ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คลังเก็บของของกี้ อย่าเข้ามา เดียวกี้จะคลั่ง

    ลำดับตอนที่ #64 : กิจกรรมที่1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 24
      0
      19 เม.ย. 58

    เคยได้ยินมาไหม?
    เรื่องของตำนานที่เกี่ยวกับ
    'กระจกที่สามารถสะท้อนอดีตได้'
     
     
              หนุ่มน้อยหน้าหวานมองกระจกตรงหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นเขรอะแต่ถูกปาดออกเป็นทางยาวไปแล้วทีหนึ่งด้วยมือของเขา(ซึ่งตอนนี้ดำปี๋) แถมทันทีที่เช็ดกลับมีลมพัดเอากลิ่นเหม็นหืนศพเข้ามาทั้งที่ในห้องไม่มีหน้าต่างสักบาน...แปลก?...เอลคิดพลางเอามืออีกข้างที่ไม่เลอะ ปิดปาดและจมูกเอาไว้เพื่อเป็นการเตือนตัวเองให้ห้ามบางอย่างที่เริ่มจุกและตันตื้นขึ้นมาถึงลำคอ...คลื่นไส้...
     
    เคยได้ยินมาไหม?
    เรื่องของตำนานที่เกี่ยวกับ
    'กระจกที่สามารถสะท้อนอดีตได้'
    ว่ากันว่ามันถูกทิ้งร้างไว้ในปราสาทสักแห่ง
     
               เอลค่อยๆเอามือที่ปิดหน้าครึ่งล่างลงอย่างช้าๆพลางมองภาพตรงหน้าตาไม่กะพริบ เคยได้ยินไหม?มันก็เคยนั้นล่ะ แต่...ใครมันจะไปคิดว่ามันคือกระจกที่อยู่ตรงหน้าเขากันละ!!! ที่เขารู้ว่ากระจกตรงหน้าเขาคือกระจกในตำนานก็ไม่ใช่เพราะอื่นใดนอกเสียจากภาพที่ถูกสะท้อนออกมา นั้น...ไม่ใช่ภาพของเขาใน 'ตอนนี้' แต่กลับเป็นภาพของเขาใน 'อดีต' 
     
    เคยได้ยินมาไหม?
    เรื่องของตำนานที่เกี่ยวกับ
    'กระจกที่สามารถสะท้อนอดีตได้'
    ว่ากันว่ามันถูกทิ้งร้างไว้ในปราสาทสักแห่ง
    ว่ากันว่ามันเป็นกระจกที่สะท้อนเพียงอดีตที่แท้จริง
     
              เอลกำลังยิ้มอย่างอ่อนโยน...และอ่อนโยนมากพอที่คุณจะนึกออกได้จากคนๆหนึ่ง ที่มาของรอยยิ้มนี้ก็เพราะภาพตรงหน้าที่ชวนคนึงหาเสียเหลือเกิน ใบหน้าร่าเริงพลันอ่อนลงทันตาที่ได้มองภาพในความทรงจำอันงดงามที่เขาไม่มีวันลืม

