งคุณคาดหวังอะไรมากๆ คุณก็ยิ่งต้องเรียนรู้ที่จะผิดหวังด้วยนะครับ”
“ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แล้วผมก็ไม่ได้หลับหูหลับตาหรือว่าจับสลากสุ่มเลือกคนที่ไม่มีความเหมาะสม… ”
จูฮยอนกลับมาบ้านพร้อมกับของสดจำนวนหนึ่งที่เลือกซื้อมาด้วยตัวของเธอเอง ต่อจากนี้ไปเธอจะหัดทำอาหารให้ยงฮวาได้กินบ้าง ถึงมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ แต่เธอก็จะพยายาม
ร่างบางเดินมาหยุดลงหน้ากรอบรูปบานเล็ก จูฮยอนวางถุงข้าวของทั้งหมดลง ก่อนที่จะหยิบรูปของแม่ขึ้นมา
“ไม่ว่าเรื่องจริงจะเป็นยังไง หนูเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่าแม่ไม่อยากให้มีเหตุร้ายใดๆเกิดขึ้นกับทุกคนที่แม่รักเลย แม่ของหนูเป็นผู้หญิงที่สวย เก่งแล้วก็จิตใจดีเสมอ อย่าห่วงหนูอีกเลยนะคะ หนูโตเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว…แล้วหนูก็แต่งงานมีสามีแล้วด้วย ขอบคุณนะคะ เพราะต่อไปนี้หนูคงจะไม่ต้องร้องไห้คนเดียวอีกแล้ว…หนูรักแม่นะคะ”
อ้อมแขนแกร่งโอบกอดแน่นจนรับรู้ได้ถึงเสียงสะอื้นของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจ คงดีกว่านี้หากว่าแม่ของจูฮยอนจะยังมีชีวิตอยู่
“กลับมาแล้วหรอ จะกลับเร็วก็น่าจะบอกก่อน” จูฮยอนบ่นพร้อมกับเช็ดน้ำตา
ยงฮวาคลายอ้อมแขนออก ก่อนที่จะพลิกร่างบางให้หันมาหา นิ้วเรียวไล้ผิวแก้มนุ่มเนียนช่วยซับน้ำตาออกให้
“ถ้าบอกก็คงไม่รู้ว่ายังมีเด็กขี้แยอยู่แถวๆนี้ เธอโอเคนะ?”
“อื้ม” จูฮยอนพยักหน้ารับ เธอโอเคดี แต่ก็แค่อยากให้แม่ได้รู้ว่าเธอในตอนนี้รู้สึกยังไงก็เท่านั้น
“นาย…ได้ยินอะไรบ้าง?”
“ได้ยินเสียงร้องไห้ไง ตกใจหมดเลย นึกว่าหมอซอจะแย่แล้วเสียอีก”
จูฮยอนแอบถอนใจโล่งอก ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าในเวลาที่เสียใจหรือรู้สึกไม่ดี แล้วมีคนคอยช่วยปลอบใจมันดีมากแค่ไหน
“ฉันซื้อของสดมา แต่… ”
“ผมช่วยเอง ว่าแต่จะทำอะไรล่ะ ถ้ายากไปผมอาจจะทำไม่เป็นก็ได้”
“อย่าถ่อมตัวไปหน่อยเลย นายทำเป็นทุกอย่างนั่นแหละ”
บรรยากาศในห้องครัววันนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นถ้อยทีถ้อยอาศัย จูฮยอนทำตัวเป็นลูกศิษย์ที่ดีตั้งใจเรียนทำอาหาร ขณะที่พ่อครัวจำเป็นอย่างยงฮวาก็ยินดีช่วยสอนให้ด้วยความเต็มใจ
