ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO Fiction] KISS GOODBYE [Kris+Lay,Krislay]

    ลำดับตอนที่ #6 : KISS GOODBYE [Chapter 5]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.06K
      10
      14 พ.ค. 56

    Titile: KISS GOODBYE [Chapter 5]
    Author: Angel Midori
    Genre: Romantic Drama
    Rating: PG
    Pairing: KrisLay


    Writer Talk : ตอนก่อนเปิดตัวละครไป 2 ตัว อีกฝั่งผู้กองคิมจงอิน ที่เป็นผู้ช่วยฝั่งนายเอก ส่วนอีกคนเป็นอุปสรรค์ชิ้นโตๆ ของนายเอก สำหรับผู้กองคิม อยากให้ติดตามไปเรื่อยๆ ว่ามีบทบาทยังไง แต่กับลีจินอา เป็นตัวละครที่ปุ้มสร้างมาแบบที่ว่าผู้หญิงทั่วไปคงเป็นแบบเธอ เด็กผู้หญิงที่อยู่กับคนที่แสนดีเพอร์เฟค มันไม่ยากสักนิดที่จะตกหลุมรัก และมองเขาเหมือนเป็นเจ้าชาย มันธรรมดามากๆ จริงๆ ที่จะเกิดเน้อ

    ส่วนตอนนี้จะเปิดตัวละครอีกตัวนึงขึ้นมาไปรออ่านในฟิคแล้วกันเน้อคะว่าตัวละครใหม่มีความสำคัญยังไง เรื่องนี้มีตัวละครน้อยมากค่ะ ไม่มีการดึงเด็ก exo มาเพิ่มใจตัวละครเรื่องนี้แล้ว มีฉากน้อย ตัวละครน้อย บทบรรยายเยอะ 555

    ปล.ปุ้มลงฉากวี๊ดวิ๊วเอาไว้นิดนึงเพราะคิดว่าบทบรรยายพยายามจะใช้อุปมาอุปไมยเข้าช่วยแล้วไม่ได้บรรยายเรทอะไรมาก
    แต่ถ้ามีการโดนตักเตือนมาจะตัดออกและให้ลงเมล์นะคะ


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    แสงไฟที่ส่องมาจากเสาไฟ เป็นเพียงแสงเดียวที่ช่วยให้ทางเดินที่เงียบเหงาในเวลาดึกดื่นขนาดนี้พอมีแสงสว่างบ้าง เสียงฝีเท้าที่ดังกระทบกับพื้นถนน เป็นเหมือนเพื่อนให้เด็กหนุ่มในยามที่ตัวเขาเดินลัดเลาะ เพื่อจะกลับไปยังห้องเช่าหลังเลิกงาน

     

    ห้องเช่าที่อยู่ในตึกหลังเก่า ๆ โทรม ๆ และเดินไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินมากพอดู หากแต่อี้ชิงก็พึงใจกับมัน เพราะห้องเช่าในเมืองราคาถูกขนาดนี้ช่างหาได้ยากเหลือเกิน

     

    ในช่วงระยะเวลาเกือบครึ่งปีเขาย้ายห้องมาสามห้องแล้วกว่าจะได้ห้องใกล้กับที่ทำงาน และราคาเท่านี้ ซึ่งเป็นราคาที่ทำให้อี้ชิงพอจะมีเงินเก็บ นอกเหนือจากเงินที่ได้จากคุณหมอ เขาจำเป็นต้องเก็บเงินไว้ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น กับคนไม่มีอนาคตอย่างเขา

     

    บางทีเด็กหนุ่มเองก็นึกเสียใจกับโชคชะตาของตัวเอง เขาควรจะได้เรียนหนังสือ ได้อยู่กับพ่อแม่ในบ้านหลังอบอุ่น ทำไร่ชาเล็กๆ กับพ่อ หากแต่ตอนนี้กลับไม่ใช่

     

    เขาอาจเคยเห็นโชคชะตาของคนอื่นที่ลำบากลำบน อาจจะในโทรทัศน์ หรือหนังสือ หากแต่ไม่เคยนึกว่าตัวเองจะต้องมาเป็นเช่นนี้