              'พี่ชายฮะ อุ้มเอลหน่อยน้า~เอลอยากคุยกับคุณแฟรี่เหมือนทุกคนบ้างอะ'เด็กชายตัวกระเปี๊ยกวัย 5 ขวบพูดขึ้นด้วยเสียงใสราวกับกระดิ่งแก้วพลางอ้าแขนเป็นการเชิญให้พูดเป็นพี่เข้ามาอุ้ม ส่วนผู้เป็นพี่แถมยังเป็นบราค่อนมีหรือจะปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป แน่นอนว่าไม่!!!
              'ได้สิเอล ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ชายเองนะ=,,='หนุ่มน้อยวัย 9 ขวบเจ้าของผมสีพงไพรไม่รอช้า รีบอุ้มน้องชายขึ้นมาสู่อ้อมกอด(และทำหน้าหื่น)ทันที ปีกบางใสแบบเหล่าภูติถูกกางออกเพื่อให้ผู้เป็นนายพร้อมจะโบยบิน 
              'ว้าว~สุดยอดเลยฮะ พี่ชายของเอลเก่งที่สุดเลย>_< เอลจะทำแบบนี้ได้บ้างในสักวันใช่ไหมฮะ?'เจ้าของเรือนผมสีหวานเอ่ยพลางทอดมองทิวทัศน์เบื้องล่างอย่างตื้นตา ดวงตาสีอะพาไทต์เป็นประกายทุกครั้งที่ได้เห็น แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้มองทิวทัศน์แบบนี้ แต่ทุกครั้งที่ได้มองมันกลับทำให้หัวใจของเด็กชายเต้นระรั่วด้วยความตื้นเต้นทุกครั้ง มือเล็กกำเสื้อของพี่ชายพลางยิ้มกว้างทั้งที่ยังมองภาพเบื้องล่างไม่ว่างตา ส่วนผู้เป็นพี่เมื่อเห็นดังนั้นก็ระบายยิ้มอ่อนโยนและก้มลงจูบเรือนผมสีกุหลาบจางเบาๆทำให้เด็กน้อยต้องหันมาทำหน้างงๆให้กับการกระทำของพี่ชาย ซึ่งคนถูกมองก็เพียงยิ้มจางให้อีกฝ่ายเท่านั้น
              'มีอะไรหรอฮะพี่?'ฟิเอลถามไปอย่างใสซื่อ ฝ่ายคนถูกถามก็ส่ายหน้าช้า
              'ไม่มีอะไรหรอกเอล!'ผู้เป็นพี่เอ่ยแล้วยิ้มกว้างให้เด็กน้อย  ผู้เป็นน้องเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ้มร่าออกมาบ้างอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนที่คนพี่ตอบคำถามก่อนหน้านี้ 'แล้วก็...พี่ชายน่ะสุดยอดอยู่แล้วล่ะนะ ก็เพราะเป็นพี่ชายของเอลไง>_< พี่น่ะจะทำตัวให้สมเป็นพี่ชายของเอล เอลจะได้ไม่ต้องอายที่มีพี่เป็นพี่ชาย!แล้วก็เรื่องปีก...'เด็กชายคนโตเงียบไปสักครู่แล้วมองน้องชายที่ยิ้มและมองตนอย่างลุ้นๆเมื่อเห็นแบบนั้นผู้เป็นพี่ก็ได้แต่มองน้องด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่เอลก็รับรู้ได้ว่านั้นไม่ได้เป็นสายตาในแง่ดีแน่ เด็กน้อยจึงคิดไปต่างๆนาๆอย่างตัวเองอาจจะไม่มีวันทำแบบพี่ได้ เมื่อคิดแบบนั้นดวงตาสีน้ำทะเลใสก็ก้มต่ำลงพร้อมกับน้ำตาที่คลอราวกับพร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อ เมื่อผู้เป็นพี่เห็นดังนั้นก็หลุดออกมาจากภวังค์และรีบปั้นหน้ายิ้มให้เด็กน้อยทันที 'ต้องทำได้แน่! แน่นอนว่าต้องเป็นปีกที่งดงามมากแน่ๆ>_<'
               เมื่อได้ฟังแบบนั้นเด็กน้อยก็เงยหน้ามาสบสายตาพี่พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงค่อย 'จริงหรอฮะ?' เสียงใสถามอย่างสั่นเครือยิ่งทำให้ผู้เป็นพี่อยากตบหัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดฐานทำน้องสุดที่รักต้องทำหน้าแบบนี้...ถึงจะน่ารักก็เถอะ=,,=
               'อื้ม!จริงสิ ก็เอลของพี่ซะอย่าง เน๊อะ!^_^'พี่ชายพยายามทำเสียงให้ร่าเริงเพื่อให้น้องเลิกร้องไห้ และแน่นอนว่ามันใช่ได้ดีเสมอกับเด็กวัย 5 ขวบ เพราะเมื่อคนรอบข้างทำหน้าสดใส เจ้าตัวก็เลิกร้องไห้ทันทีก่อนจะฉีกยิ้มใสซื่อจนเหมือนเทวดาตัวน้อย...ซึ่งก็ไม่ผิด
               'อื้อ!' เอลขานรับเสียงใสอย่างมีกำลังใจล้นเหลือ...สักวัน เขาเองก็จะทำได้เหมือนพี่ เป็นคนที่สง่างามที่สุด แม้จะเป็นลูกครึ่งก็ตาม! เอลตัวน้อยตั้งปณิธานกับตัวเองอย่างมุ่งมั่นราวกับมันคือความฝันเพียงหนึ่งเดียวที่ไม่ว่ายังไงก็จะทำให้สำเร็จ
     
