คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Special Chapter 1
Special Chapter : Riku Story
Riku Part :
ในคฤหาสน์หลังใหญ่โตของตระกูลคาชิวาระ...
ผมเดินกระทืบเท้าตึงตัง ถึงแม้ว่าพรมเปอร์เซียสุดแพงนั้นจะดูดซับเสียงอันน่าหนวกหูซะจนหมดสิ้น แม้จะเป็นแค่เด็กวัยแค่สิบสองปีเศษ ๆ แต่อารมณ์ฉุนเฉียวแบบนั้น ยังไงก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ
"คุณพ่อครับ! อธิบายผมมาเดี๋ยวนี้เลย!! ทำไมคุณพ่อถึงต้องไปเชื่อกับคำยั่วยุของเจ้าพวกนั้นด้วย" ผมตะคอกขึ้นเสียงกับชายหนุ่มตรงหน้า ผมซึ่งผมควรจะเคารพมากที่สุดในฐานะผู้นำสถานฑูตญี่ปุ่น - สหรัฐอเมริกาและฐานะคนเป็นพ่อ แต่ทว่า...นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ผมกระทืบเท้าเสียงดังมาหาเขาในตอนนี้
"เรื่องอะไรงั้นหรือ? ริคุ?" คาชิวาระ ริทสุโอะ หันจากหน้าต่างของคฤหาสน์ในห้องทำงานของท่านมามองหน้าผม ภายนอกเป็นทุ่งบิโกเนีย ซึ่งเป็นดอกไม้ที่คุณแม่ชอบ และอาจเปลี่ยนผันไปบ้างตามฤดูกาล สายตาแหลมที่เหมือนดั่งเหยี่ยวจ้องลึกเข้ามาในความคิดของผม
"คุณพ่อครับ คุณพ่อยอมให้เจ้าพวกต่ำช้านั่นเข้ามาในบ้านแบบนี้ได้อย่างไรกัน!! คุณพ่อจำไม่ได้เหรอครับว่าพวกนั้นเคยทำให้คุณแม่แท้ง!!" ผมตะคอกไปด้วยอารมณ์ที่คลุกรุ่นอยู่ในอก
"คุณนายราชินกับท่านชายฟรานเชนเขาเป็นผู้มีพระคุณของเรา เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะตอบแทนน้ำใจเขา" คุณพ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นพ่อทำเฉยชากับชีวิตทารกที่ใกล้จะคลอดแต่ก็แท้งเพราะคุณแม่ถูกผลักตกบันได พ่อเฉยชากับทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราเสียไปกับเจ้าพวกนั้นเพียงเพื่อให้ผมกับลูกสาวของพวกนั้นได้แต่งงานกัน
อันที่จริงผมก็ไม่ได้เกลียดลูกสาวของเจ้าพวกนั้นมากหรอก คุณหนูราฟาเอลเธอเป็นคุณหนูใจดี เรียบร้อย วาจาและกริยาอ่อนหวาน ผิดกับบิดามารดาของนางมาก
"เพียงเพราะเรื่องพ่อถึงกับจับผมกับคุณหนูราฟาเอลแต่งงานกันตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 18 เลยเนี่ยนะ!!! ผมไม่ยอมหรอก! ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำให้คุณแม่ต้องเจ็บตัวและเสียใจ ผมไม่ให้อภัยใครทั้งนั้นแม้แต่คุณพ่อเองด้วย!! ผมจะออกจากที่นี่!! คฤหาสน์เฮงซวยนี่!! ล้มสลายไปซะได้ก็ดี!!" ผมก้าวตึงตังออกจากห้องทำงานของคุณพ่อไป ด้วยอารมณ์ที่อยากจะขว้างหรือฆ่าใครซักคนที่ไม่ใช่คุณแม่ ผมเกลียด! เกลียดพวกที่มันย่ำยีคุณแม่ เกลียดคุณพ่อ! ที่ไม่เคยหันมาเหลียวแลเลยแม้ภรรยาตนเอง
ผมอยากพาคุณแม่หนีไปด้วย...แต่ผมทำไม่ได้...
วันนั้น...ในวันที่ผมหนีออกจากบ้านมา...
