คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : KISS GOODBYE [Chapter 5]
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Drama
Rating: PG
Pairing: KrisLay
Writer Talk : ตอนก่อนเปิดตัวละครไป 2 ตัว อีกฝั่งผู้กองคิมจงอิน ที่เป็นผู้ช่วยฝั่งนายเอก ส่วนอีกคนเป็นอุปสรรค์ชิ้นโตๆ ของนายเอก สำหรับผู้กองคิม อยากให้ติดตามไปเรื่อยๆ ว่ามีบทบาทยังไง แต่กับลีจินอา เป็นตัวละครที่ปุ้มสร้างมาแบบที่ว่าผู้หญิงทั่วไปคงเป็นแบบเธอ เด็กผู้หญิงที่อยู่กับคนที่แสนดีเพอร์เฟค มันไม่ยากสักนิดที่จะตกหลุมรัก และมองเขาเหมือนเป็นเจ้าชาย มันธรรมดามากๆ จริงๆ ที่จะเกิดเน้อ
ส่วนตอนนี้จะเปิดตัวละครอีกตัวนึงขึ้นมาไปรออ่านในฟิคแล้วกันเน้อคะว่าตัวละครใหม่มีความสำคัญยังไง เรื่องนี้มีตัวละครน้อยมากค่ะ ไม่มีการดึงเด็ก exo มาเพิ่มใจตัวละครเรื่องนี้แล้ว มีฉากน้อย ตัวละครน้อย บทบรรยายเยอะ 555
ปล.ปุ้มลงฉากวี๊ดวิ๊วเอาไว้นิดนึงเพราะคิดว่าบทบรรยายพยายามจะใช้อุปมาอุปไมยเข้าช่วยแล้วไม่ได้บรรยายเรทอะไรมาก
แต่ถ้ามีการโดนตักเตือนมาจะตัดออกและให้ลงเมล์นะคะ
แสงไฟที่ส่องมาจากเสาไฟ เป็นเพียงแสงเดียวที่ช่วยให้ทางเดินที่เงียบเหงาในเวลาดึกดื่นขนาดนี้พอมีแสงสว่างบ้าง เสียงฝีเท้าที่ดังกระทบกับพื้นถนน เป็นเหมือนเพื่อนให้เด็กหนุ่มในยามที่ตัวเขาเดินลัดเลาะ เพื่อจะกลับไปยังห้องเช่าหลังเลิกงาน
ห้องเช่าที่อยู่ในตึกหลังเก่า ๆ โทรม ๆ และเดินไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินมากพอดู หากแต่อี้ชิงก็พึงใจกับมัน เพราะห้องเช่าในเมืองราคาถูกขนาดนี้ช่างหาได้ยากเหลือเกิน
ในช่วงระยะเวลาเกือบครึ่งปีเขาย้ายห้องมาสามห้องแล้วกว่าจะได้ห้องใกล้กับที่ทำงาน และราคาเท่านี้ ซึ่งเป็นราคาที่ทำให้อี้ชิงพอจะมีเงินเก็บ นอกเหนือจากเงินที่ได้จากคุณหมอ เขาจำเป็นต้องเก็บเงินไว้ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น กับคนไม่มีอนาคตอย่างเขา
บางทีเด็กหนุ่มเองก็นึกเสียใจกับโชคชะตาของตัวเอง เขาควรจะได้เรียนหนังสือ ได้อยู่กับพ่อแม่ในบ้านหลังอบอุ่น ทำไร่ชาเล็กๆ กับพ่อ หากแต่ตอนนี้กลับไม่ใช่
เขาอาจเคยเห็นโชคชะตาของคนอื่นที่ลำบากลำบน อาจจะในโทรทัศน์ หรือหนังสือ หากแต่ไม่เคยนึกว่าตัวเองจะต้องมาเป็นเช่นนี้
เพราะคน ๆ นั้น คนเดียวที่ทำให้เขาต้องมาเป็นแบบนี้ คน ๆ นั้นที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชีวิตของเขา
อี้ชิงนึกย้อนไปถึงคำบอกเล่าของผู้กองคิมที่เพิ่งบอกเขาเมื่อบ่ายๆ
อี้ชิงภาวนา และขอแลกกับทุกสิ่งที่จะให้ผู้กองคิมสามารถดึงคดีนี้มาทำเองได้ เพราะเขาเชื่อใจคน ๆ นี้ คนที่เขารับรู้ถึงความมุ่งมั่นในวันที่เขาไร้สิ้นหนทางที่สุด
