คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : [KaiLu Fiction] บันทึกลับเด็กเสี่ยลู่!! [บันทึกที่ 2]
Titile: บันทึกลับเด็กเสี่ยลู่!!
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Comedy
Rating: PG-13
Pairing: KaiLu or Lukai ? feat. Krislay Chanbaek
Note : ฟิคมีภาษาหยาบคายบ้างเล็กน้อย ต้องขออภัยแต่จำเป็นต้องใส่เพื่ออรรถรสนะคะ (ปรกติไม่ค่อยอยากใช้แต่แนวนี้ต้องมีบ้าง)
์
จากการได้รักระแสตอบรับที่ดี จนถึงขั้นมีการรีเควสให้แปลเป็นภาษาอังกฤษ (จะแปลได้ไงมันได้มี what the fuck ทั้งเรื่อง) ก็เลยปั่นตอนต่อมาเลย บอกตรงๆนะคะฟิคมันไม่มีพล็อต 55555 ฉะนั้นมันมาแบบตามอารมณ์จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจงอินจะรอดพี่ลู่ไปได้กี่ตอน
ปล.ยังไม่ได้ตรวจคำผิด เดี๋ยวมาตรวจตอนว่างนะคะเจอคำผิดก็ขอโทษแล้วกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หวัดดี…
เออจริงๆ ไม่ได้อยากมาเขียนอีกหรอกนะ แต่ทางเลือกมันไม่มี ไม่รู้จะระบายเรื่องนี้กับใคร ก็เลยมาเขียนต่อ
ช่วงนี้มีเรื่องหงุดหงิดนิดหน่อย ไม่เยอะ แต่มันหงุดหงิดอะนะ แล้วไม่รู้จะคุยกับใคร
เริ่มเลยแล้วกัน เกริ่นนานเมื่อยมือ
เอาเป็นว่าเล่าเรื่องเมื่อสองอาทิตย์ก่อนก่อนแ้ล้วกัน เมื่อสองอาทิตย์ก่อนพี่ลู่บอกผมว่าจะพาผมไปฉลองครบรอบ 26 วันที่เราคบกัน ตอนนั้นผมก็แปลกใจถามไปเหมือนกันว่าทำไมต้อง 26 วัน พี่ลู่แกก็ตอบมาแบบนี้
“ทำไมล่ะก็อยากฉลอง 26 วันไม่ได้เหรอ”
เอาเลยครับพี่ ดีครับได้ ถึงมันจะประหลาด นับวันครบรอบยังกับนับแผงยาคุมก็เหอะ
วันนั้นพี่ลู่ขับรถพาผมไปยังโชว์รูมรถ ผมก็สงสัยเราจะมาโชว์รูมรถกันทำไม แล้วไม่ใช่โชว์รูมรถธรรมดา พี่ลู่แกพาผมมาโชว์รูมรถซุปเปอร์คาร์ แบบที่เขาโชว์ เฟอร์รารี่ ลัมโบกีนี่ มินิคูเปอร์กันนั่นแหละ ผมถามพี่ลู่เรามาทำไม หรือพี่ลู่จะเอารถมาซ่อม เขาก็บอกผมว่าเดี๋ยวก็รู้
ไม่ต้องเดี๋ยวหรอก มาโชว์รูมรถ ไม่เอารถมาซ่อม คงมาเข้าห้องน้ำมั่ง
พอเราลงรถ พี่ลู่แจ้งพนักงานว่ามาพบใครสักคน สักพักก็มีคนมาหาพวกเรา เขาโค้งเรานักศึกษาสองคนจนแทบหัวติดพื้น แล้วก็พาเราสองคนเข้าไปด้านหลังโชว์รูม ซึ่งเป็นที่จอดรถซุปเปอร์คาร์สารพัดชนิด เขาพาพวกเราไปยืนอยู่หน้ารถคันหนึ่ง แล้วก็บอกพี่ลู่ว่า
“นี่ครับ มาเซราติ แกรนคาบริโอ ที่คุณลู่หานจองไว้”
เชดดดดดดดดดด ตอนนี้ข้างหน้าผมมันคือ รถยนต์สปอร์ต เปิดประทุนสีแมทาลิค ผมพยายามจ้องดูตราสัญลักษณ์หน้ารถเพื่อยืนยันว่าผมไม่เข้าใจผิดหรือฝันไป แต่มันก็ยังคงเป็นรูปสามง่าม เอ็มกลับหัว ตรามาเซราติ แบรนด์ไฮโซสุดหรูจากอิตาลีชัด ๆ ผมหันไปมองพี่ลู่ ก็เห็นแฟนหน้าแบ๊วของผมยิ้มแป้น กระพริบตาปริบๆ ใส่อยู่
“พี่ซื้อ?”
