คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : chapter 8
8
“ฮยอนอากินนี่สิ อร่อยมากกกกกกกกก เขาเรียกว่า...เอ่อม เฟอร์รารี่”
...มันเรียกว่าเฟอเรโร่โว้ย! เฟอเรโร่ รอชเชอร์
“โอ้ย! ไอ้พี่แว๊นซ์มันบ้านนอก ฮยอนอาไม่ต้องไปฟังมัน ฮุนฮุนว่ากินของฮุนฮุนดีกว่า นี่ฮุนฮุนแหกขี้ตาไปยืนต่อแถวรอซื้อส้มตำร้านเจ๊บูดมาให้เลยนะ ฮุนฮุนว่าเจ๊ดิบนางคุณค่าทางโภชนาการไม่ดีเท่าไหร่ เดี๋ยวก็ผมเดี๋ยวก็น้ำลาย เวลาเจ๊แกเจอเพื่อนทีไรนี่เม้ากันจนขี้หูแทบจะไหลใส่จานข้าว ฮุนฮุนรับไม่ได้ ยึ๋ย~”
ผมนั่งกุมขมับตัวเองอย่างระอาถึงวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเทอม แต่ไอ้สองคนนี้ก็ยังคงตามระรานจนถึงที่สุด ที่จริงผมกะว่าวันนี้ผมกับฮยอนอาจะมาสวีทกันในโรงอาหารโชว์เพื่อจะกลบข้อสงสัยของไอ้แว๊นซ์ซักหน่อย แต่พอไอ้สองคนนั้นเห็นผมทำท่าจะสวีทกับฮยอนอาเมื่อไหร่มันก็ย้ายมาร่วมวงด้วยทันที
ผมหันไปมองจงแดที่นั่งหลับตาเจริญสมาธิภาวนาอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันไปมองจงอินที่นั่งทำหน้าพะอืดพะอมกับจานข้าวตัวเองอยู่เงียบๆ จงอินหันมาทางผมก่อนจะค่อยเลื่อนหน้าเข้ามากระซิบ
“พี่...ผมเพิ่งเคยสัมผัสประสบการณ์อย่างนี้เป็นครั้งแรก...มันแบบ”
“เห้ย! พวกมึง! / กรี๊ด! ทำอะไรกัน!” ผมกับไอ้จงอินสะดุ้งเด้งตัวออกห่างกันไปคนละทิศละทาง ก่อนจะมองหน้ากันอย่างงงๆ ไอ้เด็กเซฮุนลุกพรวดพาดขึ้นมาแยกผมกับจงอินออกจากกัน
“ประเจิดประเจ้อไม่อายฟ้าอายดิน! บัดสี บัดดินสอ! ฮุนฮุนรับไม่ได้!!!”
กู...ทำอะไรครับ?
ระหว่างที่ผมกำลังคิดหาคำตอบอยู่ ก้อนวัตถุไปทราบชื่อก้อนลอยมาใส่ผม จากหนึ่งอัน เป็นสองอัน สาม สี่ ห้า และต่อไปเรื่อยๆ ผมเงยหน้ามองไอ้แว๊นซ์ที่กำลังจกข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนแล้วปาใส่ผมอย่างเมามัน ผมเริ่มทนไม่ไหวจึงค่อยเอื้อมมันไปจกข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนแล้วปากลับไปบ้าง
“เดี๋ยวมึงเจอๆ” ไอ้แว๊นซ์เงยหน้ามามองผมตาเขียวปั้ด! ก่อนจะปั้นเข้าเหนียวในมือตัวเองอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วปากลับมา ผมคว้าฝากล่องข้าวมากันได้ทันท่วงทีแต่โชคร้ายที่ข้าวเหนียวมันดันกระเด็นไปกระแทกหน้าไอ้เด็กเซฮุน...
“กรี๊ดดดดดดด! ใครปาข้าวเหนียวใส่หน้าฮุนฮูนนนนนน~ แม่ไม่สอนหรอว่าอย่าท๊ามมม!” ลุกขึ้นยืนโวยวายก่อนจะคว้าข้าวเหนียวปาใส่ทุกคนในโต๊ะบ้าง
“เห้ย! ปากูทำไมเนี่ย!!”
“กูไม่เกี่ยวโว้ยยยยยยยยย โอ้ย!”
ครับ...
แล้วหลังจากนั้นโต๊ะผมก็เริ่มสงครามปาข้าวเหนียวขึ้น ทุกคนลุกขึ้นมาเขวี้ยงข้าวเหนียวใส่กันอย่างรุนแรง ซักพักก็เริ่มลามไปที่อาหารอย่างอื่นบนโต๊ะ
แหมะ!
ฟิ้ววววววววว!
แผละ! โครม!
ปึก!
และอีกสารพัดเสียงการขว้างปาอาหาร ผมก้มหลบขนมปังที่ไอ้จงอินขว้างมา...มึงมาขว้างกูทำไมวะ!? ด้วยความโมโหผมจึงคว้าบล็อคโคลี่ในจานไอ้จงแดเขวี้ยงกลับไป แต่ดันโดนเข้าที่กลางหัวของฮยอนอาแทน...กูขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจ
“ไอ้แบค!!” จ้ากูขอโทษ
“ทุกคนพอเถอะ อ่อก!” ไอ้จงแดที่ยืนขึ้นเป็นฮีโร่กลับโดนไอ้เด็กเซฮุนขว้างอะไรซักอย่างเข้าปากไปเต็มๆ ไอ้จงแดอ้าปากค้างก่อนจะหันมาให้ผมช่วย
“ตะ ติดคะ คอ คอ” ผมลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกเลยทุบหลังมันดังอั่ก แล้วก็สำเร็จครับ...ข้าวโพดเกือบครึ่งฝักหลุดออกมาจากปากมัน
ปัก!