“ชิมดู เค็มขนาดนี้…กินเข้าไปไตพังแน่เลย”
จุนฮีซึ่งเพิ่งจะกลับมาถึงหยุดฝีเท้า เลือกที่จะมองดูทั้งสองคนแบบเงียบๆ เธอไม่อยู่บ้านไม่กี่วัน ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพี่สาวกับพี่ชายจะก้าวหน้าไปมาก ได้เห็นพวกเขาพูดคุยกันดีดี หยอกล้อเล่นกัน ไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งจนเลือดตกยางออกเหมือนกับเมื่อก่อน จุนฮีก็ถึงกับยืนอมยิ้มไม่ยอมหุบ
จงฮยอนยิ้มกว้างดีใจที่เห็นจุนฮีออกมารอรับกันถึงหน้าบ้าน ไม่ได้พบหน้ากันหลายวันคงไม่แปลกหากว่าเขาจะคิดถึงและเป็นห่วงเธอ แต่พอมีโอกาสได้คุยกันทางโทรศัพท์ จุนฮีกลับเอาแต่บ่นว่าคิดถึงและเป็นห่วงแม่ของเธอมาก เขาก็เลยรับอาสาว่าจะพาเธอไปเยี่ยมแม่ในทันทีที่เธอกลับมาถึง
“พี่ขอดื่มกาแฟก่อนไปได้หรือเปล่า?”
“เสียใจด้วยจริงๆค่ะ วันนี้ไม่สะดวกจริงๆ”
ถูกปฏิเสธคำขอเป็นครั้งแรก จงฮยอนก็ถึงกับอ้ำอึ้ง ไม่อยากเชื่อว่าจุนฮีจะคิดถึงแม่ของเธอมากจนถึงขั้นไม่ยอมให้เขาหยุดดื่มแม้แต่กาแฟถ้วยเดียว
ร่างบางเปิดประตูขึ้นมานั่งเคียงข้างคนขับ อีกทั้งยังเร่งเร้าให้จงฮยอนรีบขับรถออกไปอีกด้วย
“รีบออกไปก่อนเถอะนะคะ เดี๋ยวพี่ๆออกมาเห็น”
“พวกเขา…สองคน อยู่บ้านกันหรอครับ?” จงฮยอนถามกลับหน้ามึน ถึงยงฮวากับจูฮยอนจะอยู่ในบ้าน เขาก็มองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมเราสองคนจะต้องรีบออกไปด้วย
“คือพี่ๆเค้า กำลังทำอาหารอยู่ในครัวน่ะค่ะ แล้วก็…พวกเขาก็ดูแปลกมากด้วย”
“แปลกยังไงครับ?”
“แปลกเหมือนตอนที่กลับมาจากเกาะเชจูน่ะค่ะ”
ยงฮวากับจูฮยอนใช้เวลาทำอาหารด้วยกันเกือบสองชั่วโมง ทุกอย่างถึงได้เสร็จออกมาเป็นที่พึงพอใจ ทุกเมนูในวันนี้มีอย่างละสองชาม แยกเป็นฝีมือของยงฮวาและจูฮยอนคนละชาม
“ถึงเวลาชิมแล้วล่ะ น่าเสียดายจุนฮียังไม่กลับมาเลย”
“ยังไม่กลับแหละดีแล้ว ผมสงสารจุนฮี ถ้าจะต้องมากินอาหารฝีมือคุณ”
จูฮยอนฟาดฝ่ามือลงบนไหล่ของยงฮวาจนดังลั่น เธอรู้อยู่แล้วว่าตัวเองทำอาหารไม่เอาไหน ชาตินี้คงมียงฮวาคนเดียวที่ทนกินมันได้
“ถ้าฉันทำอาหารไม่ได้เรื่อง ก็ต้องโทษคนสอนที่สอนไม่ได้เรื่องเอง”
