คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [ChanBaek Fiction] Mug & Saucers [Part 2]
Mug & Saucers [Part 2]
Author: Angel Midori
Rating: PG
Pairing:ChanBaek
_____________________________________________________________________
“กูว่านะ แบทแมนของคริสโตเฟอร์ โนแลนเนี่ย สนุกที่สุดแล้ว ดูแบบนี้แล้วอยากจะกลับไปดูภาคแรกใหม่เลย” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นพูดกับเพื่อนร่างสูงเรื่องภาพยนต์ที่ตัวเองและคนที่พูดด้วยเพิ่งจะดูจบ ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นโดยที่ในมือยังคงล้วงป๊อบคอร์นที่ยังเหลืออยู่ไปด้วย ปาร์คชานยอลได้แต่พยักหน้ารับและเกี่ยวเอวของเพื่อนสนิทเอาไว้เพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะตกบันไดเลื่อน โดยที่มือยังคงถือแก้วน้ำอัดลมที่ แบคฮยอนสั่งให้ถือติดมาด้วยเพราะยังกินไม่หมด
พอทั้งคู่เดินลงมาจากบันไดเลื่อนได้ ชานยอลก็ส่งแก้วน้ำให้เพื่อนตัวเล็กดูด และตัวเองก็ดูดต่อจนหมดแก้วก่อนที่จะเอามันไปทิ้ง พวกเขาชินเสียแล้วกับการกินน้ำแก้วเดียวกันหรือแม้กระทั่งข้าวจานเดียวกัน หรือเคยซื้ออาหารมาเทรวมกันลงชามใบเดียวเพราะที่หอของชานยอลไม่มีจานกินข้าวก็ทำมาแล้ว
ปาร์คชานยอลสนิทใจกับการใช้ชีวิตอยู่กับแบคฮยอน คนตัวเล็กช่างพูด ขี้เล่น ซน และเขาก็ชอบสิ่งเหล่านี้ของเพื่อนตัวเล็ก ในขณะเดียวกันแบคฮยอนก็ยินดีรับฟังกับเรื่องบ้าๆ บอ ๆ ที่เขาชอบเล่า ทนได้กับนิสัยขี้โวยวายของเขา และก็สนุกไปด้วยกับความเป็นเด็กที่ยังติดตัวเขาอยู่ ทั้งๆ ที่เพื่อนส่วนใหญ่ชอบบ่น ซึ่งบยอนแบคฮยอน ทำให้ชีวิตมหาวิทยาลัยของเขาสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ
“แล้วนี่เราจะไปไหนกันต่อ” แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นถามคนที่สูงกว่าเกือบสิบเซ็นต์
“หิว ไปหาอะไรกินแล้วกัน”
“เออดีกินจิมดักดีกว่า เยอะดียัดได้เต็มกะเพาะ” คนตัวเล็กพูดก่อนจะเดินก้าวเท้าข้ามถนนเล็กๆ หน้าห้างหากแต่ยังไม่ทันออกตัววงแขนหนาของเพื่อนสนิทก็เข้ามาเกี่ยวเอวเอาไว้ทันที
“ทำไมข้ามถนนถึงไม่ชอบดูรถ” เสียงห้าวเอ่ยดุไม่จริงจังนัก