              "คิก! อุ๊บ!ฮะๆๆๆ"เอลกลั้นหัวเราะกับตัวเอง แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเลยปิดปากแน่นเพื่อหัวเราะออกมาให้มีเสียงเบาที่สุด...ก็เขาแอบออกมานี้น้า~ เอลคิดก่อนจะมองภาพตรงหน้าที่พี่ชายพุ่งทะยานสูงขึ้นไปอีกโดยตัวเขาในอดีตยังคงเกาะพี่แน่นอย่างตื้นเต้นเพื่อจะไปหาคุณแฟรี่ที่อยู่บนยอดต้นไม้ เอลค่อยๆปาดน้ำตาที่หางตาออกหลังจากหยุดขำได้แล้ว
              เอลมองภาพนั้นอย่างอบอุ่นก่อนรอยยิ้มอันอ่อนโยนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอันโศกเศร้า...เศร้าจนไม่น่าเชื่อว่าคนที่สดใสดังพระอาทิตย์แบบนั้นจะยิ้มออกมาได้ เอลเอามือไผล้หลังเพื่อแตะบริเวณหลังที่ควรจะมีปีกออกมาเหมือนพี่ชาย ชายหนุ่มหน้าหวานเอียงคอมองเท่าที่จะทำได้ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆในขณะที่ในกระจกยังคงสะท้อนภาพในอดีตต่อไป "พี่นี้บ้าจัง...ชอบพูดอะไรที่'เป็นไปไม่ได้'อยู่เรื่อยเลย..." เอลพึมพำก่อนจะหลับตาลงช้าๆแล้วค่อยกลับมายืนในท่าเดิมพลางมองกระจกต่อ
     
    เคยได้ยินมาไหม?
    เรื่องของตำนานที่เกี่ยวกับ
    'กระจกที่สามารถสะท้อนอดีตได้'
    ว่ากันว่ามันถูกทิ้งร้างไว้ในปราสาทสักแห่ง
    ว่ากันว่ามันเป็นกระจกที่สะท้อนเพียงอดีตที่แท้จริง
    และกระจกจะไม่มีทางโกหกเพราะมันก็แค่สะท้อนภาพคุณ
     
