ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FICTION] FICTION ROOM [CHANBAEK,KRISLAY,KAILU]

    ลำดับตอนที่ #5 : [KaiLu Shot Fiction] By Your Side

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 55


    By Your Side

    Author: Angel Midori
    Rating: PG
    Pairing:KaiLU




    แรงบันดาลใจที่ปั่นตอนนี้ออกมา เพราะเนื่องจากน้องสาวท่านหนึ่ง เธอแต่งฟิคคริสเลย์ ในบรรยากาศหลังงานรับรางวัล ซึ่งหวานมาก แล้วในเรื่องนั้นมีฉากเสี่ยวลู่ต้องหอบข้าวของหนีความสวีทของคู่นั้นออกมาจากห้อง เราก็เลยขอแอบเนียนแต่งในพาร์ทเสี่ยวลู่เสียหน่อยเพื่อสนองจินตนาการของตัวเอง

    ฝากถึงท่านผู้อ่านนะคะ แวะคุยคอมเมนท์กันได้เลย อยากรู้ฟีดแบคเหมือนกันอะคะ ว่างานเป็นอย่างไรบ้าง .....

    ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ


    =========================================================

    คลิ๊ก....

     

     

     

    เสียงประตูห้องปิดลง แล้วผมก็ถูกทิ้งชนิดกึ่งไม่เต็มใจกึ่งยินดีเอาไว้หลังบานประตู ผมยืนอยู่ในสภาพหอบหมอนและผ้าเอาไว้เต็มไม้เต็มมือ ถ้าเป็นคนปรกติเขาคงจะเดินออกมาแต่ตัว เพราะอีกห้องก็มีหมอนผ้าห่ม แต่นี่มันเป็นผมที่ไม่ชอบแชร์หมอน ผ้าห่ม ผ้าปูเตียงกับใคร ผมเลยต้องหอบของป็นบ้าหอบฟางแบบนี้

     

    อี้ฟ่านนะอี้ฟ่าน มันใช่เวลาที่ไหน แต่เอาเหอะผมก็พอจะเข้าใจเขานะ หลังเหตุการณ์ที่เป็นความทรงจำดีๆ แบบนี้ เขาก็คงอยากจะใช้มันกับคนรัก กับอี้ชิง

     

    ผมหันหลังจากประตู และก็เริ่มก้าวเท้าเดินออกมา หากแต่ผมจะไปไหนล่ะ!!

     

    จิตสำนึกของผมเพิ่งบอกผมว่า ผมไม่รู้ว่าห้องของคริสคือห้องไหน ให้ตายเหอะ ก็เมื่อเช้าหลังจากพวกเคมา พวกเราก็โดนย้ายห้องมาอีกชั้น ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจว่าใครพักห้องไหนเพราะมัวแต่เล่นกับเปาจื่ออยู่ แล้ววันนี้ตอนกลับมาจากงาน เราก็ไปรวมตัวกันที่ห้องของจุนมยอนกับเซฮุน แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับห้องตัวเอง คริสออกมาก่อนผม ส่วนเฉินออกมาจากห้องของจุนมยอนหลังผม ทำให้ผมไม่รู้ว่าเขาพักห้องไหน

     

    อัตราการเสี่ยงของผมตอนนี้คือ 3 ต่อ 3 เพราะผมรู้ห้องผม ห้องจุนมยอน และห้องของมินซอก แต่อีกสามห้องต้องเดา แล้วเอาไงดีล่ะ หรือจะกลับไปเคาะประตูถามคริส

     

    แต่จะดีเหรอเกิดเจ้านั่นกำลังปลอบอี้ชิงชนิดไม่อยากให้ใครมารบกวนอยู่ล่ะ ถึงผมจะสั่งไม่ให้เขาปลุกอี้ชิง แต่ผมก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่ทำ ป่านนี้อี้ชิงอาจจะตื่นแล้ว และกำลังสวีทกันอยู่

     

    ผมเดินก้าวเท้าจากหน้าห้องไปยืนอยู่กลางทางเดินและหันซ้ายหันขวา ให้ตายเหอะ!! ผมน่าจะขอคีย์การ์ดคริสมา อย่างน้อยจะได้ลองเอาไปสุ่มเปิดประตูดู แต่นี่ผมทำได้แค่เรียกจงแดมาเปิดประตูให้ผม แล้วมันห้องไหนล่ะ สุ่มสี่สุ่มห้าเรียกก็ไม่ได้ด้วย

