ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FICTION] FICTION ROOM [CHANBAEK,KRISLAY,KAILU]

    ลำดับตอนที่ #22 : [KrisLay] The Moon and The Sun [Part 5]

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.พ. 56


    The Moon and The Sun [Part 5] 
    Author: Angel Midori
    Genre: Romantic Drama
    Rating: PG-13
    Pairing: Krislay feat. KaiLu Chanbaek



    หายไปนานจนรู้สึกผิด T_T แต่มีปัญหาเรื่องสมงสมองคิดอะไรไม่ออกนิดหน่อย แต่จะพยายามมากกว่านี้นะคะ ฮึบๆ (อีโมฮึดสู้)

    โปรโมตเพจนิดนึง เพจของปุ้มเปิดไว้ให้ผู้่่อ่านสะดวกอัปเดทว่าปุ้มอัปฟิคหรือยัง หรืออัปเรื่องไหน และสามารถพูดคุยกันติดต่อเมาท์มอยกันได้ค่ะ

    https://www.facebook.com/AngelMidoriFiction


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    ไปอิตาลี กับอี้ชิงอะนะ

     

    อืม...

     

     

    ลู่หานถลึงตากลมโตของตัวเองด้วยความไม่เชื่อเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากปากของร่างสูงตรงหน้า ถ้าคริสอู๋บอกเขาว่าแค่ล้อเล่นเขาจะเชื่อมันอย่างเต็มหัวใจเลยล่ะ

      

    ไม่เห็นอี้ชิงบอกฉันเลย ฉันนั่งเรียนกับเขาทั้งวัน

     

    ....

     

    คริสไม่ได้ตอบคำถาม พอ ๆ กับที่ลู่หานไม่ได้อยากฟังคำตอบจากคนตรงหน้าเขาแค่รำพึงขึ้นมาด้วยความแปลกใจ ลู่หานพยายามคิดว่าทำไมเพื่อนรักรูมเมทของเขาถึงได้ตัดสินใจประหลาดเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แค่ให้เจอหน้ากับอู๋อี้ฟ่าน จางอี้ชิงยังไม่อยากทำ

       

    ทำไมเขาถึงตกลงไปกับนาย

      

    ฉันก็ไม่รู้ ก็แปลกใจอยู่

      

    หรือเจ้านั่นเสียดายเงินที่อุตสาห์เก็บไว้ คริสอู๋จ้องมองเพื่อนหน้าอ่อนว่าที่พูดมานี่จริงจังหรือล้อเล่น แต่ดูจากแววตาเสี่ยวลู่ท่าทางจะล้อเล่นเอาเสียมากกว่า

      

    ตลกน่าลู่หาน  แต่ถ้าอี้ชิงคิดแบบนั้นเขาคงบอกฉันไปแล้ว แต่อี้ชิงพูดกับฉันเหมือนกันนะว่า เขาคิดว่าถ้าเดบิวต์ไปแล้ว เขาคงไม่มีโอกาสแบบนี้อีก อีกอย่างเขาอยากไปกับฉันในฐานะเพื่อน คงเป็นแบบนี้มั่งเขาถึงตกลงจะไปกับฉัน

      

    ลู่หานฟังแล้วคิดตาม ดวงตาเหมือนลูกกวางนั้นกรอกไปมาอย่างใช้ความคิด เขาไม่คิดว่าอี้ชิงจะคิดแค่นั้นเลยตกลงไปอิตาลีกับอี้ฟ่าน มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้นในความคิดของจางอี้ชิง

      

    ฉันว่ามันไม่น่าจะใช่แค่นั้นนะ บางทีอี้ชิงอาจจะนึกอยากกลับมาคืนดีกับนายก็ได้

      

    นายอย่ามาพูดให้ฉันมีความหวังน่าลู่

      

    เอาจริงนะ ก่อนหน้านี้หลบหน้านายได้ หลบหน้านายดี พูดอะไรก็มีเหตุผลมาหักล้างตลอด แค่ชวนไปกินข้าวด้วยกันยังพยายามหนีหน้านาย แล้วนี่อยู่ดีๆ คิดอะไรไม่รู้ถึงตกลงไปเที่ยวกับนายแบบนี้อะ

      

