คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : [KrisLay OS] Love Burns 100% [เพิ่มลิงค์ไปอ่านฉากที่ตัด]
Author: Angel Midori
Genre: Drama
Rating: NC 18+
Pairing: Krislay
ฟิคสนองตัณหาอยากแต่งอะไรแรง ๆ นิดนึง (แต่จะแรงขนาดไหนไม่รู้ปรกติไม่ค่อยทำ 555) อย่างที่เห็นว่าให้ NC 18+ ไม่ใช่เรื่องฉากเซ็กส์อย่างเดียวนะคะ พอดีมีเรื่องความรุนแรงด้วย เลยต้องให้เรตนี้ ปุ้มขอลง 50% ก่อนเดี๋ยวจะมาต่อจนจบ อีก 50% จะมีฉาก NC เพื่อลดความเสี่ยงต่อการโดนแบนคงต้องขอให้ลงอีเมล์ทิ้งไว้ถ้าใครจะอ่านนะคะ
ส่วนใครอยากติดต่อสื่อสารกับปุ้มทางอื่นนอกจากคอมเมนท์ในฟิค ก็คุยกันได้ที่เพจเฟซบุ๊คค่ะ
https://www.facebook.com/AngelMidoriFiction
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทางไปฉาก NC ที่ตัดไปค่ะ Click
เพื่ออรรถรสการอ่าน โปรกดฟังเพลงนี้ประกอบนะคะ
นาฬิกาชีวิตมักจะเที่ยงตรงต่อเจ้าของเสมอแม้ในยามที่เจ้าตัวยังอยากจะหลับตา และฝังร่างตัวเองไว้กับความอบอุ่นเช่นนี้ จางอี้ชิงขยับเปลือกตาช้า ๆ และเหลือบมองแสงอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านโปร่งสีขาวที่ระเบียงห้อง
ตอนนี้ไม่น่าจะเกินเจ็ดโมงเช้า แม้ไม่มีนาฬิกาปลุก แต่ทุกวันร่างกายของเขาก็ถูกโปรแกรมเอาไว้ว่าเวลานี้เป็นเวลาที่จะต้องตื่น ตื่นเพื่อปลุกใครบางคนให้เตรียมตัวที่จะไปทำงาน
อี้ชิงขยับตัวจากท่อนแขนที่พาดทับไว้ช่วงสะโพกของเขาอย่างแผ่วเบา เจ้าตัวขยับร่างช้า ๆ พลางกัดริมฝีปากอิ่ม เพื่อต่อสู้กับความเจ็บปวดและเมื่อยขบ หากแต่กลับพบความเจ็บจี๊ดที่มาไม่ทันตั้งตัว
“โอ้ย!!” ร่างขาวอุทานเบาๆ ก่อนจะแตะปลายนิ้วที่ริมฝีปาก เขาหันไปมองคนที่หลับอยู่ก็เห็นว่าไม่มีท่าทีอะไร
อี้ชิงค่อยๆ วางเท้าลงพื้น ปลายเท้าสัมผัสกับกองเสื้อผ้า และพอวางอีกเท้าก็แตะโดนหมอนข้างที่กลิ้งอยู่ ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะก้มหยิบเสื้อเชิ้ตมาใส่ลวก ๆ และเมื่อเขาเลื่อนสายตาไปอีกเล็กน้อยก็เห็นขวดโซจูที่แตกกลิ้งอยู่ข้างๆ เศษของมันเกลื่อนไปทั่วบริเวณ อี้ชิงนึกดีใจที่มันไม่มาแตกตรงข้างเตียงให้เขาเผลอเหยียบ ร่างขาวหยิบกางเกงยีนส์ของตัวเองไปกอบเศษแก้วพวกนั้นเพราะไม่อยากให้คนที่หลับอยู่ตื่นมาเหยียบ เดี๋ยวก็จะเป็นเรื่องอีก
อี้ชิงหอบกางเกงยีนส์ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเศษแก้วเอาไปทิ้งในครัว แล้วเขาก็พาร่างที่เหมือนพร้อมจะแตกสลายไปยังห้องน้ำ บนพื้นสะท้อนของกระจก ปรากฏภาพของชายหนุ่มผิวขาวจัดจนเกือบซีด ที่โหนกแก้มมีรอยช้ำสีเขียวเข้มอมม่วง ริมฝีปากอิ่มตอนนี้บวมแดงและเห็นรอยแผลปริที่ปากล่าง อี้ชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นภาพบนกระจก
“คงออกไปให้ใครเห็นไม่ได้อีกแล้วซินะ”
ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองก่อนจะค่อยๆ หยิบชายผ้าขนหนูชุบน้ำมาซับบนใบหน้า และค่อยๆ พยายามที่จะทำธุระส่วนตัวในยามเช้าให้เสร็จเรียบร้อย เขาถอดเสื้อเชิ้ตออกและส่องกระจกบานใหญ่อีกมุมของห้องน้ำ ภาพตัวเขาที่ปรากฏนั้นที่ชายโครงมีรอยเขียวช้ำคงเกิดจากการกระแทกกับปลายเตียง ส่วนเนื้อตัวก็มีรอยจ้ำแดงๆ ประปรายไปทั่ว แม้ตอนนี้จะไม่ได้เจ็บมากแต่พอเห็นร่องรอยเหล่านี้ จางอี้ชิงต้องยอมรับว่าเขาเจ็บหนึบไปถึงขั้วหัวใจ เจ็บยิ่งกว่าที่ร่างกายรู้สึกอยู่ตอนนี้เสียอีก
อี้ชิงเลือกจะเลิกสนใจกับรอยพวกนั้น เขาหันไปหยิบเสื้อคลุมผ้าฝ้ายตัวโคร่งมาสวม และเดินออกจากห้องนอน หากแต่ก่อนจะปิดประตูเขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับอยู่บนเตียง เรือนผมสีทองดูยุ่งเหยิง หากแต่ไม่ได้ลดความงดงามบนใบหน้าลงได้ ริมฝีปากอิ่มขึ้นสีแดงจัดจนดูห้อเลือด อี้ชิงไม่อยากพิจารณาอะไรมากกว่านั้น เขาตัดสินใจปิดประตูห้องนอน และเดินเข้าครัวเพื่อไปเตรียมอาหารเช้าอย่างเช่นทุกวันที่เคยปฏิบัติ
.
.
.
.
.
.
.
.
“ทำอะไรอยู่” เสียงทุ้มแหบดังมาจากด้านหลังของอี้ชิง ร่างเล็กหันไปมองก็เห็นว่าคนรักของตัวเองกำลังท้าวแขนอยู่กับกรอบประตู ร่างสูงใหญ่สวมเพียงกางเกงนอน ท่อนบนยังเปล่าเปลือยอวดริ้วแดงที่เนินอกในเขารู้สึกผิด
“วันนี้มีแค่แซนด์วิช คุณคงจะพอทานได้นะครับ”
ร่างสูงไม่ได้ตอบเขาก้าวท้าวยาวๆ มาจนประชิดคนตัวเล็กกว่าเกือบสิบเซ็นต์ติเมตร จางอี้ชิงสะดุ้งเมื่อมือใหญ่บีบที่ไหล่ของเขา เจ้าตัวขยับเหมือนจะหนี หากแต่ฝ่ามือร้อนดึงแขนของอี้ชิงไว้แน่น และใช้อีกมือแตะเบาๆ ที่ข้างแก้มอิ่ม ปลายนิ้วโป้งของคนตัวโตค่อยๆ เกลี่ยเบาๆ ที่โหนกแก้ม ดวงตาคมอ่อนแสงลงราวกับเจ็บปวดกับภาพที่เห็น
“เจ็บมากไหม ฉันขอโทษ”
จางอี้ชิงส่ายศีรษะเป็นคำตอบ
“ฉันไม่อยากทำแบบนี้หรอก นายก็รู้ว่าฉันนิสัยเป็นแบบไหน แต่นายก็ยังดื้อ ฉันเคยบอกนายแล้วว่าฉันไม่ชอบให้นายเถียง พอเราเถียงกันฉันก็คุมตัวเองไม่ได้”
ใช่ซิต่อให้เขาไม่ผิดเขาก็ไม่มีสิทธิอธิบายหรือพูดอะไร เพราะคนตรงหน้าจะบอกว่ามันคือการแก้ตัวการเถียงไปทุกครั้ง คนผิดเป็นจางอี้ชิงคนเดียว ‘อู๋อี้ฟ่าน’ ไม่เคยผิด
“ช่างมันเหอะ มันไม่ได้เจ็บอะไรมาก” อี้ชิงจับมือใหญ่ให้พ้นจากใบหน้าของเขา และหันหลังไปจัดการกับแซนด์วิชที่เขายังหั่นไม่เสร็จต่อ
“อี้ชิง!!” เสียงทุ้มกดเสียงหนักเหมือนกับเริ่มไม่พอใจคนตรงหน้า จางอี้ชิงทำได้แต่ถอนหายใจเบาๆ และแกล้งหันไปฉีกยิ้มให้กับคนที่ยืนทำหน้าบึ้งตึงอยู่
“ไม่ไปอาบน้ำล่ะ นี่สายแล้ว”
พออู๋อี้ฟ่านเห็นคนรักยิ้มให้ และทำท่าทีเหมือนไม่เป็นอะไรเขาก็ลดระดับอารมณ์ของเขาลง ชายหนุ่มกอดร่างเล็กตรงหน้าและก้มลงไปจูบเบาๆ ที่รอยแผลช้ำที่โหนกแก้ม
“ขอโทษจริงๆ ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว เห็นแบบนี้แล้วฉันเจ็บ อยากจะฆ่าตัวเองให้ตาย”
จางอี้ชิงยิ้มหวาน หวานจับใจ และเอื้อมมือไปลูบริมฝีปากแดงช้ำเบาๆ และค่อยๆ เลื่อนมาที่รอยขวนลึกจนเป็นแผลที่่เหนืออกกว้าง
“ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไร ผมเองก็ขอโทษ ต่อไปผมก็จะไม่ใช้อารมณ์กับคุณเหมือนกัน”
อู๋อี้ฟ่านยิ้มกว้างและจูบเร็วๆ ที่เรือนผมหยักศก เขาคลายอ้อมกอดจากคนรักและหันหลังเดินออกไปจากห้องครัว ทิ้งร่างขาวให้ยินพิงสะโพกกับซิงค์และมองตามแผ่นหลังที่เดินจากไป พร้อมหัวใจที่ปวดราวกับมือเล็กกำลังบีบกำหัวใจของตัวเอง
.
