ตอนที่ 13 : PROCESS 12
PROCESS 12
เวลาเก้านาฬิกาสิบนาที มินยุนกิในชุดเสื้อแขนยาวลายขวางกำลังช่วยจองโฮซอกยกกระเป๋าใบสุดท้ายขึ้นเก็บหลังรถตู้ วันนี้เป็นวันศุกร์ของสัปดาห์นรกแห่งการทำโปรเจคต์วิชาการตลาด พวกเขาพรีเซนต์งานผ่านไปได้ด้วยดีในวันพุธที่ผ่านมา แต่กว่าจะผ่านก็แทบกระอักข้อมูลตายอยู่เหมือนกัน สงสารก็แต่คิมนัมจุนที่กลับมาจากทริปนอร์เวย์ปุ๊บก็ต้องรีบมาปั่นโปรเจคต์ต่อทันที โชคดีหน่อยที่พวกเขาวางโครงเอาไว้คร่าวๆตั้งแต่ตอนอาจารย์สั่งใหม่ๆ พอถึงเวลาจริงก็เลยเดินงานได้ไว แถมยังเหลือวันพฤหัสอีกหนึ่งวันพอให้ได้พักผ่อนและเตรียมตัวก่อนจะไปทะเลในวันนี้อีกด้วย
พวกเขามารวมตัวที่บ้านของนัมจุนเพื่อที่จะขึ้นรถตู้ของเจ้าตัวไปแค่คันเดียว เมื่อเช้านี้ยุนกิขับรถไปรับเด็กม.ปลายทั้งสองคนที่บ้านของจองกุก จีมินมานอนกับน้องด้วยเพราะว่าจะไม่ได้ต้องลำบากเขาขับรถวนไปรับถึงบ้านที่อยู่อีกฟากเมือง เขาเป็นคนให้จองกุกชวนจีมินมาเอง ถึงแม้ว่าน้องจะสนิทกับซอกจินก็ตาม แต่ถ้ามีเพื่อนไปด้วยคงสบายใจมากกว่า ส่วนจองโฮซอกก็มาพร้อมแทฮยองเพราะเพื่อนเขามันไปนอนคอนโดวีเมื่อคืนนี้ ยุนกิขึ้นมานั่งบนรถเป็นคนสุดท้ายเพราะวิ่งไปเข้าห้องน้ำในบ้านเป็นรอบที่สอง คิมนัมจุนหันไปเช็คว่าคนครบแล้วจึงบอกคนขับรถของบ้านออกรถได้เลย
ยุนกินั่งที่นั่งเบาะเดี่ยวแยกออกมา ซึ่งตรงกับเบาะแถวสองที่มีโฮซอกกับแทฮยองนั่งอยู่ ส่วนแถวหน้าเป็นนัมจุนกับซอกจิน และจองกุกกับจีมินนั่งด้านหลังสุด มือขาวโยนถุงขนมให้เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจฟังซอกจินที่กำลังพูดถึงเรื่องเส้นทางที่จะไป ซึ่งถ้ารถไม่ติดมากก็คงใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมงครึ่งเพื่อไปถึงโรงแรมที่จองเอาไว้ พวกเขาคุยเล่นกันอยู่สักพัก จนกระทั่งร่างเล็กหันไปด้านหลังก่อนจะพบกับสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนักของปาร์คจีมิน เขาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจแล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายทันที
“จีมิน เป็นอะไรรึเปล่า?”
“อ่อ ผมเหมือนจะเวียนหัวนิดหน่อยน่ะฮะ”
“เมารถเหรอ?” เป็นจองกุกที่ถามขึ้นต่อ
“อืม คิดว่างั้นอ่ะ” ยุนกิควานหายาดมในกระเป๋าใบเล็กที่พกยาต่างๆมาด้วยก่อนจะส่งให้จีมิน “ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไรๆ ไหวมั้ย?”
“จีมินย้ายที่นั่งกับพี่มั้ย?” ซอกจินที่หันมามองรีบถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากที่เห็นใบหน้าซีดเซียวของน้อง
“ไม่เป็นไรครับพี่ซอกจินๆ ผมเกรงใจ”
“เฮ้ยไม่เป็นไรๆ”
“งั้นจีมินย้ายที่กับพี่มั้ย?” เขารู้ว่าทำไมจีมินไม่อยากแลกที่กับซอกจินที่นั่งข้างหน้า น้องคงกลัวว่าจะไปขัดจังหวะคู่รักเขานั่นแหล่ะ มาเที่ยวทั้งทีก็คงอยากให้ใช้เวลาด้วยกันให้เต็มที่มากกว่า
“อ่า ถ้าอย่างนั้นขอรบกวนด้วยนะครับพี่ยุนกิ”
“ชิวๆน่า อย่าซีเรียส”
“เข้าทางเลยนะครับเนี่ย” เขาโบกมือลงบนศีรษะของจองโฮซอกที่พูดแซวในขณะที่ลุกขึ้นสลับที่กับจีมิน หัวเราะน้อยๆพร้อมกับนั่งลงข้างจอนจองกุก
“จีมิน พี่มีลูกอมนะ เอามั้ย?” เสียงของแทฮยองทำเอาทั้งรถค่อยๆเงียบลง แม้จะรู้ว่าวีไม่ได้ไม่ชอบจีมินก็ตาม แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่เจ้าตัวพูดออกมาแบบนี้
“ขอบคุณนะครับ พี่แทฮยอง” มือเล็กเอื้อมไปรับแผงลูกอมมาแกะก่อนจะส่งคืนให้เจ้าของ พร้อมกับบรรยากาศในรถที่ค่อยๆกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
โฮซอกโยนถุงเยลลี่ที่เขาซื้อจากร้านสะดวกซื้อมาให้ มันร่วงลงบนตักเขาดังแหมะ ยุนกิหยิบมันมาแกะพลางเหลือบมองคนข้างๆที่เอาแต่มองออกนอกหน้าต่าง ก่อนจะใช้ศอกสะกิดแขนอีกคนเบาๆเป็นการเรียกร้องความสนใจแบบกลายๆ
“มองไรอ่ะ” ปากก็ถาม มือก็พยายามแกะถุงพลาสติกไปด้วย
“มองไปเรื่อยครับ”
“อ่อ” เขาพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะพูดติดตลกและพยักเพยิดไปทางเก้าอี้ด้านหน้า “อึดอัดป่ะนั่งกับเรา อยากแลกที่กับโฮซอกป่ะ”
“ได้เหรอครับ?”
“เดี๋ยว เอาจริง?” จองกุกไม่ตอบอะไร อีกฝ่ายแค่อมยิ้มแล้วดึงถุงเยลลี่ไปจากมือเขา ก่อนจะพลิกมันแล้วดึงส่วนที่เป็นก้นถุงแทน ซึ่งมันถูกแกะออกได้อย่างง่ายดาย “อ่า ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“จองกุกชอบกินสีไร— เดี๋ยวๆๆ เราขอเดานะ” ร่างเล็กทำหน้าคิดเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ “เขียว?”
