ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : girl\'s talk 1
ฉันเป็นลูกคนเดียวค่ะ  คงรู้ใช่ไหมคะว่าการอยู่คนเดียวมันเหงาแค่ไหน  ฉันถึงชอบการไปโรงเรียนเป็นพิเศษ เพราะว่าได้เจอเพื่อนๆทุกวัน แต่ว่าเรียนหนักอย่างสายวิทย์นี่ก็ทำให้ฉันอยากปิดเทอมเหมือนกันนะ
ไชโย้  ในที่สุดวันนี้ที่ฉันรอคอยมาตลอดหนึ่งปีเต็มก็มาถึงแล้ว  เฮ้อปิดเทอมซักทีนึง  รู้มั้ยคะว่าชีวิตม.ปลายมันวุ่นวายแค่ไหน  โดยเฉพาะเด็กสายวิทย์อย่างฉัน  วันๆต้องเอาแต่เรียนจนแทบบ้า เวลาพักผ่อนก็แทบจะหาไม่ได้  อย่าหาว่าฉันพูดเล่นนะคะ กว่าจะได้นอนแต่ละคืนก็ตี 2 ตี 3  ไม่รู้รายงานบ้าบออะไรหนักหนานะ  ถ้าฉันเลือกศิลป์คำนวณแต่แรกก็ดีหรอก  แต่คิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะค่ะ
ปิดเทอมทั้งทีก็อยากนอนอยู่บ้านใจสบายอกสบายใจสักหน่อย  แต่ไอ้เพื่อนเวรของฉันนี่สิ มันดันโทรมาร้องห่มร้องไห้ปรึกษาเรื่องหัวใจซะนี่  วันนั้นมันโทรมาหาฉันแล้วคุยกันอยู่เกือบ 3 ชั่วโมงได้ล่ะมั้ง
“เฮ้ยอีฝน มึงต้องช่วยกูนะเว้ย กูเหลือมึงเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้ว” ยัยลูกแพร์พูดพลางสะอึกสะอื้น
“ทำไมต้องกูวะ  นี่มึงทำอย่างกะกูเป็นตัวอะไรอ่ะ”
“ก็มึงเก่งนี่หว่า”
“โห อีหอยหลอด  กูไม่ได้เชี่ยวเหมือนมึงนี่” ฉันสบถใส่มัน  แต่มันก็ไม่ว่าอะไรฉันหรอกค่ะ  ที่จริงมันชินแล้วต่างหาก  อย่าคิดนะคะว่าผู้ชายพูดคำหยาบได้คนเดียว ผู้หญิงอย่างฉันและเพื่อนๆก็พูดเป็นเหมือนกัน
“นะมึง  กูทนอยู่อย่างงี้ต่อไปไม่ได้แล้วอ่ะ” ยัยลูกแพร์ยังคงออดอ้อนฉันต่อไป  อันที่จริงฉันเองก็เป็นคนใจอ่อนขี้สงสารนั่นแหละค่ะ แต่ลึกๆแล้วก็อดสมน้ำหน้ามันไม่ได้ ก็ฉันเตือนมันจนไม่รู้จะเตือนยังไงแล้ว บอกว่าไม่ให้ไปยุ่งกับไอ้หนุ่มไม่รู้หัวนอนปลาย ตี-น คนนั้น  มันก็ไม่เคยฟังฉันซักคำ  แล้วทีนี้เป็นไงล่ะซมซานกลับมาให้ฉันช่วย
“แล้วมึงจะให้กูทำไงหา ให้ไปอ้อนผัวมึงหรอ บอกว่าเฮ้ย อีหมอซ้งช่วยกลับมารักน้องแพร์หน่อยได้มั้ย อย่างงี้หรอ”  อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ หมอซ้งเป็นฉายาที่ฉันตั้งให้ไอ้หนุ่มหน้าตี๋นั่นเองแหละค่ะ  แหมก็หน้ามันเหมือนหมอซ้งจริงๆนะ
“เออ”
