คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : KISS GOODBYE [Chapter 8]
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Drama
Rating: PG
Pairing: KrisLay
Writer Talk : อย่างที่ talk ไป chapter ก่อนว่าตอนนี้มี NC ฉะนั้นก่อนอ่านตอนนี้ให้เช็คเมล์ก่อนนะคะ ถ้าใครยังไม่ได้ขอก็ขอได้ก่อนเลย ที่อยากให้อ่านก่อนเพราะว่ามันมีเนื้อเรื่องที่มีผลต่อความรู้สึกของคุณหมอในตอนถัดๆ ไป ถ้าไม่ได้อ่านอาจจะขาดอรรถรสและความเข้าใจได้อะคะ ไม่ได้เรียกคอมเมนท์แต่อย่างใดแต่มันค่อนข้างสำคัญกับเนื้อเรื่องหลักอะคะ
แล้วอีกอย่างได้มีโอกาสคุยกับรีดเดอร์ที่อ่านเรื่องนี้ แล้วทำให้ปุ้มอยากอธิบายอะไรบางอย่างที่จะทำให้การอ่านเรื่องนี้อินขึ้น ปุ้มอยากให้อ่านฟิคเรื่องนี้ มองเป็นนิยายเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่แฟนฟิคชั่น แบบที่ว่าชาย-ชาย คบกันรักกันเป็นเรื่องปรกติธรรมดา ๆ ให้มองเรื่องนี้เป็นนิยายที่อิงความจริง กำลังเล่าเรื่องของชายหนุ่มคู่หนึ่ง โดยอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่มีหน้าที่การงานที่ดีมาก มีหน้ามีตาในสังคม เกิดในครอบครัวมีหน้ามีตา และคอนเซอร์เวทีฟ แบคกราว์ของเรื่องเกิดที่ประเทศเกาหลีใต้ ที่ยังไม่เปิดรับรสนิยมรักร่วมเพศ หรือการเป็นกระเทย หรือเกย์ จัดคนประเภทนี้ไว้อีกกลุ่มหรือชนชั้นนึงเลย เค้าไม่โอเพ่นพอที่จะยอมรับคนในกลุ่มนี้ให้ออกหน้าออกตาคนกลุ่มนี้ยังถูกเหยียดหยามอยู่ และก็ไม่มีใครกล้าเปิดเผยเพราะมีผลกระทบต่อชีวิตแน่ๆ
ส่วนอีกฝ่ายถูกมองว่าเป็นเด็กขายตัว สถานะเด็กขายตัวนั้นยอมถูกกดลงไปอีก ให้นึกภาพผู้ชายสักคนจ่ายเงินซื้อเด็กขายตัว หรือพวกเด็กเสี่ย สถานะตรงนั้นถูกกำหนดไปแล้วว่าจ่ายเงิน บ้าน รถ คอนโด ตอบแทนกัน แต่ไม่ผูกมัด และไม่เชิดหน้าชูตา ฉะนั้นสถานะของอี้ชิงคืออยู่ในจุดนั้นของคุณหมอนั้นแหละค่ะ แถมคุณหมอมีสถานะข้างบนที่กล่าวมาค้ำคอ และไม่อยากมีความรักเพราะกลัวการผูกมัด หรือกลัวความรักจะทำให้ตัวเองลำบากเข้าไปอีก
อี้ชิงจึงอยู่ในสถานะ ไม่ได้รักคนที่เขาไม่รักเรา แต่อยู่ในสถานะ รักคนที่เขาไม่อยากที่จะมีความรักมากกว่า
เรื่องการไม่ยอมรับของสังคมของเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องหลักที่คลุมเรื่องนี้ทั้งหมดอยู่อะนะคะ ถ้ารีดเดอร์มองข้ามมันไปกลัว่าความอินมันจะน้อยลง
ขอบคุณนะคะ สำหรับการทนอ่านทอล์คยาวๆ
ฉากที่ไม่ได้ลงในฟิคได้ที่ Page FB นะคะ https://www.facebook.com/AngelMidoriFiction?ref=hl
>>> Kiss Goodbye<<<
แสงแดดร้อนที่รอดผ่านม่านหน้าต่างหนาทึบของห้องพักสีอ่อน ทำให้อากาศที่อุ่นจากฮีทเตอร์ยิ่งอุ่นร้อนเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงแม้ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงฤดูหนาวหากแต่แสงแดดก็ไม่ลดทอนความเจิดจ้าลง โดยเฉพาะเวลาที่ล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงวันเช่นนี้