    อู๋อี้ฟ่านเคาะนิ้วเบาๆ กับโต๊ะม้าหิน เขาเองก็คิดเกือบเป็นร้อยๆ รอบว่าทำไมอี้ชิงถึงตกลงง่ายๆ ทั้งๆ ที่ ๆ ก่อนหน้านี้เหตุการณ์ระหว่างเขากับอดีตคนรักมันแทบจะถึงจุดแตกหักด้วยซ้ำ เขาเองแอบคิดว่าหรือเหตุการณ์เมื่อวานจะทำให้อี้ชิงรู้สึกว่ายังรักเขาอยู่ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้

      

    ฉันไม่รู้หรอกเขาคิดยังไงถึงตอบตกลงง่ายๆ แต่แค่เขายอมไปกับฉัน ๆ ก็ไม่อยากจะสนเหตุผลอะไรแล้วล่ะ

      

    อืม ขอให้พวกนายสมหวังแล้วกัน แล้วคิดยังไงอยู่ดีๆ ถึงชวนอี้ชิงไปเที่ยว

      

    จริงๆ คิดไว้นานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส ที่ตั้งใจหลอกเขาไปที่คอนโดก็อยากจะหาโอกาสพูดเรื่องนี้แหละ เพียงแต่ไม่ได้พูด

      

    นายปล้ำเพื่อนฉันก่อนนิ ลู่หายเอ่ยล้อพลางหัวเราะ หากแต่คนถูกล้อกลับไม่สนุกด้วยสักนิด

      

    ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย อารมณ์มันพาไป อีกอย่างฉันใจหายแทบแย่เมื่อวานตอนเขาบอกว่าไม่อยากเจอหน้าฉันอีก

      

    อืม เมื่อวานนายเหมือนคนกำลังจะตายเลย อี้ชิงก็ด้วย ทำไมวันนี้เป็นแบบนี้ก็ไม่รู้ อี้ชิงเป็นคนเดาใจยากตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ

      

    นายได้พูดอะไรกับเขาหรือเปล่าล่ะ หลังจากที่ฉันขอให้นายช่วย อู๋อี้ฟ่านช่วยคนตัวเล็กตรงหน้าคิดอีกแรงหนึ่งว่าอดีตคนรักของเขาเปลี่ยนความคิดได้ยังไงภายในไม่กี่ชั่วโมง ลู่หานเคาะนิ้วกับปลายคางเล็กเบาๆ ก่อนจะยิ้มกว้างขึ้นมา

      

    พูด ๆ ฉันพูดอะไรนิดหน่อยก่อนนอน พูดว่าเขาโชคดีที่เคยมีคนรัก แล้วก็ประมาณว่าต่อให้มีเพื่อน แต่เวลาทุกข์ก็สู้มีคนรักไม่ได้หรอกประมาณนี้ แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะได้ผลนะ หรือว่าได้ผลไม่รู้

      

    อู๋อี้ฟ่านยิ้มกว้างก่อนจะลุกโน้มตัวไปโอบไหล่เพื่อนตัวเล็กแล้วโยกไปมาแรงๆ จนหัวของลู่หานโยกไปมาเหมือนตุ๊กตาล้มลุก

     

     ขอบใจนายมาก เพราะนายแท้ๆ เลยลู่

      

    เฮ้ยมันอาจไม่ใช่เพราะฉันก็ได้ ลู่หานพยายามผลักคนตัวโตที่ดีใจเกินเหตุจนเหมือนจะทำร้ายเขาออกไป พลางปฏิเสธวุ่นวายว่าคงไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาหรอก แต่อี้ฟ่านดูจะเชื่อว่าเรื่องที่ลู่หานพูดอาจเป็นส่วนหนึ่งให้อี้ชิงโอนอ่อนต่อเขามากขึ้นไม่ปฏิเสธเขาอย่างตอนแรก

      

    ฉะนั้นถ้าคนตัวโตอยากจะคิดแบบนั้นลู่หานก็ต้องยอมปล่อยๆ ไป แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเขาเองก็ดีใจที่สิ่งที่เขาทำมันไม่ได้สูญเปล่า

      

    ++++++++++++++++++++ The Moon and The Sun++++++++++++++++++

     