“ห๊ะ มึงว่าไงนะ  นี่มึงคลั่งผัวขนาดนี้เลยหรอเนี่ย” ฉันเผลอตัวกรีดเสียงกรอกใส่หูโทรศัพท์จนยัยแพร์ถึงกับต้องโวยกลับมา  เสียงฉันตามปกติก็สูงอยู่แล้ว ยิ่งเวลาร้องตอนใส่โทรศัพท์นี่ยิ่งแสบแก้วหูเข้าไปใหญ่  ยัยแพร์มันท่าจะบ้า ฉันคุยกับมันอีกกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ต้องขอตัวไปอาบน้ำ  เพราะนาฬิกาบอกเวลา 5 ทุ่มครึ่ง และฉันเองก็สะสมความเน่าได้ที่พอดี
ฉันชอบเวลาอาบน้ำเป็นพิเศษ เพราะว่านอกจากที่มันจะทำให้ฉันสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้แล้ว ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ฉันได้คิดอะไรเพลินๆ  และแน่นอน สำหรับคืนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของยันแพร์กับหมอซ้ง 
เฮ้อ.. มันจะอะไรกันหนักหนาก็ไม่รู้  ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องกระหายที่จะมีความรัก หรือมีแฟนมากมายเสียขนาดนั้น  ฉันว่าแค่ได้มองดูคนหล่อๆ ก็สุขใจแล้ว จริงๆนะคะ  นี่แหละงานอดิเรกของฉันเลย  เสียอย่างเดียวที่ฉันขี้เกียจใส่แว่น  มันรำคาญน่ะค่ะ ก็เลยเป็นอุปสรรคต่อการมองไปบ้าง  แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นิดหน่อย 
สำหรับตัวฉันแล้ว ฉันคิดว่าความรักมันจะมาก็ต่อเมื่อเวลาของฉันมาถึง  ฉันจึงไม่ได้ดิ้นรนต้องการอย่างเพื่อนๆในกลุ่ม  อีกอย่างฉันอยากจะตั้งใจเรียนให้มันสุดๆไปก่อน  ยิ่งสายวิทย์-คณิตอย่างฉัน คงจะไม่มีเวลาไปหาแฟนหรอกค่ะ
พออาบน้ำเสร็จ จะมีอะไรที่มีความสุขไปกว่าการนอนดูทีวีล่ะคะจริงมั้ย บางครั้งบางคราวรายการทีวียามดึกๆอย่างงี้ก็มีอะไรดีเยอะแยะเหมือนกันนะ  แต่ว่าไอ้หนังตาเจ้ากรรมของฉันน่ะสิ มันดันหนักอึ้งเอาซะนี่ ไม่เป็นใจให้ดูต่ออย่างงี้ ทางเดียวคือต้องนอนล่ะค่ะ
เช้าวันนี้ช่างสดใสเสียจริงๆ (แม้ว่าตอนเช้าของฉันคือตอนใกล้เที่ยง) เพราะอะไรน่ะหรือคะ  ก็เพราะว่ามีข่าวดีน่ะสิ  วันนี้แม่บอกกับฉันว่าเรากำลังจะได้ไปเที่ยวกันในอาทิตย์หน้า  ไปแถบทะเลทางใต้  ฉันเดาว่าต้องเป็นภูเก็ตแน่ๆเลย  แต่ว่าจะที่ไหนก็ช่างเถอะ อย่างน้อยที่สุดที่ฉันรู้ตอนนี้คือ ฉันจะได้ไปเที่ยวแล้ว!!! แหมก็นานๆจะได้เที่ยวทะเลซักครั้งนี่นา ก็ต้องตื่นเต้นดีใจเป็นธรรมดานั่นแหละ  อีกอย่างที่สำคัญก็คือฉันจะได้หลบจากเรื่องวุ่นๆของยัยแพร์ไปซักพักล่ะ
เรื่องอะไรจะรอช้าล่ะ  ฉันก็รีบไปจัดข้าวจัดของด้วยความเห่ออย่างรุนแรง  นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันไม่ได้ไปทางภาคใต้..
ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าฉันกำลังจะไปสุราษฏร์ธานี  และก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ คอยว่าเมื่อไหร่นะ จะถึงวันเดินทางซักที  ที่สุราษฏร์ จะต้องมีอะไรสนุกๆรอฉันอยู่อย่างแน่นอน ลางสังหรณ์ของฉันมันว่ามาอย่างงั้น
และแล้ววันนั้นก็มาถึง เราเดินทางกันทั้งหมด 4 คน มีพ่อ แม่ ฉัน และญาติผู้น้องอีกคนหนึ่ง ฉันใช้เวลาเกือบทั้งวันในการนั่งๆนอนๆอยู่บนรถ  จนกระทั่งมาถึงที่หมายแล้ว โรงแรมร้อยเกาะ  แค่ชื่อก็แปลกแล้ว  โรงแรมนี้หรูหราและใหญ่โตมากทีเดียว  แต่สิ่งที่ฉันสะดุดตาที่สุดก็เห็นจะเป็นสระว่ายน้ำของโรงแรมเนี่ยแหละค่ะ  ก็น้ำมันสีฟ้าใสน่ากระโดดลงไปเล่นออกอย่างงั้น  แถมยังมีน้ำตกตกแต่งบริเวณรอบของสระว่ายน้ำอีกด้วย  ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าเขา จนฉันอยากจะกระโดดลงไปซะเดี๋ยวนี้จริงๆ
แน่นอนค่ะ เย็นวันนั้นฉันกับน้องก็รีบเปลี่ยนชุดว่ายน้ำแล้วลงมาว่ายน้ำทันที  โดยที่พ่อกับแม่ขอนอนพักอยู่บนห้อง 
   
โชคดีที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ทำให้ฉันได้ว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจ  แต่ว่าตอนนั้นเองที่ลูกน้ำ ญาติผู้น้องของฉันสะกิดเรียก
   
“พี่ฝน ดูนั่นสิ” เธอชี้มือไปยังริมขอบสระอีกฝากหนึ่ง  เด็กผู้ชายคนดูท่าทางคงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน หุ่นสูงเพรียวแต่แข็งแรงเหมือนนายแบบ  ใบหน้าเกลี้ยงเกลา หล่อเหลาเอาการอยู่ทีเดียว  ผิวสีแทนอ่อนๆ ทรงผมอย่างที่พวกวัยรุ่นญี่ปุ่นนิยมทำกัน  แววตาของเขาดูมุ่งมั่นมากเสียจนฉันแทบไม่อาจละสายตาไปได้
   
เด็กหนุ่มผู้นั้นกระโจนลงน้ำด้วยท่วงท่าและลีลาที่ทำให้ฉันแทบไม่กระพริบตา 
   
“ลูกน้ำ ใครหรอ” ฉันถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ ทั้งๆที่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่ายัยลูกน้ำจะไปรู้ได้ยัง แต่ก็อดที่จะถามไปไม่ได้
“พี่ฝน น้ำจะไปรู้ได้ไงล่ะ ก็มาอยู่ด้วยกันเนี่ย” ยัยลูกน้ำตอบอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด  “เอ้อ แต่ว่าน้ำเห็นพี่คนนี้อ่ะเข้ามาเช็คอินพร้อมเรานะ  สงสัยตอนนั้นพี่ฝนไม่ได้มองล่ะมั้ง”
