คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : [KaiLu Fiction] บันทึกลับเด็กเสี่ยลู่!! [บันทึกที่ 3]
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Comedy
Rating: PG-13
Pairing: KaiLu or Lukai ? feat. Krislay,Chanbaek
Note : ฟิคมีภาษาหยาบคายบ้างเล็กน้อย ต้องขออภัยแต่จำเป็นต้องใส่เพื่ออรรถรสนะคะ (ปรกติไม่ค่อยอยากใช้แต่แนวนี้ต้องมีบ้าง)
์
ตอนนี้เวลา 7 โมงไรท์เตอร์ยังไม่ได้นอน สมองชามาก เดี๋ยวนึกทอลค์ได้จะมาทอลค์นะใคร (คิดเหรอว่าเขาสนใจ 555)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Luhan's boyfriend diary [Part 3]
วันนี้มีเรื่องอะไรอยากระบายนิดหน่อย หรือไม่นิดหน่อยดี อืม...เออช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าเป็นเรื่องความลับอีกนั่นแหละ เลยต้องมาเขียนในนี้ แต่ก่อนอื่นคงต้องเล่าเรื่องที่เคยเขียนค้างไว้เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนให้จบก่อนซินะ ก็เรื่องที่ผมไปแข่งประกวดเต้นของคณะอะไรนั่นแหละ....
ตกลงว่าผมไม่ชนะนะ (ดีใจมากพูดจากใจเลย) คนชนะคือพี่อี้ชิง แต่ไม่ใช่ว่าพี่ลู่ของผมแกจะแพ้เฮียคริสในการปั่นโหวตผมนะ พอดีพี่ลู่แกเลิกความคิดนั้นไปเสียก่อน ส่วนสาเหตุที่เลิกมันเกิดจากผมเองนั่นแหละ
วันอาทิตย์ก่อนวันประกวดสักราวๆ สัปดาห์ผมมาหาพี่ลู่ห้อง กะว่าจะชวนไปเดินเล่นหาอะไรกินกันหลังจากเราสองคนไม่ได้ไปไหนด้วยกันสักพักแล้วเพราะพี่ลู่ติดซ้อมมิวสิคัล ส่วนผมเองก็ไปช่วยรุ่นพี่เตรียมงานมหาลัยฯ รวมถึงซ้อมเต้นเองด้วย ถึงงานมันจะจัดเล่นๆ แล้วผมโครตไม่อยากจะชนะแต่ยังไงก็ควรให้เกียรติงานสักนิดถูกไหม
แต่ปรากฏว่าวันนั้นพี่ลู่ไม่ยอมออกจากห้องซะงั้นผมเลยต้องนั่งเล่นนอนเล่นที่เพนท์เฮาส์พี่ลู่แทน ระหว่างที่ผมกำลังนอนเล่น Infinity blade 2 ใน Iphone 5 (ที่พี่ลู่ซื้อให้) อยู่ ผมก็เห็นพี่ลู่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรสักอย่างลงบนกระดาษแผ่นเล็ก ๆ เป็นปึก ๆ อยู่บนที่นอน Tony Chopper ที่หน้าโทรทัศน์ ไม่ต้องงงครับ ที่นอน stitch มันจากเราไปแล้วด้วยความสงบ เออแต่อย่าคิดว่าผมกับพี่ลู่ใช้งานมันหนักอะไรนะที่พังไป แต่ที่พังเพราะพี่ลู่อยากกินของหวาน แล้วคิดการใหญ่อยากกินฟองดู ผมเองก็ขี้เกียจขัด (หรือจริงๆ คืออยากด้วย) ก็เลยริจะทำกัน บทสรุปมันจบลงที่พี่ลู่กับผมเผาที่นอนไหม้ไปเล็กน้อยพอดับไฟได้ เลยเป็นเหตุให้ต้องไปหาซื้อมาใหม่เพราะเราสองคนติดนอนห้องรับแขกไปแล้วนั่นแหละ เฮ้ย!! เริ่มนอกเรื่องกลับมาเรื่องพี่ลู่ก่อน คือผมสงสัยว่าพี่ลู่ทำอะไรเลยคลานไปดู พอเห็นว่าทำอะไรปุ๊บผมงี้ของขึ้นเลยล่ะ
“พี่ลู่นั่นอะไร” ผมเอ่ยถามเสียงเข้มทั้งๆ ที่รู้แล้วล่ะว่าพี่แกทำอะไรอยู่