ผมโดนประทุษร้ายระหว่างที่กำลังยืนอึ้งกับข้าวโพดที่เพิ่งจะออกมาจากปากจงแด พอหันไปมองก็พบว่า...มันคือไอ้โต๊ะขว้างๆ ลามไปถึงนั่นเมื่อไหร่วะ!
แล้วเหตุการณ์ก็เริ่มบานปลายเรื่อยๆ เมื่อโต๊ะอื่นในโรงอาหารลุกขึ้นมาปาข้าวของใส่เช่นกัน ผมได้แต่มุดขึ้นมุดลงโต๊ะเพื่อหลบจานข้าวที่ลอยไปมาในขณะที่ไอ้จงอินนั้นโดนจานข้าวสอยหน้าแล้วไม่ต่ำกว่าห้ารอบ ไอ้เด็กเซฮุนกับซากสปาเก็ตตี้บนหัวกรีดร้องไปมาเมื่อถูกโต๊ะข้างๆรุมจับตัวก่อนที่จะป้ายมันฝรั่งบดใส่หน้ามันอย่างเมามัน
“มึง...มานี่!” ผมเรียกฮยอนอาให้เข้ามาหลบใต้โต๊ะด้วยกัน
“ส่วนมึงอ่ะ มานี่!” พอฮยอนอามุดเข้ามาปุ๊บ! ผมก็ถูกดึงออกจากใต้โต๊ะปั๊บ! ผมพยายามสะบัดมือไอ้แว๊นซ์ที่ดึงคอเสื้อผมอยู่ออก หันไปเผชิญหน้ามันก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
มันมีเส้นมาม่าห้อยออกมาจากหูอ่ะ
“หัวเราะอะไรไอ้หมาเปียก!” ไอ้ชานยอลคว้าเค้กบนโต๊ะมาโป่ะหน้าผมเข้าจังๆ ผมปาดครีมเย็นๆบนหน้าออกก่อนจะพยายามเอาไปป้ายหน้ามันบ้าง ป้ายไปป้ายมากลายเป็นว่าหัวที่ไอ้แว๊นซ์อุตส่าห์เซ็ตมาอย่างดีถูกเคลือบไปด้วยครีมเค้กแทน
เหมือนมันจะยิ่งหัวเสียหนักเมื่อเห็นผมหัวเราะชอบใจ ไอ้แว๊นซ์ดันให้ผมนอนราบลงบนโต๊ะก่อนจะขึ้นมาคร่อมแล้วกำผัดผักขึ้นมาและขยี้หน้าไปกับหน้าผม กลิ่นอย่างกับปลูกกระเทียมบนหน้ากูเลยจ้า!
ปี๊ดดดดดดดดดดดด!
เสียงนกหวีดดังขึ้นพร้อมทำให้สงครามในโรงอาหารหยุดชะงัก ทุกคนหันมองหาต้นเสียง สุดท้ายก็พบกับไอ้จงแดที่มีนกหวีดห้อยอยู่ที่คอและยืนจังก้าอยู่บนโต๊ะกินข้าวโต๊ะหนึ่ง
“ทุกคนครับ!!! ผมไม่อยากให้เราต้องมีเรื่องบาดหมางกันเพราะงั้น...” ไอ้จงแดตะโกน ทั้งโรงอาหารหยุดอยู่ในความเงียบ ทุกคนมองจงแดเป็นตาเดียวเลยครับ ผมไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าวันหนึ่งไอ้จงแดจะได้มาเป็นฮีโร่
.
.
“นั่งขัดสมาธิให้ดี~ สองมือวางทับกันทันที~”
ไอ้จงแดร้องออกมาก่อนจะนั่งลงทำท่าเป็นตัวอย่าง...กริบครับบอกเลย
“หลับตาตั้งตัวตรงซี~ ตั้งสติให้ดี ภาวนาในใจ~”
ทุกคนเริ่มเก็บข้าวของ
“พุทโธ พุทโธ พุทโธ กำหนดลมหายใจเข้าออกนะครับ หายใจเข้า พุท หายออก โธ”
จงแดนั่งหลับตาเจริญสมาธิภวานาในขณะที่ทุกคน
สลายตัวด้วยความรวดเร็ว...
…………………………………
“จงอิน~ ฮุนฮุนขี้เกียจรอแล้วอ่ะ” ฮุนฮุนหันไปกระตุกชายเสื้อจงอินที่ยืนตัวดำอยู่ข้างๆ พร้อมกับทำท่าสำออยเหมือนคนจะล้มทั้งยืน
“ก็บอกแล้วว่ามันนาน เสียเวลานายเปล่าๆ” จงอินเป็นห่วงเค้าด้วยอ่ะแกรรรรรรรร~ ฮุนฮุนเริ่มเอียงตัวไปพิงจงอินไว้ก่อนจะแอบกระแซะเล็กๆน้อยๆพอเป็นกำไรให้ชีวิต
“ที่จริงแล้วเรามาคนเดียวก็ได้” ไม่โว้ย! เรื่องอะไรฮุนฮุนจะปล่อยให้แกมาดู๋ดี๋กับเพื่อนแกสองต่อสองเล่า! เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อน่ะรู้ไหม!! ฮุนฮุนต้องมาเป็นไม้กันหมาไว้ก่อนล่ะ! จะไม่ยอมให้แกกินกันเองเด็ดขาด!
“จงอินต้องมารอเพื่อนทุกวันเลยหรอ?” ฮุนฮุนเปลี่ยนหัวข้อเพราะไม่อยากให้จงอินผลักไสไล่ส่งให้ฮุนฮุนกลับบ้านอีกต่อไป ฮุนฮุนไม่เหนื่อยหรอกถ้าจะมาเป็นก้างขวางคอคนอื่นน่ะ ต่อให้ต้องคว่ำนักเพาะกายร้อยคนฮุนฮุนก็ทำได้! ถ้ารั้งให้จงอินไม่ไปได้ ฮุนฮุนยอมจ้า~
“ใช่”
“สนิทกันมากหรอ?”