คริสอู๋เผยอเปลือกตาขึ้นเมื่อรู้สึกว่าอากาศไม่ได้สบายจนชวนนอนต่อ เขาขยับกายเล็กน้อยก่อนจะเหลียวไปมองพื้นที่ข้างกายของตัวเอง
ตรงนั้นคนตัวเล็กยังหลับตาพริ้มอยู่ แก้มใสที่ป่องออกมาดูน่ารัก อาจเพราะเจ้าตัวยังไม่พ้นวัยเด็กความน่ารักแบบเด็ก ๆ จึงยังมีอยู่อย่างเห็นได้ชัด คริสลอบยิ้มกับภาพตรงหน้า ปรกติเขาไม่เคยตื่นก่อนอี้ชิงเลย แต่เมื่อคืนมันคงทำให้เด็กน้อยคงอยากจะนอนพักผ่อนให้มากกว่านี้
ความรู้สึกเอ็นดูมันฟุ้งวนอยู่ในอก... ยิ่งรับรู้ว่าอีกฝ่ายบริสุทธิ์กว่าที่ตัวเองเข้าใจก็ยิ่งเอ็นดู
คริสไล้ปลายนิ้วกับเรือนผมนิ่มเบาๆ ก่อนจะสำรวจรูปหน้าหวานน่ารัก ที่เขาไม่ได้มีโอกาสพินิจเช่นนี้บ่อยนัก
ในความน่ารัก เด็กคนนี้ยังแฝงไว้ด้วยเสน่ห์ที่น่าลุ่มหลง เสน่ห์ที่ทำให้เขาเผลอไผลชักชวนเด็กคนนี้ให้ไปต่อกับเขานอกจากความสงสารในครั้งแรกที่พบกัน..
ความเจ้าชู้รักสนุกทำให้เขาอยากลิ้มลองเด็กหนุ่มหน้าตาดี ที่ดูอ่อนแอ แต่มีเสน่ห์ และยิ่งลิ้มลองเขายิ่งยากจะเลิก เพราะเลย์มีมากกว่ารสเสน่หาที่ตอบสนองความสุขให้กับเขา...
และยิ่งยามที่ได้รับรู้มากกว่าที่เคยรู้ ความรู้สึกที่ไม่อยากปล่อยมือเล็ก ๆ นี้ไปจากมือของเขาก็ยิ่งมากขึ้น พอมาคิดว่าถ้าต่อไปเด็กคนนี้ไม่ได้เงินจากเขาอีก เลย์ก็อาจต้องไปรับแขกคนอื่นอีก แค่คิดเขารู้สึกไม่พึงใจ...
เขาก็แค่อยากครอบครองร่างกายนี้เพียงคนเดียว และเขาก็พร้อมจะแลกเม็ดเงิน กับข้อแลกเปลี่ยนนี้โดยไม่อิดออด..
หากแต่ตอนนี้กลับมีเสียงเล็กๆ ของหัวใจกำลังกระซิบบอกเขา.......
แค่จองจำอีกฝ่ายด้วยความรัก ใช้หัวใจแลกกาย ใช้หัวใจแลกชีวิตของอีกฝ่ายจะไปยากเช่นไร.....
หากแต่คริสเลือกจะปล่อยเสียงนั้นให้ลอยหายไป...
เพราะเขารู้ดีว่า การใช้หัวใจแลกนั้นมูลค่ามันสูงค่าเกินกว่าจะมาแลกกันได้...
และเพราะเขามิได้อยากให้ใครครอบครองหัวใจของเขา ไม่อยากแลกความเสี่ยงกับความรู้สึกคลั่งไคล้...ไม่อยากสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป...ไม่อยากหลอกลวงใครให้ลุ่มหลงหากเขาไม่คิดที่จะจริงจัง และตอนนี้เขาก็แค่อยากครอบครองร่างกายของอีกฝ่ายไม่ใช่หัวใจ
ร่างกายแลกเงิน.....จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ของทั้งเขาและเลย์
>>>>>Kiss Goodbye<<<<<
คริสปล่อยให้เด็กหนุ่มนอนต่อจนล่วงเลยเวลาเที่ยง และเมื่อร่างกายเริ่มบอกให้เขาหาอะไรใส่ท้อง ชายหนุ่มจึงปลุกเด็กน้อยขี้เซาขึ้นมา...
กว่าอี้ชิงจะเดินสะโหลสะเหล่ไปอาบน้ำแต่งตัวก็กินเวลาไปจนถึงช่วงบ่าย แต่ข้อดีคือที่ร้านอาหารภายในโรงแรมนั้นแทบจะไร้ผู้คน
.
.
.
.
.
.
คริสเดินนำเด็กหนุ่มลงมาที่ร้านอาหาร คนตัวเล็กแอบเหลียวมองภาพรอบตัวโดยที่คริสแอบมองภาพนั้นอีกที
เลย์เป็นเด็กที่ทำอะไรระมัดระวังเสมอ แม้ยามที่ตัวเองสนใจใคร่รู้อะไรก็จะไม่แสดงออกโจ่งแจ้ง เลย์ถามน้อย แต่ใช้วิธีสังเกตทดแทน..