     

    ติ๊ง....ครืน

     

    เสียงลิฟท์ที่อยู่ทางด้านหลังของผมเปิดออกมา ผมรีบหันไปมอง ดึกป่านนี้แล้วใครยังมาเดินอยู่อีก แล้วชั้นนี้ก็มีแต่พวกเราอีกด้วย หรือว่าใครแอบขึ้นมา

     

    แล้วเมื่อผมหันไป ผมก็เจอเขา ถ้านับว่าตอนนี้ผมไม่อยากเจอใครมากที่สุด ก็คงเป็นเขานี่แหละ

     

    “ฮยอง” จงอินเรียกผมด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ผมรีบหันหน้าหลบเขาแต่มันจะหลบไปไหนพ้น

     

    “ฮยองมายืนทำอะไรตรงนี้” นั่นซิผมมายืนทำบ้าอะไรตรงนี้

     

    “กำลังจะเข้าห้อง” ผมตอบโดยที่ยังหลบหน้าเขา จงอินไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก แต่ที่ผมไม่อยากเห็นหน้าเขาก็เพราะว่าผมอาย ก็เมื่อตอนที่เรากำลังปาร์ตี้กันที่ห้องของจุนมยอน ตอนที่พวกเคแสดงความยินดีกับพวกเรา ตอนที่ผมมองรางวัล และเห็นจุนมยอนเริ่มร้องไห้ ผมรู้สึกว่าทำนบที่ผมอุตสาห์กั้นไว้มันกำลังจะแตก

     

    ผมหลบไปที่ระเบียง และเริ่มร้องไห้ ผมไม่ชอบร้องไห้ และเมื่อห้ามไม่ได้ก็ไม่อยากให้ใครเห็น ผมไม่อยากแสดงมุมด้านอ่อนแอของผม รวมถึงผมรู้สึกว่ามันน่าอาย

     

    แต่ตอนนั้นจงอินเดินออกมาที่ระเบียง เขาเห็นผมกำลังร้องไห้อย่างหนัก ผมสะอึกสะอื้นจนพูดอะไรไม่ออก เด็กนั่นมองผมด้วยความแปลกใจ เขาไม่พูดอะไร นอกจากจับมือผมไว้ บรรยากาศตอนนั้นผมทั้งอายที่ร้องไห้เป็นเด็ก ทั้งรู้สึกตื่นเต้นที่เป็นเขาที่เดินออกมา ตอนนั้นผมเหมือนคุมสติอะไรไม่ได้เลย อยากจะหยุดร้อง อยากจะแก้ตัว แต่ก็ทำไม่ได้ หากแต่โชคดีที่มินซอกเดินตามออกมา เขาเข้ามากอดผม ผมรีบกอดเพื่อนสนิทของผมและซุกหน้าหลบจงอิน จนไม่รู้ว่าเด็กนั่นกลับเข้าห้องไปตอนไหน

     

    สำหรับมินซอกผมกล้าที่จะให้เขาเห็นเวลาผมเป็นแบบนี้ อาจเพราะเราเป็นเพื่อนกัน เราอายุเท่ากัน และเขาเองก็เคยร้องไห้ให้ผมปลอบ เวลาที่ผมท้อเขาก็คอยปลอบผม ผมจึงยกให้เขากับอี้ชิงเท่านั้นที่ผมจะกล้าเผยมุมแบบนี้ให้เห็น

     

    แต่กับจงอินมันไม่ใช่แค่อาย แต่มันมีอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น

     

    “แล้วนายล่ะ ดึกแล้วไปไหนมา” ผมเอ่ยถามกลับไปบ้าง เพื่อไขความข้องใจของตัวเอง

     

    “ผมลืมของไว้ที่ฮยองผู้จัดการ เลยลงไปเอา”

     

    “อ๋อ” ผมตอบเขาเพื่อบอกว่าผมรับรู้แล้ว แต่ยังไม่ยอมมองหน้าเขาตรงๆ อยู่ดี

     

    “แล้วไอ้ของพวกนี้มันอะไร” จงอินถามผมกลับด้วยเสียงทุ้มๆ ของเขา แถมยังเอานิ้วจิ้มจึก ๆ ลงมาที่หมอนในอ้อมกอดของผม

     

    “ไม่รู้จักหมอนกับผ้าห่มหรือไง” ผมยู่ปากหลังจากตอบเขา แล้วเผลอมองหน้าเขา จงอินหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะยืนจ้องหน้าผม

