คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : KISS GOODBYE [Chapter 13] + แจ้งเรื่องรวมเล่ม
Author: Angel Midori
Genre: Romantic Drama
Rating: PG
Pairing: KrisLay
Writer Talk : แหะ ๆ รีดเดอร์คงเห็นหัวข้อแล้วนะคะว่า ปุ้มจะแจ้งเรื่องรวมเล่ม คือมาแจ้งแบบไม่มีการถามไถ่ใด ๆ กันมาก่อนเลย พอดีทาง Krislay's Contage มีโครงการจะไปเปิดบูทเล็กๆ ที่งานฟิค แอดมิน 3 เลยมาชวนให้รวมเล่มเรื่องนี้เพื่อให้ท้ันงานฟิค ปุ้มก็เลยตัดสินใจที่จะรวมเล่มด้วย อยากเก็บฟิคเรื่องนี้ในรูปเล่มไว้เป็นที่ระลึก และเผื่อใครอยากจะได้เรื่องนี้ไว้ในแบบรูปเล่มด้วย ปุ้มเริ่มจองวันนี้ไปจนสิ้นเดือนหน้านะคะ รายละเอียดต่างๆ ไปกดดูได้ตามลิงค์เลยค่ะ
https://docs.google.com/forms/d/1boow7fsfnWHUSumaMBrv4T2IkJ-0WX754By_Wrw05OM/viewform
หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่แฟนเพจ ทางเข้าอยู่ที่หน้าแรกของฟิคเลยค่ะ หรือ ทางหน้าแฟนเพจ หรือทวิตเตอร์ของ Krislay's Contage ทวิตเตอร์ปุ้มเอง @midoripum ค่ะ (ทวิตเตอร์อาจตอบช้าหน่อยนะคะ เร็วสุดคือแฟนเพจส่วนตัวอะคะ)
ส่วนตอนนี้นั้นขอความกรุณากดลิงค์เพลงประกอบในการฟังด้วยนะคะ (ตอนท้ายเรามาคุยเรื่องนี้กันต่ออีกนิดนะคะ)
รถยนต์คันเล็กเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าคอนโดมีเนียมหลังใหญ่ ก่อนที่ชายหนุ่มผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถจะเปิดประตูลงมา และเปลี่ยนตำแหน่งให้หญิงสาวที่นั่งมาด้วยมาเป็นคนขับแทน ชายหนุ่มคนนั้นยืมมองส่งว่าที่เจ้าสาวของเขาที่กำลังส่งยิ้มและโบกมือให้ด้วยท่าทางน่ารัก แล้วหลังจากที่รถคันเล็กขับเคลื่อนออกไป ชายหนุ่มก็หันหลังเพื่อจะพาตัวเองเข้าไปในคอนโดฯ
“พี่คริส ๆ คะ” เสียงใสที่ตะโกนตามหลังมาทำให้เจ้าของชื่อต้องหันตาม ภาพที่เขาเห็นตอนนี้คือ จินอาเปิดกระจกรถ และโบกมือเรียกเขาอยู่
“มีอะไรหรือเปล่า” คุณหมอคริสเดินล้วงกระเป๋าเข้ามาหาหญิงสาวที่อยู่บนรถ เธอยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบถุงใบหนึ่งจากเบาะด้านข้างยื่นส่งมาให้
“พี่คริสลืมการ์ดค่ะ”
“เออ จริงด้วย ดีนะที่เธอเห็นเร็วไม่อย่างนั้นพี่ต้องขับรถตามไปที่บ้านเธอ”
“ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างส่งให้ ชายหนุ่มมองรอยยิ้มนั้น และเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะเล็กเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
ไม่ว่ายังไงลีจินอาก็ยังดูเป็นน้องน้อยของเขา แม้จะโตเป็นสาวแล้ว
“ขับรถดี ๆ ล่ะ”
“ค่ะ” จินอาเอ่ยรับแข็งขันก่อนจะรอให้คุณหมอคริสถอยตัวเองออกไป แล้วเธอจึงเหยียบคันเร่งรถพาเธอออกไปจากบริเวณนั้น
คริสอู๋มองตามท้ายรถสีขาวคันเล็กไปจนสุดสายตา เขาถอนใจเบาๆ ก่อนจะก้มลงมองถุงกระดาษในมือ จริงๆ ของในถุงนั้นไม่ได้หนักอะไรเลย หากแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกหนักอึ้งเมื่อถือมันไว้ในมือแบบนี้
คริสวางตัวเองนอนลงกับโซฟาตัวที่เขาชอบนอนเล่นประจำ ชายหนุ่มนอนมองฝ้าเพดานสีขาวหม่นสักพักก่อนจะวางหลังมือของตัวเองลงบนหน้าผาก เขาอาจจะคิดว่าความเหนื่อยที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้มันมาจากการที่วันนี้ทั้งวันเขาต้องไปโน่นมานี่ เพื่อเตรียมงานแต่งงานของเขากับจินอา แต่เมื่อนึกดีๆ ความเหนื่อยล้าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ได้มาจากร่างกายแต่มันมาจากจิตใจ คนเราหากทำอะไรที่ฝืนหัวใจ ร่างกายก็ไม่ได้ตอบสนอบการกระทำอย่างเต็มใจเช่นกัน