“กระดาษลงคะแนนไง กำลังเขียนชื่อจงอินอยู่เขียนไว้ก่อนจะได้เยอะ ๆ “ เฮ้ยจริงจังไปไหม นี่มันไม่ได้ส่งฉลากขนมชิงรถฮยอนไดนะพี่
“พี่ไปเอามาได้ไง เขาขายแล้วเหรอทำไมผมไม่รู้”
“ขอจุนมยอนซื้อมาก่อน” พี่ลู่พูดแล้วก็เงยหน้ามายิ้มตาปิดใส่ผม น่ารักคิวท์ ๆ แต่ผมชักไม่คิวท์ด้วยแล้ว ก็นี่มันทุจริตชัด ๆ ไอ้บัตรลงคะแนนมันไม่ควรซื้อได้ก่อนเพราะงานมหาลัยนี่จะจัดตอนเปิดเทอม ถ้าใครซื้อได้ก่อนมันก็โกงกันได้ง่ายๆ เหอะแบบนี้พี่ลู่เหมาหมดขึ้นมาจะทำยังไง ผมก็ซวยซิ
“พี่โกงนิ”
“โกงที่ไหน พี่ก็แค่ขอจุนมยอนซื้อมานิดเดียวเอง ยังมีเหลือตั้งเยอะ แต่ไม่ต้องห่วงพี่บอกกรรมการคนอื่นไว้แล้วว่าวันงานพี่จะไปเหมา” พี่ลู่พูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจสุด ๆ แต่ถามผมก่อนไหมว่าผมอยากให้ไปเหมาหรือเปล่าครับ ผมคิดว่าพี่จะลืมๆ มันไปบ้างแล้วเห็นก่อนหน้านี้ยุ่งอยู่
“แล้วนี่พี่คริสเขาซื้อมาก่อนแบบพี่หรือเปล่า”
พี่ลู่ส่ายหัวทำปากยื่นเหมือนโดนัลดั๊กฮยองไอดอลพี่ลู่ ก่อนจะกลับไปสนใจกระดาษที่กองอยู่บนที่นอนต่อ ผมส่ายหัวบ้าง แต่ส่ายหัวด้วยความเหนื่อยใจ
ผมลงนอนข้างพี่ลู่แล้วส่ง Line ไปถามพี่อี้ชิงดูว่าพี่คริสเขาซื้อไอ้บัตรลงคะแนนนี่ไปหรือยัง พี่อี้ชิงก็บอกว่าไม่รู้ แต่คิดว่าอาจจะยัง เท่านั้นแหละผมก็เริ่มบรรลุแล้วว่าชัยชนะของผมมันชักอยู่แค่เอื้อม(เกินไป) ผมพลิกตัวเองไปทับตัวพี่ลู่ไว้แล้วดึงปากกาออกจากมือเล็ก ๆ ของพี่ลู่ทันที
“พี่ผมพูดจริงๆ เลยนะ จริงจังด้วย พี่อย่าทำแบบนี้เลย”
“ทำไมล่ะ”
“พี่ผมอาย” พี่ลู่พยายามพลิกตัวหันมามองผม ผมเลยถอยตัวเองลงมานอนข้างๆ พี่ลู่ แฟนคนน่ารักของผมยู่ปากทำตาปริบๆ เหมือนงอนๆ ก่อนจะถามผม
“ทำไมอาย พี่ก็แค่อยากเห็นจงอินชนะ มีอะไรจะต้องอาย”
“มีตั้งเยอะแยะที่ผมต้องอาย เวลาเราดูซุปเปอร์สตาร์เคกัน แล้วพี่หงุดหงิดว่าคนชนะมันไม่ใช่คนที่พี่เชียร์ แล้วพี่บอกว่าแฟนคลับไอ้คนชนะปั่นโหวต นี่มันก็เหมือนกัน คนคงด่าผมตายถ้ารู้ว่าพี่ปั่นโหวต พี่ยังไม่ชอบเลยเวลาคนอื่นทำ” ผมพูดหน้าตาจริงจัง ถึงไม่เห็นหน้าตัวเองผมก็เดาได้ว่าหน้าตาผมจริงจังมาก พี่ลู่หลบตาผม แล้วก็ทำสีหน้าเศร้าๆ แต่ผมจะไม่ใจอ่อนแน่ๆ ผมพยายามเตือนตัวเอง
“จงอินนี่อ่ะ พี่หวังดีนะ” หวังดีของพี่กับความสนุกมันต่างกันแค่เส้นบาง ๆ ขนาด 0.01 มิลมากพี่
“นี่ผมก็จริงจัง หวังดีด้วย เรื่องคนในมหาลัยในคณะมันเป็นสังคมแคบ ๆ พี่ก็รู้ ถ้าคนมันมองเป็นเรื่องตลกก็ดีไป เกิดคนมาแข่งคนอื่นมันจริงจังล่ะ ผมว่าใครๆ มาแข่งก็ต้องจริงจังแน่ๆ เขาจะเสียใจแล้วมาด่าเราเอา”
“แต่อี้ฟ่านมันก็ทำ”
“แล้วเราต้องทำตามพี่คริสด้วยเหรอพี่ ปล่อยๆ เขาไปเหอะ เอาเป็นว่านอกจากกองนี้แล้วพี่ไม่ต้องซื้อมาอีกนะโอเคไหม” ผมยื่นปลายจมูกไปชนกับปลายจมูกกลมๆ ของพี่ลู่ พี่ลู่กระพริบตาปริบๆ จนขนตายาวๆ นั่นแทบจะปัดโดนขนตาผม