.
.
.
.
.
จางอี้ชิงปล่อยให้คนรักนั่งทานอาหารเช้าลำพัง ส่วนตัวเขานอนดูรายการข่าวบนโซฟาสีครีมตัวโต หากแต่ความจริงเหมือนอี้ชิงกำลังแอบลอบมองคนรักอยู่เงียบๆ เสียมากกว่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะนั่งจิบชาอยู่บนโต๊ะเดียวกับอู๋ฟ่าน พูดคุยหัวเราะ ป้อนอาหารให้กัน หากแต่ตอนนี้สถานการณ์ระหว่างเขาสองคนมันไม่ได้หวานชื่นเช่นนั้นอีกแล้ว
ร่างสูงยกแก้วกาแฟดื่มเป็นครั้งสุดท้าย และเจ้าตัวก็หยิบเสื้อสูทที่อี้ชิงมาพาดเตรียมไว้ให้ขึ้นมาสวม
“ฉันจะไปทำงานแล้ว นายจะออกไปหาหมอไหม” อี้ฟ่านเอ่ยถามก่อนจะออกจากห้อง คนที่นอนอยู่ส่ายศีรษะเป็นคำตอบกลับไป
จางอี้ชิงนึกขำเขาจะออกไปหาหมอได้ยังไงกัน ขืนไปทางโรงพยาบาลคงถามว่าเขาไปเจอใครทำร้ายมา แล้วเขาจะตอบได้หรือว่าคนที่ทำให้เป็นแบบนี้ คือคนรักของเขา คืออู๋อี้ฟ่านคนแสนดี
“ถ้าอย่างนั้นอย่าลืมทายาล่ะ แล้วเย็นนี้จะออกไปทำงานไหม”
“ไม่หรอก ไม่อยากออกไปให้ใครเห็น”
“อืมก็ดีแล้ว จริงๆ นายไม่ต้องไปอีกเลยน่าจะดีกว่า ออกจากงานไปเลย ฉันเลี้ยงนายได้อยู่แล้ว”
“เราพูดกันเรื่องนี้แล้วอี้ฟ่าน ขอร้องเหอะนี่ยังเช้าอยู่ผมเหนื่อย” อู๋อี้ฟ่านชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะดึงปิดประตูเสียงดัง มันดังจนทำให้ร่างเล็กที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาสะดุ้ง
อี้ฟ่านคงโมโหเขาอีกแล้ว แต่ช่างมันเหอะเขาเบื่อที่จะพูดคุยเรื่องซ้ำๆ ซากๆ พวกนี้
จางอี้ชิงนอนพาดขาตัวเองกับที่วางแขนของโซฟา เจ้าตัวแกว่งขาเล่นเบาๆ พลางมองเพดานสีควันบุหรี่ ไปจรดที่กำแพงห้อง บนกำแพงประดับภาพของเขากับอู๋อี้ฟ่านอยู่ในกรอบอะคริลิค 3 ภาพ ภาพแรกเป็นภาพตอนเขาไปกวางโจวกับอี้ฟ่านครั้งแรก ชายหนุ่มกอดอี้ชิงจากด้านหลังพวกเขาทั้งคู่กำลังส่งยิ้มกว้างให้กับกล้อง อีกภาพเป็นภาพที่พวกเขาทั้งคู่สวมชุดสูท อี้ฟ่านนั่งอยู่บนเก้าอี้ในมาดที่สง่างาม ส่วนอี้ชิงนั่งอยู่บนที่วางแขนเคียงข้างกันและอมยิ้มน้อยๆ ภาพนี้พวกเขาถ่ายเป็นที่ระลึกตอนที่อี้ฟ่านได้รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดของโรงแรมชื่อดัง ส่วนรูปสุดท้ายเป็นรูปที่ถ่ายกันที่สะพานชาร์ลที่ปราก พวกเขากอดคอกันและหัวเราะสดใส สมกับเป็นทริปฮันนีมูนของพวกเขา
ถ้าใครได้มาเห็นภาพพวกนี้คงอดไม่ได้ที่จะพูดว่าพวกเขาเหมาะสมกัน เหมือนกับที่อี้ชิงได้ยินบ่อยๆ หรือไม่ก็ประโยคที่ว่าอี้ชิงโชคดีที่ได้มีคนรักอย่างอู๋อี้ฟ่าน
ใช่อี้ชิงก็เคยคิดแบบนั้น...
จางอี้ชิงเป็นเพียงนักเปียโนที่ระหกระเหินจากมณฑลเล็กๆ ในหูหนาน ประเทศจีน ครอบครัวของอี้ชิงไม่ได้มีฐานะที่ดีนัก พอถูกชวนให้มาทำงานเป็นนักดนตรีประจำโรงแรมหรูที่กรุงโซลเขาเลยตอบรับแทบจะทันที ทั้งๆ ที่มีคนบอกว่าความสามารถของเขามีมากเกินกว่าจะมานั่งเล่นในล็อบบี้โรงแรม หรือในร้านอาหารโดยที่คนฟังไม่ได้สนใจ หรือตั้งใจจะมาฟัง แต่อี้ชิงก็ไม่สน เขาสนแต่ความมั่นคง และเงินที่จะหามาจุนเจือครอบครัว
ชีวิตที่กรุงโซลของเขานั้นมีเพียงโรงแรม กับที่พัก เพื่อนที่คบหาก็มีเพียงไม่กี่คนที่ทำงานในโรงแรมนั้น ชีวิตเขาแคบ และมีวงจรเหมือนเดิมมานานนับปี จนกระทั่งวันหนึ่งก็มีคนเข้ามาเปลี่ยนโลกของจางอี้ชิงไปจนสิ้นเชิง
คริสอู๋ หรืออู๋อี้ฟ่าน ผู้บริหารหนุ่มอนาคตไกลเชื้อสายจีน-แคนาดา ที่ถูกส่งมาจากฮ่องกง ให้มาบริหารงานที่โรงแรมที่โซล พร้อมพกชื่อเสียงที่เล่าลือว่าสามารถบริหารโรงแรมเปิดใหม่ที่ฮ่องกงให้ได้กำไรมหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ และยิ่งรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา ราวกับเทพบุตร ฐานะครอบครัวที่ใครๆ ก็บอกว่ารวยมหาศาล และอี้ฟ่านเองก็มีโครงการจะกลับไปลงทุนเปิดโรงแรมเองที่ประเทศจีน และแคนาดาหลังจากที่เขาพ้นตำแหน่งที่โรงแรมที่โซลนี้แล้ว สิ่งเหล่าจึงทำให้อู๋อี้ฟ่านกลายมาเป็นผู้ชายที่ใครๆ ก็หมายปองได้ไม่ยาก
แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ดึงดูดจางอี้ชิงเท่ากับอี้ฟ่านเป็นเพียงคนเดียวที่ใส่ใจกับดนตรีของอี้ชิง ชายหนุ่มจะใช้เวลาหลังเลิกงาน หรือระหว่างพักทำงานมานั่งฟังอี้ชิงบรรเลงเปียโน และจากแค่นักดนตรี กับผู้ฟัง ความสัมพันธ์ก็ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นคนรัก และทั้งคู่ก็ตกลงที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
เรื่องนี้ดูคล้ายราวกับเทพนิยาย ที่นักดนตรีฐานะปานกลางจะพบรักกับผู้ชายที่ราวกับเป็นเจ้าชาย หากแต่บนโลกแห่งความจริงซินเดอเรลล่าที่จะได้ใช้ชีวิตคู่กับเจ้าชายอย่างมีความสุขมันไม่มีจริงหรอก....หรือมีแต่มันไม่เกิดกับจางอี้ชิงแน่ๆ
เพราะหลังจากที่อี้ชิงพบว่าอี้ฟ่านมีความสัมพันธ์กับรีเซฟชั่นสาวสวยของโรงแรมหลายคน พวกเขาก็เริ่มทะเลาะกัน และในวันหนึ่งอี้ชิงก็เผลอตบอี้ฟ่านด้วยความไม่ตั้งใจ แต่มันกลับกลายเป็นเหมือนอี้ชิงได้ถอดสลักระเบิดปลดปล่อยอารมณ์รุนแรงของอู๋อี้ฟ่านออกมา
ถกเถียง
ขึ้นเสียง
ด่าทอ
ข่มขุ่
ทำร้ายกัน
และจบที่เซ็กส์
เรื่องพวกนี้มันกลายเป็นวงจรชีวิตของพวกเขาไปเสียแล้ว.....
เมื่อวานนี้อี้ฟ่านมาพบเห็นอี้ชิงคุยกับลูกค้า ที่ชื่อว่า ชเวซีวอน ซึ่งเคยเป็นคนที่จีบอี้ชิงอยู่ ชายหนุ่มก็โมโหและลากเขากลับจากโรงแรมมาที่คอนโดทันที อี้ชิงพยายามอธิบายว่าคุณซีวอนมาสัมมนาและบังเอิญเจอเขา อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจมาหา แต่อู๋อี้ฟ่านก็ไม่ฟัง แล้วมันก็เหมือนเดิม พออี้ชิงพูด อี้ฟ่านก็ตอบกลับด้วยฝ่ามือใหญ่ๆ ที่ฟาดลงที่แก้ม ยิ่งพยายามอธิบายร่างเล็ก ๆ ก็ถูกผลักจนกระแทกกับขอบเตียงนอน หากแต่พอเงียบ อี้ฟ่านก็เอาแต่โมโหหาว่าเขาประท้วง และขวางปาข้าวของจนพังไปทั้งห้อง และก็จบที่ข่มขืนเขา...
และตอนเช้าเหตุการณ์เหล่านั้นก็จะกลายเป็นคำขอโทษ คำหวาน น้ำตา ..... ที่เป็นเหมือนโซ่ผูกข้อเท้าอี้ชิงเอาไว้กับเตียงของอู๋อี้ฟ่าน
.
.
.
“ตกลงคืนนี้จะไม่มาเหรอ” เสียงผู้จัดการคลับเอ่ยถามอี้ชิงด้วยน้ำเสียงกังวล
“ผมไม่สบายครับ”
“ให้ตายเหอะ แล้วฉันจะทำยังไง”
“มีอะไรหรือครับ?”
