คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [ChanBaek Fiction] Mug & Saucers [Part 3]
Mug & Saucers [Part 2]
Author: Angel Midori
Rating: PG
Pairing:ChanBaek
____________________________________________________________________
เสียงเคาะประตูรัวๆ ราวกับคนเคาะไม่มีมารยาทปลุกให้คนนอนหัวยุ่งอยู่ต้องโงหัวขึ้นมาจากการเผลอหลับที่โต๊ะ ปาร์คชานยอลเดินโซซัดโซเซไปเปิดประตูห้องโดยไม่ต้องถามว่าใครที่มาเยี่ยมเยือนในเวลานี้
เพราะคนไร้มารยาทแบบนี้มีคนเดียวคือบยอนแบคฮยอน
“กูซื้อขนมมาฝาก” คนตัวเล็กเดินถือกล่องขนมมาวางบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเตี้ยกลางห้องที่ก่อนหน้านี้ชานยอลเพิ่งฟุบหลับอยู่ แบคฮยอนกวาดกองหนังสือไปไว้มุมโต๊ะ ก่อนจะจัดแจงเริ่มแกะกล่องขนม โดยมีเพื่อนร่างโย่งยืนมองงง ๆ อยู่
“ขนมอะไรของนาย”
“ทีรามิตซู กูกินแล้วอร่อยเลยนึกถึงมึง มึงควรดีใจนะที่มีเพื่อนแสนดีอย่างกู”
ปาร์คชานยอลลงนั่งตรงข้ามกับแบคฮยอน และมองขนมที หน้าคนซื้อมาฝากที ตอนนี้เข้าตื่นเต็มตาแล้ว แล้วถ้าให้บอกตามตรงก็ซึ้งน้ำใจของไอ้คนตรงหน้านี้มาก ขนาดดึกดื่นเที่ยงคืนมันยังอุตสาห์หิ้วขนมมาฝากเขา
“เออขอบใจก็ได้” ชานยอลขอบคุณห้วนๆ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาซึ้งน้ำอกน้ำใจไอ้ตัวเล็กมากแค่ไหน คนตัวโตหยิบส้อมพลาสติกจิ้มไปที่ชิ้นขนมและลองชิมดู มันอร่อยอย่างที่อีกฝ่ายคุยโวไว้เลยล่ะ
“นี่ซึ้อมาจากที่ไหนว่ะบยอน”
“ร้านอาหารอิตาเลี่ยนแถวๆ ยออิโด มึงไม่รู้จักร้านไฮโซแบบนั้นหรอก” คนตัวเล็กยิ้มกว้าง และยักคิ้วอวด จนชานยอลต้องแกล้งทำเป็นเอื้อมมือจะไปเขกกระโหลกเล็กๆ นั่น
“แล้วทำไมมึงถึงรู้จัก มึงไปกับใครเนี่ย”
คนถูกถามอมยิ้มจนแก้มตุ่ย แววตาเป็นประกายวิบวับจนเพื่อนตัวสูงอดรู้สึกประหลาดกับอาการแปลกๆ นั่นไม่ได้ แล้วนอกจากยิ้ม ตอนนี้แบคฮยอนพยายามเอาช้อนพลาสติกมาจิ้มเล่นบนเค้กอีกด้วย
“เตี้ยเดี๋ยวเค้กเละ” ชานยอบบ่น พลางดึงมือเล็กๆ นั่นออก “ตกลงนี่เตี้ยมึงไปกับใครมา”
“เซฮุน จื่อเถา....”
แค่สองชื่อที่หลุดออกมาจากกลีบปากบางนั่นก็ทำให้ปาร์คชานยอลรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว เพราะสองคนนั้นเป็นคนที่เชื่อมโยงกับคนที่เขากลัวว่าแบคฮยอนจะเอ่ยชื่อมามากที่สุด
“แล้วก็คริสฮยอง”
นั่นไง!!
แล้วตอนนี้เขาก็รู้สึก ชา..ชาไปทั้งร่าง
ชานยอลบอกตรงๆ เลยว่าร่างของเขาราวกันถูกน้ำเย็นจัดราดตั้งแต่หัวไปจรดปลายเท้า เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้ และมันเป็นความรู้สึกที่เขาหวาดกลัวมาตลอดตั้งแต่บยอนแบคฮยอนตอบตกลงที่จะให้สองคนนั้นเป็นพ่อสื่อให้
เขาอาจหวงเพื่อนมากเกินไป ซึ่งมันเป็นนิสัยที่ไม่ดีเอาเสียเลย แต่เขาก็ห้ามความรู้สึกพวกนี้ไม่ได้ ซึ่งแท้จริงเขาควรดีใจกับเพื่อนด้วยซ้ำ
“อ้าวทำไมเงียบไปว่ะโย่ง”
“เปล่า” ปาร์คชานยอลวางส้อมลง แล้วลุกขึ้นไปหยิบขวดน้ำ พร้อมกับแก้วมาวางตรงหน้าแบคฮยอน เขารินน้ำให้ตัวเองและเพื่อนตัวเล็กด้วย แบคฮยอนมองตามท่าทางแปลกๆ ของเพื่อน ก็ยิ่งไม่เข้าใจว่าชานยอลเป็นอะไร
“ไม่อร่อย?”