             เอลเบิกตากว้างเมื่อภาพในกระจกเริ่มแปลกไป ภาพในความทรงจำตอนที่เขากับพี่กำลังจะกลับหลังจากเล่นกับคุณแฟรี่จนหน่ำใจเริ่มหายไป ภาพเริ่มขาดๆหายๆเหมือนคลื่นที่ถูกแทรกไม่ว่าจะภาพหรือเสียงก็เริ่มขาดห้วงก่อนจะปรากฏภาพหนึ่งขึ้นมาตรงหน้า ภาพของตัวเขาเอง...แต่ภาพของคนตรงหน้าคือ'เขา'ที่ไม่ใช่'เขา'เพราะคนตรงหน้าเอาผมลงมาปรกหน้าข้างหนึ่งแต่ก็ไม่อาจซ่อนเลือดที่ไหลออกมาอาบแก้มฟากนั้นได้ ดวงตาสีอะพาไทต์อีกข้างที่เหลือมองตรงมาที่เขาอย่างโศกเศร้าและ...ว่างเปล่า เอลเบิกตากว้างอย่างไม่อย่างเชื่อ ก่อนคนๆนั้นจะพูดบางอย่างที่ไร้ซึ่งเสียงแต่เอลก็อ่านปากได้ว่า'อย่า-มอง'
              มันเกิดขึ้นเพียงวินาทีก่อนภาพนั้นจะหายไป แต่มันกลับตรึงในสมองอย่างดี สภาพและคำพูดของคนตรงหน้าทำให้เขารู้ทันทีว่าซึ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปมันไม่ควรดูเหมือนที่อีกฝ่ายพูดจริงๆ แต่ถึงรู้แบบนั้น...ทั้งๆที่รู้ แต่ทำไมละ?มัน...ขยับไม่ได้ เบือนหน้าหนีไม่ได้!!!...เอลร้องในใจก่อนจะเบิกกว้างเมื่อภาพต่อไปปรากฏแก่สายตา คนในกระจกคือเขาตอนเด็กแน่ๆแต่นั้นไม่ใช่ความทรงจำของเขา!!!
     
    เคยได้ยินมาไหม?
    เรื่องของตำนานที่เกี่ยวกับ
    'กระจกที่สามารถสะท้อนอดีตได้'
    ว่ากันว่ามันถูกทิ้งร้างไว้ในปราสาทสักแห่ง
    ว่ากันว่ามันเป็นกระจกที่สะท้อนเพียงอดีตที่แท้จริง
    และกระจกจะไม่มีทางโกหกเพราะมันก็แค่สะท้อนภาพคุณ
    แม้สิ่งที่สะท้อนอาจจะจำไม่ได้ ไม่อยากจำ หรือถูกทำให้นึกไม่ออก
     
              เอลรีบเอาสองมือปิดปากทันที ดวงตาหวานใสคลอไปด้วยน้ำตา เริ่มมีบางสิ่งที่เริ่มเข้ามาในใจ มันค่อยๆคลืบคลานเข้ามาเกาะกุมอยู่ในใจ และเริ่มจะกัดกินมากขึ้นทุกที...ความกลัว กระจกไม่เคยโกหก...นั้นคือสิ่งที่เขารู้ และเพราะแบบนั้นยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าคนตรงหน้านั้นไม่ใช่เขา...เพราะภาพก่อนหน้านี้ที่ปรากฏออกมาคือสิ่งที่เขาจำได้ เมื่อถูกแสดงก็หมายความว่านั้นคือความจริง...และเรื่องราวนั้นเขาจำได้ทั้งหมด จำได้ทั้งปี ทุกวัน ไม่เคยลืม ดังนั้น...ภาพตรงหน้าที่เขาไม่รู้จักคืออะไรละ?มันต้องไม่จริงอยู่แล้วสิ!!แต่ว่า แต่ว่า....'กระจกไม่เคยโกหก'
     
    เคยได้ยินมาไหม?
    เรื่องของตำนานที่เกี่ยวกับ
    'กระจกที่สามารถสะท้อนอดีตได้'
    ว่ากันว่ามันถูกทิ้งร้างไว้ในปราสาทสักแห่ง
    ว่ากันว่ามันเป็นกระจกที่สะท้อนเพียงอดีตที่แท้จริง
    และกระจกจะไม่มีทางโกหกเพราะมันก็แค่สะท้อนภาพคุณ
    แม้สิ่งที่สะท้อนอาจจะจำไม่ได้ ไม่อยากจำ หรือถูกทำให้นึกไม่ออก
    แต่ก็มีกระจกบานหนึ่งที่สามารถสะท้อนอดีตได้แม้อดีตนั้นจะถูกปิดผนึกก็ตาม
     
