ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Doraemon Nobita No Biohazard ภาค Muda Ni Kaizouban

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 1 : ผู้ขี้ขลาดคือผู้กล้าหาญ

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 61


    ตอนที่

    Nobita Nobi :

    วันที่ 28 กรกฎาคม 2004

    ...เป็นช่วงเวลาที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สนุกที่สุดในชีวิต...ร่วมกับเพื่อน ๆ ที่รู้ใจทั้งหมดที่เกาะแห่งนั้น...

    ...แต่...

    ...ความคิดทั้งหมดนั้น...เป็นฝันร้าย เพราะเรื่องราวทั้งหมดกำลังจะเกิดขึ้น...

    (จากมังงะ NobiHaza หน้าที่ 1)

    ----------------------------

     

    การท่องเที่ยวบนเกาะโดดเดี่ยวที่ห่างไกลเป็นเวลาสามวันสองคืนของพวกเราได้จบลง...

    ทันทีที่ก้าวออกมาจากประตูไปที่ไหนก็ได้ของโดราเอม่อน ผมก็บิดขี้เกียจพลางมองพวกเพื่อนที่ค่อย ๆ ออกมาจากประตูทีละคนสองคน ตบท้ายด้วยเจ้าหุ่นยนต์แมว (อย่าเรียกเขาว่าแรคคูนเชียวไม่อย่างนั้นบ้านบึ้มแน่) สีฟ้าเพื่อนซี้ของผม โดราเอมอน

    “โว้ว สนุกเป็นบ้าเลย!!” นั่นน่ะคือ ไจแอนด์หรือชื่อจริงคือ โกดะ ทาเคชิ เด็กอ้วนซ่าบ้าพลังประจำกลุ่ม แต่ใครจะรู้ว่าเขาเนี่ยแหล่ะที่พึ่งพาได้ (ถึงจะบางสถานการณ์ก็เถอะนะ)

    “นะ...นั่นสินะแอนด์” เจ้าปากแหลมนั่นคือ โฮเนะกาว่า ซึเนโอะ ก็เพื่อนร่วมแก๊งซ์อีกเหมือนกันแหละ บ้านรวย เรื่องป๊อดเป็นที่หนึ่งไม่แปลกใจเลยทำไมถึงเป็นมือขวาของไจแอนด์ (โดนแกล้งบ่อยเลยรู้)

    “เราว่า พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันอีกรอบเถอะนะ” เด็กหญิงคนเดียวประจำกลุ่มว่า เธอชื่อ มินาโมโตะ ชิสุกะ เป็นผู้หญิงอ่อนหวานที่อนาคตผมก็อยากจะขอเธอแต่งงานด้วยน่ะนะ

    “งั้นพวกเรากลับไปอีกรอบกันเลยไหม? โดราเอม่อน?” สุดท้ายก็ผมเอง หนุ่มแว่นสุดหล่อ (จ้า //ไรต์) ไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่ของแบบนี้พ่อแม่ให้มาไม่อยากจะอวด โดราเอม่อนส่ายหน้า

    “ฉันว่าอย่าดีกว่านะ โนบิตะ ตอนนี้ทุกคนก็เหนื่อยกันแล้วไว้คราวหน้านะ” เจ้าหุ่นยนต์แมวสีฟ้าบอกผมพลางเก็บประตูไปที่ไหนก็ได้ลงกระเป๋าสี่มิติหน้าท้องของตัวเอง

    “หาว...นั่นสินะ” ผมว่าพร้อมเห็นด้วย

    “เอางั้นได้ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ” ไจแอนด์ว่า ขณะเดินตามหลังอีกสองคนลงไปชั้นล่าง

    “อืม บ๊ายบาย แล้วเจอกัน” ผมและโดราเอม่อนว่า พลางโบกมือลาทั้งสามคน โดราเอม่อนหันมาทางผม

    ---

    Suneo Honekawa : ผู้ขี้ขลาด คือ ผู้กล้าหาญ

    หลังออกจากห้องของโนบิตะ อย่างแรกที่พวกเราอยากทำคือ ไปทักทายคุณแม่ของโนบิตะในห้องครัว

