คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1
พรหมลิขิตรัก
บทที่1
“ลูกไหมมานี่ซิ พ่อมีคนที่อยากจะแนะนำให้ลูกรู้จักนะจ๊ะ” คุณอำนวยส่งเสียงเรียกลูกสาวเพียงคนเดียวของตน
“ค่ะคุณพ่อ ไหมมาแล้วคะ” เด็กหญิงตัวน้อยรีบวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่กับคุณแม่ตอนนี้ใกล้ๆ ตัวท่านมีเด็กผู้หญิงอีกคนกำลังยืนอยู่
“ลูกไหม...พ่ออยากจะให้ลูกรู้จักกับหนูแพรวา นี่คือหนูแพรวาเป็นลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อเอง พ่อแม่ของหนูแพรเพิ่งจะเสียชีวิตไป พ่อก็เลยต้องให้หนูแพรมาอยู่กับเรานะจ๊ะ หนูแพรจ๊ะนี่ลูกสาวของลุงเองชื่อใยไหมหรือหนูไหมจ๊ะ”
“สวัสดีจ๊ะ หนูไหม” เด็กหญิงเอ่ยทักทาย
“สวัสดีจ๊ะ หนูแพร เรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ ไปเราไปเล่นกันตรงโน้นดีกว่า” เด็กหญิงชี้มือพร้อมกับจับจูงมือเพื่อนใหม่ให้ไปตามที่ตนบอก ทั้งสองต่างวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งมองดูอยู่ก็รู้สึกโล่งใจที่เด็กทั้งสองเข้ากันได้ดี
“น่าสงสารหนูแพรนะคะ พ่อแม่ก็เสียชีวิตพร้อมกันแล้วหนูแพรก็ยังไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก สมบัติก็ตั้งมากมายแล้วหนูแพรก็ยังเด็กด้วยเพิ่งจะ5ขวบเท่ากับหนูไหมเลย แล้วทนายประจำตระกูลหนูแพรเค้าว่ายังไงบ้างคะ” ท้ายประโยคคุณพิสมัยหันไปถามสามีของตน
“ทนายเค้าก็บอกว่าหนูแพรจะได้รับมรดกก็ต่อเมื่ออายุครบ20ปีตามที่กฎหมายกำหนดนะ เพียงแต่ตอนนี้เราจะเป็นผู้ปกครองให้กับหนูแพรก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายของหนูแพร ทนายเค้าจะเอาเงินเข้าบัญชีไว้ให้ทุกเดือนตามเงินปันผลจากการเล่นหุ้นและเงินปันผลของบริษัทนะ”
“แล้วบริษัทที่คุณสมานกับคุณวิไลสร้างไว้ละคะจะทำยังไง”
“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง บริษัทเค้านะผมจะเป็นคนดูแลเอง จนกว่าหนูแพรจะโตพอจะเข้ามาดูแลบริษัทของพ่อเค้าได้นะ ส่วนหนูแพร ผมอยากให้คุณรักเอ็นดูแกให้เหมือนกับหนูไหมจะได้ไม๊”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอกคะหนูแพรออกจะน่ารักและอีกอย่างเราก็สนิทกับครอบครัวแกมาก แล้วหนูแพรมาอยู่ก็ทำให้หนูไหมมีเพื่อนด้วยฉันก็ดีใจที่ได้เลี้ยงดูแกดีกว่าต้องให้คนอื่นที่ไม่รู้จักมาดูแลแกนะคะ” คุณพิสมัยกล่าวออกมาเพื่อให้สามีของตนสบายใจไม่ต้องเป็นกังวลว่าตัวเธอเองจะไม่รักเอ็นดูแพรวา