“ก็วันนี้มีลูกค้าเขาจองโต๊ะเอาไว้ เขาตั้งใจจะเซอร์ไพรส์คนรักขอแต่งงาน ลูกค้าอยากให้นายเป็นคนเล่นเปียโนให้กับเขาเพราะแฟนเขาชอบมาดูนายเล่นบ่อยๆ แล้วฉันก็บอกลูกค้าไปแล้วว่าวันนี้นายจะเล่นที่คลับ อี้ชิงขอร้องล่ะ แค่แป๊บเดียวก็ได้ มาเล่นสักเพลงสองเพลงให้ลูกค้านะ ๆ”
จางอี้ชิงอ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบยังไง เขาเข้าใจถึงความสำคัญนั้น เพราะถ้าเขาไม่ไปแผนที่ลูกค้าคนนั้นวางไว้คงไม่สมบูรณ์ และอี้ชิงไม่แน่ใจด้วยว่าคืนนี้จะมีใครมาแทนเขาหรือเปล่า
“น่าครู่เดียวเอง ลูกค้าก็เป็นลูกค้าประจำ เขาเป็นลูกชายรัฐมนตรีด้วยนะอี้ชิง”
ความสำคัญของลูกค้ามากพอที่จะทำให้เขาปฏิเสธยากขึ้นซินะ อี้ชิงทำได้แต่ถอนหายใจและตอบรับผู้จัดการไปโดยบอกเขาจะเข้าช้า และขออยู่แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นั้น
.
.
.
.
.
ร่างขาวบางกำลังค่อยๆ เกลี่ยคอนซิลเลอร์ให้กลบรอยช้ำบนใบหน้าของเขา อี้ชิงกำลังคิดว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขากับเจ้าเครื่องสำอางชิ้นนี้สนิทกันจนใช้มันคล่อง ชายหนุ่มค่อยๆ ตบแป้งลงบนผิวหน้าขาวละเอียดจนกลบเกลื่อนรอยไปได้บ้าง แล้วเขาก็หยิบกระเป๋าเป้ก้าวเท้าออกจากห้อง...
บางครั้งอี้ชิงนึกอยากจะออกจากห้องนี้ไปตลอดกาล แต่เขาก็ทำไม่ได้ ... เขารักอี้ฟ่านมากเกินกว่าจะเดินออกไปจากชีวิตของคน ๆ นี้ เขามองไม่เห็นทางใดๆ เลยเพียงแค่ก้าวพ้นมาจากอกคนรัก อี้ชิงไม่คิดว่าเขาจะอยู่ได้ถ้าไม่มีอี้ฟ่าน....ฉะนั้นเขาจึงทำได้แต่ทน และหวังว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดีขึ้นเมื่อเวลามันผ่านไป.....จางอี้ชิงทำได้แค่นั้นจริงๆ
“เจ้านั่นซ้อมนายอีกแล้วเหรอ” เสียงคุ้นหูเอ่ยดังจากด้านหลัง อี้ชิงมองผ่านบานกระจกก็เห็นเพื่อนสนิทที่ทำหน้าที่นักร้องจ้องเขาเขม็งอยู่
ไม่มีอะไรต้องโกหก...เพราะลู่หานเคยเห็นพวกเขาตอนลงไม้ลงมือกัน...เคยเห็นรอยแผลตามเนื้อตัวของทั้งอี้ชิง และอี้ฟ่านอยู่บ่อยๆ
“คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ”
“คุณซีวอน”
“มันกลัวล่ะซิ คุณซีวอนเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน กลัวว่านายจะมีทางไป”
“แต่ฉันไม่เคยคิดอะไรกับเขา คุณซีวอนเองก็เหมือนกันเขาไม่ได้คิดอะไรกับฉัน”
“ฉันรู้ แต่แฟนนายล่ะฟังไหม”
อี้ชิงได้แต่ถอนหายใจ...ใช่อย่างที่ลู่หานรู้และเข้าใจ อู๋อี้ฟ่านไม่เคยฟัง...
“หมดจากเรื่องมันเจ้าชู้ ใครเสนอก็รับ ก็มาเรื่องอยากให้นายออกจากงาน รำคาญที่นายจู้จี้ แล้วตอนนี้ก็พาลมาเรื่องหึงนาย แล้วต่อไปจะโกรธนายเรื่องไหนอีกล่ะ คิดเผื่อเอาไว้หรือยังอี้ชิง”
“เสี่ยวลู่ ขอร้องล่ะ แค่นี้ฉันก็เครียดมากพอแล้ว”
“อี้ชิง เลิกเหอะ นายเป็นคน นายไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใคร เขาเครียดเรื่องงาน เขาไม่พอใจนาย เขาก็มาลงกับนาย”
“ฉันก็อยากเลิก แต่มันทำไม่ได้ ฉันรักเขา แล้วไม่รู้ซิเลิกกันแล้วฉันจะอยู่ยังไง”
“บ้าน่า นายอย่าคิดแบบนี้ รักมันไม่ทำให้นายมีความสุขหรอก มันต้องเข้าใจด้วย”
“เลิกกับเขาแล้วงานฉันล่ะ”
“ก็หางานใหม่”
อี้ชิงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหมุนปลายนิ้วเล่นกับหวีที่ถืออยู่
“เขายึดพาสปอร์ตฉันไว้ ตอนนี้ไม่มีเขาฉันก็เหมือนคนเถื่อน”
“บ้าชัดๆ ไอ้เจ้านั่นมันบ้าไปแล้ว มันยึดไว้ก็ไปแจ้งหาย”
“ถ้ายึดแค่พาสปอร์ตก็ดี....แต่เขายึดความรัก กับชีวิตของฉันไว้ด้วย”
“นายจะรักจนตายกันไปข้างหรือไงอี้ชิง อย่าปล่อยให้ความทนมันทำให้นายชิน แล้วสุดท้ายก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยมีความสุข เคยมีความรักกัน นี่หวังดีนะถึงพูด”
“ขอบคุณฉันรู้ ฉันขอเวลาอีกหน่อยแล้วกัน ถ้าไม่ไหวจริงๆ คงต้องพึ่งนายนะเสี่ยวลู่”
“ทำไมจะไม่ได้ ช่วยนายมันไม่ลำบากไปกว่าปล่อยให้นายตายคามือคาเท้าแฟนนายแน่หรอก” ลู่หานขยี้เรือนผมหยักศกเบาๆ โดยที่จางอี้ชิงยิ้มกว้างให้กับเพื่อนรัก....โชคดีเหลือเกินที่เขายังมีลู่หานเป็นเพื่อน
.
.
.
.
.
จางอี้ชิงสวมแว่นดำเพื่อปกปิดรอยช้ำ และคว้าเป้สีม่วงขึ้นพาดบ่า เขาสาวเท้าเร็วๆ เพื่อให้ตัวเองพ้นจากคลับของโรงแรม หากแต่เพียงไม่กี่ก้าวคนที่อี้ชิงไม่อยากพบมากที่สุดตอนนี้ก็โผล่เข้ามา ชเวซีวอน กับกลุ่มเพื่อนสองสามคน จริงๆ อี้ชิงเห็นคุณซีวอนแล้วตั้งแต่อยู่ในคลับ แต่อี้ชิงพยายามทำเป็นเหมือนไม่เห็น แล้วดูเหมือนความพยายามจะไม่มีผลอะไรให้เมื่อคุณซีวอนยังเดินเข้ามาทักเขาแบบนี้ อี้ชิงทักกลับตามมารยาท โดยที่สายตากวาดมองไปทั่วบริเวณเพราะกลัวว่าคนรักจะมาเห็นแล้วเข้าใจผิดอีก คนตัวเล็กหาทางเลี่ยงตัวเองออกมาจากกลุ่มนั้นได้สำเร็จ แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะไม่มีทางสำเร็จก็คือการที่หลบจากการรู้เห็นของอู๋อี้ฟ่าน
+++++++ 50% +++++++
ไม่แปลกสักนิดถ้าจะพบคริสอู๋ในโรงแรมแม้แต่เวลาที่เขาเลิกงานแล้ว แต่ที่จางอี้ชิงแปลกใจคือทำไมคนรักของเขาถึงมานั่งอยู่ที่หน้าล็อบบี้ เพราะปรกติอี้ฟ่านมักจะไปนั่งรอเขาในคลับมากกว่า ตอนนี้ร่างสูงกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหลุยส์กลางล็อบบี้และจ้องมองเขาเขม็ง อี้ชิงคิดได้อย่างเดียวถึงพฤติกรรมนี้ของคนรักว่ากำลังจับผิดเขาอยู่ คนตัวบางพยายามทำหน้านิ่งและค่อยๆ เดินไปหาอี้ฟ่าน หัวใจของอี้ชิงเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะไม่รู้ว่าอี้ฟ่านจะเอายังไงกับเขาอีก
“ไหนบอกว่าวันนี้จะไม่มาทำงาน”
“ผู้จัดการเขาขอให้ผมมา เพราะวันนี้มีลูกค้าพิเศษ”
“หึ พิเศษแค่ไหนล่ะ ลูกชายเจ้าของห้างหรือไง”
จางอี้ชิงเบือนหน้าหนีทันทีเมื่อได้ยินประโยคเหน็บแนม แค่นี้คนตัวเล็กก็รู้แล้วว่าอี้ฟ่านรู้ว่าคุณซีวอนมาที่คลับ จริงๆ มันคงไม่ยากที่จะรู้เพราะหูตาของคนระดับรองกรรมการฝ่ายการตลาดนั้นมีมาก และมีทั้งประเภททำเพราะถูกสั่ง หรือประเภททำเพราะหวังในตัวของอู๋อี้ฟ่าน ซึ่งมันคงเป็นผลดีมากๆ ต่อคนพวกนั้น ถ้าเรื่องที่ฟ้องมันจะทำให้อี้ชิงโดนคนรักไม่พอใจ
คนตัวเล็กเลี่ยงปัญหาด้วยการเบ้ริมฝีปาก และก้าวเดินหันหลัง แต่ยังไม่ทันพ้นประตูโรงแรม ข้อมือขาวก็ถูกยึดไว้ แรงจับที่ข้อมือนั้นราวกับคีมเหล็ก จางอี้ชิงพยายามสะบัดพันธนาการนั้นแต่ก็ไม่เป็นผล
“ผมเจ็บ”
“แล้วเดินหนีทำไม”
“ปล่อยผม”
“ไม่!! แล้วฉันไม่มีทางปล่อยนายแน่” อี้ฟ่านลากแขนคนตัวเล็กจนแทบจะปลิวตาม เขาพาอี้ชิงออกจากประตูเพื่อไปยังลานจอดรถ คนตัวเล็กทำได้แต่เดินตามเพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตาของพนักงานโรงแรมคนอื่น ร่างเล็กๆ ถูกลากอย่างไม่ใยดีลงบันไดจนอี้ชิงซอยเท้าไม่ทัน หลายๆ ครั้งเขาแทบจะสะดุดขั้นบันได แต่อู๋อี้ฟ่านก็ดูจะไม่สนใจ พอเมื่อถึงรถยนต์ซีดานสีดำคันหรู คนตัวโตก็เปิดประตูแล้วผลักร่างเล็กลงไปยังเบาะทันที
“โอ้ย!!” ร่างเล็กอุทานเสียงดังเพราะศีรษะของเขาไปกระแทกกับเกียร์ แต่อี้ฟ่านก็ไม่ได้นำพา เขาโถมร่างของตัวเองซ้ำลงไปบนตัวของอี้ชิงและเอื้อมมือไปบีบปลายคางเพื่อให้ร่างข้างใต้มองหน้าเขา
“ทำไมพูดอะไรไม่เคยฟัง ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ยุ่งกับไอ้ซีวอนนั่น”
“เขาแค่ทักผม เขาเป็นลูกค้านะ จะให้ผมเมินเขาไปหรือไง”
“ทำไมจะทำไม่ได้!!”
