คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : KISS GOODBYE [Chapter 4]
Titile: KISS GOODBYE
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Drama
Rating: PG
Pairing: KrisLay
Writer Talk : สำหรับตอนนี้เริ่มเผยปมชีวิตลึกลับของอี้ชิงมานิดนึงแล้ว กับเปิดปมปัญหาชีวิตอันใหญ่ๆ ของคุณหมอขึ้นมา พร้อมกับตัวละครใหม่สองตัว เดี๋ยวสำหรับตัวละครที่เพิ่มเอาไว้มาคุยกันตอนถัดๆ ไป คุยตอนนี้เดี๋ยวสปอยส์ 555
ก่อนไปอ่านปุ้มทิ้งเกร็ดความรู้ไว้นิดนึง เรียกว่าถ้าอ่านฟิคทั่วไปจะเห็นได้ว่าเป็นความเชื่อไม่ถูก ที่เวลาคนเกาหลี จีนแต่งงานแล้วต้องมีการเปลี่ยนนามสกุล เพราะผู้หญิงจีน กับเกาหลี จะใช้นามสกุลเดิมของตัวเอง พอๆ กับความเชื่อเกย์เกาหลีแต่งงานในโบสถ์ได้ 555 (คือแอบแต่งงานได้ แต่ในโบสถ์คงยากเพราะส่วนใหญ่เป็นคาทอลิกซึ่งต่อต้านรักร่วมเพศ กับประเทศเขาต่อต้านเกย์มั๊กมาก เกย์หนุ่มหล่อของเ้ค้าจึงมาโลดแล่นอยู่แถวบ้านเราเยอะ 555) จริงๆ ไม่ได้จริงจังอะไรนะคะ ถือว่าเป็นช่วงเกร็ดความรู้อ่านสนุกๆ นะคะ
เพราะฉะนั้นคุณแม่ของคุณหมอในเรื่องเลยยังใช้นามสกุลของตัวเองอยู่บอกไว้เผื่องง
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมตามนี้นะคะ
http://en.wikipedia.org/wiki/Married_and_maiden_names#Chinese_sphere
แก้วลาเต้ และเอสเพรสโซ่โชยกลิ่นหอมขึ้นมาหลังจากที่มันถูกวางลงบนโต๊ะ คนที่นั่งเงียบอยู่เงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะค่อยๆเลื่อนแก้วลาเต้เอามาไว้ใกล้ตัว
“ขอบคุณครับ” เสียงเล็ก ๆ เอ่ยออกมาเบาหวิว แต่คนที่เพิ่งลงนั่งฝั่งตรงข้ามก็ยังได้ยินอยู่
ชายหนุ่มไล่สายตามองไปรอบร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลแก่ ซึ่งตอนนี้มีคนจับจองที่นั่งอยู่อีกสองโต๊ะ และอยู่อีกมุมหนึ่งของร้าน
อาจเพราะเป็นวันทำงานคนถึงน้อยแบบนี้ เขาคิดในใจพลางหยิบเอสเพรสโซ่ขึ้นมาจิบ
เด็กหนุ่มเองก็แอบเหลือบมองคนหน้าเข้มฝั่งตรงข้ามที่ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาเสียที และมันกำลังทำให้เขาอึดอัด
และพอเขามองจ้อง จนอีกฝ่ายผินหน้ามา ก็ยังยกยิ้มร้ายกาจ ที่เข้ากับใบหน้าเข้ม และดวงตาคมใส่เสียอีก
ยิ้มร้ายกาจแบบที่ไม่ควรคิดได้ว่า คิมจงอินนั้นจริงๆ แล้วเป็นตำรวจ
อี้ชิงลดแก้วลง แต่ก็ยังไม่เอ่ยอะไร เขาเลือกที่จะนั่งรอให้ผู้กองคิมเป็นคนพูดเองดีกว่า ถึงแม้ว่าเขาอยากรู้แทบตายว่านายตำรวจหน้าหล่อร้ายคนนี้มีธุระอะไรกับเขา แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเรียกเขามาก็ควรจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“สบายดีไหม” เสียงทุ้มต่ำ ที่อี้ชิงรู้สึกว่ามันไพเราะ ปนร้ายกาจ เอ่ยถาม โดยใบหน้ายังเปื้อนยิ้ม และเด็กหนุ่มก็เลือกตอบคำถามเพียงแต่พยักหน้า
“อืม ฉันก็ว่าหน้าตาเธอสดใสขึ้นไม่อมทุกข์ซักเท่าไหร่”
“ตกลงผู้กองมีธุระอะไรกันแน่ครับ” เสียงหวานเอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นคนสูงวัยกว่าไม่เข้าเรื่องเสียที เพราะเขาทั้งอยากรู้เรื่อง ว่าเรื่องที่จะได้ฟังเป็นเรื่องดีหรือร้าย และที่สำคัญเขาลาคุณลุงเจ้าของร้านออกมาธุระแค่ครู่เดียวเท่านั้น
“ใจร้อน” ผู้กองคิมเอ่ยแซว และหัวเราะลงคอเบาๆ
“.......”
