ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO 'YOUNG' KAI x D.O

    ลำดับตอนที่ #5 : ฟิคยังตอนที่สี่

    • อัปเดตล่าสุด 2 มี.ค. 57


     


        4 



                  หลายวันมานี้ อิถ่านอาการดีขึ้นมากหลังจากหยุดเรียนไปนาน

     

                    ถ้ามันป่วยนานอีกสักนิดนี่ ของเยี่ยมคงกองพะเนินไปถึงชั้นสตราโตสเฟียอ่ะ

     

                    ไม่รู้แม่งจะหอบอะไรมากันนักกันหนา ตั้งแต่พี่คริส ไอ้โย่ง น้องแบค แล้วก็เพื่อนในห้องที่ชื่อ จู๋เหี่ยว หรืออะไรเนี่ยแหละ ที่เจอที่หน้าห้องพยาบาลวันนั้นอ่ะ โห แต่ละคนหอบของเยี่ยมมาอย่างจัดเต็ม ประหนึ่งอิถ่านเป็นโรคติดต่อร้ายแรงใกล้ตาย ไม่มีโอกาสได้แดกอะไรบนโลกอีกแล้วประมาณนี้อ่ะ

     

                    “วันนี้มึงก็ไปโรงเรียนได้แล้วดิ” ผมละสายตาจากหนังสือการ์ตูนปริ้นซ์ ออฟ เทนนิส ในมือ หันไปถามอิถ่านที่กำลังวางผ้าขนหนูเปียกๆไว้ที่ปลายเตียง ถ่านพยักหน้าลงสองสามทีพอให้ผมเข้าใจ จากนั้นก็หยิบเข็มขัดขึ้นมาใส่

     

                    “ครับ ….

     

                    “ผ้าขนหนูอ่ะ เอาออกจากเตียงกู เดี๋ยวราขึ้น” ผมเอาตีนเขี่ยๆผ้าจนหนูสีเขียวที่อิถ่านเพิ่งใช้เช็ดผมออกมาจากห้องนำเมื่อกี้จนมันตกลงไปกับพื้น คนตัวดำได้แต่มองหน้าผมแบบเคืองๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

                   

                    งงหรอว่าทำไมอิถ่านถึงมาอาบน้ำในห้องผมใจเย็นๆ กำลังจะเล่าให้ฟังนี่ไง

     

                    ก็อย่างที่บอกอ่ะ ว่าตอนมันไม่สบายมี้ไม่ให้มันนอนคนเดียว ผมก็เลยต้องไปนอนเป็นเพื่อนมันตลอดช่วงที่มันป่วย ก็นอนสลับกันไป พากันมานอนห้องผมบ้าง ห้องมันบ้าง

                   

                    “เออ กูมีเรื่องจะถาม” ผมวางหนังสือการ์ตูนลง แล้วนั่งชันเข้า จ้องหน้าอิดำ

     

                    “ครับ”

     

                    “มึงกิ๊กกั๊กอยู่กับจู๋เหี่ยวหรอ?

     

                    “จู๋เหี่ยว ชื่อบ้าอะไรของพี่เนี่ยใครกัน”

     

                    “ก็ จู๋เหี่ยวอ่ะ  คนที่แก้มอูมๆ” ยกมือขึ้นมาอังแก้มแล้วทำปากจู๋ “เอาไก่ทอดมาเยี่ยมมึงวันนี้นั้นอ่ะ”

     

                    เด็กถ่านนึ่งไปราวกับกำลังใช้ความคิด

                    …..

     

                    ผ่านไปห้านาที

     

                    “นานไปละอิสัด - -+”

     

                    “จูเนียลรึปล่าวพี่”

     

                    “เออ นั่นแหละๆ มึง คบกับเขาอยู่หรอ?

     

                    “หือ บ้า ไม่ได้คบ อะไรทำให้พี่คิดแบบนั้น?

     

                    ก็….

