ตอนที่ 20 : Hate you, I hate you Chapter 19 :: Belong Together [100%]

Hate you, I hate you Chapter 19
Belong Together
“เอกสารของจูฮยอนหรอครับ เธอไปฮันนีมูน น่าจะกลับเข้ามาทำงานวันพรุ่งนี้”
“ดิฉันทราบค่ะ แต่โรงพยาบาลทางโน้นบอกว่าติดต่อคุณหมอจูฮยอนไม่ได้ พวกเขาก็เลยส่งเอกสารมาทางนี้แทน ถ้ายังไงฝากคุณหมอจองชินช่วยเก็บไว้ให้คุณหมอจูฮยอนหน่อยได้ไหมคะ”
จองชินรับเอกสารเอาไว้ด้วยความเต็มใจ ขนาดหยุดพักไปฮันนีมูน แต่จูฮยอนก็ยังไม่ยอมหยุดทำงาน ให้มันได้แบบนี้สิ
“มีเรื่องอะไรนะ หรือว่า…จะแอบไป Love land มา?” จองชินตัดสินใจที่จะแอบอ่านเอกสารของจูฮยอนด้วยความข้องใจ ทว่าข้อมูลในมือของเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเลิฟแลนด์ แต่มันเป็นเรื่องที่ทำให้ต้องแปลกใจและตกใจมาก เพราะมันคือผลการตรวจเลือดของยงฮวา และดูเหมือนว่าผลเลือดของเขาจะมีปัญหาเสียแล้ว
เมื่อต้นเดือนก่อนมีเด็กวัยรุ่นหลายคนมาเข้ารับการบำบัด เด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ตั้งครรภ์แล้วก็ทำแท้งโดยที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้ผู้ปกครองได้รู้ ขณะที่เด็กผู้ชายติดยาเสพติดจนกลายเป็นขโมยมือสมัครเล่น บางคนหนักถึงขั้นติดยาจนประสาทหลอน
เรื่องเหล่านี้อาจไม่ใช่ปัญหาใหม่ ทว่ามันมีกันทุกสังคม แต่ที่แปลกก็คือเด็กพวกนี้ต่างก็เป็นแฟนคลับของนักร้องชื่อดังไอยูกิ ทุกคนมีรายชื่อและเคยได้รับเชิญไปร่วมงานปาร์ตี้ของนักร้องสาว เด็กผู้หญิงที่ได้รับเชิญไปร่วมงานยอมรับกับเขาว่ามีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่รู้ตัวในงานนั้น บางรายโชคร้ายที่แค่ตั้งครรภ์ จากคำบอกเล่าของเด็กพวกนั้นบอกว่าเพื่อนบางคนติดเชื้อ HIV ด้วย
“หวังว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกันนะ แต่ผลเลือดมันสดเกินไปจริงๆ ถ้าตรวจเลือดเด็กพวกนั้นได้แบบนี้ ก็คงปิดคดีได้ตั้งนานแล้ว”
จูฮยอนตื่นนอนก่อนและพาตัวเองเข้ามาในห้องน้ำ ร่างกายของเธอไม่ดีนัก ขาของเธออ่อนเปลี้ยจนเกือบจะเดินไม่ไหว แถมยังพาลมีไข้อีกด้วย แต่ถึงจะรู้สึกไม่ดี จูฮยอนก็กัดฟันอาบน้ำชำระล้างร่างกายและแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย
ขณะที่ยงฮวาเริ่มรู้สึกตัวและลุกขึ้นมามองสำรวจตัวเองด้วยความแปลกใจ บนเตียงนอนยับยู่ยี่ราวกับเพิ่งผ่านพ้นสมรภูมิรบ ร่างกายของเขาเปลือยเปล่า ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นติดกาย บนผ้าปูที่นอนและผ้าห่มเต็มไปด้วยร่องรอยต่างๆ เห็นแล้วทำให้ตกใจจนลืมความอ่อนเพลียได้ทั้งหมด
ร่างบางก้าวออกมาจากในห้องน้ำ จูฮยอนตกใจที่พบว่ายงฮวาตื่นแล้ว เธอตั้งใจว่าเมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วจะออกจากห้องนี้ไปก่อนที่ยงฮวาจะตื่นขึ้นมา เธอยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขา และยังต้องการระยะเวลาทำใจอีกสักพัก
“เมื่อคืน…เกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณ…ทำอะไรผมหรือเปล่า?”
