คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...มีเด็กสาวคนหนึ่งสวมฮู้ดสีแดงสดอยู่เสมอ ทุกคนจึงเรียกเธอว่า...
“หึ...ถึงจะใช้วิชาแปลกประหลาด แต่ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่วันยังค่ำ”
พระจันทร์วันนี้เต็มดวง...เจ้าเงาสีดำที่รูปร่างเหมือนสุนัขป่าตัวใหญ่นั่นกำลังคร่อมเขาอยู่ มันใช้ขาหน้าและอุ้งเท้าหนากดลงบนหน้าอกบางในชุดพ่อมดสีดำที่ฉีกขาดบางส่วนจากการต่อสู้ระยะประชิด เล็บคมกริบจิกเข้าเนื้อขาวๆนั่นจนเลือดซึม คนใต้ร่างนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวดแต่พยายามเก็บอาการเสียจนน่าหมั่นไส้
“ขอโทษด้วยแล้วกันที่เป็นมนุษย์” พ่อมดหนุ่มตอบอย่างไม่ยี่หระ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างไม่สนใจอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกาย เรียกเอาปีศาจอย่างเขาเลือดขึ้นหน้าด้วยความใจร้อน
ลิ้นสากของสุนัขป่าลากไปตามไหล่ลาด ก่อนจะขย้ำเขี้ยวลงเนื้อลึกจนเลือดสาดออกมาเปื้อนผนังกำแพงตรอกด้านหลัง นีวาร์สบถพร้อมกับร้องออกมาอย่างแรง น่าแปลกที่มันอยู่ในตรอกหนึ่งท่ามกลางย่านการค้าที่คึกคัก ทว่าคนภายนอกกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรออกมาจากบริเวณนั้นเลยแม้แต่น้อย..
เวทอาณาเขต...
“หืม? ไม่ตกใจรึไงที่หมาป่าพูดได้? ไม่ร้องขอความเมตตาหน่อยรึ?” มันประหลาดที่หมาป่าตัวโตเกือบจะเท่ากระทิงสักตัวอยู่ในเมืองหลวงที่เจริญแล้ว แถมยังพูดได้เยี่ยงมนุษย์เสียจนคาดไม่ถึง แต่คงไม่น่าแปลกอะไรเท่าไหร่สำหรับคนที่เดินทางมาทั้งชีวิตอย่างเขา คนที่เดินทางตามหาสิ่งสำคัญที่หายไปมาทั้งชีวิต...
“พูดได้เนี่ยก็เคยเห็น แต่หมาป่าที่ฮัมเพลงของเลดี้กาก้าอย่างคุณเนี่ย...ก็ออกจะประหลาดไปสักหน่อยนะ”
อุก...ร่างเล็กของนีวาร์กระตุกอีกครั้งเมื่อร่างใหญ่ลงเล็บอีกครั้งบนท้องน้อยของเขา นี่โกรธหรือเขิน? “แถมฉันยังได้กลิ่นมนุษย์มาจากตัวคุณนี่นา”
“งี้นี่เอง...งั้นค่อยประหยัดเวลาลงมาหน่อย” อุ้งเท้าหน้าของเจ้าหมาป่าสีดำที่เปื้อนโลหิตสีแดงชาดของนีวาร์เลื่อนออกไป ทว่ามันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว...จากขาหน้าที่ปกคลุมด้วยขนหยาบสีดำสนิท มันเริ่มกลายเป็นเนื้อสีผิวแทนอย่างคนออกแดดเป็นประจำ ขาหลังกลายสภาพเป็นขาของมนุษย์ที่ดูแข็งแกร่งสมบุกสมบัน ร่างสูงตรงหน้าปรากฏขึ้นพร้อมกับสุนัขป่าตัวใหญ่ที่หายไป...กลายเป็นมนุษย์
“ดีที่ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายยืดยาว เพราะว่า...” ดวงตาของคนตรงหน้าไม่ต่างไปจากหมาป่าตัวนั้นเลยแม้แต่น้อย...ดวงตาสีโลหิตที่ดูน่าเกรงขาม ในขณะเดียวกันที่แฝงไปด้วยไอปีศาจที่น่าขยะแขยง...
