คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : นักเดินทาง
ณ กาลนั้น ...มัณฑะเลย์
‘หนาว.....
และต่อให้กอดตัวเองจนแน่นเพียงไหน ก็บรรเทาความหนาวในหัวใจไม่ได้เลย’
จู่ๆก็มีหนังสือสั่งการจั่วหัวตัวแดงๆมาว่าเร่งด่วน ด่วนจริงๆเลยล่ะเพราะหนังสือนั่นเพิ่งเข้ามาอยู่ในกล่องจดหมายขาเข้าในอีเมลส่วนตัวตอนแปดโมงเช้า และเมื่อครู่มัณฑะเลย์ก็เพิ่งยืนตรงนิ่งสนิทเป็นประจักษ์พยานการเชิญธงชาติลงจากเสาของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีกักเก็บน้ำเขต๔ ห้วยแม่เติง สถานีเล็กๆที่มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทิวเขาสุดลูกหูลูกตา สถานีที่มีระยะทางตามป้ายบอกว่า ๑๒๒ กิโลเมตร จากตัวเมืองเชียงใหม่ แต่แน่ล่ะ...อย่าให้ถามว่ากี่กิโลแม้ว
หลังคว้าข้าวของส่วนตัวบนโต๊ะทำงานในออฟฟิศชั้นสิบเอ็ดบนถนนสีลมแล้วจ้ำอ้าวขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินกลับห้องเช่าเล็กๆไปเก็บเสื้อผ้าสองสามชุดยัดเข้าเป้ที่หอบติดตัวสมบุกสมบันไปด้วยทุกครั้งเมื่อต้องออกเดินทาง เที่ยวบินแรกหลังรับคำสั่งด่วนที่เป็นเครื่องทหารซึ่งมีผู้โดยสารให้เห็นหน้ากันไม่ถึงโหลซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบอสท่านไปตีซี้กับกองทัพอากาศมาตั้งแต่สมัยไหนถึงขอที่นั่งด่วนๆมาให้เขาได้โดยสารแบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายนั่นพามัณฑะเลย์มาถึงเชียงใหม่โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง
แถมพอแตะพื้นดิน ก้าวยาวๆหนีแสงจัดจ้าก่อนเที่ยงเข้าถึงอาคารไม้เก่าๆที่ตั้งอยู่ริมรันเวย์สนามบินทหารได้ปุ๊บก็มีหนุ่มวัยดึกที่ส่วนสูงน้อยกว่าเขาเป็นฟุตปรี่เข้ามาทำท่าจะแย่งเป้เน่าๆของเขาไปช่วยถือจนปฏิเสธแทบไม่ทัน
หากพอขึ้นนั่งด้านหน้าของกระบะเก่าคร่ำที่มองไม่ออกว่าสีเดิมเป็นสีอะไรได้ มัณฑะเลย์ก็ต้องทึ่งกับทักษะการแว๊นแบบไม่เกรงใจโค้งถนนสองเลนของลุงที่พูดภาษากลางกับเขาแค่สองประโยคตอนทักทายกัน แต่พอชายหนุ่มหลวมตัวขึ้นนั่งเป็นผู้โดยสารคนเดียวของแกเรียบร้อยก็อู้คำเมืองรัวราวกับนึกว่าคนฟังก็เป็นคนแถวนี้ไปด้วยเสียอย่างนั้น
ชายหนุ่มตัดสินใจเก็บสมุดโน้ตหุ้มปกหนังเล่มเล็กเข้าช่องซิปด้านหน้าของเป้ส่วนตัว เพราะแน่ใจว่าฝืนอ่านไปคงได้ขอให้ลุงแกแวะพักลงไปคายของเก่าข้างทางแน่ๆ สมุดโน้ตเล็กๆที่ได้ฟรีมาจากการจับฉลากที่ออฟฟิศเมื่องานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าเมื่อปีที่แล้วนั้นเพิ่งจะบรรจุข้อมูลจำเป็นเพิ่มมาเมื่อเช้าอย่างลวกๆ โดยเย็บมุมกระดาษA4ที่แนบมากับหนังสือสั่งการเข้ากับปกในแล้วพับขอบกระดาษทบเข้าไปจนไม่ยื่นออกมาเกะกะแต่ก็ทำเอาพองออกมาไม่ใช่น้อย เพราะจากประสบการณ์การทำงานตรงนี้เข้าปีที่สี่ มัณฑะเลย์รู้ยิ่งกว่าดีอีกว่า ‘เร่งด่วน’ ตัวแดงๆที่จั่วหัวมา แปลตรงตัวว่าอย่าได้หวังพึ่งพาเทคโนโลยีไม่ว่าจะกี่G หรือแม้แต่ไม่มีGเลยเป็นอันขาด