“โอเค ตอนนี้ฉันเริ่มได้เบาะแสของ หลินอี้หมินแล้วนะ”
เด็กหนุ่มเบิกดวงตาสีน้ำตาลนั้นจนโตขึ้น เมื่อได้ยินข่าวที่อีกฝ่ายบอก
“เขาอยู่ที่ไหน?” อี้ชิงรีบละล้ำละลักถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นทันที
“มีคนเจอเขาแถว ๆ อีแทวอน และฉันก็ได้เบาะแสมาว่าเขาอาจทำงานแถวนั้น”
เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายเบาๆ กับข่าวที่ได้ยิน หัวใจของเขาเต้นราวกับใครกำลังกระหน่ำกลองอยู่ในอก
ในที่สุดเขาก็จะเจอคนๆ นั้นแล้ว
“ถ้าฉันได้ข่าวเพิ่มฉันจะบอกเธอ ตอนนี้ลูกน้องฉันดูแลคดีนี้อยู่ แต่ฉันกำลังพยายามที่จะดึงคดีนี้เข้ามาที่หน่วยสืบสวนกลางฉันจะได้ดูแลมันต่อเอง”
อี้ชิงจ้องมองใบหน้าที่ยังเหยียดยิ้มอยู่นั้น คำพูดที่เพิ่งได้ยินราวกับเป็นเสียงจากสวรรค์ เพราะมีเพียงคนเดียวที่ใส่ใจเรื่องของเขาอย่างเต็มที่คือคนตรงหน้า อย่างน้อยความหวังของเขาคงไม่สลายไปตามกาลเวลาที่ผ่าน หากร้อยตำรวจเอก คิมจงอินดึงเรื่องนี้มาไว้ที่เขาได้สำเร็จ
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว ยังไงเธอก็ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน”
“ครับ”
ผู้กองหนุ่มกระดกเอสเปรสโซ่จนหมดช็อต ก่อนจะหันไปคว้าโอเวอร์โค้ทสีน้ำตาลที่แขวนไว้ที่เก้าอี้ข้างตัว
“ฉันไปล่ะ งานเยอะเป็นบ้ามาอยู่ที่นี่” พอผู้กองคิมบอกเสร็จเขาก็สาวเท้าเดินไปโดยที่ไม่ได้หันมามองเด็กหนุ่มอีก อี้ชิงได้แต่มองแผ่นหลังแข็งแรงนั้นไปจนสุดสายตา
แผ่นหลังที่กำลังแบกความหวังของเขาเอาไว้ ความหวังที่ผลักดันให้เขาต้องต่อสู้กับทุกอย่างเพื่อจะทำให้มันสำเร็จให้ได้
>>>>>>Kiss Goodbye<<<<<<
หลังพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ศัลยแพทย์หนุ่มเดินหอบหิ้วกระเป๋าเอกสารเข้ามายังบ้านพักของครอบครัว หลังจากที่ตะลุยงานที่คลีนิคมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ช่วงนี้ลูกค้าเยอะ ซึ่งมันก็ผันแปรไปกับเงินที่ทองที่เขาได้รับ และผันแปรตรงข้ามกับเวลาพักผ่อนที่จะลดน้อยลง ยิ่งโดยเฉพาะคลีนิคของเขามีนายแพทย์ประจำอยู่เพียงสามคน งานก็ยิ่งหนักมากขึ้น บางทีเขาอาจต้องติดต่อทาบทามศัลยแพทย์คนอื่นให้มาช่วยบ้างเสียแล้ว
“อี้ฟ่านกลับมาแล้วเหรอลูก”
“ครับ”
เสียงของคุณนายอู๋ดังทักในระหว่างที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ โดยมีสาวรับใช้ช่วยอยู่ด้วย
“ถ้าอย่างนั้นกินข้าวก่อนแล้วค่อยขึ้นไปอาบน้ำแล้วกัน” คุณแม่คนเก่งของคริสเดินมาลูบที่แขนของบุตรชายก่อนที่เธอจะเดินออกไปเรียกคุณพ่อของนายแพทย์หนุ่มที่นั่งอ่านหนังสืออยู่อีกห้อง
“เซมี จื่อเทาอยู่บ้านใช่ไหม”
“ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเธอไปตามจื่อเทาที” คุณหมอหนุ่มหันไปบอกสาวรับใช้ เธอรีบรับคำแล้วรีบเดินขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที
คิมเซมีเป็นเด็กสาวอายุ 18 ที่หนีมาจากเกาหลีเหนือได้สำเร็จ มีคนไข้แนะนำให้เขาตอนที่คุณแม่กำลังอยากได้คนรับใช้พอดี และด้วยความอยากช่วยเหลือ เขาก็เลยตกลงจ้างเธอเอาไว้
นี่คงเป็นนิสัยติดตัวเขาไปแล้วซินะ...ขี้สงสาร
พอสมาชิกบนโต๊ะอาหารครบ มื้ออาหารเย็นก็เริ่มขึ้น จะว่าตามปรกติก็ไม่เชิงเพราะจื่อเทาไม่ได้อยู่กินด้วยบ่อย ๆ พอ ๆ กับคริสที่มักจะหาอะไรกินมาก่อนเข้าบ้านเสมอ
“วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“ทำไม” หัวหน้าครอบครัวอย่างศาสตราจารย์อู๋จงเทียนเงยหน้าจากจานขึ้นถามภรรยาของเขาที่นั่งยิ้มอยู่
“มีเรื่องสำคัญจะบอกจ๊ะ”
“เรื่องคู่ดูตัวพี่อีกหรือไง” ลูกชายคนเล็กยังหยอกเย้ากับแม่ต่อ โดยที่ลูกชายคนโตอยากนึกเอาตะเกียบที่คีบปลาหมึกค้างไว้ เอาไปใส่ปากน้องชายตัวดีแทนนัก
“ใช่จ๊ะ”
พอเจอคำตอบแบบนี้เข้าไป คนเป็นน้องก็หันมามองหน้าพี่ชายทันที ถ้าอ่านจากสีหน้า คุณหมอคริสคงเหมือนได้ยินคำว่า ‘ว่าแล้วไง’
“ใครอีกล่ะครับคราวนี้” คนโดนจับคู่เป็นคนเอ่ยถามเองบ้าง
“คนนี้แม่มั่นใจว่าอี้ฟ่านต้องชอบ ต้องพอใจแน่ๆ แล้วเรารู้จักกันดีด้วย”
“แม่นี่ทำยังกะแม่เป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ไปได้กว่าจะเข้าเรื่อง” คุณดาอีหันขวับไปมองบุตรชายคนเล็กที่ปากไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วตำหนิด้วยสายตาทันที
แต่คนอย่างจื่อเทาการได้แซวแม่เป็นความสุขอย่างหนึ่ง
“ตกลงใครครับ”
“ลีจินอา” พอสิ้นเสียงของคุณนายอู๋ บุตรชายคนเล็กก็หันขวับไปมองหน้าพี่ชายทันที ซึ่งคริสเองก็ไม่ต่างกัน ใบหน้าของจื่อเทาบอกเขาได้ดีว่าคงคิดไม่ต่างกัน
มันจะเป็นจินอานางฟ้าน้อยๆ ของพวกเขาได้ยังไง
“อี้ฟ่านดีใจใช่ไหม ที่เป็นจินอา เด็กคนนั้นเหมาะสมกับลูกที่สุดแล้ว เหมาะกันมาก แล้วเราเองก็รักน้องมากด้วย แม่เลยคิดว่าอี้ฟ่านจะดูแลน้องได้ดี จินอาเองก็ต้องดูแลอี้ฟ่านได้ดีเหมือนกัน”
คำพูดเหล่านั้นแทบจะล่องลอยผ่านอากาศไป คริสอู๋ไม่เคยคิด ไม่เคยนึกมาก่อนว่าคนที่แม่หาให้จะเป็น ลีจินอา คนที่เป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆ ของเขา เขาดูและทะนุถนอมน้องสาวคนนี้มาอย่างดี คริสยังระลึกถึงภาพที่เขาอุ้มจินอา พาเธอนั่งตัก ป้อนข้าว หรือกล่อมนอนได้อยู่ แล้วนี่เธอโตพอที่จะเป็นเจ้าสาวให้เขาได้แล้วหรือ
ใช่ซินะตอนนี้จินอาโตเป็นสาวแล้ว
เธอเรียนจบและทำงานแล้ว เขายังเคยคิดอยู่เลยว่าใครที่จะเป็นคนคอยดูแลน้องสาวของเขา ผู้ชายโชคดีคนนั้นจะเป็นใคร คริสเองเคยกังวล เป็นห่วง และคาดหวังว่าจินอาจะมีคนรักที่เหมาะสม เพราะเด็กคนนี้เพียบพร้อม ทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา กริยา มารยาท เธอเป็นเหมือนภาพร่างน้องสาวที่เขาไม่มีและอยากได้ ซึ่งจินอาก็เป็นได้อย่างใจ
แต่นายแพทย์อู๋อี้ฟ่านไม่เคยคิดว่าคนๆ นั้นจะเป็นตัวเขาเองที่จะต้องดูแลน้องสาวคนนี้ในฐานะคู่ชีวิต
“ไม่รอดแล้วล่ะ” นายแพทย์หนุ่มได้ยินเสียงของจื่อเทาแว่วมา
และในใจเขาเองก็หวั่นเหมือนอย่างนั้นเช่นกัน