    แต่เสียงครวญครางแปลก ๆ และเสียงฉีกเนื้อในห้องครัว ทำให้พวกเราต้องคิดกันใหม่ และตกลงว่าจะไม่ไปรบกวนตอนหล่อนกำลังประกอบอาหารอยู่

    ทว่าผมกลับรู้สึกขนลุกขึ้นมาแปลก ๆ

    “หืม ทำไมบรรยากาศในเมืองมันแปลก ๆ กันนะ?” ผมพูดขึ้นนั่นทำให้ไจแอนด์กับชิสุกะจังกวาดตามองไปรอบ ๆ จะว่าไปมันเงียบเกินไปนะ เหมือนกับมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเลย

    “อ๊า! ทุกคนดูนั่นสิ” ชิสุกะจังพูดขึ้น เธอชี้ไปยังถนนซึ่งเต็มไปด้วยเพลิงไหม้ ราวกับมีอุบัติเหตุชุดใหญ่จนพนักงานดับเพลิงขี้เกียจทำงานไปเลย

    “อะไรน่ะ เกิดไฟไหม้งั้นเหรอ!!” ไจแอนท์พูดขึ้นมาหลังจากที่เห็นเพลิงไหม้และควันไฟตามท้องถนน อาคาร ต่างๆบริเวณที่อยู่ห่างออกไปไกลจากพวกเรา

    “เฮ้ แอนท์ ทางที่อยู่ตรงนั้นมันเป็นบ้านนายไม่ใช่เหรอ” ผมเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ

    “อย่าปากเสียนะเว้ย เจ้าผม!!” โดนตวาดอีกแล้วครับท่าน เหอะ ๆ

    “พะ...พวกเธอ...ตรงนั้นมีคนด้วยล่ะ” ชิสุกะชี้ไปยังกลางสี่แยก คน ๆ หนึ่งกำลังก้มลงทำอะไรสักอย่าง ผมมองไม่เห็นว่าเขากำลังทำอะไร แต่รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาอีกแล้ว

    “ไปดูกันเถอะ ถึงอยู่ตรงนี้เฉย ๆ ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น” ไจแอนท์ว่า ขณะเดินนำพวกเราเราไป

    "เฮ้ย! นายทำอะไรอยู่น่ะ" ไจแอนท์ตะโกนถาม แต่ไร้ปฏิกิริยาใด ๆ จากคนตรงหน้าแม้แต่น้อย

    “ฉันรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้จ้ะ แต่ดูเหมือนพวกเขาอาจจะต้องการความช่วยเหลือนะ” ชิสุกะจังเสริม

    "เฮ้ย!! เป็นอะไรไหม มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่น่ะ" ไจแอนท์พยายามถามคนๆนั้น ซ้ำ ขณะที่เขากำลังนั่งทำอะไรบางอย่างกับคนข้างล่างอยู่

    "จะ ไจแอนท์ บางทีเขาอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้นะ" ผมพูดขึ้นมา

    "เป็นอะไรหรือเปล่าคะ คุณดูไม่ค่อยดีเลย" ชิสุกะถามคนๆนั้นต่อ เขาลุกขึ้นยืน อาจจะมีเซเล็กน้อย และหันมาทางที่พวกเรายืนอยู่

    “กรี๊ด!” ชิสุกะจังกรี๊ดร้องกับภาพสยดสยองเบื้องหน้าพร้อมกับถอยหลังออกไป

    "ฮะ..เฮ้ย!!! แก...แก.. เป็นตัวอะไรกันแน่วะ!!"

    "จะ... ไจแอนท์!!!" ผมเองก็ตกใจกลัวไม่ต่างกัน เผลอ ๆ อาจจะมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ

    มันค่อย ๆ เดินเข้ามาหาพวกเรา

    จากการเดินที่ซวนเซจะล้มแหล่ มิล้มแหล่ มันค่อนข้างช้าพอตัว ดังนั้นเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะหนีไปซะตอนนี้หากไม่มัวตกตะลึงกับศพเด็กผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงนั้นน่ะนะ