คำถามของเขาทำให้จูฮยอนถึงกับหน้าชา ยงฮวาคงจำไม่ได้ว่าเขาทำอะไรลงไป เธอเจ็บมากแค่ไหน นั่นคงเป็นเรื่องที่เธอต้องจัดการมันด้วยตัวของเธอเอง
“คิดเอาเองสิว่าใครกันแน่ที่ทำอะไร” จูฮยอนกระแทกเสียงใส่อย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะแข็งใจเดินหนีออกมา ก่อนหน้าเธอคิดว่าจะไม่ร้องไห้เพราะรู้ดีว่าคนที่ใจง่ายก็คือตัวของเธอเอง แต่พอได้ฟังในสิ่งที่ยงฮวาเอ่ยถาม เธอก็ถึงกับทนยืนอยู่ตรงนั้นไม่ไหว
“….” ยงฮวานั่งมองตัวเอง เรื่องที่เกิดขึ้นจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ไม่มีผู้ชายคนไหนเป็นวัตถุโบราณ จองยงฮวาไม่ใช่กำแพงถึงจะได้ไร้เดียงสาหรือไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
ความรู้สึกแห่งสัมผัสและรสชาติหอมหวาน รวมไปถึงร่องรอยบนเตียงนอนคือหลักฐานชิ้นสำคัญ ตอนนี้ภาพเหล่านั้นวกกลับมาอยู่ในหัวของเขาเรียบร้อยแล้ว
เสียงร้องครางที่แสนเย้ายวนใจ แอบแฝงไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัส สัมผัสจากหยดน้ำตาและอ้อมกอดที่แสนเร่าร้อนในช่วงเวลานั้นทำให้ยงฮวาถึงกับตกตะลึงไปกับการกระทำของตัวเอง เขาถามคำถามนั้นกับจูฮยอนไปได้ยังไง ในเมื่อการกระทำทุกอย่างเขาเองต่างหากที่เป็นฝ่ายเรียกร้อง
จูฮยอนกลั้นใจแบกสังขารมาได้ไม่ไกลนัก เธอแปลกใจที่ได้เห็นจุนฮีนั่งหัวเราะคิกคักอยู่กับจงฮยอน และพวกเขาก็อยู่ห่างจากเธอไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง
“พี่จูฮยอน!”
จุนฮีนั่งไม่ติดที่ รีบก้าวเข้ามาหาพี่สาวด้วยสำนึกในความผิด วันนี้จูฮยอนมีสีหน้าไม่สู้ดี ใบหน้าของเธอซีดมากจนทำให้จุนฮีอดที่จะเป็นห่วงกังวลไม่ได้
“พี่จูฮยอน ไม่สบายหรือเปล่าคะ?”
“….” จูฮยอนยืนทิ้งลมหายใจ ไม่ใช่ไม่ได้ยินคำถาม หากแต่ทุกอย่างตรงหน้าเธอมันหมุนคว้างจนเกินจะควบคุม
“จุนฮี…คือพี่… ”
“พี่จูฮยอน!” จุนฮีตกใจแต่ก็สามารถรับร่างของพี่สาวไว้ได้ทัน จงฮยอนเข้ามาช่วยอีกแรง ทั้งสองคนพากันตกใจที่อยู่ดีดีจูฮยอนก็มาเป็นลมล้มพับลงตรงหน้า
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องดังระรัวขึ้นมา ขณะที่ยงฮวากำลังรีบสวมเสื้อผ้าด้วยความรีบร้อน เขาไม่มีเวลาอาบน้ำชำระร่างกาย ตอนนี้คิดอย่างเดียวก็คือขอให้จูฮยอนยังไปไม่ไกลเกินกว่าที่เขาจะสามารถตามทัน
“จงฮยอน…นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?” ทันทีที่ได้เห็นหน้าจงฮยอน ยงฮวาก็ถึงกับอารมณ์ขึ้น เรื่องทุกอย่างเป็นเพราะจงฮยอนเป็นตัวต้นเหตุ เพราะถ้าเขาไม่เจ้ากี้เจ้าการ เรื่องเมื่อคืนก็คงจะไม่เกิดขึ้น
“อย่าเพิ่งถามอะไรเลยครับ พี่ทะเลาะกับคุณจูฮยอนหรือเปล่า มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพี่กับเธอหรือเปล่าครับ?”
“ทำไม จะเกิดหรือว่าไม่เกิดอะไร นายสนใจอยากรู้อีกงั้นหรอ นี่ฉันต้องรายงานทุกอย่างกับนายไหม?”
ถูกยงฮวาโวยใส่ จงฮยอนก็ถึงกับยืนอึ้งจนเหงื่อตก ยงฮวาไม่เคยแสดงออกว่าโมโหจนถึงขั้นสติแตกแบบนี้เลย ปกติเขาออกจะเป็นคนใจเย็น ทำตัวเป็นพระเอกทุกสถานการณ์ แม้แต่ถูกจูฮยอนตีหัวจนเลือดอาบ ยงฮวาก็ยังไม่เคยโกรธ
“ไม่ครับ พี่ไม่จำเป็นต้องรายงานอะไรกับผมทั้งนั้น แต่ตอนนี้…พี่จะต้องไปกับผมก่อน”
“นาย…ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาให้นายหรอกนะ” ยงฮวาเดินเลี่ยงไปยังประตูห้อง ตอนนี้เขาจะต้องรีบไปตามหาจูฮยอน แต่เขาไม่รู้ว่าเธอไปทางไหนแล้ว
“จงฮยอน…เห็นจูฮยอนหรือเปล่า นายเห็นไหมว่าเธอไปทางไหน?”