“ผมได้ยินอย่างนี้ค่อยเบาใจหน่อยกลัวว่าคุณและลูกจะรังเกียจหนูแพร ผมนี้ช่างโชคดีจริงๆที่มีภรรยาที่ดีและลูกสาวที่น่ารักอย่างคุณและหนูไหม” กล่าวจบคุณอำนวยก็โอบกอดคุณพิสมัยด้วยความรัก พร้อมกับมองดูเด็กทั้งสองวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน
“แพรๆ มานี่เร็วๆ เข้า ดูซิ ไหมได้เรียนในสถาบันเดียวกับแพรด้วย แต่ว่าน่าเสียดายแพรไม่ได้เรียนในคณะที่ชอบ แต่ต้องมาเลือกเรียนคณะเดียวกันกับไหมนะ” ใยไหมพูดออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูผิดหวังเป็นอย่างมาก
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยแพรยังไม่เห็นจะเสียใจเลย อย่าทำหน้าเศร้าเหมือนคนอกหักอย่างนั้นซิจ๊ะ เดี๋ยวไม่สวยนะ” คนเป็นเพื่อนกล่าวล้อเลียน
“บ้าๆๆ แพรนี่มาว่าไหมอย่างนี้ได้ไงก้อเค้าเสียดายนี่นา ที่จริงแพรสามารถเรียนทางด้านรัฐศาสตร์ก็ได้นี่นา แต่กับมาเลือกเรียนทางด้านบริหารแทนนะ ไหมก็เลยเสียดายความสามารถของแพรแทน”
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยจะเรียนทางไหนก็เหมือนกัน อีกอย่างแพรจะได้ช่วยงานคุณลุงได้บ้างนะ” แพรวากล่าว ทั้งๆที่ตนเองรู้ถึงความสามารถของตนและระดับสมองของตนว่าสามารถสอบเข้าคณะรัฐศาสตร์ได้แต่ก็อยากที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของคนเป็นลุงที่ช่วยเลี้ยงดูตนเองมากว่าสิบปีบ้าง จึงยอมตัดใจเลือกเรียนในคณะบริหารซะ
“จริงซินะ มีแพรนี่ละ ที่คุณพ่อรักซะยิ่งกว่าลูกตัวเองซะอีก นี่ถ้ารู้ว่าแพรเลือกเรียนคณะนี้สงสัยว่าคุณพ่อคงจะยิ้มแก้มปริเชียวละ”
“ไหมก็พูดเกินไปที่จริงคุณลุงก็รักไหมมากนะ แพรก็แค่หลานจะมาเทียบกับลูกของท่านไม่ได้หรอก แพรว่าคุณลุงก็คงดีใจมากเหมือนกันละนะที่ไหมสอบได้คณะบริหารเหมือนกัน ท่านก็คงหวังจะให้ไหมมาบริหารกิจการต่อจากท่านเหมือนกันละ”
“ไหมนี่นะ จะมาบริหารงานแทนคุณพ่อ โอ๊ยๆ อยากจะร้องไห้ แพรก็รู้ว่าไหมน่ะเรียนก็ไม่เก่ง ขนาดสอบเข้ายังต้องให้แพรช่วยติวให้เลย นี่ไหมยังงงๆ อยู่เลยนะว่าสอบเข้ามาได้ยังไง แต่ช่างมันเถอะไหนๆ เราก็สอบเข้ามาแล้ว นี่แพร ไหมว่าจะขออนุญาตคุณพ่อให้เราสองคนไปเที่ยวทะเลกันซักสองสามวันนะ แพรคิดว่าไง”
“ก็แล้วแต่ไหมเถอะ แพรยังไงก็ได้”
“งั้นก็ดี ตกลงตามนี้นะ งั้นเรารีบกลับบ้านกันดีกว่า เพื่อจะได้บอกข่าวดีนี้กับคุณพ่อคุณแม่ด้วย” ว่าแล้วสองสาวก็จูงมือกันเดินไปยังรถที่คนขับจอดรออยู่ก่อนแล้วเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน
.................................................................................
