คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : ภาคเดคิซุงิ
Dekisugi Hidetoshi :
ในถนนที่ว่างเปล่า ความเงียบที่ถูกแทรกด้วยเสียงจักจั่นที่ร้องเซ็งแซ่รับปิดเทอมหน้าร้อนของพวกเด็ก
ๆ ได้เป็นอย่างดี แสงแดดอ่อน ๆ
ที่ส่องลงมาจากดวงอาทิตย์ยามช่วงบ่ายหลังโรงเรียนเลิก
ทำให้บรรยากาศรอบข้างนั้นดูอบอุ่นและน่านอนเป็นที่สุด
ริมถนนหน้าโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง ร่างของเด็กหนุ่มผมสีดำขลับ
นัยย์ตาสีน้ำเงินเข้ม สวมเสื้อสีขาวออกฟ้าอ่อนปกสีน้ำเงินเข้ม
หน้าที่จัดว่าดีถึงขั้นหล่อ
ในมือนั้นมีหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดหลายที่เขาจะต้องเอาไปคืน
ขณะที่สองขานั้นกำลังออกวิ่งรีบไปห้องสมุดนั้น สายตาพลันเห็นกลุ่มเด็กหนุ่มสาวที่คุ้นเคยเดินสวนมาทางเขา
"อ้ะ! เดคิสุงิคุงนี่!" เสียงเด็กหนุ่มคนแรกที่เขาคุ้นเคยดี
เด็กหนุ่มผมดำใส่แว่นกลมหน้าที่แทบปิดนัยย์ตาสีเปลือกเกือบจะสนิท
ผมสีดำเหลือบน้ำตาลเข้ม เสื้อสีเหลืองปกขาว ส่งยิ้มสดใสมาให้เขา
เด็กหนุ่มก็ส่งยิ้มตอบ
"ว่าไงเดคิสุงิ!" เด็กหนุ่มร่างยักษ์ทักทาย
"สวัสดีตอนบ่ายจ้าเดคิสุงิคุง" เด็กสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มเอ่ยขึ้น
"เป็นไงบ้างเดคิสุงิ" เด็กหนุ่มปากแหลมพูดขึ้น
"ว่าไงทุกคน จะไปไหนกันเหรอดูคึกคักจัง"
เด็กหนุ่มตอบกลับทุกคนด้วยท่าทางเป็นมิตร
"อ่อ พอดีว่าตอนนี้น่ะพวกเราปิดเทอมกันแล้วน่ะ
เลยว่าจะไปขอร้องโดราเอม่อนพาไปเที่ยวน่ะ" โนบิตะอธิบาย
เด็กหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ โดราเอม่อนที่พวกโนบิตะหมายถึงหุ่นยนต์แมวสีฟ้า
ที่นั่งไทม์แมชชีนมาจากอนาคตเพื่อช่วยโนบิตะ
"อ้อ อย่างงั้นเหรอ ดูน่าสนใจจังเลยน้า" เดคิสุงิว่า อย่างดีใจแทนทุกคนที่จะได้หยุดพักผ่อนหลังจากที่ยุ่งกับการเรียนมาตลอดทั้งเทอมนี้
"ว่าแต่ เดคิสุงิ ทำไมนายไม่มาด้วยกันเลยล่ะ
หยุดปิดเทอมทั้งทีนายน่าจะออกห่างจากหนังสือบ้างนะ"
เด็กหนุ่มร่างยักษ์เอ่ยปากชวน เดคิสุงิคิดหนักเล็กน้อย
"ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่มันออกกะทันหันไปสักหน่อยแฮะ
แถมต้องไปบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่ด้วยสิ...และฉันยังมีหนังสือที่ยังต้องเอาไปคืนก่อนจะหมดวันยืมน่ะนะ
แล้วก็มีงานทดลองบางอย่างที่ฉันก็อยากลองศึกษาอยู่
ฉันน่าจะไปไม่ได้น่ะขอโทษนะทุกคน..." เดคิสุงิตอบปฏิเสธ
ซึ่งทุกคนก็ทำหน้าเข้าใจดี
"อ่อ...อย่างงั้นเหรอ..." โนบิตะทำหน้าอ่อนลงเล็กน้อย
แต่ก็ออกมาให้เขา
"นายนี่สุดยอดเลยนะ เดคิสุงิ ขนาดวันหยุดปิดเทอมยังขยันได้ขนาดนี้
เหนื่อยก็พักบ้างนะเพื่อน" ซูเนโอะเด็กหนุ่มปากแหลมพูด จากใจจริง
ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเพื่อนจริง ๆ จัง ๆ แต่แค่เฉพาะเขาเท่านั้นที่ละเว้นให้ในฐานะเพื่อน
"อืม ขอบคุณ โฮเนคาว่าคุง" เด็กหนุ่มรับคำห่วงใยของเพื่อนไว้
"ยังไงก็อย่าฝืนนะจ๊ะ เดคิสุงิคุง" ชิสุกะ
เด็กสาวเพียงคนเดียวของกลุ่มว่าด้วยความห่วงใย
ซึ่งเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหากเธอจะห่วง
"อืม ขอบคุณนะ มินาโมโตะจัง"
"งั้นพวกเราไปกันเถอะ...แล้วเจอกันนะเดคิสุงิคุง..." โนบิตะว่า
"อื้อ...แล้วเจอกันนะ ขอให้สนุกกับการท่องเที่ยวล่ะ"
เด็กหนุ่มกล่าวทิ้งท้าย ทุกคนต่างบอกลาเดคิสุงิแล้วเดินสวนทางไป
เสียงเจื้อยแจ้วค่อย ๆ หายไปจนเหลือเพียงเสียงลมในอากาศเท่านั้น
"เที่ยวงั้นเหรอ...ดูน่าสนุกจังน้า..."
เด็กหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะส่ายหัวไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว
แล้วรีบวิ่งไปยังโรงเรียนของตัวเองทันที
แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าโรงเรียนเขาก็ชนเข้ากับใครบางคนเข้า...
"เหวอ!/ว้าย!" เด็กหนุ่มร้องผสานเสียงพร้อมกับคน ๆ นั้น
ในขณะที่หนังสือซึ่งเขาเป็นคนถือมานั้นต่างกระจัดกระจายอย่างสวยงามบนพื้นโดยรอบ
ข้าง ๆ นั้นมีร่างของเด็กสาวผมสีดำยาวสวมที่คาดผมสีส้มในชุดนักเรียนล้มลงข้าง ๆ
"อุย...ขะ...ขอโทษนะคะ เป็นอะไรไหมคะ!" น้ำเสียงตื่นตระหนกของเด็กสาว
ทำให้เด็กหนุ่มเหลือบไปมอง เธอก้มตัวขอโทษพร้อมกับก้มช่วยเก็บหนังสือให้เขา เด็กหนุ่มจำเธอได้ดี เธอคือประธานนักเรียนสาวสวยประจำโรงเรียนของเขาเอง
เธอมีชื่อว่า "มิโดริคาว่า เซย์นะ"
"เอ๊ะ...หนังสือ..." เธอเตรียมตัวจะก้มเก็บ แต่เด็กหนุ่มขัดขึ้นทันที
"อ้ะ ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวเก็บเองครับ"
เขาตอบไปตามมารยาทสุภาพบุรุษที่ดี (?) เขามองเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหน้าโรงเรียนของเขา
"เซย์นะ!!! ทำอะไรอยู่น่ะ!! เราต้องรีบไปแล้วนะ!!!"
เด็กสาวคนนั้นตะโกนมายังเซย์นะที่ยังทำอะไรไม่ถูก
"ดะ...เดี๋ยวสิ รอก่อน!" เธอตะโกนกลับ
เด็กหนุ่มเห็นดังนั้นจึงตอบเธอไปว่า
"ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่าให้เพื่อนของคุณต้องรอนานเลยครับ..." เขาว่า
เด็กสาวเหลือบมองก่อนจะขานแล้วรีบตรงไปยังเพื่อนของเธอ
"จะรีบเร่งไปไหนกันยะ!!! เธอก็เห็นไม่ใช่เหรอไง!!!
ว่าฉันเดินไปชนน้องเขาก่อนต้องจัดการอะไรให้เขาก่อนสิ!!!"
"แหมๆ อีเว้นท์เดินชนกันที่หัวมุมประตูโรงเรียนแบบนี้นี่มัน..จะเป็นการปักธง
รักแรกพบในเกมจีบสาวหรือเปล่าน้า...แถมรุ่นน้องคนนั้นก็ยังเป็น คนดังด้วยนี่ คิคิ"
"ดะ...เดี๋ยวก่อน..สิ! อย่ามานอกเรื่องน้า!!"