อี้ชิงอยากให้ผู้กองจับผู้ชายคนนั้นให้ได้ คนใจร้ายที่ทำร้ายเขา และครอบครัว คนหลอกลวงที่ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของเขา คนอำมหิตที่หยิบยื่นโชคชะตาอันร้ายกาจให้กับเขา และผู้มีพระคุณของคนๆ นั้น
คนที่พรากพ่อแม่ของอี้ชิงไปตลอดกาล
อี้ชิงพร้อมจะแลกวิญญาณ หรือจะให้ทำเช่นไรก็ได้ เพื่อจะให้คนๆ นั้นได้ชดใช้กับสิ่งที่เขาได้ทำไป
เด็กหนุ่มยกมือที่สวมถุงมือเอาไว้ขึ้นมาปาดหยดน้ำตาที่หลั่งมาโดยไม่รู้ตัว หยดน้ำตาที่หลั่งออกมาจากความเจ็บปวด
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น แม้เพียงแค่นึกถึงคน ๆ นั้น ก็เจ็บร้าวราวกับกำลังโดนมีดกรีดไปทั่วร่างกาย เจ็บปวดราวกับกำลังถูกเค้นลมหายใจ
เขารู้ว่าเขาไม่มีทางที่จะหายเจ็บปวดได้ และคนๆ นั้นก็ไม่อาจคืนครอบครัว และทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาได้เหมือนเดิม หากแต่อย่างน้อยถ้าคนๆ นั้นได้รับโทษ ความเจ็บปวดของอี้ชิงก็อาจจะทุเลาลงได้บ้าง
>>>>>>Kiss Goodbye<<<<<<
บนที่นอนนุ่มหลังเดิมที่ชายหนุ่มนอนมาเกือบทั้งชีวิต หากแต่คืนนี้เขากลับนอนไม่หลับ คริสอู๋นอนก่ายหน้าผาก พลางนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาลำบากใจที่เขาเพิ่งพบเจอ
เขาไม่อยากแต่งงาน เพราะเขาคงไม่สามารถเป็นสามีที่ดีให้ผู้หญิงคนไหนได้ นั่นเป็นข้อเท็จจริง
แต่ข้อเท็จจริงที่เขาไม่สามารถเป็นสามีที่ดีได้นั้น เขาก็ไม่สามารถบอกใครได้เช่นกัน
เขายืนอยู่บนความคาดหวังของพ่อกับแม่ และยิ่งหลังจากจื่อเทาทำตัวเป็นกบฏต่อความคาดหวังของครอบครัว เขาก็กลายเป็นความภูมิใจที่เหมือนจะเป็นรูปธรรมเดียวของบ้าน
พ่อแม่ที่เป็นระดับศาสตราจารย์ ย่อมภูมิใจกับลูกชายที่เป็นหมอ มากกว่าลูกชายที่ชอบรถแข่ง และเมื่อเป็นนักแข่งเองไม่ได้ ก็เลยไปเป็นช่างซ่อมรถแข่ง ซึ่งสำหรับคริสเขาก็ว่ามันเท่ห์ และก็ได้เงินดี หากแต่ไม่ใช่ในแบบที่พ่อกับแม่คิด
พ่อแม่ที่หัวเก่า ย่อมอยากได้ลูกสะใภ้ที่มาจากตระกูลดี เรียบร้อย มีความเป็นแม่บ้าน มีการศึกษา แต่หัวอ่อน ไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่เป็นนางแบบ หัวแข็ง ทันสมัยจนตามไม่ทัน และช่างเถียง อย่างอิมซูยอน แฟนของจื่อเทา
แม่ถึงได้พยายามที่จะหาภรรยาให้กับเขา เพราะกลัวว่าเขาจะมีแฟนที่คล้ายซูยอน ซึ่งเขาก็เข้าใจในสิ่งที่แม่กำลังทำอยู่
เขาอยากห้ามแม่ แต่ไม่รู้จะห้ามอย่างไร เพราะเขาก็บอกไม่ได้ว่าเขาไม่ชอบผู้หญิง เพราะไม่อยากทำลายความสุขของพ่อกับแม่
และถ้าไม่บอกเมื่อไหร่ที่แม่จะหยุด
.