    และมันก็ทำให้พวกเราแยกจากกัน

    "คะ คนนี้ เขา..เป็นอะไรไปแล้วเนี่ย" ชิสุกะร้องด้วยความสงสัยยิ่ง

    “พวกนายรีบกลับไปที่บ้านของโนบิตะเร็ว! เรื่องนี้มันเกินกำลังของพวกเราจริง ๆ!” ไจแอนท์ตะโกนมาจากแยกอีกฝั่ง

    “ไม่ได้! เราเดินกันมาไกลจากบ้านของโนบิตะมากแล้วนะ แล้วก็...” เธอมองไปทางซอมบี้เบื้องหน้า ดูเหมือนว่ามันจ้องจะเล่นงานเธอคนเดียว แย่แล้วสิ ผมไม่อยากให้เด็กผู้หญิงเป็นอะไรไป ในขณะเดียวกัน ผมก็กลัวด้วย

    “ฉันก็เริ่มเป็นห่วงปะป๊ากับหม่าม๊าเหมือนกันนะ” ผมเอ่ยขึ้น

    “เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลังก็ได้ แต่เรื่องนี้สำคัญกว่า ถ้าหากเจอโดราเอม่อนล่ะก็ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย!!”

    “ทั้งสองคนหลบเร็ว!!” ในตอนนั้นเอง ชิสุกะจังตะโกนมาขัด เพราะมีรถบรรทุกที่ไม่ลดความเร็วลงเลย มุ่งตรงมาทางนี้

    ตูม!

    เสียงระเบิดกัมปนาทดังขึ้น เมื่อรถบรรทุกพุ่งชนกับรถอีก 2 คันเบื้องหน้าพวกเราจึงทำให้เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตรง 4 แยกที่พวกเรายืนอยู่จนทำให้ไม่สามารถไปหากันได้

    "บ้าเอ้ย!! ไฟไหม้ขนาดนี้ก็เดินไปหากันไม่ได้น่ะเซ่!!" ไจแอนท์ตะโกนออกมาจากอีกฝั่งของถนน

    "ไจแอนท์ ขืนอยู่ตรงนี้นานล่ะก็อันตรายแน่ หาทางไปเจอกันที่อื่นเถอะ..." ผมเสนอ แม้เปลวไฟจะบดบังไปหน้าของทั้งสองเอาไว้ แต่อย่างน้อยจากการสนทนาเมื่อครู่ผมก็ยังดีใจ ที่พวกเขารอด

    "โรงเรียนอยู่ใกล้ที่นี่มากที่สุด ฉันคิดว่าพวกเราน่าจะไปรวมตัวกันที่นั่นดีกว่านะ" ชิสุกะว่า

    “งั้นพวกเราต้องแยกกันตรงนี้! ไปเจอกันที่หน้าโรงเรียน หากโชคดีเจอโนบิตะกับโดราเอม่อนให้บอกพวกเขามาตามที่นัดไว้นะ!” แล้วพวกเราก็แยกกันตรงนี้ ผมเดินมายังเส้นทางด้านหลัง

    "ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้...หม่าม้า  ปะป๊าจะเป็นอะไรหรือเปล่านะ"

    "ยังไงก็แล้วแต่..ตอนนี้คงต้องไปรวมตัวกับทุกคนที่โรงเรียนก่อนสินะ"

    พูดกับตัวเองเช่นนั้นเสร็จแล้งจึงเดินไปตามเส้นทางถนนต่อไป จนกระทั่งถึงทางแยกของถนนซึ่งที่นั่น... 

    กรวบ!

    อ๊า! เสียงเคี้ยวอันคุ้นเคย มาพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าผสมกับกลิ่มสารเคมีแปลก ๆ สุดฉุนจมูก ข้าง ๆ กองขยะนั้นมีสุนัขซอมบี้! ดักรอผมอยู่หัวมุมถนน ซึ่งทันทีที่ผมเดินผม มันก็หันใบหน้าที่มีแต่เศษชิ้นเนื้อเน่าตามมาไล่งับผมทันที

    ผมจึงรีบวิ่งหนีเข้าไปยังอาคารที่อยู่เบื้องหน้าผมทันที

    เมื่อเข้ามาข้างในก็พบว่าร้านค้าที่ผมเผลอเข้ามานั้นมีปืนและกล่องบางอย่างที่คาดว่าเป็นกระสุนปืนตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด ท่าทางต้องเป็นร้านขายปืนแน่... และที่แห่งนั้น

    "หยุดอยู่ตรงนั้น!! อย่าเข้ามาใกล้นะ!!"