เด็กสาวทั้งสองเถียงกันไปมา จนกระทั่งเด็กหนุ่มไม่ได้ยินพวกเธอเถียงกันเลย
เด็กหนุ่มก้มหน้าเก็บหนังสือ พลันก่อนที่มือจะทันหยิบหนังหนังสือเล่มสุดท้ายนั้น
ก็ดันมีคนเดินเข้ามาตรงที่ที่เขาทำหนังสือร่วงซะก่อน
"เฮ้ย! ไอ้หนูมาทำหนังสือร่วงขวางทางเดินพวกข้าเกะกะ จริง
ถอยไปถ้าไม่อยากโดนกุเตะ"
ชายอันธพาลที่ข้างกายเขานั้นมีเพื่อนของเขาเขายืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย
"เอ่อ...ขอโทษด้วยนะครับ
ผมจะรีบเก็บหนังสือแล้วจะรีบไปจากตรงนี้ทันทีครับ!" เดคิสุงิกล่าว
ด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ แต่เขารู้ว่าอย่าไปมีเรื่องเลยจะดีกว่า
"กุไม่ได้ต้องการคำขอโทษโว้ย!!!
กุอยากให้เองรีบไสหัวไปจากตรงนี้ให้ไวเลยไง!!"
ชายหนุ่มอันธพาลตะคอกเสียงดังทำเอาเดคิสุงิถึงกับสะดุ้งโหยง
"เฮ่ย ๆ คาตากิริ แกใจเย็นหน่อยดิวะ" ชายหนุ่มอีกคนที่ท่าทางดูสุขุม
ใจเย็นเข้ามาห้ามเพื่อนชายของตัวเอง ผมสีดำที่ยาวระต้นคอพร้อมนัยย์ตาสีนิล
ให้ความรู้สึกยะเยือกเล็กน้อย
"พี่ขอโทษแทนมันด้วยนะ พอดีเพื่อนพี่มันอารมณ์ร้อนไปหน่อย นี่หนังสือของนายใช่ไหม?
เอาไปสิ" ชายหนุ่มหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาแล้วยื่นคืนให้เดคิสุงิ
"อ่า...ขอบคุณครับ" เด็กหนุ่มรีบคว้าทันที
แล้วหลีกทางให้ทั้งสองคนผ่านไป
"โถ่ ชิรามิเนะ...แกจะห้ามกุทำไมอ่า..."
คาตากิริถามทันทีที่เดินผ่านเด็กหนุ่มไป ชิรามิเนะหัวมามองเพื่อนชายด้วยสายตาจิก ๆ
"ขืนกุไม่ห้ามเอง มีหวังแกได้ตีน้องเขาแน่
และเรื่องก็จะเดือดร้อนมาถึงฉันอีก ขี้เกียจเคลียร์ให้ว้อย!"
ชิรามิเนะตอบด้วยเสียงเรียบ ๆ
"ง่า...ขอโตดก้าบ..." คาตากิริทำหน้าหง๋อเหมือนลูกหมา
"ว่าแต่เองเถอะ ถ่อมาถึงโรงเรียนนี่มีอะไรวะ?" ชิรามิเนะถามเพื่อนหนุ่มของตน
อย่างสงสัย เพราะตั้งแต่จากบ้านเจ้าตัวก็ไม่บอกอะไรเขาเลย
"ฉันจะไปดูการแข่งเทนนิสของพวกสาว ๆ น่ะ"
คำตอบนั้นทำให้ชิรามิเนะเงียบหลายวินาที จนคาตากิริต้องทำหน้าบึ้ง
"เออ ๆ กุบอกก็ได้! กูจะไปดูท่านเซย์นะลงแข่งเทนนิสโว้ย"
"หา? ยัยนั่นอ่ะนะ หึ มีอะไรดีกับเขาล่ะ?"
"โห่ แรงนะเอง เดี๋ยวก็โดนพวกแฟนคลับดักตีหรอกมึง"
คาตากิริค้อนเสียงเขียว
"เรื่อง - ของ - กรู" ชิรามิเนะทำสีหน้าไม่กลัวอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น...
และแล้วความเงียบก็มาเยือนอีกครั้ง
สุดท้ายรอบข้างก็เหลือเพียงเด็กหนุ่มนาม เดคิสุงิ ฮิเดโทชิ คนเดียว...