“เปล่า”
“อะไรของมึง เปล่าๆ อยู่ได้ อยู่ดีๆ ก็เงียบ”
“ไม่มีอะไรจริงๆ “ ปาร์คชานยอลตอบแค่นั้นก่อนจะแกล้งทำเป็นสนใจหนังสือเรียนที่แบคฮยอนเพิ่งจะจับไปวางกองรวมกัน
แต่ความข้องใจสงสัยมันยังเต็มล้นอยู่ในใจของชานยอล
“ไปยังไงมายังไงมึงถึงออกไปกับเขาได้”
“หือมม?”
“กูหมายถึงมึงทำไมถึงไปกับ พวกเซฮุนมันได้”
“อือมม” แบคฮยอนทำเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะวางช้อนพลาสติกในมือลงและกระดกแก้วน้ำเสียจนน้ำที่ชานยอลรินไว้หมดแก้ว
ชานยอลเงยหน้าจากหนังสือ มองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้พวงแก้มขาวเจือสีชมพูระเรื่อเหมือนคนเขินอาย
“ก็เซฮุนชวน บอกไปหาอะไรกินกัน” คนพูดเริ่มเกาหัวเกาหูยุ่งไปหมดจนชานยอลนึกอยากจะรวบมือนั่นให้อยู่นิ่งๆ
“แล้วนายรู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าเขาจะไปด้วย”
“เขา? ใคร?”
คนยิ่งไม่อยากพูดยังจะมาบังคับให้พูดอีก... “ก็พี่คนนั้นไง”
“คริสฮยองอ่ะเหรอ?”
“อืมม”
“ก็รู้”
คราวนี้แก้มใสนั่นยิ่งแดงขึ้นไปอีก ชานยอลนึกอยากว่าไอ้เพื่อนตัวเล็กของเขาเหลือเกินว่าทำตัวดัดจริตเกินชายมากตอนนี้
“แล้วเป็นไงบ้าง” แต่ด้วยความเป็นเพื่อนที่ดี ชานยอลพยายามที่จะไม่สนใจท่าทางพวกนั้น แล้วถามคำถามต่อ
“ก็ดี อาหารอร่อย วันหลังฉันจะพานายไป แต่ฉันสั่งอะไรไม่ค่อยถูกหรอกนะ แต่คิดว่าเดี๋ยวไปจิ้มๆ เอาที่เมนูก็ได้ แต่นายต้องเตรียมตังค์ไปเยอะ ๆ นะ เพื่อเลี้ยงฉัน”
“บยอนแบคฮยอน” ปาร์คชานยอลเอ่ยเรียกเสียงต่ำพลางจ้องหน้าเพื่อนตัวเล็กที่กำลังพูดเจื้อยแจ้ว ซึ่งเห็นชัดๆ ว่าแกล้งพาออกนอกเรื่อง
“ก็ได้ ๆ พี่เค้าก็ดี หล่อดี นิสัยก็โอเค นี่เขาก็มาส่งฉัน”
พอชานยอลได้ยินแบบนี้ มันยิ่งเจ็บแปลบๆ ตรงหน้าอกเขาไปใหญ่
“มาส่ง? ตกลงนายกับเขา....”
“เฮ้ย!อย่าคิดมาก” คนตัวเล็กแกล้งเอื้อมมือไปดีดหน้าผากปาร์คชานยอลที่ตอนนี้ทำตาโตอยู่
“พวกนั้นไปบอกเขาแล้วล่ะว่าฉันชอบเขา ตอนที่นั่งรถมาด้วยกันพี่เขาก็พูดว่า ให้เราสองคนคุยกันไปก่อนอะไรแบบนั้น” แบคฮยอนพูดพลางประดับยิ้มบนใบหน้า ชนิดที่คนมองก็การันตีได้ว่าอีกฝ่ายคงให้ความหวังไว้มากโข
“หน้าตานายเหมือนบอกว่าสมหวัง”
“ใช่ที่ไหน เขาไม่ได้อะไรกับฉันมากหรอก แต่พี่เขาแค่พอได้รู้จักก็รู้สึกว่าเออไม่ได้ปลื้มคนผิด เขานิสัยดีแล้วน่ารัก เขาจะมาอะไรกับฉันได้ยังไงเขายังคิดว่าฉันกับนายเป็นแฟนกันเลย”
“ห๊า!!!”