              เอลส่ายหน้าช้าๆมองภาพในกระจกอันแสนโหดร้าย สองขาเริ่มหมดแรงเอาเสียดื้อๆจนเอลล้มลงไปกองกับพื้น ดวงตาคู่งามเริ่มระรื้นไปด้วยน้ำตา เขาไม่เข้าใจ...ทำไม...ถึงรู้สึกแบบนี้...ทั้งๆที่...เขาไม่เคยอ่อนแอแบบนี้...ไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้...กลัว
     
              'ปล่อยผมนะ ได้โปรด'เสียงใสของเด็กชายผมสีเหมยคนเดียวกันกับที่กระจกแสดงเมื่อครู่ร้องออกมา แม้จะเป็นคนเดียวกัน แต่สภาพกลับต่างกันเสียเหลือเกิน เด็กน้อยในกระจกถูกล่ามไปด้วยโซ่ราวกับสัตว์เดรัจฉาน ตรงคอถูกใส่ด้วยปลอกคอที่แน่นจนหายใจลำบากแต่ยังพอหายใจได้ แต่ก็ปรากฏรอยแดงพาดพานเช่นกัน ที่ปลอกคอคล้องด้วยโซ่ ซึ่งปลายทางของโซ่ก็ถูกกุมไว้ในมือเรียวสวยของบุคคลนางหนึ่ง
              'ปล่อย?อย่ามาบ้าน้า ไอ้เด็กเวร สกปรกเอ๊ย!!!'ทันทีที่พูดจบ ส้นสูงหัวแหลมก็ถูกเตะเข้าไปที่ท้องของเด็กชายคนนั้นอย่างแรงจนเด็กคนนั้นกระเด็นลงไปนอนกับพื้น ทั้งรู้สึกจุกและเจ็บจนสำลัก น้ำลายค่อยๆไหลออกมาจากมุมปากที่สำลักไม่หยุด หญิงสาวมองเด็กชายอย่างรังเกียจก่อนจะสั่งให้ใครบางคนแถวนั้นล่ามเด็กน้อยไว้และกระชากเสื้อออก ทันทีที่อาภรณ์เบื้องบนถูกปลดออก แผ่นหลังเนียนเล็กที่ไร้ริ้วรอยใดๆก็ปรากฏสู่สายตา หญิงสาวผู้โหดร้ายยกยิ้มต่างจากเด็กชายที่ตัวสั้นระริก หญิงสาวผมเงินยกแส้ขึ้นมาก่อนจะระดมฟาดไปกลางหลังของเด็กตัวน้อยพลางฟังเสียงกรีดร้องอย่างสนุกหู
              เมื่อฟาดแส้จนสาแก่ใจ หญิงงามผู้มีใบหน้าของ'เทพธิดา'จึงวางแส้ลง แต่สิ่งที่ตามมาคือที่ดึงเล็บ แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามต่อมาก็คือการทำหน้าที่ของเครื่องมือให้สมเกียรติของมัน แต่ดูท่ามันจะยังไม่หน่ำใจเธอมากพอ ยิ่งเมื่อแผ่นหลังเล็กเริ่มสมานแผลกันจนดี เธอจึงลงแส้อีกรอบ แล้วค่อยๆเอาแอลกอฮอล์ราดบนแผลของร่างเล็ก ต่อด้วยกรด แต่น้ำเกลือก็ยังคงถูกราดตามมา แน่นอนว่าไม่มีทางจะเจือจางกรดที่เข้มข้นขนาดนั้นได้หมด มันจึงยิ่งไปเพิ่มวงการกัดกร่อนเพิ่มเข้าไปอีก เมื่อพอใจเธอจึงสั่งให้คนเอาน้ำร้อนมาราดเพื่อล้างกรดออกไปและรอให้แผลสมานกัน
              'เสียงแกนี้...น่ารำคาญ'เธอพูดแบบนั้นก่อนมือเรียวจะหยิบคัตเตอร์ออกมาและ...ตัดผมของเด็กชายต่อด้วยกรีดปากของเขา เธอจึงยัดเส้นผมลงไปในปากจนพูดไม่ได้แล้วใช้เข็มเย็บปิดปาก แม้อยากสลบใจจะขาด แต่ก่อนหน้านี้เขากลับถูกกระตุ้นด้วยตัวยาบางอย่างทำให้สติยังคงอยู่ในร่าง แม้อย่างตายแต่ร่างของเขากลับเป็นอมตะและฟื้นฟูตัวเองได้ เมื่อเห็นว่ารอยที่กรีดเริ่มสมาน หญิงสาวจึงตัดด้ายออก ทันทีที่ด้ายถูกตัดขาด เด็กน้อยก็บ้วนผมทิ้งทันที เธอผู้เป็นทั้งเทพธิดาและ'มารดาแท้ๆ'จึงตบหน้าเด็กน้อยอย่างแรง และสิ่งต่อมาคือ...หัวใจ...สดๆที่ยังเต้นอยู่ เธอยัดใส่ปากเด็กน้อยแต่บังคับให้กลืน...แต่แน่นอนว่า...เขาทำไม่ได้ และของแลกเปลี่ยนกับการที่ทำไม่ได้ก็แค่....
              'อ๊ากกกกกกกกก!!!!'ดวงตาข้างหนึ่งของเด็กน้อยวัย 5 ขวบ เสียงกรีดร้องลั่นดังอีกครั้งเมื่อดวงตาสีสวยถูกนิ้วเรียวลวงเข้ามาในเบ้าตาและดึงออกไป เลือดที่แดงฉานไหลทะลักอาบหน้าฝั่งนั้น เมื่อเล่นจนพอใจ เธอจึงสั่งให้คนใช้เอาร่างของเด็กชายไปขังตามเดิมพร้อมให้อาหารด้วย...ถ้าไม่มีแรงร้องมันจะไม่สนุกเอาน่ะ..
     
