ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SJ&SNSD] ไม่มีชื่อเรียกในความสัมพันธ์ระหว่างเรา [EunFany]

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 54


     

    ตอนที่ 2

     

                ทิฟฟานี่นอนเต็มอิ่มตลอดเมื่อคืนนี้เพราะได้รับเหล้ามาจากเพื่อนๆ เธอดื่มไปเพียงแก้วเดียวเท่านั้น พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายจนกระทั่งตอนเช้า และด้วยนาฬิกาปลุกจึงทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมาอย่างตรงเวลา เธอใช้เวลาอาบน้ำและแต่งตัวไม่นานนักก็ย้ายร่างเพรียวบางของตัวเองมานั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง

     

                “นอนดึกไม่กี่วัน ขอบตาคล้ำขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” หญิงสาวบ่นอุบเมื่อเห็นรอยสีน้ำตาลอ่อนใต้ดวงตาของตัวเอง เจสสิก้าเพื่อนร่วมวงที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องทิ้งตัวนั่งบนเตียง ก่อนจะเอ่ยขึ้น

     

                “ตาคล้ำก็ทาครีมแล้วตบแป้งหนาๆ สิ ไม่เห็นจะยากเลย” หญิงสาวบอกตามสิ่งที่ตัวเองทำมาเป็นประจำ แต่ทิฟฟานี่กลับหันไปจ้องหน้าเพื่อนแล้วมุ่ยหน้าลง

     

                “ฉันไม่อยากไปเล่นงิ้วนี่นา”

     

                “แล้วเธอจะมาบ่นทำไมเล่า” ว่าจบก็เอนหลังลงไปนอนบนเตียงของทิฟฟานี่อย่างหน้าตาเฉย ทิฟฟานี่จ้องใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางของตัวเองในกระจก แต่ก็ยังได้ยินเสียงเจสสิก้าดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง “กลิ่นเหล้าติดตัวฉันแบบนี้ ถ้าผู้จัดการรู้พวกเราต้องถูกด่ายับแน่”

     

                เสียงบ่นของเพื่อนสาวทำให้ทิฟฟานี่อ้าปากค้างกับตัวเอง ซวยแล้วไหมล่ะมิยอง กลิ่นเหล้ายังติดตัวเธออยู่หรือเปล่านะ ถึงจะดื่มไปแค่แก้วเดียวแต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ หญิงสาวเริ่มปฏิบัติการดมกลิ่นตามเรียวแขนและมือบางของตัวเอง กลัวเหลือเกินว่ากลิ่นแอลกอฮอล์จะถูกขับออกมาทางเหงื่อจนเขาจับได้

     

                “เป็นอะไรไปน่ะมิยอง” เจสสิก้าเอ่ยถาม

     

                “ฉัน...ฉันกลัวว่าจะมีกลิ่นเหล้าติดตัวเหมือนเธอน่ะสิ” บอกพรางตามหากลิ่นที่ว่านั่นอย่างไม่หยุดหย่อน เจสสิก้าจึงหัวเราะลั่นกับพฤติกรรมของเพื่อน แล้วเอ่ยบอก

     

                “เธอดื่มไปแค่แก้วเดียว มันจะมีกลิ่นได้ยังไง ฉันนี่สิดื่มอย่างกับอาบ พวกนั้นก็เหมือนกัน ส่วนยัยน้องเล็กของเรา ตอนแรกก็ทำเป็นเหนียมอาย สุดท้ายโดนมอมจนอาการหนักกว่าพวกฉันเสียอีก ตอนนี้ยังไม่ตื่นกันเลย” หญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งเอ่ยจบ ก็ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างนึกสงสัย “เธอกลัวใครจะเหม็นกลิ่นเหล้าหรือไงมิยอง?”

     

                “บ...บ้าเหรอ ฉันไม่คุยกับเธอแล้ว” ทิฟฟานี่พูดจบแล้วก็รีบแต่งหน้าให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้ แต่เมื่อเธอหยิบกระเป๋าสะพายและคว้ากุญแจรถยนต์ เธอก็เพิ่งนึกได้ “เมื่อคืนฉันไม่ได้ขับรถกลับมานี่นา” ทิฟฟานี่พึมพำกับตัวเอง ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยขึ้น

     

                “ก็นั่นน่ะสิ ที่ฉันเข้ามาก็เพื่อจะบอกเธอว่าพี่อึนฮยอกมารอเธออยู่ข้างล่างนี่แหละ” เจสสิก้าพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติของเธอ แต่ทว่าทิฟฟานี่กลับเบิกตาโพลง

     

                “แล้วทำไมเธอไม่รีบบอกฉัน?”