     

    เด็กบ้านี่เป็นอะไรไม่รู้ ชอบทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก บางทีเวลาที่ผมจะเล่นด้วย เขาก็ชอบหลบตาผม หรือแกล้งทำไม่สนใจ หากแต่เวลาที่ผมเฉยๆ เขาก็ชอบมาทำให้ผมรู้สึกๆ แปลก ๆ บ่อยครั้งที่เขาชอบยืนหรือนั่งมองผมนิ่งๆ แล้วพอผมจ้องกลับเขาก็จะไม่พูดอะไรแล้วหันกลับไป ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าเขาชอบจ้องผม แต่มันอึดอัด ที่ไม่รู้ว่าเขาจ้องมองผมทำไม เหมือนอย่างตอนนี้ที่เขาก็มองผมอยู่แถมยังยิ้มมุมปากจนผมต้องก้มหน้าหลบ

     

    ไม่รู้ซิทำไมแต่ผมรู้สึกแพ้เวลาจงอินยิ้มแบบนี้

     

    “ผมรู้จักหมอนกับผ้าห่ม แต่ไม่เข้าใจว่าฮยองจะขนมันไปไหน”

     

    “ไปห้องจงแด”

     

    จงอินเลิกคิ้วสงสัย เหมือนเป็นคำถามให้ผม ผมแกล้งทำเป็นไม่มองเขา แต่มาคิดดูอีกที ผมควรถามเขาอย่างน้อยเผื่อจงอินจะรู้ห้องของคริสกับจงแดอยู่ห้องไหน

     

    “จงอินนายรู้หรือเปล่าว่าห้องจงแดห้องไหน” คราวนี้เขามองผมด้วยสีหน้างงยิ่งกว่าเดิมอีกครับ

     

    “ฮยองจะไปนอนห้องจงแดฮยอง แล้วไม่รู้ห้องไหน แล้วทำไมฮยองไม่นอนห้องฮยองเอง”

     

    “อย่าถามมากน่ะ นายรู้หรือเปล่าว่าห้องจงแดห้องไหน” จงอินโยกหัวไปมา ก่อนที่เขาจะถือวิสาสะจับผ้าห่ม และหมอนของผมดึงไปไว้ในมือเขาชนิดที่ผมไม่ทันตั้งตัว

     

    “เอามานี่น่าจงอิน” เจ้าเด็กนั่นไม่พูดอะไร แต่มือยังคงดึงหมอนและผ้าห่มของผมไปจนสำเร็จ

     

    “จงอิน!!

     

    “ผมไม่รู้ว่าห้องของจงแดฮยองอยู่ไหน แต่ถ้าฮยองไม่ตอบว่าฮยองมายืนทำอะไรตรงนี้ผมก็ไม่คืนของพวกนี้ให้หรอก”

     

    คิมจงอินต่อรองผมด้วยดวงตาเป็นประกาย เขายิ้มนิดๆ เหมือนเป็นต่อ ซึ่งมันตอกย้ำให้ผมรู้สึกว่าผมพลาดมากที่มาเจอเขา

     

    “ก็คริสมานอนห้องฉัน ฉันเลยว่าจะไปนอนห้องคริสแทน แต่ลืมถามว่าห้องคริสห้องไหน” จงอินหัวเราะเบาๆ ซึ่งมันทำให้ผมอดค้อนไม่ได้ เสียงหัวเราะของเขามันย้ำว่าผมเนี่ยซื่อบื้อจริงๆ

     

    “แล้วไม่ไปถามคริสฮยอง”

     

    “เป็นนาย นายจะกล้าเข้าไปถามอีกเหรอ” ผมสวนกลับไป และยู่ปากจนเชิด จงอินยิ้มกว้างจนตาของเขาแทบปิด เมื่อเห็นผมทำแบบนั้น

     

    “ก็จริง”

     

    พวกเราทุกคนรับรู้ความสัมพันธ์ของคริสกับอี้ชิงกันดี จะมากหน่อยก็พวกฝั่งเอ็มด้วยกัน แต่เนื่องจากจงอินสนิทกับอี้ชิง เจ้าเด็กนี่เลยพอจะเข้าใจบ้างว่าเวลาสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน โลกจะเหลือแค่สองคนเท่านั้นแหละ

     