อืม.. อย่างงี้นี่เอง  ช่างโชคดีเสียจริงที่มีคนหล่อๆอย่างงี้มาพักด้วยกัน
“แล้วเค้ามากับใครหรอลูกน้ำ” ฉันถามต่อ
“น้ำไม่ใช่แฟนเค้านิ จะไปรู้ได้ยังไง ถ้าพี่ฝนอยากรู้ก็ไปถามเค้าเองแล้วกัน  น้ำไม่คุยกับพี่ฝนแล้วดีกว่า  จะไปว่ายน้ำเล่นแล้ว”  ว่าแล้วลูกน้ำก็ว่ายน้ำออกไป  ทางฝั่งที่นายคนนั้นกำลังเล่นน้ำอยู่  ฉันได้แต่ยืนมองลูกน้ำ ไม่ใช่หรอก จริงๆแอบมองนายคนนั้นต่างหาก
แต่เผลอมองนายคนนั้นแป็บเดียว พอหันกลับมาทางลูกน้ำ ก็เห็นลูกน้ำทำท่าแปลกๆ เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ  ฉันจึงรีบว่ายตรงไปทางนั้นทันที  แต่ระยะทางมันค่อนข้างจะไกลอยู่เหมือนกัน  ฉันเห็นลูกน้ำค่อยๆจมลงไปต่อหน้าต่อตา
ชั่ววินาทีเดียวกันนั้นเอง นายคนนั้นก็พุ่งตรงมายังร่างลูกน้ำ แล้วอุ้มตัวเธอขึ้นมาวางไว้ริมขอบสระ  ฉันจึงรีบว่ายตามไปด้วยความเร็วทั้งหมดที่มีทันที
นายคนนั้นคุกเข่าข้างตัวลูกน้ำ  คงกำลังดูอาการอยู่  ส่วนฉันเองก็รีบขึ้นจากน้ำ
“เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ” ฉันบอกกับนายคนนั้น  พร้อมทั้งเข้าไปช่วยลูกน้ำที่กำลังสำลักน้ำอย่างรุนแรง
“ดีนะที่ผมช่วยไว้ทัน  ทีหน้าทีหลังหัดดูแลเด็กดีๆซะมั่งสิ  ปล่อยให้ว่ายที่ลึกๆคนเดียวได้ยังไงน่ะ  เธอนี่เป็นพี่ภาษาอะไรกัน” อะไรกัน  ฉันอุตส่าห์ขอบคุณเค้าดีๆนะ  ไม่เห็นต้องมาว่ากันขนาดนี้เลย  ก็เพราะนายนั่นแหละทำให้ฉันต้องทิ้งลูกน้ำไว้คนเดียว
“ขอโทษค่ะ” อยากให้ตอนนี้มีกระจกจัง ฉันอยากเห็นว่าหน้าของฉันมันเจื่อนแค่ไหนแล้ว
“ช่างเถอะ อย่าให้มีอีกก็แล้วกัน  ผมไม่ได้อยู่ช่วยได้ทุกครั้งหรอกนะ”  แล้วเขาก็เตรียมตัวกระโดดลงน้ำอีกครั้ง แต่เรื่องอะไรจะปล่อยไปง่ายๆอย่างงั้นล่ะคะ  ไหนๆโอกาสก็มาถึงแล้ว ขอบใจนะจ๊ะลูกน้ำ
“เดี๋ยว  แล้วคุณชื่ออะไร” ฉันตะโกนถาม  เขาที่กำลังจะตั้งท่ากระโดดน้ำชะงักลง และหันมาพูดกับฉัน
“ก่อนจะถามชื่อคนอื่นน่ะ บอกชื่อตัวเองก่อนสิ”  สีหน้าเรียบเฉยมาก
“ฝน”
“ริว”  และ ‘ตูม’  ละอองน้ำสาดกระจาย  เขาลงไปว่ายน้ำต่อแล้วล่ะค่ะ  ส่วนฉันก็ต้องอุ้มลูกน้ำไปนั่งพักที่เก้าอี้ริมสระ  พร้อมทั้งสั่งน้ำส้มมาดื่ม  ไม่ใช่เพราะอยากเป็นนางเอกหรอกนะคะ แต่เพราะว่ายัยลูกน้ำชอบน้ำส้มมากต่างหาก
