คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [ChanBaek Fiction] Mug & Saucers [Part 1]
จริงๆ ตั้งใจแต่งให้เป็น one shot แต่ไม่รอดเป็นคนที่แต่งเรื่องสั้นไม่สั้นมากก็ยาวเกินตลอด เรื่องนี้เป็นพล็อตสามเรื่องต่อกันนะคะ เป็นชานแพค ไคลู่ คริสเลย์ เป็นแบบ เรื่องสั้นสามเรื่องเนื้อเรื่องต่อเนื่องกันนิด ๆ เนื้อเรื่องมันต้องเริ่มด้วยชานแพคก่อน แล้วคู่ต่อไปเป็นใครก็ต้องลุ้นเพราะชานแพคยังไม่เสร็จเลย 555
--------------------------------------------------------
Mug & Saucers
Author: Angel Midori
Rating: PG
Pairing:ChanBaek
“ฮยองรู้ไหมฮยองเหมือนจานรองแก้วสมัยราชวงศ์ถัง หรือไม่ก็มาจากสมัยวิกตอเรียอะไรแบบนั้น ในขณะที่ผมเหมือนแก้วกาแฟแบบที่วางขายในแกลลอรี่อาร์ตซะมากกว่า” เสียงพูดไม่ดังนักจากเด็กหนุ่มตัวเล็กดังแทรกผ่านเสียงแซกโซโฟนจากเพลงแจ๊ซซึ่งเปิดคลอเบาๆ ในร้านกาแฟสไตล์อาร์ตแกลลอรี่ในย่านการค้าชื่อดัง และมันก็เรียกความสนใจจากคนตรงข้ามที่นั่งเหม่อลอยอยู่ในหันกลับมาสนใจเขา
“หืมมม”
“ผมคิดว่าผมเหมือนแก้วใบนั้น” เด็กหนุ่มผิวขาว ดวงตาตาเล็กหยี หากแต่มีรอยยิ้มที่ใครเห็นก็ต้องยิ้มตามชี้ไปที่แก้วสีฟ้าสด ที่มีลวดลายแปลกตาสีขาวและสีแดงตัดสลับกัน บนชั้นวางแก้วที่ทางร้านวางเอาไว้ขาย “แต่สำหรับฮยอง ถ้าฮยองเป็นจานรองแก้ว ก็คงต้องวางขายในร้านขายของสะสมหรู คงหาซื้อในที่แบบนี้ไม่ได้”
“แล้วทำไมฮยองต้องเป็นจานรองแก้ว” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามพลางจิบอเมริกาโน่ของตัวเองเบา ดวงตาคมกริบที่ใครหลายๆ คนยอมรับว่ามันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของคนๆ นี้จ้องมองกลับไปยังคนตัวเล็กช่างพูด
“เพราะผมเป็นแก้วไง” เด็กหนุ่มหัวเราะคิกคักกับคำตอบก่อนจะวางแก้วมอคค่าในมือลง
“แก้วกับที่รองแก้วเป็นของคู่กัน แต่ผมเป็นแก้วธรรมดาๆ ที่ราคาอาจไม่แพง แต่เน้นที่ดีไซน์อะไรแบบนั้น ในขณะที่ฮยองเป็นที่รองแก้วที่ดูมีคุณค่าจากช่างฝีมือยุคโบราณ บางทีของที่คู่กัน แต่มันไม่มีทางจะเข้ากันเสมอไป เหมือนผมกับฮยอง เราไม่เหมาะสมกัน” เด็กหนุ่มตัวเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง และมองสบไปยังดวงตาคู่คมที่เขาเคยยอมรับว่าในตอนแรกเขาก็แพ้ให้กับดวงตาคู่นี้
