คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Evil Boys ; ep.1
“ไอจองกุก!!!”
เจ้าของชื่อชะงักมือที่กำลังเล่นกล้องตัวโปรดอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงของเพื่อนสนิทที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ในตอนนี้ เมื่อเห็นว่าเป็นใครจองกุกก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ กลับก้มหน้าเล่นกล้องในมือต่อไปอย่างไม่แคร์ นั่นเรียกอารมณ์โมโหจากคนตรงหน้าได้มากขึ้นกว่าเดิม
“มึงช่วยสนใจกูก่อนได้มั้ย!”ไร้เสียงตอบรับกลับมา
“โอ้ย! หัวร้อนเว้ย!!!”คิมแทฮยองโวยวายขึ้นมา ทรงผมที่ถูกเซ็ตมาอย่างดีกลับถูกมือใหญ่ขยี้จนฟูไปหมด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของแทฮยองน้อยไปเลยสักนิด
ก็แน่น่ะสิหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจสาวๆทั้งในมหาลัยและนอกมหาลัย แถมพ่วงด้วยตำแหน่งเดือนคณะนิเทศที่ใช้เป็นตัวการันตีได้ถึงความสามารถในด้านต่างๆมากมายของเขาได้อย่างดี แล้วมันจะมีสักกี่เรื่องกันที่ทำให้คนเพอร์เฟคไปซะหมดอย่างคิมแทฮยองคนนี้ต้องมาเดือนเนื้อร้อนใจได้ขนาดนี้ แถมเรื่องนั้นยังเกี่ยวข้องกับเพื่อนสนิทหน้านิ่งคนนี้อีกด้วย
“ใจเย็นๆครับมึง”คิมนัมจุนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นเดินมาจับไหล่เพื่อนไว้แล้วส่งสายตาถามประมาณว่า ‘มึงเป็นเหี้ยอะไร โวยวายทำไมวะ’
“ให้กูเดามั้ย มีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอก”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเล่มหนา มือขาวยกขึ้นดันกรอบแว่นที่ตกลงมายังปลายจมูกให้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งเดิม ดวงตาเรียวเล็กที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจทำเอาแทฮยองต้องยกนิ้วกลางใส่หน้าอีกคนด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ
“ไม่จำเป็นมึงไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือก็ได้นะยุนกิ”
“พอดีอ่านจบแล้ว”มินยุนกิยักไหล่อย่างไม่แคร์
“พอๆ มีเรื่องอะไรก็ว่ามา”
“ก็ไอหล่อแม่ง!”แทฮยองชะงักคำพูดไว้ก่อนจะปรายตามองเพื่อนหน้าหล่อที่เอาแต่ก้มหน้าสนใจแต่กล้องตัวโปรดในมือ นัมจุนย่นคิ้วด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะหันไปมองยุนกิที่หัวเราะออกมาหน่อยๆ นั่นทำเอาคนตัวสูงประจำกลุ่มถึงกับยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองด้วยความปวดหัว
“ทำไมมึงถึงไม่บอกกูก่อนวะ ว่าเคย์เป็นเด็กมึง!”
“ก็บอกแล้วว่ามีไม่กี่เรื่องหรอก”ยุนกิพูดสวนขึ้นมา ยกยิ้มด้วยความชอบใจที่ตัวเองนั้นรู้ทันปัญหาของเพื่อน ก็อย่างว่ามีไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้คิมแทฮยองคนนี้ถึงกับต้องอารมณ์เสียได้อย่างง่ายๆ และเรื่องนั้นคงหนีไม่พ้นเรื่องที่พ่อเดือนคณะหน้าหล่อเผลอไปคั่วเด็กในสต๊อกของเพื่อนมาด้วยความที่สแกนไม่ละเอียดเอง
“ก็นึกว่าเรื่องใหญ่โตอะไร เรื่องแค่นี้เองมึงจะซีทำไมวะ”คิมนัมจุนกรอกตาขึ้นบนแล้วย้ายตัวเองไปนั่งลงข้างยุนกิ
“ไม่ซีสิแปลก มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบใช้ของซ้ำกับใคร”
“ของหรือคน!!”ทั้งสองคนประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกันนั่นทำเอาแทฮยองสบถออกมาอย่างอารมณ์ไม่ดี
“เออนั่นแหละ!”