จากมุมมองของนีวาร์ ดวงจันทร์เต็มดวงสีนวลข้างหลังมันค่อนข้างจะสว่างแยงตาจนเกินไปสำหรับตอนนี้ อดีตพรานป่าที่เดินทางท่องเที่ยวไปมาหลายเมืองกลับเริ่มเกลียดพระจันทร์ เพราะมันทำให้มนุษย์หมาป่าที่เป็นศัตรูตรงหน้าได้ใจ และดูน่ากลัวไปมากกว่าทุกที...
ไม่รู้ว่านีวาร์คิดไปเองหรืออย่างไร แต่ราวกับเขากำลังเห็นพระจันทร์แสยะยิ้มพร้อมกับมนุษย์หมาป่าตรงหน้าที่แลบลิ้นออกมาเลียเขี้ยวคมของตัวเองเมื่อเห็นเหยื่ออันโอชะ...
“แค่คุณยายคนเดียวมันไม่อยู่ท้อง...อยากกินจนจะทนไม่ไหวแล้วเนี่ย...”
ร่างของนีวาร์กำลังถูกฉีกอย่างน่าสยอง เขี้ยวคมสัมผัสเจอกับกระดูกขาวๆ เลือดสีแดงเปรอะปนกับผ้าคลุมสีดำจนแยกไม่ออก...
...บางทีหนูน้อยหมวกแดงอาจไม่ถูกทึ้งร่างอย่างนี้ ถ้าหากว่า...
3 วันก่อน
เปรี้ยง!!
ผู้คนในเมืองหลวงสะดุ้งพร้อมๆกัน เมื่อเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นก่อนที่สายสีเหลืองจะปรากฏเด่นชัดบนหอคอยทางเหนือของจัตุรัสกลางเมือง น่าแปลกตรงที่ไม่มีแม้แต่เค้าของเมฆฝนที่จะตกลงมา ท้องฟ้ายามค่ำคืนนี้มันไม่มีแม้แต่วี่แววของฝนหรืออากาศอบอ้าวที่ไม่น่าพิสมัย บางทีอาจเป็นเวทมนตร์...การทดลอง หรือการโจมตีจากอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นได้...ผู้คนก็คาดการณ์ไปมั่นซั่วเสียอย่างนั้น
หากทว่าไม่มีใครสังเกตเห็น ตุ๊กตาแมวหน้าตาบ้องแบ๊วตัวเท่าฝ่ามือตกมาจากท้องฟ้าพร้อมกับฟ้าที่ผ่าลงมาเมื่อครู่อย่างแปลกประหลาด มันอยู่บนหลังคาของหอคอยอิฐไม้เคลือบพลังเวทย์ แมวน้อยปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับฝุ่นควันที่พวยพุ่งออกมารอบๆตัวและซากอิฐไม้ที่ไหม้ดำเป็นตอตะโกจากความร้อนของสายฟ้า มันค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยสองขา ก่อนจะเดินเตาะแตะไปมาสองสามก้าว
“หุหุหุหุ ตกลงมาแล้ว ตกลงมาแล้ว มาซะไกลเลยแฮะ” เจ้าแมวน้อยไม่ได้ร้องเมี้ยวๆอีกต่อไป มันกระโดดขึ้นไปยังหลังคาของบ้านหลังที่ติดกัน อุ้งเท้าเล็กๆถูกยกขึ้นพร้อมกับลิ้นน้อยสีแดงที่แล่บออกมาเลีย
“ยังไม่ชินกับร่างนี้เลยแฮะ เลยใช้พลังได้แค่นิดเดียว” ว่าแล้วเจ้าแมวตัวที่สองก็ตกลงมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
แปะ...มันกระทบลงกับกระเบื้องอิฐ แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
“นี่ๆ แล้วเรามาทำอะไรที่นี่กันล่ะเมี้ยว”
แปะ คราวนี้ถึงทีของตุ๊กตาแกะ มันหล่นลงมาพร้อมกับเสียงร้องแบะๆ
“มาตามหาสิ่งนั้นยังไงล่ะแบะ”
“...อย่าพากษ์เสียงเอาเองตามใจชอบสิ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง ชายหนุ่มหน้าตาดีอายุราวๆไม่ถึงยี่สิบกำลังยืนอยู่บนกระเบื้องอิฐของหอคอยสูงลิ่ว เขาเดินอยู่บนชายกระเบื้องที่อยู่ริมหอคอยอย่างไม่กลัวความสูง หรือเขาคิดจะฆ่าตัวตาย? ไม่หรอกมั้ง...