“ทำไมต้องสีเขียวล่ะครับ?”
“ก็เราเห็นจองกุกชอบกินน้ำแอปเปิลปั่นใช่ป่ะ ก็น่าจะชอบรสแอปเปิล แล้ว..ถูกป่ะ?”
“ฮึ” ร่างสูงยกยิ้มก่อนจะพูดตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ถูกครับ”
“เฮ้ยถูกเฉย ไหนๆ ไหนรางวัลอ่ะ?”
“อยากได้อะไรล่ะครับ?”
“นี่ไง” นิ้วเรียวจิ้มลงไปบนเหนืออกข้างซ้ายของคนข้างๆแล้วฉีกยิ้มกว้างแบบที่ชอบทำ จองกุกไม่ตอบอะไร น้องยังคงความยิ้มๆเอาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย “ไปพาวเฟสมาเป็นไงบ้าง เมาป่ะ?”
“ไม่เมาครับ สนุกดี” พาวเฟสที่เขาพูดถึงคือคอนเสิร์ต ‘Pow Fest! 2’ งานดนตรีที่จัดในสตูดิโอใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งจองกุกกับจีมินไปดูมาเมื่อไม่กี่วันก่อน
“อ๋ออออออออ นึกว่าน่ารักดี”
“ครับ น่ารักมากเลย วงไต้หวัน” เขาเบ้ปากทันทีที่ได้ยินอีกคนเอ่ยปากชมหญิงสาวนักร้องนำของวงดนตรีแนวอินดี้ร็อคชาวไต้หวัน ก่อนจะส่งเยลลี่สีเขียวอันสุดท้ายให้น้อง
“ย้ายไปอยู่นั่นเลยดิ”
“ได้เหรอครับ?”
“เห้ย เอาจริง?”
จองกุกหัวเราะเบาๆก่อนจะเอื้อมมือมาวางบนศีรษะของเขาแล้วผละออกไป ร่างเล็กได้แต่เบะปากอีกครั้ง อีกคนเวลาไม่อยากตอบอะไรก็ยิ้มๆแบบนี้ใส่เสมอ แถมยังชอบมาจับหัวเขาอีกด้วย แล้วแบบนี้ยุนกิจะเถียงยังไงออกล่ะ เขาหันไปมองปาร์คจีมินที่ตอนนี้ใส่หูฟังหลับไปแล้ว ก่อนจะหันมาเจอจองกุกที่หยิบโทรศัพท์มือถือและหูฟังออกมาเช่น น้องเสียบหูฟังด้านขวาเอาไว้ นี่คงรำคาญเขาใช่ไหมถึงหนีไปฟังเพลงแบบนี้ ฝันไปเถอะ มินยุนกิจะก่อกวนให้ถึงที่สุดเลยคอยดู
“ฟังเพลงไรอ่ะ” มือหนาเอียงหน้าจอโทรศัพท์ให้ “Octox เหรอ ของ Gym and Swim ใช่ป่ะ เฮ้ยเพลงนี้ดีเราชอบ โคตรเหมาะกับไปทะเลอ่ะ นี่ที่บ้านเรามีอัลบั้มด้วยแหล่ะ”
“จะฟังด้วยใช่มั้ยครับ?” เจ้าตัวส่งหูฟังอีกข้างที่ยังไม่ถูกใช้งานให้เขา
“โห่ จองกุกอ่ะไรอ่ะ เรายังไม่ได้พูดเลย”
ปากก็บ่นไปแต่มือคือฉวยหูฟังมาจากมือน้องแล้วเรียบร้อย ยุนกิขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้น ก่อนจะเสียบหูฟังที่รับมาเข้ากับหูซ้าย ในทีแรกเขาก็คิดว่ามันแปลกๆกับการที่ตัวเองนั่งทางด้านซ้ายของจองกุกแต่กลับต้องใช้หูฟังที่อยู่ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาอย่างปกติเหมือนที่คนอื่นเขาทำกัน ทว่าหลังจากที่ฟังเพลงกับจองกุกมาแล้วหลายครั้ง เขาก็พบว่าน้องจะชอบใช้หูฟังในรูปแบบนี้เสมอ เขาเคยถามเหตุผลว่าทำไม แต่น้องก็ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากบอกว่า ชอบฟังแบบนี้มากกว่า แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาได้ใกล้จองกุกมากขึ้น อาจจะลำบากหน่อยแต่ก็ไม่ได้แย่อะไร มีแต่ได้กับได้ด้วยซ้ำ ทำนองเพลงจังหวะสดใสเข้ากับแสงแดดที่ส่องผ่านฟิล์มติดกระจกเข้ามาทำให้ยุนกิรู้สึกอารมณ์ดีได้ไม่ยาก บวกกับคนที่อยู่ข้างๆนี่แล้วด้วย ทุกอย่างมันดีจนอะไรๆก็เหมือนเป็นใจไปหมด ตาเรียวมองเลยไปก่อนจะพบว่าหมอนรองคอลายเจ้าหมีไรอันของคิมนัมจุนถูกย้ายไปอยู่ตรงคอของคิมซอกจินเรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าของมันก็ได้เอนพิงซบหมอนที่อยู่บนไหล่แฟนตัวเองอย่างสบายอกสบายใจ พอดึงสายตากลับมาอีกหน่อยก็พบว่าคิมแทฮยองกับจองโฮซอกยังไม่หยุดคุยเรื่องที่วีโดนยึดบัตรนักศึกษาเพราะไม่ยอมเอาหนังสือห้องสมุดไปคืนสักที
เขาเหล่มองคนข้างๆ ก่อนจะขยับมือไปลากนิ้วชี้บนหลังมือของจองกุกที่วางอยู่บนหน้าขาอย่างไม่มีอะไรจะทำ แว่นกันแดดที่สวมอยู่ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการพิจารณาใบหน้าของเด็กม.ปลายแต่อย่างใด ยุนกิเอนศีรษะเบาะด้านหลังเอียงไปทางขวาเล็กน้อย นิ้วเรียวยังลากอยู่แบบนั้น อีกฝ่ายจับมือของเขาให้หยุดนิ่งแล้วละออกไป คนตัวขาวแอบหัวเราะเบาๆก่อนจะลากนิ้วมือลงบนหลังมือหนาอีกครั้ง และน้องก็จับมือเขาให้อยู่เฉยๆอีกครั้ง เขาก่อกวนอีกคนอยู่แบบนี้ได้อีกสองสามครั้ง ก่อนที่จองกุกจะจับมือของเขาวางลงบนหน้าขาของตัวเอง แล้วเอาข้อมือที่ใหญ่กว่ามาวางทับเอาไว้ มันไม่ใช่การจับมือแบบที่คนทั่วไปเขาทำกัน มือน้องไม่ได้กอบกุมมือของเขาไว้แม้แต่นิด แต่ยุนกิกลับรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองวูบวาบไปด้วยไอร้อน และเขามั่นใจว่าไม่ใช่เพราะแสงแดดแน่ๆล่ะ
ยุนกิไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของตัวเองกับเด็กม.ปลายข้างๆนี่อยู่ในระดับไหน แต่ที่ค่อนข้างมั่นใจคือมันกำลังก้าวไปในทางที่ดี ช่วงเดือนที่ผ่านมาเขาได้ใช้เวลากับน้องมากขึ้น เขาพยายามหาเวลาว่างให้ตรงกับจองกุกและนัดเจอกันทุกวัน พยายามเจอกันให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะเจอกันได้ แม้บางครั้งอีกฝ่ายจะปฏิเสธเพราะไม่ว่างบ้าง แต่ก็นับเป็นแค่ห้าเปอร์เซ็นต์จากร้อยเท่านั้นที่จะมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น และถึงเขาจะยุ่งเรื่องเรียนเรื่องร้านมากแค่ไหนก็ตามเช่นกัน ท่าทีที่ดีขึ้นจองกุกทำเขาเริ่มใจชื้น พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวพร้อมๆกับเรียนรู้เรื่องต่างๆไปด้วยกัน น้องพูดเยอะขึ้นและยิ้มเยอะขึ้นกว่าในทีแรกที่รู้จักกันมา เขากล้าที่จะแตะตัวอีกคนโดยที่ไม่รู้สึกเขินอายมากเท่าแต่ก่อน เขาก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเผลอทำแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไร บางทีจองกุกก็สัมผัสเขามากขึ้น ด้วยเหตุผลอะไรเขาก็ไม่สามารถเดาใจน้องได้ แต่ถ้าเป็นเหตุผลสำหรับเขาที่กล้าแตะตัวอีกฝ่าย อาจคงเป็นเพราะปฏิกิริยาเคมีที่ดึงดูดระหว่างกันที่มีมากขึ้น ทำให้เขาอยากอยู่ใกล้ๆและเผลอสัมผัสร่างกายของอีกคนโดยที่ไม่รู้ตัวแบบนี้
ยุนกิสะกิดปลุกจีมินระหว่างที่จะลงจากรถ พวกเขามาถึงโรงแรมในเวลาเที่ยงอย่างพอดิบพอดี ช้ากว่าที่คาดเอาไว้เล็กน้อยเพราะแวะพักทานข้าวระหว่างทาง เขากับซอกจินเดินเข้ามาในล็อบบี้เพื่อติดต่อเรื่องห้องที่จองเอาไว้ ทิ้งให้คนที่เหลือเป็นคนขนกระเป๋าตามเข้ามา ในทีแรกพวกเขาแพลนเอาไว้ว่าจะมากันแค่ห้าคนจึงจองเอาไว้แค่สามห้องเท่านั้น ซึ่งยุนกินอนคนเดียวแน่ๆอยู่แล้วเพราะเขาก็ไม่อยากไปขัดเวลาส่วนตัวของพวกเพื่อนๆกับแฟนพวกมันเท่าไรนัก แต่พอมีจองกุกกับจีมินมาด้วยเขาเลยยกห้องนั้นให้น้องไป แล้วกะว่าจะมาเปิดห้องใหม่เอาตอนที่ถึง
“ห้องเต็มแล้วเหรอครับ? เดือนธันวาเนี่ยนะ?” ร่างเล็กถามพนักงานด้วยสีหน้าเหวอๆ ไม่คิดว่าใครเขาจะมาเที่ยวทะเลกันในหน้าหนาวแบบนี้ เพราะที่พวกเขามาก็เพราะจะมางานดนตรีมากกว่ามาเที่ยวทะเล
“ใช่ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ พอดีมีกรุ๊ปทัวร์มาลงกะทันหันห้องเลยเต็มหมดเลย”
“อ่า เอาไงดี”
“นอนห้องเราละกัน”
“โห ไม่อยากขัดว่ะจิน”
“มันก็ไม่ได้ขัดอะไรป่ะวะ ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย” ยุนกิหลุดขำเมื่อเห็นแฟนเพื่อนสนิทพูดอ้อมแอ้มๆในประโยคหลัง
“อ้าว ไมเธอไม่ถามเราซักคำ” คิมนัมจุนที่ยืนอยู่ข้างๆสะกิดแขนแฟนตัวเองยิกๆ ก่อนจะโดนผลักออกเบาๆ หูแดงๆของซอกจินทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังเขินเอาเรื่อง
“เธอหนิ เดี๋ยวเหอะ”
“ล้อเล่นน่า”
“มึงมานอนกับกูก็ได้” โฮซอกที่ยืนอยู่อีกข้างของเขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังก็รู้ว่ายังตื่นไม่เต็มตานัก
“เอ่อ พี่ยุนกิครับ” ยังไม่ทันตอบอะไร ปาร์คจีมินที่กำลังยืนรออยู่ด้านหลังก็เอ่ยเรียกชื่อเขาอีกคน “ถ้าไม่รังเกียจก็มานอนกับพวกผมก็ได้นะ”
“เฮ้ยรังเกียจไรล่ะ ไม่เลยๆ แต่กลัวว่าจะไม่สบายกันมากกว่า”
“ไม่เป็นไรครับๆ ห้องตั้งกว้างแหน่ะ” จีมินขยับมาใกล้เขามากขึ้นแล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหู “จะได้ไม่ต้องไปขัดจังหวะพวกพี่เขาด้วยไงครับ”
“อ๋อออออ โอเคๆ เอางั้นก็ได้เนอะ” เขาแอบขำแล้วพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะหันไปหาอีกคนที่ยืนเงียบอยู่นาน “จองกุกโอเคนะ?”
“ครับ”
เมื่อตกลงกันเสร็จแล้วซอกจินก็แจกจ่ายคีย์การ์ดก่อนจะแยกย้ายไปห้องใครห้องมัน พวกเขานัดเจอกันอีกทีในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้าเพราะว่ามีหลายคนอยากจะลงมาเล่นน้ำ ห้องที่จองไว้เป็นห้องเตียงเดี่ยวขนาดควีนไซส์ซึ่งนอนได้สองคนอย่างสบายๆ แต่ถ้าสามคนก็คงจะอึดอัดเพราะเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งหมด ยุนกิกดโทรศัพท์ในโรงแรมเพื่อขอเตียงเสริมอีกเตียงหนึ่ง ตกลงเชิงบังคับกับพวกเด็กๆว่าจะเป็นคนนอนเตียงเสริมเอง เขากับจองกุกที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วนั่งรอจีมินอยู่ที่อาร์มแชร์ริมประตูระเบียง น้องสะกิดเขาให้ดูรูปเสื้อจากร้านค้าในอินสตาแกรมร้านหนึ่งพร้อมกับถามว่าสีไหนสวยกว่ากัน ซึ่งเขาก็เลือกสีขาวไปเพราะชอบเวลาที่จองกุกใส่เสื้อขาวมากกว่าเสื้อสีดำ อีกไม่กี่นาทีถัดมาจีมินก็ออกมาจากห้องน้ำ และในขณะที่พวกเขาสามคนกำลังเดินไปที่ลิฟต์ก็เจอพวกโฮซอกกับแทฮยองพอดี
“เฮ้ยรุ่นเดียวกันเลยอ่ะจองกุก!” วีพูดขึ้นเสียงดังพร้อมกับชี้ไปที่กล้อง DSLR ในมือของจองกุก ก่อนจะรีบเม้มปากแล้วหันไปมองโฮซอกที่ยืนอยู่ข้างๆทันที
“พี่ยังไม่ทันว่าอะไรสักคำเลย จะคุยก็คุยไป”
“ไม่โกรธนะ?”
