คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ท้องฟ้าสดใสสีครามและท้องทะเลเล่นแสงแพรวพราวสวยงามราวกับภาพวาดประจักษ์ตรงหน้าผู้คนให้ได้เชยชม แม้อากาศจะร้อนสมเป็นฤดูร้อนแต่ทุกอย่างก็ช่างเหมาะแก่การพักผ่อนในวันหยุดยาวนี่เสียจริง
ด้วยความที่อากาศร้อนระอุเช่นนี้จึงไม่มีใครคาดคิดเลยว่าจะมีไอ้หน้าโง่ที่ไหนไม่รู้ดื่มเหล้าจนเมาขาดสติแล้วขับรถพุ่งชนฝูงชนที่กำลังเดินเล่นบนฟุตบาท
“กรี๊ดดดดดดด!”
“ถังถังระวัง!!”
ปี๊บบบบ!! ปี๊บ!!! ปี๊บบบบบบ!!!
“ไป๋ลี่ถัง!!!!”
“เรียกรถพยาบาลที!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เสียงอึกทึกครึกโครมดังไปทั่วบริเวณจนหญิงสาวเจ้าของชื่อ ‘ไป๋ลี่ถัง’ รู้สึกรำคาญ เจ้าหล่อนอยากตะโกนบอกให้หุบปากสุดเสียงแต่ก็ทำไม่ได้...ทำไม่ได้แม้กระทั่งขยับปลายนิ้ว เพียงแค่หายใจเบาๆ เธอยังเจ็บไปทั่วทั้งร่าง
“ยายโง่! บีบแตรแล้วทามมายม่ายหลบหว่า!”
“แก! ทำผิดแล้วยังไม่สำนึกอีก!”
“ช้านม่ายผิดเว้ย!”
[ไอ้เวรนี่...ไม่สำนึกเลยสินะ! ถ้าฉันลุกไปซัดหน้าแกได้ฉันทำไปแล้ว ไอ้หอกหัก!]
ไป๋ลี่ถังได้แต่สบถด่าคู่กรณีในใจไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้อย่างใจนึก ทุกลมหายใจเข้าออกช่างทรมานจนไม่อยากหายใจอีกต่อไป
“ถังถัง...เธอต้องไม่เป็นอะไร”
เพื่อนรักของเจ้าหล่อนเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย
ในใจไป๋ลี่ถังอยากปลอบเพื่อนของเธอเหลือเกิน แต่ทุกอย่างก็เริ่มเลือนลางลงเรื่อยๆ เสียงที่ดังจนน่ารำคาญก็เริ่มไม่ได้ยิน แม้แต่เสียงเพื่อนๆ ตรงหน้าก็ไม่ต่างกัน อาการที่เคยเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัวเริ่มไม่รู้สึกอะไรแล้ว…
[แปลกมากเลย...แดดก็ร้อนแท้ๆ แต่ทำไมไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด เหมือนจะหนาวขึ้นเรื่อยๆ เลย]
“...ไม่...ไหว...แล้...ว”
ไป๋ลี่ถังพึมพัมออกมาเสียงเบาหวิวยิ่งกว่าสายลมที่พัดผ่าน
“ไม่นะ! ไป๋ลี่ถัง! เธออย่าหลับนะ!”
“ลี่ถัง! ไป๋ลี่ถัง!”
เพียงเสี้ยววินาทีเดียวหญิงสาวก็ปิดเปลือกตาลงและไม่รับรู้ถึงสิ่งใดอีก…
.
.
.
“ไป๋ลี่ถัง...ลืมตาได้แล้ว เธอต้องไปทำภารกิจ”
เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยเรียกหญิงสาว แต่ไป๋ลี่ถังทำเพียงขมวดคิ้วงุนงงและพูดทวนคำด้วยความสงสัยอยู่ในใจ
[ภารกิจ?...]
“ใช่ ภารกิจ”
[ภารกิจอะไร]
“เธอช่วยลืมตามาคุยกันก่อนเถอะ!”
