ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FICTION] FICTION ROOM [CHANBAEK,KRISLAY,KAILU]

    ลำดับตอนที่ #27 : [KaiLu SF] Love No Choice [HBD Xiao Lu Project] 100%

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 56


    ยังกล้าจะบอกว่าเป็นฟิควันเกิดเสี่่ยวลู่ แต่ไรท์เตอร์ถือว่ายังอยู่ในเดือนเกิดก็ยังลงได้ พอคิดได้แล้วไม่อยากให้เสียฟิลที่อุตสาห์คิดฟิคได้ไป อ่านเอาสนุก ๆ เน้อค่ะฟิคแนวลั้ลล้าๆ สไตล์บันทึกเด็กเสี่ย อ่านก่อนจะปั่นบัญทึกใหม่เสร็จ (ปั่นยากจุงเบย)
     
     
     
     
    ****************************************************


     
    Love No Choice .......
     
     
    Prologue
     
     
     
    ณ ตอนนี้ คิมจงอินขอบอกตรงๆ อย่างไม่อายว่าจนมาก!!
     
     
     
    จนอย่างที่เรียกได้ว่า รามยอนห่อในมือนั้นเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของเขา ก่อนที่ ๆ บ้านจะส่งเงินมาให้อีกสิบวัน ซึ่งคิมจงอินยังนึกไม่ออกด้วยว่าสิบวันที่เหลือเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร...
     
     
     
    มหาลัยปิดเทอม ปาร์คชานยอล เพื่อนรักกลับบ้านนอก และไปเที่ยวเมืองนอกแล้ว
     
     
     
    ส่วนเขากลับบ้านนอกไม่ได้เพราะไม่มีเงิน และพ่อแม่ไม่อยู่จะส่งเงินให้เพราะต้องรอพ่อแม่กลับมาจากญี่ปุ่น
     
     
     
    เพื่อนคนอื่นก็ไม่สนิทพอจะบากหน้าไปยืมเงิน พี่รหัสอย่างคิมจุนมยอนก็ไปออกค่ายอาสาอะไรสักอย่าง
     
     
     
    คิมจงอินอยากตาย!! หรือไม่ก็นอนหลับไปจะได้ไม่หิว มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลย(มั้ง)ก็แค่ซวย เขาแค่บังเอิญจอดมอเตอร์ไซด์ บิ๊กไบท์ที่อุตสาห์เก็บหอมรอมริบตั้งแต่เรียนมัธยมไว้หน้าเซเว่น แล้วขาตั้งมันดันตั้งตรงปูนที่เป็นรอยร้าวมันเลยล้มโครมใส่สาววัยทำงานที่เดินผ่านมาพอดี และทำให้โทรศัพท์เครื่องแพงของหล่อนพัง คิมจงอินไม่มีทางเลือก ที่ต้องจ่ายเงินชดใช้นูน่าคนนั้น และซ่อมมอเตอร์ไซด์ เงินของเค้าหมดเกลี้ยง จะโทรไปขอพ่อแม่ก็ไม่กล้าเพราะพ่อกับแม่ก็ด่าเขาทุกครั้งให้เลิกขี่มอเตอร์ไซด์ .....
     
     
     
    เมื่อเย็นเขาไปผัดผ่อนนูน่าคนนั้นว่าขอเวลาสักสองอาทิตย์ที่จะจ่ายเงินส่วนที่เหลือจากที่จ่ายไปจนหมดกระเป๋าแล้วในวันเกิดเหตุ แต่เธอก็ไม่ยอม เธอบอกเธอก็ต้องใช้โทรศัพท์เธอไม่อยากซื้อเองกลัวจงอินเบี้ยวเธอ แล้วพอต่อรองกันสักพัก นูน่าก็ยื่นขอเสนอมาให้เขาในการหาเงินมาใช้คืน....
     
     
     
     
     
    ข้อเสนอที่ทำให้จงอินคิดว่าเขาอดตายดีกว่า หรือจะยอมขายศักด์ศรี...
     
     
     
     
     
    ข้อเสนอที่ว่าเพื่อนของนูน่าอยากได้ผู้ชายสักคนมาเป็นเพื่อนเที่ยว มาเดทชั่วคราว อารมณ์เหมือนเป็นโฮสต์นั่นแหละ และถ้าจงอินรับข้อเสนอเป็นเพื่อนเที่ยวให้กับเพื่อนนูน่าสักสองอาทิตย์เค้าจะได้เงินมาพอกับที่จะใช้หนี้ และซ่อมมอเตอร์ไซด์ (แถมอาจจะพอเหลือใช้ไปยั้นเปิดเทอม)
     
     
     
     
     
    แต่แค่เป็นเพื่อนเที่ยวกับพี่สาวสักคนที่ไม่รู้จักจงอินก็คิดมากอยู่แล้ว แต่เพื่อนของนูน่าคนที่ว่าไม่ใช่ผู้หญิง ดันเป็นผู้ชาย!!
     
     
     
     
     
    ผู้ชาย = เป็นเกย์
     
     
     
     
     
    เกย์..............คิมจงอินไม่เคยนึกไม่เคยฝันที่อยากมาเกี่ยวข้องด้วย ถึงเขาจะสเปคเกย์ก็เหอะ เพราะสเปคนี่แหละมันทำให้เขายิ่งไม่อยากเข้าใกล้ ไม่อยากเกี่ยวข้อง
     
     
     
     
     
    แถมเป็นเกย์ไม่พอยังเป็นเกย์ต่างด้าวอีกต่างหาก เพราะนูน่าบอกเพื่อนนูน่าเป็นคนจีน
     
     
     
     
     
    ผู้ชาย เป็นเกย์ เป็นคนจีน ........ บ้าไปแล้ว!! คิมจงอินพยายามนึกภาพชายชาวจีนในจิตนาการ เขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องชนชาติเชื้อชาติอะไรนะ แต่ให้ตายเหอะเขาเคยได้ยินแม่เล่าถึงความวุ่นวายของคนจีนตอนไปเที่ยวที่แผ่นดินใหญ่ เคยได้ยินเซฮุนบอกว่าคนจีนพูดจาเสียงดัง แล้วถ้าไม่เชยก็แต่งตัวจัดจนแม้กระทั่งเซฮุนที่ช่างแต่งตัวยังเทียบไม่ได้ เขาไม่ได้แอนตี้อะไรแต่ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างมันก็ทำให้จงอินไม่คิดว่าตัวเองจะชินกับพฤติกรรมอะไรพวกนั้นง่าย ๆ
     
     
     
     
     
    แต่ตอนนี้เขามีทางเลือกเหรอ?
     
     
     
     
     
    คิมจงอินวางซองรามยอนลงกับโต๊ะ เขามองมันด้วยความอาลัย...ก่อนจะหยิบนามบัตรที่นูน่าเพิ่งส่งให้เขาเมื่อเย็นขึ้นมาอ่าน ....
     
     
     
     
     
    “ถ้านายตกลงจะยอมเดทกับเพื่อนฉันนายก็โทรไปหาเขาแล้วกัน เขาชื่อลู่หานนะ”
     
     
    +++++ Love No Choice+++++ 


     

    เหว่ย

     

    เออ......เหว่ยคืออะไรจงอินงง

     

    อ่ะ ยอโบเซโย ยอโบเซโย เออขอโทษนะฮะ

     

    เออครับ คุณลู่หานใช่ไหมครับ คิมจงอินเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ ทั้งๆ ที่มั่นใจไปกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะว่าเขาโทรหาคนไม่ผิด เพราะคนเกาหลีที่ไหนจะรับโทรศัพท์ว่า เหว่ย

     

    “ครับ ลู่หานครับ” พออีกฝ่ายตอบมาว่าใช่คนที่โทรหา มันกลับกลายแทนที่จะทำให้คิมจงอินสบายใจกลายเป็นความมั่นใจนั้นวิ่งลงต่ำยังกับปรอทวิ่งกลับสู่จุดเยือกแข็ง

     

    เอาจริงเหรอ แล้วจะพูดยังไง ถ้าตกลงทำมันจะไม่เกิดปัญหาจริงๆ เหรอ แล้วถึงจะตกลงกันแล้วว่าแค่เป็นคู่เดทแต่เขาจะไม่ซวยพลาดท่าเสียทีใช่ไหม

     

    “ฮัลโหล ๆ ครับ”

     

    “เออ..ครับ”

     

    “อ๋อเห็นเงียบไปอะครับนึกว่าสายหลุด ตกลงใครโทรมาเหรอฮะ”

     

    “เออผมชื่อคิมจงอิน เออคุณรู้จักเยจินนูน่าใช่ไหมครับ”

     

    “รู้จักครับ เขาเป็นเพื่อนของผมเอง”

     

    “เออครับ คือว่าผม คือเยจินนูน่า เออบอกให้โทรหาคุณ เออ.... คือผม คือคนที่ทำโทรศัพท์เยจินนูน่าพัง เออ...”

     

    “อ๋อ น้องคนนั้น” ปลายสายรีบตัดบทก่อนจะได้ยินคำว่าเออมากกว่านี้ ลู่หานอมยิ้มจนแก้มตุ่ยกับเสียงประหม่าของอีกฝั่งของสาย เขากำลังจินตนาการว่าเด็กหนุ่มที่โทรมา ตอนนี้คงอึดอัดน่าดูซินะ แต่คงไม่แปลกหรอกถ้าใครสักคนจะต้องโทรมาคุยเรื่องนี้ ยิ่งไม่ใช่พวกมืออาชีพด้วยแล้ว

     

    “ตกลงจะทำใช่ไหม”

     

    “เออผมสนใจ แต่ผมมีข้อแม้ในการตกลงทำงานกับคุณนะครับ”

     

    “อ๋อ ข้อแม้?

     

    “คุณอยากได้แค่เพื่อนเที่ยวถูกไหมครับ”

     

    “อืมใช่ แต่เป็นเพื่อนเที่ยว ที่ปฏิบัติกับผมเหมือนเราเป็นคนรักกัน”

     

    “เออ....แต่ไม่เกี่ยวกับเซ็กส์ใช่ไหมครับ” คิมจงอินกลั้นใจถามเลยล่ะ เพราะทั้งหมดทั้งมวลเรื่องนี้แหละเรื่องใหญ่สุดของการตัดสินใจรับงานบ้าๆ บอๆ นี้ แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นเสียงหัวเราะก๊ากของอีกฝ่ายแทน คิมจงอินทั้งงง ทั้งรู้สึกอายที่อีกฝ่ายแสดงอาการแบบนี้กลับมา

     

     

    “ไม่เลยไม่เกี่ยว  ผมแค่มีเหตุผลบางอย่างที่อยากได้ใครสักคนมาเป็นแฟนของผมตอนนี้ เด็กน้อยอย่าคิดมากผมไม่ได้จะจ้างคุณไปทำเรื่องอย่างว่าหรอก”

     

     

     

    คิมจงอินชักฉุนเล็กน้อยตอนที่อีกฝ่ายเรียกเขาว่า “เด็กน้อย” เขาไม่ใช่เด็ก แล้วจากน้ำเสียงของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ฟังดูแก่สักหน่อย เสียงของเขายังดูผู้ใหญ่กว่าด้วยซ้ำ ผู้ชายชาวจีนที่ชื่อลู่หานในสาย เป็นคนจีนที่พูดภาษาเกาหลีได้ชัดมาก มีเจือสำเนียงแปลกๆ เล็กน้อยบ้าง แถมน้ำเสียงก็ยังดูเหมือนเด็กหนุ่มด้วยซ้ำ เขาลืมถามเยจินนูน่าไปว่าอีกฝ่ายอายุเท่าไหร่ แต่ถ้าอายุเท่าเยจินนูน่าก็น่าจะราว ๆ เกือบ 30