“ไม่โกรธหรอก”
โฮซอกส่งยิ้มให้แทฮยองพลางลูบผมอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะหันมามองหน้าจองกุกแล้วยักคิ้วให้ ยุนกิถึงที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ท่าทางที่เพื่อนเขาทำมันไม่ได้มีความกวนประสาทหรืออะไรทำนองนั้นแม้สักนิด มันค่อนข้างเป็นไปในทางบวกซึ่งเขาก็อธิบายไม่ถูก ไม่รู้ว่าโฮซอกมันไปญาติดีกับจองกุกได้ตั้งแต่เมื่อไร ยิ่งน้องเบือนสายตาไปทางอื่นแล้วยกยิ้มยิ่งทำให้เขาประหลาดใจเข้าไปอีก
แม่ง… งงว่ะ
พวกเขาห้าคนเดินลงมาที่ริมสระว่ายน้ำก่อนจะพบกว่าซอกจินกับนัมจุนถึงก่อนแล้ว เขาเห็นร่างสูงของเพื่อนสนิทกำลังยืนนิ่งให้จินถ่ายรูปอยู่ เอาเป็นว่าทริปนี้เรามีกล้องสามตัวกันเลยทีเดียว แถมยังมีเด็กนิเทศตั้งสองคน ส่วนจองกุกเขาเคยเห็นรูปที่น้องถ่ายตอนที่อีกคนเอาแลปท็อปมานั่งทำงานที่เดย์เบด มั่นใจได้เลยว่าถ่ายสวยไม่แพ้จินกับวีแน่นอน (นี่เขาไม่ได้อวยน้องจริงๆนะสาบานได้)
ยุนกิเห็นจีมินกับโฮซอกกำลังต่อกล้องกันน้ำเข้ากับไม้เซลฟี่ ก่อนที่จะกระโดดลงสระว่ายน้ำพร้อมกันอย่างกับเด็กๆ เสียงหัวเราะสลับกับเสียงตะโกนตีกันวุ่นวายไปหมด นัมจุนกับแทฮยองกำลังเล่นเกมอะไรกันสักอย่างโดยมีซอกจินนั่งถ่ายรูปอยู่ริมสระ จองกุกที่โดนจีมินดึงลงไปในสระเรียบร้อยกำลังคุยอะไรกับจินอยู่แถวนั้น ส่วนเขาก็นั่งตีขาอยู่บนขอบสระไปเรื่อยๆเพราะยังไม่อยากลงน้ำ ตาเรียวเหลือบไปเห็นร่างสูงที่กำลังว่ายเข้ามาใกล้ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะชอบน้องตอนใส่เสื้อสีขาวก็เถอะ แต่ถ้าต้องใส่มาเปียกน้ำเสื้อแนบเนื้อต่อหน้าผู้คนแบบนี้เขาก็เริ่มจะไม่ชอบเท่าไรแล้วล่ะ เขารู้ว่าจองกุกชอบหลบไปเข้าฟิตเนสตลอด ยิ่งช่วงนี้ว่างยิ่งไปบ่อย แต่เขาก็ไม่คิดว่าน้องจะหุ่นดีอลังการอะไรแบบนี้ แถมตอนนี้ถอดแว่นไปแล้วด้วยยิ่งทำให้หมดภาพลักษณ์ความเนิร์ดที่เคยมีไปโดยสิ้นเชิง
น้องแม่ง… ฮอตเป็นบ้า!
“ไม่ลงมาล่ะครับ”
“ยังไม่อยากลงอ่ะ จองกุกดูพวกนั้นเล่นกันดิ ตลกดี” เขาพยักพเยิดไปทางโฮซอก วี นัมจุน และจีมินที่ตอนนี้ขยับมารวมกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว “ไม่ไปเล่นกับพว— เฮ้ย!”
ตู้ม!!
“จอนจองกุก!” นั่นคือคำแรกที่เขาพูดหลังจากที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำได้ แต่ก่อนที่จะได้ต่อว่าอะไร เสียงหัวเราะของน้องที่ยุนกิไม่เคยได้ยินมันเลยกลับทำให้เขาชะงัก “อ—อะไร ตลกมากดิ”
“หน้าพี่อย่างเหวอเลย”
“นิสัยไม่ดี” เขาตีน้ำใส่หน้าอีกฝ่าย พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ ตอนนี้เขามีความสุขที่สุดตั้งแต่เจอกับจองกุกมาเลย การที่ได้ยินน้องหัวเราะเต็มเสียงแบบนี้มันดีต่อใจจริงๆ
“แต่ก็ชอบใช่รึเปล่าครับ”
“เออ ชอบหมดนั่นแหล่ะ รู้แล้วยังจะถามอีก” เขาบ่นพึมพำในประโยคหลังก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตาของน้องที่มองจ้องมา รอยยิ้มบางๆที่ติดอยู่บนใบหน้าอีกฝ่ายทำเอาเขาใจเต้นไม่เป็นส่ำ
จองกุกแม่ง… โคตรดีต่อใจเลยว่ะ
ยี่สิบเอ็ดนาฬิกายี่สิบนาที มินยุนกิเดินกลับเข้ามาในร้านพร้อมกับเพื่อนสนิททั้งสองคนหลังจากที่ออกไปอัดควันกันเสร็จแล้ว ตั้งแต่มาทะเลเขาเห็นคิมนัมจุนสูบบุหรี่ไปไม่ถึงสามตัว เห็นเจ้าตัวเปรยๆว่าอยากจะเลิกแล้วเพราะเห็นว่าจินทำได้ก็อยากทำบ้าง เขากับโฮซอกก็ได้แต่เอาใจช่วยมันอยู่ห่างๆ เวลาจะออกไปสูบก็ไม่ชวนเหมือนเมื่อก่อน เว้นเสียแต่ว่านัมจุนมันอยากจะมาด้วยเอง ส่วนตัวยุนกิเองยังไม่มีความคิดที่จะเลิกบุหรี่ในตอนนี้ เขารู้ตัวว่าตัวเองสูบจัด แต่มันติดไปแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ได้พยายามยั้งตัวเองอยู่บ่อยๆเพราะว่าต้องไปเจอจองกุก แล้วไม่อยากตัวเหม็นไปหาน้อง แต่เอาเข้าจริงพอได้ใช้เวลาไปกับจองกุกแทนที่จะเป็นพวกเพื่อนๆเหมือนปกติแล้วเขาก็ลืมไปสนิทว่าตัวเองต้องออกไปสูบบุหรี่ จะว่าไปก็ดีเหมือนกัน
