ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    This is Fate or Destiny?[Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Fate Day

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 54


    ทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่มถูกสลับแซมไปด้วยสีขาวของดอกลิลลี่เข้ากันได้อย่างลงตัว หยาดน้ำค้างสีใสบนใบหญ้าเปล่งประกายแวววาวเมื่อสะท้อนกับแสงอรุณยามเช้า ลิลลี่สีขาวโอนอ่อนไปตามแรงลมอย่างนุ่มนวล...ท่ามกลางความเงียบสงบปรากฏร่างบางๆของเด็กหนุ่มอายุราว 13 ปี เลือนผมสีดำประบ่าลู่ไหวยามประทะเข้ากับสายลม นัยน์ตาสีคาร์มีนคู่สวยยังคงจับจ้องไปยังภาพบรรยากาศเบื้องหน้าอย่างใจจดใจจ่อ

     

     

    ภาพของผีเสื้อแสนสวยกำลังดูดน้ำหวานจากดอกลิลลี่ที่มีสีสันไม่แตกต่างจากตัวมันมากนักปีกบางๆสั่นไหวยามชายลมอ่อนๆโชยมาประทะ...

     

     

     

    ทั้งๆที่เป็นวันนี้แท้ๆ...” เด็กหนุ่มละสายตาจากผีเสื้อช้าๆพลางพึมพำกับตนเอง นัยน์ตาคู่ค่อยๆสวยหม่นสีลงอย่างชัดเจน

    ... ทั้งๆที่วันนี้เป็นวาเลนไทน์ วันแห่งความรักที่หนุ่มสาวทุกคนต่างใฝ่ฝันรอคอยแท้ๆแต่ตัวเขากลับไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย... สำหรับเขาแล้ว... มันคือวันแห่งชะตากรรม...วันที่ขมขื่นที่สุดในชีวิตของเขา...วันที่เขาสูญเสียทุกๆอย่างไปจนหมด...ทั้งคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็...มิริน...ทุกคนได้จากเขาไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว...ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่เป็นของเขาพังทลายไปจนหมดนับแต่วันนั้น...

    ...จะเหลือก็เพียงแต่สร้อยเส้นนี้... เพียงสร้อยเส้นเดียวที่คุณแม่มอบให้เขาก่อนที่ท่านจะจากไปเท่านั้น...

     

    รู้สึกได้ถึงความรู้สึกร้อนผาวที่ขอบตา มือเรียวค่อยๆเอื้อมไปสัมผัสจี้สร้อยคอรูปหยดน้ำสีฟ้าสวยก่อนจะค่อยๆลูบไล้มันอย่างเบามือ พยายามสะกดความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ทำไม...มันถึงได้สะกดยากนักนะ...

     

    จากการสัมผัสลูบไล้เพียงเบาๆ บัดนี้ร่างบางกลับกำมันเอาไว้แน่น ค่อยๆก้มหน้าลงช้าๆพลางพยายามสะสดกลั้นความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่เต็มอกจนแทบจะหายใจไม่ออกนี้เอาไว้ลึกๆในหัวใจ... ฝังมันกลับลงไปที่เดิม... ที่ก้นบึ้งของหัวใจ...

    .

    .

    .

    มิเรนนน~!!!” เสียงตะโกนเรียกชื่ออย่างเคยชินของหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งฉุดร่างบางขึ้นจากภวังค์ มิเรนเงยหน้าขึ้นช้าๆพลางเหลือบไปมองหาเจ้าของเสียง ร่างของหญิงสาวแปลกหน้าคนหนี่งกำลังวิ่งตรงมาหาเขา แต่เมื่อสังเกตให้ดีแล้ว เจ้าของเสียงนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เมจิ ลูกพี่ลูกน้องและญาติคนเดียวที่เขาเหลืออยู่

     

    จู่ๆร่างที่วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงนั้นก็เล่นโถมใส่เขาซะเต็มสตรีม ส่งผลให้ร่างบางล้มลงไปกองอยู่บนพื้นโดยมีร่างของเมจิคร่อมอยู่ด้านบน

    “อา...มี้จังจริงๆด้วย”  หญิงสาวว่าด้วยน้ำเสียงร่าเริงพลางยื่นใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มลงมาใกล้ๆ

    “.....”

    “ยังน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยน้า~

    “...อ...เอ่อ...”

    “ฮิๆๆ ไม่ได้เจอกันนานโตขึ้นเป็นกองเลยนะ พี่คิดถึงเราแทบแย่เลยหละ รู้มั้ย?”

    “เอ่อ... ค...คือว่า...”

    “...อะไรเหรอจ้ะ?” ร่างโปร่งค่อยๆโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนเหลือระยะห่างกันเพียงไม่กี่เซ็น ลมหายใจรดต้นคออุ่นๆของอีกฝากส่งผลให้วงหน้าหวานขึ้นสีจางๆ ก่อนจะกลั้นใจเอ่ยคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก

    “ช...ช่วยลุกออกไปหน่อยครับ ผ...ผม...อึดอัด..”