    ลู่หานมองเพื่อนสนิทร่างขาวที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ และกำลังลงนั่งหน้ากระจกเพื่อไดร์ผม ชนิดไม่ได้วางตา จริงๆ ไม่ใช่เขาเพิ่งมองหรอก แต่เขาจับสายตาอยู่ที่จางอี้ชิงมาตั้งหัวค่ำตอนฝึกร้องเพลงด้วยกันจนนี่ฝึกเสร็จกลับมาถึงห้องพักแล้ว แต่ดูทีท่าอี้ชิงจะไม่ทันสังเกต และเจ้าตัวก็ดูยังไม่คิดจะพูดบอกเขาสักนิดเรื่องที่จะไปอิตาลีกับอู๋อี้ฟ่าน

      

    อี้ชิง ลู่หานตัดสินใจที่จะเปิดประเด็กก่อนเพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดจะบอกตอนนี้แน่ๆ ดวงตาคู่หวานมองสะท้อนผ่านกระจกมายังร่างที่ยึดเตียงนอนของอี้ชิงเป็นที่นั่งเล่นอยู่ เป็นเชิงให้อีกฝ่ายพูดต่อ

      

    นายจะไปอิตาลีกับอี้ฟ่านเหรอ ยังไม่ทันประโยคคำถามจากลู่หานจบ แค่จั่วหัวว่าอิตาลี ร่างขาวก็แทบสะดุ้ง เจ้าตัวหัวขวับไปมองเพื่อนรักรูมเมทด้วยความประหลาดใจ

      

    ทำไมเสี่ยวลู่รู้

     

     อี้ฟ่านบอก

     

     พอได้ยินว่าเพื่อนสนิทรู้เรื่องมาจากใคร ทำไมไม่รู้อี้ชิงถึงรู้สึกวูบโหวงในอก ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ลู่หานรู้ เพียงแต่คิดหาวิธีบอกอยู่ แต่ก็ลืมคิดไปว่าอี้ฟ่านเองก็สนิทกับลู่หาน ฉะนั้นคนตรงหน้าจะรู้เรื่องก็คงไม่แปลก

       

    ใช่ไม่แปลก แต่อี้ชิงกลับรู้สึกอึดอัดใจ

     

    และนี่คงจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจบ้า ๆ ในการตอบรับคำชวนของอดีตคนรัก นอกเหนือจากสาเหตุที่อยากจะจบกันด้วยดี สาเหตุที่เขาใจอ่อนสงสารอี้ฟ่าน หรือสาเหตุที่เขาคิดตามที่ลู่หานพร่ำพูดใส่เขาอยู่เรื่อยๆ เรื่องให้คิดดีๆ ที่จะทิ้งคนดีๆ อย่างอู๋อี้ฟ่านไป

     

    แต่จากเหตุผลเหล่านั้นมันยังมีอีกเหตุผลที่ อี้ชิงเองไม่อยากยอมรับ แต่มาถึงตอนนี้จะปฏิเสธก็คงไม่ได้

      

    จริงๆ  แล้วจางอี้ชิงเป็นคนขี้หึง หากแต่ไม่ค่อยแสดงออก และมันแทนที่จะลดลงมันกลับมากขึ้นเมื่อตอนที่เลิกรากัน เมื่อคราวที่อู๋อี้ฟ่านเริ่มจะคบหากับรุ่นน้องแพคฮยอน ใจของอี้ชิงก็ไม่ได้เป็นสุขสักนิด หากแต่เพียงเจ้าตัวพยายามที่จะเตือนตัวเองเสมอว่าไม่มีสิทธิใด ๆ แล้วในตัวและหัวใจของอี้ฟ่าน แต่จริงๆ ความเจ็บปวด และหึงหวงมันก็ยังคอยเผาผลาญอยู่ในใจตลอดเวลา

      