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกำลังนั่งอยู่ที่บาร์แถวๆโรงแรมหลังจากที่ไปกินข้าวเย็นกันมาเรียบร้อยแล้ว มันใกล้แบบที่ว่าสามารถเดินมาได้ แถมยังอยู่ติดริมชายหาดทำให้มีนักท่องเที่ยวจับจองเต็มร้าน โชคดีของพวกเขาที่มาซะดึกแต่ก็ยังมีโต๊ะให้ได้นั่ง
“พี่ๆๆ เล่นเกมกันเหอะ”
มาแล้วครับ หลังจากที่นั่งคุยนั่งดื่มกันไปได้สักพัก คิมวีทายาทอสูรของพยอนแบคฮยอนก็มาเสนอเกมให้เล่นอีกแล้ว ถ้ามีสองคนนี้ร่วมวงกินเหล้าด้วยทีไรไม่เคยได้นั่งกันสบายๆหรอก ต้องมีอะไรเพี้ยนๆมาทำให้เล่นตลอด คราวที่แล้วก็เล่นไพ่คิงกัน คำสั่งนี่พิเรนทร์ระดับสิบ เล่นเอาโฮซอกมันแทบอ้วกออกมาทิชชู่
“เกมอะไรวะ” ซอกจินขมวดคิ้วถามพลางยกแก้วตรงหน้าขึ้นกระดก
“พารานอยด์”
“หะ เล่นไงวะ อันนี้ไม่เคยเล่นอ่ะ”
“ง่ายมากพี่” เจ้าตัวดียิ้มเผล่ก่อนจะอธิบายด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง “เราก็กระซิบคำถามอะไรก็ได้กับคนข้างๆ แล้วคนนั้นจะต้องตอบออกมาดังๆ ถ้าใครอยากรู้ว่าคำถามคืออะไรก็ต้องยกหมดแก้ว”
“อ๋อ เก็ทละ มาดิๆๆ”
“งั้นเริ่มที่ผมแล้ววนไปทางพี่โฮซอกนะ” แทฮยองหันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับแฟนของตัวเอง เพื่อนสนิทเขามันหลุดขำทันทีที่ได้ฟังคำถาม ก่อนจะหันไปถามย้ำกับวีอีกครั้ง
“เอาจริงดิ?” คนถูกถามพยักหน้ารัวๆ “โอเคๆ คำตอบก็คือ… มินยุนกิ”
“เห้ย ไรวะ ทำไมเป็นชื่อกูอ่ะ” เขารีบยกหมดแก้วทันทีเพราะอยากรู้ว่าน้องมันถามอะไร โฮซอกถึงตอบออกมาเป็นชื่อเขา “หมดแก้วละสัด บอกมาเลยวีถามว่าไร”
“แทถามว่า… ใครในกลุ่มเราที่ไม่ซิงคนแรก”
“อ—ไอ้เชี่ย น้องดารามึง…”
“พี่ยุนกินี่เชี่ยวจังเลยน้า”
ไอ้น้องวีมึงไม่ต้องมาพู๊ดดดด ;______;
“โอ้ย ยุนกิร้ายจะตาย ตั้งแต่ตอนม.ปลายละ สาวๆนี่หลงหมดอ่ะ ยิ่งย้ายไปเรียนสหฯ ยิ่ง—”
“โอเคจิน โอเค! พอเนอะ” เขารีบพูดขัดจังหวะแล้วส่งยิ้มแห้งๆให้คนพูดที่นั่งฝั่งตรงข้ามเยื้องไปทางซ้าย ก่อนจะเลื่อนสายตามามองจีมินที่นั่งข้างจินและจองกุกตามลำดับ จีมินน่ะแค่ขำๆ แต่คนตรงข้ามเขานี่สิเงียบเชียว
ยุนกิใจไม่ดีเลยหม่าม๊า ;_____;
“โอเคๆ กูเล่นต่อนะ” โฮซอกที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายของเขาพูดขึ้น ก่อนจะหันมากระซิบคำถามกับเขาเบาๆ “คนคุยหรือแฟนคนไหนของมึงที่ป๊ากับม๊ามึงชอบมากที่สุด”
“ไอเชี่ย หาเรื่องให้กูเหรอ” เขาเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยินคำถามแล้วกระซิบด่ามันกลับไป
“เห้ยๆๆ กระซิบไรกัน ไอ้ยุนกิรีบตอบมาเร็วๆ” เสียงของนัมจุนกับฝาจีบขวดโซดาที่ลอยมาทำเอาเขาต้องรีบเด้งออกจากโฮซอกทันที
“ชานยอลๆๆ”
“ห๊ะ ไอ้ชานยอล? ชานยอลเนี่ยนะ”
“เออ! จะย้ำทำเหี้ยไรหลายรอบครับคุณคิมนัมจุน” ยุนกิบ่นก่อนจะต้องชะงักคำพูดเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด จอนจองกุกอยากรู้งั้นเหรอ?
“โว้ววว จองกุกแม่งมาว่ะ มึงรีบตอบน้องมันเลย” โฮซอกใช้ศอกดันเขารัวๆ ปากก็พูดแซวไม่หยุด
“โฮซอกมันถามว่า คนคุยหรือแฟนคนไหนที่พ่อแม่กูชอบมากที่สุด…” เขาแอบเหลือบตามองจองกุกหลังจากที่พูดจบ ก็พบว่าน้องแค่ยกยิ้มมุมปากเท่านั้น
“ยุนกิไมเสียงอ่อยจังอ่ะ”
“คิมซอกจิน!”
“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว ต่อๆๆ” ยุนกิเผลอทำปากคว่ำโดยไม่รู้ตัวก่อนจะลุกขึ้นและโน้มตัวไปหาจองกุก มือซ้ายถือแก้วเหล้า ส่วนมือขวาก็ยึดบ่ากว้างเอาไว้
“จองกุก ชอบเรารึยัง?” ตาเรียวสบเข้ากับดวงตาคมหลังเลนส์แว่นอยู่ชั่ววินาที ก่อนจะขยับตัวกลับมานั่งที่เดิม
“ผม—“ ริมฝีปากของน้องที่กำลังเปิดออกกลับถูกร่างของใครบางคนบดบังเสียจนมิด
“เฮ้ย!” ยุนกิร้องขึ้นทันทีด้วยความตกใจ เมื่อมีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้เดินมาล้มใส่เขาที่นั่งอยู่ริมสุด แถมริมฝีปากของไอ้เวรนั่นก็เฉียดหน้าไปแค่นิดเดียวเพราะเขาเอี้ยวหลบทัน
“ขอโทษครับๆ ผมเมา” ร่างของอีกฝ่ายถูกกระชากออกจากตัวของเขาโดยฝีมือของจองกุก ยุนกิเห็นแววตาของน้องนิ่งจนน่ากลัว
“เมาเหี้ยไรวะ กูรู้นะมึงตั้งใจล้มใส่เพื่อนกูอ่ะ” จองโฮซอกลุกขึ้นผลักอกผู้ชายคนนั้นอย่างแรงจนเขาต้องรีบลุกขึ้นห้าม
“ก็บอกว่าเมาไงวะ!”