    “หืม?? เมื่อกี้มี้จังพูดว่าอะไรน้า~ พี่ไม่ได้ยินเลย?” หญิงสาวก้มลงกระซิบข้างใบหูเบาๆอย่างจงใจ หวังเรียกให้ร่างบางกลับมาวีนใส่เธอเหมือนเมื่อก่อน และมันก็เป็นไปตามคาด...

    “ช...ช่วยลุกออกไปด้วยครับ ผมอึดอัดจะตายอยู่แล้ว!” ร่างบางว่าพลางพยามยามดันร่างของเมจิออกเบาๆ วงหน้าหวานแดงก่ำอย่างชัดเจน เรียกเสียหัวเราะจางร่างที่คร่อมอยู่ด้านบนเบาๆ ก่อนจะยอมผละออกจากร่างบางโดยเปลี่ยนอิริยาบถมานั่งข้างๆแทน

    “ฮะๆๆ มี้จังยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยเนอะ ฮะๆๆๆ รู้มั้ย พี่กังวลมากเลยนะ กลัวว่ามิเรนจะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว... พี่อยากให้มี้จังยิ้มบ่อยๆ รู้มั้ย?”

    “....”

    “...แล้วพี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ ไหนบอกว่าติดสอบไม่ใช่เหรอ?”

    “เอ่อ...พอดีว่าเพื่อนในห้องพี่เขามาเยี่ยมคุณลุงที่ทำงานอยู่ในสุสานน่ะ เพื่อนในห้องไม่มีใครกล้ามาสักคน เอาแต่อ้างว่ากลัวผีๆ พี่ก็เลยต้องมาเป็นเพื่อนเขาน่ะจ้ะ” หญิงสาวว่าพลางชี้นิ้วไปยังสุสานที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ร่างบางพยักหน้าช้าๆ ก่อนหญิงสาวจะค่อยๆเอ่ยต่อ

    “อืม... แล้วมิเรนไม่ไปเยี่ยมคุณแม่หน่อยหรอ?”

    “...” คำถามของเมจิทำให้เด็กหนุ่มเงียบไป

    “ เอ่อ... พี่ขอโทษทีด้วยน้า ถ้ามิเรนไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ช่างมันเถอะ...ว่าแต่มี้จังทานอะไรรึยังจ้ะ?” เมจิพยายามปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มเช่นเดิม เธอเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อจะได้ไม่ทำให้ร่างบางต้องรู้สึกเสียใจไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าร่างที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้จะรู้ทันเสียก่อน...

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ... ถึงผมจะไป มันก็คงไม่มีประโยชน์...” ...ใช่แล้ว ถึงเขาจะไป อะไรๆมันก็ไม่กลับมาหาเขาเหมือนเดิมอีกแล้ว...

     

    มือเรียวของหญิงสาวยกขึ้นช้าๆพลางลูบไล้เลื่อนผมบางอย่างปลอบโยน

    “พี่เองก็ไม่รู้หรอกนะ ว่ามิเรนเจออะไรมาบ้าง... แต่ว่า...ถ้าไม่ไปเยี่ยมละก็ระวังคุณแม่ท่านจะเสียใจเอานะ...”

    “....”

    เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆจากร่างบาง หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของเธอก่อนจะว่าต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

    “อ่า...สายซะแล้ว...พี่คงต้องไปแล้วหละ ไว้เจอกันวันหลังแล้วกันนะจ้ะ มี้จัง” หญิงสาวยิ้มอย่าร่าเริง มือเรียวขยี้เลือนผมบางเบาๆอย่างเคยชิน ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นแล้ววิ่งไปอย่างรวดเร็ว

     

    ...ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมอีกครั้ง ร่างบางเอื้อมมือไปสัมผัสเข้ากับดอกลิลลี่ด้านหน้าอย่างนุ่มนวล...

    ...ลิลลี่...ดอกไม้ที่แม่ของเขาบอกว่าชอบนักหนา...

    ถ้าไม่ไปเยี่ยมละก็ระวังคุณแม่ท่านจะเสียใจเอานะ...คำพูดของเมจิยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา

    ...ถ้าไปไม่...จะเสียใจจริงๆงั้นเหรอ?...

    มือบางค่อยๆเด็ดก้านของลิลลี่ออกเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งตามเมจิไปพร้อมกับลิลลี่ในมือ

     

    “แฮก...แฮก...แฮก...” มิเรนวิ่งตามอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ดูเหมือนลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้จะวิ่งเร็วกว่านักกีฬาทีมชาติเสียอีก ร่างบางชะลอฝีเท้าลงเมื่อนัยน์ตาคู่สวยประทะเข้ากับป้ายทางเข้าสุสาน หยุดคิดทบทวนอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจก้าวต่อไปอย่างไม่รีรอ

     

    มิเรนวิ่งตามทางเดินแคบๆต่อมาเรื่อยๆ ก่อนจะสะดุดเข้ากับแผ่นหินอ่อนสีงาช้างราคาแพง ตัวอักษรถูกสลักไว้ด้วยทองคำแท้บริสุทธิ์ แม้แต่ขอบหินเองก็ยังถูกแต้มเอาไว้ด้วยทองคำ มองดูเผินๆแล้วคงเป็นของมหาเศรษฐีอย่างแน่นอน ร่างบางค่อยๆเพ่งอ่านอักษรที่ถูกสลักเอาไว้อย่างสนใจ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อชื่อของคนๆนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน

    ...อายากาเนะ ยูคิกะ...