“โอ้ยยเสียงดังน่าโย่ง ดึกแล้ว ก็พี่เขาเห็นเราสองคนด้วยกันบ่อยๆ เขาเลยนึกว่าเราสองคนคบกัน นี่ฉันแก้ตัวแทบแย่”
ปาร์คชานยอลแอบหันหน้าหลบเพื่อนสนิท พลางซ่อนสีหน้าหงุดหงิดของตัวเอง จริงๆ ให้ไอ้รุ่นพี่หน้าหล่อนั่นคิดแบบนั้นไปตลอดก็ดีแล้ว ไม่รู้ว่าแบคฮยอนจะแก้ตัวทำไม
“ตลกเน้อ ไม่รู้คิดไปได้ยังไงว่าเราเป็นแฟนกัน”
ชานยอลหันหน้ามามองคนตัวเล็กที่เริ่มก้มหน้าก้มตากินเค้กต่อ หัวใจของเขาที่เจ็บเมื่อกี้ มันเจ็บขึ้นอีกแล้ว แล้วมันเจ็บมากกว่าเดิมอีกด้วย
.......เจ็บเพราะคำพูดของแบคฮยอน
“คืนนี้จะกลับห้องไหม” ชานยอลถามหลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบครองในห้องอยู่พักใหญ่
ห้องของแบคฮยอนอยู่ชั้น 7 ในขณะที่ห้องของชานยอลอยู่ชั้น 5 และบ่อยครั้งที่แบคฮยอนมักมานั่งเล่นอ่านหนังสือที่ห้องนี้แล้วก็อยู่ค้าง
แล้วคืนนี้ชานยอลก็นึกอยากให้เพื่อนสนิทอยู่ค้างกับเขา
“ก็ดี ขี้เกียจขึ้นห้องแล้ว” คนตัวเล็กตอบพลางรูดช้อนที่เลอะคราบเค้กอยู่กับริมฝีปาก จนเลอะริมฝีปากสีแดงสดนั่นไปด้วย แบคฮยอนวางช้อนกองรวมกับกล่องเค้กก่อนจะรวบกล่องเค้กลงถุงขยะ
“ไปอาบน้ำดีกว่า โย่งหยิบเสื้อผ้าให้ที”
ปาร์คชานยอลลุกขึ้นมาตามคำสั่ง เขาหันไปหยิบเสื้อผ้าของแบคฮยอนที่ทิ้งเอาไว้ที่ห้องนี้ในตู้ด้านหลังของเขา พร้อมกับหยิบผ้าขนหนูของคนตัวเล็กอีกนั่นแหละ หากแต่สายตาของชายหนุ่มเหลือบไปเห็นกองสีน้ำ พู่กัน และจานเซรามิคที่เขาวางระเกะระกะไว้ข้างตู้ เขาจึงหันไปมองเห็นแบคฮยอนที่ยังจัดการเก็บเศษขยะที่โต๊ะอยู่เขา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้สนใจ ชานยอลจึงจับหนังสือพิมพ์ที่วางไว้แถวนั้นปิดคลุมของพวกนั้นเสีย
“อ่ะนี่ รีบ ๆ ไปอาบน้ำไป ของพวกนี้เดี๋ยวฉันเก็บต่อเอง”
“เออดี แล้วเอาทีรามิตซูที่เหลือนี่แช่ตู้เย็นด้วยล่ะ เก็บไว้กินพรุ่งนี้ ดึกแล้วกินเยอะเดี๋ยวอ้วน”
ใครกันแน่ที่จะอ้วน ก็คนทีกินเอากินเอามันมีแต่บยอนแบคฮยอนเท่านั้นแหละ ปาร์คชานยอลได้แต่นึกบ่นก่อนจะยื่นส่งกองเสื้อผ้าไปให้คนตัวเล็กที่ลุกขึ้นมารับ แล้วบิดตัวสองสามทีก่อนจะวิ่งปร่อเข้าห้องน้ำไป
พอชานยอลเห็นคนตัวเล็กเข้าห้องน้ำไปแล้ว เขาก็เดินมาตรงโต๊ะข้างตู้เสื้อผ้าอีกครั้ง เขาจับข้าวของพวกนั้นใส่กล่องพลาสติกแล้วปิดฝา แล้วจับมันเก็บไว้ใต้ตู้อีกทีนึง