“อืม” พี่ลู่พยักหน้าหงึกหงักใส่
เรื่องจริงไม่มีสแตนด์อินซินะ แล้วผมรู้แล้วว่าทำไมต้องฉลอง 26 วัน เพราะว่ารถมันมาวันนี้ พี่ลู่มันก็เลยเนียนฉลองวันนี้ ถ้ารถมาพรุ่งนี้ ก็จะฉลองคบกัน 27 วันแทน
“ชอบไหม” เป็นคำถามที่ควรถามเหรอ
“พี่ไม่ได้ซื้อให้ผมใช่ไหม” ส่วนอันนี้กลัวจริงๆ ผมต้องเสียอะไรถ้าได้ไอ้รถคันนี้มา
“ก็ใช้ด้วยกันไง แม๊พี่ไม่ป๋าขนาดซื้อให้จงอินเลยหรอก แต่ก็อยากให้จงอินได้ใช้ไง เราใช้ด้วยกันก็ต้องถามความคิดเห็น สีนี้ชอบไหม หรือจะเปลี่ยนสี”
“ดีแล้ว เท่ดี ถ้าพี่ชอบก็ตามใจพี่เลย” ผมตอบจริงใจนะ แล้วพอพี่ลู่ได้คำตอบปุ๊บเขาก็ยิ้มกว้างแล้วก็หันไปจัดการคุยกับเซลคนนั้นต่อ
ตกลงว่าวันนั้นพี่ลู่เอาเบนซ์สปอร์ตที่ใช้มาเกือบสองปีนั่นไปเทิรน์เอามาเซราติมา ราคาผมไม่รู้เพราะว่าพี่ลู่แกเอาเงินจากที่ขายเบนซ์บวกกับรูดปรืด ๆ ถอยออกมา แล้วที่เหลือป๋าแกจะผ่อนให้ ผมเลยถามว่าทำไมอยู่ดีๆ อยากเปลี่ยนรถ ไอ้คันเก่าก็เพิ่งใช้ไม่นาน แถมไอ้คันนี้ก็แพงหูดับ พี่ลู่แกก็บอกว่าป๊ะป๋าให้มาเป็นของขวัญ แกอยากได้เลยขอเมื่อตอนกลับไปปักกิ่งเมื่อปีใหม่ (จริงๆ แกชวนผมไปด้วยแต่ผมยังไม่กล้าพอ) ป๋าพี่ลู่ก็ใจป้ำ บอกให้พี่ลู่มาจองเลยเดี๋ยวแกจ่ายให้เอง
เสี่ยไหมล่ะครับ เสี่ยทั้งพ่อทั้งลูก
คงมีคนสงสัยเหมือนผมว่าครอบครัวพี่ลู่แกรวยมาจากไหน ผมก็ถามพี่เขานะ พี่เขาก็บอกว่าที่บ้านทำธุรกิจเครื่องหนังจริง ๆ นั่นแหละ มีโรงงานฟอกหนังด้วย แปรรูปหนังด้วย โรงงานใหญ่โต ส่วนไอ้ธุรกิจก๊อปปี้ของแบรนด์เนมอย่างที่ไอ้พี่คริสมันบอกนั่นก็ทำจริงอีกต่างหาก คือกะรวยทุกทาง ฉะนั้นอย่าแปลกใจ ถ้าจะเห็นพี่ลู่แต่งตัวด้วยแบรนด์เนมทั้งตัว ไม่ใช่จะบอกว่าของก๊อปนะครับ แต่นั่นของจริงที่ ๆ บ้านพี่ลู่ซื้อมาก๊อป พอก๊อปเสร็จก็ส่งมาให้พี่ลู่ใช้อีกที มันเลยมีเหลือเฟื่อจนตอนนี้มันเผื่อมาถึงผมแล้ว
ทีนี้มาเข้าเรื่องจริง ๆ จัง ๆ เสียที คือเรื่องมันเกิดหลังจากวันที่พี่ลู่ถอยมาเซราติมา วันนั้นผมขับรถพาพี่ลู่มาส่งที่คณะนิเทศฯ ตอนเช้า เนื่องจากช่วงนี้พี่ลู่ไปเล่นเป็นตัวเอกละครมิวสิคัล ของคณะนิเทศฯ ตอนแรกผมนึกว่าพี่ลู่ไปเล่นเป็นอลิส ในเรื่องอลิสในแดนมหัศจรรย์อีก เพราะเห็นบอกไปเล่นเป็นตัวเอก เพราะหน้าอย่างพี่ลู่ผมนึกไม่ออกจริงๆ จะไปเล่นเป็นอะไร ปรากฏไปเล่นแฮมเลตครับ เล่นเป็นเจ้าชายแฮมเลตด้วยเอ้า!! ซึ่งผมดูๆ ไป เหมือนดูอลิซในวังของกษัตริย์เดนมาร์ค (อย่าไปเล่าให้พี่ลู่ฟังนะว่าผมว่าเขาเหมือนเด็กผู้หญิง ถ้ารู้ตบผมคว่ำแน่ๆ)