“สแกนไม่ดีเองแล้วมาโวยวายใส่เพื่อน เพื่อ?”เหมือนสิ่งที่ยุนกิพูดจะเป็นความจริงเพราะแทฮยองไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป แต่ลึกๆแล้วก็ยังอดหงุดหงิดใจไม่หาย
แม้ใครจะรู้ว่าพ่อเดือนคณะคนนี้เพอร์เฟคและดูดีไปซะหมดแต่มันก็มาพร้อมกับชื่อเสียงในเรื่อง
ของความเจ้าชู้ หรือเพลย์บอยตัวพ่อที่เปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำกันสักอาทิตย์ และดูเหมือนคราวนี้มันจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเมื่อตัวเองดันไปควงสาวน่ารักตัวเล็กที่เคยเป็นคู่ควงของเพื่อนสนิทซะงั้น หากไม่ได้ไปยินคนในมหาลัยพูดเข้าเขาคงได้ควงสาวน้อยคนนี้ครบอาทิตย์แล้วแน่ๆ และเพราะเกิดเหตุนี้เองทำให้เขาตัดความสัมพันธ์กับหญิงสาวคนนั้นทันทีทั้งที่ยังคบกันไม่ครบอาทิตย์ด้วยซ้ำ
“ที่มึงมาโวยวายใส่กูเนี่ย มึงได้เขาแล้วไง”
“เออ….”แทฮยองตอบกลับเพื่อนหน้าหล่อที่บทสนทนาดำเนินไปตั้งนานแล้วเจ้าตัวเพิ่งจะเอ่ยคำพูดออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ยอมละใบหน้าออกจากกล้องตัวโปรดอยู่ดี แทฮยองคนนี้ล่ะไม่เข้าใจกล้องบ้านั่นมันมีอะไรดีนักวะ มีมิยาบิ อาโออิอยู่หรือไง แทฮยองเซ็งจริงๆ
“กูจะไม่แปลกใจเลยถ้าวันหนึ่งมึงเป็นเอดส์ขึ้นมา”
“กูป้องกันมั้ย และอีกอย่างกูไม่สำส่อนขนาดนั้น กูเลือกครับ”แทฮยองหันไปตอบคนผิวขาวด้วยท่าทางมั่นๆ
“หยุดพูดเรื่องพวกนี้สักที กูเอียนวะ”นัมจุนแสดงสีหน้าคล้ายจะอ้วกออกมาเมื่อต้องมาทนฟังเรื่องอะไรพวกนี้ ใช่ว่าเขารับไม่ได้หรืออะไร แต่นิสัยเขามันเป็นพวกไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว และนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาได้รับความนิยมจากหมู่สาวๆในมหาลัยไม่น้อย ด้วยบุคลิกที่ดูเป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้ชายอบอุ่น และมันสมองที่ได้รับการการันตีมาด้วยจำนวนไอคิวที่สูงเกินคนปกติ
“อยู่กับปีศาจอย่าทำตัวเป็นเทวดาครับเพื่อน”
