คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : MISSION III - First
เขากำลังตื่นขึ้น...ใช่ แต่ไม่อยากตื่นขึ้นมาเลย…อา เตียงนอนที่แสนนุ่ม อากาศที่แสนเย็นสบาย...
...ซะที่ไหนเล่า! สายแล้ว!! สายแล้ววว ฮว้ากกกกกกก!!
“บ้าเอ้ย!” เขาทะยานตัวออกจากเตียงนอน พุ่งเข้าห้องน้ำแต่ด้วยความไม่ระวังทำให้นิ้วก้อยเจ้ากรรมดันไปจ๊ะเอ๋กับขอบโต๊ะอีกจนได้ ราวกับมันมีเรดาร์อะไรพิเศษที่บอกว่า ‘ชนฉันสิจ๊ะ~ ชนฉันมาเลยย’
นีวาร์เจ็บจนน้ำตาเล็ด เขากุมเท้าพลางกระโดดเหยงๆ วันนี้มันเป็นวันที่เขาต้องออกเดินทางไปเมืองตะวันออกเฉียงใต้อย่างเฮ็กเซนเบิร์ก ร่างบางต้องบินผ่าน Black Forest ที่แลดูน่ากลัว แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกสบายๆ เพราะเป็นคนคุ้นเคยในพื้นที่
ภารกิจที่เขาได้รับจากเชสเซอร์เป็นการปกป้อง Stand Port ก็คงไม่เชิงปกป้อง...น่าจะบอกว่าเป็นการ ‘ถ่วงเวลา’ มากกว่า
เฮ็กเซนเบิร์กเป็นเมืองท่าสำคัญที่จำเป็นต่อสมรภูมิรบทางน่านน้ำ เชสเซอร์คาดว่ามันเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะส่งบางหน่วยเข้ามาเพื่อทำลายท่าส่งเรือ หากเสียหายก็จะไม่สามารถทำการรับส่งหรือซ่อมแซมเรือที่เสียหายได้ มันคงจะแย่กับแฟนตาเซียหากกำลังรบทางน้ำสูญเสียไปอีกทาง และคงเป็นการเพิ่มภาระให้กับทางสภาสูงอีกด้าน
เขาต้องซื้อเวลาไว้ให้ได้ถึงสองชั่วโมง...ที่เขาต้องทำก็เพียงหาทางป้องกันเมืองเอาไว้ให้ได้ อาจจะต้องกันฝ่ายตรงข้ามให้ออกห่างจากท่าเรือให้นานเท่าที่นักเวทย์แห่งสภาสูงทำการร่ายเวทย์ป้องกันเมืองท่าให้สำเร็จ
…ถ่วงเวลาน่ะของถนัด หากแต่จะให้ไปฆ่าใครก็คงไม่อยากเท่าไหร่
รวมถึงเขาเองก็ไม่ได้อยากตายด้วยน่ะนะ...
หลังจากพิรี้พิไรแต่งตัวเสร็จ เขาก็รีบบึ่งออกไปยังตรอก Lightham ตรอกย่าน Eastshade ฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง เวลาเช้าแบบนี้พระอาทิตย์ส่องผ่านช่องตรอกเป็นเส้นตรง แสงของมันต้องกับผมสีเทาอ่อนของเขา ใบหน้าที่ประดับยิ้มไว้ตลอดเวลาแบบคนอารมณ์ดีไม่ฉายแวววิตกกังวล ผิดกับชาวบ้านในละแวกนั้นที่เมื่อรู้ว่ากำลังเข้าสู่สงครามก็เริ่มเครียดกันมากขึ้นเรื่อยๆ บางร้านถึงกับปิดร้านเพื่อเตรียมการให้พร้อมกับเหตุการณ์ร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่เขากลับเที่ยวทักผู้คนแถวนั้นที่บ้างก็เปิดร้านรวงออกขายสินค้านานาชนิดด้วยความเป็นมิตร แม่ค้าบางคนเอ็นดูเขาจนให้ของฝากติดไม้ติดมือ รวมถึงฝากไปกระทืบฝั่งเมโทรโพลิสอีกต่างหาก นีวาร์ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้ ก็เขาไม่รู้นี่ว่าจะไปกระทืบเขาหรือถูกเขาถีบกลับมากันแน่
กรุ๊งกริ๊ง~
เสียงกระดิ่งดังขึ้นเมื่อเขาเปิดประตูหน้าร้าน Fortune Teller ยังคงเป็นร้านเก่าแก่ที่ดูไม่น่าเข้าเหมือนเดิม เขามองไปรอบกายก็เห็นแต่ขวดยาแปลกๆ หนังสือเก่าๆ ไม้กวาดผุๆ ของในร้านก็ดูแปลกประหลาดจนไม่น่าหามาใช้ หากร้านของแอนนิต้าน่ากลัวแค่ไหน คงต้องบอกว่าร้านนี้ก็น่ากลัวพอๆกัน โดยเฉพาะเจ้าของร้าน...เหวย!!