     

     

    เพราะคน ๆ นั้น คนเดียวที่ทำให้เขาต้องมาเป็นแบบนี้ คน ๆ นั้นที่พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชีวิตของเขา

     

    อี้ชิงนึกย้อนไปถึงคำบอกเล่าของผู้กองคิมที่เพิ่งบอกเขาเมื่อบ่ายๆ

     

    อี้ชิงภาวนา และขอแลกกับทุกสิ่งที่จะให้ผู้กองคิมสามารถดึงคดีนี้มาทำเองได้ เพราะเขาเชื่อใจคน ๆ นี้ คนที่เขารับรู้ถึงความมุ่งมั่นในวันที่เขาไร้สิ้นหนทางที่สุด

     

    อี้ชิงอยากให้ผู้กองจับผู้ชายคนนั้นให้ได้ คนใจร้ายที่ทำร้ายเขา และครอบครัว คนหลอกลวงที่ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของเขา คนอำมหิตที่หยิบยื่นโชคชะตาอันร้ายกาจให้กับเขา และผู้มีพระคุณของคนๆ นั้น

     

    คนที่พรากพ่อแม่ของอี้ชิงไปตลอดกาล

     

    อี้ชิงพร้อมจะแลกวิญญาณ หรือจะให้ทำเช่นไรก็ได้ เพื่อจะให้คนๆ นั้นได้ชดใช้กับสิ่งที่เขาได้ทำไป

     

     

    เด็กหนุ่มยกมือที่สวมถุงมือเอาไว้ขึ้นมาปาดหยดน้ำตาที่หลั่งมาโดยไม่รู้ตัว หยดน้ำตาที่หลั่งออกมาจากความเจ็บปวด

     

    ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น แม้เพียงแค่นึกถึงคน ๆ นั้น ก็เจ็บร้าวราวกับกำลังโดนมีดกรีดไปทั่วร่างกาย เจ็บปวดราวกับกำลังถูกเค้นลมหายใจ

     

    เขารู้ว่าเขาไม่มีทางที่จะหายเจ็บปวดได้ และคนๆ นั้นก็ไม่อาจคืนครอบครัว และทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาได้เหมือนเดิม หากแต่อย่างน้อยถ้าคนๆ นั้นได้รับโทษ ความเจ็บปวดของอี้ชิงก็อาจจะทุเลาลงได้บ้าง

    >>>>>>Kiss Goodbye<<<<<<

     

    บนที่นอนนุ่มหลังเดิมที่ชายหนุ่มนอนมาเกือบทั้งชีวิต หากแต่คืนนี้เขากลับนอนไม่หลับ คริสอู๋นอนก่ายหน้าผาก พลางนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาลำบากใจที่เขาเพิ่งพบเจอ

     

    เขาไม่อยากแต่งงาน เพราะเขาคงไม่สามารถเป็นสามีที่ดีให้ผู้หญิงคนไหนได้ นั่นเป็นข้อเท็จจริง

    แต่ข้อเท็จจริงที่เขาไม่สามารถเป็นสามีที่ดีได้นั้น เขาก็ไม่สามารถบอกใครได้เช่นกัน

     

    เขายืนอยู่บนความคาดหวังของพ่อกับแม่ และยิ่งหลังจากจื่อเทาทำตัวเป็นกบฏต่อความคาดหวังของครอบครัว เขาก็กลายเป็นความภูมิใจที่เหมือนจะเป็นรูปธรรมเดียวของบ้าน


    พ่อแม่ที่เป็นระดับศาสตราจารย์ ย่อมภูมิใจกับลูกชายที่เป็นหมอ มากกว่าลูกชายที่ชอบรถแข่ง และเมื่อเป็นนักแข่งเองไม่ได้ ก็เลยไปเป็นช่างซ่อมรถแข่ง ซึ่งสำหรับคริสเขาก็ว่ามันเท่ห์ และก็ได้เงินดี หากแต่ไม่ใช่ในแบบที่พ่อกับแม่คิด