     

                    “ไม่รู้ดิ กูเห็นว่าเขามาเยี่ยมมึง นอกจากน้องแบคกับจู๋เหี่ยวแล้ว กูไม่เห็นเพื่อนมึงมาเลยอ่ะ น้องกูเป็นที่น่ารังเกียจของสังคมขนาดนั้นเลยหรอวะ” ประโยคหลังนี่ผมพึมพำกับตัวเอง

     

                    “จูเนียลเป็นหัวหน้าห้อง ก็อาจจะรับหน้าที่เป็นตัวแทนเพื่อนๆมาเยี่ยมผมไง”

     

                    “แล้วทำไมเวลากูป่วย เฉินไม่เห็นโผล่หัวมาเยี่ยมกูบ้างเลยล่ะ” หัวหน้าห้องเส็งเคร็งที่เรียนเก่งชิบหาย เวลาใช้ตีนสะกิดถามข้อสอบบอกไม่รู้ แต่เสือกได้เต็มไม่รู้พร่องง

     

                    “ก็นั่นมันพี่เฉิน ผมไม่รู้”

     

                    “กูว่าจู๋เหี่ยวต้องแอบชอบมึงแน่เลย” ผมทำหน้าครุ่นคิด

     

                    “พี่อย่าเดาไปทั่วดิ คนอื่นเขาเสียหายนะ”

     

                    “มึงเชื่อกูดิ” หากแต่อิถ่านยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงมี้ตะโกนเรียกพวกเราจากข้างล่างซะก่อน คนตัวดำเดินนำไปที่ประตูแล้ว ผมจึงเก็บหนังสือการ์ตูนไว้ที่หัวเตียงแล้วเดินตามมันออกไป

     

                    ผมสีทองเจิดจ้า สะท้อนกับแสงไฟ ทำให้ผมต้องหรี่ตาลงเบาๆ

     

                    อือหือสีผมพี่คริส ยังอลังการเสมอ

     

                    พี่คริสนั่งรออยู่ที่โซฟา พอเห็นอิถ่านกับผมเดินลงมา ก็ผุดลุกขึ้นแล้วยิ้มกว้าง

     

                    “สวัสดีครับพี่คริส” ผมเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงใสๆ

     

                    “วันนี้จงอินไปโรงเรียนได้แล้วใช่ไหม” พี่คริสยิ้มโชวเงิง “ป่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ไม่ต้องดีใจไปหรอก เจตนาที่แท้จริงของพี่คริสคืออะไร ก็น่าจะรู้ดี….

     

                   

     

     

    07.28 AM

                    “น้องแบค!” พี่คริสอาศัยความคล่องตัวของรถสุดหรูราคาหลายสิบล้าน ขับปาดซ้ายปาดขวาให้คนอื่นด่าบรรพบุรุษเล่น เข้ามาส่งผมจนถึงหน้าประตูโรงเรียน โชคดีจังที่วันนี้ไม่ต้องเดิน แต่รถยังไม่ทันจอดสนิทดี พี่คริสก็ตะโกนลั่นรถ

     

                    ไหนวะ..ตาดีชิบหายเลย

     

                    พยายามมองซ้ายมองขวา จนในที่สุด ก็เจอน้องแบคยืนทำหน้าเง้าหน้างออยู่หน้าประตู ในมือก็กำถุงเครื่องดื่มบำรุงสมองหลายขวดไว้แน่น

     

                    ของชานยอลๆ

     

                    “สวัสดีครบพี่คยองซู จงอิน หายป่วยแล้วหรอ” น้องแบคหันไปถามจงอิน โดยไม่ได้สนใจพี่คริสที่ยืนเต้นแร้งเต้นกา โบกมืออยู่ข้างหลังกะให้ทัก

     

                    “อือ”

     

                    “น้องแบค นี่พี่คริส พี่ชายข้างบ้านพี่เอง” ด้วยความสงสาร ผมก็เลยแนะนำให้น้องแบครู้จักพี่คริสพอเป็นพิธี ซึ่งพี่คริสก็เก๊กหล่อใหญ่เลย

     

                    เก๊กจนหน้าเป็นตะคริว น้องแบคเขาก็ไม่สนหรอก โน่น ตัวจริงของเขาเดินหอบหนังสือมาโน่นละ

     

                    “แฮ่ม สวัสดีคริส คริสครับ วิศวะคอมฯปีหนึ่ง มหาลัย…..

     

                    “พี่ชานยอล!!

     

                    “มหาลัย..

