คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : KISS GOODBYE [Chapter 3]
Titile: KISS GOODBYE
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Drama
Rating: PG
Pairing: KrisLay
Writer Talk : มาต่ออย่างรวดเร็ว(มั่ง) ตอนที่แล้วขอบคุณที่หลายๆ คนชอบฉาก 18+ นะคะ ปุ้มรู้สึกเองว่าฉากพวกนี้ในเรื่องนี้มันสำคัญในแง่การอธิบายความรู้สึกของตัวละคร เพราะตัวละครสองตัวหลัก ไม่ใช่คนช่างพูด หรือพร้อมจะเปิดเผยตัวเองให้อีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึก สิ่งเดียวที่ทั้งคู่จะเปิดให้กันคือเวลามีเซ็กส์ เซ็กส์จึงเป็นจุดเชื่อมของทั้งคู่
ฟิคเรื่องนี้ปุ้มมี Theme ที่วางเอาไว้ว่า การทำร้ายกันด้วยความอ่อนโยน ความรัก คือการทำร้ายกันที่ทรมานที่สุด... ฉะนั้นต่อไปจะไปทางไหนกันต่อคงต้องลุ้นกันต่อไป
ตอนนี้ไปทรมานกันต่อด้วยกันดีกว่าเน้อ
++++++++++++++++++++++++++++++++++
อี้ชิงปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปจนเข้าวันใหม่ เจ้าตัวค่อยๆ พาตัวเองลุกและมองนาฬิกาที่อยู่บนฝาพนัง เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาว่าตีหนึ่งกว่า ๆ แล้ว เด็กหนุ่มจึงพาตัวเองไปในห้องนอน เพื่อจะหมายนอนสักงีบหนึ่ง
ห้องนอนสีขาวสะอาดคุ้นตาซึ่งเป็นห้องประจำที่เขาเคยอยู่กับคุณหมอคริสทุกอาทิตย์ยังคงเหมือนเช่นทุกครั้ง อี้ชิงมองกวาดไปรอบๆ ห้อง ก่อนที่จะเห็นชุดคลุมสีขาวนวลตัวที่นายแพทย์หนุ่มมักใส่บ่อยๆ ในเวลาที่อยู่กับเขา มันถูกแขวนอยู่หน้าห้องน้ำ อี้ชิงค่อย ๆ ลูบที่เนื้อผ้านิ่ม และปลดมันออกจากตะขอ เด็กหนุ่มกดปลายจมูกลงบนเนื้อผ้า กลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นตัวของเจ้าของชุดคลุมยังติดอยู่ กลิ่นที่อี้ชิงรู้สึกพึงใจเมื่อยามได้สูดดม กลิ่นที่รู้สึกเยือกเย็น และเป็นชายหนุ่มเต็มตัว กลิ่นที่ทำให้นึกถึงเจ้าของชุดจนล้นใจ
อี้ชิงค่อยๆ หยิบมันด้วยสัมผัสทะนุถนอม เขาพาเจ้าเสื้อคลุมตัวนั้นมายังที่เตียงขนาดคิงส์ไซส์ และสัมผัสมันเบาๆ เหมือนเวลาที่เขาสัมผัสเจ้าของเสื้อ และค่อยๆ นอนกอดมัด
เมื่อยามที่ได้นอนกอดเสื้อคลุมตัวนี้ เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนกับว่าความเหน็บหนาวได้ลดลง หากแต่กลิ่นกายที่ติดกับชุดคลุมนั้นมันทำให้อี้ชิงกลับ........ร้องไห้
