ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [IRC project 2.0] T.R.I.C.K.

    ลำดับตอนที่ #9 : MISSION III - First

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 57


    เขากำลังตื่นขึ้น...ใช่ แต่ไม่อยากตื่นขึ้นมาเลยอา เตียงนอนที่แสนนุ่ม อากาศที่แสนเย็นสบาย...

                ...ซะที่ไหนเล่า! สายแล้ว!! สายแล้ววว ฮว้ากกกกกกก!!

                บ้าเอ้ย!” เขาทะยานตัวออกจากเตียงนอน พุ่งเข้าห้องน้ำแต่ด้วยความไม่ระวังทำให้นิ้วก้อยเจ้ากรรมดันไปจ๊ะเอ๋กับขอบโต๊ะอีกจนได้ ราวกับมันมีเรดาร์อะไรพิเศษที่บอกว่า ชนฉันสิจ๊ะ~ ชนฉันมาเลยย

                นีวาร์เจ็บจนน้ำตาเล็ด เขากุมเท้าพลางกระโดดเหยงๆ วันนี้มันเป็นวันที่เขาต้องออกเดินทางไปเมืองตะวันออกเฉียงใต้อย่างเฮ็กเซนเบิร์ก ร่างบางต้องบินผ่าน Black Forest ที่แลดูน่ากลัว แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกสบายๆ เพราะเป็นคนคุ้นเคยในพื้นที่

                ภารกิจที่เขาได้รับจากเชสเซอร์เป็นการปกป้อง Stand Port ก็คงไม่เชิงปกป้อง...น่าจะบอกว่าเป็นการ ถ่วงเวลามากกว่า

                เฮ็กเซนเบิร์กเป็นเมืองท่าสำคัญที่จำเป็นต่อสมรภูมิรบทางน่านน้ำ เชสเซอร์คาดว่ามันเป็นไปได้สูงที่อีกฝ่ายจะส่งบางหน่วยเข้ามาเพื่อทำลายท่าส่งเรือ หากเสียหายก็จะไม่สามารถทำการรับส่งหรือซ่อมแซมเรือที่เสียหายได้ มันคงจะแย่กับแฟนตาเซียหากกำลังรบทางน้ำสูญเสียไปอีกทาง และคงเป็นการเพิ่มภาระให้กับทางสภาสูงอีกด้าน

                เขาต้องซื้อเวลาไว้ให้ได้ถึงสองชั่วโมง...ที่เขาต้องทำก็เพียงหาทางป้องกันเมืองเอาไว้ให้ได้ อาจจะต้องกันฝ่ายตรงข้ามให้ออกห่างจากท่าเรือให้นานเท่าที่นักเวทย์แห่งสภาสูงทำการร่ายเวทย์ป้องกันเมืองท่าให้สำเร็จ

                …ถ่วงเวลาน่ะของถนัด หากแต่จะให้ไปฆ่าใครก็คงไม่อยากเท่าไหร่

                รวมถึงเขาเองก็ไม่ได้อยากตายด้วยน่ะนะ...

                หลังจากพิรี้พิไรแต่งตัวเสร็จ เขาก็รีบบึ่งออกไปยังตรอก Lightham ตรอกย่าน Eastshade ฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง เวลาเช้าแบบนี้พระอาทิตย์ส่องผ่านช่องตรอกเป็นเส้นตรง แสงของมันต้องกับผมสีเทาอ่อนของเขา ใบหน้าที่ประดับยิ้มไว้ตลอดเวลาแบบคนอารมณ์ดีไม่ฉายแวววิตกกังวล ผิดกับชาวบ้านในละแวกนั้นที่เมื่อรู้ว่ากำลังเข้าสู่สงครามก็เริ่มเครียดกันมากขึ้นเรื่อยๆ บางร้านถึงกับปิดร้านเพื่อเตรียมการให้พร้อมกับเหตุการณ์ร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่เขากลับเที่ยวทักผู้คนแถวนั้นที่บ้างก็เปิดร้านรวงออกขายสินค้านานาชนิดด้วยความเป็นมิตร แม่ค้าบางคนเอ็นดูเขาจนให้ของฝากติดไม้ติดมือ รวมถึงฝากไปกระทืบฝั่งเมโทรโพลิสอีกต่างหาก นีวาร์ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้ ก็เขาไม่รู้นี่ว่าจะไปกระทืบเขาหรือถูกเขาถีบกลับมากันแน่

                กรุ๊งกริ๊ง~

              เสียงกระดิ่งดังขึ้นเมื่อเขาเปิดประตูหน้าร้าน Fortune Teller ยังคงเป็นร้านเก่าแก่ที่ดูไม่น่าเข้าเหมือนเดิม เขามองไปรอบกายก็เห็นแต่ขวดยาแปลกๆ หนังสือเก่าๆ ไม้กวาดผุๆ ของในร้านก็ดูแปลกประหลาดจนไม่น่าหามาใช้ หากร้านของแอนนิต้าน่ากลัวแค่ไหน คงต้องบอกว่าร้านนี้ก็น่ากลัวพอๆกัน โดยเฉพาะเจ้าของร้าน...เหวย!!