    “แล้วฮยองจะเอายังไง” จงอินถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น ซึ่งผมก็ทำได้แค่ส่ายหัว

     

    “ถ้าอย่างนั้นไปนอนห้องผมไหม”

     

    “เฮ้ย!! แล้วจะนอนกันยังไง”

     

    “เบาๆ น่าฮยอง ดึกแล้ว ฮยองก็นอนเตียงผม แล้วเดี๋ยวผมไปนอนโซฟาเอง”

     

    ผมชักสีหน้างอนใส่เจ้านั้นนิดนึง ผมเป็นพี่จงอินตั้งหลายปี แต่ทำไมนะเจ้านี่ถึงชอบดุผมเหมือนเป็นเด็กอยู่เรื่อย

     

    “รบกวนนายไม่เอาหรอก”

     

    “ไม่เอาแล้วฮยองจะทำยังไง เคาะเรียกทุกห้องเหรอ แล้วป่านนี้จงแดฮยองคงหลับไปแล้ว”

     

    “เออ....” ที่จงอินพูดมันก็จริง ถ้าผมไม่ไปเรียกคริสมาถาม ผมก็ต้องไปปลุกคนอื่นแทนอยู่ดี ทางเลือกของผมมันดูจะมีทางเดียว

     

    “เอ๊ะ” ผมสะดุ้งเฮือก เมื่ออยู่ดีๆ จงอินก็เอามือของเขามาเกี่ยวเอวของผม

     

    “ไม่ต้องคิดมาก ไปนอนห้องผมแหละดีแล้ว” เจ้านั่นพูดอย่างกับจะหลอกเด็ก แถมยังเกี่ยวเอวของผมลากผมไปอีก

     

    “ไม่เอาน่าจงอิน”ผมพยายามเบี่ยงตัวหนี แต่เจ้านั่นก็ดูจะยิ่งไม่ยอม ทั้งๆ ที่เขาตัวใหญ่กว่าผมไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมเขาดูแรงเยอะกว่าผมนัก ตอนนี้เขารวบตัวของผมเข้าไปจนชิดตัวเขา ผ้าห่มห้อยตกจากมือของจงอิน ผมรู้สึกถึงสัมผัสของร่างกายอุ่น ๆ ของเขาที่ชิดกับร่างของผม พอผมเงยหน้าขึ้นไปหมายจะดุเขา เจ้านั่นก็กลับจ้องผมอยู่ ผมจ้องตาเขากลับเช่นกัน

     

     

    หากแต่ไม่นานผมก็ต้องรีบหลบตาคู่นั้น ผมไม่รู้ว่าทำไมแก้มของผมเริ่มร้อน และหัวใจมันก็เต้นหนัก ตอนจงอินจ้องผม แล้วยิ้ม

     

    ผมยอมรับว่าผมชอบดวงตาของจงอิน เขาเป็นเด็กที่มีตาสวยมาก และแววตาของเขาเวลาที่จ้องมองใครมันก็เหมือนมีพลังลึกลับที่ทำให้ไม่อีกฝ่ายไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

     

    “นอนห้องผมแหละ”

     

    “แต่ฉันเกรงใจนายจริงๆ นะ พรุ่งนี้นายมีงานเช้า” ผมยังคงก้มงุดๆ ตอบ หัวของผมเหมือนชนกับอกของเขา ผมได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยลอยจาง ๆ มาจากตัวของจงอิน บ่อยครั้งที่ ๆ ยืนของเรามักอยู่ติดกัน และบ่อยครั้งนั้นที่ผมแอบสูดกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขา ผมไม่รู้ว่าจงอินใช้น้ำหอมอะไร แต่ผมรู้สึกว่ามันติดจมูกของผม ติดจนบางครั้งแม้ยามที่เขาไม่อยู่ ผมก็ยังรับรู้ถึงกลิ่นนั้นได้อย่างชัดเจน

     

    “แต่ถ้ายังยืนกันอยู่อย่างนี้ผมก็ไม่ได้นอน” จงอินตอบเสร็จก็คลายวงแขนของเขาออกนิดเดียว แค่นิดเดียวจริงๆ ก่อนเขาจะยื่นหมอนในมือของเขาให้กับผม

     

    “ฮยองถือหมอนนี่ก่อน” พอผมรับหมอนนั่นมางงๆ จงอินก็รวบผ้าห่มที่ตกระพื้นขึ้นมาถือไว้ แล้วเขาก็รวบเอวผมให้แน่นอีกครั้งก็จะเริ่มลากผมเสียจนเซ