“ยาย! โผล่มาดีๆไม่ได้รึไงเนี่ย” นีวาร์โวยวาย เมื่อจู่ๆคุณยายแม่มดตัวเตี้ยชุดม่วงก็ห้อยหัวลงมาจากเพดานเป็นแบทแมนบีกิน ก่อนที่จะกระโดดลงมายืนอยู่บนพื้นในท่าเซเลอร์มูน หนังเหี่ยวๆของคุณยายแอนนาเบลเข้ากับเสียงหัวเราะสุดสยองได้เป็นอย่างดี
“ฮี่ๆๆๆ เจ้านี่ขวัญอ่อนเกินไปนะนีวาร์” เธอเอ่ย ก่อนจะเดินส่ายก้นอย่างอารมณ์ดีไปหยิบไม้กวาดสีดำสนิทออกมาจากตู้เก่า “ข้าติดไอพ่นรุ่นใหม่ให้แล้วนะ รับรอง ขี่ง่าย ถ่ายคล่อง ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ให้กวนใจ!”
“ก่อนอื่นยายเปลี่ยนตู้เหอะ ผมขอ” นีวาร์หันไปมองตู้เก็บของที่มีรูปร่างเหมือนคุณลุงต้นไม้ในนิทาเด็ก แต่เป็นเวอร์ชั่นสยองขวัญยิ่งกว่าปอบผีฟ้าหรือคุณยายวรนาถ พลางทำหน้าเหยเก “มองทีไรก็สยองชะมัด!”
“เขาเรียกว่าแนววินเทจต่างหากล่ะ เจ้านี่ไม่เข้าใจศิลปะ!”
“วินเทจกับผีน่ะสิ!” เขารับไม้กวาดพลางส่งเงินค่าซ่อมแซมให้กับคุณยายแม่มดแอนนาเบล แต่เธอกลับจับมือของนีวาร์ไว้ เขาชะงักพลางก้มหน้ามองเธอ
“สัญญากับยายสิว่าเจ้าจะกลับมา” แม่มดโบราณกล่าว เธอไม่เงยหน้าขึ้นมามอง “เงินน่ะข้าไม่รับไว้หรอก ขอแค่เจ้าอย่าหายไปแบบแม่เจ้าก็พอ...”
นีวาร์คลี่ยิ้มบาง เขาบีบมือของคุณยายเบาๆ “จะกลับมากวนยายจนกว่ายายจะกลายเป็นผีในตู้เลยจ้ะ”
“เอ๊ะ! เจ้านี่นิ นี่เจ้าแช่งข้าเรอะ! ข้าน่ะยังสาวยังสวยไปอีกนานย่ะ!” พูดอะไรเกรงใจตีนกาบนหน้าบ้างนะยาย...
“หุหุหุหุ ผมก็เชื่ออย่างงั้น”
“เดินทางปลอดภัยแล้วกัน…”
“เช่นกันฮะ...” เขาเปิดประตูร้านออกไป ก่อนจะเพิ่งนึกขึ้นได้แล้วเหลียวหลังกลับมาอีกครั้ง
“ขอบคุณนะครับ...อาจารย์”
นักมายากลเดินทางมาถึงเฮกเซนเบิร์กในช่วงบ่ายคล้อย เขากำลังคิดกลวางแผนป้องกันเมืองอยู่กับทหารบางส่วนที่เชสเซอร์ส่งมาด้วย ทหารส่วนมากมีหน้าที่อพยพชาวเมืองให้ออกไปจากพื้นที่ ป้องกันไม่ให้ผู้คนได้รับอันตราย
นีวาร์เห็นหลายต่อหลายคนร้องไห้ น้ำตาที่มาจากการเกิดสงคราม บางคนไม่อยากจากบ้านที่ตนอยู่มาตั้งแต่เกิด บางคนไม่อยากทอดทิ้งที่ดินทำกินของตน ที่ดินที่บรรพบุรุษต้นตระกูลนั้นๆสั่งสมมาจนถึงทุกวันนี้
ทั้งหมดเป็นเพราะสงคราม...
เฮกเซนเบิร์นเป็นเมืองที่สวยงาม น่าอยู่ น่าเที่ยว ต้นไม้ใหญ่ในเมืองที่โอบล้อมไปด้วยน้ำพุดูสวยงามและทรงคุณค่าไม่ต่างจากรูปปั้นเทพีกลางเมืองหลวงใหญ่ ผู้คนที่นี่มีวิธีชีวิตที่เรียบง่าย บ้านเมืองอบกลิ่นอายอิฐไม้เวทมนตร์ที่เป็นวัตถุหลักในการสร้างเมือง เขานึกเสียดายหากเมืองดีๆแบบนี้จะตกอยู่ใต้ภัยสงคราม
หลังจากนีวาร์คิด ‘มายากล’ ชุดใหญ่ไว้รอแล้ว เขาสั่งให้ทหารส่วนหนึ่งไปจัดเตรียม ‘เวที’ สำหรับการแสดงของเขาไว้เรียบร้อย เขาเช็คความเรียบร้อยไปครั้งหนึ่งก่อนที่พายุฝนจะตกลงมาอย่างช่วยไม่ได้ ช่วงเย็นเขาช่วยทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่อีกแรงถึงแม้ว่าจะโดนห้ามและถูกคะยั้นคะยอให้ไปนอนพักเนื่องด้วยพรุ่งนี้คือวันสำคัญที่หากเขาพลาดทุกอย่างก็คงจะลำบาก
และช่วงตกค่ำก็เป็นเวลาที่เขาจะออกมาเช็คความเรียบร้อยของเวทีการแสดงอีกครั้ง ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง...