    แต่กับลู่หานเขารู้ว่ามันไม่ใช่การหึงหวง เพราะเขารู้ดีว่าลู่หานมีใจให้กับใครอยู่ และอี้ฟ่านเองก็สนิทกับลู่หานอยู่แล้ว แต่ไอ้อาการที่อิ้ชิงเป็นอยู่นี้มันน่าจะเรียกว่าน้อยใจ หวงตำแหน่งที่เคยเป็นคนสำคัญที่สุด เขาน้อยใจเวลาที่ตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรของสองคนนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเขารู้ทุกเรื่อง เขาเคยเป็นคนที่อี้ฟ่านบอกทุกสิ่ง ให้ความสำคัญมากที่สุด แต่ตอนนี้ดูเหมือนตำแหน่งนั้นจะเป็นของลู่หานไปเสียแล้ว และเป็นเขาเองที่ทำให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้น อี้ชิงรู้สึกเจ็บลึก ๆ แล้วอึดอัดกับความรู้สึกนิสัยไม่ดีของตัวเอง และคงเป็นความรู้สึกนี้แหละที่มันผลักดันเขาให้เลือกจะตอบรับคำขอร้องจากอู๋อี้ฟ่าน

     

     

    แล้วนายไม่คิดจะบอกฉันเหรออี้ชิง คนตัวเล็กทำน้ำเสียงสะบัดเหมือนน้อยใจ ก่อนจะกดคางลงไปกับหมอนใบโตที่กอดอยู่

      

     

    ไม่ใช่ไม่คิดจะบอก แต่ไม่รู้จะบอกยังไง ร่างขาวเดินไปที่เตียง และลงนั่งพร้อมทั้งเอื้อมกอดไหล่เล็กราวกับง้องอน

      

    อืม จริงๆ ก็ไม่ใช่อะไรหรอก ก็แค่อยากรู้ว่าทำไมถึงตัดสินใจจะไป

     

    อี้ชิงอึกอักเล็กน้อยที่จะหาคำตอบมาตอบให้ลู่หานเข้าใจ เพราะจริงๆ เขาก็พยายามที่จะทำความเข้าใจกับการตัดสินใจกะทันหันของเขาอยู่แทบทั้งวันเช่นกัน

      

    การไปอิตาลีมันเป็นความตั้งใจของฉันกับอี้ฟ่านตั้งแต่ก่อนคบกัน ก็เลยคิดว่า น่าเสียดายที่จะทิ้งความตั้งใจนั้น และมันอาจเป็นความตั้งใจเดียวที่เราทั้งคู่พอจะทำให้สำเร็จได้ตอนนี้ อีกอย่างฉันอยากจะจบกับเขาด้วยดี บางทีความสัมพันธ์ของเราอาจจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ถ้าได้ใช้เวลาด้วยกัน

      

    แต่นายอาจจะใจอ่อนยอมคืนดีกับเขา ทั้งๆ ที่ยืนกรานว่าจะไม่กลับไปคบกันอีกนะ

     

    จางอี้ชิงถอนหายใจเบาๆ แล้วเจ้าตัวก็เกยคางกับแนวไหล่เล็กของลู่หาน สองมือก็โอบกระชับเอวเพื่อนสนิทแน่นราวกับจะหาที่ยึดเหนี่ยว

      

    อืม ไม่รู้ซิฉันอาจกำลังสับสน จริงๆ เมื่อคืนฉันคิดเรื่องที่เสี่ยวลู่พูดนะ เรื่องที่ว่าการมีคนรัก และได้รับความรักเป็นเรื่องดี ฉันคิดมันวนไปมาว่าที่ผ่านมาฉันตัดสินใจถูกไหม ฉันทำร้ายอี้ฟ่านมากเกินไปหรือเปล่า พอตอนที่เขาชวนฉันเลยตอบตกลงเพราะอยากให้โอกาสเขา และโอกาสตัวฉันเองด้วย ว่าจริงๆ ฉันทำได้ไหมที่จะตัดใจจากเขา

      

    นายตัดสินใจถูกแล้วล่ะอี้ชิง ลู่หานบีบมือคนที่กอดเขาไว้และพิงศีรษะลงกับเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม เขาอมยิ้มเมื่อคิดว่าถ้าอี้ฟ่านรู้ว่าอี้ชิงคิดอะไรอยู่เจ้านั่นต้องดีใจมากแน่ๆ ถึงแม้ตอนนี้อี้ชิงยังไม่ได้คิดจะคืนดี หากแต่โอกาสมันก็ไม่ได้เป็นศูนย์

      

    จริงเหรอ เสี่ยวลู่คิดแบบนั้นเหรอ

      