พอเสร็จก็อดลอบถอนหายใจไม่ได้ พลางคิดว่าเขาเกือบสะเพร่าทำให้ไอ้ตัวเล็กแบคฮยอนเห็นก่อนเวลาอันควรเสียแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ง่วงแล้ว”
แบคฮยอนบ่นงึมงำ ก่อนจะเงียบเสียงลง คนที่พูดไม่หยุดปากเล่าเรื่องรายการวาไรตี้ที่ตัวเองดูเมื่อกลางวันให้เพื่อนตัวเล็กฟังอยู่ก็เงียบเสียงลงตาม ชานยอลพลิกตัวเองให้นอนตะแคงเพื่อหันไปมองคนข้างตัว ซึ่งตอนนี้คนตัวเล็กหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว
ชานยอลดึงผ้าห่มคลุมร่างนั้นจนติดคอ เพราะแบคฮยอนขี้หนาว แล้วเขาก็ลงนอนเคียงร่างเล็กพลางมองใบหน้าหน้ารักที่หลับตาพริ้มอยู่
อนาคตระหว่างเขากับแบคฮยอนจะเป็นยังไงต่อไป ถ้าคนตัวเล็กมีคนรัก ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเหมือนเดิมไหม แค่คิดก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมา
ชานยอลเลื่อนมือของตัวเองวางลงที่มือเล็กๆ แล้วเกี่ยวปลายนิ้วกับมือนั้น เขาอยากจะจับมือนี้ให้กระชับกว่านี้แต่ก็กลัวอีกฝ่ายจะตื่น
ปรกติเขาไม่เคยทำแบบนี้ แต่วันนี้เขาอยากทำให้สิ่งที่หัวใจเรียกร้องให้ทำ เขาหวาดกลัวว่าต่อไป คนตัวเล็กคงมานอนข้างกายของเขาแบบนี้ไม่ได้อีก กลัว กลัวไปเสียหมดทุกสิ่ง กลัวแม้แต่หัวใจตัวเองที่เรียกร้อง เต้นเร้าอยู่อย่างนี้
กลัวที่จะรับรู้ว่า จริงๆ แล้วเขาไม่ได้หวงเพื่อน หากแต่เขา กำลังคิดเกินเพื่อนอยู่ต่างหาก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เดี๋ยวแวะซื้อกาแฟก่อนนะ” แบคฮยอนพูดขึ้นมาในระหว่างที่ทั้งคู่เพิ่งเดินเลี้ยวเข้ามหาวิทยาลัย แล้วยังไม่ทันให้ชานยอลตั้งตัว คนตัวเล็กก็จับมือชานยอลวิ่งเพื่อให้ทันรถบัสที่ไว้ขนส่งนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยเสียแล้ว
แล้วเมื่อพอชานยอนตั้งตัวได้ก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนรถ แถมไอ้รถคนนี้มันไม่ได้ผ่านคณะเขาเสียหน่อย และแน่นอนมันกำลังพาเขาสองคนไปคณะบริหารแน่ๆ ทั้งๆ ที่แบคฮยอนไม่แวะไปร้านกาแฟร้านนั่นตั้งหลายวันแล้ว ทำไมวันนี้ถึงริจะไปอีก หรือว่านัดกับไอ้รุ่นพี่หน้าหล่อนั่นไว้
“ไปคนเดียวได้ไหม”
“ห่ะ?”