ท่าทีลุกลี้ลุกลนบวกกับสีหน้าซีดเผือดไม่ต่างอะไรกับคนใกล้ตาย จงฮยอนดูออกว่าตอนนี้ยงฮวาเป็นห่วงจูฮยอนมากแค่ไหน เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเกิดเรื่องอะไรกับสองคนนี้กันแน่ คนหนึ่งก็โมโหจนสติแตก อีกคนก็ถึงกับเป็นลมล้มพับได้แบบนั้น
“พี่จะต้องสงบสติอารมณ์ก่อน แล้วผมจะบอกครับ ว่าคุณจูฮยอนอยู่ที่ไหน”
จุนฮีพาพี่สาวของเธอมานอนพักที่ห้อง ตอนแรกจุนฮีกับจงฮยอนจะตามหมอเพราะไม่ไว้วางใจในอาการ แต่จูฮยอนไม่ยอม บอกว่าเธอขอนอนพักแค่เดี๋ยวเดียว อีกเดี๋ยวก็จะดีขึ้นเอง
ตอนที่จูฮยอนเป็นลม จุนฮีกับจงฮยอนตกใจมากจนแทบจะทำตัวไม่ถูก ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันตกใจ แต่ก็ยังโชคดีที่มีคนไม่น้อยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือด้วยการหยิบยื่นยาดมมาให้ พอจูฮยอนได้ดมยาพักใหญ่ เธอก็เริ่มที่จะรู้สึกตัว นี่ก็ไม่รู้ว่าจงฮยอนไปตามยงฮวายังไง ทำไมป่านนี้แล้วถึงยังไม่พากันมาเสียที
“เกิดอะไรขึ้นนะ ทำไมอยู่ดีดี พี่ถึงได้ล้มป่วยได้” เธอกับจงฮยอนตามดูพวกเขากันทุกวัน ทุกอย่างก็ดูปกติดี นอนห้องเดียวกันมาแล้วตั้งหลายคืน แต่กลับมาล้มป่วยในวันสุดท้าย
ทันทีที่รู้ว่าจูฮยอนอยู่ที่ไหน ยงฮวาก็วิ่งหน้าตั้งมาถึงด้วยความร้อนใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเกิดเป็นบ้าอะไร ถึงได้ทำอย่างนั้นกับจูฮยอนได้ลงคอ
จุนฮีสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ดีดียงฮวาเปิดประตูพรวดเข้ามา สีหน้าท่าทางของพี่ชายทำให้จุนฮีรู้สึกใจคอไม่สู้ดีนัก
ยงฮวาก้าวเข้าหาร่างที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง สีหน้าของจูฮยอนดูอิดโรยอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ครั้นพอจะเอื้อมมือปลุก กลับถูกจุนฮีร้องห้าม
“รอให้พี่จูฮยอนตื่นก่อนนะคะ พี่เค้าเพิ่งจะนอนหลับไปเมื่อกี้นี้เอง”
จงฮยอนเรียกจุนฮีออกจากห้องด้วยสายตา เขาคิดว่าตอนนี้ปล่อยให้ยงฮวาอยู่ดูแลจูฮยอนน่าจะดีกว่า เผื่อมีอะไรผิดใจจะได้ปรับความเข้าใจกันได้สะดวก
ยงฮวานั่งเฝ้าคนนอนหลับอย่างเงียบกริบ ยิ่งคิดทบทวนถึงเรื่องราวทุกอย่าง เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดและละอายใจ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอย่างนั้น คนอย่างจองยงฮวาไม่มีวันทำร้ายซอจูฮยอนได้ แต่สุดท้ายเขากลับทำให้จูฮยอนต้องเจ็บปวด
“ผมขอโทษ… ”
ในห้องเงียบสงบสะท้อนเสียงสะอื้นของยงฮวาจนดังฟังชัด จูฮยอนทนฟังไม่ไหวจนต้องพลิกตัวหนีหน้านอนร้องไห้สะอื้น ร่างบางสั่นสะท้านยามเมื่อถูกสัมผัสจากฝ่ามือหนา จูฮยอนปัดมือของยงฮวาออก เวลานี้เธอไม่อยากเห็นหน้าเขา และไม่ต้องการให้เขาแก้ปัญหาด้วยน้ำตา
“ไปให้พ้นหน้าฉันที ฉันโง่เองแหละที่ใจง่ายเกินไป”
“ไม่! จูฮยอน ผมรู้ว่าคุณ… ”
“….” ยงฮวาพูดไม่ออกเมื่อจูฮยอนลุกพรวดขึ้นมาจ้องหน้ากันด้วยแววตาแข็งกร้าว ถึงแม้ดวงตาของเธอจะดูดุดันมากเพียงใด แต่ความจริงก็คือตอนนี้จูฮยอนรู้สึกเจ็บมากเป็นที่สุด
“ผมไม่แปลกใจหากคุณจะโกรธหรือเกลียดผม แต่…ผมไม่ได้ตั้งใจ”
…!!