    ตรงเคาน์เตอร์ส่วนในมีชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของร้านคนหนึ่งถือปืนจ่อรอลั่นไกใส่ผมอยู่

    "วะ เหวอ....!! ชะ ช่วยด้วยครับ ได้โปรด!!!" ผมร้องอย่างตกใจ ไม่เคยโดนปืนจริงจ่อขนาดนี้มาก่อนนี่นะ

    "อะไรเนี่ย...ไม่ใช่เจ้าพวกนั้นสินะ.." ชายเจ้าของร้านว่า เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เจ้าพวกนั้น เขาจึงลดปืนลงพร้อมกับเดินเข้ามาหาผม

    "นี่ไอ้หนู คราวหลังอย่าโผล่พรวดพราดมาทางประตูแบบนั้นอีกล่ะ เดี๋ยวฉันเผลอยิงเข้าให้หรอก" คุณเจ้าของร้านต่อว่า

    "ขะ ขอโทษนะครับ" ผมเอ่ยขอโทษตามมารยาท 

    “ให้ตาย โลกนี่มันบ้าไปหมดแล้ว อยู่ดี ๆ ก็มีคนท่าทางแปลก ๆ เข้ามาในเมืองไล่ทำร้ายคนไปทั่ว จากนั้นก็มีข่าวบ้า ๆ ที่ว่าคนลุกขึ้นมาไล่กัดชาวบ้าน ครอบครัวของฉันตายไปหมดแล้ว...กลายไปเป็นพวกมันหมดแล้ว...” ฟังจากน้ำเสียง เขาคงจะหมดอาลัยตายอยากมานานแล้ว

    ผมได้แต่ฟังที่คุณเจ้าของร้านเล่าอย่างเงียบ ๆ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ คุณเจ้าของร้านรู้สึกเอะใจในท่าทีของผมเล็กน้อย จึงออกปากถาม

    "นี่ เธอน่ะไม่รู้เรื่องอะไรเลยงั้นเหรอ" ผมส่ายหน้า

    "ผมไม่รู้มาก่อนเลย...พวกผมกับเพื่อนทุกคนพึ่งกลับมาจากการท่องเทียวน่ะครับ” ผมตอบเจ้าของร้านด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบายใจเท่าไหร่นัก

    "เอ้า..เรื่องนั้นน่ะ ช่างมันก่อนเถอะ... เอางี้ละกัน เธอลองเลือกปืนที่เธอชอบจากที่นี่ไปใช้ดูสิ"

    คำพูดของเจ้าของร้านทำให้ตาเบิกโพลง

    "เอ๋....ปืนที่ชอบ?" นี่ผมฝันอยู่ใช่ไหม? ใครที่ไหนเขาจะกล้าเอาปืนไปยิงคนกัน

    "ที่ร้านฉันมีปืนให้เธอเลือกเยอะแยะเลยล่ะนะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ในสถานการณ์แบบนี้ฉันไม่คิดเงินหรอก เธอชอบอันไหนล่ะ.."

    เจ้าของร้านคะยั้นคะยอให้ผมเลือกอาวุธที่ถนัดหรือชอบไปใช้ 

    "ตะ..แต่ว่า...ของแบบนั้นมัน.."

    ผมยังคงรู้สึกกังวลที่ว่า ปืนที่ร้านนี้มันไม่ใช่ปืนของเล่นที่เคยใช้เล่นกัน แต่มันเป็นปืนของจริง ที่ใช้ยิงเป้าหมายที่มีอานุภาพในการสังหารผู้อื่น!!

    "ก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าข้างนอกนั่นมีแต่พวกตัวประหลาดที่จ้องจะมาเล่นงานเราทั้งนั้น อย่างน้อยก็มีอาวุธแรงๆไว้จัดการพวกนั้นดีกว่าน่า"

    หลังจากที่เขาพูดจบ เจ้าของร้านจึงปล่อยให้ผมเดินเลือกสิ่งที่เขาอยากได้ ทว่าผมกลับเอาแต่ยืนบื้ออยู่อย่างนี้ ทำให้เขาเกิดโมโหขึ้นมา

    "เฮ้ย...จะยืนตรงนี้อีกนานไหม!! เจ้าพวกนั้นอาจจะพังประตูเข้ามาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รีบจับอาวุธเตรียมพร้อมฆ่าพวกมันได้แล้ว!!"