“อืมมม” พี่ลู่ตอบรับมาแบบเสียไม่ได้ ผมเลยให้รางวัลด้วยจุ๊บเบาๆ ไปทีนึง
“ก็แค่นี้แหละ แค่ที่พี่ฮึดอยากจะช่วยผม ผมก็ดีใจจะแย่แล้ว ไม่ต้องทำตัวให้ผมรักมากกว่านี้หรอก” ผมดึงพี่ลู่มาเกยบนตัวผม แก้มพี่ลู่แด๊งแดง จนผมอดไม่ได้ที่จะปั่นเล่นเสียหน่อย มองอย่างนี้พี่ลู่หน้ากลมวะ
“นายปากหวาน เมื่อกี้แทบจะด่าพี่”
“ไม่ได้ว่าสักหน่อยผมแค่ขอร้องกับพูดความจริง พี่ไม่สงสารผมหรือไงถ้าเกิดชนะแล้วคนด่าหาว่าผมโกง”
“จงอินคิดมาก”
“คิดมากแหละดีแล้ว ผมอยากลองชนะได้ด้วยตัวเองนะ เวลาแข่งอะไรแล้วชนะมันรู้สึกฟิน เหมือนเพิ่งผ่านออกัสซั่มใหม่ๆ ผมอยากได้รับความรู้สึกนั้น โอ้ย!!” อยู่ดีๆ พี่ลู่ก็ดีดหน้าผากผมเสียอย่างนั้น ผมทำอะไรผิดห๊า
“ทะลึ่ง”
“ทะลึ่งที่ไหนนี่มันศัพท์วิชาการ”
พี่ลู่จ้องผมแบบจับผิด ผมเลยหัวเราะลั่น แล้วก็ดึงพี่ลู่มาหอมแก้มสักที เวลาทำตาดุ ๆ จ้องเหมือนจับผิดแบบนี้แทนที่พี่ลู่จะดูดุกลับเหมือนแมวขู่เสียมากกว่า
“ตกลงพี่สัญญากับผมนะว่าจะไม่ปั่นโหวตผมอีก”
“อืมไม่ทำก็ได้ แต่ถ้าอี้ฟ่าน...”
“พอพี่ เราจะไม่คุยถึงพี่คริส แล้วปล่อยเฮียแกบ้าทำไป แล้วตอนแกหายนะเราค่อยมาหัวเราะซ้ำเติมเฮีย”
“เออก็ดีเน้อน่าสนุกดี อิอิ ปล่อยให้อี้ฟ่านมันเหมาไปคนเดียวเลย” พี่อี้ชิงผมขอโทษ ผมรู้ว่าพี่ดีกับผมมากแต่ เหตุการณ์นี้ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ พี่ต้องกล่อมแฟนตัวเองให้ได้เหมือนผมนะสู้ๆ
แล้วพอวันงานผลมันก็ปรากฏตามโพลที่เก็งกันไว้ พี่อี้ชิงได้ที่หนึ่ง ผมได้ที่สอง แต่พี่ลู่ก็ไม่ได้หัวเราะสมใจสักเท่าไหร่เพราะพี่คริสไหวตัวทันก่อน เลยไม่ได้บ้าทุ่มโหวตมาก แต่ไม่มากของพี่เขาก็เหมาลูกโป่งไปเกินครึ่งส่วนอีกเกือบครึ่งก็พี่ลู่เริ่มทนบรรยากาศไม่ไหวพี่แกเลยให้เงินเพื่อนๆ ผมนำโดนพยอนแพคฮยอนเอาไปซื้อทั้งบัตรทั้งลูกโป่งมาโหวตให้ผม แต่การเป็นที่สองก็ทำให้ผมอายลดลง แต่กับพี่อี้ชิงคงไม่กระเทือนอะไรมาก เหมือนทุก ๆคนรู้อยู่แล้วว่าเป็นแฟนพี่คริสก็ต้องแบบนี้แถมพี่เขาเองก็เก่งจริงๆ ผมยอมรับตรงนี้เลย
พอจบจากแข่งเต้นผมก็ตามพี่ลู่กลับไปยังโรงละครมหาลัยฯ พี่ลู่มีแสดงละครเย็นนี้ จริงๆ เขาต้องสแตนด์บายอยู่ตั้งแต่เช้าแต่เขาก็แอบไปเชียร์ผม ตอนผมลงจากเวทีพี่ลู่ชมผมว่าผมเก่งงั้นงู้งงี้ พี่ลู่ยิ้มกว้าง แล้วก็ดูตื่นเต้นมาก เพราะตอนซ้อมผมไม่ได้ซ้อมให้พี่ลู่เห็นเต็มๆ ประกอบกับว่าพี่ลู่เองก็ติดซ้อมมิวสิคคัล เขาเลยค่อนข้างเซอร์ไพรส์มาก แล้วผมว่าตรงนี้แหละที่มันดีเสียยิ่งกว่ารางวัลอีก เพราะเราทำให้คนที่รักเราภูมิใจในตัวเรา
อ่านแล้วดูพระเอกชะมัด แต่ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆ นะให้ตายเหอะ!!