“อืม...ก็มากอยู่” จงอินตอบพร้อมกับยิ้มเคลิ้มๆ เดี๋ยวๆ เดี๋ยวพ่อตีปากเจ่อ! หยุดยิ้มเลยนะมีความสุขมากหรอ!
“เพื่อนจงอินหล่อไหม?” อะไร? อย่ามามองฮุนฮุนด้วยสายตาแบบนั้นนะ ไม่ใช่อย่างที่คิดโว้ย!
“ไม่หล่อ...แต่น่ารักมาก”
กรี๊ดดดดด! เพื่อนจงอินต้องเป็นพวกเคะน้อยๆแน่! ฮุนฮุนจะไม่ยอมให้มันมากล้ำกลายจงอินได้อีกเด็ดขาด! ฮุนฮุนคือตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะบูดๆเบี้ยวๆขอเป็นโคนันจัดการแกเองไอ้เคะเพื่อนจงอิน!
“จงอิน!”
“อ้าว...คยองซู” ฮุนฮุนเงยหน้าขึ้นมาจากไหล่จงอิน คนกำลังไซร้เพลินๆ เปล่าๆ ฮุนฮุนไม่ได้ความว่าอย่างนั้น อย่ามองหน้าฮุนฮูนแบบนั้นสิ รู้สึกเหมือนตัวเองโรคจิตเลย ฮุนฮุนไม่รู้จริงๆว่าไปไซร้จงอินได้ยังไง รู้สึกตัวอีกทีหน้าก็ทิ่มอยู่กับไหล่ลงอินแล้ว...พูดจริงๆ(เสียงต่ำสุดอะไรสุด)
อะไร...ไอ้เหลือกนี่น่ะหรอเพื่อนจงอิน!
แหม! ตาขาวกินพื้นที่ไปสิบไร่เลยนะ! ไม่กลัวตาดำน้อยใจหรอให้พื้นที่ตาขาวอยู่เยอะขนาดนั้น?
ฮุนฮุนไม่ถูกชะตา! อยากเอาหัวโหม่งให้มันสลบหน้าจิ้มขี้ไปเลยอ่ะ!
“รอนานไหม? เราขอโทษนะพอดีเราไปต่อคิวซื้อเค้กมาให้” ไอ้เหลือกชูเค้กขึ้นมาพร้อมกับยิ้มตาหยี จงอินก็ยิ้มละมุนกลับไป...
เดี๋ยวพ่อจกตาร่วง!!!
“รอไม่นานหรอก ขอบใจนะ” จงอินรับเค้กมาถือไว้ก่อนจะดึงกระเป๋าของไอ้เหลือกนั่นมาสะพายไว้แทน
ไม่นานกับผีสิ! ฮุนฮุนเหน็บกินไปยันถุงน้ำดีแล้วโว้ยยย!
“อะ แฮ่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!” ขอกระแอมไอยาวๆไล่บรรยากาศสีชมพูที่ดูจะเป็นพิษสำหรับฮุนมากไป
ไอ้เหลือกหันมาเหลือกตาใส่ฮุนฮุนจนตาเหลือก ฮุนฮุนอดตกใจไม่ได้ในความเหลือกจึงเหลือกตากลับปรากฏว่ามันตายิ่งเหลือกไปมากกว่าเดิม
“อ้าว จงอินพาเพื่อนมาด้วยหรอ?” กูเป็นม้ามั้งไอ้เหลือก!
“อ๋อใช่! นี่เซฮุน เซฮุนนี่คยองซู” คยองซูส่งยิ้มตาเหลือกมาในฮุนฮุน ในขณะที่ฮุนฮุนส่งยิ้มเริ่ดๆกลับไปให้ มันคนละชั้นกันโว้ย ฮุนฮุนบอกเลย!
“เรากลับจงอินจะไปดูหนัง...เซฮุน เอ่อ จะไปด้วยกันไหม?”
“ไป!” ฮุนฮุนตอบกลับด้วยความรวดเร็ว เรื่องอะไรจะยอมให้แกสองคนไปจีบกันในห้องมืดล่ะ! โบราณเขาบอกว่าชายหญิงอยู่กันสองต่อสองมันไม่งามไม่รู้หรอ? อ๋อ! ฮุนฮุนลืมไปว่าแกไม่ใช่ผู้หญิงนี่นา...งั้นให้จงอินเป็นผู้หญิงแทนแล้วกัน โอ้ย นี่ฮุนฮุนเอาแต่พูดอะไรเนี่ย
“เราอยากดูเรื่องนั้นอ่ะจงอิน” ไอ้เหลือกชี้โปสเตอร์หนังรักโรแมนติกที่เป็นสไตล์ฮุนฮุนสุดๆ จงอินพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วยแต่ฮุนฮุนไม่! ฮุนฮุนไม่ให้แกดูหรอก เกิดแกดูๆอยู่แล้วมีอารมณ์จะมาทำมิดีมิร้ายจงอิน ฮุนฮุนยอมไม่ได้!
“ฮุนฮุนอยากดูเรื่องนี้!” ฮุนฮุนชี้โปสเตอร์ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด ก่อนหมัดมือชกด้วยการเดินไปซื้อตั๋วหนังมาสามที่ทันที สุดท้ายไอ้เหลือกกับจงอินก็ต้องยอมเข้าไปดูกับฮุนฮุน
พอเดินเข้าไปถึงฮุนฮุนก็ที่ตัวนั่งตรงเบาะกลางเพื่อที่จะกันสองคนนั้นออกจากกันโดยอ้างว่า ฮุนฮุนอยากเป็นเพื่อนกับยองซูเลยจะขอนั่งข้างคยองซูให้จงอินไปนั่งอีกข้างแทน
พอหนังเริ่มฉายๆฮุนฮุนก็เพิ่งรู้ตัวว่าฮุนฮุนจิ้มหนังผีมาจ้า~
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!”