“ไปคนเดียวไง วันนี้กูรีบ”
“รีบอะไรของมึงงานก็ไม่มีให้ส่ง ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยไม่ได้หรือไง” แบคฮยอนจับมือชานยอลเขย่า แล้วทำปากยื่นจนหน้าหยิกแก้ม เห็นแบบนี้คนตัวโตก็ใจแข็งไม่ลง
“เออไปก็ได้”
รถบัสจอดลงที่หน้าตึกคณะบริหาร แบคฮยอนจับมือเพื่อนสนิทแล้วลากอีกฝ่ายลงรถ แล้วบ่ายหน้าไปร้านกาแฟโดยทันที
และทันทีที่ประตูร้านถูกเปิดออก ปาร์คชานยอลก็เห็นคนๆ นั้น ไอ้รุ่นพี่หน้าหล่อขี้เก็กนั่งอยู่ที่เดิม แต่ที่ต่างจากเดิมคือเมื่อเจ้านั้นเงยหน้าขึ้นมา เขาไม่ได้ทำหน้านิ่งเหมือนก่อนแต่เขากลับส่งยิ้มมาให้คนข้างตัวของชานยอลที่ยังจับแขนของเขาไว้
“คริสฮยอง” แบคฮยอนส่งเสียงแจ๋ว แล้วเดินนำเขาไปที่โต๊ะตัวที่คนตัวสูงกว่าชานยอลนั่งอยู่
“หือม”
“ฮยองนอนที่นี่หรือเปล่า ผมว่าผมมาเร็วแล้วฮยองยังมาก่อนผมอีก”
“นี่เร็วแล้วเหรอ” คริสหัวเราะเสียงต่ำก่อนเหลือบไปมองคนที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ข้างหลังรุ่นน้องตัวเล็ก
“นี่ชายยอล นี่คริสฮยอง” แบคฮยอนถือโอกาสตอนนั้นแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน ก่อนจะผลักเพื่อนสนิทให้ไปสั่งของที่เคาท์เตอร์ “ของเราเอามอคค่านะ กับคีสเหมือนเดิม”
พอสั่งเสร็จแบคฮยอนก็ลงนั่งตรงข้ามกับรุ่นพี่ตัวโตทันที ชานยอลได้แต่มองแล้วถอนหายใจ และเดินไปที่เคาท์เตอร์ตามคำสั่ง
นี่มันเกินกว่าเขาจะคาดถึงเสียอีก ไม่นึกว่าจะต้องมานั่งร่วมโต๊ะกับไอ้รุ่นพี่นั่น
ชานยอลวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าแบคฮยอน พร้อมกับจากขนม เขาเลือกจะไม่นั่งลง จนเพื่อนตัวเล็กที่คุยเจื้อยแจ้วอยู่ต้องเงยหน้ามอง
“กูไปคณะก่อนแล้วกัน”
“มึงรีบอะไรหนักหนาเนี่ย เดี๋ยวรอกูก่อน” แบคฮยอนดึงแขนอีกฝ่ายให้นั่งลงข้างๆ ชานยอลต้องจำใจนั่ง เขาหันไปมองหน้ารุ่นพี่คริส ซึ่งอีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มให้เขา
“รบกวนนะครับ”
“ตามสบายเลยครับชานยอล”
“พี่คริสกำลังชวนกูไปกินหมูย่าง พี่คริสบอกว่าเขากับเพื่อนเขาไปกินมาอร่อย มึงจะไปกับกูหรือเปล่า”
ไม่ต้องคิดเยอะชานยอลก็ส่ายหัวทันที
“คิดบ้างซิมึง ไม่ไปจริงเหรอ ของอร่อยเชียวนะ”
“นายไปกับพี่เขาเหอะ” ชานยอลพูดแค่นั้นก่อนจะยกน้ำกีวีขึ้นดื่ม แบคฮยอนเลิกเซ้าซี้เขา แล้วหันไปนัดแนะเวลากับรุ่นพี่หน้าหล่อ ที่จะให้มารับที่คณะหลังเลิกเรียน
ไม่เหมือนเดิมแล้วซินะ จากนี้ไปก็ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ ปาร์คชานยอลทำได้แต่เบี่ยงหน้าแล้วลอบถอนหายใจ
รถโดยสารขับเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณถนนหน้าคณะศิลปกรรม ชายหนุ่มสองคนโดดลงมาจากรถ แล้วเลือกจะเดินไปยังบริเวณม้านั่งข้างคณะแทนจะขึ้นตึก หากแต่คนตัวโตกว่ากลับดึงแขนของเพื่อนสนิทร่างเล็กเอาไว้
“มึงลืมไปหรือเปล่าว่าวันนี้วันพฤหัส”
“ห๊า”
“วันนี้วันพฤหัสไง” ปาร์คชานยอลหันไปย้ำใส่เพื่อนตัวเล็กอีกที ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่บนฟุตบาทระหว่างหน้าตึกกับทางไปยังสวนข้างตึกศิลปกรรม
“ก็รู้วันนี้วันพฤหัส แต่มึงจะพูดอะไร กูลืมอะไร”
“ก็ทุกวันพฤหัสมึงกับกูต้องไปดูหนังเข้าใหม่ด้วยกันไง แต่นี่มึงนัดไปกินหมูย่างกับเขาแล้ว มึงลืมใช่ไหม”
“ไม่ได้ลืม แต่เอาไว้ดูพรุ่งนี้ก็ได้นี่” คนตัวเล็กเงยหน้ามองไอ้เพื่อนตัวโตที่อยู่ดีๆ ก็งี่เง่าแปลกๆ
“ก็ทุกทีมึงไปกับกู”
“มึงรีบดูมึงก็ชวนคยองซูไปซิ มึงรอวันสองวันหนังมันยังไม่ออกจากโรงหรอก ไม่ใช่ว่ามึงไม่เคยเบี้ยวกูวันพฤหัสสักหน่อย กูเบี้ยวหนสองหนทำบ่น หนังก็ไม่ได้น่าดูสักหน่อยอาทิตย์นี้” แบคฮยอนเถียงจนอีกฝ่ายเถียงสู้ไม่ทัน พอพูดเสร็จคนตัวเล็กก็เร่งฝีเท้านำจนชานยอลต้องเร่งฝีเท้าตาม
“มึงเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อน!”