ตอนค่ำผมนั่งดูพี่ลู่แสดงมิวสิคัล นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นพี่ลู่ทำอะไรแบบนี้ เขาสลัดบุคลิกน่ารักเหมือนเด็กออกไปจนหมด เขากลายเป็นเจ้าชายที่ดูสุขุม หล่อเหลา โศกเศร้า และสับสน ได้ดีมาก ที่สำคัญพี่ลู่ร้องเพลงเพราะมากจริงๆ ตอนที่ผมนั่งดูอยู่แพคฮยอนสะกิดผมแล้วบอกว่าพี่ลู่เก่งมากจนเหลือเชื่อ ผมยิ้มรับไป แต่ในใจของผมกำลังพองเลยล่ะ ผมเริ่มเข้าใจความคิดของพี่ลู่แล้วว่าทำไมพี่ลู่ถึงมีความสุขเวลาเห็นผมบนเวที แล้วทำไมพี่ลู่ถึงอยากให้ผมชนะ เพราะตอนนี้ผมก็รู้สึกภูมิใจในตัวพี่ลู่มากๆ แล้วเวลาเห็นคนที่เรารักประความสำเร็จมันก็ทำให้เรามีความสุขได้มากมายเช่นกัน
“จงอินๆ “
“หือม” ผมหันไปตามแรงสะกิดของพยอนแพค แล้วก็เห็นเจ้านั่นนั่งทำตาหวานมองบนเวทีอยู่
“พี่ลู่หล่อจังวะ เท่ห์ด้วย เป็นเจ้าชายที่เท่มาก กูเข้าใจมึงแล้วจงอิน”
“เข้าใจอะไรของมึง”
“ก็เข้าใจว่าจริงๆ พี่ลู่แมน แล้วหล่อไง ทำไมกูเพิ่งเห็นวะ ถ้าเห็นก่อนนี่กูจีบพี่ลู่ไปแล้วไม่ตกไปถึงมึงแน่กัมจง แล้วกูเข้าใจเลยทำไมมึงถึงยอมเป็นรับให้พี่เขา จริงๆ กูเถียงกับชานยอลมาตลอดนะว่าจริงๆมึงไม่ได้เป็นรับแต่คราวนี้กูเชื่อชานยอนแล้ว”
“ไอ้เตี้ยแพค!!” ผมคำรามในลำคอ พลางคันไม้คันมืออยากตบหัวเล็ก ๆนั่นจริงจัง ผมไม่แน่ใจว่าผมควรลงโทษมันด้วยข้อหาไหนก่อนระหว่างเรื่องที่มันคิดว่าผมเป็นเมียพี่ลู่ตามไอ้โย่งยอล หรือมันจิตอกุศลอยากจะแย่งแฟนผม หรือมันเห็นว่าพี่ลู่หล่อเกินหน้าเกินตาความหล่อแมนของผม
ไอ้แพคไม่สนใจผมมันหันไปทำหน้าเพ้อใส่พี่ลู่บนเวทีต่อ ตกลงนี่ผมต้องระวังแพคฮยอนจะเป็นหอกข้างแคร่ด้วยไหมวะครับ แล้วยิ่งพี่ลู่มันยิ่งอยากคร่อมคนอื่นอยู่เกิดมันฮึดไปคร่อมแพคฮยอนผมจะทำยังไงวะ หรือผมควรยุชานยอลมันให้จัดการรวบหัวรวบหางแพคฮยอนไปเลยดี ผมรู้นะว่าไอ้โย่งมันเล็งแพคกี้อยู่แต่มันไม่กล้าจีบตรงๆ สงสัยผมต้องจัดการให้มันเก็บไอ้ลูกหมานี้ให้พ้นทางรักของผมก่อนมันจะไปเสนอตัวให้พี่ลู่ขึ้นมาจริงๆ (ผมน่ะทำอะไรก็ได้แต่อย่างเดียวที่ผมยอมไม่ได้คือยอมให้พี่ลู่มันคร่อมผมนั่นแหละ)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
หลังการแสดงจบผมก็จัดการไล่เพื่อนกลับ ผมชักไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นตอนนี้ ผมเดินไปรับพี่ลู่หลังเวที ผมเห็นคนอื่นๆ มีช่อดอกไม้ให้กับเพื่อนหรือคนรักของตัวเอง ผมก้มมองดูที่มือตัวเอง บัดซบที่สุดผมไม่มีอะไรติดมือมาเลย ผมรู้สึกผิดมากๆ จนอยากเอาหัวไปซุกไว้ใต้เบาะในโรงละคร แต่ก็ไม่ทันแล้วล่ะพี่ลู่วิ่งมาแต่ไกล หน้าหวาน ๆ นั่นยิ้มน่ารัก ถึงแม้จะลบเครื่องสำอางออกหมดแล้วพี่ลู่ก็ยังคงความหน้าตาดีไว้เหมือนบนเวที ผมรู้สึกภูมิใจอย่างเต็มอกที่ผมได้เป็นเจ้าของคนๆ นี้
“สนุกไหม”
“สนุกครับ” ผมยิ้มไปให้แล้วก็ช่วยพี่ลู่ถือของ แล้วก็จัดโอเวอร์โค๊ทของพี่ลู่ให้เข้าที่เข้าทาง
“ดีจัง พี่กังวลมากเลย แล้วพี่เล่นดีไหม”
“มาก พี่เก่งมาก พี่ร้องเพลงเพราะมากรู้ไหม” พี่ลู่ยิ้มเขิน แล้วก็หัวเราะเบาๆ