หรือบางทีถ้าเป็นจินอา มันอาจจะง่ายขึ้นสำหรับการแต่งงาน เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่เขาเอ็นดูมากอยู่แล้ว แม่ก็ดีใจ เขาเองก็สบายใจเรื่องคู่ครองของน้องคนนี้ และเขาก็ไม่ทำร้ายความรู้สึกที่อีกฝ่ายได้มอบให้กับเขาอีกด้วย
เพราะถ้าจะต้องแต่งงานขึ้นมาจริงๆ จินอาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้
หากแต่เขาจะทนฝืนกับการใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงสักคนได้จริงหรือ.......
มันอาจจะทำได้ง่ายกว่าที่เขาคิดก็ได้ หรือมันอาจจะยากเสียจนเป็นการทำร้ายจินอาอย่างเลือดเย็นก็ได้ ไม่มีทางรู้เลยในตอนนี้
ชายหนุ่มคิดพลางถอดถอนใจ ถ้าเป็นคนอื่นยังตัดสินใจง่ายกว่านี้ พอเป็นจินอามันทำให้คริสทำอะไรไม่ถูกเอาเสียเลย
เขาอยากทำให้ครอบครัวและจินอามีความสุข แต่ก็ไม่อยากสูญเสียความสุขของตัวเองไป เพราะถ้าแต่งงานไปทุกอย่างในชีวิตของเขาคงไม่เหมือนเดิม
ไม่มีอิสระ ช่วงเวลาที่เป็นตัวของตัวเองขาดหาย ไม่อาจสนองความสุขได้อย่างที่เขาต้องการ และเลย์ที่อาจจะต้องไปจากชีวิตของเขาตลอดไป
เลย์เหรอ? ทำไมเขาถึงนึกถึงเด็กคนนี้ขึ้นมาได้กัน อาจเพราะเด็กคนนี้เป็นเหมือนคนที่รับรู้โลกอีกด้านที่เขาปกปิดไว้ ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับรู้ แต่เด็กหนุ่มกลับรู้จักมันดีที่สุด
โลกอิสระ ที่มีเพียงเขากับเลย์ โลกที่ปลดปล่อยความเครียดขึง และความจริงที่เขาจำเป็นต้องปกปิดไว้แค่หน้าประตูห้อง เขาอยากจะทำอะไรได้ก็ได้ที่อยากทำ เสพรสรักในแบบที่เขาพึงใจอย่างที่ไม่ต้องระแวง นั่งคุยกันโดยที่อีกฝ่ายไม่ล่วงล้ำก้ำเกินโลกในความเป็นจริงของเขา และให้ความสุขกับเค้าในตัณหาทั้งดีและร้าย
เขาชอบช่วยเหลือคนอื่น และชอบเสพความรู้สึกเวลาใครสักคนปิติยินดีที่ได้รับความช่วยเหลือ มันเหมือนเป็นตัณหาด้านดีของเขา ซึ่งสำหรับเลย์เขารู้ว่าอีกฝ่ายเหมือนคนกำลังจมน้ำ และเขาก็คว้าขึ้นมาได้ เขามีความสุขที่ได้ยื่นมือให้ใครสักคนได้เกาะเกี่ยว และเด็กคนนี้จับเขาไว้เพียงแค่ปลายนิ้วเพื่อพยุงตัว หากแต่ไม่ได้โอบกอดรัดแน่นจนหายใจไม่ออก นั่นแหละที่คริสถึงได้พึงใจที่ได้อยู่กับเด็กคนนี้
เขาพึงใจตั้งแต่รูปลักษณ์ นิสัย และแววตาที่เด็กคนนั้นมองเขา แววตาจริงใจที่เหมือนกับกำลังบูชาเขาอยู่
ถึงแม้บางทีเขาก็กลัวแววตานั้น เขากลัวว่าเลย์กำลังเริ่มจะโน้มกอดเขาไม่ใช่แค่จับจากปลายนิ้ว ซึ่งหลังๆ มานี่เด็กหนุ่มเองก็เริ่มแสดงออกเช่นนั้นบ้าง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่อยากสลัดเลย์ทิ้งไป ถ้าเด็กคนนั้นจะแค่กอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกนิด เขาก็ยังทนได้