    "ระ เรื่องแบบนั้น...ผะ..ผม ไม่ไหวหรอก!! จะให้ผมทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง" ยังคงรับไม่ได้ถ้าหากต้องจับปืนจริงเพื่อฆ่าอะไรสักอย่างที่ผมคุ้นเคยหรือรู้จัก สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกของเราตอนนี้มันไม่ใช่เกมอีกต่อไปแล้ว...แต่มันคือสถานการณ์จริง ในโลกจริงใบนี้

    "ไม่ไหวงั้นเหรอ พูดออกมาได้ไงกัน เจ้าหมาบ้าข้างนอกนั่นมันเกือบจะฆ่าเธอแล้วนะ ขืนไม่ฆ่ามันก่อนมีหวังมันได้ฆ่าเราได้แน่ ฉันเห็นมากับตาเลยว่าหมาพวกนั้นมันรุมทึ้งผู้ชายตัวโตข้างนอกนั่นได้ด้วย!!"

    “สถานการณ์ในตอนนี้น่ะ พวกตำรวจหรือหน่วยกู้ภัยก็มาช่วยพวกเราไม่ได้แล้ว ไม่มีใครปกป้องพวกเราอีกแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือหาทางปกป้องตัวเองเท่านั้นนะ" 

    เมื่อได้รับความกดดันหนักๆเข้า แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะพูดออกมาว่า...

    "ไม่ได้หรอกครับ....เรื่องโหดร้ายแบบนี้ผมทำไม่ได้หรอกครับ"

    ทันทีที่เจ้าของร้านขายปืนได้ยินคำตอบของผม เขาก็ก้มหน้าลงอย่างเงียบๆพร้อมพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า

    "ถ้างั้นก็....ออกไปซะ"

    "เอ๋!?"

    "ถ้าไม่คิดที่จะช่วยเหลือตัวเองก็ไปตายซะ ไปเป็นเหยื่อเจ้าพวกหมาบ้าข้างนอกนั่นน่ะแหละ"

    "ตะ แต่ว่า.." 

    จากนั้นเจ้าของร้านก็ตวาดออกมาเป็นชุด 

    "ไอ้คนขี้ขลาดที่มัวแต่งอมืองอเท้ารอให้คนอื่นมาช่วยโดยไม่คิดที่จะพยายามช่วยตัวเองเพราะมัวแต่กลัวเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นน่ะ! ฉันไม่ต้องการหรอกนะไอ้หนู!!!!...ถ้าไม่คิดจะสู้ ก็ออกไปจากร้านฉันซะ..!!!"

    "ถ้าไม่ยอมออกไปล่ะก็.."

    "วะ เหวอ!!!!!!!  ออกแล้วคร้าบ  จะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะคร้าบ!!!!"

    เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าของร้านขายปืนจึงชี้นิ้วไปทางด้านหลังพร้อมกับบอกว่า ทางที่เข้ามาคงไม่ปลอดภัย ให้ใช้ประตูหลังร้านของเขาออกไปจะดีกว่า  หลังจากนั้นผมจึงก้มหน้าคอตกพร้อมกับที่จะเดินออกไป 

    ถึงแม้เขาจะเจ็บใจที่ถูกคนเบื้องหน้าต่อว่า แต่มันก็เป็นความจริงที่เขาเป็นคนขี้ขลาด เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเถียงได้เลยแม้แต่น้อย

    "ออกไปได้แล้ว..."

    เจ้าของร้านยังคงออกคำสั่งอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ลดปืนลงแล้ว

    "ขะ เข้าใจแล้วฮะ" 

    ผมเดินผ่านเจ้าของร้านไปยังประตูหลังร้าน เขาแอบสังเกตเห็นว่าเจ้าของร้านเองก็มีท่าทีผิดหวังไม่น้อยในตัวเขา...เขาเองก็ไม่อยากจะให้มันเป็นแบบนี้ แต่มันจะทำไงได้ ก็เขามัน ขี้ขลาดนี่นา... คนขี้ขลาดแบบเขาจะไปมีความกล้าหาญขึ้นมาได้ยังไง?