คุณหมอคริสประท้วงความคิดนั้นด้วยการบอกตัวเองว่ามันไร้สาระ และเขากำลังคิดเรื่องบั่นทอนกำลังใจของตัวเอง มันก็แค่เขายังปรับสภาพไม่ได้ แต่ทุกอย่างมันจะผ่านไปด้วยดี
ชายหนุ่มลุกขึ้นมาหยิบถุงกระดาษและเลือกหยิบการ์ดแต่งงานออกมาพลิกมอง กระดาษสีขาวไข่ไก่ มีลวดลายดอกไม้สีพาสเทลประดับอยู่มุมหนึ่งของกระดาษ และที่กลางกระดาษมีชื่อของเขากับจินอาพิมพ์ด้วยตัวอักษรที่ชดช้อยเข้ากับทุกอย่างที่เป็นองค์ประกอบของการ์ดใบนี้ แต่เดิมจินอาอยากได้รูปพรีเวดดิ้งของพวกเขาใส่ลงไปด้วย หากแต่คริสเลือกจะปฏิเสธเพราะเขาหาวันว่างไปถ่ายพรีเวดดิ้งไม่ได้ในช่วงที่ผ่านมา
หากแต่จริงๆ แล้วเขาไม่แน่ใจว่าเขาหาวันว่างไม่ได้ หรือเขาไม่ได้พยายามหา
จินอาให้เขามาลิสต์รายชื่อแขก และแจกการ์ดพวกนี้ ซึ่งคริสคิดออกแค่เพื่อนสนิทสามสี่คน กับเพื่อนร่วมงานอีกจำนวนหนึ่ง หากแต่การ์ดจำนวนที่เหลือเขาคงโยนให้เป็นภาระหน้าที่ของคุณแม่ไป ท่านคงอยากเชิญแขกเหรื่อของพ่อและแม่ซึ่งคงไม่น้อยสำหรับงานแต่งงานของลูกชายคนแรก และเป็นงานที่ท่านรอคอย
เมื่อดูการ์ดเสร็จแล้วคริสก็พลิกหน้ากระดาษก่อนจะสอดมันกลับเข้าไปในซอง และจับการ์ดใบนั้นซุกไว้ใต้โต๊ะวางโคมไฟที่อยู่ข้างโซฟา พรุ่งนี้เย็นๆ เขานัดเจอชางมิน วางไว้ตรงนี้จะได้หยิบเจ้าการ์ดนี้ติดมือไปให้เพื่อนรักของเขาได้สะดวก ส่วนการ์ดที่เหลือคริสจับมันหิ้วไปเก็บไว้ในชั้นวางของในห้องนอน เพราะคิดว่ายังไม่รีบใช้ในเร็ววันนี้ และพอชายหนุ่มวางถุงใส่การ์ดเรียบร้อยเขาก็เดินออกจากห้องนอนเข้าไปหยิบเสื้อคลุมเนื้อนุ่มจากใน Walk-in Closet
คุณหมอหนุ่มเงยหน้ามองนาฬิกาที่ข้างฝา ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว อีกไม่นานอี้ชิงคงจะมา คุณหมอคริสอมยิ้มกับความคิดนั้น ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปอาบน้ำเพื่อให้ร่างกายสดชื่น
>>> Kiss Goodbye<<<
ฝีเท้าเล็กๆ กำลังนำพาเจ้าของร่างเดินออกจากสถานีซับเวย์ และเมื่อพ้นจากสถานีเจ้าตัวก็อดจะสูดลมหายใจรับอากาศดีๆ ที่ลอยมาปะทะไม่ได้ เดือนนี้ผ่านพ้นช่วงที่อากาศหนาวที่สุดไปแล้ว หิมะที่เคยกองเป็นหย่อมๆ ตามใต้ต้นไม้ก็ละลายไปเสียจนหมด จากเสื้อกันหนาวที่เคยห่อหุ้มร่างกายจนหนา ตอนนี้ก็ลดลงเป็นโอเวอร์โคทตัวบางลง
อี้ชิงชอบอากาศในช่วงเวลาที่กำลังก้าวย่างสู่ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเวลาที่เงยมองต้นไม้ก็จะเห็นตุ่มของดอกไม้ที่กำลังเตรียมผลิบาน และนี่กำลังจะเป็นฤดูใบไม้ผลิครั้งแรกของอี้ชิงที่โซลอีกด้วย
ความทรงจำในฤดูใบไม้ผลิปีนี้จะเป็นเช่นไรนะ เด็กหนุ่มนึกถามอยู่ในใจ
อี้ชิงสาวเท้าพาตัวเองเดินตรงมายังคอนโดมีเนียมของคุณหมอคริสเช่นทุกทีในเย็นวันศุกร์ ทุกอย่างรอบข้างบางอย่างก็เหมือนเดิม หากแต่บางอย่างกลับเปลี่ยนไป พนักงานที่คอนวิเนี่ยนสโตร์ใต้ตึกภายในแปดถึงเก้าเดือนมานี้ต่างก็เปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ เพราะส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มาทำงานพิเศษ อี้ชิงมองภาพแคชเชียร์สาวที่กำลังคิดเงินผ่านกระจก พลางคิดว่าวิถีชีวิตซ้ำๆ เดิมๆ ของเขาตอนนี้จะเปลี่ยนไปเมื่อไหร่ แล้วจริงๆ เขาอยากจะเปลี่ยนมันไหมถ้ามันจะมีทางที่ดีไปกว่านี้