     

                “ฉันจะไปรู้เรอะ เห็นเธอยังนั่งชิลล์อยู่เลยนี่นา”

     

                “ตายๆๆ ฉันต้องถูกหมอนั่นค่อนขอดแน่ๆ” พูดจบก็รีบถลาออกไปจากหอพักอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เจสสิก้าทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งอย่างหมดเรี่ยวแรง

     

     

     

                เมื่อลงมาถึงด้านล่าง ทิฟฟานี่ก็เห็นชายหนุ่มร่างโปร่งที่คุ้นตากำลังเดินวนไปวนมาอยู่ข้างรถเก๋งคันเล็กของเขา เจ้าของรถยนต์ยกนาฬิกาขึ้นมาดูอยู่บ่อยครั้ง ไม่ได้กลัวว่าจะไปซ้อมละครเวทีสายหรอก เขาแค่ต้องการจับเวลาที่เธอจะลงมาด้านล่างเพื่อหาเรื่องกลั่นแกล้งเธอต่างหาก

     

                “นายก็รู้เบอร์ฉันไม่ใช่เหรอ มาถึงแล้วทำไมไม่โทรตาม” สิ้นเสียงอ่อนหวานที่ติดจะประชัดประชันนิดๆ ดังขึ้น ฮยอกแจก็หันกลับมามอง วันนี้เธออยู่ในชุดเดรสสิชมพูอ่อน ชายกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อยประดับด้วยผ้าลูกไม้หวานๆ ทำให้ดูหวานจับใจ แต่ไม่เท่ากับใบหน้าของเธอ ผมตรงสีดำเงางามปล่อยยาวถึงกลางหลัง ทำให้คำพูดที่ฮยอกแจเตรียมไว้ในตอนแรกถูกลืมเลือนไปหมด

     

                “เธอไม่มีความเกรงใจบ้างเลยหรือไง ปล่อยให้พี่ยืนรอจนเมื่อยไปหมดแล้ว” ฮยอกแจต่อว่าหลังจากที่เขาดึงสติให้กลับมาที่เดิมได้สำเร็จ

     

                “ฉันจะไปรู้เหรอว่านายจะมารับ”

     

                “ถ้าพี่เป็นเธอ พี่คงเดาเนื้อเรื่องได้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้” ฮยอกแจยังคงต่อว่าไม่หยุดหย่อน หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองอย่างเคืองๆ ก่อนจะยื่นริมฝีปากที่ทาด้วยลิปกลอสสีอ่อนออกมาเพื่อแสดงออกว่าเธอกำลังไม่พอใจเขามากเพียงใด

     

                “ฉันไม่ได้เป็นพระเจ้าที่จะรู้ไปทุกเรื่องนี่”

     

                “แต่เมื่อกี้พี่ก็ให้สิก้าไปตามเธอแล้ว”

     

                “แหม เรียกซะสนิทสนมเชียวนะ” ทิฟฟานี่ส่งค้อนให้เขาอีกหนึ่งที ก่อนที่ฮยอกแจจะขยับเข้ามาจ้องหน้าใกล้ๆ

     

                “เธอหึง?”

     

                “ฉันจะไปหึงนายทำไมยะ?!