“จะดูทำไมยังไงนายก็ต้องดูให้ฉันอยู่แล้ว” คนตอบยิ้มทะเล้นก่อนจะปล่อยให้คนตัวโตกว่ากอดเอวเดินพาข้ามถนน และเปลี่ยนเป็นโอบไหล่ไปตลอดทางไปด้วยกัน
ทุกครั้งที่ไปไหนด้วยกัน ชานยอลคนจู้จี้จะคอยดูแลแบคฮยอนเสมอจนอีกฝ่ายติดเป็นนิสัยที่ไม่ต้องคอยใส่ใจกับเรื่องอะไร แรก ๆ แบคฮยอนก็รำคาญที่อีกฝ่ายชอบสั่งโน่นสั่งนี่ คอยเดินเกาะเขาบ้าง กอดเอวเขาบ้าง คล้องไหล่บ้าง เพราะกลัวรถจะชน กลัวจะไปชนกับคนอื่น กลัวจะหลง กลัวโน่นกลัวนี่ แต่พอนานๆ ไปคนตัวเล็กก็ชิน และคิดว่าดีเสียอีกที่เขามีคนคอยเป็นหูเป็นตาคอยดูแลให้ ดูแลเสียอย่างกับเขาเป็นเด็กประถมก็ไม่ปาน
แบคฮยอนเคยถามชานยอลเหมือนกันว่าทำไมคอยจู้จี้ เป็นห่วงโน่นนี่ทกับเขาหนักหนา ชานยอลก็ตอบว่าเพราะแพคฮยอนตัวเล็ก พอถามว่าแล้วกับคนอื่นล่ะ อย่างคยองซูที่ไม่ได้ตัวใหญ่ไปกว่าเขาทำไมไม่ไปคอยเกาะเป็นเหาฉลามแบบนี้ ชานยอลก็อ้างว่า คยองซูดูแลตัวเองได้ ซึ่งแบคฮยอนก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะดูแลตัวเองได้จริงเลย คยองซูเดินหกล้มชนโน่นนี่ และหลงทางแม้แต่ในมหาลัยเป็นประจำ แต่หลังๆ ด้วยความเคยชินเขาจึงเลิกหาคำตอบเรื่องนี้ไปเอง
“เดี๋ยวแป๊บแวะร้านนั้นก่อน” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงดังก่อนจะสลัดแขนใหญ่ๆ ที่พาดไหล่เขาทิ้งแล้วบ่ายหน้าไปยังร้านกาแฟข้างหน้าทันที
คนตัวใหญ่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ตามคนตัวเล็กที่เดินซอยเท้าเข้าไปในร้านทัน แบคฮยอนมุ่งหน้าไปยังชั้นวางแก้วแล้วกวาดสายตาไปมาก่อนจะเบ้หน้าเหมือนไม่พอใจ
“ไม่เห็นมีแบบใหม่ๆ เลย”
“นี่มึงยังซื้อแก้วกาแฟยังไม่ได้อีกเหรอ”
“เออซิ กูยังหาถูกใจไม่ได้” แบคฮยองบ่นงุ๊งงิ๊ง โดยที่เอานิ้วสวย ไปลูบแก้วเซรามิคใบที่ตัวเองเคยเล็งเอาไว้ด้วยความเสียดาย
“ซื้อๆ ไปเหอะมึง อย่าเรื่องเยอะ มึงก็เอาจานรองแก้วจากแก้วใบเดิมมึงใช้ไปก่อน”
“มันไม่เข้ากัน มึงอะมันพวกไม่มีรสนิยมทางสุทรียภาพ” แบคฮยอนเถียงและยู่ปาก จนตาเล็กๆ นั่นแทบจะปิดไปด้วย และเจ้าตัวก็เดินกระทืบเท้าไปคว้าแก้วกาแฟสีน้ำตาลแดงที่ตนเองเล็งไว้ร่วมอาทิตย์ แต่อิดออดไม่ซื้อเพราะไม่มีจานรองแก้ว เดินเอาไปยื่นที่เคาท์เตอร์คิดเงิน
ปาร์คชานยอลส่ายศีรษะมองเพื่อนตัวเล็กด้วยความรู้สึกทั้งระอา ทั้งเอ็นดู....
