คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #49 : (ชีวะ) การลำเลียงสารในร่างกาย
การลำเลียงสารในร่างกาย
ระบบการหมุนเวียนของเลือด มี 2 แบบใหญ่ ๆ คือ
1.ระบบหมุนเวียนเลือดแบบวงจรเปิด
2.
(Open Circulatory System) ระบบหมุนเวียนเลือดแบบวงจรปิด (Closed Circulatory System)ระบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิด
เวียนตลอดเวลา เช่นพวกแมลง
หมายถึง ระบบที่เลือดไม่ได้หมุนระบบหมุนเวียนเลือดแบบปิด
อยู่ในเส้นเลือดตลอด เช่น พวกไส้เดือน
หมายถึง ระบบที่เลือดไหลวนเวียนระบบการหมุนเวียนเลือดในคน
-มีระบบการหมุนเวียนแบบปิด
-หัวใจ มีหน้าที่สูบฉีดเลือดให้เคลื่นที่ไปตามเส้นเลือด
หัวใจ
1.ชั้นนอก
2.ชั้นกลาง
3.ชั้นใน
1. ผนังด้านนอกของหัวใจ เส้นเลือดมาหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ
เรียกว่าเส้นเลือดโคโรนารี
ติดทำให้เกิดการอุดตัน ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิตได้
2. เนื้อเยื่อชั้นกลาง
ประกอบไปด้วยกล้ามเนื้อพิเศษ เรียกว่า กล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งเนื้อ
เยื่อชั้นนี้จะมีความหนามาก
3. เนื้อเยื่อชั้นใน หัวใจของคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมี 2 ห้อง
บน 2 ห้องล่าง
- ห้องบน คือ เอเทรียม
ประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น (Coronary artery ) ถ้ามีไขมันมาเกาะ (atrium)- ห้องล่าง คือ เวนทริเคิล (Ventricle)
หัวใจของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จะมีเส้นเลือดที่ติดต่อกับหัวใจหลาย
เส้น เรียกว่า เส้นเวน
อาร์เทอรี
ส่วนต่าง ๆ ของร่ายกาย
(vein) เป็นเส้นเลือดที่นำเลือดเข้าสู่หัวใจ (Artery) เป็นเส้นเลือดที่นำเลือดออกจากหัวใจไปยังการหมุนเวียนของเลือด
ห้องเอเทรียมขวา มีหน้าที่รับเลือดจากเส้นเวน ชื่อซุพีเรียเวนา
คาวา
เลือดมาจากอินฟีเรีย เวนาคาวา
จากลำตัวและขาแล้วนำเข้าสู่หัวใจ เอเทรียมขวาบีบตัวเลือดเข้าสู่
เวนทริเคิลขวา โดยจะผ่านลิ้นไตรคัสปิด
เลือดจะผ่านลิ้นเซมิลูนาร์
พัลโมนารีอาร์เทอรี
แลกเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แก่ปอดและรับออกซิเจนจาก
ปอด
เลือดที่มีออกซิเจนสูงจะไหลกลับหัวใจ เข้าสู่ห้องเอเทรียมซ้าย
เมื่อเอเทรียมซ้ายบีบตัว เลือดจะผ่านลิ้นไมทรัล
(Superior venacava) นำเลือดมาจากหัวและแขน และรับ (Inferior venacava) ซึ่งนำเลือดมา (tricuspid valve) บีบตัว (Semilunar valve) ซึ่งจะเปิดเข้าสู่เส้น (Pulmonary artery) นำเลือดไปยังปอดเพื่อ (Mitral valve)หรือลิ้นไบคัสปิด
ทริเคิลซ้ายบีบตัวจะดันเลือดให้ไหลผ่านลิ้นเซมิลูนาร์ เข้าสู่เอออร์
ตา