    อืม บางทีเรื่องของหัวใจ มันก็ไม่ได้สำคัญไปน้อยกว่าหน้าที่ ความรับผิดชอบ หรือความฝันหรอก ฉันคิดแบบนั้นนะ แต่อี้ชิงจะคิดตรงกันหรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็แค่อยากให้ลองคิดดู

      

    อืม...ฉันก็อยากจะลองคิดดูอีกทีเหมือนกัน

      

    จางอี้ชิงกอดร่างอุ่นๆ ของเพื่อนสนิท โดยนึกขอบคุณเพื่อนคนนี้อยู่ในใจ ลู่หานดีกับเขา ช่วยเหลือเขาแนะนำสิ่งดี ๆ ให้ มันทำให้อี้ชิงยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นที่นึกน้อยใจเพื่อน และอดีตคนรัก ในเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยสักนิด

     

    ++++++++++++++++++++ The Moon and The Sun++++++++++++++++++

     

    เสียงเรียกชื่อเบาๆ ที่ลอยเขามาในโสตประสาทของคนที่หลับสนิทอยู่ ทำให้ร่างขาวที่นอนขดอยู่บนที่นั่งค่อยๆ ขยับตัว และนอกจากเสียงทุ้มนุ่มที่ดังอยู่ข้างหู จางอี้ชิงยังได้ยินเสียงประกาศเบาๆ ผ่านเครื่องขยายเสียง ร่างเล็กค่อย ๆ งัวเงียตื่นขึ้นมา หากแต่พอขยับม่านตา เขาก็เห็นว่าคนที่นั่งข้างๆ กำลังเขย่าที่แขนของเขาเบาๆ

      

    อี้ชิงตื่นเหอะจะถึงแล้ว อี้ชิงกระพริบตาเพื่อไล่ความง่วงงุน เขาหันไปมองก็เห็นอู๋อี้ฟ่านกำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่ เจ้าตัวพยักเพยิดไปที่หน้าต่างอี้ชิงจึงหันไปมองตาม ภาพที่ปรากฏอยู่บนหน่วยตาทำให้คนง่วงหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

      

    ที่เบื้องล่างของอากาศยานลำใหญ่คือหมู่บ้านเรือนอาคารโทนสีน้ำตาล และโดมขนาดใหญ่ที่กำลังสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้า และแม้จะมองจากที่สูงขนาดนี้อี้ชิงยังรู้สึกได้ถึงความสวยงาม และยิ่งใหญ่ คนตัวเล็กเกาะกับหน้าต่างบานเล็กแล้วส่งเสียงครางเบาๆ ในลำคอเมื่อเห็นภาพสวยงามนั้น จนเครื่องบินค่อยๆ พาเขาออกไปจากทัศนียภาพเดิมกลายเป็นหมู่บ้าน และต้นไม้ จางอี้ชิงจึงหันมายิ้มกว้างกับคนที่นั่งยิ้มมองเขาอยู่

      

    สวยจังเลย เรามาถึงแล้วจริงๆ ซินะ

      

    อืม อีกไม่นานเราก็จะได้เห็นโรมด้วยตาของเราแล้วล่ะ

      

    อืม อี้ชิงพยักหน้าและยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มลึก ลักยิ้มที่อี้ฟ่านคิดว่าเขาจะไม่มีโอกาสเห็นคนตรงหน้ายิ้มจนเห็นลักยิ้มสวยนี้ให้กับเขาอีกแล้ว

      

    เสียงประกาศเตือนให้รัดเข็มขัดทำให้ทั้งคู่ละความสนใจต่อกัน จนเมื่อเครื่องบินแตะรันเวย์จนปลอดภัย ทั้งคู่ก็ก้าวเท้าสู่เมืองในฝันพร้อมกัน...