“ว้ากกกกก ไม่อ๊าววววววววววววววววว!” ฮุนฮุนหันไปกอดคอข้างๆแน่นๆ ผีก็กลัว จงอินก็อยากลวนลาม
เอาวะ! ถือโอกาสนี้ลวนลามเลยแล้วกัน!
ตึงง!
กรี๊ดดดดด! แม่ ผีหลอกกกกก!@^*#%(_+$@$&+$*(/)_+&&^5=*$#%&#%!!@$^*#$#()”]}{>/!!!!!!
พรึ่บ!
ไฟในโรงกลับมาติดอีกครั้ง ผู้คนเริ่มทยอยออกไปแล้ว แต่ฮุนฮุนรู้สึกได้ว่าหัวโกร๋นสุดๆ ฮุนฮุนกอดอีกคนไว้แน่นเพื่อหาความอบอุ่น ตัวจงอินหอมนะแต่ฮุนฮุนรู้สึกเหมือนจงอินตัวเล็กลงยังไงไม่รู้ แบบเล็กๆพกพาได้เลยอ่ะ
ฮุนฮุนเลยแอบหรี่ตาขึ้นมาดูก่อนจะพบว่า...
.
.
ฮุนฮุนกำลังกอดอยู่กับไอ้เหลือก!
คุณพระ! กอดกันตัวกลมเลยจ้า! ไอ้เหลือกกระโดดขึ้นมานั่งตักฮุนฮุนเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ นางกอดคอฮุนฮุนแถมยังเอาขามาเกี่ยวเอวฮุนฮุนไว้แน่น ส่วนฮุนฮุนก็กำลังกอดมันแน่นหน้าซุกอยู่กับซอกคอของไอ้เหลือก
อุกรี๊ดดดดดด! ไม่อ๊าวว! ฮุนฮุนจะเอาจงอินไม่เอาไอ้เหลือกโว้ยยย!
“อะ เอ่อๆ คือ...คยองซูลุ๊กกกกกกกกว์!” ฮุนฮนพยายามจะยกไอ้เหลือกออกจะตัวแต่มันก็เกาะไม่ปล่อย จึงต้องหันไปสะกิดจงอินที่นอนน้ำลายยืดอยู่ข้างๆให้ตื่นมาช่วยกัน
“อย่าทำเรา เรากลัวแล๊วววววว!” กูไม่ได้ทำอะไรโว้ยย! แต่มึงอ่ะทำกู๊! ปล่อยฮุนฮุนนนนนนนน หนังมันจบไปแล้วโว้ย! ฮุนฮุนทนไม่ไหวจะถีบกลิ้งไปดาวอังคารแล้วนะ! อย่ามามากอดฉันนนน! ฮุนฮุนคันอย่ามาโดนนนนน! จ๊ากกกกกก!
“เอ่อๆ คยอง ลุกออกมาก่อน คือ...เอ่อ” จงอินลุกขึ้นมายืนมองอย่างงงๆ พยายามจะช่วยแกะไอ้เหลือกออกไปแต่ก็หาไม่ได้ว่าควรจะเริ่มแกะจากตัวไหนเพราะมันพันกันมั่วไปหมด
สุดท้ายฮุนฮุนก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเหวี่ยงไอ้เหลือกกลับลงไปที่เก้าอี้ คยองซูกระพริบตาปริบๆเรียกสติตัวเองอยู่หลายครั้งจนจงอินต้องเข้าไปช่วยพยุงให้ลุกขึ้น ฮุนฮุนอยากจะเข้าไปตบบ้องหูให้รู้สึกตัวแล้วบอกว่าเลิกทำแอ๊บแบ๊วใส่จงอินได้แล้วโว้ยยย!
หลังจากนั้นฮุนฮุนก็ได้ไปเดินช้อปปิ้งกับจงอินอย่างสนุกสนาน...ที่ไหนล่ะ อิบ้า!
ฮุนฮุนต้องพยายามเดินแทรกกลางไอ้สองคนนี้ตลอดเวลาจนเมื่อยน่องไปหมดแล้วเนี่ย! เผลออีกก็ไปเดินตัวติดกันอีกแล้ว รู้ไหมว่าฮุนฮุนต้องลำบากกับการพยายามยามเนียนเข้าไปแทรกมากแค่ไหนห้ะ! ฮุนฮุนล่ะเบื่อกับความนุ่มนิ่มไร้เดียงสาของไอ้เหลือกมันจริงๆ จงอินเราอย่างนั้น จงอินเราอย่างนี้ จงอินนี่น่ารักไหม จงอินดูนี่สิ จงอินดูนั้นสิ ยอดไปเลยเนาะ จงอิน...ดร่อกส์! เลิกเรียกจงอินได้แล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย!
กูหมันไส้!
ฮุนฮุนจะตบะแตกแล้วนะไอ้เตี้ยตูดตำตูด!
รู้จักแต่คนชื่อจงอินหรอออออ! สภาพทางกายภาพของกูมันไม่แบ๊วบุ๊บิ๊เหมือนมึงไงกูเลยไปน่อมแน้มใส่จงอินไม่ได้เหมือนมึง! ไม่งั้นกูจะเหมือนกระเทยถึกไงอิบ้า! กูล่ะหมันไส้ไอ้พวกตัวเล็กจริงๆ พวกมึงจะแย่งทุกคนไปจากกูเลยเรอะ! ไอ้พวกเพื่อนโคนันนนน!