     

    “จะไปไหนเนี่ย” ผมร้องประท้วงในขณะที่โดนลากไปชนิดไม่เต็มใจแบบนี้

     

    “ก็บอกแล้วว่าห้องผม ไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว หรือฮยองจะนอนตรงทางเดินล่ะ” จงอินพูดไปลากผมไป ห้องของเขาอยู่ถัดจากห้องของผมไปสองห้อง ซึ่งติดกับห้องของจุนมยอน เขาปล่อยมือจากเอวของผมหลังจากมายืนที่หน้าห้อง และเขาก็ล้วงคีย์การ์ดจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดประตู พอประตูเปิดออก ซึ่งผมยังไม่ทั้นตั้งตัว หรืออิดออด เจ้านั่นก็ดันผมเข้าห้องไปทันที แล้วไม่ทันให้ทักท้วง จงอินก็เอาเท้าดันปิดประตูเรียบร้อยจบ

     

    “จงอิน” ผมเอ่ยเสียงออด เจ้านั่นทำสีหน้าเหมือนดุผม ก่อนจะพยักเพยิดไปทางด้านหลัง พอหันไปผมก็เห็นคยองซูกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่

     

    โอเคนั่นก็หมายถึงว่าผมไม่ควรทำเสียงดังให้คยองซูตื่นขึ้นมาอีกคน

     

    จงอินคว้าหมอนจากมือผม แล้วเขาก็จับมันโยนไปพร้อมผ้าห่มในมือของเขาลงบนเตียงที่ว่างอยู่ แล้วเขาก็ดึงหมอนกับผ้าห่มจากเตียงนั้นโยนไปที่โซฟา

     

    “ฮยองนอนเตียง เดี๋ยวผมนอนโซฟาเอง”

     

    “ฉันนอนโซฟาแหละดีแล้ว”

     

    เสี่ยวลู่” เขาเรียกชื่อผมเสียงต่ำ ก่อนจะจับไหล่ผมให้นั่งลงบนเตียง ปรกติจงอินไม่ค่อยเรียกผมแบบนี้ แล้วเวลาที่ผมถูกเรียกแบบนี้ผมจะรู้สึกแปลกๆ จริงๆ คนอื่นเขาก็เรียกกัน เพราะผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่องอาวุโส แต่เพราะจงอินไม่ค่อยเรียกนี่แหละ ผมเลยแปลกใจ แต่อย่างน้อยคราวนี้มันก็ทำให้ผมจำได้ว่าเวลาที่เขาจริงจัง เขาจะเรียกผมด้วยชื่อนี้

     

    “โอเค ๆ ฉันนอนเตียงก็ได้” ผมยอมพ่ายแพ้ต่อสงครามประสาทเล็กๆ ของเราสองคนเพราะผมคิดว่ามันดึกแล้ว จงอินควรได้นอนเพราะเขาต้องตื่นเช้ามาก

     

    หากแต่จงอินยังคงยืนจ้องผมอยู่เหมือนกดดันให้ผมนอน ผมเลยจัดการวางหมอนให้เข้าที่เข้าทาง แล้วดึงผ้าห่มมาห่มตัวจนชิดคอ ดูเจ้าเด็กนั่นจะพอใจที่เห็นผมนอนลงเสียทีเพราะเขาเริ่มยิ้ม

     

    จงอินยิ้ม และค่อยๆ ก้มลงมา หน้าของเขาใกล้ผมเข้ามาเรื่อยๆ จนผมต้องเอียงใบหน้าหลบดวงหน้าหล่อคมนั่น

     

    “ราตรีสวัสดิ์ครับเสี่ยวลู่” เสียงทุ้มไพเราะของจงอินดังราวกับลอยมาตามสายลม ผมรู้สึกวูบวาบตอนได้ยินเขาเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงแบบนั้น ผมไม่ได้ตอบ หรือหันมอง ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของจงอินเดินจากไป พร้อมหัวใจที่เต้นราวกับจะวิ่งออกจากอกของผม

     

    คิมจงอินร้ายกาจเกินไปแล้ว เขากำลังปั่นหัวผมหนักขึ้นทุกวัน

     

     

     

     

     