จูฮยอนฟาดฝ่ามือลงบนแก้มของคนตรงหน้าอย่างแรงจนทำให้ยงฮวาถึงกับหน้าหัน คนถูกตบไม่สะทกสะท้าน ไม่ว่าจูฮยอนจะทำอะไร เขายอมหมดทุกอย่าง
“ไม่หรอก…ความจริงแล้ว ผมอยากจะทำอย่างนั้นมาตลอด ผมอยากบอกว่ารักคุณ อยากบอกว่าผมหึงคุณ ผมอยากกอดคุณ อยากจูบคุณ แล้วก็อยากเป็นผู้ชายของคุณ”
“….”
ยงฮวาระเบิดความรู้สึกน้ำตานอง ไม่ต่างกับจูฮยอนที่ได้ฟังแล้วอยากจะเป็นลมอีกสักรอบ เขาพูดอะไรออกมา คนตรงหน้าเธอใช่จองยงฮวาแน่หรือ
“ประสาทกลับหรอ?” จูฮยอนกัดฟันถามพร้อมกับเสียงสะอื้น
“จะคิดอย่างนั้นก็ได้ แต่ผม…รักคุณจริงๆนะ”
จูฮยอนร้องไห้หนักขึ้น ยิ่งได้ฟังและได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่มีมากมายในใจของคนที่เธอเคยเกลียดชัง น้ำตาของเธอก็ยิ่งไหลออกมา
“อย่าพูดโกหก เพียงเพราะว่านายรู้สึกผิด เพราะว่าคนอย่างฉัน…ไม่ได้ต้องการให้นายมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น อีกอย่าง…นายก็ไม่ใช่คนแรกของฉันสักหน่อย”
ยงฮวาหลับตาพร้อมกับปลดปล่อยลมหายใจระบายความอัดอั้น กี่ครั้งแล้วที่จูฮยอนไม่เคยพูดความจริง เธอมักจะต่อล้อต่อเถียง ทำให้เรายิ่งต้องผิดใจกันเสมอ
“ผมไม่ใช่วัตถุโบราณนะ ผมไม่ได้ ‘โง่’ เหมือนที่คุณคิด”
จูฮยอนอยากตบหน้าเขาอีกสักครั้ง ทว่าเธอกลับทำไม่ลง ยงฮวาฉวยโอกาสนั้นคว้าร่างบางเข้ามากอดไว้แน่น การกระทำราวกับคนบ้าและป่าเถื่อนไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายจูฮยอนเลย ตอนนี้แม่ของเธอคงมองดูเขาด้วยความผิดหวัง ยงฮวาเองก็ผิดหวังในตัวเองด้วยเหมือนกัน ยิ่งรู้ว่าจูฮยอนต้องเจ็บปวด เขาก็ยิ่งเจ็บมากกว่าเธอเป็นร้อยเท่าพันเท่า
“ผมเป็นสามีของคุณนะ จะให้ผมลืมได้หรอ ผมทำไม่ได้หรอก ตอนนี้ผมจดจำได้แต่สัมผัสระหว่างเรา ทุกอย่างมันอยู่ในหัวของผมทั้งหมดเลย”
รสจูบของเรายังคงวนเวียนไม่จบสิ้น ความแนบชิดและไออุ่นที่สัมผัสแนบชิดจนกระทั่งหลอมละลายเราทั้งสองจนกลายเป็นหนึ่งเดียว จูฮยอนผู้ที่สร้างภาพลักษณ์ว่าเข้มแข็งและปราดเปรียว แท้ที่จริงแล้วเธอบริสุทธิ์และบอบบางยิ่งกว่าเด็กน้อยตัวเล็กๆ
“ยังไงก็ตาม…ผมดีใจที่ได้เป็นคนแรก… ”
เพี้ยะ!
จูฮยอนทั้งโกรธทั้งเขินจนพลั้งมือตบยงฮวาเข้าอีกจนได้ เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ายงฮวาดีใจหรือว่าเสียใจกับการกระทำของเขากันแน่
“ตบอีกสิ คุณทำอะไรกับผมก็ได้ทั้งนั้น ถ้าทำแล้วจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ผมยอมหมด”
“คนบ้า! พูดจบหรือยัง ทำไมถึงได้พูดมากนัก รำคาญแล้วนะ”
จูฮยอนฟาดเข้าที่อกของคนตรงหน้าระบายความอับอาย ทั้งที่ก่อนหน้าโมโหยงฮวาแทบเป็นแทบตาย
ยงฮวาดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แน่น ไม่ว่าจากนี้จะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ได้เปิดเผยความในใจทั้งหมดออกมาแล้ว
“ปล่อยเลยนะ กล้าดียังไงถึงได้ทำแบบนี้?” จูฮยอนดิ้นขัดขืน หากแต่อาจเป็นเพราะร่างกายและหัวใจของเธออ่อนแอเกินไป พยายามดิ้นแค่ไหนก็ดิ้นหนีไม่พ้น
“ผมมีสิทธิ์ทำไม่ใช่หรอ ผมมีสิทธิ์ที่จะแสดงออกว่ารัก หรือทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ เพราะว่า…ตอนนี้คุณเป็นของผมแล้ว”
….