“นายก็เคยได้ยินพี่ร้องบ่อยๆ”
“นั่นมันคาราโอเกะ แล้วส่วนใหญ่พี่ร้องเพลงเต้น ผมเพิ่งเคยเห็นพี่ร้องเพลงสไตล์นี้ พี่เก่งมากจริงๆ นะ”
“เหรอ ดีใจจังที่จงอินชม แบบนี้พี่ก็ไปเป็นพระเอกละครเพลงได้ซินะ”
“สบายมาก” พี่ลู่เข้ามาคล้องแขนผมแล้วเราก็เดินไปด้วยกัน ผมเล่าเรื่องฉากต่างๆ ที่ผมชอบไปด้วยระหว่างที่เราเดินไปที่รถ พี่ลู่ยิ้มกว้างจนดันแก้มน่ารักนั้นจนกลม แววตาเป็นประกายเหมือนดาวเหนือ(เป็นดวงเดียวที่ผมจำได้นั่นแหละ อ๋อมีดาวไถ่อีกที่ผมจำได้ที่เหลือจำไม่ได้แล้ว) และพี่ลู่ดูมีความสุขมากๆ
“คืนนี้ผมเลี้ยงพี่นะ ถือว่าเป็นของขวัญ” ผมหันไปบอกพี่ลู่ตอนที่พี่ลู่กำลังคาดเซฟตี้เบลท์อยู่
“ของขวัญอะไรอ่ะ”
“ก็ของขวัญที่วันนี้พี่ลู่เล่นละครได้ประสบความสำเร็จไง”
“ให้พี่เลี้ยงดีกว่า ก็วันนี้จงอินได้รองชนะเลิศแข่งเต้นเลยด้วยนิ”
“พี่เลี้ยงผมบ่อยแล้วมันตื่นเต้นที่ไหน นานๆ ทีผมจะเลี้ยงพี่นะ แล้วผมยังไม่ได้ให้ของขวัญหลังแสดงเสร็จพี่ด้วย โอเคนะ” พี่ลู่หัวเราะแล้วก็พยักหน้ารับ จริงๆ เรื่องเลี้ยงนี้มันวิ่งเข้ามาให้หัวผมกะทันหัน ผมเลยไม่ได้คิดว่าจะพาพี่ลู่ไปกินที่ไหน แถมตอนนี้ดึกแล้วอีกต่างหาก ผมขับพาพี่ลู่เข้ามาในเมือง ร้านอาหารหลายๆ ร้านผ่านสายตาเราแต่ส่วนใหญ่ก็ใกล้จะปิดแล้ว จนผมเหลือบไปเห็นเต็นท์สีขาวข้างทางมันก็ทำให้ผมคิดอะไรออก
ผมจอดรถแถวริมถนนบริเวณนั้นแล้วจูงพี่ลู่เดินมายังเต็นท์สีขาวขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณริมถนน พี่ลู่ทำสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยตอนผมจูงมือพี่เขาเข้าไปในนั้น
“ที่นี้เหรอ”
“อืม พี่ไม่ได้มากินบ่อยๆ แน่ แล้วผมก็ด้วยกินเหล้าในนี้ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผมอยากมานั่งกินในเต็นท์แบบนี้นานแล้ว” พี่ลู่พยักหน้าหงึกหงักเหมือนสนุกไปกับความคิดผมที่จะแหกกฎ
ผมกับพี่ลู่สั่งโซจูมาคนละขวดพร้อมกับอาหารแกล้มเหล้า ซึ่งเอาเข้าจริงราคามันก็ไม่ได้ถูกสมกับหน้าตาเต็นท์เลยสักนิด เราสั่งปลากหมึกสดมากินด้วยกันเพราะพี่ลู่อยากลองแต่พี่ลู่กับผมก็ตกลงกันว่าไม่เอาถึงขั้นปลาหมึกเป็น ๆ เพราะกลัวจะไปพันหลอดลมตายไม่รู้ตัว ในวันสุดสัปดาห์เช่นนี้ในเต็นท์เต็มไปด้วยขี้เหล้าวัยทำงาน หาวัยรุ่นแทบจะไม่มีเราจึงกลายเป็นจุดเด่นนิดหน่อย แต่อย่าได้แคร์เพราะตอนนี้กินไปสักพักผมเริ่มกรึ่มๆ แล้ว โลกมีแค่ผมกับพี่ลู่เท่านั้นแหละ คนอื่นผมมองเป็นแค่วัตถุเลือนๆ (หรือจริงๆ ผมเมาวะ)
เรากินกันจนได้ที่ก็ออกจากร้านไปเดินเล่น รอให้แอลกอฮอลล์ในร่างกายมันลดลงสักหน่อยกลัวจะไปโดนด่านตรวจ
ตอนนี้ปลายเดือน ก.พ.แล้วหิมะยังตกอยู่บ้าง แล้วเมื่อหัวค่ำก็เพิ่งตกไปนิดหน่อย ผมจับมือพี่ลู่เอาไว้แล้วเราก็เดินย่ำหิมะไปด้วยกัน ผมกำลังนึกถึงวันคริสมาสต์ที่ผ่านมาเราก็ทำแบบนี้ นี่เราสองคนคบกันสองเดือนแล้วซินะ