to be continue
ไชโย้  ในที่สุดวันนี้ที่ฉันรอคอยมาตลอดหนึ่งปีเต็มก็มาถึงแล้ว  เฮ้อปิดเทอมซักทีนึง  รู้มั้ยคะว่าชีวิตม.ปลายมันวุ่นวายแค่ไหน  โดยเฉพาะเด็กสายวิทย์อย่างฉัน  วันๆต้องเอาแต่เรียนจนแทบบ้า เวลาพักผ่อนก็แทบจะหาไม่ได้  อย่าหาว่าฉันพูดเล่นนะคะ กว่าจะได้นอนแต่ละคืนก็ตี 2 ตี 3  ไม่รู้รายงานบ้าบออะไรหนักหนานะ  ถ้าฉันเลือกศิลป์คำนวณแต่แรกก็ดีหรอก  แต่คิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะค่ะ
ปิดเทอมทั้งทีก็อยากนอนอยู่บ้านใจสบายอกสบายใจสักหน่อย  แต่ไอ้เพื่อนเวรของฉันนี่สิ มันดันโทรมาร้องห่มร้องไห้ปรึกษาเรื่องหัวใจซะนี่  วันนั้นมันโทรมาหาฉันแล้วคุยกันอยู่เกือบ 3 ชั่วโมงได้ล่ะมั้ง
“เฮ้ยอีฝน มึงต้องช่วยกูนะเว้ย กูเหลือมึงเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้ว” ยัยลูกแพร์พูดพลางสะอึกสะอื้น
“ทำไมต้องกูวะ  นี่มึงทำอย่างกะกูเป็นตัวอะไรอ่ะ”
“ก็มึงเก่งนี่หว่า”
“โห อีหอยหลอด  กูไม่ได้เชี่ยวเหมือนมึงนี่” ฉันสบถใส่มัน  แต่มันก็ไม่ว่าอะไรฉันหรอกค่ะ  ที่จริงมันชินแล้วต่างหาก  อย่าคิดนะคะว่าผู้ชายพูดคำหยาบได้คนเดียว ผู้หญิงอย่างฉันและเพื่อนๆก็พูดเป็นเหมือนกัน
“นะมึง  กูทนอยู่อย่างงี้ต่อไปไม่ได้แล้วอ่ะ” ยัยลูกแพร์ยังคงออดอ้อนฉันต่อไป  อันที่จริงฉันเองก็เป็นคนใจอ่อนขี้สงสารนั่นแหละค่ะ แต่ลึกๆแล้วก็อดสมน้ำหน้ามันไม่ได้ ก็ฉันเตือนมันจนไม่รู้จะเตือนยังไงแล้ว บอกว่าไม่ให้ไปยุ่งกับไอ้หนุ่มไม่รู้หัวนอนปลาย ตี-น คนนั้น  มันก็ไม่เคยฟังฉันซักคำ  แล้วทีนี้เป็นไงล่ะซมซานกลับมาให้ฉันช่วย
“แล้วมึงจะให้กูทำไงหา ให้ไปอ้อนผัวมึงหรอ บอกว่าเฮ้ย อีหมอซ้งช่วยกลับมารักน้องแพร์หน่อยได้มั้ย อย่างงี้หรอ”  อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ หมอซ้งเป็นฉายาที่ฉันตั้งให้ไอ้หนุ่มหน้าตี๋นั่นเองแหละค่ะ  แหมก็หน้ามันเหมือนหมอซ้งจริงๆนะ
“เออ”
“ห๊ะ มึงว่าไงนะ  นี่มึงคลั่งผัวขนาดนี้เลยหรอเนี่ย” ฉันเผลอตัวกรีดเสียงกรอกใส่หูโทรศัพท์จนยัยแพร์ถึงกับต้องโวยกลับมา  เสียงฉันตามปกติก็สูงอยู่แล้ว ยิ่งเวลาร้องตอนใส่โทรศัพท์นี่ยิ่งแสบแก้วหูเข้าไปใหญ่  ยัยแพร์มันท่าจะบ้า ฉันคุยกับมันอีกกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ต้องขอตัวไปอาบน้ำ  เพราะนาฬิกาบอกเวลา 5 ทุ่มครึ่ง และฉันเองก็สะสมความเน่าได้ที่พอดี