พอผมส่งพี่ลู่เสร็จผมก็ขับรถมาคณะ ผมก็ไม่ได้เห่ออะไร ก็แค่เปิดประทุนรถขับมาเห็นอากาศมันดี พอผ่านข้างคณะก็ทักเพื่อนนิดหน่อยเพราะเห็นนั่งกันอยู่ แต่พอตอนผมไปจอดรถแล้วเดินกลับมาผมก็เจอเลย ปาร์คชานยอลเพื่อนรัก
“ว่าไงเด็กเสี่ย ถ้ารู้ว่ายอมเป็นเด็กเสี่ยแล้วรุ่งแบบนี้ กูจะได้หาเสี่ยสักคนมาเลี้ยงบ้าง” มึงดูสภาพตัวมึงเองก่อนไหมชานยอล สูงยังกะเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์แบบนี้จะหาใครมาเลี้ยง
“ไอ้แพคไง” ผมเถียงกลับไป
“ไอ้หมานี่ทุกวันนี้กูยังต้องเลี้ยงข้าว ซื้อแพดดีกรีให้กินอยู่เลย” ยังไม่ทันขาดคำครับ มือสวยๆ ของพยอยแพคฮยอนปาดเข้ากลางกระบาลไอ้โย่งชานยอลทันที หัวหูนี่กระเซิงไม่ทันตั้งตัวเลย
“ปากเสียนะมึงชานยอล”
“กูแค่แซวอย่าจริงจังซิว่ะ” แพคฮยอนทำขยับปากงุบงิบเหมือนด่าไอ้โย่ง แล้วมันก็หันมาทางผม
“เมื่อกี้กูเห็นมึงขับรถใหม่ มาเซราติเหรอมึง”
“อืม มาเซราติ แต่ไม่ใช่รถกู รถพี่ลู่” ผมตอบแพคฮยอนไป
“คงไม่มีใครคิดว่ารถมึงแน่ๆ กัมจง ใครๆ ก็คิดว่ารถพี่ลู่ของมึงทั้งนั้นแหละ กูถึงบอกไงว่า หนทางการเป็นเด็กเสี่ยของมึงรุ่งเรืองชะมัด มีรถคันเป็นพันล้านวอนใช้ แล้วดูหูฟังบีทส์ลิมิเต็ดอิดิชั่น กระเป๋ากุชชี่ เข็มชัดวิตตอง รองเท้าเฟอรากาโม่ นี่มันคุณชายจงอินชัดๆ”
“มึงพูดทำไมเนี่ยไอ้ปาร์ค”
“อิจฉา”
“อิจฉาเชี่ยไร นี่ไม่ใช่ของกู พี่ลู่มันให้กูใช้แค่นั้น”
“นั่นแหละ แค่นั้นก็อิจฉาแล้ว พี่ลู่แม่มก็น่ารัก นิสัยดี รวย ไม่รู้ทำไมหลงมึงจัง อ๋อลืมไปกรูรู้ทำไมถึงหลงมึง”
เพราะกรูหล่อ เซ็กซี่ มีเสน่ห์ใช่ไหมล่ะมึง
“จะมีผู้ชายดูแมนๆ หน้าตาพอไปวัดไปวาได้อย่างมึง ที่ไหนจะยอมเคะให้กับผู้ชายหน้าแบ๊วอย่างพี่ลู่บ้าง มีมึงนี่แหละ พี่เขาถึงหลง มึงนี่ใจจริงๆ แล้วมาถูกทางด้วย”
ถูกทางเชี่ยอะไรของมึงครับปาร์คชานยอล มึงรู้ไม่จริงอย่าพูด กรูปรกติ กรูไม่ได้เคะ กรูเป็นผัวพี่ลู่
แต่นั่นแหละผมได้แต่โอดครวญในใจ ผมไม่ได้กลัวที่จะถูกพี่ลู่ปล้ำหรอกแต่ที่ทำนิ่งแบบนี้ เพราะผมรักแฟน ผมก็ไม่อยากจะมีปัญหา ผมก็เลยทำได้แต่เงียบ แล้วก็ด่าไอ้ชานยอลไปว่าเสือกเรื่องของผม