“ใครนิยามล่ะครับ ว่าปีศาจต้องเจ้าชู้อย่างเดียว”นัมจุนกระตุกยิ้ม ยักไหล่ใส่เพื่อนทั้งสองอย่างเหนือกว่า หากจะเทียบเรื่องอื่นๆนัมจุนคงสู้คนในกลุ่มไม่ได้ แต่ถ้าให้เทียบเรื่องการตอบกลับอย่างมีชั้นเชิงเขานี่ถนัดเหลือเกิน
แกร๊กกก
สายตาสี่คู่มองไปยังบานประตูสีขาวที่ถูกเปิดออกจากบุคคลภายนอก ก่อนจะพบกับผู้ชายรูปร่างสูงพอๆกันสามคนเดินเข้ามาในห้องชมรม จองกุกวางกล้องตัวโปรดลงบนโต๊ะแล้วมองไปยังแฟ้มสีครีมที่ถูกบุคคลมาใหม่โยนลงบนโต๊ะ
“มีไรวะพี่”
“อาจารย์บอกว่าบทยังไม่ผ่านให้เอามาแก้ใหม่”แจบอมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า ก็เพราะเขาเป็นเจ้าของโปรเจคนี้เอง การที่งานถูกส่งกลับมามันแสดงให้เห็นว่าเขายังทำมันได้ไม่ดี และคนที่จะซวยไปด้วยก็ไม่ใช่เพียงแค่เขาแต่เป็นคนในชมรมด้วยนั่นเอง เพราะการที่งานถูกแก้บ่อยๆแบบนี้มันทำให้พวกเขาเสียเวลาในการดำเนินงานอื่นไปไม่น้อย
“เจ๊ปากแดงแกจะเอาอะไรนักหนาวะ นี่แก้มารอบที่ 5 แล้วนะเว้ย เดี๋ยวแม่งเปลี่ยนพล็อตใหม่ให้หมดซะเลย แนวรักหวานใส โรแมนติก เรทต่ำๆไม่ชอบ เดี๋ยวแม่งเขียนรักปีศาจ แนวอิโรติก เรทพังทลายให้ซะเลย เรื่องมากสัส”แทฮยองสบถออกมายาวเหยียด มือก็ไล่เปิดดูบทในแฟ้มอย่างอารมณ์เสีย จะไม่ให้อารมณ์เสียได้ยังไงก็เขามีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องเขียนบทละครนี่ แล้วงานนี้ก็ส่งมาแก้รอบที่ 5 แล้ว ตัวเขาเองก็แก้งานจนเนื้อเรื่องทั้งหมดมันเริ่มมั่วไปหมดแล้วตอนนี้
“เห้ย! ไอเดียดีวะ”มาร์คพูดขึ้นแล้วมองหน้าแทฮยองด้วยแววตาสนใจอะไรบางอย่าง ทุกคนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนมาร์คจะยิ้มออกมา
“กูว่าเปลี่ยนพล็อตเรื่องใหม่หมดเลยเหอะ แล้วเอาเรื่องที่มึงพูดเลย ความรักเกี่ยวกับปีศาจอ่ะน่าสนใจดีกูว่า แล้วอีกอย่างกูได้ยินมาว่ามหาลัยเราเพิ่งมีเปิดสอนวิชาใหม่ แต่กูจำไม่ได้ว่ะว่าวิชาไร รู้แค่ว่าอาจารย์มินโฮสอน ซึ่งกูว่ามันน่าสนใจนะเว้ย เนื้อหาที่อาจารย์แกสอนมันออกแนวเรื่องราวในตำนาน กูว่ามันน่าค้นหาดีว่ะ”
“ใช่วิชา Demonology มั้ย”จองกุกพูดขึ้นนั่นเรียกความสนใจจากคนในห้องได้เป็นอย่างดี
“เออใช่ๆ มึงรู้ได้ไงวะ”