แบคฮยอนหันขวับทันที “มึงพูดเกินไปไอ้โย่ง แล้วมึงก็ควรเข้าใจกูหน่อย” คนตัวเล็กพูดเสียงเย็น ใบหน้านิ่ง แล้วหันกลับไปเดินดุ่มๆ ไปยังทางขึ้นตึกคณะแทนที่จะไปยังสวนข้างตึกที่จะไปด้วยกันแต่แรก
ชานยอดได้แต่มองตามพลางส่ายศีรษะ เขาเผลอทำให้แบคฮยอนโมโหแล้วซินะ เขาก็แค่พยายามหาทางที่จะยื้อเวลาระหว่างเขากับเพื่อนตัวเล็กก็แค่นั้น เขาอยากเตือนให้อีกฝ่ายจำได้ถึงสัญญาที่เคยมีต่อกัน แต่ดูอีกฝ่ายจะไม่ได้เห็นเลยว่าข้อตกลงที่พวกเขาจะใช้เวลาด้วยกันทุกเย็นวันพฤหัสมันเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งๆ ที่ชานยอลรู้สึกว่ามันสำคัญมาก
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ร้านอยู่ไกลไหมฮะ” แบคฮยอนหันไปถามสารถีสุดหล่อ หลังจากที่ตัวเองเพิ่งคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ คนถูกถามส่ายศีรษะแล้วยิ้ม ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนรถยนต์ออกไปจากลานจอดรถ
ในช่วงสี่ห้าโมงเย็นซึ่งส่วนใหญ่เป็นเวลาที่เหล่านักศึกษามักจะเลิกเรียนกัน ผู้คนจึงคลาคล่ำไปตลอดสองข้างทางที่พาหนะสีดำแล่นผ่าน แบคฮยอนยังคงชวนคนขับคุยมาตลอดทาง คุยเรื่องการเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องปาร์คชานยอลคนงี่เง่า
“ทั้งๆ ที่เราสองคนชวนเจ้านั่นไปด้วยกันแท้ๆ เจ้านั่นก็ปฏิเสธเองแต่ดันมางอนผม อาทิตย์นี้มีแต่หนังผีไม่เห็นมีหนังน่าดูสักหน่อย” คนตัวเล็กบ่นอย่างใส่อารมณ์
“เนี่ยมากับเราก็สิ้นเรื่อง อ่ะ!!” แบคฮยอนอุทานขึ้นมา เมื่ออยู่ดีๆ คริสก็เบรครถขึ้นมากระทันหัน ดีที่เขาเอามือดันคอนโซลหน้ารถเอาไว้ได้ทันไม่เช่นนั้นคงต้องเอาหน้าตัวเองไปยันเอาไว้แน่ๆ พอจะเงยหน้าขึ้นมาดูว่า ทำไมถึงได้เบรคกระทันหันก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจอดรถเลียบข้างทางแล้วกดเปิดกระจกทางฝั่งคนขับ
“ลู่หาน ลู่หาน!!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกคนที่เดินอยู่ข้างทาง ซึ่งแบคฮยอนรู้จักดี เพราะว่ารุ่นพี่ลู่หาน เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับคริสฮยอง แถมยังเป็นรุ่นพี่คณะ แล้วเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ค่ายเพลงเดียวกับที่ไอ้กัมจงเป็นเด็กฝึกอยู่ด้วย
“อ้าวคริส” ลู่หานชะเง้อมองเข้ามาในรถ แล้วก็หยุดสายตาลงที่คนนั่งข้างคนขับ เจ้าตัวอ้าปากค้างชั่วแวบก่อนจะหันไปด้านหลังของตัวเอง และนั่นมันก็ทำให้แบคฮยอนเห็นว่าคนที่เดินมาพร้อมกับลู่หานฮยองคือ เลย์ฮยองเพื่อนของรุ่นพี่ลู่หาน
“เออแบคฮยอนด้วย พวกนายจะไปไหนกัน”
“ไปกินหมูย่าง ไปด้วยกันไหมร้านนั้นไงที่พวกเราเคยไปกันแถวจองโน”คริสเอ่ยชวนเพื่อน ลู่หานทำหน้าคิดเพียงชั่วครู่ก่อนสั่นศีรษะตอบ
“ไปกันเหอะ เรามีซ้อมเย็นนี้”
“เหรอ ไปแวะกินสักหน่อยก่อนฝึกก็น่าจะทัน”
“นายจะบ้าหรือไงคริส กินหมูย่างก่อนไปเต้นได้จุกตาย” คนตาโตยู่ปาก ก่อนจะยกมือทำท่าบ๊ายบาย คริสทำหน้าเหมือนผิดหวังก่อนจะเลื่อนกระจกขึ้นหากแต่เขาเลื่อนได้เพียงนิดคริสก็ตะโกนข้ามลู่หานไปหาคนอีกคนด้านนอก
“อี้ชิงล่ะไปด้วยกันไหม?”