แต่อย่างว่า ถึงรักแต่เจอไอ้พวกปากหมามันแซวบ่อยๆ มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน หรือผมควรจะเลิกยอม แล้วปฏิวัติประกาศความจริงให้โลกรู้เสียที แต่อะนะผมไม่อยากให้พี่ลู่ลำบากใจเพราะพี่เขาแสนดีกับผมจะตาย
พี่ลู่ดีกับผม ถึงขั้นดีมากด้วยซ้ำ พี่ลู่ทำให้ผมมีความสุข แล้วพี่เขาก็แสดงออกว่ารักผมมาก ฉะนั้นไอ้เรื่องคนอื่่นมันก็ไม่ควรเอามาทำให้เรามีปัญหากัน ผมกับพี่ลู่เข้ากันได้ดี แม่แต่ไอ้เรื่องบนเตียงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่ลู่อยากรุกผม ก็มีอีกครั้งเมื่อวีคก่อนตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มพี่ลู่แกทำหน้าอ้อนแล้วบอกอยากลองรุกผมบ้าง พอผมบอกไม่ยอมแกก็ไม่ได้โวยวายอะไร ผมเลยบอกว่าถ้าอยากมากเดี๋ยวไปซื้อของปลอมที่ร้านเซ็กส์ช๊อปให้ พี่แกก็ตีผมแล้วบ่นว่าผมเป็นเด็กใจแตก พี่ครับคนที่ทำผมใจแตกนั่นมันพี่ ผมโสด บริสุทธิ์อยู่ดีๆ พี่ปล้ำผมก่อนนะ พอตีไปตีมา ผมเลยจับพี่เขาปล้ำ เขาก็สมยอมผมแต่โดยดี แล้วแบบนี้จะให้ผมไม่รักได้ยังไง
จริงๆ ผมเคยสงสัยนะว่าแฟนเก่าพี่ลู่เป็นยังไง ทำไมถึงยอมพี่ลู่ได้ ผมถามพี่ลู่ก็เล่าให้ฟังว่าคนแรกก็สมัยเรียน ม.ปลายเป็นผู้หญิง อันนี้มันก็แน่นอนว่าพี่ลู่คงไม่ได้ไปตีฉิ่งฉับกับเขา แต่ผมแอบคิดว่าพี่ลู่โครตไวไฟ เห็นผมเซ็กซี่โลกสยบแบบนี้ผมยังซิงอยู่เลยจนมาเจอพี่ลู่ ส่วนแฟนคนต่อมาของพี่เขาก็คบกันตอนปีหนึ่งคนนั้นเขาเรียนบริหาร พอผมได้ไปเห็นคือไปแอบถามพี่อี้ชิงว่าคนไหนผมก็ร้องอ๋อ.....พี่เขาโครตเคะของเคะ พยายามนึกภาพพยอนแพคฮยอนขั้นกว่าเอาไว้นะครับนั่นแหละแฟนพี่ลู่ พอถามจี้ว่าไปคบกันได้ยังไง พี่คนนั้นไม่ได้เหมือนผมสักนิดพี่ลู่ก็บอกว่าเขามาจีบ เออนี่ก็ใจง่ายเน้อใครมาจีบก็คบกับเขา ใจง่ายเหมือนผมสมัย ม.ปลายไม่มีผิด และจากคุยเรื่องแฟนเก่าผมเลยถือโอกาสถามว่าทำไมพี่ลู่ถึงมาชอบผม พี่ลู่ก็หน้าแดง เขินไปเขินมา บอกผมว่าเห็นผมตอนปฐมนิเทศ เห็นแล้วก็อยากรู้จัก ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าชอบผม ก็อยากรู้จักเฉยๆ พอรู้จักแล้วก็อยากคุยด้วยต่อ พอสักพักถึงรู้ว่าชอบผม...