     

                    “อ่ะ เครื่องดื่มบำรุงสมอง กินเยอะๆนะ” ชานยอลหันมาทางผมกับจงอินแปปนึง จากนั้นก็รับถุงจากน้องแบค และเดินเข้าโรงเรียนไปอย่างรวดเร็ว น้องแบคเห็นอย่างนั้น จึงหันมาบ๊ายบายแล้ววิ่งตามชานยอลเข้าไป

     

                    “ชานยอลมันเห็นกูป่ะวะ O.O รีบไปไหนของมัน” พึมพำออกมาเบาๆ  

     

                    “คนนั้นอ่ะหรอชานยอล ไม่เห็นจะหล่อเลย” พี่คริสเบ๊ะปาก “เดินหอบหนังสือ ใส่แว่นตา คิดว่าเท่หรอ ไอฟายย” พี่คริสเตะฝุ่นไล่หลังชานยอล

     

                    “หล่อไม่หล่อ ก็ได้ใจแบคไปแล้วล่ะ”

     

                    “หือ เมื่อกี้คยองว่าไงนะ”

     

                    “ปะ ปล่าววว เอ่อ พี่คริส ผมกับจงอินไปเข้าเรียนก่อนนะ” ผมหันไปบอกพี่คริส ที่เหมือนจะอารมณ์เสียอยู่น้อยๆ ก่อนจะวิ่งเหยาะๆตามอิถ่านเข้าไปในโรงเรียน

     

                    กะว่าจะเดินไปส่งมันที่ห้องก่อน แล้วค่อยไปห้องตัวเอง

     

                    “ไปสิๆ เร็วๆ” (  ‘ ‘) หือ เสียงอะไรวะ

     

                    “อย่ามัวแต่เขินสิเนียล” สิเนียลคืออะไร ใครมาพูดอะไรซุบซิบๆแถวนี้  ผมก็หันไปสะกิดชายเสื้อดิดำแล้วถามว่ามันได้ยินเสียงอะไรเหมือนผมป่ะ ซึ่งมันก็ส่ายหน้า

     

                    “มึงไม่ได้ยินจริงๆอ่อ”

     

                    “ไปเนียล!

     

                    พรืดดดดด

     

                    “เฮ้ยยยย เชี่ย!!” กำลังจะหันไปถามอีกรอบ แต่อะไรซักอย่างที่โผล่พรวดมาจากมุมตึกก็วิ่งมาชนผมจนล้มตึงกับพื้น อิถ่านมองลงมาด้วยความตกใจ

     

                    “คะ..คือ เนียลขอโทษ พี่คยองซูเป็นอะไรไหม เนียลไม่ได้ตั้งใจนะ” เด็กผู้หญิงคนนั้นเข้ามาช่วยอิถ่านพยุงผมขึ้น ปากก็ละล่ำละลั่กบอกขอโทษใหญ่เลย

     

                    “พี่เจ็บตรงไหนป่ะเนี่ย”

     

                    “กูเจ็บตูด มึง” ว่าแล้วก็ชี้หน้าอิ เนียลอะไรนั่น อ๊ะพอมองดูชัดๆ นี่มันผู้หญิงที่เจอที่หน้าห้องพยาบาลนี่หว่า “มึงรู้ไหมว่าทำอะไรลงไป ถ้าตูดกูระบมจนนั่งไม่ได้ขึ้นมา กูก็จะนั่งเรียนหนังสือไม่ได้ พอกูนั่งเรียนไม่ได้ กูก็จะสอบตก พอกูสอบตก กูก็จะติดศูนย์ พอติดศูนย์กูก็จะโดนไล่ออก พอกูโดนไล่ออกมี้ก็จะโกรธ ก็จะไล่กูออกจากบ้าน พอกูโดนไล่ออกจากบ้านกูก็จะไม่มีที่อยู่ พอกูไม่มีที่กู ก็ก็จะกลายเป็นเด็กข้างถนน ไม่มีเงิน ไม่มีข้าวแดก ไม่มีผ้าห่ม พอไม่มีผ้าห่มกูก็จะหนาว พอกูหนาวกกูก็จะนอนแข็งอยู่ใต้สะพานลอย และกูจะตายในที่สุดมึงๆ เกือบเป็นฆาตกร” พูดจบก็ลด นิ้วที่ชี้หน้าเด็กจูเนียลลงด้วยความเมื่อยแขน

     

                    “ถ้าแค่เจ็บตูดจะทำชีวิตพี่บรรลัยขนาดนี้” ได้ยินเสียงอิดำพูดอยู่ข้างๆ

     

                    “เนียล ….เนียล ขอโทษจริงๆ เนียลแค่จะเอาเค้กที่อุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้จงอิน” จูเนียลชี้ไปที่กล่องเค้กที่วางอยู่บนพื้น ซึ่งมันเละไปหมดแล้ว ตาโตๆเริ่มแดงก่ำด้วยหยดน้ำตา