“อ้าว…ทำไมมาลงที่ผมล่ะ”
“ก็จริงนี่ นายนั่นแหละสอนไม่ได้เรื่องเอง ฉันถามแล้วว่านี่เกลือหรือว่าน้ำตาล นายก็บอกน้ำตาล ทั้งที่มันเป็นเกลือ”
ยงฮวายืนให้บ่นตาปริบๆ เขาก็มีส่วนผิด แต่นักเรียนของเขาน่ะดื้อมากจนไม่รู้จะสอนยังไงด้วยเหมือนกัน จูฮยอนไม่มีเซ้นส์เรื่องทำอาหารเอาเสียเลย สอนอีกอย่างทำอีกอย่าง พอติว่าใส่บางอย่างมากเกินไป เธอก็แย้งกลับมาว่ามันมีประโยชน์ ซึ่งของที่มีประโยชน์เวลามาอยู่รวมๆกัน ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะอร่อยเสมอไป
“โอเค ผมยอมรับผิดก็ได้”
พอเขายอมให้ จูฮยอนก็ยิ้มได้ตามระเบียบ ถึงรู้ว่าตัวเองเอาแต่ใจมากเกินไป แต่เธอพอใจที่ยงฮวายอมให้เธอเสมอ
“ถ้าอย่างนั้น…หลังจากนี้เรากินของใครของมันก็แล้วกัน” ยงฮวาเลื่อนจานอาหารให้ตรงกับตำแหน่งของคนทำ เมื่อเห็นจูฮยอนเอาแต่ยืนนิ่ง เขาจึงถือโอกาสนั้นนั่งลงกินอาหารฝีมือตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย
“นั่งลงสิคุณ มากินได้แล้ว เดี๋ยวมันเย็นหมดหรอก”
จูฮยอนนั่งลงอย่างเนือยๆ เธอมองอาหารฝีมือตัวเองกับอาหารฝีมือของยงฮวาตาละห้อย
“แลกกันไหม?”
“เรื่องเถอะคุณ ต่อให้แถมเงิน ผมก็ไม่เอา”
ต้มผัดแกงทอดฝีมือของซอจูฮยอนรสชาติกินไม่ได้เลยแม้แต่จานเดียว ต่อให้หน้าตาของมันจะดูดีมากแค่ไหน ยงฮวาก็ไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยง
จูฮยอนนั่งมองอาหารฝีมือตัวเองพร้อมกับถอนหายใจ หลังจากวันนี้เธอจะไม่เข้าครัวอีกแล้ว เพราะต่อให้พยายามทำแค่ไหนก็คงไม่อร่อยอยู่ดี
“ฉันยังไม่หิว ไปอ่านหนังสือก่อนดีกว่า”
ข้อมือบางถูกยื้อยุดฉุดเอาไว้ ตอนแรกยงฮวาตั้งใจว่าจะแกล้ง แต่พอเห็นจูฮยอนนั่งซึม เขาก็ต้องใจอ่อนทุกที
“กินของผมดีกว่า ส่วนของพวกนั้น ก็วางไว้แบบนั้นแหละ”
พอเขาตักกับข้าวให้ จูฮยอนก็เลยยิ้มได้ ความตั้งใจของเธอล้มเหลว จากตอนแรกที่จะทำอาหารให้ยงฮวาได้กิน กลับกลายเป็นว่าเธอต้องกินอาหารฝีมือของยงฮวาแทน กินไปก็เอาแต่แอบมองเรียวนิ้วว่างเปล่าของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า เธออยากรู้ว่าเมื่อไม่มีแหวนแล้ว จากนี้ยงฮวาคิดจะทำยังไง
“แหวนสองพันวอน ยังอยู่อีกไหม?”