“ผมออกจะแมนทำไมพี่มาชอบผมได้” วันนั้นผมถามไปเพราะข้องใจว่าพี่ลู่เขามองผมแบบไหน
“ก็ไม่รู้ ก็เห็นแล้วชอบ”
“จริงๆ สเปคพี่เป็นแบบผมเหอะ” พี่ลู่ยู่ปากแล้วก็แกล้งไม่ตอบผมซะแบบนั้น
“นี่อยากรู้จริงๆ นะ ตกลงสเปคพี่มันแบบไหนกันแน่ หล่อ ๆ แบบผม หรือคิวท์ๆ แบบแฟนเก่าบริหารพี่”
“แบบจองมินไม่ใช่ ก็แบบเขามาจีบพี่ก็เลยคบดู”
“แล้วพี่เคยชอบใครมาก่อนไหมนอกจากผม” พี่ลู่ทำหน้านึกนิดนึงแล้วก็พยักหน้า “ตอนสมัย ม.ปลายก็เพื่อนในทีมบอล ก็ไม่เหมือนจองมินนะ แล้วพอมาเรียนที่นี่ก็อี้ชิง เคยจีบอี้ชิงตอนปีหนึ่งเทอมแรก แต่อี้ชิงไม่เล่นด้วย เพราะอี้ฟ่านนั่นแหละแย่งอี้ชิงจากพี่ไป” มีทำหน้าคับแค้นด้วย
เดี๋ยวก่อนนะไอ้ตกใจมันก็ตกใจอยู่เรื่องพี่อี้ชิงน่ะ แต่ไม่มากเท่าไหร่ แต่นี่ผมกำลังพยายามเปรียบเทียบผมกับพี่อี้ชิงอยู่ คือพี่อี้ชิงนี่ถ้าไม่สนิทก็ดูไม่ออกหรอกว่าเคะ ลุคส์ดูเท่เหมือนกัน รูปร่างพี่แกก็สมส่วนดี มีกล้ามพอประมาณ เวลานิ่งๆ ก็หล่อ แต่เวลายิ้มนี่หน้าหวานเลย ส่วนผิว เออออ ข้ามไปดีกว่า แต่นิสัยนี่ตรงข้ามกับผมชัดๆ พี่อี้ชิงนี่ขี้อ้อน งุ๊งงิ๊ง ช่างคุย เรียบร้อย นางฟ้าเลยแหละ คือถ้าจะเหมือนกันก็คงบุคลิกเท่ ๆ หุ่นนักกีฬา แบบที่ภายนอกเห็น เนื่องจากเราเป็นพวกเอกแดนซ์เหมือนกัน
พี่ลู่ชอบนักกีฬาว่างั้นเหอะ
“แต่จงอินอย่าคิดมากนะ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับอี้ชิงแล้ว พอสนิทกันมันก็ไม่ใช่อะ ตอนนี้เป็นเพื่อนกัน อี้ชิงเหมาะเป็นเพื่อนมากกว่าเยอะเลย”
“อืมผมไม่คิดมากหรอก พี่เขามีพี่คริสเป็นตัวเป็นตนแล้วด้วย อีกอย่างเขาคงไม่มาเป็นแฟนพี่หรอก”
“หมายความว่าไงอะ” พี่ลู่ยู่ปากถามผมเหมือนไม่พอใจนิด ๆ
“ก็หมายถึงพี่เป็นเพื่อนสนิทกันไง เป็นเพื่อนกันแบบนี้ไม่มาเป็นแฟนแล้ว” ผมหัวเราะแหะ ๆ เนียนๆ ไป ผมไม่อยากตอบว่า พี่ลู่กับพี่อี้ชิงมันเป็นขั้วเดียวกันพี่อี้ชิงคงไม่อยากมีแฟนแบ๊วไปกว่าตัวเองแน่ๆ
“เหรอ อืมก็จริง ตอนนี้สนิทจนลืมไปแล้วด้วยว่าเคยจีบมัน”
“ผมถามอะไรพี่อีกอย่างซิ” พี่ลู่หันมามองผมตาแป๋วก่อนพยักหน้า
“ถ้าพี่จีบพี่อี้ชิงติด พี่กะเป็นฝ่ายรุกเหรอ?”