ฉันชอบเวลาอาบน้ำเป็นพิเศษ เพราะว่านอกจากที่มันจะทำให้ฉันสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นได้แล้ว ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่ฉันได้คิดอะไรเพลินๆ  และแน่นอน สำหรับคืนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของยันแพร์กับหมอซ้ง 
เฮ้อ.. มันจะอะไรกันหนักหนาก็ไม่รู้  ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคนเราต้องกระหายที่จะมีความรัก หรือมีแฟนมากมายเสียขนาดนั้น  ฉันว่าแค่ได้มองดูคนหล่อๆ ก็สุขใจแล้ว จริงๆนะคะ  นี่แหละงานอดิเรกของฉันเลย  เสียอย่างเดียวที่ฉันขี้เกียจใส่แว่น  มันรำคาญน่ะค่ะ ก็เลยเป็นอุปสรรคต่อการมองไปบ้าง  แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นิดหน่อย 
สำหรับตัวฉันแล้ว ฉันคิดว่าความรักมันจะมาก็ต่อเมื่อเวลาของฉันมาถึง  ฉันจึงไม่ได้ดิ้นรนต้องการอย่างเพื่อนๆในกลุ่ม  อีกอย่างฉันอยากจะตั้งใจเรียนให้มันสุดๆไปก่อน  ยิ่งสายวิทย์-คณิตอย่างฉัน คงจะไม่มีเวลาไปหาแฟนหรอกค่ะ
พออาบน้ำเสร็จ จะมีอะไรที่มีความสุขไปกว่าการนอนดูทีวีล่ะคะจริงมั้ย บางครั้งบางคราวรายการทีวียามดึกๆอย่างงี้ก็มีอะไรดีเยอะแยะเหมือนกันนะ  แต่ว่าไอ้หนังตาเจ้ากรรมของฉันน่ะสิ มันดันหนักอึ้งเอาซะนี่ ไม่เป็นใจให้ดูต่ออย่างงี้ ทางเดียวคือต้องนอนล่ะค่ะ
เช้าวันนี้ช่างสดใสเสียจริงๆ (แม้ว่าตอนเช้าของฉันคือตอนใกล้เที่ยง) เพราะอะไรน่ะหรือคะ  ก็เพราะว่ามีข่าวดีน่ะสิ  วันนี้แม่บอกกับฉันว่าเรากำลังจะได้ไปเที่ยวกันในอาทิตย์หน้า  ไปแถบทะเลทางใต้  ฉันเดาว่าต้องเป็นภูเก็ตแน่ๆเลย  แต่ว่าจะที่ไหนก็ช่างเถอะ อย่างน้อยที่สุดที่ฉันรู้ตอนนี้คือ ฉันจะได้ไปเที่ยวแล้ว!!! แหมก็นานๆจะได้เที่ยวทะเลซักครั้งนี่นา ก็ต้องตื่นเต้นดีใจเป็นธรรมดานั่นแหละ  อีกอย่างที่สำคัญก็คือฉันจะได้หลบจากเรื่องวุ่นๆของยัยแพร์ไปซักพักล่ะ
เรื่องอะไรจะรอช้าล่ะ  ฉันก็รีบไปจัดข้าวจัดของด้วยความเห่ออย่างรุนแรง  นานเท่าไหร่แล้วนะที่ฉันไม่ได้ไปทางภาคใต้..
ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าฉันกำลังจะไปสุราษฏร์ธานี  และก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ คอยว่าเมื่อไหร่นะ จะถึงวันเดินทางซักที  ที่สุราษฏร์ จะต้องมีอะไรสนุกๆรอฉันอยู่อย่างแน่นอน ลางสังหรณ์ของฉันมันว่ามาอย่างงั้น
และแล้ววันนั้นก็มาถึง เราเดินทางกันทั้งหมด 4 คน มีพ่อ แม่ ฉัน และญาติผู้น้องอีกคนหนึ่ง ฉันใช้เวลาเกือบทั้งวันในการนั่งๆนอนๆอยู่บนรถ  จนกระทั่งมาถึงที่หมายแล้ว โรงแรมร้อยเกาะ  แค่ชื่อก็แปลกแล้ว  โรงแรมนี้หรูหราและใหญ่โตมากทีเดียว  แต่สิ่งที่ฉันสะดุดตาที่สุดก็เห็นจะเป็นสระว่ายน้ำของโรงแรมเนี่ยแหละค่ะ  ก็น้ำมันสีฟ้าใสน่ากระโดดลงไปเล่นออกอย่างงั้น  แถมยังมีน้ำตกตกแต่งบริเวณรอบของสระว่ายน้ำอีกด้วย  ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าเขา จนฉันอยากจะกระโดดลงไปซะเดี๋ยวนี้จริงๆ
แน่นอนค่ะ เย็นวันนั้นฉันกับน้องก็รีบเปลี่ยนชุดว่ายน้ำแล้วลงมาว่ายน้ำทันที  โดยที่พ่อกับแม่ขอนอนพักอยู่บนห้อง 
   
โชคดีที่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ทำให้ฉันได้ว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจ  แต่ว่าตอนนั้นเองที่ลูกน้ำ ญาติผู้น้องของฉันสะกิดเรียก
   
“พี่ฝน ดูนั่นสิ” เธอชี้มือไปยังริมขอบสระอีกฝากหนึ่ง  เด็กผู้ชายคนดูท่าทางคงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน หุ่นสูงเพรียวแต่แข็งแรงเหมือนนายแบบ  ใบหน้าเกลี้ยงเกลา หล่อเหลาเอาการอยู่ทีเดียว  ผิวสีแทนอ่อนๆ ทรงผมอย่างที่พวกวัยรุ่นญี่ปุ่นนิยมทำกัน  แววตาของเขาดูมุ่งมั่นมากเสียจนฉันแทบไม่อาจละสายตาไปได้
   
เด็กหนุ่มผู้นั้นกระโจนลงน้ำด้วยท่วงท่าและลีลาที่ทำให้ฉันแทบไม่กระพริบตา 
   
“ลูกน้ำ ใครหรอ” ฉันถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ ทั้งๆที่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่ายัยลูกน้ำจะไปรู้ได้ยัง แต่ก็อดที่จะถามไปไม่ได้
“พี่ฝน น้ำจะไปรู้ได้ไงล่ะ ก็มาอยู่ด้วยกันเนี่ย” ยัยลูกน้ำตอบอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด  “เอ้อ แต่ว่าน้ำเห็นพี่คนนี้อ่ะเข้ามาเช็คอินพร้อมเรานะ  สงสัยตอนนั้นพี่ฝนไม่ได้มองล่ะมั้ง”