เด็กหนุ่มพาตัวเองออกจากภวังค์ และเดินขึ้นลิฟท์ไป หากแต่พอเปิดประตูห้อง เขากับไม่พบเจ้าของห้องนอนเล่น หรือเดินไปมาเช่นเคย แต่ข้าวของและบรรยากาศมันบอกว่าคุณหมอคริสคงอยู่ในห้องนี้ และพออี้ชิงก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอน ก็เห็นแสงไฟรอดมาจากประตูห้องน้ำ
คุณหมอคริสคงอาบน้ำอยู่ และอาจจะนาน คุณหมอชอนนอนแช่ในอ่างอาบน้ำนานๆ ซึ่งอี้ชิงสังเกตอยู่บ่อยๆ
และพอรู้แล้วว่าคุณหมอทำอะไรอยู่อี้ชิงก็พาตัวเองมาเตรียมอาหารที่ห้องอาหารตามปรกติ วันนี้เขาอุตสาห์เดินไปซื้อทัคคาลบี้จากร้านชื่อดังที่อยู่ถัดจากซอยร้านของอี้ชิงไปอีกสองซอย เขาเคยกินทัคคาบี้ร้านนี้เพราะรุ่นพี่ที่ร้านพาไปเลี้ยง และอี้ชิงก็ชอบมันมากๆ จึงอยากให้คุณคริสได้ชิม แต่ทัคคาลบี้ควรได้กินร้อน ๆ จากกะทะมากกว่าห่อมากินที่บ้านแบบนี้ แต่ทำยังไงได้ในเมื่อโอกาสแบบนั้นมันมีที่ไหนกัน
คนตัวเล็กอมยิ้มน้อยๆ ในระหว่างที่กำลังจัดผักลงไปในโถไม้ใบใหญ่ที่สำหรับวางผัก เพื่อรอคนอาบน้ำอยู่มากิน ข้าวของในห้องนี้ล้วนแต่หน้าตาสวยงาม หากแต่มันไม่ค่อยได้ใช้ ดีที่อี้ชิงได้มีโอกาสหยิบจับพวกมันมาใช้บ่อยๆ ในช่วงหลัง
“ซื้ออะไรมา” คนที่อยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำเดินเช็ดผม แล้วมาก้มๆ เงยๆ อยู่ที่โต๊ะอาหาร อี้ชิงอาจจะชินกับชุดไม่เป็นทางการอย่างที่สุดนี้ แต่มันก็ทำใจให้ปรกติไม่ได้เวลามอง
“ทัคคาบี้ฮะ”
“น่ากินดี” คุณหมอเอ่ยตอบแค่นั้นก่อนจะหันกลับไปยังทางที่เดินมา อี้ชิงมองตามไปเรื่อยๆ ก็เห็นว่าคุณหมอเดินเข้า Walk-in Closet ไปแล้ว คนตัวเล็กถอนหายใจเบาๆ อย่างน้อยคุณหมอก็คงไม่มากินข้าวกับเขาด้วยชุดล่อแหลมนั่น มันเสี่ยงว่ากิจกรรมหลังกินข้าวมันจะรวบรัดเป็นกิจกรรมยามดึกไปแทน เพราะแต่ก่อนก็เคยมีเหตุการณ์แบบนั้น
อี้ชิงยู่ปากจนกลมดิกเมื่อคิดได้ว่าตัวเองกำลังคิดเรื่องทะลึ่งอยู่ คนตัวเล็กเดินออกจากห้องครัว และเริ่มลงมือจัดข้าวของในห้องรับแขกตามปรกติ เขาวางกระเป๋าของคุณหมอให้เรียบร้อย จับเสื้อโคทที่พาดอยู่บนพนักโซฟาไปแขวน ปัดหมอนอิงให้เข้าที่เข้าทาง และจนเมื่อสายตาไปสะดุดที่ของแปลกตาที่เขาไม่เคยเห็น อี้ชิงจึงหยิบมาดู
ปรกติที่ห้องนี้ไม่ได้มีของอะไรมาก เพราะเจ้าของห้องไม่ได้อยู่บ่อยๆ โต๊ะใต้โคมไฟเคยถูกวางนิตยสารเก่าๆ ไว้สองสามเล่มแต่ตอนนี้กลับมีซองสีขาวนวลตาซึ่งดูใหม่มากวางอยู่ เด็กหนุ่มจับซองนั้นพลิกไปมาด้วยความสงสัย อี้ชิงเห็นว่ามันไม่ได้ระบุชื่อบนหน้าซอง แล้วปากซองก็ไม่ได้ปิดไว้ บางอย่างบอกอี้ชิงว่าให้ปิดมันไปซะเพราะมันไม่ใช่เรื่องของอี้ชิง
แต่เด็กหนุ่มอดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ เพราะคิดว่าที่ซองก็ไม่ได้ปิดมิดชิด แล้วมันก็ไม่น่าจะใช่เอกสารสำคัญ มันคงเป็นการ์ดเชิญสวยๆ แล้วอี้ชิงก็อยากเห็นมัน เด็กหนุ่มจึงแอบดึงการ์ดออกมาจากซอง เจ้าตัวอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเจ้าการ์ดใบสวย การ์ดสีไข่ไก่ที่รูปลักษณ์ดูเหมือนการ์ดแต่งงาน อี้ชิงไล่สายตามองตามดอกไม้เล็กๆ สีพาสเทลนั่น จนไปสะดุดกับชื่อบนการ์ด
“อู๋อี้ฟ่าน ♥ ลีจินอา”
อู๋อี้ฟ่านอย่างนั้นเหรอ อี้ชิงอ่านชื่อนั้นซ้ำอีกครั้ง ชื่อที่คุ้นอยู่ในใจเด็กหนุ่ม........