ยงฮวาก้มมองดูนิ้วตัวเอง ความจริงแล้วเขาพยายามที่จะซ่อมมันด้วย แต่สุดท้ายก็จนปัญญา
“ผมขอโทษ คือผมพยายามที่จะซ่อมมันแล้ว แต่ว่า”
“ซ่อมไม่ได้ แล้วไม่คิดจะทำอย่างอื่นเลยหรอ” จูฮยอนถามแทรกขึ้นมา
“ก็คิดอยู่นะ แต่จะให้ผมทำยังไงล่ะ ผมก็อยากบอกเหมือนกันว่าผมอยากได้แหวนวงใหม่ แต่คุณไม่ค่อยว่างเลย”
“ก็วันนี้ไง วันนี้ฉันว่าง…นายก็รู้” จูฮยอนจ้องมองคนตรงหน้าอย่างตัดรอน ความจริงแล้วเธอกำลังหาโอกาสที่จะให้แหวนวงใหม่กับเขาอยู่ แต่เธอไม่รู้ว่าเธอจะเริ่มต้นยังไง ตอนแรกคิดจะเอามันใส่ในอาหารแต่ก็กลัวว่าจะเป็นอันตราย พยายามนึกว่าตัวเองจะพูดยังไง นึกให้ตายก็นึกไม่ออก เพราะเธอไม่เคยซื้อแหวนให้ผู้ชายมาก่อน
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวเราออกไปซื้อแหวนกัน คุณจะต้องเลือกมันให้ผม แล้วก็สวมมันให้ผมด้วย”
จูฮยอนก้มหน้ากินข้าวทั้งที่เนื้อตัวแอบมีเหงื่อไหลซึมออกมาเต็มไปหมด ใจของเธอหวิวแปลกๆ หรือจะบอกว่าตื่นเต้นก็คงเข้าท่ากว่า
“ฉันไม่ไปหรอก ต้องอ่านหนังสือ”
ยงฮวาหน้าเจื่อนลงด้วยความผิดหวัง อุตส่าห์ใจกล้าออกปากแล้วแท้ๆว่าอยากได้แหวนวงใหม่ แต่ก็ยังถูกปฏิเสธได้ลงคอ
“ถ้ายังไม่ว่างก็ไม่เป็นไร เอาไว้รอวันอื่นก็ได้ หรืออาทิตย์หน้าคุณพอจะมีเวลาไหมล่ะ?”
เห็นคนตรงหน้าแสดงออกว่าผิดหวังแล้วจูฮยอนก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี เธอตัดสินใจล้วงเอากล่องใบเล็กออกมาจากในกระเป๋าแล้ววางมันลงต่อหน้าคนที่กำลังรอรับคำตอบด้วยความใจกล้า ให้แหวนผู้ชายก็ไม่ต่างอะไรกับหยิบมีดผ่าตัดนักหรอก
“ไม่ต้องรงต้องรอแล้ว ขืนรออาทิตย์หน้า แหวนของฉันคงได้ขึ้นสนิมกันพอดี”
ยงฮวามองกล่องใบเล็กอย่างอ้ำอึ้ง ถ้าจะบอกว่าในกล่องนั้นมีแหวน คงเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อเกินไป
“พูดเล่นใช่ไหม ในกล่องนี้มันไม่มีแหวนหรอก”
จูฮยอนเปิดกล่องใบเล็กออกเพื่อลบคำสบประมาท หากแต่พอเธอจะคว้ามือของยงฮวามาสวมแหวนให้ เขากลับรีบดึงมือกลับไป ทำให้จูฮยอนถึงกับใจแป้ว
“ทำไมล่ะ ไม่อยากได้หรอ?”
