Era of Genesis

ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ และพลังแห่งไมโตคอนเดรีย

       
          ในอนาคตที่อยู่ไม่ไกลจากความจริงนัก มนุษย์ได้กลายเป็นดั่งพระเจ้าแห่งโลกสีน้ำเงินใบนี้ พวกเขาเรียนรู้และไขว่คว้าเอาความลับแห่งชีวิตมาได้สำเร็จ การแพทย์และศาสตร์ทางพันธุวิศวกรรมเจริญก้าวหน้าจนแทบไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำไม่ได้ ชิ้นส่วนของร่างกายสามารถถูกแทนที่ได้เสมอแม้แต่สมอง การกำเนิดของเด็กๆถูกกำหนดแทบทุกอย่างตั้งแต่พวกเขายังไม่ได้เป็นรูปเป็นร่าง คอมพิวเตอร์อันทรงประสิทธิภาพถูกสร้างด้วยสมองเทียมที่มีชีวิต จนไปถึงการรวมเครื่องจักรและสิ่งมีชีวิตเข้าด้วยกันเพื่อก่อกำเนิดสุดยอดจักรกลสงคราม

         และในที่สุดพวกเขาก็สร้างสิ่งมีชีวิตที่ไม่ควรจะมีตัวตนอยู่ในโลกขึ้นมา มนุษย์ที่สามารถหายใจในน้ำได้ มนุษย์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจักรกล และอีกมากมายนับไม่ถ้วนเพียงเพื่อสนองความต้องการกับความท้าทายของตน หลังจากที่ให้กำเนิดเหล่าสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่พวกเขาก็เริ่มอยากที่จะวิวัฒนาการตัวเองไปในทางที่ดีกว่า โครงการสร้างสิ่งมีชีวิตสมบูรณ์แบบจึงเริ่มขึ้น

            ผ่านไปหลายสิบปีนับตั้งแต่เริ่มโครงการผลงานที่พวกเขาภูมิใจจึงเสร็จสมบูรณ์ มนุษย์เรียกสิ่งมีชีวิตพวกนี้ว่ากลินท์ (Glint) พวกมันชาญฉลาด มีไหวพริบ และสูงส่งไปด้วยคุณธรรมและหลักปรัชญาอันเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจ เหล่ากลินท์ถูกพวกมนุษย์ใช้ให้ทำหน้าที่สำคัญๆอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการปกครองบ้านเมือง ผู้ตัดสินและพิพากษา หรือแม้แต่ผู้บัญชาการในการรบ

            แต่แล้ววันหนึ่งธรรมชาติก็ได้ให้บทเรียนราคาแพงแก่พวกเขา เมื่อกลินท์นั้นเกิดมีความคิดขึ้นมาว่า “เราไม่ใช่พวกเดียวกับเขา แล้วทำไมเราต้องคอยฟังพวกมนุษย์” เหล่าผู้ทรงปัญญาตัดสินใจที่จะแยกตัวและปกครองกันเองโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกมนุษย์อีกต่อไป และด้วยก้อนหินเพียงก้อนเดียวที่ตกกระทบผิวน้ำอันเรียบสนิท เหล่าผู้ถูกดัดแปลงที่ไม่อาจพูดได้อย่างเต็มปากว่าตนคือมนุษย์เริ่มเอาอย่างกลินท์ แยกตัวออกห่างไม่รับฟังผู้ให้กำเนิดตนอีกต่อไป

            สุดท้ายเหตุการณ์ทั้งหมดก็เริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆเมื่อมนุษย์ผู้ยโสโอหังและเห็นแก่ตัวไม่ยอมที่จะเจรจา เมื่อไร้ซึ่งหนทางอื่นสงครามจึงเริ่มต้นขึ้น เปลวเพลิงและความเศร้าโหมกระหน่ำไปทั่วดาวดวงเล็กๆสีฟ้าดวงนี้ ไม่มีใครยอมฟังใครไม่มีใครยอมลงให้ใคร บ้างก็ต้องการแผ่นดินที่จะใช้เรียกว่าบ้าน บ้างก็ต้องการปกป้องสิ่งที่เรียกว่าบ้านเอาไว้ และบ้างก็เพียงต้องการจะทำลายซึ่งกันและกัน