“อี้ฟ่านคุณบ้าหรือไง เขาเป็นลูกค้า แล้วเขาเป็นคนดัง ถ้าเกิดเขาไม่พอใจขึ้นมาโรงแรมจะมีปัญหา”
“ถ้าเรื่องแค่นี้ไอ้บ้านั่นจะเอามาเป็นปัญหา มันก็เลวแล้วล่ะ”
อี้ชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาพยายามเอามือเล็กมาดึงคีมมนุษย์ที่บีบคางเขาอยู่แต่อู๋อี้ฟ่านก็ไม่ยอมปล่อยแถมยังจะเพิ่มแรงขึ้นจนอี้ชิงต้องร้องออกมาเบาๆ
“คุณจะให้ผมทำยังไง”
“ฉันควรต้องถามนายมากกว่าไหมอี้ชิงว่าจะให้ฉันทำยังไง หรือนายอยากไปอยู่กับมันห่ะ แต่ขอบอกให้จำใส่หัวไว้ ว่าไม่มีทาง” อี้ฟ่านเอานิ้วชี้จิ้มซ้ำ ๆ ที่ขมับอี้ชิงแรง ๆ จนศีรษะโยกคลอน คนตัวโตดึงร่างเล็กขึ้นมาแล้วจ้องดวงตาคู่หวานที่ตอนนี้แดงก่ำเขม็ง
“ผมพูดแล้วพูดอีกว่าไม่เคยคิดแบบนั้น มีแต่คุณคนเดียวที่คิด ถ้าผมจะคิดแบบนั้นผมคงคบกับเขาไปนานแล้ว ไม่ทนมาอยู่กับคุณแบบนี้หรอก”
“อะไรคือทน นายทนกับฉันมากหรือไง”
“นี่ยังคิดว่าผมไม่ต้องทนอีกเหรอ บางครั้งผมยังคิดอยู่เสมอว่าผมจะทนทำไม ทนกับคนขี้โมโห เจ้าอารมณ์ เจ้าชู้ คนที่ไม่พอใจก็ทำร้ายผม พออารมณ์ดีก็มาทำเป็นรัก ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็ด่า ก็ทำร้าย ผมไม่อยากทนแล้ว”
“จางอี้ชิง!! นายจะไปจากฉันหรือไง” เสียงเกรี้ยวกราดตวาดลั่นจนคนตัวเล็กเผลอหลับตาและย่นคอ มือใหญ่ที่เคยบีบแนวคางไว้ก็เปลี่ยนมาเป็นช่วงไหล่ แล้วเขาก็เขย่าร่างของจางอี้ชิงจนศีรษะสั่นคลอนไปหมด
“พูดมา จะหนีฉัน จะทิ้งฉันไปอยู่กับไอ้นั่นหรือไง”
“ผมไม่หนีไปเพราะใครหรอก ถ้าผมจะหนีผมก็หนีเพราะคุณ เพราะคุณนั่นแหละอี้ฟ่าน!!”
เพี้ยะ!!
ฝ่ามือร้อนปะทะกับพวงแก้มขาวอย่างแรงจนใบหน้าสวยหันไปตามแรงปะทะ จางอี้ชิงเบิกตากว้าง และค่อย ๆ แลบลิ้นเลียที่มุมปาก แผลเก่ายังไม่ทันหายดี ตอนนี้อู๋อี้ฟ่านได้ประทับแผลใหม่ให้กับเขาอีกแล้ว
“อย่าปากดีนัก นายไม่มีทางหนีฉันได้อี้ชิง ถ้าหนีฉันก็จะตาม นายต้องอยู่กับฉันไปตลอดชีวิตนี่แหละ” อู๋อี้ฟ่านกดเสียงต่ำ ก่อนจะลุกไปจากร่างของอี้ชิง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว และสบถคำหยาบคายมากมาย ก่อนจะหันไปปิดประตูรถเสียงดังลั่น
จางอี้ชิงค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมานั่งพิงพนักเบาะหนัง ดวงตารื้นด้วยน้ำตา... ภาพเก่าซ้ำเดิม เหมือนภาพยนต์ที่เขาชิงชังมันเริ่มฉายอีกครั้งแล้ว
.
.
.
.
.
เสียงเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนอยู่เป็นเสียงเดียวที่ดังในตอนนี้ จางอี้ชิงนั่งจมลงไปกับเบาะพลางเหลือบมองใบหน้าคมคายของคนข้างตัว แม้แต่ในยามโกรธเกรี้ยว อู๋อี้ฟ่านก็ยังคงงดงาม หากแต่ความงดงามนั้นไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกเสียใจ น้อยใจ และเจ็บปวดของจางอี้ชิงบรรเทาขึ้นสักนิด บางครั้งอี้ชิงยังคิดเสียว่าถ้าเขามีคนรักธรรมดาๆ ไม่ต้องดูดี ไม่ต้องสมบูรณ์แบบเขาอาจมีความสุขมากกว่านี้ก็ได้
“จ้องฉันทำไม”
“.......”
“อย่าเงียบอี้ชิงมีอะไรก็พูดมา”
“ผมพูดแล้วคุณเคยฟังไหมล่ะ”
“ก็นี่ไงฟังอยู่นี่ไง อย่าให้อารมณ์เสียอีกนะอี้ชิง”
ร่างขาวแบบบางพ่นลมหายใจเบาๆ พลางนึกขำ นี่ยังไม่เรียกว่าอารมณ์เสียอีกหรือที่ทำอยู่..
“มันก็แค่ผมอยากอธิบายสิ่งที่เป็นจริงให้คุณฟัง”
“ก็ว่ามา”
“ผมไม่รู้ว่าคุณซีวอนมา ผู้จัดการขอให้ผมมา แล้วผมเพิ่งเจอคุณซีวอนที่หน้าร้านก็แค่นั้น คุณอย่าคิดว่าอะไรที่คุณทำผมก็ต้องทำเหมือนกัน ผมไม่ได้มักง่ายอย่างคุณนะอี้ฟ่าน”
“จางอี้ชิง!! ฉันเคยพูดแล้วไงว่าให้นายเลิกรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ พวกนั้น ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ทำแล้วทำไมนายยังพูดอีก”
“แน่ใจเหรอว่าคุณหยุดจริงๆ คุณยังบริหารเสน่ห์อยู่ทุกวัน”
“มันก็เหมือนนายนั่นแหละ นายก็ยั่วผู้ชายมันทุกคนที่เห็นว่ามันหล่อ มันรวย”
“ความคิดต่ำๆ แบบนั้นคุณอย่าเอามาใช้กับผม ถ้าคุณเห็นว่าผมทำแบบนั้น มันไม่ใช่ว่าผมทำหรอก แต่เพราะในหัวคุณมันคิดแต่เรื่องต่ำๆ “
“คำก็เลว สองคำก็ต่ำ ถึงยังไงฉันก็เป็นผัวนาย หรืออยากได้ผัวใหม่มากล่ะ สั่นระริกเลยไม่ใช่เหรอเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายพวกนั้น นายมันก็ไม่ได้ต่างจากฉันหรอกจางอี้ชิง ถามตัวเองดูว่าถ้าฉันไม่รวย ไม่หน้าตาดีนายจะเอาฉันมาเป็นผัวไหม” อู๋อี้ฟ่านสบถลั่นก่อนจะหักรถจอดเข้าข้างทางกะทันหันจนร่างของอี้ชิงถูกกระตุกด้วยเข็มขัดนิรภัยมือท้าวกับคอนโซลรถเพื่อไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บ คนตัวเล็กกรีดร้องเสียงหลงจนรถคันโตจอดสงบที่ข้างทาง
“คุณทำบ้าอะไรอี้ฟ่าน!!” จางอี้ชิงเงยหน้ามองคนขับรถเจ้าอารมณ์ที่ตอนนี้จ้องมองเขากลับดวงตาแดงกล่ำ อู๋อี้ฟ่านโน้มตัวเข้ามาใกล้จนร่างเล็กรีบงอตัวเพราะกลัวจะโดนทำร้ายอีก หากแต่สิ่งที่อู๋อี้ฟ่านกระทำคือการกระชากเข็มขัดนิรภัยที่คาดไว้ออกจากตัวของอี้ชิง
“ถ้าอยากไปหาผัวใหม่ที่รวยกว่านักก็ไป ลงไปเลย ไป๊!!” จางอี้ชิงกลืนน้ำลายเอื้อก เขามองไปรอบข้าง ถนนขนาด 8 เลนที่ไร้ผู้คนนานๆ จะมีรถสัญจรสักคัน อู๋อี้ฟ่านคนใจร้ายยังกล้าไล่เขาลงคอ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ข่มขู่เขาจะเป็นจะตายที่จะไม่ให้หนีไปไหน
“จะไปหรือไม่ไป!!”