พี่ลู่ทำหน้างงราวกับคำถามของผมมันยากเกินเข้าใจ “ก็ใช่ซิ จะให้พี่เป็นฝ่ายรับเหรอ ดูอี้ชิงมันออกจะเคะขนาดนั้น”
ไม่นะ ใช่พี่อี้ชิงเขาเคะ อ่อนหวาน แต่พี่เดินไปด้วยกันใครๆ ก็ไม่คิดหรอกว่าพี่แมนกว่าพี่อี้ชิง
“อย่าทำหน้าแบบนี้นะจงอิน เรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่ที่หน้าตา มันอยู่ที่จิตใจ”
“อ๋ออออออออ” โอเคพี่ผมยอม พี่ลู่ของผมโครตจะแมน จริงๆ
“แล้วนี่แหละอี้ฟ่านมันถึงชอบล้อพี่ตั้งแต่พี่เริ่มจีบจงอิน ว่าพี่ยอมเปลี่ยนขั้วเพราะจงอิน มันปรามาสพี่ไว้ว่าพี่ต้องเป็นเมียจงอินแน่ๆ พี่เลยให้มันรู้ไม่ได้” พี่ลู่ทำหน้ามุ่งมั่น แล้วก็หันมามองผมจ้องเขม่ง
“โอเคพี่ผมเข้าใจ” ถึงไม่เข้าใจผมก็ตอบไปแบบนั้น ผมกลัวพี่เขานึกฮึดขึ้นมาลบคำปรามาสอิพี่คริสขึ้นมาจริงๆ
ผมดึงพี่ลู่ที่นั่งอยู่ให้ลงมานอนข้างผม ผมก่ายขาไปกอดเขาแล้วโยกเบาๆ ตัวพี่ลู่นิ๊มนิ่ม หอมเหมือนเด็กด้วยผมชอบจัง
“จงอินเข้าใจพี่จริงๆ นะ ไม่อึดอัดนะที่เป็นแบบนี้” นี่เป็นครั้งแรกที่พี่ลู่ถามผม แต่ผมเลือกจะตอบให้พี่ลู่สบายใจ ผมพยายามลืมเรื่องที่ถูกเพื่อนและแกงค์เพื่อนพี่เขาค่อนแคะผม
“ไม่หรอกผมไม่คิดอะไร”
“ดีจัง พี่กลัวจงอินอึดอัด เวลาเพื่อนพี่แซว”
“ผมไม่คิดมากเสียหน่อย” อืมแต่คิดเยอะเลยล่ะ
“ดีจัง พี่เลือกคนไม่ผิดจริงด้วย” พี่ลู่ตะกายขึ้นมาบนตัวผมแล้วก็ก้มลงจุ๊บที่ปากผมเบาๆ พอเงยหน้าขึ้นมาเขาก็ยิ้มหวานให้ผม พี่ลู่ทำร้ายผมมากไปแล้วนะ
“จุ๊บอีกได้ป่ะ” ผมแกล้งถามพี่ลู่ แต่ยังไม่ทันตอบพี่เขาก็เล่นจุ๊บผมไปแล้ว ผมเอานิ้วเขี่ยปลายผมหยักศกพี่ลู่เบาๆ ระหว่างเราจุ๊บกัน ผมชอบเวลาผมพี่ลู่ยุ่งๆ เขาจะเหมือนเด็กมากกว่าปรกติอีกสิบเท่า ให้ความรู้สึกเหมือนผมเลี้ยงต้อยนิด ๆ (ทั้งๆ บนความเป็นจริงผมต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกเลี้ยงต้อย)
ผมชอบเวลาพี่ลู่เพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ เขาจะงัวเงีย งอแง น่าฟัดมาก แต่อย่างว่าผมไม่ค่อยได้เห็นเพราะผมตื่นทีหลังพี่ลู่ และกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ผมต่างหากที่ตื่นมาแล้วงัวเงียจนโดนพี่ลู่จับฟัดบ่อยๆ ฟัดที่ว่าก็ประเภท จับผมหอมบ้าง จุ๊บผมจนกว่าจะตื่นบ้าง จักจี้ผมบ้าง เอาหมอนฟาด กอดผมลากไปลากมา และอื่นๆ ที่จะหามาเล่นได้ ดูเหมือนผมจะกำไร แต่ไม่เลยบางทีผมก็เหนื่อยจะเล่นด้วยผมอยากนอน ขนาดบางคืนผมจัดการเขาจนเกือบเช้าเขายังตื่นมาแกล้งผมได้ไม่รู้ว่าพี่เขาใส่แบตเตอรี่รุ่นไหนมันถึงชาร์ตเร็วเหลือเกิน