     

    พ่อแม่ที่หัวเก่า ย่อมอยากได้ลูกสะใภ้ที่มาจากตระกูลดี เรียบร้อย มีความเป็นแม่บ้าน มีการศึกษา แต่หัวอ่อน ไม่ใช่ลูกสะใภ้ที่เป็นนางแบบ หัวแข็ง ทันสมัยจนตามไม่ทัน และช่างเถียง อย่างอิมซูยอน แฟนของจื่อเทา

     

    แม่ถึงได้พยายามที่จะหาภรรยาให้กับเขา เพราะกลัวว่าเขาจะมีแฟนที่คล้ายซูยอน ซึ่งเขาก็เข้าใจในสิ่งที่แม่กำลังทำอยู่

     

    เขาอยากห้ามแม่ แต่ไม่รู้จะห้ามอย่างไร เพราะเขาก็บอกไม่ได้ว่าเขาไม่ชอบผู้หญิง เพราะไม่อยากทำลายความสุขของพ่อกับแม่

     

    และถ้าไม่บอกเมื่อไหร่ที่แม่จะหยุด

    .

    หรือบางทีถ้าเป็นจินอา มันอาจจะง่ายขึ้นสำหรับการแต่งงาน เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่เขาเอ็นดูมากอยู่แล้ว แม่ก็ดีใจ เขาเองก็สบายใจเรื่องคู่ครองของน้องคนนี้ และเขาก็ไม่ทำร้ายความรู้สึกที่อีกฝ่ายได้มอบให้กับเขาอีกด้วย

     

    เพราะถ้าจะต้องแต่งงานขึ้นมาจริงๆ จินอาน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้

     

    หากแต่เขาจะทนฝืนกับการใช้ชีวิตคู่กับผู้หญิงสักคนได้จริงหรือ.......

     

    มันอาจจะทำได้ง่ายกว่าที่เขาคิดก็ได้ หรือมันอาจจะยากเสียจนเป็นการทำร้ายจินอาอย่างเลือดเย็นก็ได้ ไม่มีทางรู้เลยในตอนนี้

     

    ชายหนุ่มคิดพลางถอดถอนใจ ถ้าเป็นคนอื่นยังตัดสินใจง่ายกว่านี้ พอเป็นจินอามันทำให้คริสทำอะไรไม่ถูกเอาเสียเลย

     

    เขาอยากทำให้ครอบครัวและจินอามีความสุข แต่ก็ไม่อยากสูญเสียความสุขของตัวเองไป เพราะถ้าแต่งงานไปทุกอย่างในชีวิตของเขาคงไม่เหมือนเดิม

     

    ไม่มีอิสระ ช่วงเวลาที่เป็นตัวของตัวเองขาดหาย ไม่อาจสนองความสุขได้อย่างที่เขาต้องการ และเลย์ที่อาจจะต้องไปจากชีวิตของเขาตลอดไป

     

    เลย์เหรอ? ทำไมเขาถึงนึกถึงเด็กคนนี้ขึ้นมาได้กัน อาจเพราะเด็กคนนี้เป็นเหมือนคนที่รับรู้โลกอีกด้านที่เขาปกปิดไว้ ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับรู้ แต่เด็กหนุ่มกลับรู้จักมันดีที่สุด


    โลกอิสระ ที่มีเพียงเขากับเลย์ โลกที่ปลดปล่อยความเครียดขึง และความจริงที่เขาจำเป็นต้องปกปิดไว้แค่หน้าประตูห้อง เขาอยากจะทำอะไรได้ก็ได้ที่อยากทำ เสพรสรักในแบบที่เขาพึงใจอย่างที่ไม่ต้องระแวง นั่งคุยกันโดยที่อีกฝ่ายไม่ล่วงล้ำก้ำเกินโลกในความเป็นจริงของเขา และให้ความสุขกับเค้าในตัณหาทั้งดีและร้าย

     