ผมสีดำที่ยาวปิดตาขวาของเขาสะบัดไปตามแรงลม น่าแปลกที่นีวาร์ไม่เห็นดวงตาข้างซ้ายของเขาเลยแม้แต่น้อย
“โตแล้วนะ ยังจะเล่นตุ๊กตาอยู่อีก”
นีวาร์ขมวดคิ้วนิ่วหน้าให้กับคนที่มาใหม่ ร่างโปร่งที่กำลังนั่งอยู่บนไม้กวาดสีน้ำตาลแก่เขยิบออกไปจากหอคอยอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็ลอยอยู่บนฟ้าราวกับพ่อมดแม่มด ตุ๊กตาที่มีชีวิตเมื่อครู่หันมามองคนสองคน
“ยุ่งอะไรกับรสนิยมคนอื่นเค้า”
“หึหึหึ โทษทีแล้วกันนะ” เขายิ้ม
“มีธุระอะไร?” นีวาร์รู้สึกไม่ชอบคนตรงหน้าอย่างแปลกๆ ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มเสมอๆนั่นราวกับเห็นใบหน้าของปีศาจที่พร้อมจะทำลายใครก็ตามที่ขวางหน้าอยู่...อาจจะไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาเองก็ได้...
“ผมต้องถามมากกว่าว่า...คุณมีธุระอะไรที่นี่”
นีวาร์เงียบ เขากำลังลองเชิงกับผู้ชายตรงหน้า เมื่อคำถามของเขาถูกตอบกลับด้วยคำถามเดียวกัน เขาควรจะพูดออกไป? หรือควรจะโกหก?
“กรุณาตอบเถอะครับ ผมเป็นหนึ่งในผู้นำของเมืองนี้ คุณไม่คิดหรือว่าผมควรจะมีสิทธิ์รับรู้ว่านักท่องเที่ยวที่มาเมืองนี้มีจุดประสงค์อะไร...”
เสียวสันหลังชอบกล...แน่นอนว่าที่เขาพูดมีเหตุผลที่นีวาร์ยอมรับได้ แต่เขาอยู่ฝ่ายไหนกันล่ะ?
“หากคุณมาดี...ในฐานะเจ้าบ้านผมก็จะต้อนรับคุณด้วยความยินดี แต่หากคุณมาร้าย...ขอให้คิดให้ดีก่อนนะครับ” เขายิ้มกว้างอีกครั้ง นีวาร์แน่ใจแล้วว่าภายใต้หน้ากากที่ยิ้มแย้มนั้น...เขามันปีศาจร้าย
ไม่ว่าเลือกทางไหน เขารู้ตัวเองดีว่ามันเสี่ยงที่จะเลือกเป็นศัตรูกับคนตรงหน้าอย่างแน่นอน...
“เฮ้ออออ ผมเป็นมนุษย์นะ” คนบนไม้กวาดตอบเลี่ยง
“งั้นคุณจะอธิบายยังไงเกี่ยวกับไม้กวาดเวทมนตร์บินได้ ตุ๊กตาที่ตกลงมาจากฟ้าและเคลื่อนไหวได้เองและฝนไส้กรอกรสแฮมเมื่อตอนกลางวัน”
“มายากลไงล่ะ...” คำตอบของเขาทำเอาร่างโปร่งเลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงน มายากล?
“แปลกใจใช่ม้า~” ใบหน้าใต้หมวกพ่อมดใบโตนั่นแสยะยิ้มออกมา...มือขาวที่ซ่อนอยู่ใต้ถุงมือสีดำจับไม้กวาดแน่น ในขณะเดียวกันที่ภายใต้ผ้าคลุมยาวของคนตรงหน้า เขากำลังกำมือแน่น...