ไอ้จงอินก็ช่วยเลือกมองต่ำแล้วเงยมองกูบ้าง หัวกูสูงกว่าระดับสายตามึงเรอะ! ไม่เห็นหัวกูเลยสิ เอาแต่มองหาไอ้เหลือกตัวเท่าไหล่นั่นน่ะ! ถ้าฮุนฮุนเอาไอ้เหลือกมาขี่คอให้มันสูงทะลุหลังคาไปมึงยังจะเงยมองมันอีกไหม! รักเขามากสินะ! พวกมึงคือเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อใช่ไหม? ตอบบบบบบบ!
ฮุนฮุนเกลียดบรรยากาศสีชมพูววววววว!
ฮุนฮุนเหมือนเป็นส่วนเกิน!!!
ไม่อยากจะพูด!
บรัยส์!!!
…………………………………
เจ็ดโมงสี่สิบห้า...
ให้ทายว่าผมอยู่ที่ไหน....
....
ครับ...โรงยิมฝึกซ้อม
อยู่กับคนทั้งค่าย..........และ
.
.
พี่ซิ่วหมิน
“ดีมาก! ทุกคนต้องขยันขันแข็งกันแบบนี้สิเก๋กู้ด!” พี่ซิ่วหมินปรบมือสามครั้งพอเป็นพิธี ผมหันมองทุกคนรอบตัวที่ยืนหน้าตาโทรมกึ่งคนกึ่งศพกันอยู่ทั้งโรงยิมก่อนจะถอนหายใจ
ไม่แปลกหรอกครับ...ลุกมาวิ่งกันตั้งแต่ตีห้า ไม่ตายก็บุญแล้ว
“ไอ้แบค!”
“คะ ครับพี่?”
“ถอนหายใจทำไม! เอ็งเหนื่อยหรอ?”
“ไม่ใช่พี่ ผม...เอ่อ แข็งแรง ครบร้อย ฟิตปั๋งพลังสูงเลยพี่” ผมพยายามทำหน้าตามีชีวิตชีวาแบบพลังชีวิตเต็มร้อยเพราะว่าเมื่อครั้งก่อนผมบอกพี่เขาไปว่าเหนื่อย...ผมเลยโดนวิ่งเพิ่มอีกชั่วโมงเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตื่นตัวกว่าเดิม
“ก็ดี...งั้นทุกคนจับคู่” แต่เหมือนว่าครั้งนี้การตอบว่าเหนื่อยอาจจะดีกว่า...
“ซิทอัพ! 500! ปฏิบัติ!!!”
บรรลัยครับ!
ทุกคนหันมาส่งสายตาเคียดแค้นใส่ผมแต่ก็จำใจต้องทำตามคำสั่งพี่ซิ่วหมิน ผมถูกคนข้างๆดึงมาประชิดตัวก่อนจะกดให้นั่งลงกับพื้น
“ไอ้หมาเปียก! มึงแม่งตัวซวยจริงๆ” กูขอโทษ ถ้าเลือกได้กูก็ไม่อยากเป็นหรอกมึงเอ๊ย
“ก็ใครจะไปรู้วะ ครั้งที่แล้วมันไม่ใช่หยั่งงี้นี่หว่า!” ผมแยกเขี้ยวกลับไปหามัน กูเป็นตัวซวยแต่กูก็ซวยไปด้วยป้ะวะ!
“พี่แบค! ชู่วว!” ผมหันหน้าไปมองจงอินที่กำลังยกนิ้วบอกให้ผมเงียบๆ ลืมไปเลยว่าถ้าพูดมากต้องโดนเพิ่ม สงบเสงี่ยมไว้จะเป็นการดีครับ ผมพยักหน้ารับก่อนจะส่งยิ้มให้พี่แดฮยอนที่คู่กับจงอิน พี่เขาเพิ่งเข้ามาเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วต้องมาเจอพี่ซิ่วหมินนี่ถือว่าซวยครับ เลือกเวลามาผิดไปหน่อย โชคดีนะพี่!
“เอ้า! ไอ้คู่ดำกับคู่ไอ้แบคคุยอะไรกัน! อยากโดนเพิ่มหรอ!!”
“เปล่าครับ! / เปล่าครับ!” ตอบพร้อมกันอย่างขยันขันแข็ง ผมยิ้มแห้งๆก่อนจะหันหน้าเข้าหาไอ้แว๊นซ์ เอาขาหนีบกันไว้แล้วนอนลงเตรียมพร้อมจะซิทอัพ พี่ซิ่วหมินมักสั่งให้พวกเราซิทอัพพร้อมกันสองคนเพราะถ้าทำแยกรอบจะเสียเวลาและพี่เขาจะทรมานเราด้วยวิธีอื่นได้ไม่มากเท่าที่ควร
ปี๊ดดดด!
หลังจากที่พี่ซิ่วหมินเป่านกหวีด พวกเราก็ซิทอัพกันอย่างเอาเป็นเอาตายครับ
“มึง เราต้องโดนแบบนี้ไปอีกนานไหม?” ไอ้แว๊นซ์ถามผมพลางซิทอัพไปด้วย
“ประมาณสองอาทิตย์ แค่วันแรกมึงก็จะร้องไห้กลับบ้านแล้วหรอ?”
“ใครบอก! กูก็แค่ถาม” ไอ้แว๊นซ์ซิทอัพขึ้นมาในจังหวะเดียวกับผมพอดี มันเลยผลักหัวผมให้กลับลงไปนอนที่พื้นด้วยความหมั่นไส้ กูเจ็บโว้ย!
“ไอ้ชานยอล!” ผมลุกขึ้นไปชี้หน้ามันแล้วทำท่าเหมือนจะต่อย ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!!
“ต่อด้วยวิทพื้น 500เลยนะ!” นี่ก็อีกคน!
.
.