….
ไฟล์บินหลังจบจากการฮันนีมูนไม่ธรรมดา ยงฮวาคอยดูแลเอาใจใส่จูฮยอนทุกฝีก้าว จนทำให้ทั้งจงฮยอนและจุนฮียังแปลกใจ
“นอนพักเอาแรงหน่อยเถอะ ซบตรงนี้ก็ได้” ยงฮวาแอ่นอกให้ซบ แต่จูฮยอนเมินหน้าหนี เธอทั้งรำคาญทั้งอึดอัดท่ามกลางสายตาของคนแปลกหน้าบนเครื่องบินที่ต่างก็จ้องมองมาที่เราไม่วางตา เหตุก็เพราะยงฮวาดูแลเอาใจใส่เธอมากจนเข้าขั้นโอเวอร์
“คุณยังตัวรุมๆอยู่เลย พรุ่งนี้ผมไปลางานให้นะ ผมไปส่งจดหมายลางานถึงมือท่านผู้อำนวยการเลยก็ได้”
“ไม่ต้องยุ่งน่า ฉันไปทำงานไหว หยุดมาตั้งหลายวันแล้ว จะให้หยุดอีกได้ยังไง”
“ไม่เอาสิ จะดื้อกับผมไปถึงไหน เป็นภรรยาต้องเชื่อฟังสามีนะ เข้าใจไหม”
จูฮยอนถอนหายใจระบายความอัดอั้น เขาทำเหมือนเธอเป็นลูกสาวของเขาไม่มีผิด จะลุกจะเดินจะกินจะนอนหรือจะนั่ง เขาแทบจะทำให้เธอหมดทุกอย่าง
จุนฮีกับจงฮยอนเอาแต่นั่งเงียบไม่มีความคิดเห็น จะบอกว่าทั้งรักทั้งเห่อภรรยาของเขาก็คงใช่ แต่ในสายตาของจงฮยอน ยงฮวาดูเหมือนกับว่าที่คุณพ่อที่กำลังเห่อลูกในท้องของคุณภรรยามากกว่า
“ทริปนี้ก็มีอะไรดีดีเหมือนกันนะ”
“จริงด้วยค่ะ เห็นพวกแล้ว ฉันรู้สึกอายๆยังไงไม่รู้ หรือว่า…เพราะได้อยู่ใกล้ชิดกัน ความรักก็เลยสุกงอมรวดเร็วมากเป็นพิเศษ”
“ก็อาจเป็นไปได้” จงฮยอนนั่งอมยิ้ม ทริปฮันนีมูนของคนอื่นสามารถทำให้หัวใจของเขาพองโต นานๆครั้งถึงได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับจุนฮีแบบนี้ ได้กินข้าวด้วยกันทุกมื้อแล้วก็เดินจูงมือพาจุนฮีเดินเล่น ถ้ามีเวลามากกว่านี้บางทีความรักของเขากับจุนฮีอาจจะสุกงอมตามยงฮวากับจูฮยอนมาติดๆเลยก็ได้
“แต่เห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ ดีกว่าทะเลาะกันนะ เห็นด้วยไหม?”
“ค่ะ แบบนี้ดีกว่ามากๆเลย” จุนฮียิ้มกว้าง เธอดีใจและมีความยินดีที่เห็นพี่ชายและพี่สาวทั้งสองคนมีความสุข ไม่ต้องมามัวแต่ทะเลาะกันให้เหนื่อยหัวใจ พวกเขาสองคนเหมาะสมกันมาก ยงฮวาเป็นคนดีและเขาก็แสดงออกว่ารักจูฮยอนมากด้วย จุนฮีเชื่อว่าอีกไม่นานพี่สาวของเธอจะต้องใจอ่อนให้กับพี่ชายที่แสนดีคนนี้อย่างแน่นอน
ตลอดการเดินทางยงฮวาเอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หลังมีโอกาสได้พูดทุกอย่างออกมา เขารู้สึกโล่งใจมากเป็นที่สุด ถึงแม้จูฮยอนอาจยังโกรธ แต่เธอก็ยังยอมให้เขาช่วยดูแล แค่นี้เขาก็มีความสุขและพึงพอใจมากแล้ว
จูฮยอนเมินหน้าหนียงฮวานับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งเขาเอาแต่นั่งยิ้มเหมือนคนบ้า เธอก็ยิ่งอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี ดวงตากลมโตบังเอิญผลุบลงต่ำจนทำให้มองเห็นว่านิ้วของยงฮวาในตอนนี้ว่างเปล่าเสียแล้ว แหวนสองพันวอนนั่น เขาถอดมันทิ้งไปแล้วหรือ?
“….”