“เมื่อวานผมเพิ่งไปลงชื่อเรียนมา”พูดเพียงเท่านั้นก่อนจะคว้าเอากล้องตัวโปรดขึ้นมาเล่นต่อ นัมจุนที่นั่งครุ่นคิดอะไรอยู่กลับดีดนิ้วขึ้นมาเสียงดัง
“เห้ย! ที่มึงพากูไปลงชื่อเรียนเมื่อวาน วิชานี้เองดิ”จองกุกพยักหน้าขึ้นลง
“เดี๋ยวๆวิชาห่าไรวะ ทำไมกูไม่รู้เรื่อง”แทฮยองขมวดคิ้วแล้วมองไปยังเพื่อนทั้งสอง ทั้งงงในชื่อวิชา แล้วยังงงอีกว่าสองคนนี้มันไปลงเรียนกันตอนไหนทำไมเขาไม่รู้เรื่อง
“โอเค งั้นเอาตามนั้นไหนๆพวกมึงก็ลงเรียนวิชานี้แล้วงั้นก็เปลี่ยนพล็อตเรื่องใหม่ เอาเรื่องเหี้ยไรก็ได้เกี่ยวกับปีศาจอ่ะ กูให้เวลาอาทิตย์หนึ่ง โอเคนะน้องรัก กูรักพวกมึงมากมาย งั้นพวกกูไปล่ะ”แจ๊คสันพูดรัวๆก่อนจะลากคอเพื่อนอีกสองคนเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้เพียงหนุ่มหล่อทั้งสี่คนที่เอาแต่นั่งเงียบประมวลผลคำสั่งที่เพิ่งได้รับมาใหม่
“บัดซบ”มิน ยุนกิสบถออกมา มือขาวขยับแว่นตาเล็กน้อยแล้วหยิบเอาหนังสือขึ้นมาอ่าน ท่าทางของเพื่อนตัวเล็กประจำกลุ่มเป็นที่ชินตาของทั้งสามซะแล้ว เพราะไม่ว่าจะมีเรื่องทุกข์ใจอะไรหนังสือคือตัวเลือกที่ยุนกิจะใช้เพื่อหนีปัญหา
“กูอยากรู้ว่า พี่เขารักพวกเรามากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันวะ”
“กูตอบมึงเอง”นัมจุนมองไปยังแทฮยองแล้วยิ้มออกมานั่นทำเอาเดือนคณะสุดหล่อเลิกคิ้วขึ้น
“พี่เขารักพวกเราตั้งแต่จักรวาลยังไม่เป็นสสาร”คำตอบของนัมจุนทำเอาทั้งสามคนหันมามองหน้ากันด้วยความอึ้ง ที่อึ้งนี่ไม่ใช่อะไรเพราะไม่เข้าใจกับศัพท์กับของเด็กเก่งอย่างมัน พวกไอคิวสูงเขาใช้คำพูดแบบนี้เองเหรอ ฟังแล้วอึ้งตามจริงๆ
.
.
.
.
.
“เลิกคลาสได้!”
พรึ่บ!
แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาทันทีที่เสียงแหลมของอาจารย์ภาควิชากายวิภาคศาสตร์สั่งเลิกคลาสเหล่านักศึกษาแพทย์ปีสองทุกคนก็พร้อมใจก็ลุกออกจากที่นั่งทันใด ก็จะไม่ให้รีบลุกขึ้นได้ยังไงกันเพราะนี่ก็ปาไปห้าโมงเย็นแล้ว นี่มันเวลากลับบ้านชัดๆไม่ใช่เวลามานั่งเรียนซะหน่อย แต่นั่นก็ไม่ใช่กับนักศึกษาบางคนที่มีลงเรียนอีกวิชาในภาคค่ำ
“โอ้ย พวกฮีเลี่ยม!”