วันที่ 25 พฤษภาคม
เมื่อพายุฝนสงบลง แฟนตาเซียจึงเปิดฉากโจมตีเมโทรโปลิสทันที...
เขานั่งหลบอยู่บนหลังคาอิฐไม้ของเมืองเฮกเซนเบิร์กหลังปล่องไฟของบ้านหลังที่ติดกับหอสมุดในเมือง ในมือของนีวาร์มีเครื่องรางของเยียนที่เชสเซอร์ให้เขาเก็บไว้ใช้หลังได้จากภารกิจที่แล้ว เขาเบื่อจนเกือบจะหลับอยู่แล้ว ถ้าหากจู่ๆวัตถุในมือมันไม่ส่องแสงสีเขียวออกมา
...มาแล้ว
น่าแปลกที่ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเธอที่ผ่านประตูเข้ามา...นีวาร์ก็มั่นใจว่าเขาหรือเธอผู้นั้นคงไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่แท้ เดาไม่ยากว่าอาจจะฆ่าทหารลาดตระเวนพวกนั้นไปแล้ว หรือแม้กระทั่งสัตว์อสูรที่กองทัพแฟนตาเซียเชื่อใจไม่ต่างจากที่พวกเมโทรโปลิสเชื่อในวิทยาการของพวกเขา
ล่องหนหรือ..? ใกล้...ใกล้มากเสียจนน่าแปลกที่ไม่เห็นตัว หรือกระทั่งพาหนะ...
นีวาร์ใช้มือทั้งสองข้างป้องเครื่องรางเยียน มันมีความสามารถพิเศษในการตรวจจับสิ่งมีชีวิตรอบตัวในระยะหนึ่ง และเขาพบว่าผู้บุกรุกอยู่ทางซ้ายมือห่างไปไม่กี่ช่วงตัวนี่เอง...
เขาดีดนิ้ว และวัตถุสีดำที่เหลวหนืดก็ปะทะกับอะไรบางอย่างที่ลอยอยู่กลางอากาศ ของเหลวสีเข้มนั้นไหลปกคลุมทั่ววัตถุของอีกฝ่ายจนเห็นเป็นรูปร่างของยานที่เดาไม่ยากว่าสร้างจากวิทยาการของเมโทรโปลิส!
“เฮลโล้วววววว” นีวาร์โผล่ออกมาเมื่อเห็นว่าศัตรูของเขาปรากฏตัวขึ้น หญิงสาวผมสั้นในชุดแจ็กเก็ตสีดำ ข้างเอวของเธอดูท่าจะเป็นอาวุธที่รูปร่างคล้ายดาบ
เธอเอื้อมมือไปจับที่ด้ามดาบอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ...แต่การกระทำทั้งหมดก็ยังอยู่ในสายตาของนีวาร์ไม่ไปไหน เด็กหนุ่มยกมือขึ้นห้ามเมื่อเธอทำท่าทีจะต่อสู้
“อ๊ะๆ อย่าชักดาบจะดีกว่านะ”
เธอไม่สนใจ และชักดาบออกอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เด็กหนุ่มก้มหน้าลงและคลี่ยิ้มออกมา
พรึ่บ
ฉับพลัน เปลวไฟสีจ้าลุกขึ้นท่วมร่างของหญิงสาวตรงหน้า เธอรีบถอดเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีดำออกแล้วกลิ้งตัวไปกับพื้นหวังจะดับไฟ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนแล้วยกดาบตั้งท่า
“ผมเตือนคุณแล้วน้า~”
“เวทมนตร์งั้นเหรอ?” เธอถาม
“โน้ว ไม่ใช่สักหน่อย..” นีวาร์ดีดนิ้วดังเป๊าะ
หญิงสาวคนนี้จัดว่าเป็นมือดีทีเดียว เขาคิด ทันทีที่เขาดีดนิ้วออก ไม่ทันที่ยานของเธอจะได้ระเบิดออกไปพร้อมกับร่างที่ยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยสัญชาตญาณที่ใช้ได้ทีเดียว เธอกระโจนออกมาจากจุดที่เธอยืนอยู่ ไฟลุกขึ้นท่วมยานที่เธอโดยสารมาก่อนจะระเบิดออกดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เศษชิ้นส่วนของยานกระจัดกระจายออกไป
“เป็น ‘มายากล’ ต่างหากล่ะ”
ความคิดเห็น