    เขาชอบช่วยเหลือคนอื่น และชอบเสพความรู้สึกเวลาใครสักคนปิติยินดีที่ได้รับความช่วยเหลือ มันเหมือนเป็นตัณหาด้านดีของเขา ซึ่งสำหรับเลย์เขารู้ว่าอีกฝ่ายเหมือนคนกำลังจมน้ำ และเขาก็คว้าขึ้นมาได้ เขามีความสุขที่ได้ยื่นมือให้ใครสักคนได้เกาะเกี่ยว และเด็กคนนี้จับเขาไว้เพียงแค่ปลายนิ้วเพื่อพยุงตัว หากแต่ไม่ได้โอบกอดรัดแน่นจนหายใจไม่ออก นั่นแหละที่คริสถึงได้พึงใจที่ได้อยู่กับเด็กคนนี้

     

    เขาพึงใจตั้งแต่รูปลักษณ์ นิสัย และแววตาที่เด็กคนนั้นมองเขา แววตาจริงใจที่เหมือนกับกำลังบูชาเขาอยู่

     

    ถึงแม้บางทีเขาก็กลัวแววตานั้น เขากลัวว่าเลย์กำลังเริ่มจะโน้มกอดเขาไม่ใช่แค่จับจากปลายนิ้ว ซึ่งหลังๆ มานี่เด็กหนุ่มเองก็เริ่มแสดงออกเช่นนั้นบ้าง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่อยากสลัดเลย์ทิ้งไป ถ้าเด็กคนนั้นจะแค่กอดเขาแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกนิด เขาก็ยังทนได้

     

    เพราะเขาชอบที่จะอยู่ในโลกใบเล็กที่มีเด็กคนนั้นอยู่ด้วย

    >>>>>>Kiss Goodbye<<<<<<

    เสียงดนตรีแจ๊สดังขับกล่อมไปทั่วทั้งผับหรูสไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่ในย่านคังนัม กลิ่นแอลกอฮอลล์ที่บาร์เทนเดอร์ผสมอยู่ ทำให้คนที่นั่งอยู่บนเคาท์เตอร์รู้สึกอยากลิ้มรส ชายหนุ่มร่างสูง  หน้าตาหล่อเหลาที่แนวคางประดับด้วยไรหนวดเขียวจางๆ  โน้มตัวไปสั่งคอนยัครสนุ่มกับบาร์เทนเดอร์ที่อยู่เบื้องหน้าของเขา หากแต่พอหยัดตัวกลับมา ก็ปะทะกับคนที่ยืนซ้อนหลังของเขาอยู่

     

    “ขอเพิ่มอีกแก้ว” คนที่โผล่มาแบบไม่ทันตั้งตัว เอ่ยสั่งกับบาร์เทนเดอร์ ก่อนจะพาตัวเองลงนั่งข้างๆ คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว

     

    “มานานหรือยังว่ะ”

     

    “เพิ่งมานั่งเมื่อกี้ นึกว่านายจะมาช้ากว่านี้อีก เห็นบอกว่างานยุ่ง”

     

    “พอดีคนไข้เลื่อนนัด” นายแพทย์หนุ่มตอบก่อนจะเอื้อมไปหยิบแก้วคอนยัคที่บาร์เทนเดอร์เสิรฟ์ให้เขากับเพื่อน

     

    “ตกลงมีอะไรหรือป่าวว่ะคริส”

     

    “เบื่อ ๆ ก็เลยชวนออกมา”

     

    “ไม่เห็นออกมาเที่ยวนานแล้ว อยู่ดีๆ ก็เรียกออกมา มันแปลก”

     

    “จริงๆ ก็มีเรื่องนิดหน่อยว่ะ” ศัลยแพทย์หนุ่มตอบก่อนจะจิบคอนยัค และเหลียวมองไปรอบ ๆ ผับประจำที่เมื่อก่อนเขามักจะมานั่งคุยกับเพื่อนนายตำรวจ อย่างร้อยตำรวจเอก ชิมชางมินอยู่บ่อย ๆ

     

    เมื่อก่อนตอนที่เขายังไม่ยุ่งขนาดนี้ และยังไม่รู้จักกับเลย์

     