“ด่ากูซะหรู”จองโฮซอกกรอกตามองบนก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วบิดตัวไปมาด้วยความเมื่อยล้า
“ก็พวกมึงช้าอ่ะ”
“แล้วมึงจะรีบไปไหน มีเรียนอีกคลาสก็ไม่”
“มึงไม่เข้าใจ พวกมึงไม่มีแฟนไง”
“มีแฟนทำไม พวกมีแฟนอ่ะมันพวกอ้ายโครแมนยัง(แก่ โบราณ)”
“ระวังมึงนั่นแหละจะกลายเป็นอ้ายโครแมนยัง”เสียงหวานพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปตบไหล่เพื่อนเบาๆ โฮซอกที่โดนเพื่อนแซวเอาก็เบะปากก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่รอเพื่อนทั้งสองคน หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มที่เห็นอาการน้อยใจของเพื่อนก็ได้แต่กรอกตาไปมา
“ควรจะชินได้แล้วนะ”
“ไม่เลย”
ฮานิส่ายหัวเบาๆแล้วเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเพื่อนหนุ่มหน้าหวานอีกคน ทั้งคู่เดินพ้นขอบประตูห้องออกมาแล้วแต่กลับไม่พบกับโฮซอกที่คาดว่าน่าจะรออยู่หน้าห้อง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะหันมาขอความเห็นกับเพื่อนสาว
“ซอรี่นะเพื่อน แต่แฟนฉันมารอแล้ว ฝากด้วยนะ ไฟติ้ง!”ฮานิยิ้มกว้างแล้วชูสองนิ้วขึ้นก่อนจะเดินออกไปหาแฟนหนุ่มที่ยืนรอตนอยู่บริเวณหน้าคณะแล้ว จีมินที่เห็นแบบนั้นก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองด้วยความปวดหัว
“เพื่อนกูแต่ละคน เฮ้อ”
จีมินถอนหายใจออกมา มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนอีกคนพร้อมกับเดินออกไปจากตึกคณะ ปากอิ่มค่อยๆเบะออกมาเมื่อเห็นท่าว่าปลายสายไม่คิดแม้แต่จะกดรับสายเขาเลย ทั้งที่ก็โทรติด
“โฮซอกมึงกำลังทำให้กูเป็นบ้านะ”นิ้วป้อมพิมพ์ข้อความรัวใส่แชทอีกคนหวังว่าจะให้เจ้าของแชทนั้นตอบกลับมาโดนด่วน พอเห็นว่าข้อความนั้นถูกอีกฝ่ายอ่านแล้วแต่ไม่ตอบกลับนั่นทำเอาจีมินแทบเป็นบ้า นิ้วป้อมยังคงรัวข้อความใส่ไม่หยุดต่อไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
ปี๊ดๆๆๆ
ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปยังทางข้างหน้าแล้วพบกับรถที่กำลังขับพุ่งมาทางเขา มือเล็กกำโทรศัพท์แน่นดวงตาเรียวเล็กหลับลงด้วยเห็นภาพตัวเองในตอนที่โดนรถคันนั้นพุ่งเข้าชน ไม่รอดแน่ๆปาร์คจีมิน ขาที่ควรจะกระโดดหนีรถคันนั้นให้พ้นกลับแข็งทื่อไม่ขยับไปไหนซะได้นี่
“บ้าเอ้ย!”
ตุบ!
“เจ็บ”เสียงหวานร้องออกมาเมื่อหัวกลมๆนั้นกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เจ็บมากอย่างที่คิดแถมสิ่งที่กระแทกเข้าให้ก็ไม่ได้แข็งมากจนทำให้หัวแตกซะทีเดียว แล้วที่สำคัญมันมีกลิ่นหอมแปลกๆแถมยังนุ่มอีกด้วย
“เป็นอะไรหรือเปล่า”น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู ดวงตาเรียวเล็กค่อยๆเปิดกว้างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงนั้น