     

     

    “เออ เอาอย่างนี้แล้วกัน พรุ่งนี้นายว่างไหม” เสียงของลู่หานดึงความสนใจของจงอินกลับมาที่บทสนทนาอีกครั้ง

     

     

    “ก็ว่างครับ”

     

     

    “ถ้าอย่างนั้น เราเจอกันสักบ่ายสามโมง แถวๆ ร้านกาแฟหน้าตึก XXX ได้ไหม” ลู่หานเอ่ยถึงตึกออฟฟิตชื่อดังกลางใจเมืองที่ไม่ไกลจากหอพักของจงอินเท่าไหร่ เด็กหนุ่มเลยตอบรับนัดก่อนจะวางสายกันไป

     

     

    และเมื่อวางสายสิ่งที่คิมจงอินคิดได้ตอนนี้คือ ..... เขาต้องให้อีกฝ่ายทำสัญญากับเขา เพื่อลดความเสี่ยง

     

    เด็กหนุ่มรีบเดินไปคุ้ยหาสมุดโน้ตเล่มเก่าๆ และปากกา ก่อนจะลงมือเขียนข้อตกลงต่างๆ ที่อยากจะเรียกร้องลงไป

     

    “แค่เป็นโฮสต์ก็น่าอายอยู่แล้ว ไม่มีทางยอมให้โกงได้ง่ายๆ หรอกนะคุณคนจีน”

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    ข้อ 1 ระยะเวลาทำงาน 15 วันหลังจากวันเซ็นต์สัญญานี้

    ข้อ 2 คิมจงอินมีสิทธิ์จะปฏิเสธคำสั่งของคุณลู่หานหากเขาเห็นว่าสิ่งที่ให้ทำเป็นการกระทำที่เขาไม่สามารถทำได้จริงๆ

    ข้อ 3 คิมจงอินรับจ้างเป็นคู่เดทเท่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเซ็กส์

    ข้อ 4 คุณลู่หานตกลงยินยอมจ่ายเงินเป็นจำนวน 1,000,000 วอน เป็นค่าจ้างทั้งหมด โดยจะแบ่งจ่ายหลังตกลงสัญญา 500,000 วอน และจ่ายส่วนที่เหลือหลังจบงาน

    .

    .

    .

    “ฮ่ะฮาๆๆๆ นี่นายเรียนนิติเหรอจงอิน” เสียงหัวเราะจากคนตัวเล็ก(กว่าจงอิน) ทำให้เด็กหนุ่มผิวเข้มต้องเบ้ปาก คุณลู่หานหัวเราะจนแทบพูดไม่รู้เรื่อง ดวงตากลมโตสุกใสเมื่อครู่กลายเป็นหยิบหยี หัวเราะปากกว้างจนหน้าเน้อนี่ยับยู่ไปหมด

     

    คิมจงอินอยากรู้ว่ามันน่าขำขนาดนั้นเชียวเหรอ

     

     

    “เปล่าผมเรียนวิศวะ”

     

     

    “เหรอดีจัง เราเคยฝันอยากมีแฟนเป็นเด็กวิศวะนะ” คนตัวเล็กผมทองหัวเราะคิกคัก แต่คนที่นั่งตรงข้ามกลับทำหน้าแหย่ ๆ ใส่

     

     

    “แล้วเมื่อก่อนคุณลู่หานเรียนอะไร”

     

     

    “อักษร”

     

     

    อ๋อเรียนอักษรก็สมควรกับการเป็นเกย์ อันนี้จงอินคิดในใจลึกๆ มาก

     

     

    “แล้วไอ้ข้อ 2 นี่มันอะไรที่สามารถปฏิเสธคำสั่งได้ ถ้าเป็นการกระทำที่ไม่สามารถทำได้อ่ะ”

     

     

    “ก็ถ้าคุณขอให้ผมทำอะไรผิดศีลธรรม หรือไม่ก็สั่งให้ผมทำอะไรแปลกๆ ผมทำไม่ได้หรอก”

     

     

    “อ๋อๆ เข้าใจแล้ว เราไม่ให้นายทำอะไรพวกนั้นหรอก” คนตัวเล็กยิ้มกว้างก่อนจะหยิบปากกาแล้วเขียนข้อความเพิ่มเติมลงไปในกระดาษ

     

     

    ข้อ 5 คิมจงอินต้องมาอยู่กับลู่หานตลอด 15 วัน ในการทำงาน

     

     

     

    ลู่หานเขียนเสร็จก็หมุนกระดาษกลับไปหาคนตรงข้าม

     

    ห๊า!! อะไรคือต้องไปอยู่กับคุณ” คิมจงอินอ้าปากก่อนจะเอานิ้วจิ้มๆไปไอ้ที่ข้อ 5 ที่เพิ่งโผล่มาใหม่

     

     

    ถึงคุณลู่หานจะผิดลุคไปจากเกย์ต่างด้าวในความคิดเขาเยอะก็เหอะ ไม่ได้ตัวใหญ่ เป็นเกย์ก้ามปู ไม่ได้เอะอะเสียงดัง ไม่ได้ดูออกสาวอะไรแบบนั้นออกจะหน้าตาน่ารักเหมือนนักร้องบอยแบนด์ ตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อย ตาโตเป็นประกาย ยิ้มสวย หน้าออกหวานๆ เหมือนตุ๊กตา ขนาดผู้ชาแท้ๆ อย่างจงอินยังยอมรับเลยว่าอีกฝ่ายน่ารักเอามากๆ แต่ความน่ารักก็ไม่ได้หมายถึงเขาจะยอมรับข้อแม้ข้อสุดท้ายนั่นได้ ถึงแม้ว่าหน้าตาท่าทางของคุณลู่หานมันจะทำให้เขาไม่ลำบากใจที่จะรับงานนี้ก็เหอะ

     

     

     

    “ผมไม่รับข้อนี้ได้ไหม ทำไมผมต้องไปอยู่กับคุณ”

     

     

     

    “ฮ่าๆๆๆ กลัวอะไรล่ะ นายคิดมากอยู่หรือเปล่าเนี่ย” ลู่หานหัวเราะจนตาหยีอีกแล้ว “อย่าคิดมากเลยฉันมีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องให้จงอินไปอยู่ด้วย คือแบบนี้นะ ที่จ้างมาน่ะไม่ได้แบบเป็นพวกขี้เหงาอะไรแบบนั้นนะ แต่แค่อยากได้ข้อมูลไปทำงานน่ะ”

     

     

    “ทำงาน? คิมจงอินขมวดคิ้วย่น

     

     

    “อืม เราเป็นนักเขียนน่ะ”

     

     

    “เขียนนิยาย?

     

     

    “ก็ไม่เชิงเขียนหลายๆ แบบส่วนใหญ่มักเป็นหนังสือพวกบทความเมากกว่า แต่พอดีได้คำสั่งมาให้ลองเขียนเกี่ยวกับความรัก ชีวิตรักแต่เราไม่เคยมีแฟน เลยไม่รู้จะหาข้อมูลอะไรมาเขียน จะสอบถามจากคนอื่นๆ ก็คิดว่าไม่พอ เลยอยากลองหาข้อมูลเองว่าคนมีแฟนเขาปฏิบัติกันอย่างไร”

     

     

    “ไม่เคยมีแฟนเลยเหรอครับ”

     

     

    “อืม....ก็มีที่แอบชอบบ้าง แต่ไม่เคยคบใครหรอก”

     

     

    “เออแล้วทำไมต้องจ้างผู้ชาย เออหมายถึงจ้างผม”



    “ฮ่ะฮ่าๆๆ ก็เราไม่ชอบผู้หญิง ส่วนทำไมต้องเป็นจงอิน พอดีเรากำลังหาคนอยู่ แล้วเยจินนูน่าก็แนะนำนายมา”

     

     

    ลู่หานเลี่ยงไม่ตอบความจริงว่า เยจินนูน่าโฆษณาสรรพคุณเด็กหนุ่มโชคร้ายที่เจอไว้แค่ไหน นูน่าเพื่อนร่วมงานที่สำนักพิมพ์บอกว่าเด็กหนุ่มที่ทำรถล้มใส่เธอนั้นหล่อเข้ม เป็นสเปคของลู่หานแน่ๆ แถมเรียนมหาลัยดัง บุคลิกดี สุภาพ แล้วมีความรับผิดชอบ เพราะช่วยพาเยจินนูน่าไปหาหมอถึงไม่ได้บาดเจ็บอะไร ยอมรับผิดชอบถึงแม้จะดูลำบากมากก็เหอะ เขากับเยจินนูน่าเลยสงสารเลยคิดจะช่วย แล้วก็ถือโอกาสหากรณีศึกษามาเพื่อใช้กับงานของลู่หานอีกด้วย

     

     

    “คุณลู่หานไม่ชอบผู้หญิง? เสียงทุ้มๆ ของคิมจงอินดึงลู่หานกลับสู่บทสนทนาอีกครั้ง

     

     

    “อือมม”

     

     

    คิมจงอินทำหน้าเจือนก่อนจะพยายามปลอบใจว่าถึงคุณลู่หานจะเป็นเกย์จริงๆ แต่ก็ยังดูท่าทางไม่คุกคาม น่าจะคุยกันได้ง่าย

     

    “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เริ่มงานนะ จะไปรับที่หอ หออยู่ตรงข้ามกับมหาลัยใช่ไหม สักบ่ายสี่โมงจะไปรับ เตรียมแค่เสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวเล็กน้อยก็พอ” ลู่หานเอ่ยพลางก้มลงไปเซ็นต์ชื่อที่กระดาษที่จงอินเรียกมันว่าสัญญา แล้วก็ยื่นคืนให้กับคิมจงอิน พร้อมกับเงินห้าแสนวอน

     

    คิมจงอินรับมันไว้มือไม้สั่นๆ พลางคิดว่าเขาไม่มีทางหนีงานนี้ได้แล้วล่ะมาถึงตรงนี้

     

    +++30%+++



     

    คิมจงอินกำลังยืนคว้างอยู่กลางห้องเช่าเล็กๆ ที่มีเพียงโซฟาสีดำเรียบ ๆ ตั้งอยู่ติดกับตู้ใส่รองเท้า มีตู้โชว์ที่หาซื้อมาประกอบได้ง่าย ๆ จากแผนกเฟอร์นิเจอร์ในล็อตเต้ มาร์ท ที่เอาไว้วางโทรทัศน์และเป็นอุปกรณ์แบ่งเขตที่นอนกับที่นั่งเล่น ที่นอนแบบเตียงเดี่ยวมีผ้าปูสีดำตัดสีแดงคลุมไว้ ที่มุมห้องด้านหนึ่งมีจอคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ ส่วนอีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้าแบบบิวท์อิน ส่วนฝั่งที่ติดกับหัวนอนเป็นตู้บิวท์อินไว้วางหนังสือที่นอนระเกะระกะจำนวนมาก รวมถึงเอาไว้ห้อยธงของทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ส่วนห้องครัวเป็นเพียงเคาท์เตอร์เล็กๆ ที่มีเตาไฟฟ้ากับไมโครเวฟตั้งอยู่ มีจานที่อยู่ในซิงค์ล้างจานสองสามใบและตู้เย็นเล็กๆ โทรมๆ  หน้าห้องน้ำมีตะกร้าเสื้อผ้าใช้แล้ว แต่เสื้อผ้ากลับกองเรี่ยราดอยู่รอบตะกร้า...