            สงครามอันน่าเศร้าดำเนินไปยาวนานกว่าหนึ่งร้อยปีการสู้รบจึงยุติลง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้สูญเสียหมู่เกาะไปทั้งหมดจากการโจมตีของเมอร์ฟอล์ค (Merfolk)  ผู้ครอบครองมหาสมุทร ญี่ปุ่นขาดการติดต่อกับโลกภายนอกหลังจากสงครามเริ่มขึ้นได้แค่สามปี ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าดินแดนแห่งนั้นจะมีสภาพอย่างไร รัสเซีย จีน และเกาหลีใหม่ รวมตัวกันภายใต้ชื่อจักรวรรดิแดงเพื่อต่อสู้กับภัยคุกคาม แต่ก็ต้องเสียดินแดนไปถึงครึ่งเมื่อต้องเจอกับการโจมตีอันหนักหน่วง

            ประเทศในยุโรปรวมตัวกันเป็นกลุ่มอียูอย่างถาวรเว้นแค่เพียง เยอรมันที่ปิดประเทศตัวเองไม่ยอมติดต่อกับโลกภายนอก และอังกฤษที่ล่มสลายไปเพราะการโจมตีจากกลินท์ ในขณะที่อเมริกานั้นกลับยังคงทรงอำนาจและแข็งแกร่งเหมือนอย่างที่พวกเขาเคยเป็น แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่แผ่นดินของตนเพื่อขับไล่เหล่าผู้รุกราน

            แม้สงครามจะยุติลงแล้วแต่นั่นก็เป็นเพียงแค่เปลือกนอก กำแพงสูงใหญ่ที่ใช้กั้นขวางยังคงตั้งตระหง่านและไม่เปิดรับผู้ที่หน้าตาไม่เหมือนตน สันติภาพอันแสนบอบบางแกว่งไปมาอยู่บนเส้นด้ายที่กำลังจะขาดได้ทุกเมื่อ เพราะในตอนนี้พวกเขาแต่ละฝ่ายต่างก็กำลังรอจังหวะและเวลาที่จะทำลายล้างกันและกันให้สิ้นซาก

เอเลเมนต์ (Element)

           มนุษย์ค้นพบความสามารถแฝงของไมโตคอนเดรียเป็นครั้งแรกเมื่อพวกตนให้กำเนิดแฟรี่ ด้วยการดัดแปลงพันธุกรรมทำให้ไมโตคอนเดรียเร่งพลังงานของตนได้มากกว่าปกติ และจากพลังงานที่ล้นออกมานี้ทำให้พวกแฟรี่สามารถควบคุมธรรมชาติรอบตัวได้ ความสามารถที่ดูราวกับเวทย์มนต์นี้มนุษย์เรียกมันว่าเอเลเมนต์

         โดยปกติแล้วเอเลเมนต์สามารถแบ่งออกได้เป็นสี่สายคือ ดิน น้ำ ลม และไฟ โดยดินนั้นมีความสามารถในการฟื้นฟูและผ่อนคลายจิตใจ น้ำนั้นมีความสามารถในการสร้างความเย็นและควบคุมจิตใจ ลมมีความสามารถในการควบคุมความกดอากาศและกระตุ้นจิตใจ สุดท้ายไฟมีความสามารถในการควบคุมความร้อนและลดสามัญสำนึก

        ต่อมาดีเอ็นเอที่ใช้กำหนดความสามารถในการใช้เอเลเมนต์ก็ถูกค้นพบ และมันนับเป็นรหัสทางพันธุกรรมรหัสสุดท้ายที่ทุกคนต่างค้นหามานาน นั่นทำให้มนุษย์สามารถสร้างสรรค์สิ่งมีชีวิตที่สามารถใช้พลังเอเลเมนต์ได้ตามใจของตน