‘ใกล้ ใกล้เกินไปจริงๆ’ ใบหน้าหล่อที่อยู่ห่างจากใบหน้าหวานไม่ถึงคืบเหตุเกิดจากที่คนตัวเล็กในอ้อมกอดอยู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมาขณะที่เขานั้นก้มหน้าลงถามอาการของคนในอ้อมกอด จีมินสบตาเข้าดวงตากลมโตที่ฉายแววเฉยชาไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา แต่กลับกันแววตานั้นกลับดึงดูดให้เขาไม่สามารถละสายตาจากผู้ชายคนนี้ได้เลย ใช่ว่าเขาไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ซะทีเดียวแต่ก็ไม่เคยสักครั้งที่จะได้เห็นอีกคนในระยะใกล้แบบนี้
“ปล่อยก่อนได้มั้ย”เอ่ยออกมาด้วยความยากเย็น จองกุกที่ได้ยินแบบนั้นก็ปล่อยมือออกจากเอวอีกคน จีมินที่เป็นอิสระแล้วได้แต่ลอบถอนหายใจด้วยความประหม่า ก็แหงสิผู้ชายตรงหน้าเขาคือจอน จองกุกเชียวนะ หนุ่มหล่อประจำคณะนิเทศที่มีชื่อเสียงทั้งนอกและในมหาลัย ในเรื่องของหน้าตาที่แม้จะทำหน้านิ่งขนาดไหนก็ยังคงความหล่อและดึงดูดสายตาของคนที่ได้เห็น และที่สำคัญผู้ชายคนนี้ขึ้นว่าอันตรายสุดๆเลยล่ะ
‘ใช่เขาคนนี้ อันตรายต่อหัวใจของปาร์คจีมินคนนี้มากๆเลยแหละ’
“นาย เอ่อ…ขอบคุณนะ”ฟันเล็กขบกัดริมฝีปากตัวเองที่เผลอพูดเป็นกันเองกับคนตรงหน้าเข้าให้ ก็จองกุกน่ะเป็นรุ่นพี่เขาปีหนึ่ง แต่เขาดันเผลอพูดกันเองซะได้ ปาร์คจีมินทำผิดอย่างมหันต์สำหรับคนที่พึ่งเจอกันครั้งแรก และยังช่วยชีวิตเขาไว้อีกต่างหาก
“อื้ม”ปากอิ่มยู่ออกเมื่ออีกคนเพียงครางรับในลำคอ แถมยังไม่วายปล่อยรังสีความนิ่งใส่เขาอีก
“เอ่อ…”
เมื่ออีกคนเอาแต่เงียบ จีมินคนนี้ก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกันนะ มือป้อมกำเข้าหากันแน่นก่อนจะมองตามร่างสูงที่ย่อตัวลงพร้อมกับใช้มือเก็บซากกล้องที่ตกแตกอยู่บนพื้น ทันทีที่เห็นแบบนั้นเขาก็รับรู้ได้ทันทีเลยว่ารังสีความนิ่งและน่ากลัวที่ปล่อยออกมาเมื่อกี้คงมาจากไอซากที่แตกพังอยู่บนพื้นแน่ๆ ซวยแล้วมั้ยล่ะปาร์คจีมิน
“ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้กล้อง…มันแตก”ท้ายประโยคจีมินเอ่ยเสียงแผ่ว หัวกลมๆนั่นเอาแต่ก้มลงเพื่อแสดงความรู้สึกผิด
“เอาไป”คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อน้ำเสียงนิ่งๆนั้นเอ่ยออกมา ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นมองสิ่งที่ถูกยื่นมาตรงหน้าเขา มันคือกระเป๋ากล้องถ่ายรูปที่มีกล้องพังๆนั่นอยู่ มือป้อมรับกระเป๋ามาถือไว้อย่างไม่เข้าใจ
“เอาไปซ่อม แล้วมาคืนฉัน”
“แต่มันพังขนาดนี้จะซ่อมได้เหรอครับ ผมซื้อให้ใหม่เลยไม่ดีกว่าเหรอ”
“เรื่องของนาย”
ไร้ซึ่งความยินดีหรือข้อคิดเห็นใดๆ มีความนิ่งและรังสีความเย็นชาที่ปล่อยออกมา จีมินก็แค่ทำกล้องเขาพังเองนะไม่ได้ไปฆ่าคนรักของเขาซะหน่อย ทำไมถึงได้แสดงความไม่เป็นมิตรต่อกันขนาดนี้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าอีกคนมีเสน่ห์มากจริงๆ อ่า….ปาร์คจีมินท่าทางจะบ้าจริงๆ
“งั้นผมซื้อกล้องตัวใหม่ให้เลยนะ”จองกุกพยักหน้าตอบกลับ
“พี่มีรูปอะไรสำคัญๆอยู่ในกล้องนี้มั้ย”ทำเพียงพยักหน้าตอบกลับ โอเคนี่จีมินกลับกำลังคุยกับคนหรือเสาไฟฟ้ากันแน่
“พี่รีบใช้กล้องหรือเปล่า”จองกุกยังคงพยักหน้าตอบกลับ