                ยาย! โผล่มาดีๆไม่ได้รึไงเนี่ยนีวาร์โวยวาย เมื่อจู่ๆคุณยายแม่มดตัวเตี้ยชุดม่วงก็ห้อยหัวลงมาจากเพดานเป็นแบทแมนบีกิน ก่อนที่จะกระโดดลงมายืนอยู่บนพื้นในท่าเซเลอร์มูน หนังเหี่ยวๆของคุณยายแอนนาเบลเข้ากับเสียงหัวเราะสุดสยองได้เป็นอย่างดี

                “ฮี่ๆๆๆ เจ้านี่ขวัญอ่อนเกินไปนะนีวาร์เธอเอ่ย ก่อนจะเดินส่ายก้นอย่างอารมณ์ดีไปหยิบไม้กวาดสีดำสนิทออกมาจากตู้เก่า ข้าติดไอพ่นรุ่นใหม่ให้แล้วนะ รับรอง ขี่ง่าย ถ่ายคล่อง ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ให้กวนใจ!”

                “ก่อนอื่นยายเปลี่ยนตู้เหอะ ผมขอนีวาร์หันไปมองตู้เก็บของที่มีรูปร่างเหมือนคุณลุงต้นไม้ในนิทาเด็ก แต่เป็นเวอร์ชั่นสยองขวัญยิ่งกว่าปอบผีฟ้าหรือคุณยายวรนาถ พลางทำหน้าเหยเก มองทีไรก็สยองชะมัด!”

                “เขาเรียกว่าแนววินเทจต่างหากล่ะ เจ้านี่ไม่เข้าใจศิลปะ!”

                “วินเทจกับผีน่ะสิ!” เขารับไม้กวาดพลางส่งเงินค่าซ่อมแซมให้กับคุณยายแม่มดแอนนาเบล แต่เธอกลับจับมือของนีวาร์ไว้ เขาชะงักพลางก้มหน้ามองเธอ

                สัญญากับยายสิว่าเจ้าจะกลับมาแม่มดโบราณกล่าว เธอไม่เงยหน้าขึ้นมามอง เงินน่ะข้าไม่รับไว้หรอก ขอแค่เจ้าอย่าหายไปแบบแม่เจ้าก็พอ...

                นีวาร์คลี่ยิ้มบาง เขาบีบมือของคุณยายเบาๆ จะกลับมากวนยายจนกว่ายายจะกลายเป็นผีในตู้เลยจ้ะ

                “เอ๊ะ! เจ้านี่นิ นี่เจ้าแช่งข้าเรอะ! ข้าน่ะยังสาวยังสวยไปอีกนานย่ะ!” พูดอะไรเกรงใจตีนกาบนหน้าบ้างนะยาย...

                หุหุหุหุ ผมก็เชื่ออย่างงั้น

                เดินทางปลอดภัยแล้วกัน…”

                “เช่นกันฮะ...เขาเปิดประตูร้านออกไป ก่อนจะเพิ่งนึกขึ้นได้แล้วเหลียวหลังกลับมาอีกครั้ง

                ขอบคุณนะครับ...อาจารย์

     

     

                นักมายากลเดินทางมาถึงเฮกเซนเบิร์กในช่วงบ่ายคล้อย เขากำลังคิดกลวางแผนป้องกันเมืองอยู่กับทหารบางส่วนที่เชสเซอร์ส่งมาด้วย ทหารส่วนมากมีหน้าที่อพยพชาวเมืองให้ออกไปจากพื้นที่ ป้องกันไม่ให้ผู้คนได้รับอันตราย

                นีวาร์เห็นหลายต่อหลายคนร้องไห้ น้ำตาที่มาจากการเกิดสงคราม บางคนไม่อยากจากบ้านที่ตนอยู่มาตั้งแต่เกิด บางคนไม่อยากทอดทิ้งที่ดินทำกินของตน ที่ดินที่บรรพบุรุษต้นตระกูลนั้นๆสั่งสมมาจนถึงทุกวันนี้

                ทั้งหมดเป็นเพราะสงคราม...

                เฮกเซนเบิร์นเป็นเมืองที่สวยงาม น่าอยู่ น่าเที่ยว ต้นไม้ใหญ่ในเมืองที่โอบล้อมไปด้วยน้ำพุดูสวยงามและทรงคุณค่าไม่ต่างจากรูปปั้นเทพีกลางเมืองหลวงใหญ่ ผู้คนที่นี่มีวิธีชีวิตที่เรียบง่าย บ้านเมืองอบกลิ่นอายอิฐไม้เวทมนตร์ที่เป็นวัตถุหลักในการสร้างเมือง เขานึกเสียดายหากเมืองดีๆแบบนี้จะตกอยู่ใต้ภัยสงคราม

                หลังจากนีวาร์คิด มายากลชุดใหญ่ไว้รอแล้ว เขาสั่งให้ทหารส่วนหนึ่งไปจัดเตรียม เวทีสำหรับการแสดงของเขาไว้เรียบร้อย เขาเช็คความเรียบร้อยไปครั้งหนึ่งก่อนที่พายุฝนจะตกลงมาอย่างช่วยไม่ได้ ช่วงเย็นเขาช่วยทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่อีกแรงถึงแม้ว่าจะโดนห้ามและถูกคะยั้นคะยอให้ไปนอนพักเนื่องด้วยพรุ่งนี้คือวันสำคัญที่หากเขาพลาดทุกอย่างก็คงจะลำบาก

    และช่วงตกค่ำก็เป็นเวลาที่เขาจะออกมาเช็คความเรียบร้อยของเวทีการแสดงอีกครั้ง ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง...