จางอี้ชิงรู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งต้องห้าม และไม่ควรให้เกิดขึ้น แต่ตอนนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว
เขารู้ เขารักคนใจดี เขารักคุณหมอคริสเข้าให้แล้ว
++++++++++ KISS GOODBYE+++++++++
นายแพทย์คริสอู๋ลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ลงจากแท็กซี่ เขานึกเบื่อ และไม่อยากกลับไปอยู่บ้านก็เลยเรียกแท็กซี่ให้พามายังคอนโด สถานที่ที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าที่นี่เหมือนเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ ส่วนตัวของเขาเท่านั้น
ในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังลากของพะรุงพะรังเข้าประตูมา พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ลุกขึ้นมาช่วยโดยทันที
“อ่ะ ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรครับคุณหมอผมช่วย” พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นกล่าวก่อนจะหยิบกระเป๋าใบใหญ่ของคริส และช่วยเขาลากมายังทางเดินเข้าลิฟท์ โดยที่สองมือของนายแพทย์หนุ่มยังคงถือกระเป๋าใบเล็กและของฝากอยู่ จริงๆ เขาไม่ได้อยากซื้อ แต่แม่ น้องชาย และแฟนของน้องชายต่างฝากซื้อของชนิดโทรหาเขาแทบทุกวัน
“ไม่เห็นคุณ
“ไปอบรมต่างประเทศมาครับ” นายแพทย์หนุ่มตอบพลางยิ้ม ในระหว่างยืนรอลิฟท์
ปรกติคริสเองไม่คิดจะสนิทสนมกับใครนักที่นี่ หากแต่ที่พนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้รู้จักกับเขา เพราะเคยช่วยเหลือกันครั้งเมื่อรถของคริสเสียและพนักงานคนนี้ช่วยตามช่างให้ ทำให้ได้พูดคุยกัน และคริสเองก็เคยให้คำปรึกษาเมื่อพนักงานคนนี้สอบถามถึงอาการป่วยของลูกสาว
“ถึงว่าผมไม่เห็นคุณหมอนาน เห็นแต่น้องชายคุณหมอ”
“น้องชาย?” คริสถามทวนคำอีกทีและพยายามนึกว่าจื่อเทาจะมาที่นี่ทำไม แต่พอนึกๆ ไปเขาก็พอจะเดาได้ว่าน้องชายคนที่พนักงานคนนี้บอกน่าจะเป็น “เลย์”
เพราะอีกฝ่ายเคยเห็นเด็กหนุ่มอยู่กับเขา ก็คงจะคิดเอาเองว่าเป็นพี่น้องกัน
“เขามาเมื่อไหร่ครับ”
“ก็มาวันเสาร์ตามปรกติแหละครับ เออแต่มีเมื่อสองวันก่อนเขามาค้างที่นี่ด้วยเพิ่งออกไปเมื่อวาน”
เลย์มาที่นี่โดยที่ไม่มีเขา และสองวันก่อนก็เป็นวันอังคารกับพุธอีกด้วยไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์
เด็กคนนั้นมาทำอะไรที่นี่?