“อ่า…งั้นพรุ่งนี้ผมจะเอากล้องมาคืนนะ ประมาณช่วงบ่ายๆหน่อยเพราะตอนเช้าผมมีเรียน”
“อืม”อย่างน้อยก็ครางรับแค่นี้ก็ถือว่าดีแล้วล่ะ (กัดฟันพูด) จีมินทำเพียงยิ้มบางๆเมื่ออีกคนเล่นไม่พูดอะไรเลยแบบนี้ เขาเองก็จนปัญญาที่จะหาเรื่องพูดต่อแล้วล่ะ
“งั้นผมไปหาเพื่อนก่อนนะครับ”พูดเสร็จก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปแต่ติดตรงที่อยู่ๆก็มีมือจากคนหน้านิ่งเข้ามาคว้าที่แขนของเขา จนทำให้คนตัวเล็กต้องหันกลับมามองด้วยความไม่เข้าใจ จองกุกปล่อยมือที่จับแขนเล็กออกแล้วยื่นโทรศัพท์ตัวเองไปด้านหน้าจีมิน
“เอาเบอร์ ไม่ก็ไลน์นายมา เวลาเอากล้องมาคืนจะได้รู้ว่าต้องเอามาคืนที่ไหน”จีมินร้องอ๋อในใจก่อนจะนึกขำ นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่เขาได้ยินจากผู้ชายคนนี้ล่ะมั้ง
มือป้อมรับโทรศัพท์มาแล้วกดพิมพ์เบอร์ตัวเองลงไป แถมด้วยการแอดไลน์เพิ่มให้อีกด้วยก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของพร้อมกับรอยยิ้ม หากแต่อีกคนไม่ได้ยิ้มตอบกลับมาทำเพียงแค่รับของคืนไปเฉยๆ นี่หน้าไม่หนาพอทนไม่ได้ขนาดนี้หรอกนะ เฮ้อ เริ่มท้อแท้
“จะรีบไปหาเพื่อนไม่ใช่เหรอ”
“หืม…อ่า ใช่ครับ”
“ไปซะสิ”
‘โหดร้ายที่สุด’ ได้ยินเขาพูดขนาดนั้นแล้วจะยืนอยู่ทำไมกันล่ะ คนตัวเล็กโค้งหัวให้กับรุ่นพี่หน้านิ่งอีกครั้งก่อนจะหมุนตัวกลับ ปากอิ่มเบะออกแล้วก้าวเท้าเดินออกไป
“เดินระวังรถด้วย”
เพียงแค่คำพูดที่ดังคล้อยหลังมาก็ทำให้หัวใจดวงน้อยเกิดอาการเต้นผิดจังหวะ รอยยิ้มกว้างประดับขึ้นบนใบหน้าหวานด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร ถือซะว่าเขารับรู้กับสิ่งที่จองกุกพูดแล้วกันแต่ไม่หันกลับไปตอบหรอก
“กูเห็นนะครับเมื่อกี้”
“เห็นอะไร”
“ช่วยน้องเขาไม่ให้โดนรถชน มือไม่จำเป็นต้องโอบเอวเขาแน่นขนาดนั้นก็ได้ หน้าหล่อๆของมึงไม่จำเป็นต้องก้มลงไปแทบจะสิงเขาขนาดนั้นก็ได้มั้ง”นัมจุนพูดล้อเลียนอีกคน หากแต่จองกุกก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไปแถมยังเดินนำหน้าเพื่อนตัวสูงไปอีกทำให้นัมจุนต้องรีบเดินตามอีกคนไปด้วย
“ยังไงวะ เมื่อกี้เห็นมียื่นโทรศัพท์ให้ด้วย”
“ธุระไง”
“จำเป็นต้องแลกเบอร์ขนาดนั้น”
“กล้องกูแตกเพราะเขาหนิ”จองกุกเอ่ยตอบอย่างไม่รู้สึกอะไร ก็ที่จำเป็นต้องแลกเบอร์ไปก็เพราะกล้องสุดที่รักของตัวเองทั้งนั้น จะมีก็แต่เพื่อนตัวสูงข้างตัวนี่แหละที่คงคิดอะไรไปมากกว่านั้น
“ระดับมึงนี่นะ”นัมจุนเลิกคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ถ้าวัดระดับความเจ้าชู้ เพลย์บอยแล้วล่ะก็ถ้าคิมแทฮยองอยู่ในระดับเก้า จองกุกนี่อยู่ระดับสิบ แต่มันคงแตกต่างกันตรงการเลือกเหยื่อและการแสดงออก หากเป็นแทฮยอง หมอนั่นถ้าหากชอบหรือสนใจใครแล้วจะแสดงออกทันทีว่าชอบและกูต้องได้คนนี้ให้ได้ แต่สำหรับจองกุกชอบหรือสนใจใครนั้นย่อมยากต่อการเข้าใจความคิด
“จะว่าไปคนเมื่อกี้ก็น่ารักนะมึง”
“อื้ม”
“แล้วไม่ชอบ?”