“ผมเหมาะสมกับที่รองแก้วที่วางขายในร้านแบบเดียวกันมากกว่า และฮยองก็เหมาะสมกับแก้วใบสวยเปราะบางที่เหมาะให้ฮยองคอยปกป้องมากกว่าผม เราไม่เข้ากัน พอๆ กับที่ผมไม่ได้ชอบฮยองมากพอ และผมก็รู้ว่าฮยองไม่ได้ชอบผม ฮยองมีคนอื่นอยู่แล้วในใจ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างหลังกล่าวประโยคนั้นจบ และเอนพิงกายกับเบาะนั่งจนตัวเล็กๆ จมลงไป และมันก็เรียกรอยยิ้มให้กับคนตรงหน้าได้ไม่ยาก
เขายิ้มให้กับท่าทาง และคำพูดของเด็กตรงหน้าคนนี้
“จากนี้ไปเราก็คงไม่ต้องพยายามกันแล้วล่ะ” เสียงพูดน่ารักเอ่ยแทรกขึ้นมาอีกครั้ง และมันก็ทำให้อีกฝ่ายต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
“ที่เธอพูดมันก็จริง”
“อืม แต่อย่างน้อยผมก็ดีใจนะที่ได้รู้จักฮยอง แต่เสียดายที่ฮยองไม่เหมาะกับผม” สิ้นประโยคนั้น หนุ่มหล่อผมทองถึงหลุดส่งเสียงหัวเราะออกมาทันที
“เราใช้ประโยคผิดไปไหม นายควรบอกว่านายไม่เหมาะกับฮยอง” คนพูด ๆ ออกไปด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ และมันก็ทำให้คนตัวเล็กยิ้มจนตาปิด
“ฮยองหลงตัวเองว่ะ”
“ทำอย่างกับเราไม่เป็น แล้วถามตรงๆ นายมีที่รองแก้วในแบบที่นายอยากได้แล้วหรือไง”
คนถูกถามยิ้มจนตาเล็กยิบหยีอีกครั้ง และพยักหน้าตอบรัว ๆ “มีซิ แล้วเขาก็เคยบอกเองว่าเขาจะเป็นจานรองแก้วให้กับผม”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เคร้ง!!
“เฮ้ย!!”
เสียงกระทบกันของแก้วกาแฟหน้าตาน่ารักที่วางเรียงกันบนชั้นวาง ทำเอาคนที่เผลอเอามือไปโดนถึงกับร้องอุทานตามมาชนิดเสียงดังลั้นร้าน ซึ่งมันก็เรียกสายตาของคนที่ยืนอยู่แถวนั้น รวมถึงเด็กในร้านให้วิ่งมาดูเหตุการณ์ด้วยความตกใจ
“ซุ่มซ่ามว่ะมึง” คนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ คนซุ่มซ่ามเอ่ยบ่นก่อนจะรีบเดินนำออกไปจากซอกแคบๆ ในร้านขายเครื่องเซรามิคที่ไอ้เพื่อนรักตัวโย่งมันเกือบเหมาร้านเขา
“ขอโทษครับ ขอโทษครับ” คนร่างสูงก้มหัวจนแทบจะโขกพื้นให้กับพนักงานในร้านก่อนจะเดินหันซ้ายหันขวาออกมา และเมื่อเขาเห็นเพื่อนที่ตัวสูงแค่ไหล่ของเขา กำลังยืนดูแก้วกาแฟอยู่อีกด้านของร้าน เจ้าตัวก็วิ่งไปหาทันที และพอเมื่อเขาไปยืนข้างๆ อีกฝ่ายก็แยกเขี้ยวซี่เล็กๆ ใส่ทันทีเช่นกัน
“ถ้ามึงซุ่มซ่ามนักมึงก็ไปรอกูอยู่ข้างนอกเหอะชานยอล กูไม่มีปัญญาช่วยมึงจ่ายถ้ามึงไปกวาดแก้วเขาลงมาหมดทั้งชั้น”
“มึงว่าใครซุ่มซ่าม กูไม่ได้ซุ่มซามสักหน่อยแค่เอามือไปโดน”
“นั่นแหละเรียกว่าซุ่มซ่ามแล้วมึง”
เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อปาร์คชานยอลถลึงตาโตๆ ใส่อีกฝ่ายและยื่นมือไปหมายจะจี้คอเล็กๆ ตรงหน้า และเมื่อคนตัวเล็กเห็นก็รีบย่นคอหนีทันทีทันใด