จางอี้ชิงก็มีศักดิ์ศรีพอ เข้าหันไปเปิดประตูรถ แต่พอจะก้าวออก กระเป๋าเป้ก็ถูกแรงดึง ดึงจนกระเป๋าใบนั้นหลุดมือ
“ตอนมาก็มาแต่ตัว ถ้าจะไปก็ต้องไปแต่ตัว” อู๋อี้ฟ่านกดเสียงต่ำและจับกระเป๋าเป้ใบหรูโยนมันลงไปที่เบาะด้านหลัง
จางอี้ชิงไม่นึกเสียดายของแต่ของในนั้นหลายชิ้นมันเป็นสิทธิของเขา แต่ในเวลานี้เขาไม่อยากที่จะพูดกับคนงี่เง้าอีกแล้ว อี้ชิงกระแทกประตูรถปิดจนรถโยก แล้วเขาก็ก้าวท้าวเดินออกไป ... โดยที่ไม่แม้แต่จะหันมามองรถยนต์คันที่เพิ่งก้าวจากมา
.
.
.
.
.
.
.
“ขอโทษนะพี่ขอยืมเงินสักหมื่นวอนได้ไหม พอดีพี่ลืมกระเป๋าเงินไว้ที่ล็อกเกอร์ ไม่มีเงินจ่ายค่าแท็กซี่ เดี๋ยวพรุ่งพี่ขอกุญแจสำรองล็อกเกอร์จากฝ่ายบุคคลได้ พี่จะคืนให้นะ” อี้ชิงเอ่ยขอร้องพนักงานต้อนรับของโรงแรมที่เคาท์เตอร์ เด็กหนุ่มพอได้ยินก็รีบหยิบเงินให้ทันที อาจเพราะเห็นเป็นรุ่นพี่ที่คุ้นเคยกัน อี้ชิงเอ่ยขอบคุณรุ่นน้องพนักงานต้อนรับก่อนจะรีบวิ่งไปจัดการจ่ายเงินให้แท็กซี่ที่จอดรออยู่หน้าโรงแรม
เป็นโชคดีที่ตอนนั้นแท็กซี่ผ่านมาพอดี ถ้าไม่อยากนั้นเขาไม่รู้เลยว่าจะต้องนั่งที่ป้ายรถเมล์นั่นอีกนานแค่ไหน และดีที่ว่าที่นี่เป็นประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่ความปลอดภัยค่อนข้างสูง ถ้าเป็นที่อื่นเขาคงกลัวจนเสียสติแน่ๆ เมื่อต้องเดินริมถนนมืด ๆ คนเดียวแบบนั้นอยู่เกือบกิโล และถึงแม้เขาจะบอกกับตัวเองตลอดทางว่าไม่เป็นไรแต่มันก็อดไม่ได้ที่เขาจะร้องไห้ คนที่เคยบอกว่าจะดูแลเขา จะทำให้เขามีความสุข เป็นคนไล่เขาลงมาจากรถ และริดรอนความสุขไปจากอี้ชิงจนแทบไม่เหลือ
อี้ชิงกลับมาที่เคาท์เตอร์อีกครั้งเพื่อขอเปิดห้องนอน เขารู้ว่าหลายๆ คนคงจับสังเกตได้ว่าเขาผิดปรกติ เพราะตอนที่ออกไปหลายคนคงเห็นว่ารองกรรมการอู๋เป็นคนลากเขาออกจากโรงแรมไป หากแต่ทุกคนถึงจะทำแววตาสนใจใคร่รู้แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถาม
อี้ชิงลากสังขารที่เหนื่อยแทบขาดใจเดินขึ้นไปบนห้อง เขาอยากโทรหาลู่หานอยากระบายทุกเรื่องให้เพื่อนรักฟัง แต่ก็ต้องตัดใจ เขาไม่อยากให้เพื่อนไม่สบายใจ โดยที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถคิดหาหนทางแก้ปัญหาเรื้อรังนี้ได้.....
จริงๆ การเลิกราน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่อี้ชิงยังคาดหวังว่าอนาคตทุกอย่างจะดีขึ้น มันก็แค่เป็นช่วงเวลามรสุมของชีวิตคู่ที่ต้องผ่านไปให้ได้ แล้วอี้ชิงก็ไม่พร้อมจริงๆ ที่จะสูญเสียอู๋อี้ฟ่านให้ใคร เขาคงทนไม่ได้ถ้าเป็นร่างสูงเป็นของคนอื่น
กับผู้หญิง ผู้ชายที่เป็นคู่นอนชั่วคราวพวกนั้นอี้ชิงยังแทบจะขาดใจ แต่ถ้ามีคนอื่นที่ได้สิทธิในการครอบครองเป็นเจ้าของอี้ฟ่านแทนเขา แค่นึกอี้ชิงก็รู้สึกตัวเองหายใจไม่ออก มันแน่นในอกราวกับกำลังจะขาดลมหายใจ
อู๋อี้ฟ่านเป็นหัวใจของเขา เป็นของ ๆ เขา แล้วแบบนี้เขาจะทิ้งหัวใจของเขาได้ยังไง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อู๋อี้ฟ่านเดินวนรอบห้องราวกับพื้นห้องนั้นร้อนจนเหยียบไม่ได้ บนพื้นห้องนั้นเกลื่อนกลาดไปด้วยข้าวของที่แตกกระจาย โต๊ะกระจกที่แตกละเอียด แต่เขาไม่คิดเสียดาย จะคิดได้อย่างเดียวว่าถ้าอี้ชิงกลับมาคงโมโหแน่ๆ
ตอนที่ไล่อี้ชิงลงจากรถไปเขาทำด้วยโทสะ หากแต่พอขับไปได้ระยะเขาก็วกรถกลับเพื่อจะไปรับร่างเล็ก แต่ขับหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ พอจะโทรหาก็พบว่าโทรศัพท์ของร่างเล็กอยู่ในกระเป๋าเป้ พอรื้อกระเป๋าก็พบว่ากระเป๋าสตางค์ก็อยู่ด้วย อู๋อี้ฟ่านแทบบ้าเมื่อไม่รู้ว่าจะตามหาคนรักที่ไหน แล้วอี้ชิงจะทำยังไง เขาคาดหวังให้ร่างบางกลับมาที่คอนโดแต่ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แวว ตอนนี้อู๋อี้ฟ่านกำลังรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างของเขากำลังถูกเผา เขากำลังจะบ้าตาย ความคิดมืดแปดด้านไปหมด เขาไม่รู้เลยว่าอี้ชิงไปอยู่ที่ไหน
ทุกครั้งที่เขาโมโห เขามักเหมือนคนเสียสติ โดยเฉพาะถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องของจางอี้ชิง เขาเองรู้สึกผิดทุกครั้งเมื่อทำเรื่องไม่ดีกับคนรัก อยากจะลงโทษตัวเองให้สาสม อยากจะคุมอารมณ์ให้ใจเย็นได้กว่านี้ แต่มันเหมือนเส้นอารมณ์ของเขาขาดง่ายเหลือเกิน เขารู้ว่าอี้ชิงเสียใจ แต่เขาเองก็ไม่พร้อมที่จะปล่อยร่างเล็กไป เพราะเขารัก รักอี้ชิงเหลือเกิน
.
.
.
.
.
.
เมื่อคืนอี้ฟ่านไม่ได้นอน เขานอนไม่หลับ เพราะหลับตาทีไรภาพของอี้ชิงที่อาจเกิดอันตรายมันตามหลอกหลอนตลอด ตอนเช้าตรู่เขาโทรหาลู่หานอีกครั้งหลังจากที่โทรไปหาเมื่อคืน เพื่อสนิทของอี้ชิงก็ยังคงตอบเขาว่าอี้ชิงไม่ได้ไปหา เขาไม่ได้เล่าให้ลู่หานฟังว่าเขาไล่อี้ชิงลงจากรถ เพียงแค่บอกว่าทะเลาะกันแล้วอี้ชิงหนีออกไป ลู่หานด่าเขาเหมือนทุกครั้งแต่เขาก็ไม่ใส่ใจ อี้ฟ่านกดตัดสายทิ้ง และตัดสินใจที่จะไปโรงพักเพื่อสอบถามข้อมูลกับตำรวจในท้องที่แถวนั้น
หากแต่พอร่างสูงสมส่วนกำลังจะเปิดประตู บานประตูสีโอ๊คก็ถูกผลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“อ่ะ!!” จางอี้ชิงเบิกตากว้าง เพราะไม่คิดว่าจะพบอี้ฟ่านในเวลานี้ คนตัวเล็กคิดว่าได้เวลาเข้าทำงานของคนรักแล้วอี้ฟ่านไม่ควรจะอยู่ในห้อง หากแต่ยังไม่ทันเอ่ยปากพูดอะไร ร่างเล็กๆ ก็ลอยวือเข้าไปซุกในอกแกร่งทันที
“เมื่อคืนหายไปไหนมา” คำถามผ่านริมฝีปากอิ่มดังงึมงำอยู่ข้างใบหู จางอี้ชิงยืนนิ่งด้วยความตกใจกับปฏิกิริยาของคนรัก
“ฉันตามหานายแทบแย่ ฉันแทบบ้าตอนที่ตามหานายไม่เจอ วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ฉันแทบจะบ้าตายอยู่แล้วอี้ชิง นี่ฉันหยุดงานกะว่าจะไปแจ้งตำรวจให้มาช่วยตามหานาย”
คำพูดอ้อนวอนนั้นทำให้ร่างเล็กแทบใจอ่อน หากแต่ภายในใจก็ยังกระตุ้นเตือนว่าเรื่องที่เกิดนั้นความผิดมันก็เกิดจากคนที่กอดเขา แล้วมันก็เป็นเหตุการณ์ซ้ำซาก ที่เมื่อเวลาที่อู๋อี้ฟ่านเลิกโมโหเจ้าตัวก็จะออดอ้อน และแสดงออกว่ารักเขาหนักหนา
“คุณคิดว่าผมอยากไปเดินอยู่บนถนนคนเดียวหรือไง” อี้ชิงดันตัวเองออกจากอกกว้าง คนตัวเล็กไม่พยายามที่มองตาอี้ฟ่าน เขาผลักร่างนั้นออกไปให้ห่างตัวแล้วก็รีบหันหลัง แต่ก็ยังถูกมือแกร่งดึงกระตุกให้กลับมา