เพราะเขาชอบที่จะอยู่ในโลกใบเล็กที่มีเด็กคนนั้นอยู่ด้วย
>>>>>>Kiss Goodbye<<<<<<
เสียงดนตรีแจ๊สดังขับกล่อมไปทั่วทั้งผับหรูสไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่ในย่านคังนัม กลิ่นแอลกอฮอลล์ที่บาร์เทนเดอร์ผสมอยู่ ทำให้คนที่นั่งอยู่บนเคาท์เตอร์รู้สึกอยากลิ้มรส ชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาที่แนวคางประดับด้วยไรหนวดเขียวจางๆ โน้มตัวไปสั่งคอนยัครสนุ่มกับบาร์เทนเดอร์ที่อยู่เบื้องหน้าของเขา หากแต่พอหยัดตัวกลับมา ก็ปะทะกับคนที่ยืนซ้อนหลังของเขาอยู่
“ขอเพิ่มอีกแก้ว” คนที่โผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว เอ่ยสั่งกับบาร์เทนเดอร์ ก่อนจะพาตัวเองลงนั่งข้างๆ คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“มานานหรือยังว่ะ”
“เพิ่งมานั่งเมื่อกี้ นึกว่านายจะมาช้ากว่านี้อีก เห็นบอกว่างานยุ่ง”
“พอดีคนไข้เลื่อนนัด” นายแพทย์หนุ่มตอบก่อนจะเอื้อมไปหยิบแก้วคอนยัคที่บาร์เทนเดอร์เสิรฟ์ให้เขากับเพื่อน
“ตกลงมีอะไรหรือป่าวว่ะคริส”
“เบื่อ ๆ ก็เลยชวนออกมา”
“ไม่เห็นออกมาเที่ยวนานแล้ว อยู่ดีๆ ก็เรียกออกมา มันแปลก”
“จริงๆ ก็มีเรื่องนิดหน่อยว่ะ” ศัลยแพทย์หนุ่มตอบก่อนจะจิบคอนยัค และเหลียวมองไปรอบ ๆ ผับประจำที่เมื่อก่อนเขามักจะมานั่งคุยกับเพื่อนนายตำรวจ อย่างร้อยตำรวจเอก ชิมชางมินอยู่บ่อย ๆ
เมื่อก่อนตอนที่เขายังไม่ยุ่งขนาดนี้ และยังไม่รู้จักกับเลย์
“ช่วงนี้นายล่ะเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดี ยุ่งตามปรกติ คดีใหญ่เพิ่งเสร็จไป แต่ตอนนี้ฉันได้คู่หูใหม่แทนพี่จอนจินแล้วนะ”
“อ้าวแล้วพี่เขาไปไหน”
“เลื่อนตำแหน่ง” ผู้กองหน้าหล่อตอบพลางหมุนแก้วเหล้าในมือเล่น
“อ๋อ แล้วคู่หูใหม่เป็นยังไง”
“ก็ดี ดูมุ่งมั่นดี แต่ติดกวนประสาท ไปหน่อย”
“เพิ่งย้ายมาเหรอ”
“อืม เป็นรองสารวัตรสอบสวนแถวคยองจูมาก่อน”
“แปลว่ามือดีซินะถึงถูกเรียนมา”
“ก็คงอย่างนั้น เพราะเจ้านั้นอายุน้อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เออมัวแต่ถามเรื่องฉัน แล้วตกลงนายมีอะไรหรือเปล่าคริส” ผู้กองชิมยกแก้วที่หมุนวนเล่นขึ้นมาจิบบ้างพลางมองหน้าเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม
คบกันจนมองออกว่าอีกฝ่ายไม่ปรกติ แล้วคนที่เงียบหายไปนานอย่างอู๋ฟ่าน คงไม่ใช่แค่ว่างจึงชวนเขามากินเหล้าเล่น ๆ ในวันทำงานแบบนี้หรอก
“เครียดว่ะ แม่จะจับฉันแต่งงาน”
“เรื่องนี้อีกแล้ว” ผู้กองหนุ่มยกคิ้วเป็นเชิงสงสัย ว่ามันแปลกตรงไหนในเมื่อแม่ของเพื่อนรักทำแบบนี้มาหลายหนแล้ว
“คราวนี้มันไม่เหมือนเดิม”
“ทำไมว่ะ”
“คราวนี้เป็นจินอา”
“จินอา ลีจินอาน้องสาวนายคนนั้นเหรอ?”
“เขาไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของฉัน”
“เออฉันรู้ แล้วไปยังไงมายังไงวะ”
นายแพทย์หนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนกระดกคอนยัคจนหมดแก้ว แล้วเขาก็ยกแก้วขึ้นสั่งกับบาร์เทนเดอร์อีก
“จินอาเขาชอบฉันว่ะ แม่ฉันเขาก็อยากได้จินอามาเป็นสะใภ้ ทุกอย่างลงตัวเว้นฉัน”
“แล้วแกจะทำยังไง”
“ไม่รู้ อยากปฏิเสธแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง บางทีก็คิดนะว่าแต่งๆ ไปเลยอาจจะดี จินอาไม่เสียใจด้วย พ่อแม่ก็พอใจ แต่งๆ ให้เขาไปเสียที”
“ไอ้พูดมามันก็จริงอยู่ที่คนอื่นพอใจ แต่นายนั่นแหละที่จะลำบาก ปฏิเสธไปเหอะฉันแนะนำ หลอกใครหลอกได้ หลอกใจตัวเองมันยาก”
คุณหมอหนุ่มถอนหายใจอีกเฮือก นึกถึงว่าตั้งแต่มีเรื่องจินอาเข้ามาชีวิตเขาคงสั้นไปหลายปี
“ก็รู้ แต่ถ้าไม่เลือกจินอา แม่ก็หามาให้ใหม่อยู่ดี”
“บอกเขาตรงๆ ไปซิ ว่าแกไม่อยากแต่งงาน”
“ก็เคยบอกแล้ว แต่เขาบอกว่าฉันจะอยู่คนเดียวแบบนี้ไปได้ยังไง ยกเหตุผลโน่นนี่ จนฉันต้องยอมๆ ไป ไม่อยากทะเลาะกับเขา จะบอกตรง ๆ นายก็รู้ว่าพูดไม่ได้ คนอาชีพอย่างเราสองคน เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่”
นายตำรวจหนุ่มพยักหน้ารับ ตัวเขาเองก็รู้ดีในเรื่องนี้ รสนิยมทางเพศอย่างเพื่อนรักเขานั่นมันเรื่องต้องห้ามของคนที่ทำอาชีพที่ได้รับการนับหน้าถือตาแบบนี้ อาชีพอย่างเขาก็ด้วย ดีที่เขาไม่ได้ชอบแบบเดียวกับเพื่อนรัก
“แล้วยังไงตกลงจะแต่ง”
“ไม่รู้วะ”
นายแพทย์หนุ่มกระดกคอนยัคลงคอไปอีกแก้ว รสเฝื่อนของเหล้ารวมถึงความร้อนที่ไหลลงคอ ยังไม่รู้สึกแย่เท่าความรู้สึกของเขาตอนนี้เลย
“คิดให้ดีนะเว้ย นี่มันความสุขทั้งชีวิตเลยนะ”
คริสอู๋จ้องมองหน้าเพื่อนสนิทนิ่ง คำพูดที่ได้ยินเขาเองก็รู้ดี แต่เขาเหมือนคนเจอทางแยก ที่ไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหนที่จะดีที่สุดในตอนนี้
.
.
.
.
การเลือกที่จะปรึกษาเพื่อนรักมันไม่ได้ช่วยให้ คุณหมอหนุ่มสงบจิตใจได้เลยสักนิด ถึงแม้มันจะพอทำให้แนวความคิดที่จะปฏิเสธมันแข็งแรงขึ้นก็ตาม
วันนี้เขาทำงานก็หงุดหงิด งานที่โรงพยาบาล และที่คลินิกก็เยอะ เขากำลังนึกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้พักผ่อนมันเมื่อไหร่กัน
บางทีการเปลี่ยนสถานที่ ไปเที่ยวให้หัวโล่ง มันอาจจะช่วยให้เขามีสมองคิดเรื่องนี้ได้ดีกว่านี้ก็ได้
คุณหมอหน้าหล่อหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาดูตารางงานในระหว่างที่รถของเขากำลังจอดติดไฟแดงอยู่ สองอาทิตย์ข้างหน้าไม่มีเคสนัดคนไข้ผ่าตัด มีแต่เข้าเวรตรวจปรกติ ซึ่งน่าจะทำให้เขาลาไปพักร้อนได้สักอาทิตย์
ไปที่ไหนก็ยังไม่รู้ แต่ขอแค่ออกไปจากโลกยุ่งๆ นี่ก็พอ ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย ไปกับใครสักคน
ไปกับเลย์ดีไหม?