ผมไหว้ล่ะ...เลิกโหดเถอะพี่
หลังจากที่ถูกทรมานแทบตายพี่ซิ่วหมินก็ให้เวาลาพัก 5 นาที เย้!...ก่อนจะกลับมาลงสนามรบอีกครั้งครับ พวกเราถูกสั่งให้จับคู่อีกครั้งพร้อมกับได้เชือกกระโดดกันคู่ล่ะอัน
พี่ซิ่วหมินสั่งให้กระโดดเชือกคู่ สามร้อยครั้ง สะดุดเริ่มนับหนึ่งใหม่...ฟังดูไม่ยากเท่าไหร่ถ้าไม่ติดว่าไอ้แว๊นซ์มันกระโดดเชือกไม่เป็น เจริญกูครับ! กระโดดไปจะหกร้อยอยู่แล้วยังไม่เสร็จสักที!
“มึง แฮ่กๆ ช่วยทำดีเหอะกูขอล่ะ”
“ก็กู แฮ่ก กระโดด แฮ่กๆ ไม่เป็น แฮ่กๆ โอ่ย เหนื่อยชิบหาย!” ซวยกูจริงๆที่ต้องคู่กับมึงเนี่ย! จะแกล้งกูกูไม่ว่านะแต่อย่าใช้พี่ซิ่วหมินเป็นเครื่องมือในการแกล้งกู ไม่งั้นกูตายแน่มึง!
ผมเห็นคู่อื่นรอบตัวเริ่มจะนั่งลงเพราะกระโดดกันเสร็จหมดแล้ว เห็นแล้วก็นึกแค้นใจ ปกติผมจะคู่กับไอ้จงอินแล้วพวกเราจะนั่งลงเป็นคู่แรกตลอด
“โอเค กูนับหนึ่ง สอง สาม แล้วกูกับมึงหยุดโดดพร้อมกันโอเคป้ะ?” ไอ้แว๊นซ์พยักหน้ารัวจนหัวแทบจะหลุดมากองอยู่ตรงหน้า เนียนๆไปพี่ซิ่วหมินคงไม่รู้
“หนึ่ง” ผมนับเบาๆพอให้ได้ยินกันสองคน
“สอง”
“สาม” ผมกับไอ้แว๊นซ์หยุดกระโดด ก่อนจะนั่งลงอย่างพร้อมเพรียงและทำสีหน้าเนียนๆเหมือนว่าพวกเรากระโดดครบแล้ว ทั้งที่จริงๆยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็นั่งลงหมด สภาพจะเป็นจะตายไม่ต่างจากโดนระเบิดมาสิบลูก
“คนที่เป็นคู่ของไอ้แบคยืนขึ้น!”
“คะ ครับ?” เสียงของพี่ซิ่วหมินทำผมกับไอ้แว๊นซ์สะดุ้งกันสุดตัว มันมองหน้าผมอย่างเลิ่กลั่ก ผมจึงสั่งให้มันยืนๆตามที่พี่เขาสั่งไปก่อน...คงจะไม่โดนจับได้ใช่ไหม...?
“เมื่อกี้เอ็งกระโดดไปกี่รอบ!!”
“สามสิบ เอ้ย...ร้อย ผะ ผมหมายถึง” ไอ้แว๊นซ์หันหน้ามาขอความช่วยเหลือจากผมอย่างโจ่งแจ้ง...มึงเอ้ย! รอดก็ปาฏิหารย์แล้วโว้ย!
“สามร้อย” ผมกระซิบบอก
“สะ สามร้อย!” พี่ซิ่วหมินหรี่ตามองอย่างพิจารณา ในขณะที่ทุกคนนั่งกุมขมับเพราะรู้ชะตากรรมที่จะเกิดกับไอ้แว๊นซ์...และผม
“ดี...” พี่ซิ่วหมินพยักหน้าท่ามกลางความกดดันขอทุกคน ผมว่าถ้าไอ้จงแดอยู่ที่นี่มันคงสวดบทอะไรซักอย่างที่จะทำให้ผมไปสู่สุขติให้
“พักกินข้าว! อีกชั่วโมงมาเจอกัน!” แต่แล้วปาฏิหาร์ยก็เกิดขึ้น! พี่ซิ่วหมินทำเพียงแค่พยักหน้าและเดินไปแต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ฉลองให้กับตนเอง พี่ซิ่วหมินก็หันกลับมาพูดประโยคที่ทำให้โลกทั้งโลกของผมดับวูบลง
“ยกเว้นไอ้แบคฮยอนกับคู่ของมัน! ห้ามเข้าไปกินข้าวจนกว่าจะทำครบ!!!”
สุดท้ายแล้วผมก็ต้องนั่งไส้กิ่วอยู่นอกบ้านเพราะกระโดดไปเท่าไหร่ก็ไม่ครบซักที จนไอ้แว๊นซ์มันก็ไม่ยอมกระโดดอีกเป็นอันว่ามื้อนี้ผมอดกินข้าว...โมโหมากครับ! แค่กระโดดๆไปมึงไม่ตายหรอก! ไอ้กระจอกกกกก! อย่าให้กูทนไม่ไหวลุกขึ้นมาต่อยมึงนะ!
“มึงจะไปไหน?” ผมถามไอ้แว๊นซ์ที่ลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินไปที่ไหนซักที่
“ไปเอาข้าว”
“มึงจะไปเอาข้าวที่ไหน? นี่มึงไม่เข้าใจหรอว่ากูกับมึงจะไม่ได้กินข้าวมื้อนี้เพราะมึงกระโดดไม่ได้เนี่ย! ใครมันจะกล้าขัดพี่ซิ่วหมินเอาข้าวมาให้มึง!”
“กูมีวิธีของกูหน่า!” ไอ้แว๊นซ์ไม่สนคำผมก่อนจะเดินลิ่วออกไป เดี๋ยวๆ เดี๋ยวมึงรู้!