โชคดีที่เขายอมเสียเวลาก่อนไปสนามบินแวะซื้อน้ำกับขนมปังสอดไส้และขนมปังกรอบจากร้านสะดวกซื้อมาสองสามชิ้น การเดินทางต่อเนื่องแบบไม่ได้หยุดพักเลยตั้งแต่สายจนจรดเย็นย่ำขนาดนี้จึงไม่เป็นปัญหา
“คืนนี้คุณพักกับเราที่สถานีนี่ก่อน แล้วผมจะพาคุณไปที่จุดนัดพบเอง คุณมาถึงเอาป่านนี้ เราคงต้องออกกันตั้งแต่ก่อนสาง...อย่างช้าสุดตีสี่คุณต้องตื่น...”
“ต้องรบกวนคุณด้วย ที่จริงผมก็เพิ่งได้คำสั่งมาเมื่อเช้า พยายามมาให้เร็วที่สุดแล้ว แต่ก็ได้เท่านี้” ชายหนุ่มก้มหัวน้อยๆให้กับเจ้าหน้าที่ในชุดเสื้อคอเต่าแขนยาวสีเขียวทหารที่ปล่อยชายย้วยๆบ่งบอกอายุการใช้งานออกจากขอบกางเกงลายพรางสีซีดจางซึ่งแม้จะมีสีหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงกลับบ่งบอกว่าไม่พอใจนัก
“ขอโทษที่พูดไม่ดี แต่แผนเดิมคือเราจะพรางตัวอยู่ก่อน ไม่ใช่ไปอย่างกระชั้นชิดแบบนี้ ถึงจะเป็นนักข่าว แต่คุณคงรู้ดีว่าภายใต้สถานการณ์นี้...หากเป็นไปตามแผนจะได้เปรียบกว่า”
ชายหนุ่มสองคนสบตากันเงียบๆ ต่างรู้สถานการณ์ดีว่าภายใต้หน้ากากของความสงบร่มเย็นและธรรมชาติสวยสดงดงามของทิวเขาสลับซับซ้อน ในแดนที่ไม่น่าจะมีภยันตรายใดๆนอกเหนือจากสัตว์ป่าดุร้ายและภัยจากธรรมชาติ ที่แท้แล้วยังคงมีสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือมนุษย์ มนุษย์อุดมกิเลสที่คิดแต่จะตักตวงมากกว่าเป็นผู้ให้
“ผมรู้ว่างานของเราต่างกัน พวกคุณสอดแนม ล้อมจับ ส่วนผม...บันทึกหลักฐาน แต่ถึงอย่างไรเราก็มีหน้าที่ต่อสิ่งเดียวกัน...ประเทศชาติ”
สายตาสองคู่สบประสานกันอยู่ชั่วขณะ และฝ่ายเจ้าบ้านก็ไม่คิดจะปิดบังเลยเมื่อที่สุดแล้วโคลงศีรษะน้อยๆพร้อมกับถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะเริ่มก้าวขึ้นบันไดนำสู่ชั้นบนของอาคารไม้ใต้ถุนสูงตรงหน้า
“ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมงานนี้ถึงต้องการนักข่าว แต่เอาเถอะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด หวังว่าถึงเวลาแล้วคุณจะดูแลตัวเองได้...คุณต้องอาบน้ำไหม? ถ้าจะอาบก็รีบอาบเลย พระอาทิตย์ตกแล้วแบบนี้ อีกไม่เกินชั่วโมงอากาศจะเย็นจัด แล้วน้ำค้างจะเริ่มตก”
“ได้ก็ดีครับ ประสบการณ์สอนผมว่าถ้ามีอาหารให้กินต้องกิน มีน้ำให้อาบต้องอาบ” มัณฑะเลย์เหวี่ยงเป้ที่วางกองอยู่บนพื้นข้างตัวขึ้นพาดบ่า ยักไหล่เบาๆตามความเคยชินทั้งที่คนเดินนำไม่มีทางได้เห็นพร้อมกับตอบไปง่ายๆ แต่เป็นคำตอบที่ทำให้เจ้าบ้านพอใจไม่น้อย
“...ดีใจที่ได้รู้ว่าคุณนักข่าวพอมีประสบการณ์อยู่บ้าง ผม...สรัล”
“มัณฑะเลย์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักคุณสรัล และหวังว่าทั้งงาน...และหน้าที่ของเราสองคนในวันพรุ่งนี้จะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี”
“มัณฑะเลย์....อืม ข้างบนเขาอาจจะเลือกคุณมาทำงานนี้เพราะชื่อก็ได้นะ ว่าแต่คุณรู้แล้วใช่ไหม?”