ก๊อก ๆ
มีเสียงเคาะประตูห้องผมในยามดึกของคืนหนึ่ง ผมลูกขึ้นมาขยี้ตาเพื่อฟังอีกครั้งว่าใครมา
ก๊อก ๆ
"คุณริคุคะดิฉันขอเข้าไปนะคะ" เสียงของคุณหนูราฟาเอลทำให้ผมตาสว่างเต็มตา ผมเปิดประตูให้เธอ เธอไม่ได้มาตัวคนเดียว มีหญิงสาวอีกสี่คนตามเธอมาด้วย หนึ่งในนั้นคือมาเรีย สาวใช้คนสนิทของผมที่ถือกางเกงยีนต์และเสื้อฮู๊ดพร้อมแจ๊คเก็ตสีเขียวเดินเข้ามาในห้องของผม อีกคนคือคนใช้ที่ผมจำได้ว่าเป็นแม่บ้านประจำตัวของคุณหนูราฟาเอล และอีกคนที่ผมแปลกมากที่สุดคนที่ผมรักมากกว่าพ่อตนเอง คุณแม่!!
"คะ...คุณแม่!?" คุณแม่อยู่ในชุดสาวใช้ผมเดาได้ว่าเธอปลอมตัวออกมาจากห้องนอนของเธอ
"รีบเปลี่ยนชุดซะ ลูกรัก อีกไม่กี่ชั่วโมงคุณหมอเขาก็จะเอายามาให้แล้ว" คุณแม่ส่งยิ้มหวานให้ผม แต่แววตากับสีหน้านั้นมันไปคนละอย่างกันเลย ผมได้ยินแทบไม่เชื่อหู พวกเขาวางแผนอะไรกัน?
"คุณริคุคะ พวกเราจะออกไปประจำจุดต่าง ๆ ของคฤหาสน์แห่งนี้ ขอให้คุณหนูใช้เส้นทางจากห้องครัวออกประตูหลังและไปยังโรงรถนะคะ พยายามอย่าให้เกิดเสียง เพราะวันนี้ยามประจำการกำลังเดินตรวจตราอยู่ค่ะ คุณผู้หญิงจะไปรอส่งขึ้นรถ เอ็ดเน่จะไปส่งคุณที่สนามบินคะ" นี่มันแผนการหนี!! พวกเขาเตรียมแผนการหนีเพื่อผม แต่ว่าทำไม...
เวลาผ่านไป...
ผมค่อย ๆ ชะโงกหน้าออกจากห้องเมื่อแสงไปฉายของยามเลยผ่านห้องของผมไป ผมกำชับเป้ใบน้อยที่ใส่สิ่งของอย่างเครื่องเล่นวีดิโอเกม หนังสือการ์ตูนที่ชอบ และเสื้อผ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ (ที่ไม่ใช่สูทแพง ๆ หนา ๆ)
ผมย่องออกไปตามระเบียงทางเดิน ที่หันหน้าเข้าหาทุ่งบิโกเนีย ผมมองมันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวิ่งเยาะ ๆ ไปยังทางลงบันได
มาเรียเป็นคนมารับผมในจุดแรกหน้าบันได เธอพาผมหลบหลังกำแพงบ้าง หลังสิ่งของบ้าง ผมเชื่อเลยว่าเธอเป็นเจ้าแม่เนียนแห่งชาติได้เลย
จุดสุดท้ายของคฤหาสน์คือห้องครัว คุณแม่รอผมอยู่หน้าประตู สีหน้าอิดโรยของคุณแม่ ทำให้ผมไม่อยากจะจากไปเลย ผมสงสารแม่ อยากให้ไปด้วยกัน
"คุณแม่..." ผมพูดขึ้นอยากจะบอกกับท่าน อยากจะกอด อยากจะดูแล แต่ท่านเลือกที่จะให้ผมออกไปจากที่นี่ ออกไปจากนรกแห่งนี้ ผมอยากตอบแทน อยากจะร้องไห้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ผมกับคุณแม่สบตากัน อยู่ดี ๆ ท่านก็โผเข้ากอดผม ผมรู้สึกได้ว่าที่ไหล่ผมมันชื้น ๆ ท่านร้องไห้ ผมรู้ว่ามันทำให้แม่ผมเจ็บ ผมรู้ว่าคุณแม่ต้องเหงา แต่ผมทำไม่ได้ ผมขัดท่านไม่ได้ ผมไม่อยากทำร้ายท่าน เสียงสะอื้นอันแผ่วเบาของท่านที่ดังอยู่ข้างหูผมทำให้ขอบตาของผมพลันหนักอึ้ง มันร้อนผ่าวทุกอย่างพร่าเลือน นี่ผมต้องทิ้งท่านให้อยู่ตามลำพัง...ใช่ไหม...