เห็นสายตาที่จูฮยอนมองมา ยงฮวาจึงมองตามสายตานั้น ตอนแรกเขาก็แอบอายเพราะไม่รู้ว่าเธอมองอะไร และแน่นอนว่าจูฮยอนไม่ได้มองอะไรอื่น เธอกำลังมองหาแหวนสองพันวอนอยู่ต่างหาก
“คือว่า…แหวนมันหักตอนที่ลงไปช่วยไอยูกิขึ้นมาจากน้ำ”
ที่แท้ลางไม่ดีก็เริ่มขึ้นในตอนนั้นนี่เอง
“นายก็เลยถอดมันทิ้งสินะ”
“เปล่า ผมไม่ได้ทิ้ง แต่มันอยู่ในนี้” ว่าพลางล้วงกระเป๋าเสื้อโชว์ชิ้นส่วนแหวนสองส่วนให้จูฮยอนได้ดู เขากำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับมันดี
“หักขนาดนั้น ทิ้งไปเถอะ จะเก็บไว้ทำไม”
“ทิ้งไม่ได้หรอกเพราะว่าคุณเป็นคนสวมมันให้ผม ใครหลายคนอาจจะคิดว่ามันไม่มีค่า แต่สำหรับผมแล้ว…มันประเมินมูลค่าไม่ได้เลย แล้วมันก็สำคัญกับผมมากด้วย”
คำพูดนั้นพาซึ้งจนทำให้จูฮยอนจุกอก จองยงฮวาคนซื่อบื้อแสนดีไปหมดทุกอย่าง เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนแบบเขาอยู่บนโลกใบนี้
“หลังจากนี้…ฉันจะคิดบัญชีกับยัยไอโอดีนให้ได้ ว่าแต่นายแน่ใจใช่ไหมว่าก่อนหน้าไม่ได้กินอะไรอย่างอื่นเลย”
ยงฮวาแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้กินอะไรอย่างอื่น ตอนไปนั่งรอที่งานเขาก็ไม่ได้กินหรือดื่มอะไร สืบเนื่องจากงานปาร์ตี้วันเกิดของไอยูกิมีแต่เด็กวัยรุ่น ตอนที่นั่งอยู่ตรงนั้นยงฮวารู้ตัวดีว่ามันไม่ใช่ที่ที่เขาควรจะมาเลย ซึ่งถ้าไม่หวังถึงผลประโยชน์เรื่องงาน เขาไม่มีทางไปงานแบบนั้นอยู่แล้ว
เสียงหัวร่อต่อกระซิกที่ดังมาจากทางด้านหลังทำให้ยงฮวากับจูฮยอนต่างต้องพากันเหลียวหลังหันมอง มัวแต่เครียดและหมกมุ่นคิดถึงเรื่องของตัวเองจนลืมไปเลยว่าหนึ่งในสองคนนั้นคือตัวการของเรื่องทั้งหมด
“ก่อนจะจัดการยัยไอโอดีน ฉันขอจัดการลีจงฮยอนก่อน นายห้ามเข้ามาทำตัวเป็นพระเอกในเรื่องนี้ล่ะ”
“คุณคิดจะทำอะไร อย่ารุนแรงนักนะ ถึงยังไงเขาก็…เป็นคนดีมากคนนึง”
“เป็นคนดีมาก แต่ชอบยุ่งวุ่นวายไม่เข้าเรื่อง ฉันเก็บกดกับเขามาเยอะ แล้วดูสิกล้าดียังไงถึงได้พาจุนฮีมาด้วย นี่ถ้าฉันไม่บังเอิญเจอพวกเขา ป่านนี้คงยังไม่รู้เลยว่าเขาหลอกล่อจุนฮีด้วยวิธีไหน คนฉวยโอกาส ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ”
ยงฮวานั่งเงียบไม่กล้าอ้าปากโต้แย้ง ถึงแม้สำหรับยงฮวาแล้วจงฮยอนจะคล้ายเกมเทพช่วยทำให้เขาได้สมหวังในความรัก แต่ที่จูฮยอนพูดมาก็มีส่วนถูก จงฮยอนกล้าดียังไงถึงพาจุนฮีมาด้วย นึกแล้วก็อดโมโหไม่ได้
จงฮยอนยิ้มจนแก้มปริดีใจที่ยงฮวากับจูฮยอนเอ่ยปากชวนให้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน ตอนแรกเขาคิดว่ายงฮวากับจูฮยอนคงจะโกรธเขามาก แต่ในเมื่อผลออกมาดีกว่าที่คิดเอาไว้ จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องรีบวิ่งแล่นออกจากบ้านหลังนี้ไป
“กินเยอะๆได้เลยนะคะคุณจงฮยอน จุนฮีอุตส่าห์ทำสุดฝีมือ ถ้ากินไม่หมด น้องคงเสียใจนะคะ”
“สีมันแดงจัง ท่าทางจะเผ็ดมากหรือเปล่าครับ ผมกินเผ็ดไม่ค่อยได้”