กริ่ง~~
เสียงโมบายที่หน้าประตูดังรับเมื่อมีกระแสลมลอดผ่านประตูที่เพิ่งมีคนเปิดเข้ามากระทบกับตัวโมบาย
คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวใกล้ประตูที่สุดเงยหน้าขึ้นมองเพียงเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้ากลับไปสนใจกับหนังสือพิมพ์ในมืออีกครั้ง
คนตัวเล็กที่เพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในร้านกาแฟ หันไปมองชายหนุ่มร่างสูงคนนั้นก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาจับมือเพื่อนตัวโตให้เดินตามเจ้าตัวไปที่หน้าเคาท์เตอร์เพื่อสั่งกาแฟทันที
ปาร์คชานยอลไม่อยากที่จะคิดเองเออเองว่าที่ไอ้ตัวเล็กแบคฮยอนมันเรียกร้องอยากจะกินกาแฟมาร่วมอาทิตย์ จะไม่เกี่ยวกับไอ้รุ่นพี่หน้าหล่อนี่
แต่จะไม่คิดก็ไม่ได้ก็ในเมื่อพวกเขาเรียนคณะศิลปกรรม แต่ไอ้ร้านกาแฟนี่มันอยู่ระหว่างคณะบริหาร กับเศรษฐศาสตร์ ซึ่งห่างจากตึกคณะเขามาตั้งสามสี่ตึก ร้านกาแฟใกล้ๆ คณะก็ใช่ว่าจะไม่มีแต่ไอ้ตัวเล็กก็อ้างตลอดว่าคีชผักโขมร้านนี้อร่อย แล้วเขาควรจะเชื่อไหม
“กูสั่งมอคค่าแล้วมึงจะกินอะไรโย่ง”
เสียงเล็ก ๆ นั่นทำให้ปาร์คชานยอลต้องหยุดความคิดลง “ใครบอกว่ากูอยากกินกาแฟ”
“อ้าวมึงนี่ไม่มาร้านกาแฟแล้วมึงจะกินอะไร เหล้าหรือไง”
“ปากดี”ชานยอลบ่นงึมงำ ก่อนจะตีที่ศีรษะกลมของคนตัวเล็กเบาๆ จนอีกฝ่ายต้องย่นคอหนี แล้วคนร่างสูงก็เอื้อมไปหยิบน้ำกีวีที่วางไว้หน้าเคาท์เตอร์ยื่นส่งให้แคชเชียร์ไป
“พี่ฮะ เอาคีชผักโขมด้วย” แพคฮยอนเอ่ยบอกแคชเชียร์น้ำเสียงกระตือรือล้น ก่อนเจ้าตัวจะหันไปมองคนที่นั่งเป็นจุดสนใจที่โต๊ะหน้าประตูอีกที
พอเห็นท่าทางไอ้ตัวเล็กแบบนั้น ปาร์คชานยอลก็รีบเดินออกจากเคาท์เตอร์ และพุ่งไปนั่งที่โต๊ะประจำที่พวกเขามานั่งในช่วงอาทิตย์นี้ และยังไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลง บยอนแบคฮยอนก็รีบดันเขาให้นั่งเก้าอี้ตัวที่หันหลังให้กับโต๊ะของรุ่นพี่หน้าหล่อนั่น แล้วตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้ตัวชิดกับเสาแทน ถึงจะบอกว่าชอบนั่งเพราะอยากมองโน่นนี่ อยากนั่งเพราะติดเสาอะไรก็เหอะ แต่จริงๆ แล้วแบคฮยอนอยากนั่งมองไอ้รุ่นพี่โต๊ะตรงข้ามนั่นแหละ!!!