“เย็นนี้เดี๋ยวไปหาอะไรกินกันนะ พี่นัดเพื่อนพี่ไว้” พี่ลู่ที่วางคางอยู่บนอกผมบอกตาแป๋ว ผมเออออรับไปโดยไม่รู้ว่านี่เป็นการตอบรับสู่หายนะชัด ๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
พี่ลู่พาผมไปร้านอาหารสไตล์เลาจ์แห่งหนึ่ง จริงๆ พี่เขาคงอยากไปผับอะไรแบบนี้มากกว่า แต่ผมอายุไม่ถึง วัยรุ่นเซ็งมากรอก่อนนะนี่ผมอายุ 19 แล้ว อีกปีหนึ่งนะพี่
ตอนเข้าไปผมก็เห็นพี่คริส พี่อิงชิง พี่มินซอกนั่งอยู่แล้ว แล้วสักพักพี่จุนมยอนก็ตามมา พวกพี่เขาก็กินคุยกันไปเรื่อย แต่จริงๆ ผมไม่ค่อยได้มากินกับพวกพี่เขาโดยไม่มีเพื่อนผมร่วมด้วยบ่อยนัก ผมเองเลยไม่รู้จะคุยอะไรเพราะพี่เขาเล่นคุยแต่เรื่องงานประจำปีของมหาลัย เรื่องเพื่อนร่วมรุ่น เรื่องละครเวที
“จงอินจะแข่งเต้นไหม” พี่อี้ชิงยิงคำถามใส่ผมตอนระหว่างผมกำลังนั่งกินกุ้งที่พี่ลู่แกะมาโยนไว้บนจานผม
“แข่งเต้นอะไรพี่”
“อ้าวมันมีแข่งเต้นสตรีทแดนซ์ของคณะไง งานไม่จริงจังหรอกหารายได้เอาไปทำบุญ จงอินสมัครซิ”
“ผมไม่ถนัดมั่งพี่”
“ไม่ถนัดอะไร วันก่อนยังเต้นกับพี่อยู่เลยจงอินเก่งกว่าพี่ด้วย”
“เด็กคณะแข่งได้เหรอพี่”
“ได้ซิไม่จำกัด แต่ส่วนใหญ่ก็เด็กคณะ ไม่จำกัดปีด้วย สมัครเล่นๆ คะแนนก็ไม่จริงจังด้วย ตัดสินกันตามคะแนนนิยม เราจะขายบัตรลงคะแนน กับลูกโป่ง บัตรลงคะแนน 1 คะแนน ลูกโป่ง 2 คะแนนใครคะแนนเยอะสุดชนะแค่นั้นเอง ทำมาหาเงินไปบริจาคมากกว่าอะ พี่เป็นคณะกรรมการจัดงานนี้ด้วย แล้วพี่ก็แข่งด้วยสมัครหน่อยเหอะหนุก ๆ กัน”
“เออก็ได้ครับ” ผมตอบรับไปแบบไม่คิดอะไร ก็เห็นว่ากิจกรรมมหาลัยไม่คิดมาก แต่ที่จะคิดมาก็ตอนไอ้คุณพี่ลู่ที่นั่งแกล้งพี่มินซอกอยู่หันมา
“จงอินชนะแน่เชื่อพี่เหอะ”
“ชนะได้ไงผมเอกบัลเลต์ แจ๊ซแดนซ์ พี่อี้ชิงนี่เขาเก่งสตรีทแดนซ์กว่าผมเยอะ”
“ชนะซิเดี๋ยวพี่เหมาลูกโป่งกับบัตรเอามาลงคะแนนให้จงอินหมดเลย”
“เฮ้ย!!” ผมอุทานลั่นท่ามกลางเสียงหัวเราะของทั้งโต๊ะ
“ไม่เฮ้ยเอาจริงเลย เดี๋ยวพี่จัดการเอง อี้ชิงรางวัลนี้ขอให้น้องเหอะ” พี่ลู่หันไปพูดแล้วหัวเราะคิกคัก