    “ช่วงนี้นายล่ะเป็นยังไงบ้าง”

     

    “ก็ดี ยุ่งตามปรกติ คดีใหญ่เพิ่งเสร็จไป แต่ตอนนี้ฉันได้คู่หูใหม่แทนพี่จอนจินแล้วนะ”

     

    “อ้าวแล้วพี่เขาไปไหน”

     

    “เลื่อนตำแหน่ง” ผู้กองหน้าหล่อตอบพลางหมุนแก้วเหล้าในมือเล่น

     

    “อ๋อ แล้วคู่หูใหม่เป็นยังไง”

     

    “ก็ดี ดูมุ่งมั่นดี แต่ติดกวนประสาท ไปหน่อย”

     

    “เพิ่งย้ายมาเหรอ”

     

    “อืม เป็นรองสารวัตรสอบสวนแถวคยองจูมาก่อน”

     

    “แปลว่ามือดีซินะถึงถูกเรียนมา”

     

    “ก็คงอย่างนั้น เพราะเจ้านั้นอายุน้อยกว่าฉันด้วยซ้ำ เออมัวแต่ถามเรื่องฉัน แล้วตกลงนายมีอะไรหรือเปล่าคริส” ผู้กองชิมยกแก้วที่หมุนวนเล่นขึ้นมาจิบบ้างพลางมองหน้าเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม

     

    คบกันจนมองออกว่าอีกฝ่ายไม่ปรกติ แล้วคนที่เงียบหายไปนานอย่างอู๋ฟ่าน คงไม่ใช่แค่ว่างจึงชวนเขามากินเหล้าเล่น ๆ ในวันทำงานแบบนี้หรอก

     

    “เครียดว่ะ แม่จะจับฉันแต่งงาน”

     

    “เรื่องนี้อีกแล้ว” ผู้กองหนุ่มยกคิ้วเป็นเชิงสงสัย ว่ามันแปลกตรงไหนในเมื่อแม่ของเพื่อนรักทำแบบนี้มาหลายหนแล้ว


    “คราวนี้มันไม่เหมือนเดิม”

     

    “ทำไมว่ะ”

     

    “คราวนี้เป็นจินอา”

     

    “จินอา ลีจินอาน้องสาวนายคนนั้นเหรอ?

     

    “เขาไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของฉัน”

     

    “เออฉันรู้ แล้วไปยังไงมายังไงวะ”

     

    นายแพทย์หนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนกระดกคอนยัคจนหมดแก้ว แล้วเขาก็ยกแก้วขึ้นสั่งกับบาร์เทนเดอร์อีก

     

    “จินอาเขาชอบฉันว่ะ แม่ฉันเขาก็อยากได้จินอามาเป็นสะใภ้ ทุกอย่างลงตัวเว้นฉัน”

     

    “แล้วแกจะทำยังไง”


    “ไม่รู้ อยากปฏิเสธแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง บางทีก็คิดนะว่าแต่งๆ ไปเลยอาจจะดี จินอาไม่เสียใจด้วย พ่อแม่ก็พอใจ แต่งๆ ให้เขาไปเสียที”

     

    “ไอ้พูดมามันก็จริงอยู่ที่คนอื่นพอใจ แต่นายนั่นแหละที่จะลำบาก ปฏิเสธไปเหอะฉันแนะนำ หลอกใครหลอกได้ หลอกใจตัวเองมันยาก”

     

    คุณหมอหนุ่มถอนหายใจอีกเฮือก นึกถึงว่าตั้งแต่มีเรื่องจินอาเข้ามาชีวิตเขาคงสั้นไปหลายปี

     

    “ก็รู้ แต่ถ้าไม่เลือกจินอา แม่ก็หามาให้ใหม่อยู่ดี”

     

    “บอกเขาตรงๆ ไปซิ ว่าแกไม่อยากแต่งงาน”

     