ไม่รู้ทำไมเมื่อก่อนเขาเฉยๆ กับปฏิกริยาที่แบคฮยอนปลาบปลื้มไอ้รุ่นพี่ที่ชื่อคริสคนนี้ แต่นี้เขากลับรู้สึกหงุดหงิด และรู้สึกว่าไอ้ความปลื้มของแบคฮยอนมันมากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาไม่เคยบ่นหรือเล่าให้ใครฟัง และแน่นอนเขาไม่เคยแสดงออกถึงความไม่พอใจนี้ให้แบคฮยอนรู้ด้วย เขาไม่อยากให้เพื่อนลำบากใจ และมันก็เป็นความสุขของเพื่อน ถึงเขาจะไม่เข้าใจเหอะว่าไอ้การนั่งเฝ้ามองใครสักคนได้ทุกวี่ทุกวันนี่มันมีความสุขตรงไหน
“คีชมาแล้ว” แบคฮยอนปรบมือเป็นเด็กเมื่อพี่สาวพนักงานเสิร์ฟวางจากคีชผักโขมกับกาแฟลงตรงหน้า ไอ้ท่าทางน่ารักแบบนี้มันอดทำให้คนที่มองอยู่อดยิ้มไม่ได้
แบคฮยอนเหมือนเด็กเวลาดีใจ และมันก็เหมาะกับเวลาที่ใครๆ เรียกแบคฮยอนว่าแพคกี้ ซึ่งเป็นชื่อที่ชานยอลชอบ เขาอยากเรียกแบบนั้นบ้างแต่แบคฮยอนไม่ยอม และบอกว่ามันน่าขนลุกที่เพื่อนสนิทอย่างเขามาเรียกด้วยชื่อน่ารักแบบนั้น (แต่แบคฮยอนยอมให้คยองซู หรือจุนมยอนเรียก ส่วนไอ้กัมจง เจ้านั่นไม่เรียกเอง ซึ่งชานยอลไม่เข้าใจตรรกะความคิดของแบคฮยอนเหมือนกัน)
“กินไหม” คนตัวเล็กยื่นคีชที่เจ้าตัวใช้ส้อมจิ้มยืนมาตรงหน้าชานยอล คนตัวโตไม่ตอบแต่ยื่นหน้าไปกินเจ้าคีชนั่นจนหมดคำ
“พอแค่นี้แหละที่เหลือกูจะกินให้หมดเอง” แบคฮยอนยิ้มร้ายก่อนจะจิ้มคีชและกินเหมือนยั่วคนตรงหน้า
มันทั้งร้ายและน่ารักปนๆ กัน และเขาก็ชอบอีกนั่นแหละเวลาแบคฮยอนทำตัวร้ายๆ ซนๆ เจ้าเล่ห์แบบนี้
ปาร์คชานยอลเริ่มรู้สึกว่าการที่เขานั่งตรงนี้มันก็มีข้อดีเหมือนกัน เขาจะนั่งบังไม่ให้ไอ้รุ่นพี่หน้าหล่อนั่นเห็นความน่ารักของบยอนแบคฮยอนหรอก
“เก่อยังไม่มีแฟน” เสียงพูดสำเนียงเกาหลีปนจีนดังขึ้นมาในระหว่างที่แบคฮยอนยังเถียงหน้าแดงจนเกือบดำเท่ากับคนที่ตัวเองเถียงด้วย เรื่องที่ตัวเองไม่ได้แอบชอบรุ่นพี่สุดหล่อคณะบริหารอินเตอร์
ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนบนโต๊ะเงียบลง และหันไปตั้งใจฟังไอ้หนุ่มหล่อเข้มจากชิงเต่าทันที
“คริสเก่อไม่ได้คบใคร ถ้าแบคฮยอนฮยองชอบเก่อ ไม่ลองคุยกับเก่อล่ะ”
“นายจะช่วยเชียร์ฮยองให้เก่อนายเหรอ” โอเซฮุนหันไปถามด้วยแววตาวิบวับ และคนข้างๆ ก็พยักหน้ารับ แถมยิ้มกว้างตอบให้อีก
ไม่ต้องบอกใครๆ ก็รู้ได้ว่าไอ้หนุ่มกังฟูแพนด้านี่มันทำเพื่อเอาใจน้องชายคนเล็กของกลุ่มอยู่