    และในตอนนั้นเองที่มีเสียงกระแทกดังเข้ามาทางประตูด้านหน้าของร้านปึงปังอย่างต่อเนื่องทำให้ผมหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น

    "ปะ ประตูมัน..."

    เจ้าของร้านมองเห็นประตูหน้าร้านนั้นเหมือนถูกอะไรบางอย่างกระแทกอย่างต่อเนื่องจนเป็นรอยร้าว เจ้าของร้านจึงเดินเข้าไปดันประตูไว้ไม่ให้เจ้าสิ่งข้างนอกพังเข้ามาได้

    เจ้าของร้านนั้นยังคงดันประตูไปและพบว่าแรงที่กำลังพังเข้ามานั้นมีจำนวนมหาศาลมาก เขาจึงพยายามหาตัวช่วยและพบว่าผมยังไม่ออกไปจากร้าน 

    "เฮ้ย ลืมเรื่องที่จะหนีออกไปก่อน ไอ้หนู รีบกลับมาช่วยกันก่อน..." 

    ผมที่เห็นเหตุการณ์นั้นยังคงตัวแข็งอยู่กับที่ ความกลัวที่ครอบงำเขาทำให้เขาก้าวขาไม่ออก แต่เขาก็พยายามเดินออกมาจนถึงมุมโต๊ะ และตอนที่อยู่ตรงนั้นเขาได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง..

    "ทะ ที่หน้าต่างนั่น!!!" สิ่งที่ผมเห็นคือ เจ้าตัวที่พยายามพังประตูเข้ามานั้นได้เปลี่ยนตำแหน่งไปยังหน้าต่าง ซึ่งก็คือฝูงพวกสุนัขซอมบี้ และในที่สุดพวกมันก็บุกพังกระจกเข้ามาทางหน้าต่างได้สำเร็จ

    "เชี่ยเอ้ย!!"

    เจ้าของร้านที่อยู่แถวประตูตกใจกับพวกฝูงหมาปีศาจ เจ้าของร้านใช้ปืนยิงพวกมันแต่ว่า พวกมันที่อยู่ใกล้กับเขานั้นไวกว่า กระโดดงับมือเจ้าของร้านอย่างรวดเร็วและล้มเจ้าของร้านจนกระแทกกับพื้นในพริบตา

    "ชะ...ช่วยด้วย  อ้าก!!"

    ผมที่ยืนมองเหตุการณ์สุดชวนขย้อนอาหารที่ทานไปเมื่อเช้าออกมา กุมปากตัวกันอาเจียน รีบหนีออกมาตามตรอกหลังร้านจนออกมายังถนนใหญ่ รู้สึกตกใจและหวาดกลัวกับเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

    ไม่เอาแล้ว อยากกลับไปมีชีวิตแบบเดิมแล้ว ปะป๊า หม่าม๊า!

    ผมยืนคร่ำควรอย่างสิ้นหวัง อยู่หลังร้านสักพักก่อนจะรู้สึกบางอย่างหนัก ๆ ในอ้อมแขน ผมก้มลงมองมัน

    ปืนไรเฟิล!!!

    แย่ล่ะสิ  ดันเผลอหยิบติดมือมาด้วย..."  ผมรู้สึกกังวลว่าตัวเองได้ขโมยของของคนตายออกมาแล้ว

    "แล้วเจ้านี่มันใช้ยังไงล่ะเนี่ย?" ผมยังคงสับสนอยู่ว่าจะใช้ปืนยังไง และตอนนั้นเองที่เขานึกถึงเจ้าโนบิตะ ถ้าหากว่าเป็นหมอนั่นคงจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้แน่ๆ

    บนเส้นทางถนนอีกฝั่งนั้นเองผมได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่างกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้!!

    สุนัขซอมบี้! และดูเหมือนว่ามันจ้องจะเล่นงานผมเสียด้วย

    "ยะ อย่าเข้ามานะ!!"