     

                    “มึงจะร้องทำไมเนี่ย รีบเอาเค้กให้อิถ่าน แล้วก็ไปเข้าเรียนได้แล้ว”

     

                    “ก็..ฮึกพี่คยองซูเจ็บ เนียลไม่ได้ตั้งใจ”

     

                    “เออๆๆ กูไม่โกรธ “ ผมบอกปัดไป จูเนียลจึงก้มลงไปหยิบกล่องเค้กบนพื้นและเตรียมหันหลังเดินหนี

     

                    “อ้าว ไหนว่าจะเอาเค้กให้เรา” แต่จงอินก็ตะโกนทักซะก่อน นั่นจึงทำให้จูเนียลหยุดเดินและหันกลับมา จากตอนแรกที่แค่ตาแดงๆ ตอนนี้น้ำตาไหลเป็นสายลงมาหมดละ

     

                    “ก็มันเละหมดแล้ว T^T

     

                    “อุตส่าห์ตั้งใจทำไม่ใช่หรอ เอามาสิ” อิถ่านยิ้ม ยื่นมือไปรอรับกล่องเค้ก จูเนียลยืนชั่งใจอยู่แปปนึง จากนั้นก็เดินมาส่งกล่องเค้กให้จงอิน

     

                    พระเอกโคตรๆ กูไม่ควรยืนอยู่ตรงนี้ใช่ป่ะ หรือกูควรจะไปหาซาวด์ซึ้งๆมาเปิดตอนจูเนียลยื่นกล่องเค้กให้อิถ่านดี

     

                    บ้าไปและ นี่กูเป็นอะไร

     

    .               ….แล้วทำไม ต้องเดินกระทืบเท้าปึงๆออกมาจากตรงนั้นด้วยนะ

     

                    ไม่รู้ๆ ก็แค่หงุดหงิด

     

                    หงุดหงิด ที่มองว่างสองคนนั้น….ก็เหมาะสมกันดี

     

     

     

                    “คยองกินนี่ด้วยน้า”

     

                    “อันนี้พี่คยองยังไม่ได้กินเลย”

     

                    “พี่คยองหันมาทางนี้บ้างสิครับ”

     

                    “แง่มๆๆๆ” บอกตามตรง ตอนนี้อารมณ์เสียมาก แล้วก็อิ่มมากๆ จือเทา ซูโฮ  แล้วก็น้องยองมินพากันหอบของกินสารพัดมาประเคนให้ผมอีกแล้ว

     

                    “พรุ่งนี้ผมคงต้องหอบมาเยอะๆซะแล้ว คยองผอมลงไปเยอะเลย” จือเทาพูดพลางยื่นมือมาจับคางผมให้หันไปมาเพื่อสำรวจ นั่นทำเอาเส้นอูด้งที่ผมเคี้ยวอยู่ในปากแทบกระเด็นออกมา

     

                    “ดูสิ ขนาดตอนกินยังน่ารักเลย >< อ๊ากกกก” น้องยองมินชูตะเกียบขึ้น จากนั้นก็ดี๊ด๊าสะดีดสะดิ้งมาก

     

                    ตึก ตึก ตึก

     

                    แต่ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งกินอาหารอย่างเมามัน  กลิ่นรามยอนแกงกะหรี่ที่จำได้ว่าไม่ได้มีปรากฏอยู่บนโต๊ะนี้สักชามเดียวก็ลอยเข้ามาเตะจมูก

     

                    “โต๊ะเต็มหมดแล้ว ขอฉันกับเซฮุนนั่งด้วยนะ” ลู่ฮานพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงใสหวาน ใบหน้าสวยๆแลดูบูดบึ้ง เมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นโต๊ะที่พอจะให้เขาและเซฮุนนั่งกินข้าวได้เลย

     

                    ผมหยุดเคี้ยวแจ่บๆ มองไปที่เซฮุนที่ถือบุลจาจางเดินมานั่งถัดจากน้องยองมิน มืออีกข้างของเซฮุนค่อยๆวางแก้วชานมไข่มุกลงอย่างเบามือราวกับไม่ต้องการให้ของเหลวในแก้วหกไปแม้แต่หยดเดียว

     

                   

     