และแล้วไอ้ชานยอลก็วิ่งกลับมาพร้อมกับกล่องข้าวสีชมพูแจ๋นในมือ...ผมมองกล่องข้าวในมือมันพร้อมกับเครื่องหมายคำถามกว่าล้านอันในหัว มันไปเอามาจากไหนวะ?
“ไงล่ะ!” ไอ้แว๊นซ์ยักคิ้วอย่างกวนตีนก่อนจะนั่งลงข้างๆผมอย่างอารมณ์ดี มันเปิดฝากล่องข้าวพร้อมกับโจ้อาหารข้างในอย่างไม่สนใจผมที่นั่งท้องร้องอยู่ข้างๆ ผมได้แต่มองข้าวในกล่องมันตาละห้อย จ้องอยู่อย่างนั้นเผื่อจะมีใครใจดีรู้สึกตัวแล้วแบ่งข้าวให้กินบ้าง
“มองไร? มึงอยากกินอ่ะดิ” ไอ้แว๊นซ์เหมือนจะรู้สึกตัวว่าถูกมองอยู่ มันหันมาถามผม ซึ่งผมก็ไม่รีรอที่จะพยักหน้ากลับไป
แต่ผมคงลืมไปว่าไอ้ชานยอลมันไม่ใช่คนดี...
“เต้นให้กูดูก่อนดิ เดี๋ยวให้กิน”
“กูเต้นเป็นที่ไหนเล่า!” ผมแหวกลับ มันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะก้มหน้าก้มตากินต่อ
ไอ้เลววว!
ไอ้คนไม่มีจิตสาธารณะ!
กูเต้นก็ได้!
ครับ ด้วยความที่ผมยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้าทำให้ท้องไส้ผมปั่นป่วนสุดๆ แล้วเนื่องด้วยการเต้นไม่น่าจะทำให้ผมตายและการที่ผมไปขอพี่ซิ่วหมินกินข้าวจะทำให้ผมตายแน่ๆ ผมจึงเลือกที่จะลุกขึ้นเต้นเพื่อปากท้องแทน
ผมเลือกที่จะเต้นท่ายอดฮิตของลุงๆป้าๆที่ผมจำมาจากงานวัดจากนั้นก็ต่อด้วยท่าเต้นแอโรบิกง่ายๆ ไอ้แว๊นซ์เงยหน้ามองผมอย่างงงๆ ก่อนจะหัวเราะลั่นเมื่อผมเริ่มเต้นไปเรื่อยๆ
ขำหาพระแสงอะไรเล่า!
ผมหยุดเต้นก่อนจะเอามือกุมหน้าตัวเองด้วยความอับอาย ในขณะที่ไอ้ชานยอลหัวเราะชอบใจจนสติแตกไปแล้ว นึกแล้วก็แค้นตัวเอง ทำไมผมต้องยอมทำอะไรน่าอายแบบนี้เพื่ออาหารนั่นด้วยนะ มันคุ้มหรออออ!
“ฮ่าๆ มาๆ ให้กินคำนึง” ไอ้แว๊นซ์ตักข้าวขึ้นมาก่อนจะยื่นมาตรงหน้าผม...
คำนึงกับผีสิ! กูไม่ได้เต้นบ้าๆเพื่อข้าวคำเดียวนะโว้ยยยย!
“เอ้า! นี่กูก็เต้นแล้วนะ!”
“กูก็ให้กินแล้วไง” คำเดียวเนี่ยนะ! ผมขมวดคิ้วมองหน้ามันด้วยความไม่ชอบใจ
ต่อยได้ไหม? หมั่นไส้เหลือเกิน!
“โอ๋ๆ กูล้อเล่น~ อ่ะ มาๆมานั่งกินกับกูมา” ผมดึงกล่องข้าวจากมือมันมาก่อนจะเตะแข้งไอ้เจ้าของกล่องไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นแล้วยัดข้าวคำโตๆเข้าปากไป
อร่อย! กูจะแย่งให้หมด!
หลังจากนั้นผมก็ตักคำที่สองและสามตามเข้าปากไปอย่างรวดเร็ว จนคนข้างๆต้องร้องให้หยุด ไอ้แว๊นซ์แย่งกล่องข้าวจากมือผมไปกอดไว้
“ยัดซะ อร่อยอ่ะดิ!”
“เออดิ พ่อมึงทำหรอ?” ผมมองกล่องข้าวในมือมันด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ถึงหน้าตาจะดูไม่เป็นผู้เป็นคนเท่าไหร่แต่รสชาติถือว่าอร่อยเลยครับ
“ป่าว”
“อ้าว งั้นมึงซื้อมาหรอ?”
“ไม่ใช่...”
“แล้วไปเอามาจากไหนวะ? โคตรอร่อยเลย หรือว่าเพราะกูหิวมันเลยอร่อย” ผมดึงกล่องข้าวกลับมาเนียนๆก่อนจะตักใส่ปากตัวเองอีกครั้ง
“กูทำเอง”
“แค่ก แค่ก ห้ะ? มึงทำไอ้...ไอ้ในกล่องเนี้ยะอ่ะหรอ?” ผมมองหน้ามันอย่างไม่เชื่อ หน้าอย่างไอ้แว๊นซ์ทำกับข้าวเป็นด้วยหรอ?