“พิจารณาอยู่”น้ำเสียงนิ่งๆเอ่ยออกมาแต่หากรอยยิ้มมุมปากที่ยกขึ้นนั้นกลับไม่ใช่เลย นัมจุนที่พอจะล่วงรู้ความคิดของเพื่อนก็ส่ายหัว เขาพูดอะไรผิดซะที่ไหนกันล่ะ ระดับจองกุกแล้วจะหยุดแค่นี้คงไม่ใช่หรอก อีกอย่างช่วงนี้เพื่อนหน้าหล่อก็ขาดคู่ควงเหมือนกันคงไม่แปลกถ้าจะหาเหยื่อรายใหม่
“ขอเตือนนะครับ สแกนให้ดีเดี๋ยวจะโดนเด็กในสต๊อกไอแท ไม่ก็ไอกิมัน”
“หึ ไม่หรอก”
“อะไรทำให้คุณมึงมั่นใจจังครับ”
“สองคนนั้นไม่นิยมเด็กแพทย์ อีกอย่างน่าจะสดอยู่”นัมจุนพยักหน้าอย่างรับรู้ก่อนจะก้มมองนิ้วเรียวที่กำลังรัวแป้นพิมพ์ไปที่แชทของใครสักคน ทำเอารอยยิ้มของนัมจุนผุดขึ้นด้วยความสนใจ ท่าทางเด็กคนนั้นจะอยู่ในขั้นพิจารณาจริงๆนั่นล่ะ
Jungkook : ยุนกิพรุ่งนี้เอากล้องที่มึงยืมกูไปมาให้กูด้วย พอดีกูทำกล้องตกแตก
ก็คิดไว้อยู่ ว่าคนรักการถ่ายภาพอย่างจองกุกมันคงไม่ได้มีกล้องแค่ตัวเดียวหรอก หรือต่อให้มีตัวเดียวแล้วทำหาย หรือพังมันก็มีปัญญาซื้อใหม่ได้ ไม่ต้องเดือนร้อนใครให้ซื้อให้หรอก แต่เพราะอะไรกันนะเด็กหนุ่มหน้าหวานคนนั้นถึงต้องซื้อกล้องตัวใหม่ให้กับมันทั้งที่จริงแล้วไม่มีความเป็นเลยสักนิด เพราะเหตุที่กล้องตกแตกน่ะก็เพราะเจ้าตัวมันโยนกล้องทิ้งเองต่างหาก หึ ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไงนัมจุนคนนี้เห็นตั้งแต่ตอนมันวิ่งเข้าไปช่วยน้องเขาแล้วอยู่ๆก็ปล่อยให้กล้องตกลงพื้นจนพังนั่นแหละ
‘เกือบจะเนียนนะไอหล่อ แต่ก็ต้องขอบใจเด็กนั่นที่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมมัน หึ’
TBC.
ความคิดเห็น