“ไอ้ชานยอล มึงก็รู้ว่ากูบ้าจี้ เดี๋ยวกูก็กวาดแก้วเขาลงมาหมดหรอก” คนที่ยังย่นคอหนีอยู่บ่นพลางหยีตาหลบมือใหญ่ๆ นั่น และเมื่ออีกฝ่ายเห็นคนตัวเล็กไม่มีทางสู้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก่อนที่จะดึงมือกลับไป
“ไอ้เลว” คนตัวเล็กสบถเบาๆ หลังจากที่เห็นว่าตัวเองรอดพ้นจากมือใหญ่เท่าใบลานของไอ้เพื่อนตัวใหญ่ผิดมนุษย์มนา
“ปากดีเดี๋ยวโดน แล้วนี่เมื่อไหร่มึงจะเลือกได้สักที และมึงจะซื้อแก้วกาแฟไปทำไมว่ะแบคฮยอน”
เด็กหนุ่มที่ชื่อแบคฮยอนยู่ปากสีสดจนน่ารัก ก่อนจะเอานิ้วเรียวเล็กที่ใครๆ ต่างก็ชมว่ามันสวยกว่านิ้วผู้หญิงหยิบแก้วกาแฟสีน้ำตาลแดงขึ้นมาพลิกดู
“แก้วที่กูใช้ประจำหูมันหักเมื่อวาน กูอยากได้ใหม่”
“อ๋อ”
“มึงว่าอันนี้สวยไหมว่ะชานยอล”
“ก็ดี”
“แล้วอันนี้ล่ะ” แบคฮยอนหยิบแก้วสีเขียวที่เป็นลายนกสีขาวขึ้นมาแล้วยื่นให้เพื่อนดู
“อันเดิมดีกว่า อันนี้น่ารักไป”
“อ้าวน่ารักก็เหมาะกับกูซิ” แบคฮยอนแกล้งพูดแล้วก็หัวเราะกับมุกของตัวเอง
“นี่ใครบอกมึงเนี่ยว่ามึงน่ารัก”
“กูรู้ด้วยตัวกูเองว่ากูน่ารัก หรือมึงจะเถียง” บยอนแบคฮยอนยื่นหน้ายื่นตาพูด และมันก็ทำให้คนร่างสูงกว่าถึงกับยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวที่เรียงกันเป็นแนว
โอเคปาร์คชานยอลยอมรับว่าบยอนแบคฮยอนน่ารัก แต่เขาจะไม่ชมมันหรอก
“แต่เป็นเพราะมึง และกูเป็นเพื่อนที่ดี กูเลยเลือกอันสีน้ำตาล”
“อย่าเนียนกูรู้ว่ามึงอยากได้ใบนั้นอยู่แล้ว”
“มึงสมกับเป็นเพื่อนรักของกูจริงๆ ปาร์คชานยอล”คนตัวเล็กเอื้อมมือไปตบไหล่ชานยอลเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจที่ชั้นวางแก้วอีกครั้ง
“แล้วมันไม่มีจานรองแก้วเหรอว่ะ”
“มึงจะเอาจานรองแก้วไปทำไม”
“ก็กูอยากได้ ดูซิใบนั้นยังมีเลย”แบคฮยอนชี้ไปที่แก้วใบสีเขียวที่เพิ่งตัดใจไม่เอาไป แล้วเจ้าตัวก็ทำหน้าลังเล
“บางทีนะแก้วกาแฟมันจะสวยสมบูรณ์มากขึ้นถ้ามันอยู่กับจานรองแก้วที่สวย ดูใบสีขาวนั่นซิตัวแก้วก็ธรรมดา แต่จานรองแก้วมันทำให้มันสวยมากขึ้น”
“อืมม”ปาร์คชานยอลครางในลำคอก่อนมองตามแก้วที่เรียวนิ้วสวยเพิ่งชี้ไป
“แล้วนอกจากสวยแล้ว มันมีประโยชน์อะไรอีกไหมไอ้จานรองแก้วเนี่ย”
“มึงอย่ามาซื่อบื้อน่าชานยอล มันก็เอาไว้รองไม่ให้น้ำมันหยดลงบนโต๊ะไงมึง ไว้วางช้อนหลังเราชงเครื่องดื่มแล้ว หรือคอยช่วยกันไม่ให้แก้วกระทบกับของอย่างอื่นโดยตรง หรือบางทีมึงก็เอาไว้วางขนมก็ได้”
“เออก็จริง กูลืมคิด”