     

     

    ห่างไกลจากที่คิดไว้นัก นึกว่าคุณลู่หานจะเรียบร้อยน่ารักเหมือนหน้าตา นี่เป็นเกย์ประสาอะไรดูไม่มีอะไรเนี๊ยบเลย แล้วชวนคนอื่นมาอยู่ด้วย แต่ห้องเล็กเท่าแมวสองตัวดิ้นตาย

     

     

    โซฟากางออกจะเป็นที่นอนได้ ซื้อมาตอนลดราคาคุ้มมาก จงอินนอนที่นั่นแล้วกัน

     

     

    เวรกรรมอันใดที่ต้องมาลำบากลำบนนอนบนเตียงพับแบบนี้ จงอินได้แต่คิดแต่ก็ทำได้แต่พยักหน้ารับ

     

     

    มีโต๊ะญี่ปุ่นพับเอาไว้หลังโซฟา จงอินเอามาไว้วางคอมเล่นได้ รหัสไวไฟเขียนเอาไว้ที่เราท์เตอร์แล้ว แล้วมีอะไรอีกน๊า คนตัวเล็กเคาะปลายนิ้วกับริมฝีปากสีมชมพู ดวงตาลูกกวางกลอกกลิ้งเมื่อยามใช้ความคิด เด็กตัวโตยืมมองได้แต่กระพริบตาปริบๆ ....

     

     

    คนอะไรเหมือนตุ๊กตาชะมัด

     

     

    จงอินสลัดความรู้สึกชื่นชมใบหน้าน่ารักนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว และเลือกที่จะใส่ใจกับคุณภาพชีวิตของเขาตอนนี้เป็นอันดับแรก

     
     

    ผมว่าหาอะไรกินกันก่อนดีกว่าครับคุณลู่หาน จงอินละคำว่าเพราะผมไม่ได้กินอะไรหลังจากที่กินแพนเค้ก กาแฟ และพายอีกสองชิ้นที่ขอห่อกลับบ้าน หลังจากที่เจอคุณลู่หานเมื่อวาน


     

    อืมก็ดี เออจงอินไม่ต้องเรียกเราว่าคุณก็ได้ เรียกฮยองก็ได้นะ คนตัวเล็กยิ้มน่ารักใส่จนคนหล่อผิวเข้มตาแทบพร่า คิมจงอินพยักหน้ารับหงึกหงัก อย่างไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายเป็นพี่จริงๆ เหรอ

     

     

    ลู่หานฮยองอายุเท่าไหร่ครับ

     

     

    ยี่สิบสี่ คนเป็นพี่พูดคำว่ายี่สิบสี่ช้าๆ ด้วยน้ำเสียงไม่ชัดนัก จงอินรู้สึกแปลกๆ ที่คิดว่ามันน่ารักดี

     

     

    เออผม 20

     

     

    ห่างกันตั้ง 4 ปีเลยเน้อ

     

     

    แต่คิมจงอินกำลังคิดว่า ระยะห่าง 4 ปีมันดูแคบมากๆ ยิ่งอีกฝ่ายหน้าตาท่าทางแถมบุคลิคเหมือนเด็ก 16 ขนาดนี้

     

     

    เออ เรากินอะไรกันดี จงอินพยายามนึกหมายเลขโทรศัพท์ อาหารตามสั่งสารพัดชนิด เขากำลังคิดว่าจะเสนอไก่ทอดขึ้นมาเพราะไม่ได้กินนานแล้วหากแต่ประโยคที่หลุดออกมาจากริมฝีปากจิ้มลิ้มมันทำลายความหวังของเขาพังพินาศ

     

     

     

    มีรามยอนอยู่ตรงตู้เหนือซิงค์ มีสักสองสามห่อได้มั่งจงอินต้มแล้วเผื่อฮยองด้วยแล้วกัน

     

     

     

    ทำไมคุณภาพชีวิตคิมจงอินไม่ดีขึ้นเลยล่ะ ..... ไหนว่าตกลงจะมาเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอลู่หานฮยอง

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

    นี่จงอิน~” รุ่นพี่ตัวเล็กเดินถือสมุดเล่มหนึ่งมาวางแปะตรงหน้าจงอินที่กำลังซู๊ดรามยอนอยู่ คนหน้าแบ๊วเงยหน้าขึ้นมาก่อนทำน้ำเสียงตื่นเต้น

     

     

    เรามาทำแพลนกันเหอะ

     

     

    แพลน?”

     

     

    ก็แพลนว่าเราจะต้องทำอะไรบ้างไง คือไปเดทที่ไหน ต้องทำอะไรกันบ้าง จงอินเคยมีแฟนไหม?”

     

     

    เออเคยมี จำนวน 1 คนถ้วนสมัยไฮสคูลปีสอง หลังจากนั้นเขาก็มีมอเตอร์ไซด์เป็นแฟน

     

     

    ดีๆ ตอนจงอินมีแฟนจงอินทำอะไรบ้าง ลู่หานฮยอง ทำหน้าตั้งใจฟังราวกับเวลาจงอินฟังแลคเชอร์วิชา Engineering Mathematics (ที่ถ้าไม่ตั้งใจจงอินจะแทบลากเลือดตอนสอบ)

     

     

    เออ ... ก็ไม่ได้ทำอะไร

     

     

    ก็แบบเดทที่ไหน ปฏิบัติยังไงบ้างอะ

     

     

    คิมจงอินพยายามจะนึกย้อนไปสมัยวัยป๊อปปี้เลิฟ สมัยนั้นยังเด็ก เบี้ยน้อยหอยน้อย จะไปเดทอะไรได้มากมายกัน

     

     

    ก็ตอนเย็นหลังเลิกเรียนหลังผมซ้อมบาสเสร็จ ก็ไปส่งเขาที่บ้าน เราเรียนห้องเดียวกัน เสาร์อาทิตย์ ก็ไปเดินเล่นกันบ้างแต่ไม่บ่อย แล้วก็ไปดูหนัง

     

     

    แล้วสวนสนุกล่ะ

     

     

    ตอนนั้นไม่มีตังค์ค่าเข้า

     

     

    ลู่หานเบ้ปากกับกรณีศึกษาของเขาก่อนจะก้มลงไปจดนู้นนี่ลงสมุด

     

     

     

    แล้วไปต่างจังหวัดกันบ้างไหม

     

     
     

    ตอนนั้นผมยังเด็ก

     

     

    อ๋อ

     

     

    แล้วมีแค่นี้เหรอที่ทำกัน

     

     

    อืม คิมจงอินไม่ได้บอกต่อว่าเขาคบกับแฟนแค่สามสี่เดือนเท่านั้นแหละ

     

     

    ลู่หานเคาะปลายปากกากับปลายคางก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามเด็กหนุ่มอีกครั้ง

     

     

    แล้วเทศกาลพิเศษล่ะ

     

     

    เทศกาลพิเศษ?”

     

     

     

    แบบวันเกิดอะ

     

     

    ก็ไม่ได้ทำอะไร จงอินแค่ไม่ได้ตอบว่าเขาเลิกกับแฟนก่อนถึงวันเกิดของเธอ แต่ถึงจะถึงวันเกิดของเธอเขาก็คิดไม่ออกหรอกว่าจะทำอะไร

     

     

     

    ไม่โรแมนติคเอาเสียเลย ลู่หานเอ่ยขึ้นมาก่อนจะก้มลงไปจดยุกยิกลงบนสมุด จงอินกลับไปซดน้ำรามยอนจนหมด แล้วลู่หานก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมยื่นสมุดจดใส่หน้าเขา

     

     

    พรุ่งนี้ตอนเช้าออกไปวิ่งออกกำลังกายกัน แล้วตอนบ่ายก็ไปสวนสนุก คิมจงอินเลิกคิ้มมองตัวอักษรที่เขาอ่านผ่านตานั่นอีกหน ออกกำลังกายตอนเช้าคืออะไร!!

     

     

    ทำไมต้องออกกำลังกายตอนเช้า

     

     

     

    ก็ฮยองชอบไปวิ่งจ็อกกิ้ง จงอินก็ควรจะไปด้วย ตอนนี้เราเป็นแฟนกัน เราก็ไปวิ่งด้วยกันคุยกัน น่าจะโรแมนติคดี

     

     

    โรแมนติค?”

     

     

    อืมมม

     

     

    ตรงไหนกัน ผมตื่นสิบโมงนะถ้าไม่มีเรียน

     

     

     

    ไม่ได้จงอินต้องตื่นหกโมงเช้า ออกกำลังกายตอนเช้ามันดีต่อร่างกาย คิมจงอินเบ้หน้า นึกอยากจะร้องไห้แต่ก็ทำไม่ได้

     

     
     

    อย่าบอกนะว่าทำไม่ได้ จะไม่ทำ แต่นี่มันไม่ได้ผิดศีลธรรมอะไรนะ ห้ามปฏิเสธ ถ้าปฏิเสธยกเลิกสัญญาเลย

     

     
     

    จงอินทำได้แต่พยักหน้าเหมือนจะขาดใจตาย ........

     

     
     

    แล้วตอนเย็นไปสวนสนุกกัน ฮยองเคยไปตอนสมัยมาอยู่เกาหลีใหม่ๆ อยากไปอีก ลู่หานหัวเราะคิกก่อนจะเอาปากกามาวาดเป็นตัวการ์ตูนหน้าตาแปลกๆ ลงไปในกระดาษ ทำหน้าอมยิ้มมีความสุข ราวกับเด็ก..

     

     

     

    คุณลู่หานไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการจริงๆ .... นี่มันไม่ใช่ ภาพลักษณ์เกย์นุ่มนิ่ม แต่งตัวจัดๆ หรือไม่ก็หล่อเนี๊ยบจนเกินชายอย่างที่เขาเคยเห็น หรือเรื่องเล่า แต่นี่ลู่หานฮยองทำลายภาพลักษณ์นั้นไปหมดสิ้น... และคิมจงอินเริ่มรู้สึกเหมือนเขามาเป็นพี่เลี้ยงเด็กชัดๆ
     

    +++50%+++
     

     

    ตอนนี้คิมจงอินเหนื่อยมั๊ก....

     

    เขาเป็นคนแข็งแรงนะ ออกกำลังกายอยู่บ่อยๆ ทั้งกีฬาบาส และการขี่มอเตอร์ไซด์... แต่มันยังไม่รู้สึกว่าใช้แรงมากเท่ากับใช้ชีวิตอยู่กับ นายจ้าง แฟนกำมะลออย่างลู่หานแน่ๆ 

     

    คุณลู่หานวิ่งไปวิ่งมายังกะเด็กห้าขวบไปทั่วสวนสนุก บนผมทองๆ นั่นถูกสวมด้วยหมวกรูปเป็ด ส่วนของจงอินเป็นรูปหมี ริมฝีปากเล็กเจื้อยแจ๋วเล่าว่าเคยไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ และชอบโดนัลดั๊กมาก ๆ คนตัวโตกว่าได้แต่พยักหน้าหงึกหงักเออออตามไป

     

    แต่คิมจงอินมีข้อสังเกตบางอย่างสำหรับการมาเที่ยวคราวนี้.....