คนถูกเรียกสะดุ้งราวกับตกใจ เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามองและกัดริมฝีปากก่อนส่ายศีรษะเบาๆ
“นายไปเหอะอี้ฟ่านเราไม่หิว” จางอี้ชิงตอบแค่นั้นก่อนจะจับมือของลู่หานแล้วลากเดินต่อไปทันที
คริสยังไม่ได้ออกรถเขามองตามสองคนนั้นไป และมันทำให้แบคฮยอนได้แต่มองหน้ารุ่นพี่หน้าหล่อข้างตัว ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอากาศธาตุยังไงพิกล
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บรรยากาศในร้านอาหารคราวนี้ต่างจากการเดทคู่(หรือที่แบคฮยอนเหมาเอาว่าเดท) อยู่มากโข ร้านอาหารคราวนี้ไม่ได้เงียบ สวยงาม โรแมนติค หากแต่เป็นร้านหมูย่างแบบธรรมดาๆ ซึ่งดูพื้นบ้านมากๆ และมีเสียงดัง มีกลุ่มนักเรียนนักศึกษานั่งกันอยู่หลายโต๊ะ และในจำนวนหลายโต๊ะนั้น ต่างมีจุดสนใจอยู่จุดเดียวคือที่โต๊ะของแบคฮยอน
แบคฮยอนพอจะรู้ว่าคนนั่งตรงข้ามเป็นคนเด่นหน้าตาดี แต่เพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายดูเด่นมากเวลามาอยู่ในที่สาธารณะแบบนี้ จริงๆไอ้โย่งของแบคฮยอนเองก็หน้าตาดี เวลาไปไหนด้วยกันสาวๆ ก็มองจนแทบจะตาพลิกแต่มันคนละแบบกับคริสฮยอง เพราะว่าตอนนี้สาวๆ มองกันตาเยิ้มราวกับเหมือนตกอยู่ในฝัน ไม่ได้มองแล้วซุบซิบแบบเวลามองชานยอล
“กินอีกซิแบคฮยอน” คริสเอ่ยออกมาก่อนจะคีบเนื้อหมูออกมาจากกระทะแล้วแบ่งใส่จานให้คนตัวเล็กตรงหน้า
“ฮะ พี่คริสกินเก่งเน้อ"
“ก็พี่ตัวใหญ่” คริสหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจับเนื้อหมูห่อกับผักกาดแล้วกัดมันทั้งคำ
แบคฮยอนเองก็ค่อยๆ คีบหมูมาทาน และปิ้งชิ้นต่อไปบนเตาต่อ ริมฝีปากเล็กยังคงชวนคุยกับคนที่ตอบเพียงครับ อืม และหัวเราะ
คงเป็นปรกติมั่งที่ผู้ชายทั่วไปมักไม่ใช่คนช่างคุย ก็เหมือนจงอินนั่นแหละเจ้านั่นก็พูดน้อย หรือซูโฮ คยองซูก็เป็น
“พี่ดูสนิทกับลู่หานฮยองมากนะฮะ” คนตัวเล็กเริ่มหาประเด็นใหม่มาคุยต่อ เพราะนึกได้เรื่องที่เห็นอีกฝ่ายแวะจอดชวนรุ่นพี่ลู่หาน
“ก็คนจีนเหมือนกัน”
“แล้วกับเลย์ฮยองล่ะฮะ จริงๆ เลย์ฮยองเป็นพี่รหัสไอ้จงอินด้วยนะฮะ”
“เออ...” คริสอ้ำอึ้งเล็กน้อย จนคนตัวเล็กเอียงคอมอง ชายหนุ่มคีบหมูที่แบคฮยอนย่างเสร็จแล้วกองไว้ก่อนจะตอบออกมา
“ก็สนิท..บ้าง”