น่าจะดีพาเด็กนั่นไปเที่ยวด้วย ดีกว่าไปไหนคนเดียว อยู่คนเดียวก็คิดมาก เอาเด็กนั่นไปด้วยแหละดีที่สุด
คุณหมอหนุ่มยิ้มขึ้นมาในระหว่างที่เริ่มวางแผนเที่ยวในหัว ทริปเล็กๆ ระหว่างเขากับเด็กหนุ่มตัวเล็ก
รอยยิ้มและความสุขที่เขาไม่เคยหยั่งรากค้นไปให้ลึกว่าจริงๆ แล้ว มันเกิดจากอะไร.....
>>>>>>Kiss Goodbye<<<<<<
“ไปเที่ยวกันไหม?” เสียงกระซิบแหบห้าว ดังแผ่วอยู่ที่ริมใบหูเล็ก ๆ ของอี้ชิงก่อนที่อีกฝ่ายจะกดริมฝีปากลงไปกัดมันเบาๆ
เด็กหนุ่มแปลกใจกับคำถามเสียจน ต้องละใบหน้าแดงก่ำที่วางพาดกับลาดไหล่ขึ้นมามองคนที่ชวน
“ไปไหนฮะ”
“ไม่รู้ ขับรถไปเรื่อย ๆ มั่ง” คนชวนตอบโดยยังซุกไซ้ใบหน้ากับลำคอ ร่างกายที่เสือกไสเข้าหากันมันทำให้เขาหัวโล่ง เสียจนไม่อยากคิดอะไรมากกว่าอยากได้คำตอบที่พึงใจ
“อ่ะ ๆ แล้วไปวันไหนล่ะฮะ” เด็กหนุ่มครางเบา ๆ ในระหว่างที่ถาม เจ้าตัวเลื่อนใบหน้ากลับไปวางยังลาดไหล่ หัวใจที่เต้นเร็วแรงอยู่แล้วยิ่งรู้สึกพองโต เมื่อยามที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายชักชวนเขา มันเหมือนกับว่าอี้ชิงได้เข้าใกล้นายแพทย์หนุ่มขึ้นมาอีกนิด
“ไปสักวันเสาร์หน้า แล้วค่อยกลับมาสักวันศุกร์ ฉันลางานไว้ทั้งอาทิตย์” คริสอู๋ตอบด้วยเสียงกระเส่าเขายังคงไล้ใบหน้าอยู่กับเนื้ออ่อนๆ ของเด็กหนุ่มราวกับมัวเมา
ซึ่งมันกำลังทำให้อี้ชิงสุขจนแทบคลั่งมันสุขไปทั้งกายและใจ
“ผมยังไม่แน่ใจจะลางานยาวได้ขนาดนั้นหรือเปล่า”
หากแต่พอนึกถึงเหตุผลความเป็นจริง เขาอาจจะไม่ได้ไปกับคุณคริสก็เป็นไปได้ คุณลุงเจ้าของร้านคงไม่ให้เขาลางานยาวขนาดนั้น
“ทำไมล่ะ” คราวนี้คริสกุมใบหน้าน่ารักนั่นขึ้นมามอง แก้มแดงก่ำ ริมฝีปากแดงเชิด จนขึ้นสีสดราวกับสีเลือด ซึ่งเขามองทีไรก็นึกอย่างจะฝังจูบ และกลืนกินมันลงไป
“ผมคงลางานยาวขนาดนั้นไม่ได้หรอกฮะ คุณลุงเจ้าของร้านคงไม่ยอม”
“เหรอ”
คุณหมอหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พึงใจ เขากดริมฝีปากลงกับกลีบปากสีสดนั่น ก่อนจะแกล้งกัดที่ริมฝีปากล่างของเด็กหนุ่มเบาๆ เหมือนกับเป็นการลงโทษที่คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจ
คริสดันลิ้นเข้าไปเกี่ยวพันกับลิ้นเล็ก และดูดกลืนราวกับลิ้นนั่นเป็นขนมเลิศรส กายแกร่งเสือกไสจนร่างที่นั่งบนตักโยกคลอน เด็กหนุ่มรีบยกขาเกี่ยวพันร่างของคนที่เขากำลังดูดกลืนไว้
ท่าทางแบบนี้อี้ชิงก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่พอใจกับคำตอบ
ทั้งคู่เสพรสรักเกี่ยวพันร่างกันอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก จนร่างเล็กสั่นกระตุกเมื่อยามไปถึงฝั่งฝัน คุณหมอหนุ่มรีบเสือกกายเร่งตามเพื่อหมายไปคว้าความสุขไว้ร่วมกัน
จนเมื่อเสพสมจนอิ่มสุข คริสอู๋จึงดึงร่างเล็กลงมานอนทาบทับกับร่างของเขาบนโซฟา
“ตกลงจะไม่ไป” คุณหมอหนุ่มยังไม่ลืมคำถาม ที่ถามในระหว่างที่ทำกิจกรรมรักกันอยู่
“ผมลางานไม่ได้”
“ถ้าลานานไม่ได้ ที่ทำงานเธอให้ลาได้กี่วัน”
เด็กหนุ่มเงยหน้าจากที่ซอนซบกับอกชื่นเหงื่อขึ้นมามองหน้าคนที่เค้นคำถามอยู่
“คงสักสองวัน”
“ถ้าลาเกิน?”