“มึงยังจะแถอีกเหรอ!”
“ไม่เป็นไรมึง ใจเย็นๆ กูโอเค”
“เพื่อนมึงบอกว่าโอเคอ่ะได้ยิ—”
“หยุดพูดแล้วรีบๆไสหัวไปสักที รำคาญ”
น้ำเสียงเรียบๆของเด็กม.ปลายทำเอาพวกเขาขนลุกกันเป็นแถบ ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นจองกุกในโหมดน่ากลัวแบบนี้มาก่อน ขนาดตอนที่ทะเลาะกับโฮซอกยังไม่นิ่งขนาดนี้เลย พวกเขานั่งลงกับที่ ยุนกิเห็นว่าจีมินกำลังลูบแขนของจองกุกไปมาคล้ายกับจะทำให้อีกคนใจเย็นลง เขาเม้มปากแน่นเมื่อน้องยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นกระดกจนหมด โฮซอกยังคงด่าผู้ชายคนนั้นพึมพำอยู่ข้างหูเขา
“อ่ะๆๆ ช่างมันเนาะ มาเล่นเกมใหม่กันดีกว่า” น้ำเสียงสดใสของแทฮยองเรียกให้ทุกคนหันไปให้ความสนใจที่เจ้าตัวอีกครั้ง วีมีพรสวรรค์ด้านเอนเตอร์เทนคนจริงๆ เขาล่ะนับถือเลย
“เกมเยอะแยะจังวะ พยอนมันสอนน้องมาดีจริงๆ”
“แน่นอนครับพี่นัมจุน เกมนี้มีชื่อว่า ทิ้งดิ่ง” เจ้าตัวว่าพลางหยิบแก้วเปล่าขึ้นมาวางบนโต๊ะหนึ่งใบพร้อมกับหยิบทิชชู่มาครอบปากแก้วแล้วใช้ยางรัดขอบแก้วเอาไว้ “ใครก็ได้ครับจุดบุหรี่ให้ตัวนึง”
“เดี๋ยวกูจุดๆ” โฮซอกบอกทำให้เขาชะงักมือที่กำลังหยิบกล่องบุหรี่ออกมา ร่างโปร่งจุดไฟแช็กที่ปลายมวนบุหรี่แล้วส่งให้แฟนของตัวเองที่กำลังหยิบเหรียญมาวางไว้ตรงกลางทิชชู่ แต่วีกลับพยักพเยิดบอกว่าให้ถือเอาไว้ก่อน
“วิธีเล่นนะครับ ทุกคนต้องสูบบุหรี่หนึ่งครั้งแล้วจิ้มมันลงบนทิชชู่ให้ไหม้เป็นรู ทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีคนทำเหรียญตก”
“อ๋อ อันนี้แบคมันเคยเอามาให้เล่นอยู่”
“บทลงโทษโคตรเชี่ยอ่ะ กูแทบอ้วกอ่ะคืนนั้น โดนไปหลายอยู่ หกเจ็ดรอบได้ จะตาย” โฮซอกพูดเสริมนัมจุนพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เขาแฮงค์แทบไม่ตื่นในเช้าวันเสาร์
“บทลงโทษก็คือ นี่เลย” น้องดาราหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาแล้วรินเบียร์ลงไปสามส่วนสี่แก้ว ก่อนจะหยิบแก้วช็อตขึ้นมาเทวอดก้าลงไปจนเต็ม พร้อมกับหยิบมะนาวที่สั่งมาก่อนแล้ววางข้างๆ “พอผมทิ้งวอดก้าลงไปในแก้วเบียร์แล้วฟองมันฟู่ขึ้นมาต้องรีบดื่มให้หมดนะครับ ไม่งั้นต้องดื่มเพิ่มอีกแก้ว”
“เชี่ย โคตรปั่นอ่ะ” ยุนกิหัวเราะเบาๆ
“เอาละนะครับ เริ่มที่ผมนะ”
วีเคลียร์โต๊ะแล้วหยิบแก้วที่ใช้เล่นเกมมาวางตรงกลาง รับบุหรี่จากโฮซอกมาสูบหนึ่งครั้งแล้วจิ้มลงไปบนกระดาษทิชชู่ ด้วยความที่เป็นครั้งแรกมันเลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือเรียวส่งบุหรี่ให้แฟนตัวเอง โฮซอกสูบมันแล้วจิ้มลงบนทิชชู่ด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมกับยื่นมันให้เขา ยุนกิดีดขี้บุหรี่ออกแล้วสูบเข้าไป เขาค่อนข้างลังเลเพราะปากแก้วมันค่อนข้างเล็ก มือขาวจิ้มลงที่ขอบแก้วอีกฝั่งก่อนจะถอยหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเหรียญมันยังอยู่รอดปลอดภัยดี เขายื่นบุหรี่ให้จองกุก ชะงักมือเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าน้องจะสูบรึเปล่า จองกุกค่อยๆดึงแท่งสีขาวไปจากมือของเขา จรดริมฝีปากลงไปอัดควันเข้าปอดแล้วจิ้มลงบนทิชชู่ด้วยท่าทางเดียวกับจองโฮซอก น้องสูบบุหรี่อีกครั้งพร้อมให้เหตุผลว่าจีมินไม่สูบและเขาจะสูบแทนเอง จีมินรับมวนบุหรี่จากเพื่อนแล้วแตะมันบนทิชชู่ด้วยมือที่สั่นเล็กๆ
กิ๊ง!
เสียงของเหรียญที่หล่นกระทบก้นแก้วทำเอาปาร์คจีมินหน้าเหวอ เสียงหัวเราะดังขึ้นจากทุกคนในโต๊ะพร้อมกับผู้โชคร้ายที่ปากเบะไปเรียบร้อยแล้ว คิมแทฮยองเลื่อนแก้วเบียร์มาตรงหน้าคนแพ้แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดสนุก
“พร้อมนะ?”