“ลิฟท์มาแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ให้ผมไปส่งข้างบนไหมครับคุณหมอ”
“ไม่เป็นไรครับผมจัดการได้ ขอบคุณครับ”
คุณหมอหนุ่มลากกระเป๋าเข้าไปในลิฟท์ และพอเมื่อประตูปิดลงเขาก็พิงร่างตัวเองกับผนังกระจก
ชายหนุ่มยังคงครุ่นคิดว่าเลย์มาทำไม หรือเด็กคนนั้นอาจจะชินกับการมาที่นี้ หรือไม่ก็อยากมาหาที่นอนที่สบาย ๆ โดยที่ไม่มีเขา
เขาเองก็ไม่ใช่คนขี้หวงอะไร ถ้าอีกฝ่ายจะอยากมานอนเล่น ดูหนัง เขาก็ไม่ได้ว่า แต่แค่นึกแปลกใจ
พอลิฟท์เปิดที่ชั้นที่ต้องการ คุณหมอคริสก็ลากกระเป๋าออกมา ชายหนุ่มเปิดประตูห้องพักพลางสำรวจไปทั่วห้องสีขาวสลับดำสไตล์โมเดิร์นของเขา
ทุกอย่างยังปรกติ ที่ต่างไปก็เพียงแต่จำได้ว่าเขาโยนเสื้อเชิ้ตเอาไว้บนพนักเก้าอี้หน้าโทรทัศน์แต่ตอนนี้มันไม่อยู่เสียแล้ว พอคริสเดินเข้าไปในห้องนอนก็เห็นว่าเสื้อตัวนั้นถูกทำความสะอาดและแขวนอย่างเรียบร้อย
เลย์คงเป็นคนทำ
ทำไมไม่รู้พอมานึกว่าเด็กนั่นมาอยู่ที่นี่คนเดียว ราวกับเคยชินที่ต้องมา ในใจเขาก็วูบโหวง
หรือเด็กคนนั้นเหงา บ้าน่า เด็กนั่นอาจแค่อยากมานอนที่สบายๆ ที่ ๆ ดีกว่าห้องเช่าเล็ก ๆ อย่างที่เคยบอก เหมือนที่เขาคิดตอนแรกนั่นแหละ
เด็กคนนั้นคงติดที่นี่ คงไม่ได้เหงาหรือกำลังติดตัวเขาหรอก.......
หรือไม่จริง......
ในใจคริสกำลังค้านความรู้สึกวูบโหวงที่ยังลอยวนอยู่ในใจ และเมื่อยิ่งคิดว่าอีกฝ่ายอาจคิดถึงเขาเลยมาหาก็ยิ่งรู้สึกปั่นป่วน และจะปฏิเสธก็ไม่ได้ว่าเขาเองก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายมีท่าทียึดเหนียวเขาไว้ ราวกับคนหมดหนทางไป
และถ้าเด็กคนนั้นอาจกำลังติดเขา และตัวเขาล่ะ? ติดเด็กคนนั้นหรือไม่ ถึงได้ปล่อยให้ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นมันยาวนานขนาดนี้
เขาแค่พึงใจกับสิ่งที่ได้รับ พอใจกับตัวของเลย์ ภาคภูมิใจที่ได้ครอบครองเด็กหนุ่มที่หน้าตาดีคนนี้หรือว่าสงสารกันแน่ จึงได้ปล่อยให้มันเกิดขึ้น หรือถึงตอนนี้มันเริ่มกลายเป็นความผูกพันไปแล้ว?
คริสอู๋นอนลงกับพื้นโซฟานุ่ม พลางก่ายหน้าผาก หากแต่อยู่ดีๆ เขาก็รู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ติดอยู่ที่หมอน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ หรือยาสระผมของเลย์
ชายหนุ่มกดปลายจมูกเพื่อดมกลิ่นนั้นอีกครั้ง ใช่กลิ่นนี้เป็นกลิ่นของเด็กน้อยของเขาทำไมเขาจะจำไม่ได้
คริสไล้ปลายนิ้วกับหมอน เหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกจากกระเป๋ากางเกง
วันนี้วันพฤหัสเด็กนั่นจะว่างไหม?
++++++++++ KISS GOODBYE+++++++++
“สวัสดีครับ คุณคริสเหรอครับ” น้ำเสียงใส ๆ ที่ดูมีชีวิตชีวาผิดปรกติของเลย์ดังมาตามสาย ทำให้คนปลายสายข้องใจ ปรกติเด็กนั่นไม่เคยทักเขาแบบนี้
“อืม ฉันเอง”
“คุณกลับมาแล้ว?”