“เขาคงไล่ผมออก”
“ก็ออก แล้วฉันจะจ้างเธอมาดูแลทำงานบ้านที่ห้องนี้ จนกว่าเธอจะได้งานใหม่”
เด็กหนุ่มถอนหายใจ คุณคริสคงไม่รู้ว่าเขาดีใจมากแค่ไหนที่อีกฝ่ายชวน หากแต่เขาลางานนานขนาดนั้นไม่ได้จริงๆ
“ผมไม่ได้หางานง่ายได้ขนาดนั้น”
“ทำไม งานดีๆ ที่ดีกว่าที่นี่มีอีกตั้งเยอะ”
“แต่เขาต้องการคนมีวุฒิการศึกษานี่ฮะ”
คริสอู๋นิ่งไปเมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย
“มันหมายความว่ายังไง เธอไม่มีวุฒิการศึกษาอย่างนั้นเหรอ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ นายแพทย์หนุ่มมองใบหน้านั้นนิ่งๆ เขาเริ่มประมวลว่าควรจะถามเรื่องนี้ต่อดีไหม
ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่รู้จักแรก ๆ คริสคงปล่อยให้มันผ่านไป หากแต่ไม่ใช่ในยามที่เขามองเห็นแววตาน่าสงสารนั่นสะท้อนบางสิ่งขึ้นมา
“เธอเรียนจบอะไรมา”
“ผมเรียนมัธยมปลายแต่ไม่จบฮะ”
“ทำไม”
เด็กหนุ่มไม่ตอบ แต่เลือกที่จะซบหน้าลงไปกับอกแกร่งอีกครั้ง
“แล้วไม่คิดเรียนต่อหรือไง”
“ผมเรียนต่อไม่ได้ฮะ ผมไม่มีเอกสารการศึกษา เลยสมัครเรียนไม่ได้”
“คริสเลื่อนกายของตัวเองขึ้นมานั่งก่อนจะดึงใบหน้าเล็กๆ ที่ซบอยู่กับอกของเขาขึ้นมา
“แล้วเอกสารของเธอไปไหน”
เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากจนขึ้นรอยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเบาแผ่ว
“ผมหยุดเรียนกลางเทอมตอนเกรดสิบเอ็ดแล้วมาอยู่ที่นี่ ผมเลยไม่ได้ขอเอกสารพวกนั้นจากโรงเรียนมา และผมก็ไม่ได้กลับไปที่นั่นอีก”
“อืมมม” คริสปล่อยมือออกจากสองข้างแก้มของอี้ชิง เขาดึงเด็กหนุ่มมากอดเอาไว้
“ตอนนี้เธออายุเท่าไหร่”
“17 ฮะ”
นายแพทย์อี้ฟ่านก้มมองเด็กหนุ่มในอ้อมกอดอีกครั้ง เลย์เด็กกว่าที่เขานึกเอาไว้ ตอนแรกคิดเพียงแต่ว่าอีกฝ่ายคงหน้าเด็ก หากแต่เด็กหนุ่มเพิ่งอายุ 17 เท่านั้น
เด็กอายุแค่นี้ ต้องผ่านเรื่องราวแบบไหนมา ต้องเจอกับสิ่งใดมาบ้าง ถึงได้ตกมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบนี้กันนะ
>>> TBC <<<
ความคิดเห็น