“แล้วนายคิดว่าฉันอยากไล่นายลงไปหรือไง ตอนนั้นฉันโมโหก็เพราะคำพูดของนาย”
จางอี้ชิงกัดริมฝีปากแน่น และมองแววตาสีน้ำตาลเข้มที่มองจ้องเขาอยู่ แววตาของคริสอู๋ตอนนี้อ่อนโยน ผิดกับเมื่อคืนลิบลับ อ่อนโยนจนอี้ชิงต้องถอนหายใจ
ร่างเล็กใช้อีกมือที่ว่างไปแกะมือใหญ่นั้นออกจากข้อมือช้าๆ และค่อยๆ ส่งยิ้มกลับไปให้ร่างสูงที่จ้องมองเขาไม่วางตา
“ผมรู้ ผมรู้ดีทุกอย่างนั้นแหละ รู้ดีถึงเหตุผลที่คุณทำกับผมแบบนั้น แต่การรับรู้ กับการรู้สึกมันคนละเรื่องกัน ผมเหนื่อยขอผมพักผ่อนก่อนแล้วกัน เออผมขอกระเป๋าผมคืนด้วย”
“แต่นายยังไม่ตอบฉันนะอี้ชิงเมื่อคืนนายไปอยู่ที่ไหน”
“โรงแรม ผมเรียกแท็กซี่กลับไปที่โรงแรม”
อี้ฟ่านถอนหายใจเฮือกใหญ่เขานึกกลัวคำตอบของอี้ชิงไปต่างๆ นานา เขากลัวแม้กระทั่งอี้ชิงจะไปติดต่อชเวซีวอน ทั้งๆ ที่มันคงยากที่อี้ชิงจะทำเช่นนั้น แต่เขาก็ยังกลัว
“กระเป๋าของผมล่ะ”
“อยู่ในรถ”
จางอี้ชิงพยักหน้าและยื่นมือขอกุญแจรถหากแต่ข้อมือขาวกลับถูกดึงกระตุกจนร่างเล็กชนกับอกหนา อี้ฟ่านดันปลายคางร่างในอกขึ้นและก้มลงกดริมฝีปากกับปากสีเชอร์รี่ทันที อี้ชิงพยายามผลักไส แต่คนบังคับจูบกลับยิ่งเม้มกัดริมฝีปากเล็ก มือขาวตีเบาๆ ที่ไหล่กว้างแต่คนตัวโตก็ไม่หยุด เขาโหมจูบราวกับกระหาย ร่างเล็กเลิกต่อต้านหากแต่ก็ไม่ได้จูบตอบเขาปล่อยให้อี้ฟ่านสอดลิ้นเข้ามาพัวพันลิ้นเล็ก และดูดกลืนราวกับขนมหวาน จนเมื่ออี้ชิงรู้สึกว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจ มือเล็กจึงลงแรงทุบที่บ่ากว้างอีกครั้ง อี้ฟ่านปลดพันธนาการจากริมฝีปากแต่ยังคงคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้ม จนเมื่ออี้ชิงดึงลมหายใจกลับได้แล้วเขาก็ละเลียดมาจูบที่ริมฝีปากอีกครั้งหากแต่คราวนี้ร่างเล็กเลือกจะใช้แรงเต็มที่ในการผลักอู๋อี้ฟ่าน
“ทำไม” อี้ฟ่านเอ่ยถามเสียงดุหลังจากที่ถูกผลักจนไม่อาจจูบคนรักได้อีกครั้ง
“ผมร้อน ผมอยากอาบน้ำ” อี้ชิงตอบ แล้วก็รีบหันหลังเดิน เขายังคงไม่พอใจอี้ฟ่านอยู่ และตอนนี้เขาก็ไม่มีอารมณ์พิศวาสพอที่จะตอบสนองอีกฝ่าย
อู๋อี้ฟ่านเดินตามหลังอี้ชิงเขามาในห้องนอนร่างสูงยืนพิงประตูห้องมองร่างขาวแบบบางวุ่นวายกับการถอดเสื้อ ผิวขาวของอี้ชิงดูยั่วยวนเหมือนทุกครั้ง อี้ฟ่านจึงเดินเข้ามาประชิดและกอดคนรักจางด้านหลัง ริมฝีปากอุ่นค่อยๆ พรมจูบที่ไหล่ขาวช้าๆ แต่มันไม่ได้ทำให้อี้ชิงรู้สึกหวาบหวาม เขาเบื่อกับวิธีการง้อแบบเดิม ๆ ของอู๋อี้ฟ่าน การง้อที่เอาแต่ใจ การง้อที่เขาต้องคอยรองรับอารมณ์อยู่ดี
“ผมบอกแล้วว่าผมร้อน ผมอยากอาบน้ำแล้วนอนพัก เดี๋ยวตอนเย็นผมต้องกลับไปทำงานอีก แล้วนี่คุณจะไม่ไปทำงานหรือไง”
“ไม่วันนี้ฉันลา แล้วนายก็ควรจะลาด้วย”
“เรื่องอะไรที่ผมต้องหยุด ในเมื่อคนที่โรงแรมเขาก็เห็นหมดแล้วว่าหน้าผมม่วงขนาดนี้” อี้ชิงสะบัดเสียงใส่ ก่อนจะหันไปหยิบเสื้อคลุมสีครีม หากแต่พอจะสวม เสื้อตัวนั้นก็ถูกกระชากออกจากมือทันที
“อย่างี้เง่าน่าอี้ชิง วันนี้ฉันหยุดเพื่อนายเลยนะ”
“ผมควรดีใจใช่ไหม ที่คุณหยุดเพื่อตามหาผม ทั้งๆ ที่คุณไล่ผมลงจากรถไปเอง อี้ฟ่านอย่าเพิ่งยุ่งกับผมตอนนี้เลย ผมอยากอยู่เงียบๆ” จางอี้ชิงเอ่ยเสียงแข็ง และพยายามเบี่ยงตัวจากการอ้อมกอดร้อนๆ ของคนรัก แต่ช่วงแขนยาวกลับยิ่งบีบรัดจนร่างของอี้ชิงประชิดตัวจนแทบฝังกับอก
“ทำไม รังเกียจฉันหรือไง”
“ผมรำคาญ” คำว่ารำคาญดูจะทำให้ร่างแกร่งเกร็งจนอ้อมแขนรัดอี้ชิงแน่นขึ้นไปอีกเขาไม่คิดว่าจางอี้ชิงจะโต้ตอบเขาแบบนี้
“รำคาญ เธอกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ”
“ผมพูดความจริงไม่ได้หรือยังไง อี้ฟ่านผมเหนื่อย ผมยังหงุดหงิดอยู่ ขอร้องล่ะ ปล่อยผมไป ผมไม่พร้อมจะมารองรับอารมณ์ใคร่ของคุณตอนนี้ คุณอย่าทำให้ผมรู้สึกไร้ค่ากว่านี้อีกเลย พอโมโหก็ด่า ก็ไล่ พอหายโกรธก็มาคอยตอบสนองอารมณ์เซ็กส์ของคุณ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี่ผมเป็นคนรักหรือทาสคุณกันแน่แล้ว”
“จางอี้ชิง” อู๋ฟ่านกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินประโยคต่อว่าของคนรักร่างขาว เขาไม่ได้ปล่อยอี้ชิงตามคำขอร้อง แต่กลับดึงกระตุกและลากร่างเล็กไปจะประชิดที่นอนและผลักอี้ชิงลงไปบนเตียง ร่างสูงใหญ่รีบตามขึ้นคร่อมโดยใช้สองมือกดแขนสองข้างจนขึ้นรอยแดง
“ทำไมถึงมีปัญหานัก ฉันถามนายตรงๆ เมื่อคืนนายไปนอนที่ไหนมากันแน่” อี้ฟ่านกัดฟันถาม ทุกครั้งอี้ชิงไม่เคยปฏิเสธเขาด้วยคำพูดรุนแรงขนาดนี้ อาจจะมีต่อต้านบ้างแต่ไม่เคยพูดจาตัดรอนจนน่าโมโห อี้ฟ่านกำลังคิดว่าบางทีเมื่อคืนจางอี้ชิงคงไม่ใช่แค่นอนที่โรงแรม
อี้ชิงอาจโกหกเขา บางทีจางอี้ชิงกำลังจะไปจากเขา ไปเพราะมีทางเลือกใหม่
“ผมบอกคุณไปแล้วว่าโรงแรม คุณความจำเสื่อมหรือไง”
“อย่าปากดีนักจางอี้ชิง ทุกทีนายไม่เคยปากดีขนาดนี้ นายโกหกฉันใช่ไหม เมื่อคืนคงมีอะไรกับไอ้บ้าที่ไหนจนอิ่ม ถึงได้เหนื่อยหนักหนา พอผัวอยากก็เลยไม่ตอบสนองเพราะอิ่มแล้ว”
“อี้ฟ่าน!! คุณอย่ามาหยาบคายคิดต่ำกับผม ผมบอกความจริงคุณไปแล้วทุกอย่าง ผมไม่อยากมีอะไรกับคุณก็แค่นั้น”
“นายเป็นเมียฉัน แต่ไม่อยากจะทำหน้าที่เมีย แล้วอย่างนี้ฉันก็สมควรที่จะออกไปหาคนที่ทำหน้าที่เมียแทนซินะ โอดครวญ ร้องห่มร้องไห้ดีนักเวลาที่ฉันไปเอากับเด็กพวกนั้น แต่ทีตัวเองไม่อยากจะทำหน้าที่ ฉันไม่ได้เลี้ยงนายไว้บูชาอี้ชิง นายมีหน้าที่ต้องตอบสนองความต้องการของฉันแม้แต่เวลาที่นายไม่อยาก”
“คุณคิดแค่นี้จริงๆ เหรอ ที่อยู่ด้วยกันผมมีค่าแค่นี้หรือไง” จางอี้ชิงเอ่ยเสียงสั่น ยิ่งฟังหัวใจของเขายิ่งบีบแน่น อู๋อี้ฟ่านกำลังย้ำเรื่องที่จางอี้ชิงไม่เคยรับได้ เรื่องส่ำส่อนพวกนั้น
“แล้วนายคิดว่านายมีค่าอะไรนักล่ะ ถึงจะได้เรียกร้องนัก แต่ถ้าไม่อยากก็ไม่อยาก ดีแล้วฉันจะได้ไปหาใครมานอนแทนนาย วันก่อนมีพีอาร์คนใหม่มายั่วฉันอยู่พอดี น่าจะโทรเรียกเขาให้มาที่นี้มาให้ฉันระบายแทนนาย” อู๋อี้ฟ่านยังคงพูดจากวนประสาท รอยยิ้มร้ายปรากฏที่มุมปาก ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยอ่อนโยนเมื่อไม่กี่นาทีตอนนี้กลับแข็งจนแดงกล่ำอีกครั้ง อี้ชิงกัดริมฝีปากแน่นกับคำพูดยั่วที่สร้างความรู้สึกเสียประสาทให้อี้ชิง เขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้อี้ฟ่านแค่ยั่วให้เขาโมโห หรือคิดจะเอาจริง เพราะเวลาโมโห อู๋อี้ฟ่านทำได้ทุกอย่างจริงๆ