    เคยได้ยินมาไหม?
    เรื่องของตำนานที่เกี่ยวกับ
    'กระจกที่สามารถสะท้อนอดีตได้'
    ว่ากันว่ามันถูกทิ้งร้างไว้ในปราสาทสักแห่ง
    ว่ากันว่ามันเป็นกระจกที่สะท้อนเพียงอดีตที่แท้จริง
    และกระจกจะไม่มีทางโกหกเพราะมันก็แค่สะท้อนภาพคุณ
    แม้สิ่งที่สะท้อนอาจจะจำไม่ได้ ไม่อยากจำ หรือถูกทำให้นึกไม่ออก
    แต่ก็มีกระจกบานหนึ่งที่สามารถสะท้อนอดีตได้แม้อดีตนั้นจะถูกปิดผนึกก็ตาม
    แน่นอนว่ากระจกที่สะท้อนอดีตไม่ได้มีเพียงบานเดียว แต่มีเพียงบานเดียวที่เที่ยงตรง
     
              "โหดร้าย..."เสียงบางเบาของเอลดังขึ้น ร่างเล็กเกินอายุสั่นระริก มือสองข้างยังคงปิดปากตัวเองเอาไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้น ใบหน้าหวานฉ่ำไปด้วยน้ำตา ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกกับสิ่งที่เห็นขนาดนี้ ทั้งๆที่เขามั่นใจแท้ๆว่านั้นไม่ใช่อดีตของเขาแต่เป็นอดีตของชายในกระจกที่หน้าตาเหมือนเขาก็เท่านั้นเอง...ความกลัวทำให้ร่างบางแทบจะหลับตาปี๋...ถ้าไม่เห็นอะไรบางอย่างเสียก่อน
     