“จงอินไปตรงนั้นกัน” พี่ลู่จูงมือผมพาเดินไปตรงซอกตึกที่มีต้นไม้อยู่ ตอนนี้ร้างรวงปิดหมดแล้วแต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยวอะไร พี่ลู่พาผมไปยืนใต้ต้นสน พี่ลู่เงยหน้ามองต้นสนจนคอตั้งบ่า ตอนนี้พี่ลู่กลายมาเป็นเด็กชายลู่หานอีกแล้ว สลัดโหมดหนุ่มหล่อลู่หานทิ้งไปจนแทบไม่เหลือ พอพี่ลู่ก้มหน้ากลับมาเขายิ้มให้ผม และจับมือผมให้ดึงเข้ามาหาตัวเขา แล้วพี่ลู่เขย่งตัวขึ้นมาจูบผมเบาๆ
แน่ล่ะผมตกใจที่อยู่ดีๆ ถูกรุกแบบนี้ พี่ลู่มาอารมณ์ไหนกัน
“พี่เคยฝันว่าอยากจูบกับคนรักใต้ต้นสนที่มีหิมะสีขาวเกาะเต็มต้นมันคงโรแมนติกดี” นี่เป็นความฝันของผู้ชายวัย 20 กว่าที่บอกตัวเองเสมอว่าตัวเองแมนมาก ให้ตายเหอะเกิดมา 19 ปี ผมยังไม่เคยมีอะไรแบบนี้ในหัวเลย
“แล้วโรแมนติกไหม” ผมถามกลับไปพี่ลู่ก็พยักหน้า แล้วหัวเราะเบาๆ ผมเลยเชยคางพี่เขาขึ้นมาแล้วก็ขบลงบนริมฝีปากล่างของพี่เขาบนรอยแผลเป็น พี่ลู่โน้มคอผมลงมาผมเลยกอดพี่เขาไว้แน่นขึ้นแล้วเราก็จูบกัน มันโรแมนติกจริงๆด้วยซิให้ตาย รสของโซจูที่ติดบนริมฝีปาก และลิ้นของพี่ลู่มันหวานมาก หวานกว่าในขวดตั้งเยอะ คราวหน้าผมไม่กินในขวดแล้วกินผ่านพี่ลู่ดีกว่าเยอะเลย หึหึ
เราสองคนเดินจูงมือกันกลับมาที่รถหลังจากไปสร้างบรรยากาศหวานๆ กันมาจนสร่างเมา พี่ลู่ถามผมในระหว่างเดินกลับมาว่าผมเคยมีเคยมีความฝันที่จะทำอะไรกับคนรักที่คิดว่ามันโรแมนติกมากๆ แบบพี่ลู่ไหม ผมส่ายหน้ากลับไป ทั้งๆ ที่ในหัวของผมมันมีเรื่องหนึ่งพุ่งเข้ามา
ผมเคยคิดว่าถ้าผมกับพี่ลู่ไปเมคเลิฟกันที่ริมระเบียงกันก็น่าจะตื่นเต้นดีแล้วหลังเมคเลิฟกันแล้วก็นอนกอดกันมองดูดาวดูพระจันทร์ เออมันก็น่าจะโรแมนติดดีด้วย เอาไว้ตอนหมดหน้าหนาวแล้วผมหลอกพี่ลู่ไปทำดีกว่า แต่ตอนนี้คงบอกไม่ได้ว่าผมคิดอะไรเดี๋ยวจะโดนด่าว่าทะลึ่งอีก
นี่ผมย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกใหม่อีกรอบ ไอ้ไดอารี่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว ไดอารี่ผมมันชักกลายเป็นบันทึกรักหวานชวนเลี่ยนยังไงพิกล หรือจริงๆ มันเป็นจิตใต้สำนึกของผมกันวะที่อยากเวิ่นเว้อเรื่องหวานๆ บ้าง อะไรแบบนี้ แต่อ่านแล้วโครตเลี่ยนมาก เหมือนมีร่างคนอื่นมาสิงผมให้เขียน
แต่ว่าในความเลี่ยนผมก็จะพยายามคิดในแง่ดีนะว่าที่นั่งเขียนอะไรบ้าๆ อยู่นี่ผมจะได้เก็บเอาไว้อ่านว่าผมเคยมีช่วงเวลาอะไรดีๆ กับพี่ลู่บ้างนอกจากเรื่องกลุ้มใจของผม เอาเป็นว่าต่อไปผมอยากระบายความรักหนักอก หรือความรักล้นใจผมจะมาเขียนในนี้แล้วกัน เผื่อสักวันหนึ่งผมอาจเปิดให้พี่ลู่อ่าน (ชักออกแนวสาวน้อยอีกแล้วกู)
ทีนี้มาเรื่องไม่ค่อยสบายใจที่เกริ่นไว้ตอนต้นเลยดีกว่า
เรื่องมันเกิดหลังจากไอ้งานมหาลัยนี่แหละคือไอ้งานนั้นมันเหมือนงานแนะนำให้รุ่นน้องเฟรชชี่ได้รู้จักพวกเรารุ่นพี่ แล้วก็ดูจะเห็นผล เพราะพี่ลู่ฮอทมากในหมู่สาวๆ และหนุ่มๆ (ไม่ผิดหรอกมีหนุ่มๆ จริง โลกมันเปลี่ยนไปเยอะนะ แล้วผมที่กลายมาเป็นเกย์แบบสมยอมนี่ก็แปลว่าไม่แปลกซินะ มันทำให้ผมสบายใจขึ้น) แล้วนอกจากพี่ลู่เองผมเองก็ฮอทขึ้นอย่างงงๆ สาวน้อย ปนหนุ่มเกือบสาวจำนวนไม่น้อยปวารณาตัวเป็นแฟนคลับผมอย่างออกหน้าออกตา