    “ก็เคยบอกแล้ว แต่เขาบอกว่าฉันจะอยู่คนเดียวแบบนี้ไปได้ยังไง ยกเหตุผลโน่นนี่ จนฉันต้องยอมๆ ไป ไม่อยากทะเลาะกับเขา จะบอกตรง ๆ นายก็รู้ว่าพูดไม่ได้ คนอาชีพอย่างเราสองคน เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่”

     

    นายตำรวจหนุ่มพยักหน้ารับ ตัวเขาเองก็รู้ดีในเรื่องนี้ รสนิยมทางเพศอย่างเพื่อนรักเขานั่นมันเรื่องต้องห้ามของคนที่ทำอาชีพที่ได้รับการนับหน้าถือตาแบบนี้ อาชีพอย่างเขาก็ด้วย ดีที่เขาไม่ได้ชอบแบบเดียวกับเพื่อนรัก

     

    “แล้วยังไงตกลงจะแต่ง”

     

    “ไม่รู้วะ”

     

    นายแพทย์หนุ่มกระดกคอนยัคลงคอไปอีกแก้ว รสเฝื่อนของเหล้ารวมถึงความร้อนที่ไหลลงคอ ยังไม่รู้สึกแย่เท่าความรู้สึกของเขาตอนนี้เลย

     

    “คิดให้ดีนะเว้ย นี่มันความสุขทั้งชีวิตเลยนะ”

     

    คริสอู๋จ้องมองหน้าเพื่อนสนิทนิ่ง คำพูดที่ได้ยินเขาเองก็รู้ดี แต่เขาเหมือนคนเจอทางแยก ที่ไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหนที่จะดีที่สุดในตอนนี้

    .

    .

    .

    .

    การเลือกที่จะปรึกษาเพื่อนรักมันไม่ได้ช่วยให้ คุณหมอหนุ่มสงบจิตใจได้เลยสักนิด ถึงแม้มันจะพอทำให้แนวความคิดที่จะปฏิเสธมันแข็งแรงขึ้นก็ตาม

     

     

    วันนี้เขาทำงานก็หงุดหงิด งานที่โรงพยาบาล และที่คลินิกก็เยอะ เขากำลังนึกว่าครั้งสุดท้ายที่เขาได้พักผ่อนมันเมื่อไหร่กัน

     

    บางทีการเปลี่ยนสถานที่ ไปเที่ยวให้หัวโล่ง มันอาจจะช่วยให้เขามีสมองคิดเรื่องนี้ได้ดีกว่านี้ก็ได้


    คุณหมอหน้าหล่อหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาดูตารางงานในระหว่างที่รถของเขากำลังจอดติดไฟแดงอยู่ สองอาทิตย์ข้างหน้าไม่มีเคสนัดคนไข้ผ่าตัด มีแต่เข้าเวรตรวจปรกติ ซึ่งน่าจะทำให้เขาลาไปพักร้อนได้สักอาทิตย์

     

    ไปที่ไหนก็ยังไม่รู้ แต่ขอแค่ออกไปจากโลกยุ่งๆ นี่ก็พอ ขับรถไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย ไปกับใครสักคน

     

     

    ไปกับเลย์ดีไหม?

     

    น่าจะดีพาเด็กนั่นไปเที่ยวด้วย ดีกว่าไปไหนคนเดียว อยู่คนเดียวก็คิดมาก เอาเด็กนั่นไปด้วยแหละดีที่สุด

     

    คุณหมอหนุ่มยิ้มขึ้นมาในระหว่างที่เริ่มวางแผนเที่ยวในหัว ทริปเล็กๆ ระหว่างเขากับเด็กหนุ่มตัวเล็ก

     

    รอยยิ้มและความสุขที่เขาไม่เคยหยั่งรากค้นไปให้ลึกว่าจริงๆ แล้ว มันเกิดจากอะไร.....