     

    ถึงลู่หานฮยองจะวิ่งไปมาจนทั่วสวนสนุก มีไปเล่นเครื่องเล่นบ้างแต่ก็พวกถ้วยหมุน (ที่จงอินรู้สึกอายเด็กมาก) ฮยองตัวเล็กก็ไม่เห็นเล่นเครื่องเล่นอะไรอย่างอื่นเลย

     

     

    เล่นไวกิ้งไหม จงอินชี้ไปที่เจ้าเรือโจรสลัดที่กำลังแกว่งไปมา ซึ่งเป็นของเล่นเบสิคสำหรับสวนสนุกทั่วๆ ไป หลังจากหายเหนื่อยจากการวิ่งตามลู่หานแล้ว หากแต่คนตัวเล็กกลับส่ายหัวดิก

     

     

    ไม่เล่นเหรอ”

     

     

    “ไม่อ่ะ” คนตัวเล็กรีบเดินไปหามาสคอสหมาตัวโตก่อนจะเรียกให้จงอินถ่ายรูปคู่ให้ แล้วหลังจากนั้นก็วิ่งตื้อไปซื้อไอศครีมรสชาเขียวมาเดินกินใบหน้าเปื้อนยิ้ม หากแต่ไม่ว่าจงอินจะชวนอีกฝ่ายเล่นเครื่องเล่นอะไร ลู่หานก็ปฏิเสธหมด จนมาถึงรถไฟเล็กที่ไว้นำชมรอบสวนสนุก คนตัวเล็กจึงรีบวิ่งไปต่อแถวพร้อมกวักมือให้จงอินรีบตามมาเข้าแถวทันที

     

     

    ดวงหน้าน่ารักดูตื่นเต้นตลอดเวลาที่ยืนเข้าแถว แต่ตรงข้ามกับใบหน้าหล่อคมของคิมจงอินสิ้นเชิง เด็กหนุ่มร่างสูง นักศึกษา คณะวิศวกรรมปี 3 กำลังมองไปในแถวที่มีแต่เด็กที่ไม่น่าเกินไฮสคูล คุณลุงคุณป้า มีคนหนุ่มสาวแค่พวกเขาสองคนกับคู่รักอีกคู่

     

     

    คิมจงอินโอดครวญในใจ ทำไมการมาเที่ยวสวนสนุกของเขาคราวนี้มันถึงได้หวานแหว แคนดี้ลูกกวาดขนาดนี้

     

     

    “จงอินดูตรงโน้นซิ เค้าจัดดอกไม้ส๊วยสวยเน้อ” ลู่หานฮยองกำลังเอานิ้วเล็กๆ ชี้ไปที่สวนทิวลิปสารพัดสี จงอินก็เห็นมันสวยดีแหละ แต่ต้องตื่นเต้นขนาดเท่าที่คนตัวเล็กส่งเสียงดังแบบนี้หรือไม่เขาไม่แน่ใจ แล้วมือก็ยังกำไอศครีมที่ยังกินไม่หมดไว้แน่นอีก คิมจงอินกำลังตัดสินว่า ลู่หานฮยอง ของเค้าคงโกงอายุ อายุจริงอาจไม่ถึง 10 ขวบก็ได้

     

     

    แล้วอยู่ดีๆ รถไฟขบวนเล็กจากที่แล่นๆ อยู่บนพื้นดินกลับค่อยๆ เคลื่อนตัวตามรางที่ยกขึ้นเหนือจากพื้นดิน ร่างเล็กที่เคยชะเง้อหน้ามองนู้นมองนี้กลับค่อยๆ ถอยตัวเองมาติดพนักเก้าอี้ ดวงตากลมเหมือนลูกกวางโตขึ้น

     

     

    “ทำไมรถไฟมันขึ้นไปสูงล่ะ”

     

     

    “ก็ถ้ามองจากที่สูงหน่อยมันจะได้เห็นวิวชัดมั่ง”

     

     

    “ทำไมฮยองไม่รู้ว่ามันมีช่วงรางที่สูงด้วยอะ” คนตัวเล็กบนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังยึดติดเบาะนั่ง มือที่กำไอศครีมที่ใกล้จะหมดยิ่งกำแน่น

     

     

    คิมจงอินมองภาพนั้นด้วยความแปลกใจ ก่อนจะค่อยๆ แกะมือเล็กที่กำไอศครีมนั้นให้ปล่อย

     

     

    “ฮยองกลัวความสูงเหรอ”

     

     

    คนตัวเล็กไม่ตอบคำถาม พยายามทำหน้านิ่ง แต่พอรางรถไฟยิ่งขยับระดับ หน้าน่ารักนั่นก็ยิ่งดูซีดลง ทั้งๆ ที่รางรถไฟสูงจากพื้นดินเพียงสักแค่สามเมตร

     

     

    “ถึงว่าชวนเล่นอะไรไม่เล่น กลัวความสูงนี่เอง”

     

     

    “ไม่ได้กลัวนะ เราแค่ไม่ชอบ!!”  ลู่หานทำหน้าบึ้งโดยที่จงอินแทบจะกลั้นยิ้มไม่ได้

     

     

    “โอเคไม่ชอบก็ไม่ชอบ งั้นกินนี่ให้หมดก่อน ละลายเลอะไปหมดแล้ว” จงอินยื่นไอศครีมที่เหลือแค่ปลายโคนให้ลู่หาน คนตัวเล็กทำปากยื่นเหมือนคนกำลังงอนเต็มประดา ไม่ยอมกิน คนเด็กกว่าแต่ตัวโตกว่าหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะจับไอศครีมเจ้าปัญหานั้นเข้าปาก

     

     

    คนหน้ารักทำหน้าเหวอก่อนแก้มใสจะค่อยๆ เกิดริ้วแดงจนเห็นชัด และมันค่อยๆ ลามถึงใบหู

     

    คิมจงอินประหลาดใจกับท่าทางแบบนั้นของรุ่นพี่ตัวเล็ก แต่จงอินคงไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายคิดไกลไปแล้วว่ามันเหมือนจูบทางอ้อม

     

     

    “นายกินของฮยองได้ยังไงกัน” ลู่หานบ่นงุ๊งงิ๊งก้มหน้าก้มตา

     

    “เหลือแค่นั้นยังจะหวงอีก แล้วก้มหน้าทำไมกันดูตรงนั้นซิ เขาทำเป็นป่าน่าเข้าไปเดินเล่นชะมัด” จงอินเอามือจับปลายคางเล็กให้เงยขึ้น ก่อนชี้ชวนให้อีกฝ่ายดูสวนจังเกิ้ล  โดยไม่สังเกตเลยว่าแก้มของอีกฝ่ายแดงจนแทบสุก มือเล็กรีบปัดมือที่จับปลายคางตัวเองออกทันที

     

     

    “อย่าดื้นน่าฮยองไม่ร่วงไปง่ายๆ หรอก มานี่เขยิมมาใกล้ๆ ซิ”

     

     

    คนตัวเล็กส่ายหัว จงอินเลยเขยิบเข้ามาใกล้เอามือจับมือเล็กที่เกาะเบาะไว้แน่นให้กำมือของเค้าไว้ แล้วจับยกขึ้น

     

     

    “นี่ไงผมจับมือฮยองไว้แล้ว ผมไม่ปล่อยให้ฮยองตกหรอก ตรงนั้นสวยจริงๆ นะ นั่งชิดเบาะแบบนี้มองไม่เห็นหรอก” จงอินยิ้มกวาง จนตาเป็นเส้นโค้ง .

     

     

    ลู่หานมองมือใหญ่ที่กุมมือเขาไว้ ฟังเสียงทุ้มที่ปลอบโยนเขา ก่อนจะค่อยๆ ชะเง้อหน้าออกไปจากตัวรถ ในสวนจังเกิ้ลกำลังมีโชว์เหมือนโชว์คนป่าอยู่ สวนโดยรอบก็สวยแปลกตาจริงๆ ด้วย ถ้าไม่ก้มลงไปก็คงไม่เห็น

     

    ลู่หานหันกลับไปยิ้มหวานให้

     

     

    แต่ตอนนี้คนผิดปรกติกลับไม่ใช่คนตัวเล็กอีกแล้ว รอยยิ้มนั้นกำลังทำให้จงอินวูบวาบในท้อง แถมมือที่จับกันไว้ก็รู้สึกอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด อุ่นอย่างที่ไม่อยากจะปล่อย

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    ระยะเวลาการใช้ชีวิตเป็นแฟนกำมะลอของจงอินผ่านมาสามวันแล้ว ชีวิตส่วนใหญ่หมดไปกับการนอนกลิ้งไปกลิ้งมาในห้องขนาดกะทัดรัด(เป็นคำเรียกอย่างสุภาพที่จงอินคิดได้ มันเพราะกว่าที่จะใช้คำว่าห้องแคบๆ) การไปวิ่งจ๊อกกิ้งด้วยกัน พอเข้าวันที่สองจงอินก็ขอลาขาด แล้วขอเปลี่ยนเป็นไปวิ่งตอนเย็นแทน นายจ้างใจดีก็ยอมรับข้อเสนอ

     

    การอยู่ด้วยกันกับคุณลู่หาน ไม่ได้ลำบากอย่างที่จงอินคิดไว้ อีกฝ่ายกันเอง ไม่เรื่องมาก นิสัยดี และจงอินก็คิดว่าคุณลู่หานน่ารักดี

     

     

    น่ารักในแบบที่หาจากผู้ชายรอบตัวยาก

     

     

    อืมถ้าไม่นับโอเซฮุน..เพื่อนร่วมคณะที่ทำตัวน่ารัก มุมิ ครุคริ จนจงอินเรียกว่าอ้อยอะนะ

     

    ตอนแรกจงอินก็กลัวว่าคุณลู่หานถ้าไม่เป็นเกย์ก้ามปู ก็จะเป็นอ้อยควั่นอย่างเซฮุน ซึ่งจงอินคิดว่ามันรับมือยากพอๆ กัน

     

     

    “จงอิน” เสียงเรียกนั้นปลุกจงอินจากภวังค์ เด็กหนุ่มหันไปมองคนเรียกหลังจากนั่งเปิดโทรทัศน์ดูรายการข่าวยามเช้า แต่คิดเรื่องอื่นเรื่อยเปื่อยอยู่

     

     

    “วันนี้ฮยองจะเข้าบริษัทนะ”

     

    “ตอนนี้เลยเหรอครับ”

     

     

    “อืม แต่ไม่ได้รีบอะไร”

     

     

    คิมจงอินเงยหน้าไปมองนาฬิกาคิตตี้สีชมพูที่ฝาผนัง มันบอกว่าตอนนี้ 9 โมงเช้าเขามีนัดกับเพื่อนๆ ที่มหาลัยสิบเอ็ดโมง จงอินคิดว่าเขาออกไปส่งลู่หานฮยองก่อนค่อยกลับมามหาวิทยาลัยเวลาก็น่าจะพอดี

     

     

    “ผมไม่ส่งฮยองไหม”

     

    “ไปส่ง?”  ลู่หานเอียงคอน้อยๆ ด้วยความสงสัย

     

     

    “ไปมอเตอร์ไซด์ของผมไง ผมจะเข้ามหาลัยตอนสิบเอ็ดโมงอยู่แล้ว”

     

     