“คุณพ่อคุณแม่คะไหมกลับมาแล้วคะ” ใยไหมรีบเปิดประตูรถวิ่งเข้าไปภายในบ้านทันทีที่รถจอดสนิท เพื่อตรงไปยังห้องนั่งเล่นของบ้าน เมื่อเข้าไปภายในเห็นท่านทั้งสองนั่งอยู่ก็ตรงเข้าไปโอบกอดผู้เป็นมารดา โดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของท่านทั้งสองที่ผิดปกติกว่าทุกวัน
“กลับมาแล้วรึจ๊ะ ดูสิลูกคนนี่เมื่อไหร่จะโตซักทีนะ ยังทำตัวเป็นเด็กๆไปได้” คนเป็นแม่ได้แต่บ่นออกมาเบาๆ
“ใช่ดูอย่างหนูแพรซิไม่เห็นจะทำตัวโวยวายเหมือนเราเลยนะ หนูแพรซะอีกออกจะเรียบร้อย นี่ถ้าลูกได้นิสัยครึ่งหนึ่งของหนูแพรพ่อกับแม่ก็สบายใจแล้วละ” ผู้เป็นพ่อกล่าวขึ้นมาบ้าง
“แหม ดูซิแพร ไหมพูดไว้ไม่มีผิดเลยว่าถ้าแพรเป็นลูกสาวบ้านนี้จริงๆนะ พ่อกับแม่คงจะต้องรักแพรมากกว่าไหมซะอีก” ใยไหมรีบหันไปพูดกับแพรวาทันทีเมื่อเห็นแพรวาเดินตามตนเข้ามาในห้อง
“น่าตีจริงๆเลยลูกคนนี้ พ่อเค้าก็แค่เปรียบเทียบให้เราฟังเท่านั้นละ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนจะไม่รักลูกของตนหรอกจ๊ะ” คนเป็นแม่ไม่พูดเปล่ากับเอาฝ่ามือตีเพี๊ยะไปบนต้นแขนของลูกสาวเบาๆ
“โอ๊ยๆ คุณแม่ก้อ ลูกก็แค่ล้อเล่นเท่านั้นเองละคะ” ฝ่ายลูกสาวได้แต่เอามือลูบต้นแขนตนเองเบาๆแสดงท่าทางออดอ้อนคนเป็นแม่
“เออ...ว่าแต่ลูกทั้งสองไปดูผลการสอบนี่นาเป็นยังไงกันบ้างละ หรือว่าหนูไหมสอบไม่ได้ละ แต่พ่อว่าดูท่าทางแล้วหนูแพรน่าจะสอบเข้าได้นะ” คนเป็นพ่อเอยปากถามหลังจากที่ทนดูลูกสาวตนเองออดอ้อนผู้เป็นแม่อยู่นาน โดยไม่ได้สังเกตแววตาของอีกคนเลย
“แหมๆๆ คุณพ่อก็คิดแต่ว่าแพรเค้าสอบได้คนเดียวรึคะ ลูกสาวของคุณพ่อคนนี้ก็สอบได้เหมือนกันนะคะ แถมได้ในคณะที่ตั้งเป้าไว้ด้วยคะ” ใยไหมไม่ลืมที่จะคุยโว่โอ้อวดความสามารถของตนบ้าง
“จริงรึ ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องพาลูกทั้งสองไปเลี้ยงฉลองหน่อยแล้วจริงไม๊คุณ คืนนี้อยากกินอะไรละเดี๋ยวพ่อเป็นเจ้ามือเอง”
“เย้ๆ งั้นคุณพ่อคะ เอาร้านอาหารริมน้ำที่เราเคยไปกินกันคราวก่อนดีไม๊คะ ไหมชอบบรรยากาศที่นั่นนะคะ แล้วอีกอย่างอาหารเค้าก็อร่อยด้วย” ใยไหมรีบกล่าวบอกตามที่ตนคิดไว้
“อืมก็ดีนะ แล้วหนูแพรละลูกคิดว่าไง” ผู้สูงอายุหันไปถามความคิดเห็นของสมาชิกอีกคนที่เอาแต่นั่งยิ้มโดยไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่เดินเข้ามา
“แพรว่าแล้วแต่ไหมเถอะคะ แพรยังไงก็ได้” แพรวาหันไปสบสายตาของเพื่อนสาวเมื่อเห็นว่าใยไหมพยายามบุ้ยใบ้ให้แพรวาตอบรับมากกว่าปฏิเสธ