“ดีจัง พวกพี่เขาเก่งมากนะฮะ เรียนคณะเดียวกันแท้ ๆ แต่ผมไม่เคยได้คุยกับพี่เขาจริงจังเลย เห็นไอ้กัมจง เอ้ย! จงอินบอกว่าปีหน้าพวกพี่เขากับมันจะได้เดบิวต์แล้ว ถ้าพวกนั้นได้เดบิวต์ เราต้องไปช่วยเชียร์กันนะฮะ เป็นแฟนคลับแกงค์แรกของพวกนั้นเลย” แบคฮยอนหัวเราะคิกคักกับความคิดของตัวเองก่อนจะคีบเนื้อหมูไปกินต่อ คริสได้แต่ยิ้มกับท่าทางเด็ก ๆ นั่น
“นี่ถ้าปรกติผมไม่เคยย่างหมูเองแบบนี้หรอกนะฮะ ไอ้โย่งมันชอบแย่งไปย่าง ผมเลยมีหน้าที่กินอย่างเดียวสบายเลย”
“แล้วนี่พี่ทำให้นายลำบากหรือเปล่า”
“ไม่นี่ฮะ” แบคฮยอนกล่าวก่อนจะคีบหมูลงบนจานคนตัวสูงกว่า "อืมมหรือว่าลำบากนิดหน่อย"
คริสอดหัวเราะกับความาขี้เล่นของคนตรงหน้าไม่ได้เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะคุยต่อ
“ชานยอลเขาใจดีกับนายนะ ถ้าเป็นปรกติพวกพี่ไปกินไม่มีใครย่างให้ใครหรอก เว้นแต่..อี้ชิง”
“งั้นพี่เขาก็ใจดีเหมือนกันซิฮะ”
คริสนั่งนิ่งก่อนยิ้มและพยักหน้า “อืมเขาใจดี”
“แล้วชานยอลเขาใจดีกับคนอื่นแบบนี้หมดหรือเปล่า”
คนตัวเล็กเคาะปลายตะเกียบกับคางพลางทำหน้าคิด ปรกติไอ้โย่งมันก็ใจดี แต่มันก็มักใจดีแต่กับเขาเป็นพิเศษ ใช่ซินะปาร์คชานยอลมักใจดีกับบยอนแบคฮยอนเป็นพิเศษ
ชานยอลไม่เคยปล่อยให้เขาหิว แค่เขาบ่นเจ้านั่นก็จะพาเขาไปหาอะไรกิน หรือวิ่งไปซื้อมาให้ เขาแทบจำครั้งสุดท้ายไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาย่างหมูกินเองโดยที่ไม่มีเจ้าโย่งนั่นคอยย่างหมูให้เขากินจนไม่ต้องทำเอง บางทีก็ถึงขั้นห่อเตรียมไว้ให้เขาเลยด้วยซ้ำ
“อี้ชิงเขาใจดีกับทุกคน” คนตัวโตเอ่ยขึ้นมาจนแบคฮยอนต้องละจากความคิด เขาเห็นคนตรงข้ามกำลังกินอาหารต่อ ไม่ได้มองมาที่เขา ราวกับประโยคที่เพิ่งเอ่ยออกมาเป็นเพียงการพูดลอยๆ
“แล้วถ้าใครสักคนดีกับเราเป็นพิเศษล่ะฮะ”
“หือมม?”
“ไม่มีอะไรหรอกฮะ กินต่อกันเหอะ” คนตัวเล็กแสร้งเปลี่ยนเรื่องก่อนจะคีบกิมจิขึ้นมา ความรู้สึกกับคำถามเมื่อกี้มันเริ่มวนเวียนในหัวและกำลังปั่นป่วนในหัวใจ
แบคฮยอนกำลังนึกต่อว่าถ้าชานยอลใจดีกับทุกคนอย่างที่คริสฮยองพูดถึงเลย์ฮยองเขาจะรู้สึกเช่นไร
ไม่ชอบ
ไม่พอใจ
และเขาอยากให้ชานยอลดีกับเขาแค่คนเดียว
TBC.
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มันยังเป็น SF อยู่ถึงจะแต่ละตอนยาวมากแถมป่านนี้ยังไปไม่ถึงไหน แต่มันไม่เกินสิบตอนแน่ๆ 5555
ปาร์คชานยอลคนน่าสงสาร เขียนไปก็สงสารไป อยากเขกหัวคนรู้ตัวช้างุงิ
ความคิดเห็น