หญิงสาวค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นแล้วมองรอบๆ ที่มืดสนิทและว่างเปล่า ร่างกายไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ไม่มีบาดแผลหรืออาการบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองยังหายใจอยู่เช่นกัน ฝ่าเท้าไม่ได้แตะพื้น…ไม่สิ...ไม่มีพื้นให้แตะเลยต่างหาก เสมือนลอยอยู่ในห้วงอวกาศที่ไร้แสงดาวอย่างไรอย่างนั้น
“เฮ้อ!…ลืมตาสักที”
ก้อนแสงสีขาวนวลกลมลอยไปมาอยู่ตรงหน้าเธอถอนหายใจเสียงดัง
“เข้าเรื่องเถอะ”
ไป๋ลี่ถังเอ่ยเร่ง เพราะเธอไม่ชอบอะไรที่ยืดเยื้อให้รู้สึกรำคาญใจ
“สมแล้วที่ฉันเลือกเธอ เธอต้องทำภารกิจสำเร็จแน่ๆ”
หล่อนมองเจ้าก้อนแสงที่เหมือนหิ้งห้อยด้วยสายตาเฉยชา เจ้าก้อนแสงจึงรีบอธิบายที่มาที่ไปและเรื่องราวต่างๆ ให้เธอฟัง
“ตอนนี้เธอตายแล้ว”
“อันนี้ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้”
“ฟังฉันพูดให้จบก่อนสิ!”
เจ้าแสงดวงน้อยโวยวายเสียงดัง ไป๋ลี่ถังจึงยกสองมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ แสงดวงน้อยจึงกระแอมไอแล้วพูดต่อจากที่ค้างไว้
“อะแฮ่ม!...ทางโลกหลังความตายของเราเล็งเห็นว่าวิญญานของเธอมีคุณสมบัติมากพอที่จะทำภารกิจสำคัญสำเร็จได้ ทางเราจึงดึงเธอมาเพื่อทำสัญญาวิญญาณ และฉันคือผู้ดูแลวิญญาณที่จะคอยดูแลและให้คำแนะนำระหว่างที่เธอทำภารกิจ”
ไป๋ลี่ถังไม่ได้ตกใจมากนักกับเรื่องที่ได้ยิน เพราะยังไงเธอก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะรอดชีวิตอยู่แล้ว แต่คงมีเพียงเรื่องภารกิจที่เจ้าแสงดวงน้อยนี่กล่าวออกมาเสียมากกว่าที่น่าสงสัย
“ในปรโลกขาดแคลนดวงวิญญาณมากขนาดนั้นเชียวเหรอ”
เธอเอ่ยถามถึงสิ่งที่ตะขิดตะขวงใจมากที่สุด แต่ผู้ดูแลวิญญาณชั้นผู้น้อยได้แต่อำอึ้งกับคำถามเหนือความคาดหมายของเจ้าหล่อน
“เอ่อ…คือ…”
“ช่างเถอะ แล้ว…ฉันจะได้อะไร”
หญิงสาวโบกมือไปมาอย่างไม่ยี่หระก่อนจะถามคำถามถัดไปอย่างไม่นึกใส่ใจอะไร
“อะแฮ่ม! โดยปกติแล้วคนที่ไปทำภารกิจก็ขอใช้ชีวิตในที่ที่ไป เมื่อตายวิญญานก็แตกสลายไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ บางคนก็ขอกลับไปเกิดในภพภูมิที่จากมา บางคนก็ขอทำภารกิจไปเรื่อยๆ เพราะสนุก ทั้งนี้ก็แล้วแต่เธอจะเลือกเลย หรือจะขออะไรอย่างอื่นก็ได้ แต่เลือกแล้วเปลี่ยนไม่ได้นะ!”
“ไม่เห็นน่าสนใจสักอย่าง”
ฟังจบ เธอก็เบือนหน้าหนีไปอีกทางด้วยความเบื่อหน่ายยิ่งกว่าเดิม ในใจบ่นพึมพัมหวังแกล้งเจ้าแสงดวงน้อย
[นึกว่าจะมีอะไรดีๆ ที่ไหนได้…ไม่มีอะไรน่าสนใจสักอย่าง]
“ถ้าไม่ทำต้องไปรับกรรมในนรกนะ!”