    ผมนอนไม่หลับ เสียงทุ้มของจงอินยังดังวนในหัวของผมอยู่ และมันทำให้ผมรับรู้เพิ่มอีกอย่างว่า ผมชอบเสียงพูดของจงอิน จากที่เคยชอบอยู่แล้ว แต่คราวนี้ดูจะมากขึ้น

     

    ผมพลิกตัวไปมา แต่พยายามจะไม่รบกวนคนอื่นในห้อง ผมเหลือบไปมองคนที่นอนอยู่ที่โซฟาด้านปลายเตียงของผม จงอินนอนขดบนโซฟาที่ยาวไม่พอร่างสูงๆ ของเขา เห็นแล้วผมอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงจะนอนไม่สบาย

     

    ผมลงจากเตียง และเดินไปนั่งที่พื้นด้านล่างโซฟาตัวนั้น ผมจ้องมองจงอินด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในหัวใจ

     

     

    จงอินมีใบหน้าที่ได้รูป หล่อเหลา ผมมักนึกอิจฉาเขา เพราะมันทำให้จงอินดูหล่อ เป็นผู้ใหญ่กว่าอายุจริง ซึ่งมันตรงข้ามกับผม ริมฝีปากหนาของเขาก็ดึงดูดสายตาจนละออกไปได้ยาก ตอนเขาหลับตาอยู่เขาเหมือนรูปสลัก หากแต่ผมชอบตอนเขาลืมตามากกว่า อย่างที่ผมเคยบอกผมชอบตาของจงอิน เขาเป็นคนตาสวย ดวงตาโตและเห็นเส้นขอบตาชัดเจน แววตาของจงอินก็เป็นประกาย  แล้วผิวสีแทนของเขาก็สวยมาก มากจนผมเผลอเอาปลายนิ้วเกลี่ยที่แก้มของเขาเบาๆ

     

    ผมกำลังหาคำตอบ เพื่อตอบความรู้สึกของตัวเองอยู่........

     

    ว่าสิ่งที่ผมรู้สึกกับจงอินมันคืออะไร ทำไมผมถึงเขินเขา ทำไมผมถึงมักควบคุมตัวเองไม่ได้เวลาที่อยู่กันสองต่อสอง ทำไมผมอยากจะแตะต้องตัวเขา หากแต่เวลาที่เขาแตะต้องตัวผม ผมกลับอาย รู้สึกร้อนไปทั้งตัว อี้ชิงจะรู้สึกกับอี้ฟ่านแบบนี้ไหม

     

    ใช่! ผมกำลังคิดว่าผมชอบคิมจงอิน แต่ก่อนนี้ตอนเราเป็นแค่เด็กเทรนนีด้วยกัน ความรู้สึกขัดเขินเหล่านี้มันไม่ชัดเจนนัก แต่นานวันที่เราเริ่มสนิทกัน ความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นกับผม ต่อจงอินมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ

     

    ปลายนิ้วของผมค่อยๆ เลื่อนมาที่มือของจงอิน ผมค่อย ๆ ลากเส้นเป็นชื่อของเขาที่หลังมือสีแทนนั่น

     

    ถ้าผมชอบเขา เขาจะรู้สึกอย่างไรกับผม

     

    “ถ้าฮยองทำแบบนี้ ฮยองคิดว่าผมจะหลับลงเหรอ”

     

    “เฮ้ย!! ผมร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ จนจงอินที่หลับตาอยู่ต้องกระโจนมาปิดปากของผม แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นไปมองคยองซู ดีที่เด็กนั่นยังไม่ตื่น

     

    “ดีที่คยองซูฮยองไม่ตื่นขึ้นมา เบา ๆ ซิ” จงอินคลายมือจากการปิดปากของผมไว้

     

    “นี่นายไม่ได้หลับหรอกเหรอ”

     

    จงอินจ้องผมเขาไม่ได้ตอบ และการที่เขาจ้องผมแบบนี้ มันทำให้ความตกใจของผมเริ่มลดลงแต่กลายเป็นความอับอายขายขี้หน้าแทนกับสิ่งที่ทำลงไป

     

    “ตอนแรกก็หลับๆ อยู่ แต่พอมีคนมากวนก็เลยตื่น”

     

    “เอออ.......”ผมติดอ่างขึ้นมากระทันหัน

     