      

    จางอี้ชิงยืนมองร่างสูงเบื้องหน้าที่กำลังวุ่นวายกับการซื้อตั๋วรถไฟ Leonardo Express เพื่อจะใช้เดินทางจากสนามบินเข้าเมือง อี้ชิงมองด้วยความรู้สึกหลากหลาย แค่ยังไม่ทันพ้นวัน อู๋อี้ฟ่านก็ทำให้หัวใจของอี้ชิงอ่อนแอเสียแล้ว

      

    ตั้งแต่ตกลงจะเดินทางมาด้วยกัน อี้ฟ่านก็อาสารับหน้าที่ในการดูแลทุกอย่างในทริปไม่ว่าจะการวางแผนเที่ยว จัดซื้อตั๋วเครื่องบิน รถไฟ ศึกษาการเดินทางโดยที่อี้ชิงไม่ได้ทำอะไรเลย ด้วยที่เขาไม่ว่าง แล้วคนตัวเล็กเองยังไม่พร้อมที่จะคุยกับอี้ฟ่านได้ปรกติพอ เมื่ออีกฝ่ายอาสาอี้ชิงจึงปล่อยหน้าที่ให้กับอดีตคนรักดูแลทริปนี้ หากแต่พอเริ่มเดินทางอี้ชิงก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายใส่ใจกับเรื่องนี้มากเหลือเกิน และเมื่อลองมาคิดดูว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน อู๋อี้ฟ่านคงไม่ทำถึงขนาดนี้

      

    อู๋อี้ฟ่านที่เคยทำตัวเป็นคุณชาย คงไม่คิดจะวางแผนอะไรวุ่นวายกับการไปเที่ยวนัก เขาคงจะทุ่มเงินในการซื้อทัวร์ หรือไม่ก็โรงแรมหรู ๆ ที่จะมีบริการจัดพาเที่ยวให้ได้อย่างสบายเหมือนอย่างที่เจ้าตัวเคยเสนอให้อี้ชิง แต่ตอนนี้เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น

     

    เขาปฏิบัติเหมือนนักท่องเที่ยววัยรุ่นทั่วไป อย่างที่อี้ชิงใฝ่ฝันอยากจะทำ ร่างสูงถือแผนที่ แท็บเล็ต ตารางเที่ยวเต็มไม้เต็มมือ พร้อมสะพายเป้ใบโต ไม่มีท่าทางเจ้าสำอางหลงเหลือ หากแต่มันกลับดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์เหลือเกินในสายตาของจางอี้ชิง

     

     อี้ชิงไปกันเหอะ ได้ตั๋วมาแล้ว คนตัวโตยื่นตั๋วให้พร้อมยิ้มกว้างเขาช่วยอี้ชิงลากกระเป๋าออกไป แต่ร่างเล็กก็รีบคว้าไว้และดึงกลับมาลากเอง

      

     จริงๆ ร่างขาวก็อยากแบกเป้เท่ห์ๆ อย่างอี้ฟ่านทำบ้าง แต่เพราะสุขภาพทำให้อี้ชิงต้องเลือกลากกระเป๋าที่มันทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางนัก

      

    โรงแรมเราอยู่แถวไหนเหรออี้ฟ่าน

      

    ไม่ไกลจากโคลอสเซี่ยมเท่าไหร่เดินไปได้

      

    ดีจัง อี้ชิงอมยิ้มนิด ๆ และหยิบคู่มือท่องเที่ยวขึ้นมาดู อี้ฟ่านเอื้อมมือชี้ไปที่กลางแผนที่พร้อมทั้งเอ่ยเล่าข้อมูลต่างๆ ที่เขาพอรู้ หากแต่อี้ชิงไม่ได้สนใจฟังนักเพราะเขากำลังลอบมองใบหน้าคมที่เขยิบเข้ามาใกล้ เพื่อจะชี้รูปภาพในมือของอี้ชิงถนัด

      

    หัวใจดวงเล็กๆ กำลังเต้นรัว.......เต้นเหมือนคนกำลังตกหลุมรักอีกครั้ง เมื่อจมูกโด่งนั้นเฉียดเข้ามาโดนที่เรือนผม ไม่ใช่แค่จางอี้ชิงที่ชะงัก ร่างสูงเองก็ชะงักเช่นกัน

     

    อี้ฟ่านดึงตัวเองออกมาจากสถานการณ์นั้น เขาพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากแต่พวงแก้มขาวอิ่มของจางอี้ชิงมันเริ่มเจือสีกุหลาบ...มันทำให้เขาอดมองแล้วยิ้มไม่ได้....

     

    พวงแก้มชมพูเรื่อ ๆ นั้นเหมือนเป็นสัญญาณที่ทำให้อู๋อี้ฟ่านรู้สึกมองเห็นชัยชนะที่เขาอาจจะคว้ามาได้ไม่ยากนัก

     

    TBC.

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×