(bicuspid valve) เข้าสู่ห้องเวนทริเคิลซ้าย เวน (Aorta)ลักษณะที่สำคัญของเส้นเลือดอาร์เทอรี
-นำเลือดออกจากหัวใจ
-ขนาดใหญ่สุด คือ เอออร์ตา
-ขนาดเล็กสุด คือ อาร์เทอรี
-มีผนังหนา ประกอบด้วยเนื้อเยื่อที่ยืดหยุ่นได้
-เอออร์ตา มีความยืดหยุ่นที่ดี สามารถขยายรับแรงดันเลือด
-อาร์เทอรี ยืดหยุ่นตามจังหวะการเต้นของหัวใจ เราสามารถจับ
ชีพจรได้จากเส้นอาร์เทอรีตรงบริเวณข้อมือ
-อาร์เทอรีที่อยู่ไกลหัวใจ จะมีขนาดเล็กลง ความยืดหยุ่นน้อยลง
ลักษณะที่สำคัญของเส้นเลือดเวน
-มีหน้าที่นำเลือดเข้าสู่หัวใจ
-เส้นเวนที่ต่อกับเส้นเลือดฝอยมีขนาดเล็ก
-มีขนาดใหญ่เมื่ออยู่ใกล้หัวใจ
-ผนังของเส้นเลือดบาง และมีความยืดหยุ่นน้อย
-มีกล้ามเนื้อน้อย
-รูของเส้นเวนกว้างกว่ารูของอาร์เทอรี
-เวนเส้นใหญ่จะมีลิ้นอยู่ภายในเป็นช่วง ๆ
เส้นเลือดฝอย
เส้นเลือดฝอย มีลักษณะเป็นร่างแหแทรกอยู่ตามเนื้อเยื่อของ
ร่างกาย เชื่อระหว่างอาร์เทอรีและเวน
ผนังเส้นเลือดฝอย เหมาะสำหรับแลกเปลี่ยนก๊าซและสารต่าง ๆ
ระหว่างเลือดกับเซล ร่างกาย
ปกติผู้ใหญ่มีความดันเลือดประมาณ 120/80 มิลลิเมตรปรอท
ตัวแรก 120 คือ ค่าความดันเลือดสูงสุดขณหัวใจบีบตัว เรียกว่า
ความดันซิสโทลิก
ไดแอสโทลิก
(Systolic) ตัวหลัง 80 คือ ความดันเลือดขณะหัวใจพองตัว คือ ความดัน (diastolic)โรคที่เกิดจากความดันเลือด เช่น โรคไต โรคเบาหวาน เป็นต้น
เลือดคนประกอบด้วย
-น้ำเลือดหรือพลาสมา
-เม็ดเลือด
(plasma) ประมาณ 55% (Blood Corpuscle) ประมาณ 45%เม็ดเลือด
-เม็ดเลือดแดง
ประกอบไปด้วย (Erythrocyte)-เม็ดเลือดขาว
(leucocyte)-เพลตเลต
(Platelet)เม็ดเลือดแดง
-เม็ดเลือดแดงมีรูปร่างกลม แบน ตรงกลางเว้าเข้าหากัน
-ผู้ใหญ่ เม็ดเลือดแดงสร้างมาจากตับ , ม้าม, ไขกระดูก
-เม็ดเลือดแดงที่สร้างขึ้นใหม่จะมีนิวเคลียส เมื่อเจริญเต็มที่จะไม่
มีนิวเคลียส
เม็ดเลือดแดง มีรงค์วัตถุ คือฮีโมโกลบิน
ด้วยโปรตีนและธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ
ออกซีฮีโมโกลบิน
ออกซิเจน
(hemoglobin) ประกอบ (Oxyhemoglobin) คือ ฮีโมโกลบินรวมกับเม็ดเลือดขาว
-มีขนาดใหญ่กว่าเม็ดเลือดแดงเกือบ 2 เท่า
-มีนิวเคลียส
-มีจำนวนน้อยกว่าเม็ดเลือดแดง
-เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เม็ดเลือดขาวจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น
-เม็ดเลือดขาวสร้างจากม้าม , ต่อมไทมัส , ต่อมน้ำเหลือง ,
ไขกระดูก
เซล เม็ดเลือดขาว แบ่งเป็น 2 พวกใหญ่ ๆ คือ
1.พวกมีแกรนูล
ต่าง ๆ กัน สร้างจากม้ามและไขกระดูก
2.พวกไม่มีแกรนูลในไซโทพลาสซึม นิวเคลียสมีลักษณะค่อน
ข้างกลม สร้างมาจากต่อมไทมัส, ต่อมน้ำเหลือง , ม้าม
(granule) ในไซโทพลาสซึม มีนิวเคลียสรูปร่างวิธีทำลายเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาว
เม็ดเลือดขาวที่มีแกรนูลบางชนิดทำลายเชื้อโรคโดยวิธี ฟาโก
ไซโทซีส บางชนิดจะสร้างโปรตีนต่อต้านสิ่งแปลกปลอม หรือ
แอนติบอดี
โรค เรียกว่า แอนติเจน
แอนติบอดี มีหน้าที่ต่อต้านแอนติเจน
(Antibody) สิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายรวมทั้งเชื้อActive immunity
คือ ภูมิคุ้มกันก่อเองPassive immuity
คือ ภูมิคุ้มกันรับมาเพลตเลต
เพลตเลต จะอยู่ในไซโทพลาสซึม ซึ่งมีในไขกระดูก มีรูปร่างไม่
บางครั้งเรียกว่า เศษเม็ดเลือด , เกล็ดเลือด , แผ่นเลือดแน่นอน มีขนาดเล็ก กว่าเม็ดเลือดแดงเกือบ 4 เท่า
เพลตเลต ทำให้เลือดแข็งตัวในขณะที่เส้นเลือดฉีดขาด
ขบวนการแข็งตัวของเลือด
ในขณะที่เส้นเลือดฉีกขาด เพลตเลตจะปล่อยเอนไซม์ทรอม
โบพลาสติน
(thromboplastin) กับแคลเซียมในเลือดจะเปลี่ยนโพรทรอมบิน
(Prothrombin) เป็นทรอมบิน สารนี้สามารถเปลี่ยนไฟบริโนเจน
(Fibrinogen) ให้เป็นไฟบริน ไฟบริน มีลักษณะเป็นเส้นใยเหนียว อุดตรงจุดรอยฉีกขาดของเส้นเลือดและเพลตเลตมา เกาะบนร่างแหทำให้เลือดหยุดไหล
**คนที่ขาดวิตามิน
จำเป็นในการสร้างโพรทรอมบิน
K ทำให้เลือดแข็งตัวช้า เพราะวิตามิน K มีความน้ำเลือด
น้ำเลือด หมายถึง เม็ดเลือดต่าง ๆ รวมทั้งเพลตเลตที่อยู่ในของ
เหลว น้ำเลือดประกอบไปด้วย
-น้ำประมาณ 90
- 93%-โปรตีน เช่น ไฟบริโนเจน อัลบูมิน
(globulin)
(albumin)โกลบูลินน้ำเลือด ทำหน้าที่ลำเลียงอาหารที่ย่อยแล้ว ไปให้เซลที่ส่วนต่าง
ๆ ของร่างกาย และรักษาสมดุลความเป็นกรดเบสในร่างกาย
หมู่เลือด
เลือดสามารถแบ่งได้ตามชนิดของโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต
สามารถแบ่งได้ 4 กลุ่ม
กลุ่ม
Aกลุ่ม
Bกลุ่ม
ABกลุ่ม
O การจำแนกกลุ่มเลือดตามชนิดของสารแอนติเจน เรียกว่าระบบABO
แอนติเจน
Rh สามารถแบ่งเป็น- Rh
แต่ไม่มีแอนติบอดี
+ หมายถึง คนที่มีแอนติเจน Rh อยู่ในเยื่อหุ้มเซล เม็ดเลือด Rh อยู่ในเลือด-Rh
มีแอนติบอดีของ
- หมายถึง คนที่ไม่มีแอนติเจน Rh ในเม็ดเลือดแดง และไม่ Rhระบบน้ำเหลือง
สารในน้ำเหลืองส่วนใหญ่เป็นโปรตีน มีโมเลกุลขนาดใหญ่
มีเอนไซม์ฮอร์โมน เม็ดเลือดขาว
น้ำเหลือง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนสารต่าง ๆ ระหว่าง
เซล และเส้นเลือดฝอย น้ำเหลืองช่วยกำจัดแบคทีเรียหรือสิ่งแปลก
ปลอมซึ่งทำลายโดยเซล เม็ดเลือดขาวในต่อมน้ำเหลือง โดยวิธี
ฟาโกไซโทซีส
- น้ำเหลือง ท่อน้ำเหลือง
ระบบน้ำเหลือง ประกอบด้วย-
-
ต่อมน้ำเหลือง (lymph node) อวัยวะน้ำเหลือง (lymphatic organ)ต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะน้ำเหลือง
- กรองน้ำเหลือง
- ทำลายเชื้อโรค
- แหล่งทำลายเม็ดเลือดขาวที่หมดอายุ
- แหล่งสร้างเม็ดเลือดขาวบางชนิด
มีหน้าที่
ความคิดเห็น