“เอาไงล่ะ ฉันเอาจริงนะ” ร่างสูงค่อยๆ ลดริมฝีปากลงมากระซิบที่ข้างใบหูขาว ริมฝีปากคลอเคลียมาที่ข้างแก้มก่อนจะแนบความอุ่นชื้นที่แก้มใสของอี้ชิง
“ถ้าฉันเอาจริง นายก็อย่ามาโวยวายใส่ฉันอีก ดีเท่าไหร่แล้วที่ฉันยอมรับนายออกหน้าออกตา ทั้ง ๆ ที่ฉันมีทางเลือกอีกตั้งเยอะแยะ จริงๆ ฉันควรไปหาคนใหม่ที่น่ารำคาญน้อยกว่านายนะอี้ชิง”
“อี้ฟ่าน” จางอี้ชิงกัดฟันเอ่ยชื่อคนรักที่ยังคงไล้ปลายจมูกไปตามข้างแก้มของเขาอยู่ “ผมถามคุณจริงๆ คุณรักผมไหม”
“รักซิ ฉันรักนายมากอี้ชิง แต่นายก็ทำให้ฉันเบื่อ เหนื่อย และรำคาญเหมือนกัน ฉันเคยบอกนายแล้วว่าเรื่องผู้หญิง ผู้ชายพวกนั้นฉันมีอะไรกับเขาก็แค่การเปลี่ยนรสชาติ แต่นายก็ยังเอามาเป็นเรื่องใหญ่ แล้วฉันก็บอกแล้วว่าฉันไม่ชอบให้นายไปยุ่งกับใคร แต่นายก็ยังทำ” อี้ฟ่านเอ่ยกระซิบและกดจูบแรงๆ ลงที่เหนือริมฝีปากอิ่ม เขาหัวเราะเบาๆ และเริ่มเปลี่ยนทิศทางไปสูดกลิ่นหอมที่ซอกคอของอี้ชิงแทน
“แล้วทำไมทีคุณ คุณถึงหึงผม ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยคิดนอกใจคุณเลย”
“นายก็น่าจะรู้นะอี้ชิงว่าฉันคิดยังไง นายมันไม่เหมือนฉัน นายไม่ได้คบคนพวกนั้นเพราะแก้เบื่อแก้เซ็ง อยากเปลี่ยนรสชาติเหมือนฉันแน่ๆ เพราะว่าถ้านายมีคนอื่นนั่นเท่ากับนายจริงจัง และนายก็จะไปจากฉัน แต่ฉันมีคนอื่นแต่ไม่เคยคิดจะไปจากนายนี่ไงที่ต่างกัน แต่ตอนนี้ฉันเริ่มอยากจะคิดใหม่ ถ้านายน่าเบื่อมากขึ้นทุกวัน ฉันอาจจะไปจากนายก็ได้ถ้าคนพวกนั้นน่าสนใจกว่า” อี้ฟ่านพรมจูบลงที่ซอกคอ และดูดดึงผิวเนื้อขาวเน้นหนัก อี้ชิงเริ่มสั่นสะท้านเขาไม่แน่ใจว่า เขาสั่นเพราะสัมผัส หรือเพราะคำพูดของอี้ฟ่านกันแน่
หยดน้ำตาเริ่มรินไหลมาที่หางตา ตอนนี้จางอี้ชิงกำลังกลัว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาคิดที่จะแยกทางกับอี้ฟ่านเหมือนกัน แต่พอได้ยินว่าอี้ฟ่านจะมีคนใหม่ หัวใจมันก็เจ็บจนแทบทนไม่ได้
ร่างขาวนอนนิ่งให้อู๋อี้ฟ่านค่อยๆ ลิ้มรส ลิ้นเชี่ยวชาญกวาดเลียไปทั่วซอกคอและเนินไหล่ คนตัวสูงเหลือบมองใบหน้าหวานเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าจางอี้ชิงนอนนิ่งเขาก็ยิ้มมุมปาก
จางอี้ชิงมีฤทธิ์ก็แค่นี้ ลองเขาขู่เข้าหน่อยก็ยอมนอนนิ่งให้เขาเสพสมสบายๆ
+++++++ check e-mail +++++++
“รักนะ อี้ชิงรักอี้ฟ่านรักมาก” คนตัวเล็กซบลงบนบ่าแกร่ง กระซิบคำรักซ้ำไปซ้ำมา อี้ฟ่านครางรับและกดจูบที่หน้าผากชื้นเหงื่อ เขากอดร่างบางลงแนบกับอก และค่อยๆ หลับตาลง..วันนี้อี้ชิงร้อนแรง และทำให้เขามีความสุขมากจนแทบสำลัก เขากอดร่างเล็กและลูบที่ศีรษะเบาๆ จนหลับไป...
หากแต่จางอี้ชิงไม่หลับ ความสุขจากรสรักยังไม่จาง หากแต่ความทุกข์ที่สะท้อนก้องในห่วงความคิดก็ยังไม่หายไปเช่นกัน อี้ชิงนอนมองใบหน้าคมที่หลับตาพริ้ม และยิ้มระบายที่มุมปาก เขาชอบเวลาอี้ฟ่านยิ้ม และอยากให้ยิ้มกับเขาคนเดียว...
อี้ชิงค่อยๆ ลุกจากอ้อมกอดชื้นเหงื่อ คนตัวเล็ก ค่อยๆ โน้มก้มไปที่ลิ้นชักบนหัวเตียง Smith & Wesson Bodyguard Revolver .38 สีดำนอนนิ่งอยู่ในนั้น ปืนกระบอกนี้อี้ฟ่านซื้อให้เขาเก็บไว้ป้องกันตัว ใช่และตอนนี้จางอี้ชิงกำลังใช้มันป้องกันตัว...ป้องกันทั้งตัวและหัวใจของตัวเอง
ไม่มีใครจะได้อู๋อี้ฟ่านไปจากจางอี้ชิง....
และเขาก็ไม่อยากทนทุกข์กับความรักที่เจ็บปวด มีแต่การทำร้ายกันทั้งร่างกายและคำพูด ความรักที่แทบไม่มีอนาคตอีกแล้ว...
แต่เขายังรักอี้ฟ่าน รักจนแยกจากไม่ได้ .....จางอี้ชิงไปที่ไหน อู๋อี้ฟ่านก็ต้องไปด้วยกัน...
ก็อี้ฟ่านสัญญากับอี้ชิงไว้แบบนั้น...
ร่างเล็กค่อยๆ หยิบฑูตมรณะสีดำขึ้นมา เขาค่อยๆ บรรจุกระสุนลงลูกโม่จนครบ ใบหน้าขาวที่เคยขาวผ่องยิ่งกลับซีดจาง อี้ชิงหันปลายกระบอกปืนมาทางคนรัก ...
“ขอโทษ แต่ผมรักคุณมาก และมันอาจมากเกินไป ผมขอโทษ” หยาดน้ำตาไหลออกมาเต็มสองตา อี้ชิงค่อยโน้นจุมพิตลงที่ริมฝีปากอิ่มของคนรัก จางอี้ชิงคิดว่านี่คงเป็นจูบสุดท้ายของเขากับอี้ฟ่าน อี้ชิงไม่รู้ว่าจะมีโลกอื่นอีกไหมที่พวกเขาจะได้พบกัน แต่คงไม่ใช่สวรรค์แน่ ๆ สำหรับปลายทางของเขาทั้งคู่
มือเล็กสั่นแต่ยังคงไม่เลิกล้มความตั้งใจ ปลายกระบอกปืนเย็นจัดแนบลงกับขมับสวยที่มีเรืองผมทองบังอยู่ จางอี้ชิงหลับตา เขาหวังแค่จะจำใบหน้าที่งดงามของคนรักไว้เป็นภาพสุดท้าย มือเล็กเหนี่ยวไกสุดแรงซ้ำๆ ถึงสองครั้ง.. เสียงสำลักลมหายใจดังมาจากร่างของอู๋อี้ฟ่าน หากแต่ก็เงียบลงทันที ...คงจบกันแล้วกับความรักที่ไม่เป็นดังหวัง และตอนนี้อี้ฟ่านคงรอเขาอยู่ จางอี้ชิงไม่คิดจะลืมตา เพราะยังอยากจารจำภาพสุดท้ายนั้นไว้ใต้เปลือกตา และร่างเล็กก็หันปลายกระบอกปืนมาที่ขมับของตัวเอง แล้วเหนี่ยวไกจนสุดแรง...
ไม่เจ็บเท่ากับที่เคยเจ็บมา....เขาไม่รู้สึกแม้แต่ทรมาน..........
.................... แล้วภาพสุดท้ายของชีวิตที่จางอี้ชิงยังจดจำได้นั้น...เป็นภาพใบหน้าของอู๋อี้ฟ่านก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไปตลอดกาลพร้อมๆ กับจางอี้ชิง.................
On the first page of our story
จุดเริ่มต้นของความรักระหว่างเรานั้น
The future seemed so bright
ทำให้ฉันคิดว่าเราสองคนจะประคับประคองรักของเราไปได้ด้วยดี
Then this thing turned out so evil
แต่ไม่ทันไรสิ่งต่างๆมันก็กลับตาลปัตรไปหมด
I don't know why I'm still surprised
ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ ตัวฉันเองก็ยังทำอะไรไม่ถูก
Even angels have their wicked schemes
ไม่รู้ว่าเป็นชะตากรรมอันเลวร้ายที่นางฟ้า เทวดาขีดเส้นไว้ให้
And you take that to new extremes
แต่ที่ฉันรู้คุณกลับทำให้มันแย่ลงกว่าเดิม
But you'll always be my hero
ถึงยังไงเธอก็ยังเป็นที่หนึ่งสำหรับฉันเสมอ
Even though you've lost your mind
แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่เหมือนเดิมแล้ว...