“เอาไง” คิมจงอินกระแซะไหล่ใส่เพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้กัดปาก และก้มหน้าหลบตาอยู่ และนี่ก็ไม่ต้องบอกเหมือนกันว่าไอ้ตัวแสบอย่างบยอนแบคฮยอนน่ะกำลังเขินอยู่
“เอาไงของมึง” คนตัวเล็กตอบกลับเสียงงุงิ
“ก็จะให้น้องเขาช่วยหรือเปล่าล่ะ คนเราละเว้ยถ้าไม่ลองก็ไม่รู้”
“จริง อย่างที่จงอินฮยองพูดนะ ฮยอง” ไอ้คนเล็ก แต่ตัวไม่เล็กของกลุ่มสำทับอีกที และมันก็ทำให้แบคฮยอนต้องเงยหน้าขึ้นมา เจ้าตัวมองไปรอบโต๊ะ ที่ตอนนี้มีสมาชิกในกลุ่มนั่งกันอยู่ครบ ข้างตัวเขามีจงอิน อีกด้านเป็นชานยอล ถัดจากชานยอลเป็นคยองซู แล้วไอ้ประธานรุ่น ที่นานๆ จะว่างมานั่งเล่นแบบนี้อย่างคิมจุนมยอน หรือซูโฮนั่งถัดไปอีกที (ซึ่งแบคฮยอนไม่ได้อยากให้มานั่งกันครบแบบนี้ในสถาณการณ์แบบนี้เลยให้ตายเหอะ) ส่วนตรงข้ามก็มีสองน้องเล็ก เซฮุน กับหวงจื่อเถายึดพื้นที่อยู่
ทุกคนกำลังมองเขา จงอินยิ้มตาวิบวับเป็นประกาย ส่วนชานยอลจ้องมองเขาหน้านิ่งๆ พอสบตาเจ้านั้นก็หลบตาไป กับคยองซูบางทีไอ้ตาโตๆ ตื่นๆ นั่นมันก็ยากจะเดาว่าเจ้านั่นคิดอะไรเหมือนกัน แต่ซูโฮกำลังยิ้ม และกลั้นขำอยู่แน่ๆ
“เอาไง” ไอ้กัมจงที่ปรกตินิ่งแอ๊บคูลตลอดเวลา แต่ทีเรื่องนี้กลับทำไมวุ่นวานนัก ถามแบคฮยอนอีกหน
“ลองก็ได้ จริงๆ ฉันก็ปลื้มเขาอยู่” บยอนแบคฮยอน ก้มหน้าก้มตาตอบไอ้รุ่นน้องสองคนนั้นไป เขาไม่เงยหน้าไปมองหรอกว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้ยินแต่เสียงเฮจากไอ้พี่น้อง จงอินกับเซฮุน เสียงหัวเราะที่หลุดมาจากจุนมยอน
คนตัวเล็กยอมรับว่าเขาปลื้มรุ่นพี่คนนี้มาก ยิ่งช่วงหลังๆ ที่แอบเฝ้ามองก็ยิ่งปลื้ม ไอ้ที่ชอบเถียงชอบปฏิเสธมันก็เพราะความอาย แต่ถามว่าถึงขั้นชอบพอแบบแอบรักไหมเขาตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่อะนะเรื่องแบบนี้ เมื่อมีโอกาสเขาก็ไม่อยากเสียโอกาสดีๆ ไป
ก็โอกาสมันมีไว้เอาไว้เพื่อคว้านี่
ตอนนี้บยอนแบคฮยอน รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในบรรยากาศของการเดทคู่ หรือไม่ก็เกือบคล้ายการเดทนั่นแหละ ตรงหน้าเขาตอนนี้มี โอเซฮุนนั่งหัวเราะคิกคักอยู่ หลังจากแกล้งจื่อเถาอ่านเมนูภาษาเกาหลี แล้วจื่อเถาก็อ่านมันผิดๆ ถูก ๆ ส่วนข้างๆ เขาตอนนี้ มีชายหนุ่มสุดหล่อ ผมทอง กำลังหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ให้กับน้องชายของตัวเองที่โดนแกล้งอยู่
มันห่างไกลความจริงมาก แต่ตอนนี้มันก็กลายเป็นเรื่องจริงไปแล้ว ที่เขากำลังนั่งร่วมโต๊ะกับคริสฮยองเดือนบริหารอินเตอร์!!