“คิดซะบ้าง มึงอย่าเอาหัวไว้กั้นหูกางๆ ของมึงอย่างเดียว”คนปากไวเอ่ยก่อนจะหันไปก้มหน้าก้มตามองแก้วกาแฟต่อ และคนตัวสูงก็แอบย่นจมูกและเอามือใหญ่ตบหัวเล็กนั่นเบาๆ
“ตีกูทำไมเนี่ยไอ้โย่ง”
“มึงปากดีไง”
“โย่ง กูอยากได้จานรองแก้วอ่ะ”
“แล้วจะให้กูทำยังไงล่ะ มึงก็ซื้ออันที่มีจานรองซิ”
“แต่กูอยากได้อันนี้นี่”คนตัวเล็กยังงอแงต่อ ซึ่งมันทำให้อีกฝ่ายได้แต่หัวเราะเอิ้กอ้ากใส่
“ไว้ก่อนก็ได้ เอาไว้ให้กูหาเจออันโดน ๆ ก่อน” บยอนแบคฮยอนเอ่ยตัดใจก่อนที่เดินหันหลังมาจากชั้นวางแก้วเหล่านั้น และเพื่อนตัวโย่งก็รีบสาวเท้าตามออกมาทันที หากแต่ยังไม่ทันพ้นประตูร้าน ปาร์คชานยอลก็เหลือบไปเห็นแก้วใบโตที่เป็นรูปหน้าของนกตาโตชนิดนึงวางโชว์อยู่ที่หน้าตู้กระจก
“เฮ้ยไอ้ใบนั้นโครตฮาเลยว่ะ ฮาฮ่าๆๆ” พูดไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังระเบิดเสียงหัวเราะลั่น แถมยังปรี่ไปที่หน้าตู้และตบมือตบไม้เสียยกใหญ่ “แม่มหน้าโครตเหมือนคยองซูเลย กูควรซื้อไปให้มันไหม” ปาร์คชานยอลเอ่ยปนสำลักเสียงหัวเราะของตัวเอง และมันก็ทำให้เพื่อนตัวเล็กได้แต่มองด้วยความละอาใจ
“เรื่องแค่นี้มึงบจะขำอะไรของมึงหนักหนาอายคนอื่นบ้าง แล้วตามันก็โตพอๆ กับตามึงนั่นแหละไอ้บ้า” บยอนแบคฮยอนทำได้แต่บ่น พลางปิดหน้าตัวเองจากสายตาคนอื่น...
เป็นเพื่อนปาร์คชานยอลต้องอดทนจริงๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อากาศในช่วงฤดูร้อนที่มีเพียงไม่กี่เดือนต่อปีนั้นพอเหมาะที่จะมานั่งเล่นกลางแจ้งบริเวณโต๊ะหน้าซุ้มคณะศิลปกรรมแบบนี้ และตั้งแต่เข้าหน้าร้อนมาบยอนแบคฮยอนก็เลือกที่จะลากกลุ่มเพื่อนสนิทมานั่งตรงนี้ทุกเช้า
ไอ้เรื่องอากาศดีมันก็เรื่องหนึ่ง แต่มันมีอีกเรื่องที่เขาไม่เคยเอ่ยบอกใครว่าทำไมเขาถึงเลือกจะมานั่งตรงนี้ทุกเช้า และเขาก็คาดหวังว่าเพื่อนๆ จะไม่รู้อีกด้วย
“น้องกูมาโน่นแล้ว” เสียงทุ้มๆ ปนง่วงงุนของคิมจงอินเอ่ยขึ้นมาและมันทำให้แบคฮยอนหลุดจากภวังค์ทันที เจ้าตัวรีบเงยหน้ามองตามสายตาของเพื่อนผิวแทนไปจนเห็นใบหน้าที่ทั้งหล่อทั้งน่ารัก ของเด็กหนุ่มผมทองผิวขาวจัด กำลังยิ้มจนตาหยีให้กับชายหนุ่มร่างสูงผิวแทนที่เดินมาคู่กัน แต่สายตาของแบคฮยอนไม่ได้หยุดแค่ตรงนั้น
“ถ้าคริสฮยองจะหล่อได้กลบรัศมีเพื่อนๆ รอบตัวขนาดนี้ กูว่าเขาควรไปเดินคนเดียวเสียดีกว่า” บยอนแบคฮยอนเอ่ยขึ้นมา และหัวเราะคิกคัก โดยที่ยังไม่ได้ละสายตาจากคนที่เดินอยู่กลางกลุ่ม