“เสี่ยลู่มึงมากไปแล้ว มึงรวยคนเดียวหรือไงอี้ชิงไม่ต้องห่วงเราไม่ยอมให้อี้ชิงแพ้หรอก ดูซิใครมันจะเหมาได้มากกว่ากัน”
“อี้ฟ่าน ไร้สาระน่า” จริงพี่อิ้ชิงไร้สาระมากด่ามันทั้งพี่คริส ทั้งพี่ลู่นั่นแหละ
“ไร้สาระตรงไหนกัน แข่งก็ต้องการชนะ ไม่ต้องห่วงพี่จัดการเองจงอิน” พี่ลู่หันมากอดไหล่ผมแล้วยิ้มหวาน
“ไม่ต้องเลยพี่ ไม่ต้องเหมาอะไรทั้งนั้นผมจะแข่งเล่น ๆ”
“ไม่เอาอ่ะ พี่ก็อยากเล่นด้วยไง”
“พี่ให้คนอื่นเขาลงคะแนนให้ผมเหอะ พี่อย่าช่วยเลยผมขอร้อง” พี่ลู่ทำหน้าหงิก บู้ปาก แล้วก็เอาหัวไปถูไถ่พี่มินซอกจนโดนพี่มินซอกผลักหัวกลับมา
“เห็นไหมมึงเด็กมึงเขาขอร้องแล้วยอมให้อี้ชิงกูชนะเหอะ”
“อี้ฟ่าน!!” ฟังไหม อู๋อี้ฟ่านฟังไหมไม่ฟังครับ ยังคงพูดให้พี่ลู่ของผมฮึดอยู่ ห้ามยังไงก็ห้ามไม่ฟังแน่ๆ สองคนนี้
“อย่าไปห้ามมันเลยดีเหมือนกันถ้าบัตรหมดจะได้เงินบริจาคเยอะๆ” พี่จุนมยอนผู้ดำรงตำแหน่งประธานรุ่นยิ้มหวานเอ่ยออกมา ห้ามหน่อยซิพี่อย่าเห็นแก่หน้าพี่คนเดียวเห็นแก่หน้าผมบ้าง ลองคิดดูคะแนนผมมันมาจากแฟนผมคนเดียวผมอายไหม
“อืมแล้วเดี๋ยวดูว่าใครกันแน่จะชนะ” พี่ลู่เคาะกำปั้นเล็ก ๆ ของเขาข่มขู่ ซึ่งดูแล้วพี่คริสแม่มโครตกลัวเลย กลัวจนหัวเราะลั่น ทั้งคู่ท้ากันไปมาจนผมกับพี่อี้ชิงหมดปัญญาห้าม ก็ต้องเลยตามเลย แต่อุตสาห์เลยตามเลยแล้วอิพี่คริสแม่มยังพูดคำบาดใจขึ้นมากลางวงอีกว่า
“มึงดูแล้วกันว่าใครจะชนะ ระหว่างเมียกูกับเมียมึง” ไอ้เชรี่ยพี่คริสครับผมไม่ได้เป็นเมียพี่ลู่ แล้วดูพออิพี่คริสพูดแบบนี้พี่ลู่หน้าบานเลย
แล้วที่จะชนะนี่มันไม่ใช่ฝีมือผมกับพี่อี้ชิงไหม มันเงินพี่สองคน ใครห้ามพวกนี้ที หมด ๆ กันศักดิ์ศรีของผม หรือผมจะถอนตัวดี แต่ดูจะยากเพราะตอนนี้พี่จุนมยอนนั่งยิ้มหวาน ตาเป็นประกายรอรับเงินบริจาคจะแย่อยู่แล้ว
แล้วนี่แหละคือปัญหาของผมที่ผมต้องมาระบายในนี้ อาทิตย์หน้าจะประกวดแล้ว ไอ้พี่สองคนมันก็ดูจริงจังอีกต่างหาก ไม่ได้เล่น ๆ ด้วย แล้วถ้าเพื่่อนฝูง คนอื่นรู้ผมจะเอาหน้าหล่อ ๆ ของผมไว้ที่ไหนฟระ
ที่อายอยู่แล้วมันจะอายไ้ด้มากกว่านี้ไหมว่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++ TBC+++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น