ฉับพลัน นีวาร์สะบัดผ้าคลุมออก ดาบเล่มยาวก็พุ่งเข้าใส่อีกคนอย่างรวดเร็ว
ในระยะไม่ถึงเมตร ดาบเล่มนั้นมันควรที่จะปักเข้ากับร่างกายสักส่วนของร่างที่ตัวเท่าๆกันนั่น ทว่ามันกลับจั่วลม นีวาร์รู้สึกได้ถึงแรงบางอย่างที่ผลักเขาตกลงมาจากไม้กวาด ในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที เขากำลังลอยอยู่กลางอากาศโดยที่กำลังถูกอีกคนอุ้มและเอาดาบเล่มเดิม เล่มที่เขาเอาออกมา จ่อติดกับหลังข้างซ้าย...
...ตรงกับตำแหน่งของหัวใจพอดิบพอดีเชียว...
“ช้าไปหน่อยนะ” เสียงของอีกคนดังขึ้นที่ข้างหู “สรุปคุณอยู่ฝ่ายไหนล่ะ...ฝ่ายเรา หรือฝ่ายนั้น?”
“แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ?”
“ก็...ถ้าคุณอยู่ฝ่ายนั้น” เขาเว้นระยะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ “จะแทงทะลุหัวใจตอนนี้เลยก็ยังได้...”
หมับ! คนข้างหลังเลิกคิ้วอย่างสงสัยอีกครั้ง เมื่อมือของอีกคนคว้าเข้าที่ตัวดาบที่เขาถืออยู่...ก่อนจะค่อยๆลงมือดันมันเข้าเสียบเนื้อด้านในผ่านทางด้านหลังช้าๆ
...ตัวดาบยาวทะลุหน้าอกออกไปแล้ว แต่นีวาร์ยังคงยิ้มอยู่อย่างไม่ได้รับบาดแผลใดๆ!
“น่าเสียดาย...น่าเสียดายจริงๆ...ถ้าตัวดาบยาวกว่านี้อีกแค่นิดเดียว...” สัญญาเถอะว่าเขาเห็นตัวดาบมันแทงทะลุหน้าอกและตรงกับตำแหน่งของหัวใจพอดิบพอดีไม่ผิดเพี้ยน แต่เลือดสักหยดก็ไม่มีให้เห็นแม้แต่เงา! “ก็แทงถึงหัวใจไปแล้ว...”
“หืม เวทมนตร์...หรือมายากลล่ะ?”
“หุหุหุหุหุหุ”
เขาปล่อยตัวของนีวาร์ลงกับยอดหอคอยสูง เมื่อนิ้วนั่นแตะลงกับตัวดาบ อาวุธเหล็กนั่นก็หายไปกับตาเสียแล้ว เอาเข้าจริงๆเขาก็ไม่รู้เกี่ยวกับพลังของคนตรงหน้าเลยจริงๆ...มาก หรือน้อย ใช้งานอย่างไร มีข้อจำกัดแค่ไหน มีข้อแม้อะไร เขาไม่รู้เลยแม้แต่นิดเดียว...ช่างเป็นนักท่องเที่ยวที่น่าปวดหัวด้วยเสียนิกระไร
“ผมอยู่ฝ่ายเดียวกับคุณ” นีวาร์เฉลย ที่ทำไปเมื่อครู่แค่อยากรู้พลังของอีกคนเท่านั้นเอง เขาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้าย และรู้ด้วยว่ากลเมื่อกี้คงทำอะไรร่างตรงหน้าไม่ได้อย่างแน่นอน
ดีเท่าไหร่แล้วที่คนหน้ายิ้มที่เขาอยากลองพลังยังพอมีเมตตา ไม่ฆ่าเขาขึ้นมาจริงๆ!
พวกเขาเงียบไปเกือบนาที ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ พวกเขาเพียงแค่มองหน้ากัน นีวาร์สัญญาเลยว่าเขาพยายามที่จะอ่านใจของอีกคนจากสีหน้า และมันล้มเหลวอย่างง่ายดาย...กลับกันที่อีกฝ่ายเหมือนจะดูเขาออกตั้งแต่เริ่มด้วยซ้ำ
“...มาร่วมกองกำลังพิเศษกับผมไหม?” เสียงลมดูจะเบาลงเมื่อคนหนึ่งพูดทำลายความเงียบขึ้น “ผมชื่อเชสเตอร์”
“…”
“เข้าร่วมกับเรา...แล้วสิ่งที่คุณต้องการ มันจะไม่ไกลเกินเอื้อม...”
สั้นไปหน่อย ไว้ค่อยแก้ บลัย 5555555555555555555555555555555
ความคิดเห็น