>>>>>>Kiss Goodbye<<<<<<
“อี้ฟ่านจะเอาอะไรอีกไหม” คุณนายอู๋ หรือปาร์คดาอี คุณแม่ของศัลยแพทย์หนุ่ม นายแพทย์
ชายหนุ่มปฏิเสธ พลางเหลียวมองไปรอบ ๆ โต๊ะอาหารนั้น
เวลาเดินทางมาเร็วกว่าที่เขาคิด มาเร็วในแบบที่เขาหาวิธีเลี่ยงไม่ได้
แม่นัดเขามากินข้าวกับคุณป้าลีจียอน และแน่นอนมันก็คือการนัดพูดคุยเรื่องเขากับลีจินอา
การดูตัวคราวนี้ไม่เหมือนคราวอื่น ว่าที่เจ้าสาวของเขาไม่ได้นั่งเหนียมอาย หากแต่ลีจินอากำลังนั่งหัวเราะอยู่กับแม่ของเขา และสนุกสนานกับการเลือกอาหารในเมนูไปด้วย
ถ้าจะคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้ากับครอบครัวเขาไม่ได้ นั่นนับได้ว่าเป็นศูนย์ จินอาเข้ากับแม่ได้ดีกว่าตัวเขาเองเสียอีก
ลีจินอาเป็นบุตรสาวของเพื่อนสนิทคุณแม่ พวกเขาเจอกับพ่อแม่ของคริสในสมัยที่ครอบครัวของทั้งคู่ยังอยู่ที่อเมริกา พ่อแม่ของจินอาทำธุรกิจส่วนตัว ส่วนครอบครัวของเขาพ่อกับแม่เป็นอาจารย์ทั้งคู่ ตอนนี้จินอารับราชการอยู่กระทรวงต่างประเทศ หลังจากเรียนจบจากสหรัฐอเมริกา จินอาเก่งภาษาทั้งอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เป็นหญิงสาวมีอนาคต เธอน่ารัก บุคลิกภาพดี เรื่องงานบ้านงานเรือนเธอก็ทำได้ สมัยก่อนที่จะไปเรียนต่างประเทศจินอาเองก็มาช่วยแม่ของเขาทำอาหารบ่อยๆ
ตอนเล็กๆ จินอาถูกเลี้ยงอยู่ที่บ้านของเขา เพราะพ่อแม่ของจินอาไม่มีเวลา เลยมาฝากคุณแม่กับอาม่าของเขาเลี้ยงไว้เพราะที่บ้านไม่มีลูกผู้หญิง เด็กคนนี้ถึงเหมือนกับน้องสาวแท้ๆ ของเขากับจื่อเทา
ซึ่งมันทำให้คริสนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะตรงไหนเป็นจุดอ่อนของเด็กคนนี้
“พี่คริสนั่งเงียบเลย ไม่รีบกินล่ะคะเดี๋ยวเย็นหมด” ลีจินอาตักไก่ตุ๋นโสมลงใส่ถ้วยของคุณหมอหนุ่ม ก่อนที่เธอแกล้งตักป้อนให้เขาต้องกินจากช้อนที่เธอถืออยู่
“เก่งมากค่ะ ร่างกายจะได้แข็งแรง” หญิงสาวหัวเราะคิกคักก่อนจะหันไปคุยตามประสาผู้หญิงกันต่อ
ช่างเป็นการดูตัวที่ประหลาดเสียจริง ไม่มีการแนะนำตัว ไม่มีการคุยเรื่องอนาคต หรือบังคับให้เขาคุยกับอีกฝ่าย
“ช่วงนี้อี้ฟ่านงานเยอะเหรอเห็นดาอีบอก” คุณแม่ของจินอาเอ่ยถามโดยเรียกชื่อจริงตามพ่อแม่ของนายแพทย์หนุ่ม
“ครับ เยอะเป็นปรกติ” คริสหันไปตอบคุณน้าจียอน
“แล้วยังนอนไม่หลับอยู่หรือเปล่าคะพักนี้” คราวนี้คนเป็นบุตรสาวเอ่ยถามบ้าง
“หายแล้ว”
“ดีแล้วคะจินอาเป็นห่วง” ชายหนุ่มยิ้มตอบให้น้องสาวคนสวย พลางนึกสงสัยจินอาจะรู้ตัวหรือยังเรื่องโดนจับคลุมถุงชนกับเขา
“นี่คริสเดี๋ยวไปส่งจินอาที่บ้านทีนะลูก น้ากับแม่เราจะไปธุระกันต่อ จินอาไม่มีรถ”
“ครับ”
“ธุระอะไรคะแม่”
“ธุระเกี่ยวกับเราสองคนนั้นแหละ”
นี่เป็นครั้งแรกที่ลีจินอายิ้มเขิน ซึ่งมันทำให้คริสรู้ว่าน้องสาวของเขาก็คงรู้เรื่องคลุมถุงชน
หลังจากนั้นบทสนทนาก็แทบจะกลายเป็นเรื่องพวกเขาทั้งคู่กับการวางอนาคตโดยแม่ๆ ซึ่งเป็นบทสนทนาที่คริสอยากนึกหายตัวไปเสียจากตรงนั้น
.