อู๋อี้ฟ่าน ชื่อนั้นเป็นชื่อจริงของคุณหมอคริสมิใช่หรือ?
ทุกอย่างรอบตัวของอี้ชิงเหมือนเปลี่ยนไปกระทันหัน อี้ชิงมองไม่เห็นภาพอะไรเบื้องหน้าอีกแล้ว เด็กหนุ่มกำลังหายใจไม่ออก เขาพยายามกระพริบตาเพื่อจะอ่านชื่อนั้นอีกครั้งแต่มันก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีควรที่จะมีใครชื่อซ้ำ เพราะการ์ดใบนี้มันอยู่ในห้องของเจ้าของชื่อบนการ์ด อู๋อี้ฟ่านบนการ์ด คงเป็นคนเดียวกับเจ้าของห้องๆ นี้
เจ็บ............... เขากำลังหายใจไม่ออก
มือไม้ที่กำลังสั่นรีบจับการ์ดนั้นใส่กลับเข้าซอง มือเล็กสั่นเทิ้มจนคุมไม่อยู่ มันทรมานราวกับมีใครมาบีบรัดที่หัวใจของอี้ชิง ร่างกายเหน็บหนาวราวกับเป็นไข้ ในหัวก็หน่วงหนักจนแทบอยากจะหลับตา และพอรู้อีกทีความเจ็บปวดนั้นก็กำลังจะหลั่งมาเป็นหยดน้ำตา
สิ่งที่เห็นแม้ไม่ต้องบอกอี้ชิงก็รับรู้ เวลาของอี้ชิงเหลือน้อยเหลือเกินแล้ว
เด็กหนุ่มเงยหน้าเพื่อจะกลั้นน้ำตา แล้วเมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินมา อี้ชิงก็รีบลุกขึ้นจากตรงนั้น เขาไม่อยากให้คุณหมอรู้ว่าเขารู้เขาเห็นอะไร
“จะไปไหน” คริสเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มตัวเล็กที่เพิ่งวิ่งผ่านหน้าเขาเข้าไปในห้อง ไม่มีเสียงตอบกลับ และพอคริสเดินตามก็เห็นว่าเลย์วิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้ว
ชายหนุ่มส่ายศีรษะพลางคิดว่าเด็กหนุ่มคงปวดท้อง
.
.
.
.
ประหลาดมันประหลาดเกินไป เด็กคนนั้นเข้าไปในห้องน้ำนานมาก และพอเขาเรียก เจ้าตัวก็บอกให้เขากินทัคคาบี้ไปก่อน แต่นี่มันก็นานจนเกินกว่าที่จะอยู่ในห้องน้ำแล้ว
คริสส่ายศีรษะพลางรู้สึกใจคอไม่ดี เขาวางตะเกียบลง และก้าวเดินกลับไปที่ห้องน้ำอีกครั้ง
“ทำอะไร ไม่สบายหรือเปล่า ท้องเสียเหรอ”
เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งงอตัวกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเรียก เขาพยายามสูดลมหายใจเพื่อจะให้ตัวเองสามารถตอบอะไรไปก็ได้ตอนนี้
“เปล่าฮะไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วทำไมไม่ออกมาเสียที”
“ผมท้องผูก” คำตอบโง่ ๆ ที่ดูจะเข้าท่าที่สุดถูกเรียกมาใช้ คริสยักไหล่กับคำตอบก่อนส่ายหัวเบาๆ
“เธอกินผักเก่งจะตายทำไมท้องผูก ยังไงก็รีบออกมาแล้วกัน นั่งนานๆ มันไม่ดีหรอกรู้ไหม” คนเป็นหมอเอ่ยบ่นด้วยห่วงสุขภาพ เขาเดินออกมาแต่ก็ยังจ้องมองที่บานประตูนั้น
ถึงยังไงเขาก็ว่าวันนี้เลย์แปลก
เสียงฝีเท้าเดินจากไปแล้ว อี้ชิงกำชายเสื้อของตัวเองแน่นจนยับยู่ เสียงสะอื้นกลับมาอีกครั้ง แค่ฟังเสียง ได้ยินคำห่วงใย ก็แทบใจจะขาด ทรมาน ความรักมันทรมานเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ตัวเองควรจะชินได้แล้ว แต่มันไม่ชินเลย มันไม่เจ็บปวดลดลงเลย ยิ่งรักมากก็ยิ่งเจ็บปวดมาก ความเจ็บปวดจะกระชากหัวใจของเขาจนขาดไหม เขาจะตายเพราะความรักไหมเพราะตอนนี้เขาหายใจไม่ออก