“งั้นก็ตกลงตามนี้นะ” ผู้เป็นพ่อกล่าวพร้อมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายที่รู้ว่ายังไงซะหนูแพรก็คงต้องยอมทำตามที่ลูกสาวของตนพูด เพราะตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว ใยไหมจะพูดอะไรแพรวาก็จะเชื่อฟังไปซะหมด เหมือนกับว่าตนนั้นเจียมตัวตลอดเวลา
“งั้นลูกทั้งสองขึ้นไปพักผ่อนเถอะจ๊ะ แล้วเย็นนี้เจอกัน” คนเป็นแม่รีบไล่เด็กสาวทั้งสองเมื่อเห็นว่าผู้เป็นพ่อมีสีหน้ายังไง
เมื่อเด็กสาวทั้งสองออกไปจากห้องแล้ว คุณพิสมัยก็เอ่ยขึ้นกับสามีของตนดั่งรู้ใจกันดีว่า
“คุณ! ฉันรู้นะคะว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ หนูแพรกับลูกไหมของเราก็เป็นอย่างนี้กันมาตั้งแต่เด็กๆแล้วจะให้เปลี่ยนแปลงได้ยังไงคะ”
“แต่คุณก็รู้นี่นาว่าตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้มาทั้งหมดล้วนแต่เป็นของหนูแพรนะ แม้แต่บ้านที่เราอยู่ตอนนี้ก็เป็นบ้านของหนูแพร เราซะอีกที่จะต้องเกรงใจแกนะ” ผู้เป็นสามีเอ่ยเมื่อนึกย้อนหลังไปเมื่อ 14 ปีก่อน ที่ธุรกิจของตนต้องล้มละลายเพราะถูกพิษเศรษฐกิจเล่นงาน จนกระทั่งต้องขายทุกอย่างทิ้งแม้แต่บ้านที่อาศัยอยู่ จนกระทั่งทนายประจำตระกูลของแพรวายื่นมือเข้ามาช่วยโดยให้ตนดูแลกิจการทุกอย่างของตระกูลพร้อมทั้งให้เข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วย โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องเลี้ยงดูแพรวาให้เทียบเท่ากับใยไหมลูกสาวของตน
“ฉันรู้คะคุณ ฉันก็ไม่เคยลืม แต่จะให้ทำยังไงละคะ เราจะบอกความจริงกับเด็กทั้งสองก็ไม่ได้นะคะ อีกอย่างหนูแพรก็ยังต้องพึ่งพาคุณอีกนานนะคะ กว่าแกจะเรียนจบและมารับกิจการของบ้านแกนะคะ”
“แต่ทนายความทางฝ่ายหนูแพรเค้าต้องการให้หนูแพรได้รับรู้ความจริงก่อนที่จะอายุครบ20นี่นา เพื่อที่หนูแพรจะได้เตรียมตัวเป็นทายาทที่ถูกต้องซะที”
“แต่ฉันไม่เห็นด้วยนะคะ ถ้าลูกไหมรู้เรื่องนี้เข้ามีหวังแกคงจะเสียใจมาก เพราะตั้งแต่เด็กๆมาแล้วหนูแพรตามใจแกมาตลอด แล้วถ้าเกิดว่าเปลี่ยนเป็นแกต้องตามใจหนูแพรบ้าง ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่าลูกจะรู้สึกยังไง เอาเป็นว่าคุณก็บอกกับคุณทนายไปเลยซิคะ ว่าหนูแพรรู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้วและตอนนี้หนูแพรก็เรียนทางด้านบริหารด้วยเพื่อเตรียมตัวมาบริหารให้กับบริษัทของพ่อแกแล้ว ฉันว่าเอาตามที่ฉันบอกนี่ละคะ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปดูเด็กๆซะหน่อย” ฝ่ายคุณพิสมัยรีบกล่าวตัดบทซะก่อนที่จะลุกออกไปจากห้อง ปล่อยให้คนเป็นสามีเอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น
.............................................................................................