"แม่รักลูกนะ...ริคุ...แม่...รัก...ลูกนะ..." ผมกัดปากไม่ให้เสียงออกมา เช่นเดียวกับคุณแม่ที่พยายามกัดปากไม่ร้องเหมือนกัน ทำไม...ทำไมกันะ...เรื่องพวกนี้ถึงมาเกิดขึ้นกับพวกเรา
"ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก...มาเรีย...ฝากดูแลริคุด้วยนะ..." คุณแม่หันไปบอกกับมาเรียเธอพยักหน้ารับคำ
"ดิฉันจะดูแลคุณหนูเป็นอย่างดีค่ะ" ผมยอมรับว่ามาเรียเข้มแข็ง ปกติเรื่องพวกนี้คงทำให้เธอบ่อน้ำตาแตกไปแล้ว
"คุณนายสึบากิคะ รกเราเตรียมพร้อมแล้วค่ะ" คุณหนูราฟาเแลเดินออกมาจากโรงรถ
"ขอบคุณเธอจริง ๆ คุณหนูราฟาเอล ริคุ แม่อยากไปส่งลูกให้ถึงสนามบิน แต่ว่าแม่ก็ไม่อยากให้คุณพ่อจับได้เช่นกัน" คุณแม่จูบหน้าผากผมและลูบหน้าผมเบา ๆ
"ลาก่อนนะลูกรักซักวันเราต้องได้เจอกันอีก" คุณแม่กล่าวเหมือนจะจากผมไปไกล เธอยิ้มให้ผมอีกครั้งแต่เป็นรอยยิ้มที่ปลงแล้ว พอแล้วกับชีวิต ผมเก็บเสียงเอาไว้แล้วเข้ารถไปทันที
เวลาต่อมา...
พวกเรามาถึงญี่ปุ่นจนได้...
ผมลงจากสนามบินในสภาพเหมือนผีตายซาก มาเรียอาสาถือกระเป๋าขณะกวักรถแท๊คซี่
พวกเรามายังที่พักซึ่งคุณแม่เป็นคนเตรียมให้ (โดยใช้ชื่อปลอมว่า สเตซี่ คลอเด็ต/Stacy Claudette)
ผมย้ายมาที่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับชายทะเล มันสงบสุขและอบอุ่นอย่างประหลาด ครั้งแรกที่ผมก้าวเข้าไปผมก็ได้เพื่อนอย่างไม่รู้ตัว...
"สวัสดีครับ ผมเพิ่งเข้ามาที่นี่ใหม่ ๆ ชื่อ คาชิวาระ ริคุ ครับ" ผมโค้งให้เล็กน้อยตามมารยาทผู้ดี สิ่งแรกที่ผมคิดคือ ผมจะมีเพื่อนไหม???
"ริคคุง ย้ายมาจากที่ไหนเหรอคะ?" เอาแล้วคำถามแบบนี้ผมไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดีน่ะสิ
"ทุกคนนั่งที่!!" อาจารย์ถึงกับสั่งให้ไปนั่งที่เลยทีเดียว
ช่วงแรกผมไม่มีคนจะมาคุยด้วยเลย ผมเอาแต่นั่งเงียบ ๆ ไปไหนก็ไปคนเดียว ทานข้าวก็ทานคนเดียว ไม่เหมือนกับวันแรกที่มา
ตุ้บ!!!