อี้ชิงนั่งร้องไห้ขดตัวอยู่ในห้องน้ำอีกพักใหญ่ จนเขารู้สึกว่าพอจะควบคุมตัวเองได้แล้วจึงออกมา หากแต่พอแง้มประตูห้องนอนมองออกไป เขาก็เห็นคุณหมอหนุ่มนอนอยู่บนโซฟา เสียงโทรทัศน์เปิดค้างรายการข่าวไว้ แต่ตาของคุณหมอหลับ อี้ชิงถอนหายใจเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายคงเผลอหลับไปแล้ว และเขาคงจะมีทางหลบเลี่ยงได้ในยามที่ดวงตายังแดงก่ำ แก้มยังสีแดงจัดแบบนี้
อี้ชิงเดินไปเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวซึ่งเป็นชุดนอนที่เก็บเอาไว้ที่นี่ และพาตัวเองลงนอนบนที่นอนหลังโตในห้องนอน การแกล้งหลับน่าจะดีที่สุดในเวลาที่เขายังไม่อยากพูด ไม่อยากเห็นหน้าคุณหมอคริส เพราะหากเห็นหน้าได้พูดคุยเขาคงจะทนกลั้นอารมณ์อ่อนไหวนี้ไม่ได้
เสียงผู้พากษ์กีฬาบาสเก็ตบอลที่แสนตื่นเต้นจากโทรทัศน์ปลุกให้คนที่นอนหลับเพราะดูข่าวเศรษฐกิจจากนักข่าวที่น้ำเสียงเนิบนาบสบายหูจนเผลอหลับไปต้องตื่นขึ้นมา คริสอู๋หันมองรอบตัวด้วยความประหลาดใจว่าทำไมเขาถึงมาหลับตรงนี้ จนเมื่อคุณหมอหนุ่มนึกได้ว่าทำไมถึงมาอยู่ที่โซฟาไม่ใช่เตียง เขาก็รีบมองหาคนที่อยู่ร่วมห้องว่าเจ้าตัวเล็กหายไปไหน
และพอนึกมาได้ว่าก่อนที่เขาจะหลับเลย์ยังอยู่ในห้องน้ำ คริสอู๋ก็รีบลุกขึ้นแล้วเร่งฝีเท้าเข้าไปในห้อง เขาหวังว่าเด็กนั่นจะไม่อยู่ในนั้นแล้ว และมันก็เป็นความจริง เลย์ออกมาจากห้องน้ำแล้วหากแต่กำลังนอนซุกกายอยู่บนที่นอนแทน
เด็กคนนี้ไม่เคยนอนก่อนเขา แม้ยามที่ป่วย หากแต่ท่าทางแบบนี้อาจจะไม่สบายมากก็ได้ ศัลยแพทย์หนุ่มเปลี่ยนหน้าที่ตัวเองมาเป็นอายุรแพทย์ชั่วคราว เขาลงนั่งที่ขอบเตียงก่อนจะค่อยๆ วางมือลงบนหน้าผากของคนตัวเล็ก หากแต่ร่างกายก็ไม่ได้มีอุณหภูมิผิดปรกติ เขาลองจับที่แขนเล็กนั่นดูอีกครั้งตัวของเลย์ก็ไม่ได้ร้อน วิธีเดียวที่จะรู้คงต้องเรียกขึ้นมาถาม
“เลย์” คุณหมอหนุ่มเอ่ยปลุก และเจ้าตัวก็งัวเงียขึ้นมา
“ไม่สบายหรือไง ทำไมหลับไป” เด็กหนุ่มนั่งอึ้งก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาเขา
“ฮะ ปวดหัวนิดหน่อย”
“ถามตั้งแต่อยู่ในห้องน้ำก็ไม่ตอบ แล้วนี่กินยาหรือยัง” อี้ชิงโป้ปดด้วยการขยับศีรษะพยักหน้า เด็กหนุ่มรู้ว่าถ้าคุณหมอรู้ว่าเขายังไม่กินยาก็คงจะบังคับให้กิน
“อืมถ้าอย่างนั้นก็นอนไปเหอะ” คุณหมอพูดพลางเกี่ยวคางที่ก้มจนชิดอกนั้นขึ้น เขากวาดสายตามองหน้าตื่นๆ ของอี้ชิง และก็พบว่าดวงตาที่เคยกลมใสราวกับลูกกระต่ายนั้นบวมช้ำ
“ปวดมากเลยซิ” เขาเดาเอาจากอาการของเด็กหนุ่ม นี่คงปวดจนร้องไห้เลยซินะ
“ฮะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็นอนซะ ถ้ารู้สึกมีไข้ก็บอก แต่ตอนนี้ตัวยังไม่ร้อน”
คริสบอกแล้วเขาก็ค่อยๆ จับตัวของเด็กหนุ่มให้นอนลง เขาขยับหมอนให้เข้าที่ และห่มผ้าให้คนตัวเล็ก
ทุกอย่างที่กระทำ เขาไม่รู้ว่ามันยิ่งทำให้เด็กหนุ่มยิ่งเจ็บปวด อี้ชิงทำได้แค่รีบปิดตาลง และกดใบหน้าด้านข้างลงกับหมอนนุ่ม เขากลัวน้ำตาจะไหลออกมาอีก
อี้ชิงรู้สึกตัวว่าเตียงนอนด้านข้างของเขากำลังยุบตัวลง คุณหมอคงจะเตรียมตัวขึ้นมานอนแล้ว และมันก็ยืนยันด้วยสัมผัสอุ่นๆ ที่ลูบอยู่บนหลังมือเขาด้วยความอ่อนโยน มันอ่อนโยนจนอยากจะร้องไห้
อี้ชิงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลา แววตาอบอุ่นลอยอยู่ตรงหน้าเขา คุณหมอกำลังส่งยิ้มให้...............