    ชื่อคุณแม่ของเขา! ถึงจะรู้มาว่าเถ้ากระดูกแม่ของเขาถูกฝังไว้ที่นี่ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะถูกตกแต่งไว้สวยงามขนาดนี้ ตระกูลของเขามีฐานะกลางๆ ไม่ได้รวยมากอะไรขนาดที่จะใช้เงินจำนวนมากขนาดนี้เพียงเพื่อมาตกแต่งสุสาน ... ไม่นึกเลยว่าจะเป็นชื่อแม่ของเขา...

    ร่างบางย่อตัวลงช้าๆ ก่อนจะค่อยๆวางลิลลี่ในมือลงหน้าแผ่นหินอ่อนสีงาช้างอย่างแผ่วเบา

    ...ถึงแม้ว่าตอนนี้คุณแม่จะไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว...

    ...ถึงแม้ว่าท่านอาจไม่มีโอกาสได้เอ่ยคำพูด หรือตักเตือนใดๆแล้ว...

    ...ได้เมื่อมาที่นี่จริงๆ...ก็รู้สึกอบอุ่นไม่ต่างจากได้อยู่กับท่านเลย...

    มิเรนยันกายขึ้นช้าๆ ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุดเข้าอีกครั้งกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นตาเอามากๆ

    ร่างในชุดสีดำสนิทพร้อมกับช่อทิวลิปสีขาวสะอาดในมือที่ถูกจัดตกแต่งอย่างประณีต กระโปรงสีดำยาวที่ถูกทำขึ้นจากผ้าฝ้ายเนื้อดีดูไม่สะดุดตามากนัก หมวกดำถูกเย็บติดเข้ากับผ้าระบายจีบสีขาวบริสุทธิ์และตกแต่งเพิ่มด้วยกุหลาบผ้าที่มีสีเดียวกัน เลือนผมยาวสีม่วงเข้มพลิ้วไหวไปตามกระแสลม นัยน์ตาสีเขียวมรกตยังคงจับจ้องไปยังแผ่นหินที่ถูกสลักตกแต่งไว้อย่างหรูหรา ...แม้ชุดที่สวมใส่อาจไม่สะดุดตาผู้คนนัก แต่เธอกลับดูสง่าและงดงามเสียยิ่งกว่าชุดซะอีก ราวกับเศรษฐีหรือขุนนางถูกฝึกมารยาทมาอย่างดี...

    หญิงสาวค่อยๆก้มลง ก่อนจะบรรจงวางช่อทิวลิปไว้บนแผ่นหิน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความโศกเศร้า...

     

    ดูเหมือนว่ามิเรนจะจับจ้องร่างที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้มากจนเกินไปจนผู้ถูกจ้องรู้สึกตัวเสียก่อน ร่างบางสะดุดโหยงเมื่อสบเข้ากับแววตาคมกริบของร่างคุ้นตาอย่างไม่ตั้งใจ จับจ้องอยู่พักหนึ่งหญิงสาวจึงค่อยๆเบนสายจากร่างบางกลับมาที่แผ่นหิน หญิงสาวเอ่ยคำพูดบางอย่างซึ่งเขาเองก็จับใจความไม่ได้เนื่องจากมีระยะห่างกันเกินไป ก่อนเธอจะหมุนตัวแล้วเดินจากไปช้า...

    “ใครกันนะ...?” ร่างบางเอ่ยขึ้นเบาๆพลางจ้องมองหญิงสาวกำลังเดินจากไปไกลเรื่อยๆ...

     

    ...ทำไมกันนะ...ทำไม่เขาถึงได้รู้สึกคุ้นตาร่างนั้นขนาดนี้...ราวกับว่า...เธอกับเขาเคยพบเจอกันมาก่อน...

    TBC

    เฮ้อ..กว่าจะแต่แต่งออกมาได้เล่นเอาซะน้ำตาแทบจะไหลเป็นสายเลือด TT^TT ใช้ความพยายามเอามากๆค่ะ แถมยังติดสอบปลายภาคด้วย แงๆๆTTTT^TTTT(ร้องไห้ฟูมฟาย) ถ้าสนใจเราจะพยายามมาอัพบ่อยเท่าที่จะทำได้นะคะ

     

    ปล.ท่านใดสนใจกรุณาเม้นเป็นกำลังใจด้วยนะค้า~^ ^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×