ชายหนุ่มคนนั้น คนที่สูงที่สุดในกลุ่ม ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวจัด เรือนผมทองถูกเซทให้เข้ากับรูปหน้าคม ริมฝีปากอิ่ม บุคลิกสง่า และที่ดึงดูดสายตาของคนทั่วไปมากที่สุดคงเป็นดวงตาคู่คมที่ไม่เคยหลบตาใคร ซึ่งมันบอกได้ว่าเจ้าของดวงตาเป็นคนมั่นใจในตัวเองขนาดไหน
อู๋อี้ฟ่าน หรือคริส หนุ่มนักศึกษาบริหารอินเตอร์ ปี 3 ที่ใครๆ ในมหาวิทยาลัยต่างก็รู้จัก ใครๆ ก็รู้ว่าคริสหล่อ เท่ห์ รวย และเรียกเก่ง เรียกได้ว่าฟูลออฟชั่น คริสถือสัญชาติแคนาเดี้ยน หากแต่เชื้อชาติของเขาเป็นคนเซี่ยงไฮ้แต่กำเนิด และเพื่อนๆ ในกลุ่มนั้นก็ต่างเป็นเด็กหนุ่มจากประเทศจีน ที่มีทั้งนักเรียนทุน และนักเรียนแลกเปลี่ยน จะมีก็แค่โอเซฮุนลูกพี่ลูกน้องของคิมจงอินเพื่อนสนิทของแบคฮยอนเท่านั้นที่ไม่ใช่
“เพราะว่ามึงชอบเขาน่ะซิมึงถึงเห็นว่าเขาเด่นกว่าคนอื่น เพราะถ้ากูมองไปกูเห็นแต่พี่ลู่หาน” คิมจงอินเอ่ยกวนแทรกเข้ามาในความคิดของแพคฮยอน และเืมื่อคนตัวเล็กหันไปมองหน้าเจ้าขอเสียง เจ้าตัวก็ยักคิ้วให้อย่างกวนๆ และมันก็ทำให้แบคฮยอนยู่ปากจนกลมดิกด้วยความไม่สบอารมณ์
“ใครบอกมึงว่ากูชอบเขา”
“อ้าวก็จริงไหมล่ะ กูไม่ยักกะเห็นคริสฮยองของมึงเลย”
“ไอ้กัมจงกูไม่ใช่มึงนิ แล้วกูก็แค่แซวเขาเล่น”
“แต่มองเขาทุกวัน ชอบก็บอกมาเหอะ” คนถูกเรียกว่ากัมจงยังไม่เลิกล้อ และมันก็ทำให้ปาร์คชานยอลที่นั่งอยู่ตรงข้ามคนทั้งคู่ได้แต่หันซ้ายทีขวาที
“กูไม่ชอบผู้ชายสักหน่อย”
“ขอให้จริงเหอะ มึงพูดถึงเขาทุกเช้า”
“ก็บอกแล้วว่าแค่แซวเล่น แล้วมึงล่ะชอบลู่หานฮยองแล้วเมื่อไหร่มึงจะบอกเขาสักที”
เด็กหนุ่มผิวแทนกรอกตาไปมาด้วยท่าทางล้อเล่นก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “ยังไม่ถึงเวลา แล้วบางทีกูก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องบอก”
“อะไรของมึง” คนตัวเล็กทำสีหน้างงๆ ก่อนจะหันไปหาเพื่อนร่างโย่งที่ทำหน้าเหมือนหมางงไม่ต่างกันเพื่อจะให้หาคำตอบ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้
“เอาเหอะอย่ามายุ่งเรื่องของกูเลย กูจัดการเองได้ กลับมาเรื่องของมึงดีกว่า ถ้ามึงชอบเขาให้เซฮุนมันช่วยไหม”
“ไอ้กัมจงกูบอกแล้วไงว่าไม่ได้ชอบ”
คิมจงอินหัวเราะเบาๆ กับท่าทางเถียงสุดใจ แต่แก้มกลับแดงปลั่งของเพื่อนตัวเล็กตรงหน้า หากแต่เมื่อเขาเหลือบมองไปยังเพื่อนอีกคนก็เห็นว่าชานยอลจ้องมองเพื่อนตัวเล็กนิ่ง ถ้าเป็นปรกติปาร์คชานยอลคงจะช่วยเขาแกล้งแบคฮยอน หรือไม่ก็โวยวายเสียงดัง แต่ทำไมวันนี้ชานยอลถึงแปลกไป แล้วสายตาที่มองมันก็ผิดปรติ