“พร้อมก็ได้ครับ” จีมินตอบกลับเสียงอ่อยก่อนจะกลืนน้ำลายเมื่อเห็นแก้วแอลกอฮอล์ตรงหน้า วีทิ้งแก้ววอดก้าลงไปในแก้วเบียร์ ฟองที่ฟูขึ้นมาทำเอาเด็กม.ปลายตัวเล็กตกใจก่อนจะรีบยกมันขึ้นกระดกจนได้ยินเสียงกลืน
“จีมินอ้าปากๆๆ” ซอกจินรีบพูดเมื่อเห็นว่าน้องยกหมดแก้วแล้ว ก่อนจะบีบมะนาวใส่ปากเล็กตามเข้าไป “เป็นไง? รู้สึกไง? โคตรอร่อยเลยดิ”
“อร่อยครับ แต่ผมจะตายก่อนนี่สิ หายใจไม่ทัน” คำตอบน่ารักๆของปาร์คจีมินเรียกให้ทุกคนหลุดขำไม่เว้นแม้แต่จองกุก
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนยี่สิบนาที มินยุนกิจุดไฟแช็กเล่นในขณะที่กดวางสายของปาร์คชานยอล อีกฝ่ายโทรมาถามเขาว่าเพื่อนๆเป็นยังไงกันบ้าง เพราะกลัวว่ามันจะเมาเละจนพลาดเรือเที่ยวพรุ่งนี้เช้ากันไปก่อน แบคฮยอนกับชานยอลไม่ได้มาด้วยเพราะมีธุระสำคัญอะไรสักอย่างต้องทำ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ถามมาเพราะเห็นว่าคงเป็นเรื่องส่วนตัว บางทีคนเป็นเพื่อนก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องขนาดนั้นก็ได้ แค่เรารู้ว่าเพื่อนยังอยู่ดีมีความสุขก็คงพอแล้วล่ะมั้ง
“เสร็จแล้วเหรอมึง” ร่างเล็กเอ่ยถามโฮซอกที่เดินตรงมาหา อีกคนโยนคีย์การ์ดให้เขาพร้อมกับพยักหน้า
“ส่งน้องให้ละเรียบร้อย”
“แล้วมึงกินยายัง?”
“กินละๆ กูเข้าไปก่อนนะ”
“อื้อๆ”
ยาที่เขาพูดถึงคือยาแก้แพ้ของจองโฮซอก เพื่อนสนิทเขามันแพ้ถั่วแล้วเมื่อกี้ดันเผลอกินเข้าไปเลยต้องรีบกลับไปกินยาที่ห้อง พร้อมกับจีมินที่รู้สึกว่านั่งต่อไม่ไหวแล้วบวกกับเพลียจากการเมารถเลยขอตัวกลับไปนอนก่อน เขาเลยฝากโฮซอกให้เดินไปส่งจีมินด้วยเลยจะได้เอาคีย์การ์ดกลับมาให้ เผื่อว่าพวกเขากลับช้าจะได้ไม่ต้องเรียกจีมินที่กำลังนอนอยู่ให้ลุกมาเปิดประตู
ยุนกิสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้าน เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วพวกเขาเล่นเกมทิ้งดิ่งของแทฮยองไปได้เป็นสิบๆเกม คนที่ดื่มมากที่สุดก็ไม่ใช่ใคร เจ้าเด็กปาร์คจีมินนั่นแหล่ะ รองลงมาคงจะเป็นจองกุกล่ะมั้ง ไม่รู้ว่าน้องแพ้จริงหรือว่าตั้งใจแพ้เพราะเหล้ามันอร่อยกันแน่ ร่างเล็กนั่งลงที่เดิม เหลือบมองจองกุกที่หน้าขึ้นสีแดงและตาเริ่มเยิ้มแล้ว เขาว่าน้องเมาแล้วล่ะเพราะเหล้าที่ดื่มๆไปก็แรงอยู่ โดยเฉพาะเบียร์ผสมวอดก้านั่น แต่ก็แปลกดีเหมือนกัน ปกติคนเมานิสัยมักจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่เขาก็ยังเห็นจองกุกนั่งนิ่งและพูดน้อยแบบเดิม คนที่ไม่เมาตอนนี้ก็คงมีแต่เขา ซอกจิน แล้วก็นัมจุนนั่นแหล่ะ จินก็ไม่ค่อยดื่มอยู่แล้ว ส่วนนัมจุนตั้งแต่มามันก็ไม่ค่อยจะยกแก้วบ่อย วันนี้คงไม่อยากเมาเท่าไร
พวกเขานั่งคุยเล่นต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งเวลาผ่านไปได้ชั่วโมงกว่า ซึ่งตอนนี้ก็ตีหนึ่งครึ่งแล้ว จองกุกที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเมื่อสิบนาทีก่อนก็ยังไม่กลับมาเสียทีจนยุนกิเริ่มสงสัย กลัวว่าน้องจะไปเมาล้มที่ไหน เพราะดูจากท่าทางตอนเดินไปแล้วก็ไม่ค่อยปกติสักเท่าไร เขาลุกขึ้นก่อนจะบอกคนในโต๊ะว่าจะไปตามจองกุกก่อน ขาเรียวเดินมาทางห้องน้ำที่ต้องออกมาข้างนอกตรงด้านหลังร้าน ก่อนจะพบว่าน้องไม่ได้ไปเมาล้มที่ไหนแบบที่คิด แต่กลับยืนหลับตาพิงผนังอยู่หน้าห้องน้ำนั่นแหล่ะ
“จองกุก” เขาเดินเข้าไปจับตัวอีกฝ่าย “ไหวป่ะเนี่ย โอเคป่าว”
“ไหว” ร่างสูงตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ ทำเอายุนกิชะงักเล็กน้อย มันจะแปลกอะไรถ้าดวงตาหลังเลนส์แว่นมันไม่เยิ้มขนาดนี้ เขารู้สึกว่านี่ไม่เหมือนจองกุกเลย
“กลับไปนอนดีกว่าเนอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เขารู้สึกดีใจที่อีกคนไม่ได้ดื้ออะไรแถมยังเดินตามมาแต่โดยดี มือขาวเลื่อนโทรศัพท์หาเบอร์ซอกจินแล้วกดโทรออกทันที
((ฮัลโหล ว่าไงยุนกิ))
“จิน เดี๋ยวเราพาน้องกลับห้องก่อนนะ น้องดูไม่ไหวละ”
((โอเคได้ๆ มีอะไรก็โทรมานะ))
“โอเคๆ เดี๋ยวมานะ”
“ยุนกิโทรมาเหรอ?” คิมนัมจุนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าโทรศัพท์ของคนข้างๆละออกจากใบหูแล้ว
“อื้ม เห็นบอกว่าจะไปส่งจองกุกที่ห้องอ่ะ”
“มึงว่าไอ้ยุนกิมันจะได้กลับมาป่ะวะ” จองโฮซอกพูดน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ มือซ้ายที่พาดอยู่ที่คอของแทฮยองสอดประสานเข้ากับมือของวีที่เอื้อมมาจับโดยธรรมชาติ
“เห็นบอกว่าเดี๋ยวมา ก็คงกลับป่ะ”
“เธอว่างั้นเหรอ” นัมจุนหันไปมองหน้าคนรักก่อนจะหันมาสบตากับเพื่อนสนิทอย่างเข้าใจกัน “มึงว่าไง?”