“ใช่ เพิ่งกลับมา”
“....” ปลายสายเงียบอึ้งไป ซึ่งนี่แหละเป็นปรกติของเลย์
“คืนนี้ว่างไหม ตอนนี้ฉันอยู่ที่คอนโด”
“คืนนี้เหรอครับ”
“อืม คืนนี้ แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร”
“เออ...ว่างครับ ว่าง”
“ฉันจะรอแล้วกัน แค่นี้แหละ”
“เออ คุณคริสครับ” เด็กหนุ่มรีบพูดสวนเพราะกลัวอีกฝ่ายจะวางสาย “คุณจะกินอะไรไหมครับ”
“ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องโทรสั่งอะไรมากิน”
“ครับ”
“อืมแค่นี้นะ” คริสอู๋กดวางสาย หากแต่ยังมองเบอร์โทรศัพท์ที่เพิ่งโทรไปอยู่ บางทีเขาคงคิดไปเองว่าเด็กนั่นดูแปลก
++++++++++ KISS GOODBYE+++++++++
จางอี้ชิงแทบจะรีบเหินออกจากร้านอาหารเกาหลีเล็กๆ ที่เขาทำงานอยู่ หลังจากเลิกงานในตอนหัวค่ำ คนตัวเล็กประคองฉับแช และซุนดูบูจิเกที่ตัวเองหิ้วมาด้วยอย่างระมัดระวัง
คุณคริสชอบอาหารสองอย่างนี้ เขาเลยขอให้พ่อครัวปรุงให้เป็นพิเศษ
แค่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเพิ่งกลับมา และอยากให้เขาไป หัวใจดวงเล็ก ๆ ก็ฟูฟ่อง ต่อให้อีกฝ่ายจะอยากเจอเขาด้วยเรื่องอะไรก็ตาม แต่แค่อยากเจอมันก็มีค่าพอมากแล้วสำหรับอี้ชิง
สามอาทิตย์ที่โลกใบเล็กๆ ของเขา ไม่มีคุณหมอคริส มันช่างหนาวจับใจเหลือเกิน
.
.
.
.
.
“ซื้ออะไรมา”คริสชะเง้อมองข้ามหัวไหล่ของเด็กหนุ่มเพื่อมองอาหารที่ติดมือมา
ฉับแช กับซุนดูบูจิเกที่เขาชอบ
เด็กหนุ่มมักหิ้วอาหารแบบนี้ติดมือมาด้วยเสมอ ซึ่งถึงแม้เขาจะไม่เคยถามแต่ก็เดาเอาได้ว่าเจ้าตัวเล็กคงทำงานที่ร้านอาหารเกาหลี รสชาติอาหารของที่นี่ดี แต่เขาก็ไม่นึกที่จะอยากไปเยี่ยมเยือนแน่ๆ
“ฉันไปรอที่โต๊ะแล้วกัน”
คุณหมอคริสเดินออกไปจากครัว หากแต่เขาไม่ได้หมายไปนั่งที่โต๊ะอย่างที่บอก ชายหนุ่มเดินไปรื้อถุงที่เขากองไว้ข้างโซฟา จนได้ถุงใบย่อมใบหนึ่ง คริสเปิดดูและเผยรอยยิ้มให้กับของในนั้น
“ผมจัดโต๊ะเสร็จแล้วนะครับคุณคริส”
“อืม” ชายหนุ่มขานหลับในลำคอ และหิ้วถุงสีขาวใบนั้นติดมือไปด้วย
มื้ออาหารยังคงเงียบ ๆ เช่นเคย หากแต่คริสแอบเหลือบมองเด็กหนุ่มที่กำลังก้มหน้าก้มตากินอาหารอยู่ เขาอยากลองถามเลย์ดูว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่เจ้าตัวมาที่นี่ทำไม
แต่อีกใจก็คิดว่า หากถาม เจ้าตัวเล็กอาจเข้าใจได้ว่าเขาไม่ชอบก็ได้ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น บางทีแอบคิดด้วยซ้ำว่าถ้าเลย์จะมาใช้มันนอนตอนที่เค้าไม่อยู่ ห้องนี้จะได้ใช้ประโยชน์มากกว่าที่เขาไว้ใช้กบดานเพื่อหาความสงบแบบนี้