“นี่แพรลองชิมกุ้งแม่น้ำนี่ซิอร่อยนะ” เจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่มือนั้นตักเอาเนื้อกุ้งแม่น้ำมาวางไว้บนจานของเพื่อนสาวทันที
“ไหมนี่ลูกลืมไปแล้วรึไงว่าแพรเค้าแพ้กุ้งน่ะ ยังจะเอากุ้งให้แพรกินอีก” คนเป็นพ่อเมื่อเห็นว่าลูกสาวของตนทำในสิ่งที่ไม่สมควรจึงต่อว่าออกมา
“อ๊ะ! ตายจริงแพร ไหมขอโทษ ไหมไม่ได้ตั้งใจ ไหมลืมไปว่าแพรไม่ถูกกับกุ้ง แพรไหมขอโทษนะ” ใยไหมรีบกล่าวขอโทษพร้อมกับรีบตักเอาเนื้อกุ้งออกจากจานของเพื่อนทันที
“ไม่เป็นไรหรอกคะคุณลุง แพรไม่โกรธไหมหรอกคะ แพรรู้ว่าไหมหวังดีกับแพรอยากให้แพรลองชิมดูเท่านั้นเอง” แพรวารีบกล่าวกับคุณอำนวยด้วยกลัวว่าเพื่อนรักจะโดนดุ
“ช่างเถอะคะคุณ หนูแพรก็ไม่ได้กินเนื้อกุ้งเข้าไปซะหน่อยอีกอย่าง ลูกไหมก็ขอโทษแล้วนี่คะ คุณอย่าทำให้เด็กๆหมดสนุกซิคะ” คุณพิสมัยรีบกล่าวเตือนสามี ด้วยรู้ว่าสามีรักหลานคนนี้มาก กลัวว่าจะกล่าวตำหนิลูกสาวมากกว่านี้จะทำให้ลูกรู้สึกน้อยใจได้
“งั้นแพรกินนี่แล้วกันนะ อันนี้ก็อร่อยเหมือนกันไหมรับรองว่าแพรจะไม่แพ้อาหารนี่แน่ๆ” ใยไหมรีบตักอาหารอย่างอื่นให้กับเพื่อนของตนแทนการขอโทษ
“ขอบใจจ๊ะไหม” แพรวากล่าวพร้อมกับตักอาหารนั้นรับประทาน
ในระหว่างที่ครอบครัวนพไพศาลทั้งหมดนั่งทานอาหารกันนั้นสายตาของผู้เป็นประมุขก็เหลือบไปเห็นบุคคลที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้โต๊ะที่ตนและครอบครัวนั่งกัน จึงลุกขึ้นกล่าวทักทายคนรู้จัก
“สวัสดีครับคุณกำพล มาทานข้าวเหมือนกันหรือครับ” คุณอำนวยรีบกล่าวทักทายอีกฝ่าย
“สวัสดีครับคุณอำนวย ผมพาลูกชายมาทานอาหารเย็นน่ะครับ พอดีว่าลูกชายเพิ่งจะกลับมาจากเมืองนอกครับ นี่ลูกชายของผม ธันวา นี่คุณอำนวยเพื่อนของพ่อเอง” กล่าวแนะนำลูกชาย
“สวัสดีครับคุณอา” ชายหนุ่มหน้าตาดีลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ใบหน้าหล่อเหลา ผิวขาว คิ้วคมพาดเฉียงเหนือดวงตาสีเทาอมดำของเขา จมูกโด่งเป็นสันผมสีน้ำตาลเข้ม ดั่งความผสมลงตัวของสองเชื้อชาติจึงทำให้ได้ชายหนุ่มที่หล่อเหลาดั่งเทพบุตร กำลังยกมือไหว้เพื่อนของพ่อตนเอง
“อืม...นี่ลูกชายโตเป็นหนุ่มแล้วรึนี่ หน้าตาหล่อเหลาด้วยนี่นะสาวๆคงจะติดเยอะละซิท่า เออ...นี่ครอบครัวของอา นี่คุณพิสมัยภรรยาของอา ส่วนนั้นก็ลูกสาวใยไหม อีกคนก็หลานสาวแพรวา” คุณอำนวยรีบแนะนำบุคคลในครอบครัวให้รู้จัก เด็กสาวทั้งสองรีบยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าทันที