                นี่ นายยังเด็กอยู่เลยนะเซฮุน กินแต่กาแฟ มันไม่ดีหรอก

                ‘มันอร่อยที่สุดแล้วล่ะ

                ‘งืออ ไม่จริงสักหน่อย ชานมไข่มุกต่างหากที่อร่อยที่สุด ไม่เชื่อชิม…’

                ไม่เอาอ่ะ เกิดไอ้ลูกดำๆมันเข้าไปติดคอผมจะทำยังไง เกิดมาชาตินี้ยังไม่ได้เห็นตัวเป็นๆของมิแรนด้าเคอร์เลย เซฮุนไม่ยอมตาย

                ลองเถอะน่า ว่าแล้วก็ยื่นแก้วชานมไปจ่อที่ปากสีชมพูของเซฮุน คนตัวสูงตรงหน้าชะงักค้างพักนึง แต่สุดท้ายก็ยอมกิน

                เป็นไง อร่อยใช่ไหมล่ะ

                ชานมไม่อร่อยหรอก  เซฮุนเคี้ยวลูกไข่มุกแจ่บๆ

    ‘…คนป้อนอร่อยกว่า”

                    จุ๊บ

     

     

                    “คยองเป็นอะไรไป ทำไมหน้าแดงๆ ร้อนหรอ หรือเผ็ด บ้าน่าไก่นึ่งน้ำปลาเนี่ยนะ”

     

                    หะ หะผมหน้าแดงอ่อ ไม่รู้สิ ทำไมรู้สึก....

     

                    “พี่คยองอิ่มแล้วหรอ งั้นมากินของหวานกัน”

     

                   รู้สึกอยากได้เซฮุนคืน...

     

                    “อันนี้เห็นป้าแม่บ้านคนใหม่ที่เป็นคนไทยทำให้ บอกว่ามันคือ ขนม สอดใส่เป็นขนมไทย” ซูโฮพูดพลางยื่นขนมที่เขาเรียกมันว่าสอดใส่มาให้ผม

     

                    เท่าที่เคยได้ยินมา มันมีแต่ขนมสอดใส้ไม่ใช่เรอะ!

     

                    ผมกำลังจะอ้าปากงับขนมสอดใส้ แต่เสียงนิ่งๆของเซฮุน ก็หยุดทุกการกระทำของผม ไม่สิ หยุดทุกการกระทำของคนบนโต๊ะ รวมไปถึงลู่ฮานด้วย

     

                    “คยองซูแพ้ถั่ว”

     

                    ใช่ผมแพ้ถั่ว

     

                    “ขนมนี้ใส่ถั่วด้วยหรอ” ผมหันไปถามซูโฮ คนตัวขาวได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้

     

                    “มันมีถั่วอยู่ข้างใน ไม่เชื่อลองตัดดูสิ” เซฮุนวางแก้วชานมไข่มุก ที่เพิ่งยกมาดื่มเมื่อกี้ลงกับโต๊ะอีกครั้ง ลู่ฮานก็มองผมสลับกับเซฮุนอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าเซฮุนจะเล่าให้ลู่ฮานฟังหรือปล่าวว่าเราเคยคบกัน เพราะลู่ฮานเองก็เพิ่งย้ายมาจากจีน แต่ถ้าให้เดา ผมว่าเซฮุนไม่ได้เล่า

     

                    “ฉันไม่รู้จริงๆนะ แต่ปกติเวลาจะทำอาหารมาให้คยองซูฉันก็จะบอกแม่บ้านตลอดว่าไม่ต้องใส่ถั่ว” ซูโฮนั่งนิ่ง “จริงสิป้าแม่บ้านคนนี้เพิ่งย้ายเข้ามาอ่ะ ฉันเลยไม่ทันได้บอก ขอโทษนะคยองซู ถ้านายกินมันเข้าไป คงอันตรายแน่ๆเลย”

     

                    “ไม่เป็นไร”

    ขอบใจนะเซฮุน ขอบใจ ที่ยังจำได้  T-T

     

                    โครมม!

     

                    “เชี่ย!!”  เฮ้ยย ใครวะ แม่ง คนกำลังหวานซึ้งเลย

     

                    หันไปมองรองๆโรงอาหาร ความโกลาหลตรงบริเวณร้านขายน้ำนั่น ทำเอาผมนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ ยิ่งเมื่อมองเห็นคนที่ยืนก่อเรื่องอยู่ตรงนั้นแล้ว ยิ่งต้องรีบเลย….