“อยากกินอะไรเพิ่มไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเขาจัดการสั่งอาหารไปกับบริกรสองสามอย่าง เด็กหนุ่มส่ายศีรษะเป็นคำตอบกลับมา คริสจึงส่งเมนูอาหารคืนให้บริกรกลับไป
เลย์ไม่เรียกร้อง ไม่เคยขออะไรเพิ่มจากที่เขาหยิบยื่นให้ เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้เสมอ
“ที่นี้มีเปียโนด้วย” อยู่ดีๆ เด็กหนุ่มก็เอ่ยอุทานออกมาเมื่อเหลือบไปเห็นที่มุมห้อง
นานๆทีที่จะเห็นเด็กคนนี้ใส่ใจอะไรเป็นพิเศษ ดวงตากลมใสยังมองเจ้าเครื่องดนตรีนั้นราวกับอยากจะเข้าไปสัมผัสมัน
“เธอเล่นเป็นเหรอ”
คำตอบคือการส่ายศีรษะกลับมาให้
“ผมอยากเล่นเป็นฮะ เคยเห็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเล่น แล้วก็จำมาบ้าง แต่ดีดจริงๆ จังผมทำไม่เป็น”
“ถ้าอย่างนั้นก็พอดีดได้บ้าง”
อี้ชิงพยักหน้ารับ
“ได้บางเพลงครับ ผมอ่านโน้ตไม่เป็น ไม่รู้คอร์ด แต่จำวิธีดีดของรุ่นพี่แทน”
“จริง ๆ ฉันดีดเปียโนเป็นนะ เคยเรียนอยู่หลายปี” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยบอก และนั่นก็เรียนความสนใจจากคนตรงหน้าให้หันมามอง
คุณหมอน่าอิจฉา...คุณหมอมีทุกอย่างในสิ่งที่อี้ชิงนึกอยากมี....
นายแพทย์หนุ่มเดินไปที่อัปไรท์เปียโนสีดำที่วางอยู่มุมห้อง เขากดคีย์เปียโนด้วยปลายนิ้วจนออกมาเป็นท่วงทำนองเพลงที่คุ้นหูของเด็กหนุ่ม เพลงที่เหมือนเคยได้ยินตามรายการโทรทัศน์บ่อยๆ
อี้ชิงก้าวเท้าตามมายืนชิดใกล้และมองภาพตรงหน้าด้วยความสนใจ และเมื่อนายแพทย์หนุ่มเห็นภาพนั้นเขาก็ลอบมองใบหน้าน่ารักที่เผลอแย้มยิ้มที่จนเห็นลักยิ้มที่แก้มขวาชัด..
ดูท่าทางเลย์คงจะสนใจเจ้าเครื่องดนตรีนี้มากจริงๆ
“ลองเล่นดูซิ”
คำเชิญชวนทำให้อี้ชิงต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ คริสพยักพเยิดให้เด็กหนุ่มทดลองกดนิ้วกับคีย์ดู อี้ชิงยืนครุ่นคิดสักพักก่อนจะใช้นิ้วเล็กๆ กดคีย์เป็นเพลงที่ตัวเองจดจำได้
เสียงเพลงไม่คุ้นหูนั้นดังเข้าสู่โสตประสาทของคริส อี้ชิงใช้วิธีจิ้มดีดหากแต่เพลงที่ได้ยินนั้นกลับฟังดูไพเราะ แปลกหู
“เธอดีดเพลงอะไร”
“Kiss Goodbye ฮะ”
“เพราะดี”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะจิ้มดีดเพลงนั้นต่อไป แต่ยังไม่ทันไรเด็กหนุ่มก็หยุดการกระทำนั้นลง
“ทำไมหยุดเสียล่ะ”
“ผมดีดได้แค่นี้ฮะ ผมจำได้แค่นี้ ผมเคยให้รุ่นพี่เขาสอนให้ แต่ก็สอนได้ไม่จบเพลง” คุณหมอหนุ่มพยักหน้ารับฟัง และแอบหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าของอี้ชิงมุ่ยลง ราวกับกำลังครุ่นคิดถึงโน้ตตัวตัวไปต่อ
“ไปกินข้าวเหอะ” คริสอู๋ลูบเรือนผมหยักศกเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะ หากแต่เด็กหนุ่มยังคงกดคีย์เปียโนเพื่อเล่นเพลงนั้นท่อนเดิมซ้ำ ๆ อย่างตั้งใจ
>>> TBC <<<
ความคิดเห็น