รายละเอียดของเอเลเมนต์แต่ละสาย

ดิน

             มักจะปรากฏการใช้งานในรูปแบบของการรักษาและการป้องกันเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นมันยังใช้ในการเร่งการเจริญเติยโตของพืชอย่างฉับพลันทำให้ในอดีตมีการใช้งานแฟรี่ในการเกษตร ในด้านการโจมตีนั้นสายดินนับว่าอ่อนแอที่สุดในบรรดาทุกสาย เอเลเมนต์ดินที่รุนแรงที่สุดที่มีคนยืนยันได้คือการเรียกแผ่นดินไหวที่รุนแรงกว่าเจ็ดริคเตอร์ของแฟรี่ฝูงหนึ่ง

น้ำ

            ความเย็นและการควบคุมจิตใจคือจุดเด่นของสายเอเลเมนต์นี้ ผู้ใช้งานมันมักโอนเอนไปทางบุคคลเจ้าเล่ห์และยากแก่การคบหา เผ่าเมอร์ฟอล์คจึงต้องมีการควบคุมดูแลเป็นพิเศษเพื่อไม่ไห้คิดทรยศหักหลังมนุษย์ พวกเขาถูกสร้างขึ้นมาใช้งานในด้านการประมงและความบันเทิงเป็นส่วนใหญ่

            ในด้านการโจมตีนั้นเอเลเมนต์ชุดนี้ทำได้ดีกว่าดินแต่ก็ยังคงเป็นรองไฟและลมอยู่ การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของมันถูกค้นพบในการต่อสู้ทางทะเลครั้งสุดท้ายของกองเรือแปซิฟิคแห่งสหรัฐอเมริกากับกองทัพของเมอร์ฟอล์ค ซึ่งจบลงด้วยการที่เรือรบกว่าสามสิบลำกลายเป็นก้อนน้ำแข็งอยู่กลางมหาสมุทร

ลม

             มักมีความสามารถในการเสริมความเร็วรวมถึงสร้างความกดอากาศที่รุนแรง การใช้งานเอเลเมนต์สายนี้นั้นยุ่งยากมากที่สุดในบรรดาเอเลเมนต์ทุกสายเนื่องจากผู้ใช้ต้องเป็นคนที่มีความรู้หรือสัญชาติญาณเกี่ยวกับธรรมชาติของดินฟ้าอากาศ

            การโจมตีของเวทย์ลมนั้นยุ่งยากในการใช้งานหากต้องต่อสู้ร่วมกับผู้อื่นเนื่องจากควบคุมได้ยาก แต่หากเป็นการต่อสู้เพียงลำพังแล้วสายฟ้าอันบ้าคลั่งและลมกรดที่แหลมคมสามารถทำลายคู่ต่อสู้ได้ภายในพริบตา

ไฟ

           ไม่มีเอเลเมนต์สายใดรุนแรงและเฉียบขาดเท่ากับเอเลเมนต์สายนี้อีกแล้ว มันสามารถควบคุมความร้อน สร้างระเบิด เร่งพลังกาย และก่อกำเนิดธารลาวาได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ผู้ใช้เอเลเมนต์สายนี้จำเป็นจะต้องมีการควบคุมจิตใจที่ดีมากพอไม่เช่นนั้นแล้วมันจะกลายเป็นดาบสองคมเผาผลาญตัวเอง

            การโจมตีของเอเลเมนต์ชุดนี้มีความตรงไปตรงมามากที่สุดนั่นคือทำลายล้างสถานเดียว เมื่อใช้มันออกมาแล้วผืนปฐพีจะลุกเป็นไฟผู้คนจะมอดไหม้จนเหลือเพียงเถ้าธุลี การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของมันนั้นมาจากกองทัพกลินท์ที่ใช้มันเผาเกาะอังกฤษทั้งเกาะด้วยเพลิงนรกสีม่วงดำ