“สวัสดีครับคุณอา สวัสดีครับน้องใยไหม และก็น้องแพรวา” ธันวาเอยทักทายทุกคนก่อนจะมองมาที่สองสาวน้อยที่มีใบหน้าสวยไปคนละแบบ อย่างใยไหมสวยแบบสาวน่ารักร่าเริง แต่กับแพรวาชายหนุ่มรู้สึกเหมือนลมหายใจติดขัดสะดุดขึ้นมาเมื่อมองจ้องใบหน้าที่สวยหวานปานน้ำผึ้ง ปากสีชมพูที่ดูน่าจูบยิ่งนัก ก่อนที่จะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงหวานใสอีกเสียงหนึ่งก็ทักทายขึ้นมา
“สวัสดีคะ พี่ธันวา” เสียงใยไหมกล่าวทักทายขึ้นเมื่อเห็นสายตาของชายหนุ่มที่จ้องมองแพรวาก็ให้รู้สึกหงุดหงิดใจ
“ครับ เรียกพี่ธันเฉยๆก็ได้ครับ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะละสายตาไปจับจ้องใบหน้าหวานของอีกคนหนึ่งแทนพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำเอาสาวเจ้าถึงกับหน้าแดง
“นี่ถ้าไม่รังเกียจละก้อนั่งทานด้วยกันดีกว่าครับคุณกำพล” คุณอำนวยรีบเชื้อเชิญสองพ่อลูกทันที
“จะดีรึครับ ผมกับลูกจะรบกวนเปล่าๆ” คุณกำพลกล่าวออกมาด้วยไม่อยากรบกวนความสุขของรอบครัว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ วันนี้ผมแค่มาฉลองที่เด็กทั้งสองสอบเข้ามหาลัยได้นะครับ” คุณอำนวยรีบบอกกล่าวจุดประสงค์ของการทานอาหาร
“งั้นเอาอย่างนี้ซิครับคุณพ่อเราก็ถือโอกาสนี้เลี้ยงอาหารให้กับสาวน้อยทั้งสองซะเลย จะไม่ดีกว่าหรือครับ” ชายหนุ่มรีบกล่าวด้วยตัวเขาอยากจะรู้จักสาวสวยทั้งสองอยู่แล้ว
“อืม...จริงซินะ งั้นเอาตามนี้นะครับคุณอำนวย คุณพิสมัย”
“ก็ได้ครับ เด็กๆขอบคุณคุณลุงและพี่เขาซะซิ” คุณอำนวยหันไปหาพูดกับเด็กสาวทั้งสอง
“ขอบคุณคะคุณลุง และก้อ..พี่ธัน” เสียงของใยไหมเป็นคนกล่าวขอบคุณ ส่วนแพรวาได้แต่ยกมือไหว้ขอบคุณเท่านั้นโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
หลังจากนั้นชายหนุ่มต่างวัยก็พาตัวเองมาเป็นเจ้าภาพในการเลี้ยงฉลองให้กับสองสาวซะเลย โดยธันวานั่งเคียงคู่กับใยไหม หนุ่มสาวทั้งสองต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่วนผู้ใหญ่ทั้งสามก็เอาแต่พูดคุยกันถึงเรื่องงานที่บริษัทของตน โดยที่เด็กสาวอีกคนก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตานั่งทานอาหารของตนอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่รู้ว่ามีอีกสายตาหนึ่งแอบคอยมองตนอยู่ตลอดเวลา
“พี่ธันคะ พี่ไปเรียนเมืองนอกเป็นยังไงบ้างคะ ไหมอยากรู้บ้างเผื่อว่าอาจจะได้ไปเรียนต่อหลังเรียนจบจากมหาลัยนะคะ” ใยไหมเอ่ยถามขึ้นเมื่อตนเริ่มสังเกตว่าชายหนุ่มคอยแอบมองแพรวาอยู่ จึงทำให้รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา
“น้องไหมสนใจหรือครับ ถ้าสนใจไว้พี่จะแนะนำสถานที่เรียนให้เองครับ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเอาใจสาวน้อยตรงหน้า
“งั้นพี่ธันก็ช่วยแนะนำให้ไหมสิคะ”
“นี่ลูกกวนอะไรพี่เค้าอีกละจ๊ะ” คุณพิสมัยหันมาเอ็ดลูกสาวคนเดียวของตน
“เปล่าหรอกครับคุณอา น้องไหมก็แค่อยากรู้ว่าการไปเรียนต่างประเทศเป็นยังไง เอาไว้ผมหาโอกาสว่างไปแนะนำน้องไหมที่บ้านจะได้ไม๊ครับ” ชายหนุ่มถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกับครอบครัวนี้ให้มากดีกว่า
“ได้จ๊ะ อาอนุญาต ไว้หลานไปเมื่อไหร่อาจะต้อนรับอย่างดีเลยจ๊ะ” คุณพิสมัยรู้ว่าชายหนุ่มสนใจลูกสาวของตนอยู่บ้าง
“งั้นก็คงต้องขอฝากตัวแล้วละครับ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างเกรงใจ
“แหมน่ารักจริงๆ เลยนะคะลูกชายของคุณกำพลเนี๊ย” คุณพิสมัยเป็นปลื้มกับท่าทางของชายหนุ่ม
“นี่หนูแพรลุงไม่เห็นหนูคุยอะไรกับพี่เค้าบ้างเลยละ” คุณอำนวยสังเกตเห็นหลานสาวเอาแต่นั่งเงียบตลอดไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองใครเลย
“เออ...คือว่า” ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะตอบเสียงหนึ่งก็ขัดขึ้นมาซะก่อน
“คุณก็ หนูแพรแก่เป็นคนพูดน้อยฟังมากอยู่แล้วละคะ ไม่ต้องให้หนูแพรพูด ลูกไหมของเราก็พูดแทนแล้วนี่คะ จริงไม๊จ๊ะหนูแพร” เสียงคุณพิสมัยหันไปถามแพรวา ด้วยกลัวว่าชายหนุ่มจะหันมาสนใจแพรวามากว่าลูกสาวของนางเอง
“ใช่คะคุณป้า” แพรวาเลี่ยงที่จะพูดดีกว่าเพราะหญิงสาวก็ดูออกว่าคุณพิสมัยไม่อยากให้ตนขัดขวางลูกสาวของตัวเองเท่าใดนัก หญิงสาวจึงยอมรับตามที่ผู้เป็นป้าพูดซะ
คุณอำนวยดูออกว่าภรรยาของตนต้องการสิ่งใดแค่ก็ไม่อยากจะพูดขัดขึ้นมาด้วยกลัวว่า คนอื่นจะเข้าใจผิด จึงได้แต่นิ่งเงียบ พร้อมกับรู้สึกสงสารหลานคนนี้มาก แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เนื่องจากตนไม่อยากขัดใจภรรยา ทำได้แค่เพียงถอนหายใจอย่างคนอึดอัดแทน โดยที่ไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น
หลังจากนั้นทั้งสองครอบครัวก็แยกย้ายกันกลับ แต่ก่อนกลับใยไหมยังไม่วายชวนเชิญให้ธันวาแวะไปเยี่ยมตนบ้าง พร้อมกับทั้งสองต่างก็แลกเปลี่ยนเบอร์โทรกัน ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคิดว่าเด็กทั้งสองคงจะถูกชะตากันเป็นแน่ จึงไม่ได้ขัดขวางอะไร ปล่อยให้มันเป็นไปตามความต้องการของทั้งสองดีกว่า
.................................................................
ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ชอบหรือไม่ยังไงช่วยคอมเมนต์กันบ้างนะคะ
ความคิดเห็น