อืม.. อย่างงี้นี่เอง  ช่างโชคดีเสียจริงที่มีคนหล่อๆอย่างงี้มาพักด้วยกัน
“แล้วเค้ามากับใครหรอลูกน้ำ” ฉันถามต่อ
“น้ำไม่ใช่แฟนเค้านิ จะไปรู้ได้ยังไง ถ้าพี่ฝนอยากรู้ก็ไปถามเค้าเองแล้วกัน  น้ำไม่คุยกับพี่ฝนแล้วดีกว่า  จะไปว่ายน้ำเล่นแล้ว”  ว่าแล้วลูกน้ำก็ว่ายน้ำออกไป  ทางฝั่งที่นายคนนั้นกำลังเล่นน้ำอยู่  ฉันได้แต่ยืนมองลูกน้ำ ไม่ใช่หรอก จริงๆแอบมองนายคนนั้นต่างหาก
แต่เผลอมองนายคนนั้นแป็บเดียว พอหันกลับมาทางลูกน้ำ ก็เห็นลูกน้ำทำท่าแปลกๆ เหมือนคนกำลังจะจมน้ำ  ฉันจึงรีบว่ายตรงไปทางนั้นทันที  แต่ระยะทางมันค่อนข้างจะไกลอยู่เหมือนกัน  ฉันเห็นลูกน้ำค่อยๆจมลงไปต่อหน้าต่อตา
ชั่ววินาทีเดียวกันนั้นเอง นายคนนั้นก็พุ่งตรงมายังร่างลูกน้ำ แล้วอุ้มตัวเธอขึ้นมาวางไว้ริมขอบสระ  ฉันจึงรีบว่ายตามไปด้วยความเร็วทั้งหมดที่มีทันที
นายคนนั้นคุกเข่าข้างตัวลูกน้ำ  คงกำลังดูอาการอยู่  ส่วนฉันเองก็รีบขึ้นจากน้ำ
“เอ่อ.. ขอบคุณค่ะ” ฉันบอกกับนายคนนั้น  พร้อมทั้งเข้าไปช่วยลูกน้ำที่กำลังสำลักน้ำอย่างรุนแรง
“ดีนะที่ผมช่วยไว้ทัน  ทีหน้าทีหลังหัดดูแลเด็กดีๆซะมั่งสิ  ปล่อยให้ว่ายที่ลึกๆคนเดียวได้ยังไงน่ะ  เธอนี่เป็นพี่ภาษาอะไรกัน” อะไรกัน  ฉันอุตส่าห์ขอบคุณเค้าดีๆนะ  ไม่เห็นต้องมาว่ากันขนาดนี้เลย  ก็เพราะนายนั่นแหละทำให้ฉันต้องทิ้งลูกน้ำไว้คนเดียว
“ขอโทษค่ะ” อยากให้ตอนนี้มีกระจกจัง ฉันอยากเห็นว่าหน้าของฉันมันเจื่อนแค่ไหนแล้ว
“ช่างเถอะ อย่าให้มีอีกก็แล้วกัน  ผมไม่ได้อยู่ช่วยได้ทุกครั้งหรอกนะ”  แล้วเขาก็เตรียมตัวกระโดดลงน้ำอีกครั้ง แต่เรื่องอะไรจะปล่อยไปง่ายๆอย่างงั้นล่ะคะ  ไหนๆโอกาสก็มาถึงแล้ว ขอบใจนะจ๊ะลูกน้ำ
“เดี๋ยว  แล้วคุณชื่ออะไร” ฉันตะโกนถาม  เขาที่กำลังจะตั้งท่ากระโดดน้ำชะงักลง และหันมาพูดกับฉัน
“ก่อนจะถามชื่อคนอื่นน่ะ บอกชื่อตัวเองก่อนสิ”  สีหน้าเรียบเฉยมาก
“ฝน”
“ริว”  และ ‘ตูม’  ละอองน้ำสาดกระจาย  เขาลงไปว่ายน้ำต่อแล้วล่ะค่ะ  ส่วนฉันก็ต้องอุ้มลูกน้ำไปนั่งพักที่เก้าอี้ริมสระ  พร้อมทั้งสั่งน้ำส้มมาดื่ม  ไม่ใช่เพราะอยากเป็นนางเอกหรอกนะคะ แต่เพราะว่ายัยลูกน้ำชอบน้ำส้มมากต่างหาก
to be continue
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น