“ไม่เผ็ดหรอกค่ะ ถ้าไม่เชื่อลองถามจุนฮีดูก็ได้”
“อ่าค่ะ ไม่เผ็ดเลย ลองชิมดูนะคะ อร่อยมากเลยล่ะค่ะ” จุนฮียิ้มเจื่อน เธอหันมองหน้ายงฮวาราวกับกำลังเว้าวอนขอให้พี่ชายที่แสนดีช่วย หากแต่เวลานี้ยงฮวาไม่สามารถช่วยอะไรจงฮยอนได้แล้วจริงๆ
จูฮยอนนั่งยิ้ม เมื่อเห็นจงฮยอนตักอาหารคำแรกเข้าปาก ยงฮวาบอกว่าจงฮยอนกินเผ็ดไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นครั้งนี้บทเรียนแรกก็คือการสอนให้เขากินพริก
“….” แค่คำแรกก็ทำให้จงฮยอนถึงกับแสบเข้ามาถึงทรวง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ขนาดกินน้ำหมดไปหลายแก้วแล้วแต่ก็ยังไม่หายเผ็ด
ยงฮวาเคยเล่าว่าตอนที่ย้ายมาอยู่บ้านนี้ใหม่ๆ เขากับพ่อถูกต้อนรับด้วยพริก โชคดีที่ยงฮวากับพ่อสามารถกินอาหารรสจัดได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะแย่อยู่เหมือนกัน
จุนฮีช่วยรินน้ำเติมให้อย่างรู้สึกผิด ถึงจะรู้เห็นแต่ก็พูดไม่ได้ เธอสงสารจงฮยอนมาก แต่กลับทำได้เพียงแค่นั่งดูเฉยๆ
“อร่อยไหมคะ คราวหน้าถ้าอยากจะกินอีกก็บอกได้เสมอ”
“….” จงฮยอนนั่งสะอึกจนหน้าแดง เขากำลังถูกจูฮยอนข่มขู่ แต่กลับไม่มีใครคิดช่วยเหลือเขาเลยแม้แต่ยงฮวาก็ยังเห็นดีเห็นงาม
“ยังเหลืออีกเยอะเลยนะจงฮยอน ทำไมเป็นคนกินทิ้งกินขว้างแบบนี้ล่ะ ถ้ากินไม่หมด จุนฮีเสียใจแย่เลยนะ” ยงฮวาเลื่อนจานกลับมาวางให้ จะว่าสงสารก็สงสาร แต่จะบอกว่าสะใจก็ได้ด้วยเหมือนกัน
จงฮยอนนั้นอยากจะร้องไห้เพราะเหมือนกำลังถูกรุมกลั่นแกล้ง
“ทำไมทุกคนถึงทำกับผมแบบนี้ล่ะครับ ที่ผ่านมาผมทุ่มเทเพื่อคุณสองคนมากแค่ไหน ไม่มีความดีเลยหรอ?” เขาสารยายขอความเห็นใจหน้าแดงก่ำพลางสูดน้ำมูกที่ไหลออกมาไม่หยุด หากแต่คำตอบของจูฮยอนกับยงฮวาที่ดังขึ้นมาพร้อมกันทำให้จงฮยอนถึงกับน้ำตาไหลพรากตามออกมา
“ไม่มี!”
จุนฮีเดินออกมาส่งจงฮยอนด้วยความสงสารปะปนไปกับความรู้สึกผิด ถึงแม้จงฮยอนจะบอกว่าไม่ให้เธอคิดมากเพราะว่าเธอไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยอยู่แล้ว แต่จุนฮีก็ยังรู้สึกผิดต่อจงฮยอนอยู่ดี
จงฮยอนรู้ตัวว่าเขาในตอนนี้เหมือนกำลังอยู่ในช่วงรับกรรม ถ้ารู้ว่าช่วยให้ลงเอยกันแล้วมาแทคทีมกลั่นแกล้งกันอย่างนี้ เขาจะไม่วางแผนจับพวกเขาสองคนยัดเข้าหอ และซื้อแพคเกตให้ไปสวีทหวานกันถึงเกาะเชจูแน่นอน
“พี่จงฮยอน…ค่อยๆค่ะ ไม่ต้องรีบ”
จงฮยอนแข้งขาอ่อนจนเกือบจะสวมรองเท้าผิดข้าง ลิ้นของเขา ไม่สิ ต้องบอกว่าทั้งปากเลยดีกว่า ปากของเขายังคงร้อนระอุอยู่เลย สงสัยว่าป่านนี้เหงือกคงได้หลุดร่อนออกมาเป็นแถบๆแล้ว จูฮยอนไม่ได้ใส่พริกแค่นิดเดียว แต่เขาคาดว่าเธอคงใส่หนักเป็นกิโล ไม่อย่างนั้นสีคงไม่แดงสดขนาดนั้นหรอก
จุนฮียืนดูจงฮยอนใส่รองเท้าจนถูกข้าง จงฮยอนบอกลาหญิงสาวตัวเล็กหน้าแดงก่ำ ทว่าความรู้สึกบางอย่างในส้นรองเท้าทำให้รู้สึกเหนียวหนึบเหมือนกับว่ามีใครเอากาวมาใส่ไว้
“พี่จงฮยอน มีอะไร…หรือเปล่าคะ?” จุนฮีเอ่ยถามเมื่ออยู่ดีดีจงฮยอนก็ถอดรองเท้าที่เพิ่งจะสวมเข้าไปออก