    “แต่จริงๆ ตรงนี้มันก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ จริงๆ ผมเป็นคนหลับง่าย และหลับลึกนะ แต่โซฟามันแข็ง” จงอินบ่นขึ้นมางึมงำ แล้วเขาก็ลุกขึ้น พร้อมทั้งดึงผมให้ลุกตามขึ้นมา เขาหันไปคว้าหมอนกับผ้าห่มที่โซฟา แล้วดินมาโยนลงบนเตียงที่ผมเคยนอนอยู่

     

    “ทำอะไร” ผมถามเขาเสียงเบา

     

    “ย้ายที่นอน ฮยองจะได้ไม่ต้องลงไปนั่งเฝ้าผมข้างล่างให้เมื่อยอีก” จงอินนั่งลงกับที่นอนแล้วหันมาตอบผมด้วยดวงตาพราวระยับ ผมเถียงอะไรไม่ออก หน้าผมมันยิ่งร้อนขึ้นจนแทบจะไหม้ ถ้าแสงในห้องสว่างกว่านี้จงอินต้องเห็นว่าผมหน้าแดงมากแน่ ๆ

     

    บ้าเอ้ยลู่หานนายทำอะไรลงไป

     

    “นอนเหอะผมง่วงมากแล้ว” จงอินดึงผมให้ลงไปบนเตียงกับเขา  แต่ผมก็ยื้อไว้ เจ้านั่นเลยเพิ่มแรงเข้าไปอีก

     

    “ถ้าฮยองไปนอนโซฟาผมก็จะตามไปนอนด้วย”

     

    ผมผ่อนแรงดึงลงทันทีที่ได้ยินประโยคข่มขู่นั่น เด็กบ้า!!

     

    จงอินดึงผมเต็มแรงทันทีที่ผมเลิกยื้อกับเขา และผมก็หล่นลงไปบนตักเจ้านั่น  จงอินเกี่ยวขาตัวเองกับขาของผม และพลิกตัวดึงให้ผมกลิ้งลงไปบนที่นอน

     

    “ทำอะไรเนี่ย” ผมร้องเสียงอู้อี้เพราะหน้ายังฝังกับอกของเขาอยู่

     

    “ถ้าเสี่ยวลู่เสียงดังอีกผมคงต้องปิดปากเสี่ยวลู่แล้วล่ะ แล้วคราวนี้ไม่ใช่มือด้วย” จงอินกดคางลงกับศีรษะของผม เขาพูดประโยคนั้นเบา ๆ แต่เน้นทุกคำ ซึ่งมันทำให้ผมยิ่งร้อน ผมเอามือดึงยึดเสื้อยืดของเด็กนั่นไว้ กันไม่ให้เขารับรู้ถึงมือไม้ที่สั่นของผม

     

    ผมดิ้นขยับตัวเองเพื่อให้พ้นจากอ้อมกอดที่อุ่นจนร้อนของจงอิน แต่ดูจะเห็นผลน้อยนัก เพราะจากคางที่วางอยู่บนศีรษะตอนนี้ กลายเป็นจงอินวางคางของเขากับบ่าของผมเรียบร้อย

     

    “เมื่อกี้ตอนผมนอนอยู่เสี่ยวลู่ทำอะไร”

     

    ใครจะตอบกันล่ะ!!

     

    “แต่มันเพลินดีนะ”

     

    “หือม”

     

    “ก็ที่เสี่ยวลู่เขียนที่มือผม ตอนนี้เขียนหลังให้ผมหน่อยซิ” เจ้านั่นสั่งเพราะว่าตอนนี้เขากอดผมอยู่ แล้วมือของผมก็อยู่ที่หลังของเขา

     

    ผมไม่ตอบ ไม่ทำตามที่เขาสั่ง ผมทำได้แต่มุดหน้าร้อนๆ งุด ๆ ลงกับอกของผมเพื่อหลบไม่ให้เจ้านั่นเห็น

     

    “เสี่ยวลู่”

     

    “ทำไมถึงเรียกเสี่ยวลู่”

     

    “ก็เห็นคนอื่นเรียกกัน ผมก็อยากเรียกบ้าง”

     

    “ทุกทีเรียกฮยอง”

     

    “แล้วเวลาแบบนี้ผมควรเรียกฮยองเหรอ”

     

    คิมจงอิน!! ตอบแบบนี้หมายความว่ายังไงกัน จะให้ผมคิดไปทางไหน

     

    เด็กนั่นซุกหน้าตัวเองมาที่ซอกคอของผม ผมรู้สึกถึงปลายจมูกของเขากำลังสัมผัสที่คอของผม กลิ่นหอมของเขาตอนนี้มันฟุ้งไปทั่วปลายจมูกของผมเช่นกัน