Just gonna stand there and watch me burn
เธอก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ และจ้องมาที่ฉัน ฉันที่กำลังเจ็บปวดจากเพลิงที่คุณก่อขึ้นมาไงล่ะ
But that's alright because I like the way it hurts
แต่ก็ไม่เป็นไรนะ ฉันชอบที่จะถูกเธอทำร้ายแบบนี้
Just gonna stand there and hear me cry
เธอเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น รอฟังเสียงสะอื้นจากฉันที่แทบจะตายอยู่ตรงนี้
But that's alright because I love the way you lie
แต่ไม่เป็นไรนะ ยังไงฉันก็ยังคงรักเธอแม้เธอจะโกหกฉันแบบนี้
I love the way you lie
ฉันรักที่เธอหลอกฉันแบบนี้
Ohhh, I love the way you lie
โอ้, ฉันรักที่เธอโกหกฉัน
[Rihanna's Part 2]
Now there's gravel in our voices
จากที่เราเคยพูดกันดีๆ เริ่มใช้อารมณ์ คำด่าทอนเริ่มมากขึ้น
Glass is shattered from the fight
ความรักที่ก่อขึ้นมา แตกละเอียดเหมือนเศษแก้วจากสงครามครั้งนี้
And this tug of war, you'll always win
และทุกๆครั้งเหมือนเคย คุณจะชนะฉันเสมอ
Even when I'm right
แม่ว่าฉันจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม
'Cause you feed me fables from your head
คุณคอยประโลมพร่ำบอกด้วยคำโกหกหลอกลวง
With violent words and empty threats
จากคำพูดที่รุนแรงและการกระทำที่กดขี่ขู่เข็ญของคุณ
And it's sick that all these battles
และสุดท้ายสิ่งที่เหลือจากการปะทะกันก็มีเพียงแค่ความเจ็บปวด
Are what keeps me satisfied
แต่ฉันก็พอใจที่จะเป็นแบบนี้
Just gonna stand there and watch me burn
เธอก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ และจ้องมาที่ฉัน ฉันที่กำลังเจ็บปวดจากเพลิงที่คุณก่อขึ้นมาไงล่ะ
But that's alright because I like the way it hurts
แต่ก็ไม่เป็นไรนะ ฉันชอบที่จะถูกเธอทำร้ายแบบนี้
Just gonna stand there and hear me cry
เธอเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น รอฟังเสียงสะอื้นจากฉันที่แทบจะตายอยู่ตรงนี้
But that's alright because I love the way you lie
แต่ไม่เป็นไรนะ ยังไงฉันก็ยังคงรักเธอแม้เธอจะโกหกฉันแบบนี้
I love the way you lie
ฉันรักที่เธอหลอกฉันแบบนี้
Ohhh, I love the way you lie
โอ้, ฉันรักที่เธอโกหกฉัน
[Rihanna's Part 3]
So maybe I'm a masochist
บางทีฉันอาจจะเป็นพวกมาโซคิสต์(คนที่ชอบให้คนอื่นทำร้ายตัวเอง)
I try to run but I don't wanna ever leave
ฉันพยายามที่จะหลีกเลี่ยงแต่ฉันไม่ต้องการที่จะทำแบบนั้นเลย
Til the walls are goin' up
ตั้งแต่ที่กำแพงความขัดแย้งที่คั่นระหว่างเราเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
In smoke with all our memories
ท่ามกลางฝุ่นละอองของความทรงจำของเรา
[Eminem's Part]
It's morning, you wake, a sunray hits your face
อาจเป็นเพราะแสงอาทิตย์ที่สาดส่องมาปะทะกับเรือนหน้าทำให้คุณตื่นตอนเช้าแบบนี้
Smeared makeup as we lay in the wake of destruction
รอยเปราะเปื้อนของเครื่องสำอางบนใบหน้าคุณเหมือนกับสภาพเราตอนนี้ไม่มีผิด
Hush baby, speak softly, tell me you're awfully sorry
อย่าตะโกนสิที่รัก พูดให้เบาลง บอกฉันว่าคุณเสียใจจริงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น
That you pushed me into the coffee table last night
เรื่องเมื่อคืนที่คุณผลักผมชนโต๊ะกาแฟอย่างจัง
So I can push you off me
ถ้าไม่อย่างนั้นไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกนะที่ทำได้ ผมก็ผลักคุณได้เหมือนกัน
Try and touch me so I can scream at you not to touch me
มาจับตัวผมทำไมละ ผมจะตะโกนใส่หน้าคุณให้รู้ไว้เลยว่าอย่ามาแตะต้องตัวผม
Run out the room and I'll follow you like a lost puppy
รีบออกไปจากห้องนี้ซะ แล้วผมจะไล่คุณให้เหมือนกับลูกหมาเลยล่ะ
Baby, without you, I'm nothing, I'm so lost, hug me
โอ้ที่รัก ถ้าผมไม่มีคุณผมคงไม่เหลืออะไรเลย ฉันไม่เหลืออะไร กอดผมสิ กอดผม
Then tell me how ugly I am, but that you'll always love me
บอกผมว่าไม่ว่าผมจะแย่แค่ไหน คุณก็ยังรักผมบอกผมสิที่รัก
Then after that, shove me, in the aftermath of the
หลังจากนั้น ผลักผมซะ เพื่อเป็นการเริ่มต้นอีกครั้ง
Destructive path that we're on, two psychopaths but we
ของการปะทะที่เราต้องเจอกัน คุณและผมอย่างกับคนบ้าเลยหล่ะแต่เราสองคน
Know that no matter how many knives we put in each other's backs
ก็ต่างรู้ดี ไม่มีใครสนใจหรอกนะว่าคุณหรือผมจะเอามีดจ้วงแทงกันและกัน
That we'll have each other's backs, 'cause we're that lucky
เพราะว่าอย่าลืมสิไม่ได้มีเราให้ถูกทำร้ายแค่คนเดียว ผมยังเหลือคุณ คุณยังเหลือผมให้ถูกทำร้ายเช่นกัน
Together, we move mountains, let's not make mountains out of molehills,
มันดูเป็นเรื่องที่บ้ามากนะ แต่เราสองคนก็ทำมันได้ ใช่คุณทำได้ผมก็ทำได้ อย่าคิดว่าคุณจะทำร้ายผมได้ฝ่ายเดียว
You hit me twice, yeah, but who's countin'?
คุณตบผมสองครั้ง ได้แต่ใครจะมานั่งนับอยู่อีกละ
I may have hit you three times, I'm startin' to lose count
ผมเข้าไปตบคุณสามครั้ง และผมจะไม่นับมันอีกต่อไปแล้ว
But together, we'll live forever, we found the youth fountain
แต่เราสองคน คงจะต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปน่ะแหละ เพื่อความรักที่สวยงามของเรา
Our love is crazy, we're nuts, but I refused counsellin'
แม้ความรักของเรามันช่างบ้า ใช่เราอย่างกับคนโรคจิต ผมก็ไม่เข้าใจกับที่เราเป็นเหมือนกัน
This house is too huge, if you move out I'll burn all two thousand
บ้านหลังนี้มันคงใหญ่เกินไป ถ้าคุณจากผมไปละก็ ผมจะเผาพื้นที่สองพัน
Square feet of it to the ground, ain't shit you can do about it
ฟุตนี้ให้มันหมดเลยล่ะ ผมไม่ได้ล้อเล่นนะคุณจะลองดูก็ได้
With you I'm in my f-ckin' mind, without you, I'm out it
อยู่กับคุณผมก็เป็นคนบ้าแบบนี้แหละ แต่ถ้าไม่มีคุณ คนบ้าแบบนั้นก็คงจะไม่มี
Just gonna stand there and watch me burn
เธอก็แค่ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ และจ้องมาที่ฉัน ฉันที่กำลังเจ็บปวดจากเพลิงที่คุณก่อขึ้นมาไงล่ะ
But that's alright because I like the way it hurts
แต่ก็ไม่เป็นไรนะ ฉันชอบที่จะถูกเธอทำร้ายแบบนี้
Just gonna stand there and hear me cry
เธอเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น รอฟังเสียงสะอื้นจากฉันที่แทบจะตายอยู่ตรงนี้
But that's alright because I love the way you lie
แต่ไม่เป็นไรนะ ยังไงฉันก็ยังคงรักเธอแม้เธอจะโกหกฉันแบบนี้
I love the way you lie
ฉันรักที่เธอหลอกฉันแบบนี้
I love the way you lie
ฉันรักที่เธอโกหกฉันแบบนี้
I love the way you lie
ฉันรักที่เธอหลอกฉันแบบนี้
I love the way you lie
ฉันยังคงรักเธอถึงแม้เธอจะโกหกฉัน
[คำแปลโดย spncfuq@siamzone]
****************************************************************************************************************************
อย่าด่าอย่าขว้างปาข้าวของใส่เขาน๊า....เขาแค่อยากแต่งฟิคซาดิสต์ๆ จิตๆ แต่มันเป็นความจริงของโลกแค่นั้นต้องขอโทษที่ต้องใช้พี่คริสกับอี้ชิงเพราะเป็นคู่อื่นมันดูไม่ผู้ใหญ่เท่า เรื่องนี้แรงบันดาลใจมาจากตอนดูรีฮันน่ากับคริส บราวน์นั่งสวีทกันอยู่ในงานแกรมมี่อวอร์ดแล้วคิดว่า คนบางคน คนบางคู่ อาจลงมือลงไม้กันจนเราบอกว่าเลิกกันเหอะ แต่เราไม่รู้เลยว่าบางทีความรักที่เขามีต่อกันมันอาจมีอิทธิพลมากกว่าการกระทำพวกนั้น .... การเลิกกันอาจไม่ใช่ทางแก้ แล้วเขาก็คิดต่อว่า ถ้าเกิดปัญหาของการรักไปทำร้ายกันไปแบบนี้แก้ไม่ได้ แล้วเรื่องมันเริ่มหนักหนาหนทางที่จะแก้ปัญหานี้จะจบลงที่ไหน...เขาเลยลองแบบหักดิบดู เหอะ ๆ ซาดิสต์จังเบย
ชอบคุณทุก ๆ คนที่ให้ความสนใจนะคะ ปุ้มส่งอีเมล์ให้กับคนที่ทิ้งเมล์ไว้แล้วนะคะ มีใครยังไม่ได้รับแจ้งด้วยนะคะ เพราะมีบางเมล์เหมือนจะส่งไม่ผ่าน
ปล.ถ้าพี่คริสจะโผล่มาด้วยลุคส์แบดบอยแบบนี้ อิฉันจะได้แต่งฟิคนี้ในแนวพระเอกค้าโคเคน พระเอกชวนนายเอกติดยางอมแงม ค้ายา มั่วเซ็กส์ แล้วจบที่ฉีดยาเข้าเส้นตาย 555 ให้สมกับสไตล์เพลงกับแรงบันดาลใจ
ความคิดเห็น