     

                “เพราะเมื่อวานพี่บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงของพี่ เธอเลยคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของพี่ แล้วเธอก็หึงพี่ด้วย” เขาพูดได้อย่างหน้าตาเฉย ไม่สนใจคนที่อารมณ์เดือดปุดๆ เลยสักนิด

     

                “แล้วเมื่อไรจะขึ้นรถเนี่ย ไม่ไปซ้อมแล้วหรือไง” ทิฟฟานี่รีบเฉไฉ ก่อนจะโดนเขาลากออกทะเลไปมากกว่านี้ ซึ่งดูๆ ไปก็เหมือนกับว่าเธอจะเต็มใจไปกับเขาเสียด้วย

     

                “พี่รอเธอขึ้นรถไงล่ะ”

     

                “ถ้านายไม่ขึ้นรถ ฉันจะขึ้นรถได้ยังไง รถคันนี้ไม่ใช่ของฉันเสียหน่อย”

     

                “แต่ที่นั่งข้างคนขับเป็นของเธอนะ” ฮยอกแจชี้ไปยังฝั่งคนขับในขณะที่ทิฟฟานี่เดินไปอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านใน

     

                “นายกำลังทำให้ฉันกลัวนะอี ฮยอกแจ” เธอว่าแล้วกระแทกปิดประตูดังปัง แต่แทนที่ชายหนุ่มจะรู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของเธอ เขากลับอมยิ้มกับท่าทางสะบัดสะบิ้งนั้น มันช่างน่ารักน่าชังแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นเสียจนเขาอยากจะหยิกแก้มเธอแรงๆ ให้หายมันเขี้ยวเสียที

     

     

     

                ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในรถ หญิงสาวก็หยิบไอพอดขึ้นมาเสียบหูเพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนาจากเขา เธอเห็นว่ารุ่นพี่ฮยอกแจลอบมองใบหน้าของเธออยู่บ่อยครั้ง

     

                หรืออาจจะเป็นเธอเองที่แอบลอบมองเขาเองก็ได้

     

                แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม มันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดกับพื้นที่แคบๆ นี้มากเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าไม่มีความสุขที่เธอได้อยู่ใกล้ชิดเขา แต่เธอแค่รู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย

     

                เมื่อรถจอดสนิท ทิฟฟานี่ก็ค่อยๆ เก็บไอพอดใส่กระเป๋า และปลดเข็มขัดนิรภัยออก แต่กว่าที่เธอจะก้าวลงมาจากรถ ฮยอกแจก็มายืนรออยู่ฝั่งเดียวกับเธอเสียแล้ว เมื่อเธอผลักประตูออกไปก็ชนเข้ากับตัวของเขาเข้าอย่างจัง

     

                “เธอเมาหรือเปล่าเนี่ย ทำอะไรไม่ระวังเลย” เขาต่อว่า ก่อนจะดีดนิ้วอย่างนึกขึ้นได้ “จริงสิ พี่ยังไม่ได้เช็คเลยว่าเมื่อคืนเธอดื่มเหล้าหรือเปล่า”

     

                “ฉันจะดื่มหรือไม่ดื่มมันไม่เกี่ยวกับนายเสียหน่อย” เธอว่าแล้วดันประตูรถปิด ระยะห่างที่เรียกได้ว่าใกล้ชิดกันเท่ากับแมลงวันบินผ่านทำให้ทิฟฟานี่รู้ว่าเธอสูงเพียงแค่ระดับคางของเขาเท่านั้น

     

                “ไม่รู้ล่ะ พี่จะเช็ค” ฮยอกแจบอกแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้

     

              เขามีความสามารถพิเศษในการทำให้คนอื่นหวั่นไหวหรือไงนะ ถึงว่าล่ะทำไมได้รับฉายาไอดอลคาสโนว่า ทั้งๆ ที่หน้าตาก็ไม่ได้โดดเด่นเลยสักนิดเดียว

     

                แต่ถึงกระนั้น เธอกลับหวั่นไหวไปกับเขาเสียได้

     

                “ใส่น้ำหอมจนฟุ้งเชียว” เขาละหน้าออกแล้วเอ่ยต่อว่า

     

                “ถ้ามันเหม็นนักก็อย่ามาเข้าใกล้ฉันแล้วกัน” เธอบอกพลางคิดอยู่ในใจว่าถ้าหากเขาไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นนี้ เธอจะใส่มันมาทุกวันเพื่อไม่ให้เขาเข้าใกล้เธอเลย แต่ความคิดทั้งหมดก็หยุดเพียงแค่นั้นเมื่อ...