    (ทำยังไงดี ฉันจะใช้ปืนนี้ยังไงดี)

    ผมยังคงคิดหนักแล้วก็ค่อยก้าวถอยหลังช้าๆ ซึ่งทำให้มันค่อยๆเดินก้าวย่างเข้ามาเรื่อยๆแบบช้าๆเช่นกัน..

    (แต่ตอนนี้คงไม่มีทางเลือกแล้ว!! คงต้องลองดูสักตั้ง!!)

    เมื่อตั้งสติได้ เริ่มยกปืนขึ้น เหนี่ยวไกยิงใส่สุนัขซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาทางตรงทันที!!

    ปัง!!! 

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันถูกหยุดลงซะมากกว่า มองร่างของสุนัขซอมบี้ที่ตัวเองเพิ่งจะสังหารไป หนักเอาการ

    ผมได้เดินมาตามเส้นทางถนน และระหว่างทางก็ต้องพบกับสิ่งที่น่ากลัวมากมาก แต่ไม่ใช่พวกคนแปลกๆที่ดูเหมือนเป็นซอมบี้ แต่สิ่งที่พบคือ...

    ฝูงอีกาที่รุมจิกกินซากศพและบินมาเล่นงานผม ซึ่งมีจำนวนมากเกินกว่าที่จะรับมือไหว จึงได้แต่หนีมา

    เส้นทางตามเมืองที่เขาผ่านมานั้นไม่มีซอมบี้เลย แต่กลับมีศพนอนเต็มเกลื่อนถนน อีกทั้งยังมีพวกฝูงหมานรกและอีกาอยู่ตามเส้นทางจำนวนมากด้วย ซึ่งผมหนีพวกมันทันได้อย่างฉิวเฉียด (พร้อมกับแบกปืนไรเฟิลไปด้วย โคตรหนักเลย พบผ่า)

    ผมเดินออกมาตามถนนที่ไปได้เส้นทางเดียวเท่านั้นและในที่สุดผมก็ถึงทางแยกที่ผมคุ้นเคยซึ่งก็คือทางเข้าประตูโรงเรียนนั่นเอง

    "ชิสุกะจังกับไจแอนท์อยู่ที่ไหนกันน้า" ผมยังคงรอต่อไป แล้วก็เผลอคิดในแง่ร้ายออกมา

    "ระ  หรือว่า พวกเขาจะถูก..."

    ในระหว่างที่เขากำลังก้มหน้าอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อของผม

    "ซึเนโอะคุง"

    ชิสุกะนั่นเอง!! ชิสุกะเดินมาพร้อมกับไจแอนท์ที่อีกฝั่งของถนน ดูท่าทางพวกเขาทั้ง 2 คนคงจะปลอดภัยดี ซึ่งการพบเจอกับผมนั้นทำเอาไจแอนท์ประหลาดใจมากเหมือนกัน

    "ซะ...ซึเนโอะ"

    "จะ...ไจแอนท์!"

    ผมตะโกนแหกปากพร้อมกับวิ่งพุ่งเข้ามาหาไจแอนท์ด้วยความดีใจ ยิ่งกว่าได้ของเล่นใหม่ซะอีก

    "โอ้ว! เพื่อนรัก ดีใจจริงๆที่นายปลอดภัย"

    หลังจากที่หมดเวลาดราม่า ผมอดที่จะถามถึงโนบิตะและโดราเอม่อนไม่ได้ หวังว่าทั้งสองคนจะเจอพวกนั้นบ้าง แต่ก็ได้การส่ายหน้าเป็นคำตอบ”

    “เอาน่า พวกนั้นจะต้องไม่เป็นไรแน่นอน เจ้าโนบิตะกับโดราเอม่อนน่าจะปลอดภัยอยู่ที่ไหนสักแห่ง ตอนนี้พวกเราต้องเข้าไปด้านในโรงเรียนก่อน เพราะไม่รู้ว่าหากอยูข้างนอกนี้นาน ๆ จะเกิดอะไรขึ้น”

    ผมนับถือใจแอนท์จริง ๆ

    "ต้องเข้าไปจริงๆสินะ"

    ---

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×