คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ประสบการณ์ทางวิญญาณ โดย สามเณร กรวิชญ์ 119
ประสบการณ์ทางวิญญาณที่ข้าพเจ้าจะบอกเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวการบวชเณรภาคฤดูร้อนในปี 2554-2555 ในครั้งแรกข้าพเจ้าคิดว่าวัดอ้อน้อยนี้ไม่ใช่วัดที่ใหญ่โตอะไรและคิดว่าคงไม่ค่อยมีอะไรดีสักเท่าไร เมื่อเข้าไปนั้งที่ศาลาข้าพเจ้าคิดว่าตัวข้าพเจ้าและคนอื่นคงจะได้หลับนอนในศาลาแห่งนี้เป็นแน่ ข้าพเจ้าจึงนั้งนิ่งสงบเพื่อรอเวลาว่าจะต้องทำสิ่งใดต่อ เมื่อหลวงพี่เบมาถึงก็ได้สั่งให้พวกข้าพเจ้าทั้งหมดจัดแถวโดยให้เรียงลำดับตามส่วนสูงและนับเลขตามลำดับ ตอนนั้นทำให้ข้าพเจ้านึกถึงการจัดแถวตอนเรียนลูกเสือเลยทีเดียว หลังจากการแบ่งกลุ่มก็มาถึงการแบ่งที่พักตามกลุ่มที่แบ่งออกมา มาถึงตอนนี้ทำให้ข้าพเจ้าต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่าวัดนี้ไม่ใช่วัดที่ใหญ่โตอะไร เสียใหม่ เพราะดูจากจำนวนกลุ่มที่แบ่งออกมาหลายกลุ่ม พอมาถึงวันที่ต้องปลงผมนาควันนั้นเป็นวันที่ข้าพเจ้าประทับใจอย่างมาก เพราะข้าพเจ้าเคยได้ยินว่าหลวงปู่พุทธะอิสระเป็นพระที่อายุน้อยแต่ชาวบ้านที่นี้กลับเรียกท่านว่าหลวงปู่ฯ เมื่อข้าพเจ้าเห็นท่านความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของข้าพเจ้าคือท่านเป็นเหมือนราชาในประเทศที่ชื่อว่า วัดอ้อน้อยธรรมะอิสระ เลยก็ว่าได้ เหตุที่คิดอย่างนั้นเป็นเพราะเมื่อท่านเดินทางมาถึงองค์เจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ทุกคนต่างก้มลงกราบท่านเหมือนว่าท่านคือราชาของที่แห่งนี้ แต่นี้คือการเปรียบเทียบมิได้คิดเป็นประการอื่นใด หลังจากเข้ามาบวชได้ไม่นานพวกข้าพเจ้าก็ได้เดินทางไปธุดงค์ที่ รัมอีซู ซึ่งเป็นที่ๆมีแต่ธรรมชาติ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเห็นโบรถกลางป่าท่ามกลางธรรมชาติ ที่แห่งนี้ไม่มีกำแพงไม่มีหลังคามีแต่ต้นไม้ที่เรียงกันเป็นแถนจนเกิดเป็นหลังคาธรรมชาติซึ่งทำให้สามเณรทุกรูปที่เข้ามาบวชในปีนั้นรู้สึกวิตกกังวลและกลัวว่าตนจะเปียกฝนในตอนทำกิจวัตรต่างๆ เมื่อกลับมาจากการธุดงค์หลวงปู่ก็ได้พาพวกข้าพเจ้าไปที่ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเจริญพระพุทธะมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้งนั้นเป็นความภูมิใจมากครั้งหนึ่งในชีวิต
เมื่อเวลาล้วงเลยผ่านไปจนมาถึงวันที่ต้องลาจากกัน ข้าพเจ้าเกิดความรู้สึกไม่อยากจากวัดอ้อน้อยแห่งนี้เลย เหตุที่รู้สึกเช่นนี้เพราะความอาลัย รักและผูกพันที่มีต่อองค์หลวงปู่ พระพี่เลี้ยงและสามเณรทุกรูป ช่วงเวลานั้นข้าพเจ้าถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาโดยฉับพลัน โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่เมื่อถึงเวลาที่หลวงปู่ฯมาอยู่ๆน้ำตาของข้าพเจ้ากลับหยุดไหลโดยที่ข้าพเจ้าไม่รู้ตัว แต่กลับเกิดความรู้สึกปิติขึ้นมาแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าพร้อมที่จะกลับไปสู่อ้อมกอดของพ่อแม่อีกครั้ง เป็นการจบโครงการการบวชสามเณรภาคฤดูร้อนในปี 2554
ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไปจนวนมาถึงช่วงเวลาที่มีการจัดโครงการบวชเณรในปี 2555 ข้าพเจ้าตั้งหน้าตั้งตารอเวลาที่โรงเรียนจะนำใบสมัครบรรพชาสามเณรมาให้ จนพ่อของข้าพเจ้าถึงกับพูดออกมาว่า “ตกลงมึงจะเป็นทหาร หรือนักบิณฑบาตร” ในตอนนั้นทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงองค์หลวงปู่ฯ และในคืนวันนั้นข้าพเจ้าไดสวดมนต์และตั้งจิตอธิฐานว่า “ถึงสิ่งศักสิทธิ์ทั้งหลายข้าพเจ้าต้องการบรรพชาสามเณร ณ วัดอ้อน้อยธรรมะอิสระ หากแม้ข้าพเจ้ามีบุญมากพอที่จะได้อีกอีกครั้ง ขอบุญทั้งหมดนี้จงทำให้ข้าพเจ้าสำเร็จประโยชน์ในการบรรพชาสามเณรในครั้งนี้ด้วยเทอญ” และในขณะนั้นข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงตอบกลับมาว่า “อืม” นั้นทำให้ตัวข้าพเจ้าขนลุกซูแล้วรีบท่อง “สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์”
ในวันต่อมา ครูอุษา ก็ได้มาชวนข้าพเจ้าไปบวชและนำใบสมัครมาให้ในภายหลัง นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้กลับไปบวชที่ วัดอ้อน้อย อีกครั้ง เมื่อถึงเวลาเดินทางมายัง วัดอ้อน้อย ข้าพเจ้ารู้สึกดี แต่ทันทีที่มาถึงข้าพเจ้ารู้สึกสรดใจเป็นอย่างมากเนื่องจากจำนวนสามเณรที่เข้ามาบวชในปีนี้ลงน้อยลงมาก แต่อีกใจนึงของข้าพเจ้าคิดว่าคนน้อยจะทำอะไรได้สะดวก
ในปีนี้ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจเนื่องจากไม่มีการจัดกลุ่มเหมือนเมื่อปีที่แล้ว แต่แบ่งกลุ่มตามอายุก่อน ข้าพเจ้าก็ทำตาม ในจำนวนคนที่เข้ามาบวชในปีนี้มีคนที่บวชในปีก่อนอยู่ด้วยจำนวนหลายคน เมื่อถึงวันบวชข้าพเจ้าไปพบหลวงปู่ฯอีกครั้ง ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาบวชที่ วัดอ้อน้อยแห่งนี้อีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ นาคเอก ข้าพเจ้ารู้สึกภูมิใจมาก ครั้งนี้ข้าพเจ้าไปมานอนที่ หอไตร ซึ่งทุกคืนตัวข้าพเจ้ามีหน้าที่นับจำนวนสามเณร บางคืนครบบางคืนขาด เพราะเณรที่ป่วยจะถูกจับนอนแยกออกไปเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เณรรูปอื่นป่วยตามไปด้วย แต่มีอยู่คืนหนึ่งข้าพเจ้านับจำนวนเณรแล้วเกินมาหนึ่งรูป มันทำให้ข้าพเจ้าขนลุกเล็กน้อย
เมื่อถึงวันที่ต้องเดินทางไปธุดงค์ในปีนี้หลวงปู่พาไปที่ทองผาภูมิ พอมาถึงก็ทำการสวดมนต์ก่อนจะรับเต้นไปกางโดยหลวงปู่ให้จับคู่เณรกลางสองรูปต่อเต้นหนึ่งหลัง เมื่อกางเต้นเสร็จก็มีหลวงพี่รูปหนึ่งเดินเข้ามาถามข้าพเจ้าว่า “มึงขอเจ้าที่หรือยัง” ข้าพเจ้าจึงตอบกับไปว่า “แค่บอกว่าจะมาอยู่แต่ยังไม่ได้ขอ” แล้วจู่ๆกิ่งกระท้อนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งสร้างความตกใจให้กับข้าพเจ้าเป็นอย่างมากจนต้องย้ายที่กางเต้นใหม่ และในคืนนั้นข้าพเจ้าได้ลืมอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าที่ในป่าแห่งนั้นจึงเกิดเสียงคนเดินรอบเต้นอยู่ทุกคืนแต่หลังจากข้าพเจ้าอุทิศส่วนกุศลแล้วเสียงนั้นก็ไม่มีอีก
ความคิดเห็น