     

                “ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเหม็น กลิ่นเหมือนผลไม้เลยนะ พี่ชอบ” เขาบอกแล้ววางมือบนศีรษะของเธอ ก่อนจะจับโยกไปมาเหมือนว่าเธอเป็นเด็กในอาณัติของเขาอย่างนั้นแหละ

     

                “ปล่อยฉันนะฮยอกแจ!” ทิฟฟานี่ตวาดลั่นเมื่อรู้สึกมึนศีรษะกับการกระทำของเขา หวังว่าเหล้าแค่แก้วเดียวที่เธอดื่มไปเมื่อคืนมันจะไม่ออกฤทธิ์ตอนนี้หรอกนะ

     

                “เธอนี่เตี้ยเหมือนกันนะทิฟฟานี่” ฮยอกแจบอก ก่อนจะปล่อยมือออกเพราะกลัวว่าเธอจะโวยวายไปมากกว่านี้จนคนอื่นตกใจ

     

                “นายไม่เตี้ยเลยหรือไงยะ ถ้าเอาแผ่นเสริมส้นออก ฉันว่านายก็คง...” ทิฟฟานี่แกล้งมองเขาอย่างประเมินเหมือนที่เขาทำกับเธอเมื่อวานนี้ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล เธอยังแค้นไม่หายที่เขากล้าบังอาจว่าขาของเธอเหมาะจะนำไปทำขาหมูน้ำแดง มันไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้นเสียหน่อย

     

                “คงอะไร?”

     

                “คงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบ!

     

                “โห...ดูถูกกันมากไปแล้วนะยัยหมีฟานี่ ที่พี่สูงแค่นี้ก็เพราะจะได้พอดีเวลายืนคู่เธอหรอก นี่อย่าเดินหนีพี่นะ ทิฟฟานี่!” เขาวิ่งตามเธอต้อยๆ เมื่อเธอไม่ฟังคำพูดของเขา แถมยังวิ่งหนีเข้าไปด้านในห้องซ้อม แต่เมื่อทั้งสองคนวิ่งไล่กันไปจนถึงด้านใน นักแสดงรวมถึงครูฝึกเต้นและฝึกร้องต่างก็หันมามองจนเขาและเธอถูกล้อถูกแซวไปตลอดทั้งวัน

     

     

     

                หลังจากซ้อมกันอย่างหนักไปเกือบสามชั่วโมง เหล่าทีมงานก็หมดแรงไปตามๆ กัน มันถึงเวลาพักเที่ยงพอดี พวกเขาจึงเริ่มโทรสั่งอาหารตามคำเรียกร้องของกระเพาะ

     

                “แล้วเครื่องดื่มล่ะครับ?” ฮยอกแจเสนอขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่มีใครขันอาสาออกไปซื้อเครื่องดื่มเลยสักคน

     

                “นายก็ไปสิฮยอกแจ นายเป็นน้องเล็กนี่นา” ลีน่ารุ่นพี่สาวร่วมค่ายเอ่ยบอก ฮยอกแจทำหน้าบึ้งทันที เพราะในบรรดาผู้ชายทั้งหมด เขาอายุน้อยที่สุดแล้ว ไม่น่าหาเหาใส่ตัวเองเลย

     

                “งั้นเธอไปกับพี่!” ชายหนุ่มหันไปบอกทิฟฟานี่ที่นั่งท่องบทของเธออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เขานั่ง

     

                “ทำไมฉันต้องไปด้วย?” หญิงสาวละสายตาจากบทละคร แล้วหันมาถามเขา

     

                “ก็เธอเป็นน้องเล็กเหมือนกันนี่”

     

                “แต่ฉันเป็นผู้หญิงนะ ฉันถือของไม่ไหวหรอก” ทิฟฟานี่แย้งเสียงดังเพื่อขอความเห็นจากรุ่นพี่อีกหลายๆ คน แต่ทว่าฮยอกแจกลับไม่ฟังคำทัดทานของเธอเลยแม้แต่น้อย เขายืนขึ้นแล้วฉุดข้อมือบางให้ถลาตามเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

     

                ท่ามกลางความตกใจของนักแสดงและทีมงานทั้งหมด

     

                ดูเหมือนจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นเสียแล้วสิ

     

     

    จบไปแล้วอีกตอน ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเม้นท์เลยค่ะ

    ไม่คิดว่าจะมีคนชอบคู่นี้เหมือนกัน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×