     

    >>>>>>Kiss Goodbye<<<<<<

     

    “ไปเที่ยวกันไหม?” เสียงกระซิบแหบห้าว ดังแผ่วอยู่ที่ริมใบหูเล็ก ๆ ของอี้ชิงก่อนที่อีกฝ่ายจะกดริมฝีปากลงไปกัดมันเบาๆ

     

    เด็กหนุ่มแปลกใจกับคำถามเสียจน ต้องละใบหน้าแดงก่ำที่วางพาดกับลาดไหล่ขึ้นมามองคนที่ชวน

     

    “ไปไหนฮะ”

     

    “ไม่รู้ ขับรถไปเรื่อย ๆ มั่ง” คนชวนตอบโดยยังซุกไซ้ใบหน้ากับลำคอ ร่างกายที่เสือกไสเข้าหากันมันทำให้เขาหัวโล่ง เสียจนไม่อยากคิดอะไรมากกว่าอยากได้คำตอบที่พึงใจ



    “อ่ะ ๆ แล้วไปวันไหนล่ะฮะ” เด็กหนุ่มครางเบา ๆ ในระหว่างที่ถาม เจ้าตัวเลื่อนใบหน้ากลับไปวางยังลาดไหล่ หัวใจที่เต้นเร็วแรงอยู่แล้วยิ่งรู้สึกพองโต เมื่อยามที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายชักชวนเขา มันเหมือนกับว่าอี้ชิงได้เข้าใกล้นายแพทย์หนุ่มขึ้นมาอีกนิด

     

    “ไปสักวันเสาร์หน้า แล้วค่อยกลับมาสักวันศุกร์ ฉันลางานไว้ทั้งอาทิตย์” คริสอู๋ตอบด้วยเสียงกระเส่าเขายังคงไล้ใบหน้าอยู่กับเนื้ออ่อนๆ ของเด็กหนุ่มราวกับมัวเมา

     

    ซึ่งมันกำลังทำให้อี้ชิงสุขจนแทบคลั่งมันสุขไปทั้งกายและใจ

     

    “ผมยังไม่แน่ใจจะลางานยาวได้ขนาดนั้นหรือเปล่า”

     

    หากแต่พอนึกถึงเหตุผลความเป็นจริง เขาอาจจะไม่ได้ไปกับคุณคริสก็เป็นไปได้ คุณลุงเจ้าของร้านคงไม่ให้เขาลางานยาวขนาดนั้น

     

    “ทำไมล่ะ” คราวนี้คริสกุมใบหน้าน่ารักนั่นขึ้นมามอง แก้มแดงก่ำ ริมฝีปากแดงเชิด จนขึ้นสีสดราวกับสีเลือด ซึ่งเขามองทีไรก็นึกอย่างจะฝังจูบ และกลืนกินมันลงไป

     

    “ผมคงลางานยาวขนาดนั้นไม่ได้หรอกฮะ คุณลุงเจ้าของร้านคงไม่ยอม”

     

    “เหรอ”

     

    คุณหมอหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พึงใจ เขากดริมฝีปากลงกับกลีบปากสีสดนั่น ก่อนจะแกล้งกัดที่ริมฝีปากล่างของเด็กหนุ่มเบาๆ เหมือนกับเป็นการลงโทษที่คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจ

     

    คริสดันลิ้นเข้าไปเกี่ยวพันกับลิ้นเล็ก และดูดกลืนราวกับลิ้นนั่นเป็นขนมเลิศรส กายแกร่งเสือกไสจนร่างที่นั่งบนตักโยกคลอน เด็กหนุ่มรีบยกขาเกี่ยวพันร่างของคนที่เขากำลังดูดกลืนไว้

     

    ท่าทางแบบนี้อี้ชิงก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่พอใจกับคำตอบ

     

    ทั้งคู่เสพรสรักเกี่ยวพันร่างกันอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก จนร่างเล็กสั่นกระตุกเมื่อยามไปถึงฝั่งฝัน คุณหมอหนุ่มรีบเสือกกายเร่งตามเพื่อหมายไปคว้าความสุขไว้ร่วมกัน

     

    จนเมื่อเสพสมจนอิ่มสุข คริสอู๋จึงดึงร่างเล็กลงมานอนทาบทับกับร่างของเขาบนโซฟา

     

    “ตกลงจะไม่ไป” คุณหมอหนุ่มยังไม่ลืมคำถาม ที่ถามในระหว่างที่ทำกิจกรรมรักกันอยู่

     

    “ผมลางานไม่ได้”

     

    “ถ้าลานานไม่ได้ ที่ทำงานเธอให้ลาได้กี่วัน”

     

    เด็กหนุ่มเงยหน้าจากที่ซอนซบกับอกชื่นเหงื่อขึ้นมามองหน้าคนที่เค้นคำถามอยู่

     

    “คงสักสองวัน”

     

    “ถ้าลาเกิน?