หญิงสาวตัวเล็กยืนหน้าซีดเมื่อเห็นยางสีเขียวเข้มยืดติดออกมาจากรองเท้า เคราะห์กรรมของลีจงฮยอนยังไม่หมด และตอนนี้เขาก็ไม่รู้อีกแล้วว่าในรถจะมีตัวอะไรแปลกๆอีกหรือเปล่า
จุนฮียิ้มเจื่อน คราวนี้เธอไม่รู้จริงๆว่าจงฮยอนจะโดนแกล้งแบบนี้ แต่ถึงจะรู้ก่อน เธอก็คงพูดออกมาไม่ได้อยู่ดี
“สงสัยจะกาวดักแมลงวันน่ะค่ะ รีบถอดถุงเท้าก่อนเถอะนะคะ เดี๋ยวจะเปื้อนมากไปกว่านี้”
จูฮยอนแอบแง้มม่านดูผลงานของตัวเองแล้วก็ยิ้มกว้างชอบใจ ความจริงแล้วเธออยากเล่นงานจงฮยอนให้หนักกว่านี้ แต่ว่ายงฮวาขอร้องเอาไว้ว่าไม่ให้ทำอะไรที่มากเกินกว่าเหตุ
“เสียดาย…จับอึ่งอ่างกับคางคกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจงฮยอนจะได้มีเพื่อนนั่งรถกลับบ้านด้วยกัน”
ยงฮวายืนก่ายหน้าผากก่อนที่จะฉุดให้จูฮยอนนั่งลง ได้เห็นเธอตอนนี้แล้วทำให้เขาต้องคิดถึงเธอในตอนสิบกว่าขวบ
“พอแล้ว ผมขอร้อง”
“รู้แล้ว ก็พอแล้วไง แค่แกล้งสนุกๆน่ะ”
ยงฮวายิ้มออกมาน้อยๆ โล่งใจที่อย่างน้อยจูฮยอนก็ยังเชื่อฟังกันบ้าง หญิงสาวสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสองมือหนาโอบช้อนรอบใบหน้าของเธอเอาไว้ ดวงตาของยงฮวาในตอนนี้แลดูอบอุ่นไร้พิษภัย เขาก็ไม่ต่างอะไรกับทาสรักของเธอ
“ไม่มีไข้แล้ว แต่ก็ยังต้องพักมากๆนะ”
“รู้แล้วน่า นายจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ฉันจะนอนแล้ว นายออกไปได้”
ยงฮวาหันมองตามที่จูฮยอนชี้ไป เธอชี้ไปที่ประตู ดูเหมือนว่าจูฮยอนจะลืมไปแล้วว่าห้องนี้ก็เป็นห้องของเขาด้วยเหมือนกัน
“ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”
จูฮยอนหน้าแดงก่ำ ยงฮวาชอบเอาแต่พูดย้ำ ทั้งที่เธออยากจะลืมเรื่องนั้นมากเป็นที่สุด ไม่ใช่แค่ยงฮวาที่เอาแต่คิดถึงสัมผัสพวกนั้น แต่เธอเองก็เหมือนกัน ทำยังไงก็ลืมไม่ได้สักที
“ไปอาบน้ำเถอะ จะได้รีบมานอน”
“เอาจริงหรอ คิดจะนอนนี่จริงๆหรอ?”
ยงฮวาพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ต่อให้จูฮยอนออกปากไล่หรือตบตี เขาก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น
“อาบน้ำเองได้หรือเปล่า ถ้าอาบไม่ไหว ผมช่วยอาบให้ก็ได้นะ”
“ไม่ต้อง ฉันอาบเองได้” จูฮยอนเดินหนีเข้ามาในห้องน้ำ ใบหน้าของเธอแดงก่ำยิ่งกว่าลีจงฮยอนกินพริก ตลอดทั้งวันยงฮวาทำเหมือนเธอเป็นลูกสาวของเขาไม่มีผิด แล้วมาตอนนี้ยังเสนอตัวว่าจะช่วยอาบน้ำให้อีก
“คนบ้า นี่นาย…คิดลามกกับฉันอีกหรือเปล่า อย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมอีก ครั้งเดียวพอแล้ว!”
*********************100%**********************
อย่าลืมคอมเม้นท์ให้กันนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อิพี่ยง ดูทั้งรักทั้งหลงเมียน่าดู
น้องซอจะรับมือกับสามีขี้หวงยังงัยน้อ
อีย๊งกลายเป็นเสือในคราบแมว อ๊ายยยย
ซออย่าเขินมากซิ =)
จงผู้น่าสงสารไม่มีใครเห็นใจจงเลย
ไรเตอร์สู้ๆ