"เฮ้อ..." เขาถอนหายใจก่อนสองเท้าจะรีบวิ่งเข้าโรงเรียน
ไปยังห้องสมุดอย่างรวดเร็ว...
Dekisugi
Talk :
ตลอดทั้งวันนี้มันควรจะเป็นวันที่ดี ทุกอย่างมันควรจะเป็นอย่างที่มันเป็นถ้าหาก
ไม่มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นน่ะนะ
สิ่งที่เกิดหลังจากนั้นเป็นเหมือนดั่งฝันร้าย
เอาล่ะ ผมจะเล่าไปพร้อม ๆ กับที่กำลังหนีซอมบี้ด้วยแล้วกันนะ
อย่างแรก ผมตื่นขึ้นในเช้าของวันถัดมา พร้อมกับพบว่าบ้านของเพื่อนบ้านข้าง ๆ
เกิดไฟไหม้ลามมายังบ้านของผม
คุณพ่อกับคุณแม่ที่ลงไปช่วยดับไฟก็ถูกเพื่อนที่มีท่าทีแปลกไปกัด
ต่อมาพวกท่านก็กลายเป็นพวกมัน
นี่ผมหลุดมาอยู่ในโลกของเกมซอมบี้ในตำนานรึไงนะ โอเค...ยอมรับ...ผมสติแตก
ถึงจะเป็นอัจฉริยะหัวกะทิยังไง
แต่ถ้าเจออะไรแบบปุ๊บปั๊บก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกันนะ
ผมวิ่งหลบหลีกพวกซอมบี้ไปอย่างง่ายดาย มีไฟไหม้เป็นหย่อม
ๆระหว่างทาง แต่ก็ไม่เกะกะทางหนีมานัก
สี่แยกในซอยคับแคบนี่ผมเกลียดที่สุด
แถมสามทางซ้ายขวาหลังก็มีพวกมันดักรอไว้อยู่ คงมีเพียงทางเดียวแหละนะที่จะหนี
เดินหน้าแม่ม!
เมื่อเดินมาได้สักพัก
ผมหันซ้ายหันขวาสองข้างทาง...
ทางซ้ายเป็นทางตัน
ส่วนด้านขวามีลังไม้วางระเกะระกะเต็มไปหมด นี่ไม่คิดจะให้หนีแบบดี ๆ เลยใช่ไหม?
ไอ้คนสร้าง
“เอาวะ
สมองก็มีใช้มันให้เป็นประโยชน์สิ” ผมจัดการเลื่อนกล่องไม้บางกล่องออกจากทางเดิน
อืออา...
ให้ตายมีพวกมันอยู่ข้างหน้านี้ด้วย?
กล่องไม้ใบสุดท้ายถูกเลื่อนเรียบร้อย
ผมยืนทำใจก่อนสักพัก...
“วิ่งสู้ฟัด!!!!” ร่างของผมวิ่งฉิวผ่านพวกซอมบี้ต้อกต๋อยเหล่านั้นไป
บางตัวทีขวางทางผมก็ล็อกหลบพยายามไม่ให้มันถูกต้องตัวผมเป็นอันขาด
วิ่งมาได้สักพัก
ผมก็มาถึงยังหัวมุมหนึ่ง ที่นี่ดูเหมือนเพิ่งจะมีการปะทะกันไป ร่างของชายคนหนึ่งนั่งพิงกับเสาไฟฟ้า
เลือดกรอกปากเต็มใบหน้า และร่างกาย ข้าง ๆ มีซากของสุนัขที่ถูกยิงตาย
ดูแล้วน่าจะเป็นสุนัขซอมบี้แน่นอน
“อึก...” เสียงครางเบา ๆ
ดังมาจากร่างของคนนั้น ผมจึงรีบวิ่งไปดูอาการเผื่อจะสามารถช่วยเขาได้
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า! ทำใจดี ๆ ไว้นะครับ!” ผมพยายามจะเข้าไปช่วยทว่ากลับถูกมือที่ไร้เรี่ยวแรงนั้นปักออกไปอย่างไม่ใยดี
“ทะ...ที่...กำบัง...ต้องรีบสร้าง......มะ...ไม่อย่างงั้น...อ่อก!” เขาพูดอะไรบางอย่างก่อนจะกระอั่กเลือดออกมากองใหญ่
และแน่นิ่งไปทั้งอย่างนั้น
เขาตายแล้ว...