     

    “เขาคงไล่ผมออก”

     

    “ก็ออก แล้วฉันจะจ้างเธอมาดูแลทำงานบ้านที่ห้องนี้ จนกว่าเธอจะได้งานใหม่”

     

    เด็กหนุ่มถอนหายใจ คุณคริสคงไม่รู้ว่าเขาดีใจมากแค่ไหนที่อีกฝ่ายชวน หากแต่เขาลางานนานขนาดนั้นไม่ได้จริงๆ

     

    “ผมไม่ได้หางานง่ายได้ขนาดนั้น”

     

    “ทำไม งานดีๆ ที่ดีกว่าที่นี่มีอีกตั้งเยอะ”


    “แต่เขาต้องการคนมีวุฒิการศึกษานี่ฮะ”

     

    คริสอู๋นิ่งไปเมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย

     

    “มันหมายความว่ายังไง เธอไม่มีวุฒิการศึกษาอย่างนั้นเหรอ”

     

    เด็กหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ นายแพทย์หนุ่มมองใบหน้านั้นนิ่งๆ เขาเริ่มประมวลว่าควรจะถามเรื่องนี้ต่อดีไหม

     

    ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่รู้จักแรก ๆ คริสคงปล่อยให้มันผ่านไป หากแต่ไม่ใช่ในยามที่เขามองเห็นแววตาน่าสงสารนั่นสะท้อนบางสิ่งขึ้นมา

     

    “เธอเรียนจบอะไรมา”

     

    “ผมเรียนมัธยมปลายแต่ไม่จบฮะ”

     

    “ทำไม”

     

    เด็กหนุ่มไม่ตอบ แต่เลือกที่จะซบหน้าลงไปกับอกแกร่งอีกครั้ง          

     

    “แล้วไม่คิดเรียนต่อหรือไง”

     

    “ผมเรียนต่อไม่ได้ฮะ ผมไม่มีเอกสารการศึกษา เลยสมัครเรียนไม่ได้”

     

    “คริสเลื่อนกายของตัวเองขึ้นมานั่งก่อนจะดึงใบหน้าเล็กๆ ที่ซบอยู่กับอกของเขาขึ้นมา

     

    “แล้วเอกสารของเธอไปไหน”

     

    เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากจนขึ้นรอยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเบาแผ่ว

     

    “ผมหยุดเรียนกลางเทอมตอนเกรดสิบเอ็ดแล้วมาอยู่ที่นี่ ผมเลยไม่ได้ขอเอกสารพวกนั้นจากโรงเรียนมา และผมก็ไม่ได้กลับไปที่นั่นอีก”

     

    “อืมมม” คริสปล่อยมือออกจากสองข้างแก้มของอี้ชิง เขาดึงเด็กหนุ่มมากอดเอาไว้

     

    “ตอนนี้เธออายุเท่าไหร่”


    17 ฮะ”

     

    นายแพทย์อี้ฟ่านก้มมองเด็กหนุ่มในอ้อมกอดอีกครั้ง เลย์เด็กกว่าที่เขานึกเอาไว้ ตอนแรกคิดเพียงแต่ว่าอีกฝ่ายคงหน้าเด็ก หากแต่เด็กหนุ่มเพิ่งอายุ 17 เท่านั้น

     

    เด็กอายุแค่นี้ ต้องผ่านเรื่องราวแบบไหนมา ต้องเจอกับสิ่งใดมาบ้าง ถึงได้ตกมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแบบนี้กันนะ

    >>> TBC <<<


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×