“ผมรู้ว่าต้นทางคือมัณฑะเลย์ แต่เชื่อเถอะ...บอสไม่ได้เลือกผมมาแค่เพราะชื่อหรอก”
“หึๆ ผมหมายถึงข้างบนโน้น....” หนุ่มผิวเข้มคร้ามแบบคนทำงานกลางแดดจ้าอยู่เสมอที่ดูจะเคร่งเครียดมาตลอดตั้งแต่นักข่าวจากกรุงเทพฯมาถึงยกยิ้มมุมปาก ชี้นิ้วชูขึ้นบนฟ้าพร้อมเหลือบตาขึ้นทำสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจเสียเต็มประดา “...คนบนฟ้าที่ชอบเล่นสนุกกับชีวิตคนเดินดินอย่างเราต่างหาก ไม่ได้หมายถึงเจ้านายที่กรุงเทพฯเมืองฟ้าของคุณหรอก”
“ไม่น่าเชื่อเลย...”
มัณฑะเลย์ก้าวตามคนนำจนมาหยุดหน้าประตูไม้บานที่สองที่หน้าบานประตูมีป้ายซึ่งทำจากไม้อีกเช่นกันเขียนด้วยสีขาวติดไว้ว่า ‘ห้องพักเจ้าหน้าที่’ พอดีกับที่สรัลหันกลับมาเลิกคิ้วตั้งคำถาม
“ไม่น่าเชื่อ...เรื่อง?”
“คุณดูไม่เหมาะกับเรื่องแบบนี้ ผมหมายถึง...คุณดูตรงไปตรงมา แล้วก็จริงจัง...จริงเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะเชื่อเรื่องดวง”
สรัลมองท่ายักไหล่ราวกับเจ้าตัวไม่สนใจสายตาคนทั้งโลกของคุณนักข่าวที่ท่าทางเอาเรื่องไม่น้อยแล้วปล่อยเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆ บิดข้อมือหมุนลูกบิดที่ให้สัมผัสยะเยียบตามอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็วแล้วออกแรงผลักเบาๆ ก่อนจะก้าวนำเข้าไปในห้องพักเล็กๆนั่นก่อน
“ใครว่าผมเชื่อเรื่องดวงล่ะ ผมเชื่อเรื่องพรหมลิขิตต่างหาก หรือคุณไม่เชื่อ?”
มัณฑะเลย์ปลดเป้ลงจากไหล่แล้ววางกองบนโต๊ะไม้ต่อหยาบๆที่ตั้งแอบเข้ามุมอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วจึงก้มลงสบตากับอีกคนที่ตอนนี้ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงเดี่ยวที่วางชิดกับอีกฟากของผนัง
“ใช่...ผมไม่เชื่อ ที่ผมเชื่อ...คือกรรมลิขิต กรรม...ที่แปลว่าการกระทำนั่นแหละ คือสิ่งที่ผมเชื่อ”
......โปรดติดตามตอนต่อไป......
ความคิดเห็น