ผมไม่มีเวลามาไว้อาลัยนักหันสำรวจเส้นทางด้านซ้าย
มันเป็นทางเปิดโล่งที่มีลังไม้วางไว้เพียบ
หรือว่าที่กำบังที่ชายคนนั้นพูดถึงจะหมายถึงเจ้าสิ่งนี้กันแน่นะ?
“ยะ...ยังไงก็เถอะต้องรีบหาอะไรมากันแล้ว
เจ้าพวกตัวประหลาดมันเริ่มดันรั้วมาแล้ว!” ไม่ว่าเปล่า
ผมรีบตรงเข้าไปดันกล่องใกล้ประตูรั้วที่สุด ก่อนที่ซอมบี้จะทันพังรั้งเสร็จ
“รอดไปที เอาล่ะ ไปต่อกันเลย”
วิ่งต่อไปอีกผมเจอเข้ากับสวยของบ้านหลังหนึ่งมีพวกมันอยู่เกลื่อนหน้าบ้านเลย
ผมจึงหลบมาจากพวกมันเพื่อไปต่อ
“หืม?”
ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก ผมนี่เป็นตัวดึงปัญหารึเปล่า? เดินไปอีก
เจอกับสองชายหญิงยื่นดูอะไรบางอย่างด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“พ่อคะ!/พ่อครับ!”
ผมมองลอดไหล่ของพวกเขาไปเห็นร่างของคนชราคนหนึ่งอยู่ท่ามกลางกองเพลิงที่ล้อมรอบตัวเขา
โดยที่สองชายหญิง (สองพี่น้องผู้บล็อกทางไปต่อของผม) พยายามจะฝ่าไฟเข้าไปแต่ก็ต้องยอมแพ้
“บ้าชิบ! ไฟแรงเกินไปฝ่าเข้าไปไม่ได้!”
ทำให้ผมต้องคิดหนักอีกครั้งว่าตัวเองจะช่วยอะไรพวกเขาได้ไหม?
ถังดับเพลิง...?
ใช่แล้ว
บ้านที่ผมเพิ่งจะผ่านมาหลังนั้น ผมจำได้ว่าประตูห้องเก็บของมันไม่ได้ล็อก บางทีน่าจะเอาถังดับเพลิงจากที่นั่นมาได้นะ
“อ๊าก!!!”
“พ่อคะ!!” ผู้หญิงหน้าของผมกรีดร้องหนักขึ้น แย่แล้วไฟเริ่มกลืนชายชราไปแล้ว
ผมต้องรีบไม่อย่างนั้นเขาตายแน่!
อืออา...
ซอมบี้สองสามตัวพยายามขวนผมให้ได้
ไม่มีวันซะหรอก ผมเร่งสปีดวิ่งผ่านมันไปเฉย ๆ เลี้ยวสู่สนามของบ้าน
หลบอีกสามตัวแล้วเข้าห้องเก็บของไป
นี่ไงล่ะถังดับเพลิง!
ผมหยิบขึ้นมาอยู่ไม่รอช้า
ไม่ให้เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว
อืออา...
เสียงคุ้นหูดังอยู่ข้าง ๆ
ก่อนจะมีมือใครสักคนพุ่งหลาวเข้ามาหา ผมล็อกหลบแบบดิจิตอล
ทำให้เจ้าสิ่งนั้นเข้าชนฝาหัวแหลกคนกำแพง
“ขอโทษครับขอทางหน่อยครับ!” ผมบอกกับชายหญิงและพุ่งเข้าไปฉีดน้ำยาดับเพลิง ใส่ไฟที่ไหม้ชายชรา
"พะ...พ่อคะ.../พ...พ่อ.."
ลูกทั้งสองของชายคนนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาดูอาการทันที ทำให้ผมหนักใจมาก
"ทะ...ทันไหมนะ?" ผมภาวนาเบา ๆ ขอให้เขารอด
"ยะ...ยังไม่ตา..."