           

                จือเทา!!” ทั้งผม น้องยองมิน และก็ซูโฮ ต่างก็วิ่งไปที่กลางโรงอาหารด้วยความรวดเร็ว เหล่าไทมุ่งเริ่มค่อยๆตีวงล้อม โดยมีเทายืนหน้าแดงก่ำ กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด

     

                    ผมเดินตามซูโฮที่แหวกฝูงผู้คนเข้าไปในวงล้อม แบมแบมนักเรียนชายปีหนึ่ง นอนเลือดกบปากอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยเศษเก้าอี้ที่แตกหักจากแรงทุ่มของจือเทา 

     

                    “มึงๆ!”เทาชี้หน้า “ต่อยแค่นี้ก็ปากแตกซะแล้ว ทำมาเป็นปากดี!

     

                    “

                   

                    “เก็บปากเน่าๆไว้เลียหางหมาเถอะมึง!” เทาทำท่าจะลงไปชกน้องเขาอีก แต่ผม ซูโฮ แล้วก็น้องยองมินดึงไว้ซะก่อน

     

                    “ใจเย็นๆ เกิดอะไรขึ้น อย่าทำน้องนะเทา ใจเย็นๆ” ผมลูบหลังเทา

     

                    “เย็นไม่ได้หรอกคยอง!! เมื่อกี้ตอนที่ฉันต่อแถวซื้อน้ำไปให้นาย รู้ไหมฉันได้ยินอะไร!

     

                    “O_O

     

                    “โถ่เว้ยแม่ง! ยิ่งพูดยิ่งโมโห” เทาใช้เท้ายาวๆที่ไม่ได้มีใครจับไว้กระทืบไปที่รุ่นน้องแบมแบมอีกรอบ

     

                    “พอแล้วเทา”

     

                    “มันบอกว่าอยากฟันคยองซูนะ ได้ยินไหมเนี่ย! ไอ้เด็กเชี่ยนี่มันแม่ง เว้ยยย” ว่าแล้วเทาก็ขยี้หัวจนฟู เดินออกจากวงล้อมไป

     

                     ทำไมเดินไปง่ายๆแบบนี้ละ อยากฟันคยองซูงั้นหรอไอ้เด็กปากหมา! เทากลับมากระทืบมันก่อน อย่าเพิ่งไป!!

     

     

                    เหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน กลายเป็นหัวข้องที่มีนักเรียนพูดถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ แอบได้ยินมาว่าเทากับน้องแบมแบมถูกเรียกเข้าห้องปกครองเกือบสองชั่วโมงแล้ว ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

     

                    “ได้ข่าวว่าเมื่อตอนกลางวันก่อเรื่องหรอ”

     

                    “อะไรกูไม่ได้ก่อซักหน่อย”

     

                    “แต่ต้นเหตุก็มาจากพี่อ่ะ”

     

                    “รุ่นน้องแบมแบมต่างหากที่ปากเสีย มึงอย่ามากล่าวหากูนะ” ทำท่าจะยกตีนขึ้นถีบอิถ่านที่นั่งเยื้องๆอยู่ที่เก้าอี้ แต่เสียดายที่มันหลบได้ซะก่อน

     

                    “ใช้กำลังอีกแล้ว -3-

     

                    “ไม่ได้ใช้กำลัง แต่กูใช้ตีน :P” เด็กถ่านทำท่าจะอ้าปากพูดอะไรออกมา แต่ด้วยความที่อยู่กันมาตั้งแต่กระจู๋เท่าเม็ดแมงลัก ผมรู้ดีว่ามันจะพูดอะไร “จะฟ้องแม่ แงง ฟ้องแม่แน่ โธ่ ไอ้ฟายยย โตเป็นควายแล้วทำตัวเหมือนลูกแหง่”

     

                    “ว่าผมอีกแล้วนะ!” มันทำท่าฮึดฮัด “ผมจะจะ

     

                    “จะอะไร มึงจะทำอะไรกู” ผมลุกขึ้นยืนข่ม ตบหน้าแข้งปั๊กๆ

     

                    “จะเฮ้อออ จะทำอะไรพี่ได้ละ T_T”  พูดจบใบหน้าดำๆก็งองุ้มเหมือนไม่ค่อยพอใจ “ผมจะไม่มีทางใช้กำลังอะไรที่มันรุนแรงๆเหมือนที่พี่ทำเด็ดขาดเลย”

     

                    “มึงต่อยไม่เป็นมากกว่า..ตุ๊ด!