    “อ๊า มอเตอร์ไซด์คันใหญ่ของจงอิน” ลู่หานยิ้มกว้างเมื่อนึกรถมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบท์สีดำคันใหญ่สุดเท่ห์ของจงอิน จงอินเพิ่งไปเอามันมาไว้ที่นี่เมื่อวาน ลู่หานคิดว่ามันเท่ห์มากๆ อยากลองที่จะขี่ แต่ไม่กล้าขอเจ้าของเพราะดูท่าจะหวงน่าดู

     

    ไม่ได้ขี่เองได้ซ้อนก็ยังดี

     

     

    “ดีๆ ไปกัน”

     

     

    จงอินหัวเราะกับท่าทางพยักหน้าหงึกหงัก สีหน้าปนสนุกของฮยองตัวเล็ก แล้วเขาก็ขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่จะออกไปข้างนอกพร้อมกัน

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “ช้าๆ หน่อยซิ ไม่เอามันน่ากลัวแล้วนะ”  ลู่หานกำลังตะโกนแข่งกับลมที่ปะทะใบหน้า สลับกับการเอาหน้าซุกหลังของจงอินซึ่งขับมอเตอร์ไซด์อยู่

     

     

    เด็กหนุ่มอมยิ้ม ทำหน้าสนุกที่ได้แกล้งคนอายุมากกว่า เขาก็แค่แกล้งเร่งความเร็วรถตอนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว ไม่นึกว่านอกจากความสูงแล้วลู่หานฮยองยังกลัวความเร็วด้วย

     

    พอจงอินค่อยๆ ลดความเร็วลง คนที่ซุกหน้าอยู่กับหลังก็เอามือทุบเข้าที่ไหล่ทันที

     

     

    “อย่าแกล้งแบบนี้มันน่ากลัว แล้วดูนายใส่หมวกกันน็อคแต่ฮยองไม่มี เอาเปรียบกันชัด ๆ”

     

     

    “ก็เมื่อก่อนไม่มีใครซ้อนนี่ผมจะซื้อหมวกกันน็อคไว้ทำไมล่ะ” จงอินตะโกนแข่งกับลมตอบมาก่อนจะหักเลี้ยวออกถนนเส้นหลัก

     

     

    จากห้องพักของลู่หานไม่ไกลนักก็ถึงตึกสำนักพิมพ์ของคนตัวเล็ก ลู่หานโดดลงทันทีที่รถจอดก่อนจะขยับเป้ที่สะพายไว้ให้เข้าที่เข้าทางแล้วก็เงยหน้ามาสั่งแฟนรับจ้างของตัวเอง

     

    “เย็นนี้มารับด้วยตอน 4 โมงเย็น แล้วไปเดทกัน”

     

     

    “ไปเดทที่ไหน?

     

     

    “ฮยองจ้างนายมานายคิดเองบางซิ” ฮยองตัวเล็กยู่หน้าก่อนจะเดินหันหลังทิ้งให้ไอ้หนุ่มมอเตอร์ไซด์ทำหน้างง

     

     

    “ทั้งๆ ที่ตัวเองคิดว่าจะไปเดทแต่ให้เราคิดว่าจะไปไหนเนี่ยนะ เกย์ก็เข้าใจยากพอๆ กับผู้หญิงแหละ”

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    คิมจงอินคิดแทบหัวจะระเบิดกว่าจะกลั่นกรองมาได้ว่าจะพาคู่เดทปลอมๆ ของเขาไปไหน จริงๆ ต้องบอกว่ากลั่นกรองมาจากความคิดเพื่อนๆ ซึ่งเขาไม่ได้บอกพวกนั้นหรอกว่าที่เขาถามเขาจะพาแฟนไม่จริงของเขาไปเดท ร่างสูงใหญ่ถอดหมวกกันน็อคออกหลังจากที่จอดมอเตอร์ไซด์คันโตที่หน้าตึกแล้ว เขายืนพิงตัวรถด้วยท่าทีสบายๆ แต่ไอ้ท่าสบายๆ นั่นกลับดึงดูดใจสาวๆ ที่เดินไปเดินมาแถวนั้นมากอยู่

     

    เด็กหนุ่มผิวน้ำผึ้งหน้าตาหล่อคม ในเสื้อวอร์มมหาวิทยาลัยสีดำสลับขาว กับกางเกงเดนิมสีดำ ใครเห็นก็ต้องแอบมอง แล้วยิ่งตอนที่ลู่หานเดินมาพร้อมกับนูน่านักเขียน และเยจินนูน่าพี่สาวต้นเรื่อง ทั้งสามคนก็จ้องจงอินตาแทบไม่กระพริบ

     

     

    “แฟนมารอแล้ว” เยจินนูน่าแกล้งแซวจนลู่หานเอามือเอื้อมไปปิดปากพี่สาวขี้เล่นแทบจะไม่ทัน

     

     

    “นั่นแฟนเสี่ยวลู่เหรอ หล่อมาก”

     

    “ไม่ใช่ฮะ”

     

    “ตกลงใช่แฟนหรือเปล่า หรือเขามาจีบเสี่ยวลู่ของพี่” พี่สาวนักเขียนแซวจนคนถูกแซวอายหน้าแดง แล้วได้ทีที่เยจินนูน่ารีบสำทับยืนยันว่าหนุ่มหล่อผิวเข้มหน้าตึกเป็นแฟนของนักเขียนคนน่ารัก

     

    ลู่หานได้แต่คาดโทษเยจินนูน่า ทั้งๆ ที่ตนเป็นต้นเรื่องวุ่นวายนี้แท้ๆ แต่ดูอีกฝ่ายไม่ใส่ใจและดูจะยิ่งสนุกมากที่เห็นลู่หานเขิน แล้วก่อนจะแยกตัวจากกันยังจะมากระซิบแซวทิ้งท้ายอีกว่า

     

    “ระวังเหอะรักแท้อะมักแพ้ใกล้ชิดนะลู่หาน ตอนนี้แค่เป็นแฟนหลอกๆ ต่อไปอาจเป็นแฟนจริงๆ ก็ได้”

     

    +++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    “เรากำลังจะไปไหนเหรอ” ลู่หานเกยคางตัวเองกับไหล่หนา ดวงตาคู่กลมกลอกไปมา บนศีรษะมีหมวกกันน็อคสีฟ้าไม่เข้ากับจงอินเลยสักนิด ตอนแรกลู่หานไม่อยากใส่เพราะมันดูน่ารักไปไม่เหมาะกับรถ แต่จงอินบังคับแล้วบอกว่าอุตสาห์ไปยืมเพื่อนมา เพื่อนที่ให้ยืมก็ดันขี่สกูตเตอร์สีฟ้าขาวเสียด้วยเลยได้หมวกกันน็อกมาแบบนี้

     

    “ไปถึงก็รู้” ถึงจงอินจะรู้สึกจักจี้ที่อีกฝ่ายมายุกยิกที่ไหล่เขา แต่ไม่อยากว่าอะไร ยังคงปล่อยให้คนตัวเล็กเอาคางบ้าง เอาหัวบ้างพิงไหล่เขา จนเด็กหนุ่มค่อยๆ ลัดเลาะจากถนนใหญ่เข้ามายังบริเวณเส้นทางที่มีป้ายบอกว่า Banpo Hangang Park

     

    “เราจะไปริมแม่น้ำฮันกันเหรอ”

     

    “อืม”

     

    “ไปดูน้ำพุ ที่สะพานบันโพ ฮยองเคยดูหรือยัง”

     

     

    คนตัวเล็กส่ายหัวทั้งๆ ที่ยังวางคางอยู่บนไหล่จงอิน

     

     

    “ตกลงเคยหรือไม่เคย ผมมองเห็นที่ไหนว่าฮยองทำอะไรอยู่”

     

     

    “ไม่เคยเลย เคยเห็นแต่ในภาพ แล้วจงอินล่ะ”

     

     

    “ก็ยังไม่เคยเหมือนกัน ผมเพิ่งมาอยู่โซลได้สองปีกว่า ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนหรอก”

     

     

    จงอินค่อยๆ ขับรถเลียบชายฝั่งแม่น้ำฮัน อากาศเย็นค่อย ๆ  ปะทะใบหน้า ลู่หานหลับตาก่อนสูดลมหายใจแรงๆ บริเวณนั้นมีคนมาออกกำลังกายประปราย วิวแม่น้ำที่เห็นอยู่ก็สวยงาม

     

    “ดีจังเลย~~

     

    “ห่ะ?

     

     

    “ดีจังเลยไงชอบแบบนี้จัง ชอบเวลาที่อยู่บนรถมอเตอร์ไซด์ มองวิวข้างทางสวยๆ”

     

     

    “เมื่อเช้ายังบ่นไม่ชอบอยู่เลย”

     

     

    “เมื่อเช้านายขับเร็วนิ ฮยองกลัว”

     

     

    “โอเค ต่อไปเวลาฮยองซ้อนผมจะขับช้า ๆ “

     

     

    “แล้วเวลานายอยู่คนเดียวจะขับเร็วหรือไง”

     

     

    “อืมม”

     

     

    “ไม่ได้ นายขับมันคนเดียวก็ต้องขับช้าๆ ด้วย มันอันตราย ฮยองเป็นห่วง” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงดุ

     

     

    แต่ไอ้ประโยคท้ายที่ว่าเป็นห่วงนี่มันเล่นทำให้คนฟังถึงกับใจกระตุก

     

     

    จงอินเริ่มการเดทคราวนี้ ตามเพื่อนแนะนำด้วยการพาคนรักปลอม ๆ ไปนั่งทานกาแฟ กินขนมที่ร้านกาแฟที่ตั้งยื่นเข้าไปในแม่น้ำฮัน ลู่หานดูจะชอบมากจนจงอินดีใจ อย่างน้อยเขาก็ทำหน้าที่แฟนที่รับค่าจ้างมาได้ไม่บกพร่อง ทั้งคู่จิบกาแฟไปพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะเรื่องของรุ่นพี่นักเขียนชาวจีน จงอินสงสัยว่าทำไมลู่หานถึงมาทำงานที่นี่ แล้วมาเป็นนักเขียนที่เกาหลีได้

     

    ลู่หานได้ทุนมาเรียนที่เกาหลีในระดับปริญญาตรีอักษรศาสตร์ เอกภาษาเกาหลี งานหลักจริงๆ หลังจากเรียนจบคือนักแปล รับแปลหนังสือจีนเป็นเกาหลี หรือเกาหลีเป็นจีน จนช่วงๆ หลังๆ ก็เริ่มงานเขียนของตัวเองไม่ว่าจะหนังสือแนะนำการท่องเที่ยว อาหารเกาหลี หรือเขียนนิยายลงตามเวปแล้วขาย ส่วนเรื่องที่จ้างจงอินมาเป็นแฟนหลอกๆ ก็เพราะว่าได้โจทย์ในการเขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับชีวิตรักหลายๆ รูปแบบ ลู่หานผู้ซึ่งไม่ประสีประสากับความรักมาคิดว่าเขาอาจไปหาข้อมูลจากคนโน้นคนนี้มาเขียนได้ แต่ตัวเขาเองกลับอ่อนด้อยต่อประสบการการมีคนรัก เขาเลยอยากรู้ว่าการมีคนรักจะมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร

     

     

    “แล้วอยู่กับผมมาสามสี่วันฮยองได้ข้อมูลอะไรบ้างหรือยัง”

     

     

    “ก็นิดหน่อย”

     

     

    “อะไรบ้าง”

     

    คนตัวเล็กยิ้มกว้างก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาจิบ “ไม่บอกหรอก ความลับ”