ดูเหมือนว่าชายที่ถูกไฟครอกทั้งตัวจะเปล่งเสียงออกมาได้อยู่ ซึ่งทำให้ลูกทั้งสองของชายชาคนนั้นรู้สึกโล่งอกไปเปราะที่บิดาของตัวเองนั้นยังไม่ตาย
"ขอบคุณที่มาช่วยพ่อฉันนะ
เดี๋ยวจากนี้พวกฉันจะพาพ่อไปส่งโรงพยาบาลเอง..." ผู้ที่เป็นลูกชายกล่าวขอบคุณ
"ไม่เป็นไรแน่นะครับ?
ระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาลจะไม่โดนพวกคนแปลกๆ เล่นงานเหรอ?" ผมยังคงเป็นห่วงพวกเขาอยู่ดีว่าอาจจะถูกพวกซอมบี้ดักซุ่มโจมตีกลางทางหรือเปล่า
"ไม่ต้องห่วงหรอก
เดี๋ยวฉันจะใช้รถยนต์ส่วนตัวที่บ้านไปส่งเอง" หลังจากที่ชายคนนั้นให้เหตุผลเสร็จเขาก็พูดต่อ...
"ว่าแต่เธอน่ะ
รีบหาที่ปลอดภัยดีกว่า
ตอนนี้พวกตำรวจได้ประกาศให้ทุกคนไปหลบในเขตโรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆแล้วนะ!"
"โรงเรียนที่อยู่ใกล้ ๆ...เอ๊ะ! โรงเรียนผมนี่นา"
"เอายังงั้นก็ได้
เดี๋ยวผมจะลองมุ่งหน้าไปที่นั่นดู ขอให้ทั้งสามคนปลอดภัยนะครับ"
"ระวังตัวด้วยนะ..."
บริเวณหน้าโรงเรียนดูเงียบผิดปกติ
มันเงียบมากแทบจะเรียกได้ว่าวังเวงไปเลยก็ว่าได้
“ตะ...แต่อย่างไรก็แล้วแต่
เราไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนี่ ดังนั้นก็เข้าไปซะ” ผมพูดกับตัวเอง
ออกขาก้าวอย่างระมัดระวังหน้าตึกเรียนมีศพของชายสามคนนอนอยู่ด้วยกัน
ดูท่าทางจะตายได้ไม่นานด้วยสิ ข้างในตึกก็มี เพียงแต่น้อยกว่าเฉย ๆ
ผมตรงเข้าห้องพยาบาลหวังว่าจะปลอดภัยแต่ทว่า...
"เหวอ!!" ผมตกใจแทบหงายหลังเมื่อจู่ ๆ ก็หันไปปะกับปากกระบอกปืนพกที่จ่อจัง ๆ
ตรงหน้าของผม
"....อ้าว...นายมัน....รุ่นน้องในตอนนั้นนี่หว่า...”เสียงนี้มัน
รุ่นพี่ที่เจอเมื่อสามวันที่แล้วนี่นา รู้สึกจะชื่อ ชิรามิเนะ
ยังมีชีวิตรอดอยู่สินะโชคดีจัง
"ไม่เป็นอะไรใช่ไหม..."
รุ่นพี่ช่วยพยุงผมขึ้นยืนพร้อมเก็บปืนลงซองปืนตามเดิม
"คะ
ครับ...ไม่เป็นอะไร" ผมว่า
แล้วเราก็ไม่คุยอะไรกันอีกปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศในตอนนี้
"เอ่อ คือว่า..."
ผมตั้งท่าจะเริ่มต้นบทสนทนา
"ถ้าคิดจะถามในเรื่องที่เกิดขึ้นล่ะก็
ฉันคงต้องขอบอกไว้ก่อนว่าฉันเองก็ไม่รู้เหมือน" แต่ดันโดนรุ่นพี่ชิรามิเนะดักได้ซะงั้น
ผมก็เลยเงียบไป
"นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันก็ไม่รู้
พอฉันตื่นขึ้นมาก็พบว่าทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งพี่ชายของฉันก็ถูกพวกคนประหลาดนั่นฆ่าตายหมดแล้ว"
รุ่นพี่เริ่มต้นเล่าเรื่องราวของตัวเองสั้น ๆ ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่าไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่
"งั้นเหรอครับ"
ผมเอ่ยรับน้อย ๆ พลางมองไปยังประตูห้องพยาบาลที่ถูกรุ่นพี่ล็อกไปแล้ว
หวังว่าทุกคนจะยังปลอดภัยดีนะ...
ผมทำได้เพียงแค่ภาวนาเท่านั้น
ความคิดเห็น