    เคยได้ยินมาไหม?
    เรื่องของตำนานที่เกี่ยวกับ
    'กระจกที่สามารถสะท้อนอดีตได้'
    ว่ากันว่ามันถูกทิ้งร้างไว้ในปราสาทสักแห่ง
    ว่ากันว่ามันเป็นกระจกที่สะท้อนเพียงอดีตที่แท้จริง
    และกระจกจะไม่มีทางโกหกเพราะมันก็แค่สะท้อนภาพคุณ
    แม้สิ่งที่สะท้อนอาจจะจำไม่ได้ ไม่อยากจำ หรือถูกทำให้นึกไม่ออก
    แต่ก็มีกระจกบานหนึ่งที่สามารถสะท้อนอดีตได้แม้อดีตนั้นจะถูกปิดผนึกก็ตาม
    แน่นอนว่ากระจกที่สะท้อนอดีตไม่ได้มีเพียงบานเดียว แต่มีเพียงบานเดียวที่เที่ยงตรง
    เป็นกระจกบานที่เที่ยงตรง และมีพลังมากพอที่จะสะท้อนภาะอดีตที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ ชื่อของมันคือ
     
              เอลรีบเอื้อมมือไปที่กระจกราวกับจะไขว้คว้าบุคคลที่อยู่ในกระจก เป็นอีกครั้งที่'เขา'ซึ่งมีใบหน้าเหมือนฟิเอลทุกประการปรากฏกายออกมา 'เขา'ที่มีใบหน้าเหมือนกันหากแต่กลับไร้ซึ่งดวงตาข้างหนึ่งและดวงตาอีกข้างก็ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ 'เขา'ซึ่งมาเตือนให้ฟิเอลอย่าดูก่อนที่กระจกจะสะท้อนภาพออกมา และอีกครั้งที่'เขา'มาเพียงแวบเดียวแล้วก็หายไป
              เพล้ง!!!
              เสียงของกระจกแตกทำใหัร่างของชายคนนั้นแตกไปด้วย ฟิเอลรีบจับกระจกบานนั้นทันที แต่สิ่งที่สัมผัสได้คือกระจกที่ไร้ซึ่งรอยร้าวแต่กลับเต็มไปด้วยฝุ่น หรือก็คือ...เมื่อกี้คือภาพของกระจกซึ่งมีชายคนนั้นที่กระจกได้สะท้อนออกมา และอีกครั้งที่สายลมพัดเข้ามาทำให้ฝุ่นเริ่มกลับมาเกาะบริเวณที่ฟิเอลเช็ดไปเมื่อตอนแรก แต่ฟิเอลไม่ได้สนใจเพราะสิ่งที่เขานึกออกคือ คำพูดของชายในกระจกที่บอกเมื่อสักครู่ 'อย่านึก...ได้โปรด' อย่านึก?หมายความว่าไง?หมายความว่ามันคือความจริง?ไม่จริงสักหน่อย!!!
     
    เคยได้ยินมาไหม?
    เรื่องของตำนานที่เกี่ยวกับ
    'กระจกที่สามารถสะท้อนอดีตได้'
    ว่ากันว่ามันถูกทิ้งร้างไว้ในปราสาทสักแห่ง
    ว่ากันว่ามันเป็นกระจกที่สะท้อนเพียงอดีตที่แท้จริง
    และกระจกจะไม่มีทางโกหกเพราะมันก็แค่สะท้อนภาพคุณ
    แม้สิ่งที่สะท้อนอาจจะจำไม่ได้ ไม่อยากจำ หรือถูกทำให้นึกไม่ออก
    แต่ก็มีกระจกบานหนึ่งที่สามารถสะท้อนอดีตได้แม้อดีตนั้นจะถูกปิดผนึกก็ตาม
    แน่นอนว่ากระจกที่สะท้อนอดีตไม่ได้มีเพียงบานเดียว แต่มีเพียงบานเดียวที่เที่ยงตรง
    เป็นกระจกบานที่เที่ยงตรง และมีพลังมากพอที่จะสะท้อนภาะอดีตที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ ชื่อของมันคือ....
     