     

     

    จงอินขำเบาๆ นึกอยากจะ ยีหัวคนแก่กว่าที่ทำท่าทางทะเล้นเหมือนเด็ก

     

     

    “อุ้ยจงอิน นั่นน้ำพุกำลังจะเริ่มแล้วหรือเปล่า”

     

    ลู่หานอุทานเสียงดังก่อนจะรีบลุกแล้ววิ่งออกไปยังบริเวณนอกร้านที่ผู้คนที่ตั้งใจมาดูน้ำพุเริ่มทยอยเดินกันมาชมความสวยงามของน้ำพุ จงอินหยิบเป้ทั้งของตัวเองและของคนตัวเล็กเดินตาม เขาเดินตามไปยืนข้างๆ คนตัวเล็กที่เกาะราวเหล็กอยู่

     

     

    “จงอินเดินไปดูตรงริมแม่น้ำกันเหอะ” คิมจงอินพยักหน้าก่อนจะก้าวเท้าไปพร้อมกับคนตัวเล็ก

     

    ลู่หานดูตื่นตาตื่นใจกับภาพแสงไฟและน้ำพุเมื่อยิ่งเดินเข้ามาใกล้ เจ้าตัววิ่งไปถ่ายรูป และฮัมเพลงตามจังหวะดนตรีที่แสดงอยู่เบาๆ จงอินนึกโกรธที่แสงไฟแถวนั้นมืดเสียจนถ่ายรูปคนตัวเล็กที่ยืนยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายวิบวับเหมือนลูกกวางไม่ได้

     

    ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้จะนึกโกรธทำไม

     

    “จับมือกันไหม” จงอินหันไปถาม คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ยกคิ้วขึ้นอย่างข้องใจ

     

    “อากาศมันเย็น แล้วเราก็เป็นแฟนกันไง คือผมคิดว่าคนเป็นแฟนกัน เวลาแบบนี้ควรจับมือกันมั่ง” คิมจงอินพูดจาอึกอัก จนคนฟังต้องยิ้ม ลู่หานยื่นมือเล็กไปกุมมือที่ใหญ่กว่า

     

     

    จงอินเคยจับมือเขาแบบนี้มาหนแล้วตอนที่ไปสวนสนุกด้วยกัน ไม่รู้ว่าทำไมลู่หานถึงรู้สึกว่าเป็นสัมผัสที่อบอุ่นดี คนเป็นแฟนกันเค้าจะรู้สึกแบบนี้ไหม

     

    .

    .

    .

    .

     

    “ฮยองเร็วๆ เดี๋ยวฝนตก” มือใหญ่ยังกุมมือเล็กไว้แน่นและนำวิ่งไปยังรถมอเตอร์ไซด์ของตัวเอง เม็ดฝนตอนนี้ยังเป็นเม็ดเล็กๆ ซึ่งตกขึ้นมาอย่างไม่มีวี่แววในระหว่างดูน้ำพุอยู่ เท้าเล็กซอยตามจนเมื่อถึงมอเตอร์ไซด์คันโต คนตัวโตกว่าก็รีบรื้อเสื้อกันฝนจากใต้เบาะมาสวมให้รุ่นพี่ตัวเล็ก ก่อนจะใส่หมวกกันน็อคสีฟ้าสดตามลงไป

     

    “จงอินไม่ใส่เองล่ะเสื้อกันฝนเนี่ย”

     

    “ผมใส่เสื้อวอร์มน่ามันพอกันฝนได้” คนตัวโตเอ่ยเร็วและเร่งให้อีกฝ่ายขึ้นรถด้วยหวังว่าระยะทางไม่ไกลคงจะทันก่อนฝนจะลงแรง

     

    ฝนตกเป็นเม็ดเล็กๆ มาตลอดทางจนถึงหอพัก จงอินรู้สึกดีใจที่ฝนไม่ตกหนักจนขี่รถกลับไม่ได้ เขากับลู่หานแข่งกันวิ่งขึ้นห้อง คนตัวเล็กชนะเขา (ซึ่งจงอินแกล้งยอมแพ้) วิ่งไปเปิดประตูห้องได้ก่อน

     

    “ตัวเปียกไปหมดเลย” ลู่หานบ่นในระหว่างสะบัดผมสีทองไปมา

     

     

    ให้ตายเหอะจงอินมองแล้วนึกถึงลูกหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์

     

     

    “ฮยองไปอาบน้ำซิ เดี๋ยวไม่สบาย”

     

     

    “ไม่เอาจงอินตัวเปียกกว่าไปก่อนเลย” ลู่หานเดินไปหยิบผ้าขนหนูมายีผมจนยุ่งกว่าเดิม คนอายุน้อยกว่ามองแล้วคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมไปอาบน้ำก่อนง่ายๆ เลยเข้าไปอาบน้ำก่อนเอง

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “หนาววววว”

     

     

    คิมจงอินไม่ใช่คนกลัวผี แต่ไอ้เสียงครางเบาๆ ที่ลอยมานี่มันอะไร อยู่หลายคืนก็ไม่เคยได้ยินเพิ่งมาได้ยินเอาคืนนี้ จงอินรีบคลุมผ้าห่มจนเป็นก้อนกลม พยายามหลับตา และสะกดจิตให้ตัวเองหลับ เขากลัวว่าถ้าเปิดตาขึ้นมาเขาจะเจออะไรที่ไม่อยากจะเจอ

     

     

    “หนาวจังเลย”

     

     

    ไม่ใช่แล้ว มันผิดปรกติไป ผีไม่น่าจะครางแบบนี้ แถมเสียงคุ้นๆ จงอินตั้งใจฟังอีกทีจนจับได้ เขารีบสะบัดผ้าห่มทิ้งแล้วรีบเดินไปเตียงนอนของแฟนกำมะลอของเขา

     

    ตอนนี้ลู่หานหลับตาสนิท แต่กำลังกระสับกระส่ายกอดผ้าห่มแน่น จงอินลงไปนั่งและเอามือแตะที่หน้าผาก ก็พบว่าลู่หานฮยองตัวร้อนมาก

     

    “ไม่สบายเหรอเนี่ย สงสัยโดนฝน” จงอินช่วยขยับผ้าห่มให้ห่มรุ่นพี่ตัวเล็กจนถึงคอ และเดินไปหยิบผ้าห่มของเขามาคลุมทับอีกที พอเสร็จแล้วเขาก็พยายามเดินหายาแก้ไข้ กว่าจะเจอว่ามันซุกอยู่ตรงโต๊ะคอมพิวเตอร์ของเจ้าของห้องจงอินก็แทบจะรื้อห้อง แถมยังได้มาแค่สองเม็ด

     

    “ฮยองตื่นมากินยาก่อน”

     

    คนป่วยครางงึมงำในคอ ดวงตาที่เคยโตปรือปรอย  แก้มแดงจัดจนน่าสงสาร

     

     

    “จงอิน ฮยองหนาว”

     

     

    “ฮยองเป็นไข้ กินยาก่อน” จงอินค่อยๆ ป้อนยา แล้วตามด้วยน้ำ คนป่วยกลืนด้วยความยากลำบาก น้ำใสๆ ไหลออกจากมุมปากจนจงอินต้องค่อยๆ ซับเบาๆ

     

     

    “ฮยองนอนก่อนนะ เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้”

     

    โชคดีที่จงอินอยู่คนเดียวมาจนชิน รู้ว่าจะดูแลคนป่วยยังไง เพียงแต่มันยากที่จะรู้ว่าผ้าขนหนูของลู่หานฮยองอยู่ที่ไหน แล้วจะเอาน้ำใส่อะไร แล้วในที่สุดจงอินก็รื้อผ้าขนหนูแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดผืนเล็กได้มาผืน กับใช้ชามใบใหญ่ที่สุดในห้องใส่น้ำมา จงอินค่อยๆ จับผ้าผืนนุ่มเช็ดหน้า แขนและขา และใช้มันแทนคูลแพคที่หาไม่ได้วางบนศีรษะ

     

    “สบายตัวขึ้นไหม” จงอินก้มไปกระซิบถามคนป่วย ลู่หานได้แต่ครางอือว่ายังหนาวอยู่

     

    “เดี่ยวพอไข้ลดฮยองก็จะหายหนาวนะครับ”

     

    “แต่ฮยองหนาวจัง” มือเล็กเอื้อมมาจับมือหนาไว้แล้วบีบ จงอินเลยค่อยๆ ลูบมือและแขนเบาๆ ร่างเล็กยิ่งซุกตัวเข้าหาเขาเหมือนจะหาไออุ่น

     

    “เฮ้ยๆ ขึ้นมาบนตักแล้ว” จงอินร้องตกใจตอนที่ร่างเล็กเริ่มเลื้อยมาบนตักของเขาที่นั่งอยู่บนเตียง แต่ดูคนป่วยจะไม่สนใจ ลู่หานยังคงพยายามซุกตัวหาไออุ่น จนจงอินเริ่มสงสาร เด็กหนุ่มค่อยๆ ขยับตัวรุ่นพี่ตัวเล็กซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ยอมง่ายๆ จนจงอินต้องพาตัวเองไปนั่งพิงหัวเตียงและปล่อยให้คนป่วยวางศีรษะบนตักของเขา ส่วนมือก็กอดเอวเขาไว้ จงอินค่อยๆลูบศีรษะเล็กเบาๆ ให้ผ่อนคลาย จนได้ยินเสียงลมหายใจเป็นจังหวะนิ่งจงอินจึงรู้ว่าอีกฝ่ายหลับลึกไปแล้ว

     

     

     

    ร่างสูงก้มมองใบหน้าน่ารักที่นอนกอดเอวเขาอยู่ แพขนตายาวปิดสนิท จงอินแปลกใจที่ขนตาของลู่หานฮยองยาวมาก เหมือนเวลาผู้หญิงปัดมาสคาร่าเลยทีเดียว แก้มป่องเนียนอมชมพู ริมฝีปากแดงจัด มีรอยแผลเป็นที่เห็นชัดที่ปากล่าง ลู่หานฮยองเหมือนตุ๊กตา เหมือนมากๆ ยิ่งเวลามองใกล้ๆ แบบนี้ จงอินปัดปอยผมหยักศกสีทองให้เหน็บหู เขาอมยิ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายยู่หน้าเมื่อถูกรบกวน

     

     

    ขอบคุณเยจินนูน่าที่ทำให้เขารู้จักลู่หานฮยอง

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “จงอินทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ” คนเพิ่งตื่นส่งเสียงประหลาดใจ หากแต่พอจะลุกนั่งกลับไม่มีแรง แถมยังมึนหัวจนเซ จงอินที่เพิ่งตื่นต้องประคองร่างที่นั่งหัวเอียงอยู่ตรงหน้า

     

     

    ดวงตากลมยังแดงก่ำ ผิวเนื้อก็ยังอุ่นๆ จงอินเลยเอาหลังมือแนบที่หน้าผากอีกที

     

    “ฮยองเป็นไข้เมื่อคืนนี้ พอให้ฮยองกินยา เช็ดตัวแล้วฮยองบ่นหนาวก็มาเกาะผมไว้แบบนี้” ลู่หานนั่งหน้าแดงที่ไม่รู้ว่าแดงจากพิษไข้หรือแดงเพราะอาย คนตัวเล็กเอ่ยขอโทษงึมงำ จงอินได้แต่บอกว่าไม่เป็นไร

     

     