     

                    “ไม่ตุ๊ดนะ!!! เดี๋ยวจะโชว์อะไรให้ดู” เด็กถ่านหันซ้านหันขา มองไปรอบๆห้องเรียนของผม ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ค่อยจะมีคนเท่าไร จะมีก็แต่หัวหน้าห้องเส็งเคร็ง ที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่ข้างหน้าต่าง

     

                    “เจอละ” มันเดินไปหยิบกระป๋องน้ำอัดลมที่เหมือนจะมีใครกินไว้จนหมดมากำไว้ในมือ แววตาคมๆนั้นส่งประกายชิ้งๆอย่างมั่นใจ

     

                    “ผมก็มีกำลังนะ แต่ผมไม่ชอบใช้มันเฉยๆแหละ ชอบหล่อแบบใสๆ >< พี่ดูนะ ดูให้ดี” อิดำใช้มืออีกข้างชี้มาที่กระป๋อง ให้ผมจับตาดูดีๆ

     

                    มืออันหยาบกร้านนั่นค่อยๆบีบกระป๋องในมือจนมันบู้บี้บุบไม่เป็นรูปทรง แต่บีบยังไม่ทันแบนดี อิดำก็ปล่อยกระป๋องลงพื้นพร้อมกับทำสีหน้าเจ็บปวด เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลออกมาจากฝ่ามือ

     

                    ชิบหายละ

     

                    “กระป๋องบาดดด เจ็บบบ โอยยยย” ผมได้แต่ยืนไข่สั่นไปมา เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี ทำไงอ่ะ เลือดไหลออกมาเยอะมากเลย

     

                    “มึงๆ ทะทะยังไงอ่ะ กูต้องทำยังไง อ่อใช่ๆ” ว่าแล้วผมก็ปลดเนกไทของตัวเองออกแล้วเอามันมามัดที่ต้นแขนมัน เพื่อ..

     

                    เพื่ออะไรไม่รู้ช่างแม่งเหอะ

     

                    “โอยยย ฮรืออออ เจ็บอ่าพี่ เจ็บบบ”

     

                    “อิเชี่ยยย อย่าเพิ่งร้อง อย่าเพิ่งตายด้วย มานี่เร็วๆ” ผมคว้าข้อมืออิดำที่เพิ่งยกขึ้นไปปาดน้ำตามากำไว้ และออกแรงดึง เพื่อจะพาไปห้องพยาบาล

                   

                    หแต่กว่าจะทำแผลเสร็จอะไรเสร็จเรียบร้อย อิถ่านก็สลบไปเพราะหมดฤทธิ์ มันร้องไห้ฟูมฟาย โวยวายไปทั่วราวกับจะโดนตัดมือทิ้ง ทำคนเป็นพี่ไม่ได้เรียนอีกแล้ว ผ่านไปสองคาบแล้วนะเฮ้ย

     

                    “โง้ยยยย เหม็นยาอ่ะ” ตื่นมาก็โวยวายเลย

     

                    “เหม็นกลิ่นรักแร้กูมั้งอิสัดด ทำกูไม่ได้เรียนอีกแล้วนะมึงอ่ะ” ขอคิดบัญชีหน่อยเถอะ

     

                    ป้าบบ!

     

                    ตบหัวทุยๆนั่นจนผมสีดำๆกระเจิง มันเซลงไปซบหมอน

     

                    “พี่อ่ะ เจ็บนะ”

     

                    “ตื่นแล้วก็ลุก ไปเรียนได้แล้ว”

     

                    “T^T

                   

                    “ลุก!” ผมออกแรงดึงแขนข้างที่ไม่ได้ทำแผล จนมันต้องยอมลากร่างกายสูงใหญ่เดินตามผมออกมาในที่สุด หากแต่ยังไม่ทันจะได้เปิดประตูห้องพยาบาลออกไป กลุ่มบุคคลที่เพิ่งเดินผ่านไปพร้อมกับเสียงบ่นปอดแปดนั่นก็ทำเอาผมถึงกับชะงัก

     

                    “กว่าจะออกจากห้องมาได้ นั่งจนตะคริวกินขาหมดละ”

     

                    “มึงโดนไรมั่งวะ”

     

                    “ขึ้นบัญชีดำเฉยๆ ส่วนรุ่นพี่จือเทาไม่ได้โดนห่าไรเลย"

     

    “แม่งใหญ่มาจากไหนวะ”

     