ซึ่งข้อนี้จงแดกับชานยอลวิเคราะห์ว่านอกจากที่สาวๆ เห็นผมตอนแข่งเต้นแล้วไอ้มาเซราตินั่นก็มีผลมาก เพราะรุ่นน้องส่วนใหญ่คิดว่ามันเป็นรถผม (เพราะตอนนี้ผมทำหน้าที่แฟนที่ดี เป็นแฟนขับให้พี่ลู่ เราเรียนคณะเดียวกันด้วยใครๆ ก็เลยเห็นแต่ผมเป็นคนขับมีพี่ลู่นั่งน่ารักๆ เป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กับผม) แถมคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าพี่ลู่กับผมเป็นแฟนกัน อันนี้เรื่องจริงนะเพราะผมกับพี่ลู่ไม่ได้เปิดตัวขนาดนั้นทุกคนชินที่ผมกับพี่ลู่ไปไหนมาไหนด้วยกันแบบรุ่นพี่รุ่นน้องคนสนิทมานาน ไอ้ที่รู้ก็มีแต่คนสนิท คนที่คบหากับพวกเรา ฉะนั้นมันไม่แปลกที่จะมีเฟรชชี่มาติดผมกับพี่ลู่กันตรึม
แต่ไอ้มาชอบมาเชียร์ก็พอว่า บางคนรุกจัดจนออกหน้าออกตาจนทำให้ผมลำบากใจ พี่ลู่งอนงุงิกับผมตอนที่น้องฮวายองว่าที่ดาวคณะส่งสติ๊กเกอร์รูปหัวใจมาหาผมในไลน์ แล้วก็ส่งข้อความ Miss You ให้ผม แล้วพี่ลู่ดันเปิดเจอพอดี พี่ลู่งอนผมไปสองวันได้ที่ผมยอมให้เบอร์กับคนอื่น เพราะถึงจะมีคนมาชอบพี่ลู่แค่ไหนพี่ลู่ก็ไม่ให้เบอร์ติดต่อกับใคร แต่นี่ใช่ความผิดผมเสียที่ไหน ก็ผมให้น้องเขาไปเพราะน้องเขาอยากได้เบอร์รุ่นพี่ที่เป็นสต๊าฟงานรับน้องนี่หว่า ไม่ได้บอกสักหน่อยจะไลน์มาจีบ ถ้ารู้ว่าจะมาจีบผมคงให้อีเมล์ไปแทนแล้ว (เฮ้ยไม่ใช่!!)
แต่ไอ้เรื่องรุ่นน้องกับเสน่ห์ของผมมันดูจิ๊บจ้อยไปเลยเมื่อเทียบกับปัญหาระดับตำนานอย่างชเว ซีวอน
เขาไม่ได้หายเงียบไปไหน แค่ที่ผ่านมาเ พี่แกติดทำโปรเจค คราวนี้แกกลับมาวุ่นวายกับพี่ลู่อีกแล้ว ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าระดับพี่ซีวอนน่าจะพอรู้ว่าผมกับพี่ลู่เป็นอะไรกัน แต่เหมือนพี่แกจะตีมึนไม่สนใจ แถมไอ้วิธีเข้าหาพี่ลู่วิธีล่าสุดนี่มันถึงกับทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก
ก็ในช่วงเปิดเทอมมาได้สักพักทางมหาลัยจะจัดกิจกรรมกีฬาสานสัมพันธ์ระหว่างคณะเป็นประจำทุกปี โดยจะจับแบ่งคณะออกมาเป็นสีๆ จุดประสงค์ก็เพื่อให้รุ่นน้องได้ร่วมกิจกรรมสานสัมพันธ์นั่นแหละ ทีนี้ปีนี้มือใครจับไม่รู้ มือเน่ามากจับให้ศิลปกรรมอยู่สีเดียวกันกับวิศวะซะงั้น แล้วอิพี่ซีวอนแกก็ผลักดันตัวเองมาเป็นกัปตันทีมฟุตบอลประจำสี และก็มาชวนพี่ลู่เข้าทีม แล้วมีเหรอที่พี่ลู่แมนยูฯ จะไม่ตอบรับคำชวน เพราะผมเคยบอกแล้วไงว่าพี่ลู่แกเป็นนักกีฬาแกเคยเล่นอยู่ทีมฟุตบอลระดับตัวแทนเขตมาแล้วสมัยอยู่เมืองจีน พอมาอยู่เกาหลีปีแรกๆ แกก็อยู่ทีมมหาลัยจนขึ้นปี 3 พี่ลู่ถึงลาออกเพราะไม่มีเวลา
คราวนี้พอพี่ลู่ไปเป็นนักบอลภาระหนักก็ตกที่ผมเลยทันที เพราะกลายเป็นว่าทุกเย็นผมต้องมานั่งเฝ้าพี่ลู่ซ้อมบอล ไม่เฝ้าก็ไม่ได้เดี๋ยวไอ้พี่ซีวอนมันจีบพี่ลู่ แต่มาเฝ้าก็หงุดหงิดงุ่นง่านในหัวจิตหัวใจ เพราะนอกจากไอ้พี่ซีวอนแล้วผมยังหึงผู้ชายมันไปทั้งทีมนั่นแหละ ใครก็ตามที่มันเข้ามาเบียดพี่ลู่ จับตัวพี่ลู่ ยั้นเสียบสกัด ผมหึงหมด!!