ถ้าแลกทุกอย่างที่อี้ชิงมี อี้ชิงอยากหยุดเวลาเอาไว้แค่ตรงนี้ตลอดกาล
“ไม่นอนล่ะคนป่วย”
อี้ชิงตอบคำพูดเย้านั้นด้วยการขยับร่างเข้าไปจนแนบชิดกายหนา คนตัวเล็กวาดแขนไปกอดเอวของคนตรงหน้า และเงยวงหน้าขึ้นเพื่อที่จะได้โน้มจุมพิตที่แนวคางของคุณหมอได้ถนัด และคนได้รับสัมผัสก็ดูจะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ”
แต่อี้ชิงก็ไม่ตอบคำถามนั้น เด็กหนุ่มยิ่งรัดวงแขนแน่นขึ้น และเริ่มพรมจูบไปทั่วใบหน้าหล่อเหลา ถึงงุนงงแต่คริสอู๋ก็เคลิบเคลิ้มกับจูบนุ่มนิ่มนั้น จนริมผีปากอิ่มย้ายมาจุมพิตเน้นหนักที่ริมฝีปากของคุณหมอหนุ่ม จูบที่ราวกับกระหายจนอีกฝ่ายแทบสำลัก หากสุดท้ายคริสก็ค่อยๆ นำพาจุมพิตนั้นให้อ่อนโยนลง
หากแต่ไม่นานเด็กหนุ่มก็เริ่มโหมจูบเขาอีกครั้ง คริสจึงจับใบหน้าเรียวนั้นยึดไว้ เขาสำรวจดวงหน้าหวาน ดวงตาของเด็กหนุ่มแดงก่ำไม่ได้หลบตาเขาเหมือนก่อนหน้านี้ หากแต่แววตาที่จ้องเขาอยู่กลับเศร้านัก เศร้าเสียจนเขาจำเป็นต้องลดมือลง เขาโน้มใบหน้าน่ารักจนเข้ามาใกล้ และจุมพิตที่เปลือกตาบวมเป่งนั้นทั้งสองข้าง
ชายหนุ่มหวังว่าสิ่งที่เขาทำมันคงจะทำให้อี้ชิงรู้สึกดีขึ้น หากแต่แรงสั่นที่ตัวของคนตัวเล็กมันทำให้เขารู้เลย์กำลังเริ่มร้องไห้ คุณหมอหนุ่มไม่ได้ถามแต่ปล่อยให้คนเศร้าซุกที่ต้นคอ และจูบเขาย้ำ ๆ เช่นนั้นต่อไป
ท่าทางแปลก ๆ ที่เกิดขึ้น คริสคิดว่าถ้าเด็กหนุ่มมีอะไรอยากบอก เลย์คงจะบอกเขาเอง และเลย์ก็เคยเป็นแบบนี้เขาจำได้ ว่าเมื่อครั้งก่อนที่เขาจะไปอเมริกาเด็กหนุ่มก็มีอาการคล้ายแบบนี้ เขาไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร เลย์อาจจะกำลังเสียใจจากใคร หรือโมโหใครอยู่ หรือไม่ก็รู้สึกไม่สบายใจจากอะไรสักอย่าง แล้วเลือกมาลงกับเขาก็เป็นได้ และถ้ามันทำให้เด็กหนุ่มสบายใจขึ้นเขาก็จะปล่อยไป
เขาปล่อยให้เด็กหนุ่มนำพาเขาไปตามอารมณ์ที่ค่อยๆ ปะทุขึ้น อารมณ์ที่มันทั้งร้อนแรง หากแต่แฝงความเศร้าเอาไว้ รสรักคราวนี้ถึงแม้อี้ชิงจะโหมสนองเขาเสียจนสำลัก หากแต่มันกลับไม่ได้หอมหวานเฉกเช่นเคย
>>> Kiss Goodbye<<<
แสงอรุณกับไออุ่นนั้นราวกับเป็นนาฬิกาที่เที่ยงตรง มันคอยปลุกให้ผู้คนตื่นขึ้นมาในทุกวี่วัน เฉกเช่นคนที่หลับลึกหลังจากเหนื่อยแทบขาดใจกับรสรักแสนยาวนานที่กำลังค่อยๆ แย้มเปลือกตาขึ้นมา
คุณหมอคริสตื่นขึ้นมา และเขาก็เลือกจะปิดเปลือกตาลงเฉกเช่นที่ทำบ่อยๆ เพื่อจะรอให้คนข้างกายตื่นขึ้นมาก่อน เขานอนนิ่งแบบนี้อยู่พักใหญ่เลย์ก็ยังไม่ตื่น อาจเพราะเมื่อคืนคนตัวเล็กป่วย แล้วยังจะโหมร่างกายอีก ป่านนี้เลยยังคงหมดเรี่ยวแรงอยู่