“เก่อมันไม่ขำสักหน่อย” จื่อเถาแยกเขี้ยวใส่พี่ชาย ก่อนจะพ่นภาษาจีนต่อจากภาษาเกาหลี ซึ่งพี่ชายสุดหล่อยิ่งหัวเราะหนักขึ้นไปอีก
“ไม่เอาน่าไม่มีมารยาทเลย นายพูดจีน เซฮุน กับแบคฮยอนก็ฟังไม่ออกซิ”
“เมื่อกี้เถาเขาว่าอะไรฮะ” เซฮุนยื่นหน้าไปถามรุ่นพี่สุดหล่อ แต่จื่อเถาทำหน้าตกใจ ก่อนจะทำโบกไม้โบกมือไม่ให้คริสพูด
“บอกไม่ได้หรอก จื่อเถาไม่ให้บอกว่า เจ้านั่นอายนายน่ะเซฮุน เวลาฉันหัวเราะใส่เจ้านั่น” อู๋อี้ฟ่านหัวเราะเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปอ่านเมนู และมันก็ตามด้วยเสียงโวยวายของจื่อเถา และเสียงหัวเราะปนหน้าแดงๆ ของเซฮุน
ช่วงเวลาไม่นานแพคฮยอนก็พอมองออกว่า อู๋อี้ฟ่าน หรือคริสฮยองไม่ได้เป็นคนเงียบอย่างที่คิด ออกจะร้ายๆ กวนๆ ด้วยซ้ำ
“แบคฮยอนอยากกินอะไร สั่งเลยนะไม่ต้องเกรงใจ” คริสยื่นเมนูให้เด็กหนุ่มตัวเล็ก พร้อมรอยยิ้มซึ่งมันทำให้ แบคฮยอนแทบจะทำอะไรไม่ถูก ตอนสมัยแอบมองก็เขินจะแย่ พอยิ่งมาได้คุยได้อยู่ใกล้ คนตัวเล็กก็รู้สึกเหมือนมือไม้ คำพูด มันไร้สมรรถภาพในการควบคุมเสียอย่างนั้น
“เออ...ฮะ”
แบคฮยอนก้มอ่านเมนูแล้วจิ้มเลือกอาหารส่งๆ ไปเนื่องจากตัวเองไม่คุ้นชินกับอาหารอิตาเลี่ยนสักเท่าไหร่ เคยได้กินบ้าง แต่เจ้าตัวไม่ได้ชอบทาน
และเมื่ออาหารมาเสริฟต่างคนก็ต่างกิน มีเสียงพูดคุยมาบ้างจากเซฮุนที่มักเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน เซฮุนดูสนิทจื่อเถา และอี้ฟ่านอย่างที่แบคฮยอนไม่เคยคิดมาก่อน แต่จริงๆ เซฮุนเป็นเด็กช่างคุย และน่ารัก ใครๆ ก็เอ็นดูโดยง่ายดายอยู่แล้ว ส่วนเขานั้น ได้แต่นั่งฟังและยิ้มไปมา เพราะเขินเกินกว่าจะพูดอะไรได้ ถึงแม้เซฮุนจะชวนคุยหรือพูดหลายครั้งว่าวันนี้เขาพูดน้อยผิดปรกติไปมาก (แบคฮยอนรู้สึกเหมือนเซฮุนบอกว่าปรกติเขาพูดมากยังไงยังงั้นเลย) แต่เขาก็ยังคงได้แต่ยิ้ม
ก็การเดท (หรือเกือบเดทนั่นแหละ) กับคนที่แอบมองมานาน แถมดูดีขนาดนี้ใครจะทำตัวปรกติได้กันล่ะ
“ของหวานมาแล้ว” เซฮุนเอ่ยในระหว่างที่บริกรสาววางขนมลงบนโต๊ะ ชิ้นแรกเป็น ตอร์ตต้า หรือทาร์ก มะนาว แพนนาคอตต้า และปิดท้ายด้วยทีรามิซู ทีรามิซูชิ้นโตสีน้ำตาลเข้มดูน่าอร่อย มันทำให้แบคฮยอนนึกถึงเพื่อนตัวโตของเขา ปาร์คชานยอลชอบกินของหวาน โดยเฉพาะเค้กรสกาแฟ เจ้านั่นก็น่าจะชอบทีรามิซู