เมื่อไม่รู้จะถามยังไง คุณหมอก็เริ่มคิดว่าเขาควรจะทำลายความเงียบด้วยจุดประสงค์อีกอย่างที่อยากคุยกับอีกฝ่ายแทน
“เออเลย์ ฉันมีของฝากมาให้เธอด้วย”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา แววตาสีน้ำตาลอ่อนมองเขาด้วยความสงสัย ไม่ได้มีแววตาดีอกดีใจหรือตื่นเต้นอย่างคนทั่วไป
คริสหยิบถุงสีขาวนั้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ เขาล้วงหยิบกล่องขนาดย่อม ๆ ออกมาสองกล่อง และเมื่อคริสพลิกกล่องใบนั้น อี้ชิงก็เห็นว่ากล่องด้านหนึ่งเป็นกล่องใส ที่ข้างในบรรจุโมเดลรถไว้
“โมเดลรถมัสแตง ฉันซื้อมาสองคัน สีแดงฉันซื้อให้เธอ ส่วนสีน้ำเงินเป็นของฉัน มัสแตงต้องสีแดงถึงจะเท่ห์ฉันเลยให้เธอสีแดง” คุณหมอหนุ่มพูดพลางยื่นกล่องโมเดลรถให้กับคนตัวเล็ก คำพูด พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเหมือนเด็กที่ตื่นเต้นกับของเล่น นั้นทำให้อี้ชิงรู้สึกเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังจะกลายเป็นเด็ก เด็กหนุ่มแอบอมยิ้มกับท่าทางแบบนั้นของนายแพทย์คริส
“ฉันจำได้ว่าเธอเคยชมว่ามันสวยตอนเราดูหนังด้วยกัน แล้วฉันว่ามัสแตงมันดูเป็นอเมริกันดี เธอชอบมันไหม”
จางอี้ชิงพยักหน้าตอบอีกฝ่าย และค่อยๆ ลูบกล่องในมือเบาๆ
“และเธอจำได้ไหมว่าฉันเคยเล่าว่าสมัยเรียนที่อเมริกาฉันมีรถมัสแตงเก่าๆ อยู่คัน ฉันชอบมันมาก แต่เสียดายพอมาอยู่ที่นี่มันยากที่จะขับรถแบบนี้อีกแล้ว”ชายหนุ่มเล่า โดยที่เจ้าตัวยังแกะกล่องโมเดลรถสีน้ำเงินของตัวเองอยู่ พอเจ้าตัวแกะเสร็จเขาก็เงยหน้าหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาที่เงียบไป
“ผมจำได้ครับ” คำตอบสั้น ๆ ที่อี้ชิงเลือกตอบ หากแต่ภายในใจ อี้ชิงอยากจะบอกคุณหมอว่า ทำไมเขาจะจำมันไม่ได้ เขาจำมันได้อย่างแม่นยำแน่นอน เพราะมันเป็นครั้งแรกที่คุณหมอเล่าเรื่องอดีตของตัวเองให้อี้ชิงฟัง และความทรงจำเหล่านั้นมันทำให้อี้ชิงรู้สึกเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น
เสียงนุ่มๆ ของคุณหมอคริสยังเล่าเรื่องต่างๆ ที่อเมริกาให้อี้ชิงฟังพลางจิบโซจูไปด้วย อี้ชิงนั่งมองคน ๆ นั้น และเขาก็เผลอคลี่ยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินเรื่องตลก
แปลกมันเป็นความแปลกที่เกิดกับคนทั้งคู่ รอยยิ้มที่น้อยครั้งจะผุดขึ้นมานั้นกลับเกิดขึ้นโดยง่ายดาย และแปลกที่คริสอู๋ยังคงเล่าเรื่องส่วนตัวให้อีกฝ่ายฟังอยู่ เล่าเพราะรู้สึกดีใจที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มให้กับเรื่องของเขา
++++++++++ TBC +++++++++
ความคิดเห็น