คริสอู๋สันนิษฐานไปตามเรื่อง ก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตามานอนมองใบหน้าอิ่มขาวข้างกาย เปลือกตาของเด็กหนุ่มยังคงบวมอยู่ เขานึกไม่ออกว่าอะไรถึงทำให้เลย์ร้องไห้ได้ และน่าจะร้องไห้หนักด้วย
แล้วเด็กนี่ไปร้องไห้ตอนไหนกัน หรือตอนที่ซ่อนตัวในห้องน้ำ
ความแปลกประหลาดของเลย์มันทำให้คุณหมอวุ่นวายใจลึกๆ แต่จะให้ปลุกมาถามก็ใช่ที่ แล้วคนที่ชอบปฏิเสธ ถามอะไรก็ไม่พูดอย่างเด็กคนนี้ถามไปก็ไร้ประโยชน์ อะไรที่เจ้าตัวอยากพูดเดี๋ยวคงจะพูดมาเอง
เมื่อคิดได้เช่นนั้นคริสก็ปิดเปลือกตาสีมุกของเขาลง นี่มันยังเช้าอยู่ เขาอยากจะหลับอีกสักพักใหญ่เช่นทุกที
หากแต่ยังไม่ทันได้หลับ แรงขยับจากข้างกายก็เกิดขึ้น
เลย์คงตื่นแล้ว
คุณหมอแกล้งนอนนิ่งรอกิจวัตรประจำวันเช่นเดิม หากแต่มันกลับไม่เหมือนเดิมตรงที่ร่างเล็กนั่นหลังจากที่ขยับกายเหมือนลุกขึ้น กลับไม่ได้ลุกต่อไปไหน หรือไม่แม้กระทั่งจุมพิตเขาเช่นทุกที
มันนานเกินไปที่เลย์จะลุกขึ้นมานั่งเฉยๆ แบบนี้ หรือเด็กนั่นจะเป็นอะไรขึ้นมาอีก
พอคิดได้คุณหมอคริสก็พยายามจะลืมตาขึ้น แต่ก็เหมือนบังเอิญ ความอบอุ่นที่เขากำลังรอคอยมันกำลังเฉียดใกล้ที่ใบหน้าของเขา ลมหายใจอุ่น ๆ รดลงที่ปลายจมูก และที่แปลกกว่าปรกติก็คือความอุ่นที่เปียกชื้นได้หยดลงบนสันจมูกของเขา จนคุณหมอหนุ่มแทบจะลืมตาโพล่งขึ้นมา แต่คงไม่ทันเพราะตอนนี้อี้ชิงแนบริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากของเขาแล้ว
และเมื่อจุมพิตจบสิ้นคนจูบก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียง แล้วเดินจากไป เมื่อคุณหมอลืมตาขึ้นมา เขาก็ค่อย ๆ ไล่ปลายนิ้วลงไปแตะที่บริเวณสันจมูก ซึ่งมีหยดน้ำเกาะอยุ่บนสันจมูกของเขา และมันกำลังไหลลงมาที่แก้ม
หยดน้ำนั้นจะเป็นอะไรได้ถ้าไม่ใช่น้ำตาของจางอี้ชิง
>>> Kiss Goodbye<<<
จูบปนน้ำตาว่าน่าประหลาดใจแล้ว เงินที่หัวเตียงที่ยังวางอยู่มันยิ่งน่าประหลาดใจกว่า คุณหมอสาวเท้าออกจากห้องหลังจากที่พยายามหลับแต่ก็หลับไม่ลง
ท่าทางของเด็กหนุ่มมันผิดปรกติเสียจนเขาทำตัวไม่ถูก และพอเดินออกมาจากห้อง เขาก็เห็นเลย์ก้มหน้าก้มตาอยู่กับเปียโนเช่นปรกติ แต่ที่ไม่ปรกติก็คงเป็นที่เจ้าตัวไม่ได้ดีดเปียโนอยู่ หากแต่เขาได้ยินเสียงเพลงแว่วๆ ดังมา และเมื่อมองไปจึงเห็นว่าเด็กหนุ่มเปิดเพลงจากโทรศัพท์ของตัวเอง เลย์ก้มหน้าจนชิดกับเข่า ในมือกำโทรศัพท์เอาไว้ เสียงเพลงที่ดังแว่วมามันทำให้คริสต้องพิงกายตัวเองกับขอบประตูเพื่อตั้งใจฟังเสียงเพลงนั้น
เสียงเครื่องดนตรีจีนโบราณดังประสานมากับดนตรีสมัยใหม่ ประกอบกับเสียงร้องที่แสนเศร้า