     

    หัวใจของผมเต้นจนแทบจะเหนื่อย มันเหนื่อยกว่าผมเต้นเพลงทั้งเพลงอีก

     

    “เมื่อตอนหัวค่ำ ตอนที่เสี่ยวลู่ไปร้องไห้ที่ระเบียง ผมรู้ว่าเสี่ยวลู่ไม่อยากให้ใครเห็นเสี่ยวลู่ร้องไห้ แต่ผมคิดว่า ถ้าเสี่ยวลู่อยากจะร้องก็ร้องมาเหอะ มันไม่ได้น่าอายเสียหน่อย มันเป็นเรื่องน่าดีใจ หรือแม้แต่เรื่องเสียใจเสี่ยวลู่ก็ร้องออกมาได้ เพราะตอนนี้เสี่ยวลู่มีคนคอยช่วยปลอบตั้งหลายคน มีพี่มีน้องในวง มีผม” จงอินจบประโยคนั้นด้วยเสียงแผ่ว

     

    และหัวใจของผมก็เต้นเบาลงแล้ว

     

    “ตอนนี้เราอยู่ด้วยกัน เราแชร์ทุกข์และสุขด้วยกัน แล้วถ้าเลือกได้ผมก็อยากอยู่ข้างๆ เสี่ยวลู่ ไม่ว่าวันที่ดี หรือวันที่แย่ แต่ถึงไม่มีผมเสี่ยวลู่ก็ยังมีคนอื่น เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ เสี่ยวลู่ไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว”

     

    ผมกำชายเสื้อของจงอินจนแน่น ขอบตาของผมเริ่มร้อน คิมจงอินนายกำลังทำให้ผมอ่อนแอ

     

    “ถ้าผมได้รับรางวัลที่เกาหลี ผมจะมาร้องไห้ให้เสี่ยวลู่ปลอบนะ” คิมจงอินหัวเราะเบาๆ กับประโยคนั้น เขากดใบหน้าลงกับไหล่ของผม ส่วนผมก็ซุกหน้าลงกับอกของเขา ขอบตาเริ่มอุ่นขึ้นจากน้ำตาที่คลอขึ้นมา

     

    “อืมมม ฉันจะรอปลอบนาย” ผมตอบเขาเสียงอู้อี้เพราะกลั้นร้องไห้ ผสมกับใบหน้าที่ยังชิดอกเขาอยู่ จงอินตอบรับคำตอบของผมด้วยการกอดกระชับผมแน่นขึ้นกว่าเดิม

     

     

    “เขียนหลังผมเหมือนแบบเมื่อกี้อีกซิ ผมจะได้หลับสบาย” จงอินขออีกครั้ง หากแต่ประโยคคราวนี้กลับใช้น้ำเสียงออดอ้อนกว่าเดิม

     

    ผมค่อย ๆ ลากปลายนิ้วบนแผ่นหลังกว้างของจงอิน ทีละตัวอักษร ......

     

    ผมไม่รู้จงอินจะรับรู้มันไหม แต่ผมคิดว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปความสัมพันธ์ของเราอาจต่างจากเดิม สักนิดนึง....มั่ง

    ======================================================================

     

    Special .......

     

    โดคยองซูตื่นขึ้นด้วยความแปลกใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ เพราะตอนที่เขาตื่นขึ้นมาเนื่องจากเสียงปลุกของโทรศัพท์ที่ตั้งไว้ เขาหมายจะหันไปเรียกคิมจงอิน รุ่นน้องขี้เซา หากแต่คนที่มุดผ้าห่มออกมา แล้วพยายามหาวิธีกดปิดโทรศัพท์ของจงอินกลับเป็นลู่หานฮยองแทน

     

    ลู่หานฮยองดูยังงัวเงียอยู่ เขากดปิดโทรศัพท์ได้ ก็มุดผ้าห่มกลับไปนอนใหม่ คยองซูได้ยินเสียงอู้อี้จากในผ้าห่ม เหมือนฮยองกำลังจะปลุกจงอิน

     

     

    นี่เมื่อคืนนี้เขาพลาดอะไรไปตอนนอน!! O_O

     

    ===============================================================


    ปล. 


    我喜欢你。= หว๋อฉี่หวนหนี่ = ฉันชอบเธอ
     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×