แล้วไอ้เรื่องหึงก็ทำให้ผมหงุดหงิดมากพอแล้ว ยังมีเรื่องให้ผมรำคาญใจอีกเรื่องคือนึกภาพออกไหมว่าเวลาทีมฟุตบอลซ้อมมันจะมีแฟนสาวของนักฟุตบอลมานั่งรอนั่งเชียร์ แล้วในบรรดาแฟนสาวของนักฟุตบอลพวกนั้นมันก็ดันมีผมอยู่ด้วย ให้ตายเหอะบรรยากาศมันชวนอึดอัดมากที่คุณนั่งอยู่ท่ามกลางผู้หญิงแบบนี้ ผมควรลงไปเป็นคนวิ่งให้แฟนสาวมานั่งส่งยิ้มหวานๆ ให้อย่างที่ผมเคยใฝ่ฝันตั้งแต่โตเป็นหนุ่ม ไม่ใช่ผมจะมานั่งง่อยแบบนี้ แล้วยิ่งเวลาพี่ลู่ยิงประตูได้เขาจะหันมายิ้มบ้าง ชูนิ้วบ้าง ยกมือซารางเฮใส่ผมบ้างมันยิ่งยัดเยียดสถานะฝ่ายรับให้ผมอย่างเต็มตรีน ถึงมันจะดีในแง่ที่ว่าคนเริ่มรู้สถานะระหว่างผมกับพี่ลู่ แต่มันดันรู้ไม่จริงนี่ซิ แถมไอ้คุณพี่คริสเวลาผ่านสนามบอลไปซ้อมบาสยังแซวผมได้แม่มทุกวัน หาว่าผมมานั่งให้แสตนด์มันหมองบ้างนี่มันที่ของสาวๆ บอกว่าผมมาคอยเอาผ้าเย็นมาซับเหงื่อพี่ลู่บ้าง ลากไปถึงกับว่าขนาดพี่อี้ชิงยังไม่มานั่งเฝ้าเป็นสาวน้อยอย่างผมเลย ผมงี้เถียงไม่ออก แต่ลองพี่อี้ชิงมาซ้อม แล้วมีผู้ชายคอยเคลมแบบที่ผมโดนบ้างเชื่อเหอะ พี่คริสแม่มเสนอเหงือก เอ้ยหน้ามานั่งยิ่งกว่าผม แถมออกหน้าออกตายิ่งกว่าผมแน่ๆ
แล้วเรื่องมันไม่ได้จบแค่สนามซ้อมที่หลังคณะวิศวะ.... เพราะเมื่อวานนี้ไอ้คุณพี่ซีวอนมันประกาศว่าจะไปเข้าค่ายซ้อมที่ต่างจังหวัดใช้เวลา 2 คืน 3 วัน ผมงี้เข่าแทบทรุดตอนได้ยิน แต่พี่ลู่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด ยังมีหน้ามาเล่าด้วยความตื่นเต้นว่าได้ไปเที่ยว แต่พี่ลู่คิดไหมคร๊าบบบว่าแบบนี้ผมก็ตามพี่ไปไม่ได้ แล้วทีนี้ผมจะทำยังไง ผมว่ามันไม่ชอบมาพากล แค่อิบอลกระชับมิตรมันจะซ้อมอะไรกันหนักกันหนา แล้วถ้าพี่ลู่ไปกับไอ้พี่ถึกซีวอนนั่นพี่ลู่จะพลาดท่ามันไหม เพราะไอ้รุ่นพี่นั่นมันดูจะประกาศชัดเจนมากว่าไม่เห็นหัวผม...
เครียดจะทำวิธีไหนไม่ให้พี่ลู่ต้องไปดี!! เครียดมาก หรือจะทำวิธีไหนให้ผมตามไปเป็นก้างขวางคอได้...
นี่แหละปัญหาบัดซบสุด ๆ ในเวลานี้ของผมนายคิมจงอิน (หล่อและเซ็กซี่มาก)
...TBC...
ความคิดเห็น