“มาแล้ว” เสียงแง๊ว ๆ ของคนมาใหม่ดึงความสนใจจากคิมจงอินไปจากปาร์คชานยอล เจ้าตัวหันไปมอง น้องชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เพิ่งลงนั่ง บางทีเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกของน้าสาวอย่างโอเซฮุนถึงได้ขาวราวกับกระดาษเอสี่ แต่ไอ้ตัวเขาที่เป็นลูกป้าของเซฮุนถึงได้ผิวแทนเซ็กซี่ยังกับกระดาษรีไซเคิลต่างกับน้องชายขนาดนี้
“เซฮุน ฮยองมีอะไรให้นายช่วย”
“อะไรฮะ”เซฮุนรีบดึงหลอดชานมไข่มุกออกจากปากก่อนจะเอ่ยถามกระตือรือล้น
“แบคฮยอนฮยอง เขาแอบชอบว่าที่พี่เขยนาย ช่วยเป็นพ่อสื่อให้เขาทีซิ” คิมจงอินเอ่ยก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะลั่น และมันทำให้บยอนแบคฮยอนถึงกับหันไปลงไม้ลงมือกับไอ้เพื่อนช่างกวนทันที
“ไอ้กัมจง มึงนี่ไม่ตายดีแน่ มึงไปบอกน้องแบบนี้ได้ยังไง”
“เฮ้ยพอๆ อย่าตีกัน” เสียงทุ้มๆ ของปาร์คชานยอลดังขึ้นทันทีแล้วเขาก็รีบลุกขึ้นห้ามศึก
โอเซฮุนยังอมหลอดชานมไข่มุกค้างไว้ในระหว่างมองฮยองทั้งสองคนกำลังลงไม้ลงมือกันโดยมี ชานยอลฮยองลุกขึ้นโน้มตัวคว้าเพื่อนตัวเล็กเอาไว้จนแทบจะลากขึ้นมาเกยบนโต๊ะ
หากแต่ในระหว่างนั้นเขาก็เริ่มประมวลผลคำพูดของพี่ชาย
“เฮ้ยจงอินฮยองแล้วใครเป็นว่าที่พี่เขยผม!!”
“อ้าวก็คริสฮยองไง” คิมจงอินตอบปนเสียงหอบหลังจากหลบหมัดพัลวัลของคนตัวเล็กได้ ซึ่งจริงๆที่หลบได้ก็เพราะตอนนี้ปาร์คชานยอลลากไอ้ตัวเล็กไปนั่งนิ่งข้างตัวได้สำเร็จแล้ว
“เฮ้ย ผมไม่ได้เป็นอะไรกับจื่อเถาสักหน่อย แล้วคริสฮยองจะมาเป็นว่าที่พี่เขยผมได้ยังไง” โอเซฮุนเถียงเสียงอู้อี้ หากแต่พี่ชายผิวแทนกลับแกล้งพ่นลมหายใจเหมือนไม่เชื่อ
“ขอให้มันจริงเหอะว่าไม่เป็น”
“ก็จริงนิ”เด็กหนุ่มตัวสูง หน้าตาหล่อเหลา ปนน่ารักเถียงเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะหันมาสนใจกับเพื่อนพี่ชายที่นั่งหอบอยู่ในอ้อมกอดของร่างโตๆ ของปาร์คชานยอล
“แล้วจริงเหรอที่ว่าแพคกี้ฮยองชอบคริสฮยอง”
“จริง” “ไม่จริง” สองเสียงของคิมจงอิน และบยอนแบคฮยอนประสานราวกับนัดกัน จนโอเซฮุนหัวเราะตาหยี
“ถ้าฮยองชอบผมจะช่วยให้จริงๆน๊า คริสฮยองไม่มีแฟนหรอก เอาไหมผมช่วย” เซฮุนดูจะไม่รับฟังคำปฏิเสธจากคนร่างเล็ก แถมยังหันไปไฮไฟว์กับพี่ชายที่ส่งมือมาขออีกต่างหาก
“บ้าเหรอ” บยอนแบคฮยอนตะโกนออกมา แต่กลับผินหน้าจนแทบจะฝังกับอกเพื่อนรัก ปาร์คชานยอลก้มมองเพื่อนสนิท ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มจางๆ ให้กับน้องชายเพื่อนที่ยังนั่งหัวเราะอยู่
ทำไมไม่รู้ เขาไม่ยักกะรู้สึกสนุกกับเหตุการณ์พวกนี้เลย
ความคิดเห็น