    “เดี๋ยวผมไปหาอะไรให้ฮยองกินแล้วกัน  ตอนนี้ฮยองพอลุกไหวไหมถ้าไหวผมได้พาไปห้องน้ำ แล้วให้ฮยองเช็ดล้างหน้าล้างตาเช็ดตัว”

     

    คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก พอจะก้าวลงจากเตียงก็เซเล็กน้อย จงอินเลยมาประคองให้เข้าไปจัดการกับตัวเอง ส่วนเขาก็หันไปรื้อของในครัวที่พอจะทำให้คนป่วยกินได้

     

     

    จงอินค้นพบว่า ไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข รามยอนมักจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ เขาต้มรามยอนแล้วค่อยๆ ยกชามมาให้ลู่หานฮยองค่อยๆ ตักกิน แก้มใสเลอะจากปลายเส้นรามยอนที่สะบัด จงอินค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วเช็ดให้ ปลายนิ้วแตะไปตรงไหนลู่หานก็รู้สึกว่ามันร้อนไปหมด หรือไข้จะกลับ

     

     

    “โตแล้วกินยังเลอะ” จงอินแกล้งบ่น แล้วหยิบชามที่ลู่หานปฏิเสธจะกินต่อไปเก็บก่อนจะหยิบยาแก้ไข้ที่เดินไปซื้อมากับน้ำ

     

    “ห้องฮยองรกมากเมื่อคืนกว่าจะเจอยาผมแทบจะรื้อห้อง”

     

     

    “ถึงว่าห้องฮยองอย่างรกเลย” คนตัวเล็กมองกองผ้า กองหนังสือพิมพ์ การ์ตูน และสารพัดที่จงอินคงลากมากองไว้เพื่อหาของ

     

     

    “เดี๋ยวผมเก็บให้น๊า”

     

     

    “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฮยองหายแล้วเก็บเองได้” ลู่หานยิ้มแล้วหยิบยาจากมือหนาขึ้นมากิน

     

     

    พอกลืนยาแล้วร่างเล็กก็ค่อยๆ เลื่อนตัวลงนอน จงอินหยิบผ้าที่เพิ่งชุบน้ำมาเช็ดแขนขาและหน้าอีกหนเพื่อให้ไข้ลด ดวงหน้าน่ารักหลับตาพริ้มรอสัมผัส

     

     

    ลู่หานรู้แล้วล่ะว่าการมีแฟนมีข้อดียังไง ถ้าอย่างนั้นเขาก็อยากให้จงอินช่วยเป็นแฟนที่ดีให้ก่อนในตอนนี้ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีก

     

    “จงอิน วันนี้จะไปไหนหรือเปล่า”

     

     

    “ไม่ครับ”

     

     

    “งั้นฮยองไปนอนตรงเตียงจงอินได้ไหม”

     

     

    “ทำไมล่ะนอนนี้ก็ดีแล้วยสบายกว่า” ร่างเล็กส่ายหัวเบาๆ

     

     

    “อยากนอนดูโทรทัศน์ อยากให้จงอินอยู่ด้วย นั่งตรงนี้จงอินจะเบื่อ”

     

     

    คำพูดจากปากเล็กๆ นั่นทำให้เด็กหนุ่มต้องเลิกคิ้ว ลมหายใจติดขัด จงอินรู้ว่าเขากำลังเขินกับคำพูดน่ารักแบบนี้

     

    “โอเค ถ้าอย่างนั้นไปนอนตรงนั้นก็ได้” จงอินพยุงคนไม่สบายให้มานอนที่โซฟาที่เขายึดเป็นเตียงก่อนจะหอบผ้าห่มหมอนหนุนตามมา ร่างเล็กลงนอนและดึงจงอินให้นั่งที่พื้นข้างๆ เตียง แล้วก็เอาศีรษะเบียดไหล่เขาไว้

     

     

    จงอินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เวลาลู่หานฮยองไม่สบาย แล้วขี้อ้อน นั้นน่ารักกว่าเดิม และอันตรายต่อการเต้นของหัวใจของเขาอีกร้อยเท่า

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    คิมจงอินกำลังนั่งมองปฏิทินที่ตั้งอยู่ข้างทีวี เวลาเดินไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เขามาอยู่ที่ห้องลู่หานฮยองวันที่ 12 แล้วเหลืออีกเพียง 3 วันจะหมดตามสัญญา

     

    เขากำลังจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เป็นคิมจงอินคนเดิมๆ เปิดเทอมไปเรียน แต่งรถ เล่นเกมส์ เล่นบาส

     

    แต่เขากลับรู้สึกแปลกๆ เหมือนเสียดายคิมจงอินตอนนี้

     

     

    “วันนี้ฮยองเข้าออฟฟิตนะ” คนตัวเล็กเดินออกมาจากห้องน้ำ ไปยืนแต่งผมอยู่หน้ากระจกที่หน้าตู้เสื้อผ้า จงอินมองตามร่างเล็กๆ ที่ใส่เสื้อยืดสีเหลืองสวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีส้มก็อดอมยิ้มไม่ได้ สีเสื้อพวกนี้ขับให้ลู่หานฮยองยิ่งดูน่ารัก

     

     

    “ให้ผมไปส่งไหม”

     

     

    “ไปซิ” จงอินยิ้มขำคนที่ตอนนี้ติดมอเตอร์ไซด์ของเขาไปแล้ว เด็กหนุ่มเดินไปหยิบกุญแจรถ แล้วก้าวไปยืนรอให้แฟนปลอมๆ ของเขาจัดกระเป๋าเสร็จแล้วเขาก็หยิบมันมาสะพายให้ พอทั้งคู่ออกจากห้องจงอินก็หันไปล็อกประตู มีเจ้าของห้องยืนยิ้มรออยู่

     

    “จับมือ” ลู่หานพูดพร้อมยื่นมือให้ เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอก่อนรวบมือนั้นไว้ในอุ้งมือของตัวเอง

     

     

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทั้งคู่ทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “วันนี้ให้มารับกี่โมง” จงอินถามก่อนจะรับหมวกกันน็อคสีฟ้าที่ลู่หานเพิ่งถอดมาถือไว้

     

     

    “เดี๋ยวโทรไปบอก วานจงอินรดน้ำต้นไม้ที่ระเบียงด้วยนะ”

     

     

    “ครับผม”จงอินทำท่าตะเบ๊ะ จนคนตัวเล็กต้องหัวเราะ แล้วลู่หานก็เดินเข้าตึกไป

     
     

    จงอินมองตามแผ่นหลังนั้น แล้วเขาค่อยเก็บหมวกกันน็อคที่ยืมเพื่อนมาจนเหมือนยึดในที่เก็บใต้เบาะ แต่ในระหว่างนั้นเขารู้สึกถึงสัมผัสที่มาสะกิดที่แผ่นหลัง

     

     

    “อ้าวเยจินนูน่า” จงอินหันไปทักเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

     

     

    “มาส่งลู่หานเหรอ”

     

     

    “ครับ”

     

     

    “เป็นยังไงบ้าง”

     

    “ฮะ?

     

    “ก็ไปอยู่กับลู่หานเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม”

     

     

    “อ๋อก็ดีครับ สนุกดี ฮยองน่ารักดี”

     

    “เน้อเขาน่ารักมาก ๆ นี่นูน่าแอบเชียร์เลยนะ”

     

     

    จงอินทำหน้างงกับประโยคนั้น เขาพยายามทำเป็นไม่เข้าใจว่านูน่ากำลังแอบเชียร์เขากับลู่หานฮยอง

     

     

    “เออแล้ววันเกิดลู่หานจะไปไหนกันล่ะ”

     

     

    “วันเกิด วันเกิดฮยองงั้นเหรอครับ”

     

     

    “อืมจะไปไหนกันล่ะ ก็เจ้านั่นตอนที่คุยกับนูน่าว่าจะให้เราไปเล่นเป็นแฟนเขาตื่นเต้นจะตายบอกว่าเป็นช่วงวันเกิดเขาพอดี ลู่หานคงอยากรู้ว่าคนมีแฟนเขาฉลองวันเกิดกันยังไง เขาไม่เคยมีแฟนมาก่อน”

     

     

    จงอินนึกย้อนไปวันแรกที่เริ่มสัญญาที่คนตัวเล็กเคยถามเขาเรื่องเซอร์ไพรส์วันเกิดแฟน คงเพราะเขาตอบว่าไม่ได้ใส่ใจ ลู่หานฮยองเลยไม่ได้บอกเขา

     

     

    “เออแล้ววันเกิดฮยองวันไหนครับ”

     

     

     

    “เขาไม่ได้บอกนายเหรอ”

     

     

    “เออ....”

     

     

    “ช่างมันเหอะๆ เขาเกิดวันที่ 20”  จงอินนับในใจ วันเกิดของลู่หานฮยองคือวันสุดท้ายของสัญญา

     

     

    “ถ้ายังไงทำเซอร์ไพรส์อะไรให้เขาหน่อยซิ เขาจะได้ดีใจ”

     

     

    “ครับ”จงอินรับคำก่อนที่พี่สาวใจดีจะโบกมือลาไป

     

     

    จงอินยังยืนอยู่ตรงนั้นเขามองไปบนตึก แล้วพยายามคิด เซอร์ไพรส์แบบไหนกันที่ลู่หานฮยองจะชอบ

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    จงอินกำลังนั่งอยู่ริมแม่น้ำฮัน มีอะไรหลายๆ อย่างที่เขารู้สึกว่าเขาต้องใช้สมาธิมากให้การคิด

     

    และทุกๆ เรื่องมันเกี่ยวกับนายจ้าง แฟนกำมะลอของเขา ลู่หานฮยอง

     

    เขารู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกเหมือนไม่อยากให้สัญญาจบลง เขาอยากอยู่แบบนี้กับลู่หานฮยอง

     

    แต่จะอยู่ในฐานะไหนล่ะ?