“คิดว่าฉันกลัวเหรอ”
ผู้ดูแลวิญญาณข่มขู่เสียงน่ารัก แต่มีหรือที่ไป๋ลี่ถังจะกลัว เธอเหลือบมองเจ้าแสงดวงน้อยด้วยหางตาอย่างเย็นชา
“ขอร้องล่ะ...ช่วยฉันหน่อยนะ ตั้งแต่รับหน้าที่นี้มาฉันทำผลงานได้น้อยกว่าคนอื่นอีก แถมวิญญาณก่อนหน้าเธอหลายๆ ดวงยังไม่ยอมทำภารกิจให้สำเร็จจนฉันโดนตำหนิตั้งหลายครั้งหลายหน เพราะงั้น…ได้โปรดเถอะนะ นะ น้าาาา~”
เมื่อผู้ดูแลวิญญาณเห็นท่าว่าตนคงสู้ไป๋ลี่ถังไม่ไหวจึงใช้ไม้ตายสุดท้าย
…นั่นคือการขอร้องอ้อนวอนให้เธอเห็นใจ พร้อมสาธยายสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตนเองให้อีกฝ่ายฟัง แต่ไป๋ลี่ถังกลับถอนหายใจและกลอกตาไปมาอย่างนึกรำคาญเขาเสียอย่างนั้น
“โง่ ถ้าอยากให้ใครช่วยทำงานให้ก็ต้องมอบสิ่งล่อตาล่อใจมากกว่านี้มาเสนอสิ อย่างเช่น ทรัพย์สิน เงินทอง สุรา นารี ชีวิตอมตะไม่เจ็บไม่ป่วยอะไรก็ว่าไป”
“แต่ว่าตายไปแล้วนะจะเอาของพวกนั้นไปทำไม”
“แล้วคนตายโลภไม่เป็นหรือไง หัดมีเล่ห์เหลี่ยมซะบ้าง”
พูดจบเธอก็ดีดเจ้าแสงดวงน้อยกระเด็นห่างออกไปไกล
“ฉันเจ็บนะ!”
เจ้าแสงดวงน้อยโวยวายเสร็จก็ลอยกลับมาหาไป๋ลี่ถังเหมือนเดิม ทำให้เธอนึกขำกับท่าทางเช่นนี้จนอยากกลั่นแกล้งอีกหลายๆ ครั้ง
“เหอะ! ทำเป็นสำออย”
“เธอ!...”
“ฉันจะช่วยก็แล้วกัน”
ยังไม่ทันที่เขาจะได้ต่อว่าอะไรไป๋ลี่ถังก็ตอบตกลงทำสัญญาวิญญาณฉบับนี้ ทำให้เขาเปลี่ยนท่าทีเป็นดีใจอย่างรวดเร็วและลอยเด้งไปเด้งมาเหมือนลูกปิงปองที่ถูกตีโต้ไปมาไม่มีผิด เห็นท่าทางแบบนี้แล้วหญิงสาวก็อดขำไม่ได้จริงๆ
“จริงเหรอ! พูดจริงเหรอ! ยกเลิกไม่ได้แล้วนะ!”
“อื้อ ก่อนหน้านี้ฉันยังใช้ชีวิตไม่เต็มที่เลย ตอนนี้มีโอกาสได้กลับไปใช้ชีวิตอีกครั้งก็จะใช้ให้เต็มที่”
ไป๋ลี่ถังตั้งเป้าหมายการใช้ชีวิตในโลกใบใหม่อย่างแน่วแน่ แต่ยังไม่ทันได้นึกคิดอะไรไปมากกว่านี้ก็โดนผู้ดูแลวิญญาณดับฝันเสียก่อน
“เอ่อ...แต่ภารกิจที่เธอไปทำต้องตายอีกรอบนะ”
“ว่าไงนะ! ต้องตายอีกรอบงั้นเหรอ! จะเกินไปแล้วจริงๆ!”
“กะ...ก็...”
“เฮ้อ...ช่างเถอะ ยังไงก็คงไม่ได้ไปถึงแล้วตายเลยหรอกใช่ไหม”
ไป๋ลี่ถังถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ผู้ดูแลวิญญาณจึงรีบตอบปฏิเสธทันควันเพราะกลัวหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ
“ไม่ๆๆ”
“งั้นก็ว่ามา”
“เธอต้องเป็นตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ”
ความคิดเห็น