ผมสะดุ้งเมื่อคน ๆ หนึ่งทุบโต๊ะเบา ๆ ตรงหน้าผมขณะที่ผมกำลังเหม่อ
"ฮิ ๆ ตกใจเหรอโทษที ๆ นายน่ะเด็กใหม่ใช่มะ? เราชื่อทีดัซ ยินดีที่ได้รู้จักแล้วนายล่ะ?" ผมมองคนทุบโต๊ะ เด็กหนุ่มผมสีบลอนด์หม่น ๆ ผิวสีแทน ตาสีน้ำเงิน ส่งยิ้มสดใสอย่างไม่เกรงใจคนสะดุ้งอย่างผมเลย
"เดี๋ยวเถอะทีดัซแกล้งเด็กใหม่แบบนี้เดี๋ยวก็ฟ้องครูหรอก สวัสดีจ้า ฉันชื่อ ซัลฟี่จ้า ส่วนคนนี้ชื่อ วัคก้า" เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้ม ตาสีเขียวชี้ไปที่ชายผมสีส้มชี้ตั้งกับผ้าคาดหน้าผาก ผมมองหน้าทั้งสามคนที่เข้ามาหาผมนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีเพื่อน
"ยินดีที่ได้รู้จักนะเด็กใหม่ นายชื่ออะไร?" วัคก้าถามผมอมยิ้ม
"ฉันชื่อ คาชิวาระ ริคุ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ทีดัซ ซัลฟี่ วัคก้า" ผมยิ้มตอบพวกเขา
พวกเราเป็นเพื่อนกันมาเกือบเดือนแล้ว จนเข้าสู่เดือนที่สอง และนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมก้าวเข้ามาเป็นนักสืบ
.............................................. 80 % ...............................................
ผมเดินมายังหน้าตึกเรียน เช้าตรู่ที่สดใสพร้อมกับดวงอาทิตย์ฉายแสงตอนรับวันใหม่...
แต่ทว่า...
ผลั่ก!!!!
มีบางอย่างหนัก ๆ ตกกระทบพื้นข้างหลังผม ในชั่ววินาทีนั้นผมหันไปพอดีกับร่างของเด็กสาวคนหนึ่งตกลงพื้น โลหิตสีแดงสดกระเซ็นไปทั่ว รวมถึงชุดของผมด้วย เศษสมองและเศษลูกตาแหลกอยู่แทบเท้าผม ผมตะลึงและอ้าปากค้างนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตาผม เป็นที่สยองที่สุด ซึ่งผมจะจำไปจนตาย
"กรี๊ด!!/ว้าย!?"
"เฮ้ย!? มีคนโดดตึก!!! เรียกตำรวจที!!" ผมได้ยินชายคนหนึ่งบนชั้นสามยื่นหน้ามาแล้วตะโกนบอกคนข้างในให้เรียกตำรวจ
ผมในตอนนั้นกำลังช็อคที่ได้เห็นคนตายต่อหน้า ก็ล้มเพราะขาอ่อนปวกเปียก สมองผมนั้นเป็นสีขาวโพลนเลย
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามายังโรงเรียนแล้ว...
"เอาล่ะ สรุปก็คือ ผู้ตายตกลงมาจากชั้นดาดฟ้าของตึกนี้ แล้วเธอก็เดินอยู่แถวนี้พอดีสินะ" ผมพยักหน้าเงียบ ๆ จากคำถามของหญิงสาวผมสีน้ำเงิน ผมได้แค่เงียบเท่านั้น
"เดี๋ยวสิ! ไม่ใช่ว่าหมอนี่พูดโกหกหรือไง!?" เด็กหนุ่มคนหนึ่ง เดินเข้ามาโวยวายใส่ผม ผมสะดุ้งเล็กน้อย
"เธอคือใคร?" หญิงสาวถาม ผมก็อยากรู้เช่นกัน
"ฉันชื่อ โคยะเมะ โยอิจิ เป็นแฟนของคนที่ตกลงมาตาย ชื่อ นาโอะมิ เอโกะ!!" เด็กหนุ่มแนะนำตัวและทุบโต๊ะ ผมสะดุ้งอีกรอบ
"ยังไม่รู้เลยว่าผู้ตายสนิทกับเธอ?" หญิงสาวว่า