     

    แล้วต่อไปเขาจะได้เจอฮยองอีกไหม หรือเมื่อหมดสัญญาก็ต่างคนต่างไป พอคิดแบบนี้จงอินกลับรู้สึกไม่ชอบเลย

     

     

    ลู่หานฮยองกำลังทำให้เขาหวั่นไหว แล้วลู่หานฮยองเป็นผู้ชาย คิมจงอินยกมือขึ้นมาดึงผมตัวเองก่อนจะยีมันจนยุ่ง เขาเหมือนจะบ้า และคิดไม่ตก

     

    ภาพตอนที่พวกเขามาเดทที่ริมแม่น้ำฮันค่อยๆ เข้ามาให้หัวของจงอิน วิถีชีวิตที่ดำเนินด้วยกัน เสียงพูดคุย รอยยิ้ม

     

     

    จงอินไม่อยากจากช่วงเวลาแบบนี้ไปในตอนนี้

     

     

    เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้น และก้าวไปหารถมอเตอร์ไซด์ของเขา ก่อนจะพามันพุ่งแหวกอากาศออกไป

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    “พรุ่งนี้ฮยองไปไหนหรือเปล่า” จงอินภาวนาให้คำตอบคือไม่ได้ไปไหน

     

    “ไม่อ่ะ อยู่บ้านทั้งวันแหละ จงอินจะไปไหนเหรอ”

     

    “เออ ออกไปหาอะไรกินกันไหม ผมเบื่ออาหารกล่องเต็มทีแล้ว”

     

    “กินอะไรล่ะ อย่าแพงมากนะ เงินฮยองยังไม่ออก”

     

    “มื้อนี้ผมเลี้ยง”

     

    “ไปรวยมาจากไหน”

     

    “แม่ผมส่งเงินให้เมื่อวานนี้”

     

    “รวยแล้วซิ พรุ่งนี้ก็จะได้จากฮยองอีก” ลู่หานหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพยักหน้ารับคำชวน

     

    คิมจงอินยิ้มกว้าง ก่อนจะลงไปนอนกลิ้งบนโซฟา พลางซุกหน้ากับหมอนด้วยความเขิน เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้เขากำลังจะทำอะไร

     

     

    “ทำไมต้องนัดมาที่นี่ด้วยนะ” ลู่หานบนงึมงำในระหว่างที่เดินมายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง

     

    ลู่หานกวาดตามองร้านอาหารเล็กๆ หน้าตาน่ารัก ที่จงอินนัดมา เมื่อบ่ายจงอินขอตัวไปธุระแล้วก็หายไป โทรมาบอกเขาว่าให้เขามาที่นี่ตอนหกโมงเย็น พอลู่หานก้าวเท้าเข้าไป เขาก็เห็นจงอินนั่งอยู่ริมกระจกด้านที่ติดกับระเบียง คงเพราะเนื่องจากอากาศเย็น โต๊ะสองโต๊ะที่ระเบียงเลยไม่ได้เปิดให้นั่ง

     

     

    “ไม่ยอมมารับฮยอง” คนตัวเล็กแกล้งทำหน้าบึ้ง

     

    “ผมติดธุระน่า ร้านนี้น่ารักไหม”

     

     

    “น่ารักดี ไม่คิดว่าอย่างนายจะมีรสนิยมแบบนี้” จงอินยิ้ม โดยที่คิดในใจว่าร้านนี้มันก็ไม่ใช่รสนิยมเขาหรอก แต่เขาขับรถหาร้านที่จะทำเซอร์ไพรส์เมื่อสองวันก่อนทั้งวัน

     

    “แล้วทำไมอยู่ดีๆ พามาเลี้ยงร้านแบบนี้ล่ะ”

     

    “ก็วันนี้วันสุดท้ายสำหรับการที่ผมเป็นแฟนรับจ้างของฮยองแล้ว” คำพูดของจงอินทำให้ลู่หานกลืนน้ำลาย

     

    ลู่หานรู้สึกใจหาย หลายครั้งเขาพยายามแกล้งลืมที่จะนับวันเวลา เขาไม่อยากให้สัญญานี้จบ

     

     

    อาจเพราะเขาสนุกกับการมีจงอินอยู่ด้วยตลอด หรือไม่ก็เป็นความผูกพัน ลู่หานไม่รู้หรอกเพราะอะไร แต่เขาไม่อยากจะยกเลิกสัญญานี้ แต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะต่อสัญญา

     

    ถ้าจงอินอยากจะอยู่กับเขา ก็อยากให้อยู่ด้วยใจไม่ใช่เพราะสัญญา

     

    “ฮยองสั่งซิ”

     

    “อืม”

     

    ร้านนี้เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนลู่หานก้มมองเมนูและเลือกอาหารที่พอจะคุ้นมาสองสามอย่าง

     

     

    พออาหารมาเสริฟต่างคนก็ต่างคุยเรื่องเก่าๆ ย้อนช่วงเวลาสิบกว่าวันที่ใช้ร่วมกัน ถึงแม้ทั้งคู่จะหัวเราะ เมื่อคุยเรื่องตลก แต่ภายในใจกลับรู้สึกวูบโหวง

     

     

    “ฮยอง ๆ ต่อไปฮยองยังอยากเจอผมอีกไหม”

     

     

    “จะบ้าหรือไงอยากซิ แล้วนายล่ะ”

     

     

    “ผมก็อยากเจอฮยองเหมือกัน”

     

    ลู่หานยิ้มกว้างกับคำตอบก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบเสื้อโค้ทที่แขวนไว้ขึ้นสวม จงอินเดินมาหยิบเป้ใบสวยขึ้นมาคล้องไหล่แทนรุ่นพี่ตัวเล็ก จงอินเดินตามและมองแผ่นหลังเล็ก หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับเสียงกลอง

     

    ความตื่นเต้นกำลังครอบงำเขา......

     

     

    “ฮยองถือไว้ก่อนนะ” จงอินยื่นเป้ของลู่หานคืนให้ แล้วเขาก็หยิบกุญแจรถไปเปิดที่เก็บของที่เบาะ คนตัวสูงหยิบถุงผ้าสีดำขึ้นมา

     

     

    ลู่หานมองด้วยความแปลกใจ ที่จงอินไม่หยิบหมวกกันน็อคใบสีฟ้าขึ้นมาเหมือนทุกครั้ง

     

     

    จงอินค่อย ๆ ยื่นถุงผ้าใบนั้นให้กับลู่หาน “สุขสันต์วันเกิดครับ นี่ของขวัญของผม”

     

     

     

    ลู่หานอ้าปากค้าง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าจะได้ยินคำอวยพรวันเกิดจากจงอิน

     

     

    “นายรู้ได้ยังไงว่าวันนี้วันเกิดฮยอง”

     
     

    “เอาเป็นว่าผมรู้แล้วกัน ฮยองเปิดของขวัญดูซิว่าชอบไหม” จงอินยิ้มอบอุ่นก่อนจะพยักเพยิดไปที่ถุงในมือของลู่หาน

     
     

    พอคนตัวเล็กเปิดถุงออกมาเขาก็พบวัตถุสีดำเงาอยู่ในนั้น และเมื่อลู่หานหยิบขึ้นมาจึงเห็นว่ามันเป็นหมวกกันน็อค

     
     

    เป็นหมวกกันน็อคสีดำ แบบเดียวกับที่จงอินใช้

     

     

    “ทำไมถึงให้หมวกกันน็อคฮยอง” ลู่หานทำหน้าไม่เข้าใจ ในขณะที่จงอินกัดริมฝีปาก และสูดลมหายใจแรงๆ

     

     

    “ต่อไปเวลาฮยองซ้อนรถผม ฮยองจะได้มีหมวกกันน็อคของฮยองใช้”

     
     

    “แต่ต่อไป..”

     

     

    “ผมไม่อยากให้วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฮยองจะนั่งรถคันนี้ของผม ซ้อนหลังผม และกอดผม ผมอยากให้ฮยองนั่งบนรถคันนี้กับผมอีก อีกนานๆ”

     

     

    คราวนี้ลู่หานยิ่งอ้าปากค้าง ระบบประมวลผมกำลังรวนอย่างหนัก คิมจงอินกำลังพูดอะไร คำพูดพวกนั้นลู่หานจะเข้าข้างตัวเองได้ไหม

     

     

    “ฮยองจะยังอยากนั่งซ้อนท้ายผมอีกไหม นั่งไปอีกนานๆ”

     

     

    “จงอินหมายความว่ายังไง”

     

     

    “ผมกำลังขอฮยองให้ฮยองอยู่ข้างๆ ผม เหมือนอย่างที่ผ่านมา และต่อๆ ไปเราจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมากกว่านี้ ผมคิดว่าผมชอบฮยอง ไม่ใช่แค่สัญญาเป็นแฟนนั่น ผมกำลังชอบฮยองจริงๆ”

     

     

    “คิมจงอิน” คนน่ารักแก้มแดงชาด และกำลังหลบหน้าหลบตาวุ่นวาย ลู่หานงงไปหมดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า

     

     

    จนเมื่อมือใหญ่ค่อย ๆ จับปลายคางเล็กให้หันหน้ามองเขา

     

     

    “ฮยองชอบผมไหม ฮยองจะให้โอกาสผมได้ไหม มันคงจะเร็วไปถ้าผมจะขอฮยองเป็นแฟน แต่ถ้าขอโอกาสที่จะจีบฮยอง และทำความรู้จักกันใหม่จะได้ไหม”

     

     

    .

    .

    .

    .

     

    ลู่หานรู้ว่าเขาโกหกตัวเองไม่ได้หรอก และเขารู้ตัวมาสักพักแล้วว่ารู้สึกยังไงกับเด็กหนุ่มตรงหน้า

     

     

    “อืม ตกลง”

     

     

    คิมจงอินยิ้มกว้างก่อนที่จะค่อยๆ ก้มลงและประทับริมฝีปากกับริมฝีปากเล็กที่เพิ่งพูดคำน่าฟัง

     

     

    ตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกำมะลอกันกว่า สิบห้าวัน นี่เป็นจูบแรกของเขาสองคน

     

     

    ลู่หานปล่อยให้อีกฝ่ายชิมรสริมฝีปากของเขา ก่อนจะค่อยๆ ตีเบาๆ ที่ไหล่กว้าง

     

     

    “ที่ตกลงคือให้จีบ ไม่ได้เป็นแฟนเลยสักหน่อย มาจูบกันได้ยังไง”

     

     

    “จูบนั้นผมจูบในฐานะแฟนของฮยองตามสัญญาไง นี่มันยังไม่เที่ยงคืน ตั้งแต่เป็นแฟนกันยังไม่เคยจูบกันเลยนะ”

     

     

    “ก็นายทำสัญญาเองว่าเรื่องเดทไม่เกี่ยวกับเซ็กส์”

     

     

    “จูบไม่เกี่ยวกับเซ็กส์ ฮยองเรียนจบสุขศึกษามายังไง” ลู่หานยู่ปากก่อนจะทุบที่อกคนช่างแหย่

     

     

    จงอินหัวเราะลั่นก่อนจะก้มมองนาฬิกา พอเขาเงยหน้ามาเขาก็ดึงร่างเล็กเข้ามาใกล้


     

    “ทำอะไรอ่ะ”

     

     

    คิมจงอินเลือกตอบเป็นการกระทำ ร่างสูงก้มลงมาอีกครั้งและจรดปลายจมูกกับหน้าผากเล็ก และค่อยๆ ย้ายไปที่แก้มขาว และจบที่ริมฝีปากเล็ก เขาจูบเบาๆ ผ่านๆ และมองสบตากับร่างเล็กที่ยืนแก้มแดงจัดอยู่

     

     

    “ส่วนคราวนี้เป็นการต้อนรับกับสถานะใหม่ ว่าที่แฟนของลู่หาน ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

     

    “เออยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”

     

    .

    .

    .

     

    เสียงมอเตอร์ไซด์ครางกระหึ่ม ก่อนร่างสองร่างในชุดโทนสีขาวดำ โดยร่างเล็กที่สวมหมวกกันน็อคสีดำใบใหม่กำลังกอดเอวคนขับรถร่างสูงแน่น

     

    วันข้างหน้าจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่ลู่หานคิดว่าอนาคตของการมีแฟนจริงๆ คงน่าสนุกดี

     

     

    ====================== END=====================

     

    เป็นฟิคสั้นที่ยาวมากกกกกกกกกกกก ขอบคุณทุกคนนะคะที่คอมเมนท์ และอ่าน รวมถึงรออ่านเพราะกะปริบกะปรอยมาก 55

    แรงบันดาลใจฟิคนี้มาจาก รามยอนรสชีส มอเตอร์ไซด์น้องชาย แท้ๆ เลยทำให้ได้ฟิควันเกิดพี่ลู่มาได้ ตอนแรกคิดว่าคนไม่ได้เขียนแน่ๆ

    ถ้าเจอคำผิดขออภัยนะคะ  

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×