              และฟิเอลก็นึกออกถึงสิ่งที่เคยได้ยิน มีกระจกที่สะท้อนอดีตได้หลายบาน แต่ว่ากระจกบางส่วนเวลาสะท้อนภาพก็จะมีอดีตของคนอื่นที่มาก่อนประปนเข้ามาด้วย ทำให้อดีตของเราคลาดเคลื่นไปหมด บางทีก็มีอดีตของคนอื่นมาแต่กลับสะท้อนภาพของตนเอง แต่มีเพียงกระจกบานเดียวที่สามารถสะท้อนภาพของบุคคลนั้นได้อย่างเที่ยงตรง และมีอำนาจมากพอที่จะดู'ความทรงจำที่ถูกผนึกไว้' เอลนึกปลอบใจตัวเองว่ากระจกนี้คงสะท้อนอดีตของคนอื่นและนึกสงสารเขาอยู่ในใจ เมื่อคิดได้เช่นนั้นใบหน้าหวานก็เงยขึ้นมาเพื่ออ่านชื่อของกระจก แม้ใจหนึ่งจะร้องห้ามเพราะกลัวว่าจะเป็นกระจกบานนั้นแต่อีกใจก็บอกให้ดูเพื่อจะได้ลบมันออกไปเสียที
     
    ชื่อของกระจกบานนั้นคือ
    .
    .
    .
    "กระจกเอริออส"
     
              เอลเบิกตากว้างอย่างไม่อยากยอมรับ ช่างเป็นชื่อที่คุ้นเสียเหลือเกิน คุ้นเพราะว่า...มันคือชื่อเดียวกับในเรื่องราว ใบหน้าหวานค่อยๆก้มลงอย่างไม่อาจยอมรับ ดวงตาสีเขียวมินต์สั่นระริกเจือไปด้วยความหวาดกลัวและ...โล่งอก โล่งอกอะไรแม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่เข้าใจและไม่อยากจะเข้าใจเสียด้วย 
              ความกลัวทำให้ประสาททุกส่วนตื่นตัวอย่างเต็มที่ กลิ่นคาวเหม็นเน่าที่มากับสายลมเริ่มเข้ามาปะทะจมูกยิ่งครั้งอีกชวนให้นึกถึงภาพเมื่อครู่จนเอลต้องเอามือมาอุดปากอีกครั้ง น้ำตาเริ่มไหลลงมาอาบหน้าอีกครั้ง...คลื่นไส้...เอลรำพันอยู่ในใจ ก่อนลมจะพัดมาอีกระลอก
              พัดเอาน้ำตาและความทรงจำเมื่อครู่ออกไปและยัดเยียด'สิ่งที่ควรจะเป็น'มาให้แทนควบคู่กับเสียงที่พูดคำพูดที่ยังคงดังก้องในหัว...'อย่านึก...ได้โปรด' เอลมองตัวเองงงๆที่ตนร้องไห้ออกมา ก่อนถอนหายใจและยืนขึ้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ใช่เพราะมันไม่มี
              "อะไรเนี่ย~ผมเนี่ยจริงๆเลย แค่ดูภาพตอนพี่มาช่วยจนเจ็บตัวแทนก็ร้องไห้แล้ว ต้องเข้มแข็งมากกว่านี้!"เอลเอ่ยเสียงฟังชัดกับตัวเองเพราะที่เขาร้องไห้เพราะเมื่อกี้กระจกสะท้อนภาพของเขากับพี่หลังจากที่เล่นกับคุณแฟรี่จนพอใจ ตอนกลับบ้าน ความซุ่มซ่ามของเขาก็แสดงผล ทำให้พี่ต้องคอยปกป้องจนบาดเจ็บแทน เอลถอนหายใจเบาๆกับนิสัยซุ่มซ่ามของตนก่อนจะเดินออกไป...และล้ม
     
     
    [ผปค.-เขียนเพลิน เริ่มหลงประเด็น@_@]
     



    { Winter Dark Theme }
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×