ไอ้ชานยอลพยักหน้าหงึกๆแล้วยกยิ้มอย่างภูมิใจจนผมอดหมั่นไส้ไม่ได้ ถ้ารู้ว่ามึงทำกูจะไม่เสียแรงชมหรอกพูดจริงๆ ผมเบ้ปากใส่มันไปทีก่อนจะตักข้าวเข้าปากต่อไปอย่างไม่สนใจ
“เห้ยๆ เยอะไปแล้ว! เอามากูจะกินบ้าง”
หลังจากที่พักกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยพี่ซิ่วหมินก็เรียกรวมตัวอีกครั้งพร้อมกับคำสั่งใหม่ พี่ซิ่วหมินพาทุกคนออกมาที่หน้าบ้านผมพร้อมกับสั่งให้แต่ละคู่เดินไปประจำที่ล้อยางหนึ่งพวง ครับ ล้อยางประมาณสามอันผูกติดกันไว้ ดูจากสภาพก็พอจะรู้ครับว่าจะเจอกับอะไร...
“ทุกคนหยิบเชือกขึ้นมาสะพายไว้! ต่อไปนี้จะเป็นการวิ่งลากยาง1กิโลเมตร!” สิ้นเสียงพี่ซิ่วหมินก็มีเสียงโอดครวญดังขึ้นเบาๆจากชาวค่าย
“พอวิ่งไปถึงโรงเรียนอนุบาลแล้วก็วิ่งกลับมาเข้าใจไหม! คู่ไหนที่กลับมาถึงก่อน กูจะให้สิทธิพิเศษในการอาบน้ำก่อน!”
ปี๊ดดด!
“เริ่ม!!!”
หลังจากพี่ซิ่วหมินเป่านกหวีดผมกับไอ้แว๊นซ์ก็ออกแรงวิ่งด้วยความรวดเร็ว คู่ของจงอินอยู่ห่างไปประมาณร้อยเมตรได้ ผมหันไปยิ้มเยาะใส่ไอ้จงอินอย่างสะใจ หึ! ไอ้น้องเลวไม่ยอมเอาข้าวมาแบ่งให้กิน! ขอแช่งให้สะดุดหิน กลับไปถึงเป็นคู่สุดท้ายไปเลยนะมึง!
“ไอ้หมาเปียก! เราต้องถึคู่แรกนะเว้ย!”
“รู้แล้วหน่า!” ผมกับไอ้แว๊นซ์วิ่งกันอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ร่างกายพลาญพลังงานที่ได้จากข้าวกล่องเล็กๆเมื่อกลางวันไปอย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ยังคงวิ่งกันด้วยความเร็วเท่าเดิมอยู่
คู่ของผมวิ่งมาถึงโรงเรียนอนุบาลด้วยความรวดเร็วถึงจะมีปัญหาเล็กน้อยกับการกลับตัว แต่ก็ยังไม่มีคู่ไหนตามมาได้ทัน ขากลับผมสวนกับคู่ของไอ้จงอิน ที่แดฮยอนทำหน้าตาจะเป็นจะตายอย่างหน้าสงสารในขณะที่ไอ้จงอินยังคงวิ่งชิวๆอยู่ ผมจึงแอบยื่นขาออกไปขัดขาของมัน
“เห๊ยยยยยยๆ!”
โครม!
ไอ้จงอินที่กำลังวิ่งร้องเพลงอย่างชิวๆหน้าคะมำไปกับพื้น มันทำหน้าตาเหรอหราท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของผมกับไอ้ชานยอล ผมหันไปแลบลิ้นใส่จงอินก่อนจะหันกลับมาแท็คกับไอ้ชานยอล
ในที่สุดผมก็กลับมาถึงเป็นคู่แรกตามความคาดหมายแต่สายตัวแทบขาดครับ ผมอยากจะถอดขาออกมาฝากพาดคอใครซักคนไว้มาก
ผมกับไอ้ชานยอลทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ผมสะบัดขานิดหน่อยเพื่อเป็นการคลายกล้ามเนื้อ
“เยี่ยม! เยี่ยมมากไอ้แบค” พี่ซิ่วหมินยกนิ้วโป้งก่อนจะส่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีมาให้ ผมชูนิ้วโป้งกลับไปอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง นิ้วโป้งแทบจะยกไม่ขึ้น
“พวกเอ็งไปอาบน้ำก่อนเลย! กูเอาน้ำใส่โอ่งไว้ให้เรียบร้อย”
“ขอบคุณครับพี่!” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะคว้าไอ้ชานยอลให้ลุกขึ้นตามมาอย่างรวดเร็ว
“ทำไมต้องเอาน้ำใส่โอ่งวะ? เอาไปทำอะไร?” ไอ้แว๊นซ์ถามอย่างสงสัย
“ก็อาบน้ำไง ตักอาบจากโอ่งอ่ะมึงไม่เคยทำหรอ?”
“ห้ะ? ตักอาบ?”
“เออดิ! มีโอ่งเดียวด้วยนะมึง! พวกเราต้องใช้น้ำเยอะๆเลยเว้ย พวกที่มาทีหลังจะได้ไม่มีน้ำอาบ” ว่าแล้วผมก็หัวเราะอย่างมีความสุข ทุกครั้งที่พี่ซิ่วหมินมาฝึกซ้อมเราก็จะต้องอาบน้ำแบบนี้เป็นประจำ พวกคนที่ได้อาบน้ำก่อนก็จะแกล้งใช้น้ำเยอะๆเพื่อแกล้งพวกที่ได้อาบทีหลัง ผมจำได้ว่าปีที่แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่ไอ้จงอินมันฝึกเสร็จช้า ผมกับพี่คนอื่นๆในค่ายจึงแกล้งใช้น้ำเปลืองจนไอ้จงอินที่มาทีหลังแทบไม่มีน้ำจะอาบ สะใจชิบหาย!
“มีโอ่งเดียวก็อาบนานตายเลยดิ!”
“อาบด้วยกันจะนานอะไร? เขาต้องแย่งกันอาบเว้ย!”
“อะ อาบพร้อมกันหมด?”
“เออ! ไปเร็วไปอาบน้ำกัน!”
""
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ น้อมรับความผิด 555
#ฟิคเสยคาง
G Minor!
ความคิดเห็น