                    “ไอเชี่ยรุ่นพี่จือเทา  ทำเป็นอวดเก่ง มีดีก็แค่รวย ต่อยกูซะปากแตกเลย”

     

                    “เล่นแม่งเลยป่ะ เย็นนี้” ได้ยินเสียงเพื่อนแบมแบมอีกคนพูด

     

                    “เดี๋ยว ให้แผลกูหายก่อน กูไม่เอาไว้แน่ พ่อกูก็ใหญ่เหมือนกัน กูไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละ”

     

                    “แต่พ่อรุ่นพี่จือเทา.\ )#T$*)-_W@*#^(#_@ “บทสนทนาค่อยๆเบาลงตามระยะทางที่รุ่นน้องแบมแบมเดินออกห่างจากประตูห้องพยาบาลไป และทำให้ผมไม่ได้ยินอะไรในที่สุด

     

                    “เหมือนพี่จือเทาจะแย่ละ” เด็กถ่านที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังผมพูดขึ้นข้างหู ….เหอะๆ กูว่าไม่นะ

     

                    “จือเทาเป็นแชมป์วูซูของกีฬาเครือข่ายโรงเรียนเราตั้งกี่สมัย มึงลองกลับไปนับถ้วยรางวัลที่บ้านเทาดูสิ”

     

                    “แต่ถ้าพี่จือเทามีคนเดียว แล้วแบมแบมขนพวกมาทั้งเชียงใหม่ล่ะ”

     

                    “ทำไมต้องเชียงใหม่วะ?

     

                    “ผมเปรียบเทียบ - -+”

     

                    “ก็หมาหมู่ เอออันนี้กูก็ไม่รู้ว่ะ” แต่ที่รู้ๆผมต้องไปเตือนเทา ถึงเทาจะเก่งแค่ไหน แต่มันก็โคตรอันตรายเลย

     

                    รอจนถึงเวลากลับบ้าน  วันนี้อิถ่านต้องกลับบ้านช้าหน่อย เพราะว่าคาบประวัติศาสตร์ที่ผมไม่ได้เรียนสองคาบ อ.สั่งให้ทำงานให้เสร็จ และต้องส่งภายในวันนี้ นั่นจึงทำให้ผมต้องอยู่ปั่นงานให้เสร็จก่อน กว่าจะได้กลับ ก็เกือบๆหกโมง

     

                    “โคตรหิวเลยพี่คริส” ผมยกมือขึ้นตบๆท้อง พี่คริสมองมาที่ผมผ่านกระจกหลัง จากนั้นก็ยิ้มน้อยๆ เออ นอกจากผมจะปั่นงานเสร็จตอนหกโมงแล้ว พี่คริสก็ยังต้องขับรถเอาเอกสารไปส่งให้แม่ซึ่งทำงานอยู่ที่มหาลัยอีกด้วย ซึ่งอยู่คนละทางกับบ้านเลย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมป่านนี้ เกือบสองทุ่มแล้ว ผมยังไม่ถึงบ้าน

     

                    “พี่คริสแวะร้านเบเกอรี่ข้างหน้าให้หน่อยสิ ผมก็หิวเหมือนกัน” เด็กถ่านออกความเห็น เออๆ ดีมากเลย เห็นด้วยเป็นที่สุด “สงสารพี่คยองซูด้วย นั่งเอนหลังตบท้องเหมือนคนใกล้จะคลอดเลย น่าเกลียด”

     

                    ป้าบบ!

     

                    ตบตีกันเล็กน้อยพอเป็นพิธี พี่คริสหัวเราะ ออกมาเบาๆก่อนจะตบไฟเลี้ยว แล้วจอดรถที่หน้าร้านเบเกอรี่

     

                   

     

                    กรุ๊งกริ๊งๆๆ

     

                    ผมกับอิดำเดินตามหลังพี่คริสเข้าไปในร้านเบเกอรี่ บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์น่ารักๆ คนก็เริ่มจะบางตา เพราะนี่ก็ดึกแล้ว

     

                    “สวัสดีครับ เอ็นเค มินิเบเกอรี่ยินดีต้อนพี่คยองซู! จงอิน!”  

     

                    บอกผมทีว่านี่มันอะไรกันผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของตระกูลบยอนทำไมถึงใส่กันเปื้อน ทำงานอยู่ที่นี่!

     

                    “น้องแบค!

     




     

    ****************



    #ฟิคยัง




    :-Daisy ✿
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×