.
.
.
เสียงเพลงในรถดังแผ่วเบา จินอานั่งฮัมเพลงไปด้วยตามปรกติ ซึ่งเธอทำแบบนี้มาตั้งแต่เล็ก ส่วนคนเป็นสารถีก็อดแอบมองอีกฝ่ายไม่ได้ จินอาทำท่าทีเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยกับเรื่องนี้ มันแปลกนัก
“จินอา”
“คะ”
“เธอรู้ใช่ไหมว่าแม่พี่กับแม่ของเราเขาอยากให้เราแต่งงานกัน”
“รู้ซิคะ” ชายหนุ่มเหลือบมองอีกฝ่าย จินอาเลิกคิ้วทำหน้าสงสัย ราวกับว่าคริสถามอะไรในสิ่งที่ไม่ควรจะถาม
“ทำไมเธอถึงตอบรับล่ะ เด็กสมัยใหม่อย่างเธอไม่น่าจะอยากให้ใครมาบังคับเรื่องแต่งงาน”
“แล้วทำไมพี่คริสถึงตอบรับล่ะคะ” อีกฝ่ายถามกลับด้วยน้ำเสียงล้อเล่น ใบหน้าประดับด้วยยิ้มสวย
“พี่ยังไม่ได้ตอบรับ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงนิ่ง ซึ่งมันทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าสวยนั้นลบเลือนทันที
“แต่พี่ก็มา”
“พี่ขัดไม่ได้ แต่ถ้าจินอาโดนบังคับ ก็บอกพี่ได้พี่จะได้คุยกับแม่ให้”
“เปล่านะคะ จินอาไม่ได้โดนบังคับ”
คริสอู๋เหลียวหันมามองใบหน้าของคนที่ตัวเองเอ็นดูเหมือนน้องสาว ก่อนจะหันกลับไปขับรถอีกครั้ง
ใบหน้านั้นไม่ได้ยิ้มอีกแล้วหากแต่ดูจริงจัง ตาคู่สวยนั้นกำลังจ้องเขาอยู่
“จินอาไม่ได้โดนแม่บังคับ แต่ที่จินอาตอบรับ เพราะจินอารักพี่คริสค่ะ”
“ห๊ะ”
ถ้าคริสอู๋ทำได้เขาคงอยากจะจอดรถเสียตรงนี้ แต่เขาจำเป็นต้องบังคับพวงมาลัยไปต่อ เขานึกอยากจะถามย้ำอีกครั้ง ว่าหูเขาไม่ได้ฝาด หากแต่อีกฝ่ายก็สวนคำตอบมาให้ก่อน
“จินอารักพี่ รักแบบคนรักไม่ใช่พี่ชาย รักพี่มาตลอด”
คำตอบจากน้ำเสียงจริงจังนั้นมันแทบทำให้คริสมือสั่น เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายคิดแบบนี้กับเขา
เด็กคนนี้รักเขาอย่างนั้นหรือ และการจับคู่คราวนี้มันเกิดจากอีกฝ่ายรักเขาเช่นนั้นหรือไง .....
แล้วการตอบรับหรือปฏิเสธ...จากเขา
แบบไหนมันจะทำร้ายนางฟ้าน้อยๆ คนนี้ของเขาน้อยกว่ากันนะ
ความคิดเห็น