แค่ฟังดนตรีเขาก็พอเดาได้ว่ามันคงเป็นเพลงจีน และชายหนุ่มก็คิดว่าตอนสมัยเรียนเด็กคนนี้คงเรียนภาษาจีนถึงได้มีโอกาสฟังเพลงพวกนี้ ซึ่งดูจะมีโอกาสฟังมากกว่าเขาเองที่มีเชื้อสายเป็นคนจีนด้วยซ้ำ
คริสปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลงที่ดังมาแผ่วๆ นั่น เสียงเครื่องสายที่ถูกบรรเลงมาในช่วงกลางของเพลงมันยิ่งทำให้ความไพเราะมากขึ้น แต่มันกลับบาดลึกในหัวใจ และยิ่งเมื่อเขาลืมตามองไปยังหลังเล็ก ๆ นั่น เขาก็เห็นไหล่นั้นสั่นเทิ้มราวกับกำลังร้องไห้
คริสมองภาพนั้นแต่ก็ไม่ได้ก้าวเข้าไปในโลกที่อี้ชิงกำลังจมดิ่งอยู่ เขาเลือกจะถอยออกมา และหันหลังกลับไปในห้องอีกครั้ง
และมันทำให้เขาไม่อาจรับรู้ถึงความปวดร้าวที่บาดลึกลงในหัวใจของคนที่เคยเจ็บช้ำแล้วเจ็บช้ำเล่า
เด็กหนุ่มที่จมกับความเจ็บช้ำทำได้แค่ปล่อยน้ำตา และเปิดเพลงให้มันหมุนวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนความเจ็บปวดของเขา บทเพลงเศร้าตอกย้ำให้เขาเฝ้าถามว่าตัวเองว่าจะทำเช่นไรให้ย้อนวันเวลากลับไปได้ เพื่อที่เขาจะย้อนกลับไปในวันที่เขายังคงอิ่มเต็มไปด้วยความสุข ไม่ใช่วันที่เจ็บร้าวเช่นนี้
เมื่อยามที่เธอจากไป
อันความทรงจำอันอุ่นไอของสุรายังคงทำให้หวนคะนึง
กระแสธารานั้นไหลยังทิศบูรพา แล้วฉันเล่าจะเกี่ยวย้อนวันเวลาได้เช่นไร
ดอกไม้ผลิบานเสียจนล่วงหล่น และเป็นฉันที่พลาดช่วงเวลานั้น
[Dong Feng Po" "East Wind Breaks"by Jay Chou]
TBC.
...............................................................
คุยเรื่องเพลงในตอนนี้กันหน่อยนะคะ เพลงนี้มีชื่อไทยว่า "ลมตะวันออก" ชื่อจีนว่า "Dong Feng Po" ชื่อฝรั่งว่า "East Wind Breaks" เป็นหนึ่งในเพลงโปรดตลอดกาลของปุ้มเอง ตอนแรกจะเลือกเพลงอื่นมาใช้ในตอนนี้ แต่เนื่องจากปรกติชอบเปิดเพลงนี้ฟังตอนเช้าๆ ระหว่างไปทำงาน วิวสวย ๆ (โชคดีว่าทางแถวที่ทำงานวิวสวยมาก) ฟังเพลงนี้แล้วมันอิน เลยเลือกเพลงนี้ (ทั้งๆ ที่เนื้อเพลงดูแก่กว่าวัยของอี้ชิงไปสักนิด แต่ว่าเนื้อเพลงมันอกหักรักคุดอยากย้อนเวลากลับไปช่วงเวลามีเธอซึ่งก็ตรงคอนเซ็ป) จริงๆ เคยคิดอยากแปลเพลงนี้ แต่มันยากเพราะเพลงนี้คล้ายกลอนเลยล่ะค่ะ ภาษาสวยมาก สวยเทียมเท่ากับดนตรี เลยเอาลิงค์แปลของรุ่นพี่ที่ปุ้มเคารพรักมาให้ลองดูคำแปลดู
Dong Feng Po" "East Wind Breaks"by Jay Chou
บางท่านอาจสงสัยว่าทำไมปุ้มไม่เอาเวอร์มีซับไปแปะให้ฟังแต่แรก แหะ ๆ ฟังแบบไม่มีซับไทยเราฟังแบบคริสอู๋รู้สึกไงคะ(คิดเสียว่ายังไม่อ่านซับอิงค์ 55) ส่วนฟังแบบมีซับไทยเรากำลังฟังแบบที่อี้ชิงรู้สีกอะคะ 555 (แถสดเปื่อยมาก)
ความคิดเห็น