แบคฮยอนไม่ต้องรอให้ใครสั่งเขาก็จิ้มส้อมลงไปที่เจ้าเค้กทีรามิซูชิ้นนั้น แล้วเมื่อได้ทานเขาก็พบว่ามันอร่อยจริงๆ
“ผมอยากสั่งทีรามิซูกลับ ที่นี่เราสั่งได้ไหมฮะ” แพคฮยอนหันไปถามคริส ชายหนุ่มยิ้มกลับพร้อมพยักหน้า
“ท่าทางจะอร่อยมากซินะ ถึงจะสั่งกลับบ้านด้วยเนี่ย”
“อยากเอาไปฝากเพื่อนฮะ เขาชอบกินเค้ก”
“ชานยอลฮยองเหรอฮะ” เซฮุนถามแทรกขึ้นมาด้วยความสนใจ แพคฮยอนก็พยักหน้าตอบ
“พี่ชานยอลเป็นเพื่อนสนิทพี่แพคกี้ฮะ” เซฮุนหันไปเล่าให้คริสฟังบ้าง ชายหนุ่มร่างสูงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมาถามแพคฮยอน
“คนสูง ๆ ที่เดินด้วยกันบ่อยๆ น่ะเหรอ” แบคฮยอนทำตาโตเท่าที่ตาเล็ก ๆ จะโตได้เพราะเขาไม่คิดมาก่อนว่าคริสจะเคยสังเกตเห็นเขา
“เออ ฮะ”
“ฮยองเห็นนาย กับเพื่อนที่ร้านกาแฟบ่อยๆ” แบคฮยอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อได้ฟัง พลางคิดว่าไอ้แผนที่อุตสาห์ไปส่องคริสฮยองที่ร้านกาแฟทุกเช้ามันได้ผล อย่างน้อยถึงไม่เคยคุยกันตอนนั้น คริสฮยองก็จำเขาได้
“แบคฮยอนกับเพื่อนดูสนิทกันดีนะ ตอนแรกฮยองยังนึกว่าเป็นแฟนกัน”
เคร้ง!!! ส้อมเล็กในมือของแพคฮยองร่วงจากมือทันทีที่ได้ยิน คนทั้งโต๊ะหันมามองเขา แพคฮยอนได้แต่ทำหน้าเหรอหราขอโทษขอโพยไป
นี่เขากับเจ้าโย่งนั่นดูคล้ายแฟนกันจริง ๆ เหรอ แล้วตกลงไอ้แผนไปส่องที่ร้านกาแฟนี่มันได้ผลไหมเนี่ย ถ้าเซฮุนไม่ช่วยแนะนำเขากับคริสฮยอง คริสฮยองก็คงคิดว่าเขาเป็นแฟนไอ้โย่งชานยอลต่อไปน่ะซิ
“ตอนแรกผมก็คิดว่าแพคกี้ฮยองกับชานยอลฮยองเป็นแฟนกัน แต่ไม่ใช่หรอกเน้อ ตอนนี้แพคกี้ฮยองชอบเก่อนี่หนา” หวงจื่อเถาที่เงียบมาตลอดแทรกมา ซึ่งนั่นก็ทำให้บยอนแบคฮยอนแทบแทรกแผ่นดินหนีเข้าไปใหญ่ ใครสั่งใครสอนให้ไอ้หนุ่มนี่มันพูดตรงขนาดนี้
“จื่อเถา~~” แบคฮยอนเอ่ยเรียกเบาๆ เหมือนจะห้าม แก้มของเจ้าตัวร้อนจนแทบสุก หากแต่คนที่ถูกพาดพิงว่าอีกฝ่ายชอบกลับนั่งนิ่ง และยิ้มบางๆ เท่านั้น
แบคฮยอนหันไปเหลือบมอง เขาไม่รู้ว่าเขาอยากได้ปฏิกริยาแบบไหนจากคริสฮยอง แต่ไม่ใช่การนั่งนิ่งๆ แบบนี้แน่ เพราะมันทำให้เขาชักเดาใจอีกฝ่ายไม่ถูก
TBC.
__________________________________________________________
ความคิดเห็น