     

    วันที่ 25 พฤษภาคม

    เมื่อพายุฝนสงบลง แฟนตาเซียจึงเปิดฉากโจมตีเมโทรโปลิสทันที...

    เขานั่งหลบอยู่บนหลังคาอิฐไม้ของเมืองเฮกเซนเบิร์กหลังปล่องไฟของบ้านหลังที่ติดกับหอสมุดในเมือง ในมือของนีวาร์มีเครื่องรางของเยียนที่เชสเซอร์ให้เขาเก็บไว้ใช้หลังได้จากภารกิจที่แล้ว เขาเบื่อจนเกือบจะหลับอยู่แล้ว ถ้าหากจู่ๆวัตถุในมือมันไม่ส่องแสงสีเขียวออกมา

    ...มาแล้ว

    น่าแปลกที่ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเธอที่ผ่านประตูเข้ามา...นีวาร์ก็มั่นใจว่าเขาหรือเธอผู้นั้นคงไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่แท้ เดาไม่ยากว่าอาจจะฆ่าทหารลาดตระเวนพวกนั้นไปแล้ว หรือแม้กระทั่งสัตว์อสูรที่กองทัพแฟนตาเซียเชื่อใจไม่ต่างจากที่พวกเมโทรโปลิสเชื่อในวิทยาการของพวกเขา

    ล่องหนหรือ..? ใกล้...ใกล้มากเสียจนน่าแปลกที่ไม่เห็นตัว หรือกระทั่งพาหนะ...

    นีวาร์ใช้มือทั้งสองข้างป้องเครื่องรางเยียน มันมีความสามารถพิเศษในการตรวจจับสิ่งมีชีวิตรอบตัวในระยะหนึ่ง และเขาพบว่าผู้บุกรุกอยู่ทางซ้ายมือห่างไปไม่กี่ช่วงตัวนี่เอง...

    เขาดีดนิ้ว และวัตถุสีดำที่เหลวหนืดก็ปะทะกับอะไรบางอย่างที่ลอยอยู่กลางอากาศ ของเหลวสีเข้มนั้นไหลปกคลุมทั่ววัตถุของอีกฝ่ายจนเห็นเป็นรูปร่างของยานที่เดาไม่ยากว่าสร้างจากวิทยาการของเมโทรโปลิส!

    เฮลโล้ววววววนีวาร์โผล่ออกมาเมื่อเห็นว่าศัตรูของเขาปรากฏตัวขึ้น หญิงสาวผมสั้นในชุดแจ็กเก็ตสีดำ ข้างเอวของเธอดูท่าจะเป็นอาวุธที่รูปร่างคล้ายดาบ

    เธอเอื้อมมือไปจับที่ด้ามดาบอย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณ...แต่การกระทำทั้งหมดก็ยังอยู่ในสายตาของนีวาร์ไม่ไปไหน เด็กหนุ่มยกมือขึ้นห้ามเมื่อเธอทำท่าทีจะต่อสู้

    อ๊ะๆ อย่าชักดาบจะดีกว่านะ

                เธอไม่สนใจ และชักดาบออกอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เด็กหนุ่มก้มหน้าลงและคลี่ยิ้มออกมา 

                พรึ่บ

              ฉับพลัน เปลวไฟสีจ้าลุกขึ้นท่วมร่างของหญิงสาวตรงหน้า เธอรีบถอดเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีดำออกแล้วกลิ้งตัวไปกับพื้นหวังจะดับไฟ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นยืนแล้วยกดาบตั้งท่า

                ผมเตือนคุณแล้วน้า~

                “เวทมนตร์งั้นเหรอ?เธอถาม

                โน้ว ไม่ใช่สักหน่อย..นีวาร์ดีดนิ้วดังเป๊าะ

                หญิงสาวคนนี้จัดว่าเป็นมือดีทีเดียว เขาคิด ทันทีที่เขาดีดนิ้วออก ไม่ทันที่ยานของเธอจะได้ระเบิดออกไปพร้อมกับร่างที่ยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยสัญชาตญาณที่ใช้ได้ทีเดียว เธอกระโจนออกมาจากจุดที่เธอยืนอยู่ ไฟลุกขึ้นท่วมยานที่เธอโดยสารมาก่อนจะระเบิดออกดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เศษชิ้นส่วนของยานกระจัดกระจายออกไป

                เป็น มายากลต่างหากล่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×