"ก็เพราะว่าพวกเราเป็นแฟนกันลับ ๆ ไงล่ะ! เพราะพ่อแม่ของพวกเราน่ะไม่ถูกกันไง! ไปถามตาแก่ของพวกเราดูสิ" โยอิจิกล่าวอย่างนั้น
"อืม...ถ้าอย่างงั้นผู้ตายเลยฆ่าตัวตายเพราะประชดผู้ปกครองสินะ..." หญิงสาวกล่าวอย่างนั้น แต่ว่า ผมกลับรู้สึกตะหงิด ๆ
"เอ่อ...ขออนุญาตนะครับ..." ผมขอขัดการสอบปากคำพวกเขา ผมฟังเรื่องของคุณโคยะเมะ มันมีบางอย่างขัดแย้งอยู่
"มีอะไรงั้นเหรอ?" ตำรวจสาวหันมาทางผมแล้วถาม
"มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอครับ ที่จะตัดสินว่าผู้ตายนั้นฆ่าตัวตาย ผมว่า...มันยังเร็วไปนะครับ" ผมบอกในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ ตำรวจสาวขมวดคิ้วทำหน้าจริงจัง
"ไหนลองอธิบายมาสิ?" ตำรวจสาวกล่าวผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามรวบรวมความกล้าที่จะพูด
"ผมขออนุญาตดูศพหน่อยนะครับ" ผมพูดออกไปจนได้ ให้ตายหล่อนคงตอบปฏิเสธแน่ ๆ
"หืม...ได้สิ ถ้านายทนอ้วกได้สิบนาทีนะ โอเคเชิญสำรวจเลย เอาถุงมือไปด้วยล่ะ" ผิดคาด...ผมยืนอึ้งได้สองวิ แล้วเดินไปยังผ้าใบที่คลุมศพ หลังจากนั้นผมก็พยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองคลื่นไส้แล้วอาเจียนออกมา
สภาพศพเมื่อผมมาดูใกล้ ๆ นั้นเละกว่าที่ผมเห็นตอนแรก ผมลงมือสำรวจศพอย่างทุลักทุเล ศพของคุณนาโอะมิมีสภาพกะโหลกศีรษะแตกและสมองก็เหมือนไข่ที่แตก ประโยคเดียวสั้น ๆ ว่า 'เละไม่มีชิ้น' แต่ผมเหลือบไปเห็นรอยช้ำรอยหนึ่งบริเวณไหล่ของศพ เหมือนรอยเชือกแฮะ
"คือว่า...รอยตรงนี้ไม่ทราบว่าให้ฝ่ายนิติเวชดูให้หน่อยได้ไหมครับ? ผมขออนุญาตสำรวจข้างบนด้วยครับ..." ผมว่า หญิงสาวยกคิ้วเป็นเชิงสงสัยว่าผมจะทำอะไร
"เธอสงสัยอะไรกันล่ะ หืม?" หล่อนถามผม ในหัวผมมีคำถามเกี่ยวกับคดีนี้มากมาย แหงล่ะ ผมไม่ใช่นักสืบอัจฉริยะเหมือนเชอร์ล็อก โฮส์มนี่นา
"ผมกำลังสงสัยว่า...คดีนี้น่ะ เป็นคดีฆ่าตัวตาย หรือคดีฆาตกรรมกันแน่ครับ เพราะฉะนั้นผมถึงอยากขึ้นไปสำรวจด้านบน คำตอบอาจจะอยู่ที่นั่นครับ" ผมตอบกลับอย่างราบเรียบ
---------------Special Chapter : 1 : Riku's Story : End -----------------
ไรต์ขอโทษ!!!! ที่หายไปนาน!!! อ้าก!!!!! มัวแต่ติดธัญวลัยจนลืมเด็กดี!!! ตอนพิเศษของริคุจะเป็นสืบสวนล้วน ๆ ของโซระจะเป็นฆาตกรรมล้วน ฮว้าก!!! ช่างยากเหลือหลาย (จริง ๆ คือนางไม่ได้แตะนิยายสืบสวนนานมาก!) ไรต์อยากจะบอกว่าไรต์ลงสองที่เลย ทั้งธัญวลัยกับเด็กดี รีดเดอร์คนไหนที่อยากอ่านก็ไปตามอ่านได้น้า...อิอิ รักรีดเดอร์ทุกคนจ้า
ความคิดเห็น