ยงฮวาส่ายหน้า ไม่ใช่ไม่อยากได้ แต่เขาในตอนนี้ตื่นเต้นและดีใจมากจนไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ได้เห็นจะเป็นเรื่องจริงก็เท่านั้น
“แหวนนั่น…ของผมหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันซื้อมาแพงมากเลยนะ เงินเก็บของฉันทั้งปีเลยด้วย” จูฮยอนหน้าแดงซ่าน เธอไม่ได้อยากอธิบายเรื่องอะไรพวกนี้เลย แต่กลับต้องพูดมันออกมา เป็นผู้หญิงแท้ๆแต่กลับต้องไปเลือกซื้อแหวนให้ผู้ชาย นึกแล้วก็เคืองจงฮยอนไม่หายที่เอาแหวนสองพันวอนมาให้เราสองคนใช้เป็นแหวนแต่งงาน
“แล้วสรุปจะเอาไหม ถ้าไม่เอา ฉันจะเอามันไปขายคืน”
ยงฮวายื่นมือออกมาทันควัน ตั้งใจซื้อมาให้กันขนาดนี้ มีหรือที่เขาจะกล้าปฏิเสธได้ลงคอ
“สวมมันให้ผมสิ”
จูฮยอนสวมแหวนให้คนตรงหน้าอย่างเขินอาย ขนาดของมันพอดีกับนิ้วของยงฮวามากจนทำให้คนสวมแหวนยิ้มกว้างด้วยความพอใจ
“เก็บรักษามันให้ดีด้วยนะ ถ้านายทิ้งขว้างแหวนของฉัน หรือว่าทำมันหัก นายตายแน่!”
ยงฮวามองแหวนแล้วเอาแต่ยิ้ม แหวนวงใหม่สวยงามและเปล่งประกายเจิดจ้า ยิ่งได้มองก็ยิ่งดีใจจนน้ำตาปริ่มจะไหลออกมา
“ผมจะเก็บรักษามันอย่างดี จะใส่มันไว้กับตัวตลอดเวลา สัญญาว่าจะไม่ทำมันหักหรือบุบสลายแม้แต่นิดเดียว”
หัวใจของจูฮยอนเต้นรัวแรงเมื่อยงฮวาคว้ามือของเธอมาบีบแน่น ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอไปกับความรักที่จองยงฮวามีให้เธออยู่ดี
ชายหนุ่มลุกออกจากเก้าอี้เดินตรงเข้ามาหาร่างบางที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขาฉวยทาบประกบริมฝีปากเข้ามาหา จูบนุ่มละมุนแสนหวานทำให้จูฮยอนหลงเคลิ้มได้อย่างง่ายดาย
กลีบปากอิ่มเผยอรับรสจูบวาบหวาม ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งรัก ยิ่งได้แนบชิดกันและกัน หัวใจก็ยิ่งสูบฉีดอย่างรุนแรงจนต้านทานความอ่อนไหวไม่ได้ เป็นเวลาเนิ่นนานไม่รู้กี่นาทีกว่าที่ริมฝีปากของคนทั้งคู่จะผละออกจากกัน ใบหน้าสวยแดงซ่านเพียงแค่ได้สบสายตากับคนตรงหน้า
“ขอบคุณนะ ผมซาบซึ้งมากจริงๆ”
***************************100%***************************
อัพเดตเล่ม E-books ตอนนี้นะคะ
Vampires baby, Devil Prince
Promise of Angel & Demon, Once Destiny
My best princess, Love is only you
For The First Time Lovers, Goddess Flower
สนใจสามารถสั่งซื้อได้นะคะ รายละเอียดในหน้าเพจเฟสบุคจ้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ที่น้องซอซื้อแหวนให้ อาหารมื้อนี้คงหวานหยดมากเลยนะยง
จุนฮีกลับมาแล้ว สงสัยละซิ หายไปแปปเดียวทำไมพี่ๆดูเปลี่ยนไป
อาหารมันรสชาติไง อยากรู้จัง หุหุ
ปล.ไรเตอร์สู้ๆคะ
ไรเตอร์สู้ๆ
แล้วน้องซอละ มันเป็นแหวนคู่ไมใช่เหรอ
ยงเอ๊ยย อีกไม่นานหรอก อิอิ
จุนฮีรู้หน้าที่ด้วยน่ารักดีเปิดโอกาสให้พี่สองคนด้วย
น้องซอนี่ก็ฟอร์มเยอะตลอดกว่าจะให้ได้ แต่ไม่เป็นไร อิพี่เข้าใจ 555