“หึ กูให้พันนึงเลยถ้ามันกลับมา”
“มั่นใจนักนะมึง”
“แล้วมึงเอาไง กลับไม่กลับ” โฮซอกยักคิ้วส่งให้ มือข้างที่ว่างยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“กูลงข้างจินละกัน”
“โอเค ดีล”
“เฮ้ยโอเคป่ะเนี่ย เดินไม่ตรงแล้วนะ” ยุนกิพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กม.ปลายข้างๆเริ่มที่จะเดินเอียงไปเอียงมา เขาจับแขนน้องไว้ ทว่าจองกุกกลับดึงมันออกแล้วเลื่อนมือมาจับมือเขาเอาไว้แทน สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยทำเอายุนกิรู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน
“…ผมโอเค”
“อ่อเหรอ ท่าทางตรงกันข้ามมาก”
เขาเบ้ปากก่อนจะเอื้อมมือไปกดลิฟต์ รอไม่นานนักประตูลิฟต์ก็เปิดออก เขาพาน้องเข้าไปยืนด้านใน กดเลขชั้นสิบห้าแล้วพิงตัวกับผนังลิฟต์ ศีรษะของจองกุกที่เอนลงมาพิงไหล่ทำเอายุนกิใจเต้น แถมมือหนาที่จับมือเขาไว้ก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้ปล่อยไปไหน ยุนกิรับรู้ได้ว่ามือตัวเองชื้นเหงื่อ ไม่รู้ว่าควรดีใจไหมที่ได้จับมือกับจองกุกครั้งแรกตอนเจ้าตัวเมาเนี่ย ร่างเล็กส่ายหน้าให้กับความคิดเพ้อเจ้อของตัวเองก่อนจะพาอีกคนเดินออกจากลิฟต์เมื่อมาถึงชั้นที่พัก ร่างสูงยังคงเดินโงนเงนเหมือนเดิม ยุนกิรีบหยิบคีย์การ์ดออกมาเปิดห้องแล้วดันตัวอีกคนให้เดินเข้าไปก่อน จองกุกพิงตัวกับผนังในขณะที่ถอดรองเท้า ยุนกิพาคนเมามานั่งที่เตียง น้องล้มตัวลงนอนตามแรงดึงดูดของโลกโดยอัตโนมัติ คนเป็นพี่หัวเราะเบาๆให้กับท่าทางเหมือนเด็กของอีกฝ่าย
“อยากอาบน้ำรึเปล่า?” ยุนกิเอ่ยถามพลางเดินไปห่มผ้าให้ปาร์คจีมินที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงเสริมซะแล้ว อุตส่าห์ตกลงกันไว้ดิบดีแล้วว่าเขาจะนอนเองก็ไม่ยอมเชื่อกันเลย
“ไม่อ่ะ…”
“โอเค งั้นนอนพักนะ เราไปหาพวกโฮซอกก่อน” เขานั่งลงบนที่ว่างข้างเตียง ค่อยๆเอื้อมมือไปดึงแว่นสายตาของอีกฝ่ายออกมา ก่อนที่มือเขาจะโดนคว้าไว้อีกครั้ง “จองกุก?”
“พี่ยุนกิ…”
“ว่าไง อยากได้อะไรเหรอ? น้ำอุ่นมั้ย หรือว่า—” ร่างเล็กดึงมือออกเพราะคิดว่าน้องคงอยากได้อะไรสักอย่าง แต่คนที่นอนลืมตาอยู่บนเตียงก็ไม่ปล่อยให้มันเป็นไปโดยง่ายเลย มือหนายังคงยึดมือเขาไว้แน่น
“…อยู่กับผมนะ” ริมฝีปากบางค่อยๆอ้าออกอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “อย่าไปเลย”
“ว—ว่าไงนะ”
“ผมอยากให้พี่อยู่กับผม ตอนนี้” ดวงตาคมที่ยังคงเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ไม่ได้ลดทอนความจริงจังของน้ำเสียงที่น้องใช้พูดเลยแม้แต่นิด
“โอเคๆ เราไม่ไปแล้ว” ยุนกิยกมือขึ้นสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้ “แต่ขออาบน้ำก่อนนะ”
จองกุกพยักหน้าก่อนจะปล่อยมือเขา ยุนกิลุกขึ้นเดินไปรื้อหาชุดนอนในกระเป๋า เขายังตกใจไม่หายกับคำพูดของน้องที่ฟังแล้วมันดูแปลกๆไปหมด ถ้าไม่เมาสาบานได้ว่าอีกคนไม่มีทางพูดแบบนี้เด็ดขาด อยากให้เขาอยู่ด้วยเนี่ยนะ? บ้าแล้ว คิมแทฮยองผสมอะไรในเหล้าให้จองกุกดื่มรึเปล่าเนี่ย ท่าทางอาการหนักน่าดูเลย น้ำอุ่นที่กระทบใบหน้าเรียกสติให้เลิกฟุ้งซ่าน เขาหยุดคิดแล้วรีบอาบน้ำแปรงฟัน ไหนๆก็ไม่ได้กลับไปร้านแล้วก็นอนให้เต็มที่หน่อยละกัน อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็คงมีเขาที่ปกติ เอาไว้สักตีสามถ้าพวกนั้นยังไม่กลับก็ค่อยไปตามอีกที
ร่างเล็กที่สวมชุดนอนเรียบร้อยแล้วก้าวออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินเลยเตียงเสริมที่จีมินนอนอยู่ไปเปิดประตูระเบียงเพื่อจะออกไปตากผ้าเช็ดตัว ก่อนจะเดินกลับเข้ามาโทรหาซอกจินว่าจะไม่กลับไปแล้ว ซึ่งเท่าที่ฟังจากน้ำเสียงของปลายสายแล้วจินก็ดูปกติดีและไม่ได้เมาอะไรทำให้เขาจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ยุนกิเดินมานั่งบนเตียงที่เดิม มือกดโทรศัพท์เช็คอะไรไปเรื่อย ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อมือร้อนๆของจอนจองกุกดึงแขนเขาอีกครั้ง
“พี่ยุนกิ… นอนเร็ว” ยุนกิได้แต่กดล็อคโทรศัพท์แล้ววางเอาไว้บนตู้ข้างๆแว่นของจองกุก ก่อนจะเอนตัวลงนอนข้างๆน้อง เขาพลิกตัวหันไปมองใบหน้าคมคายที่ดวงตาปิดสนิท ขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“จองกุก เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย?”
“เปล่าซะหน่อย” มือหนาของเด็กม.ปลายพาดลงที่เอวของยุนกิก่อนจะดึงให้เข้าไปใกล้ ใบหน้าของจองกุกขยับมาฝังอยู่ตรงหน้าอกของเขา กลุ่มผมที่คลอเคลียอยู่ตรงจมูกทำเอาเขาใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“….จองกุก”
“ตัวพี่หอมจัง”
น้องกระชับแขนกอดเขาแน่นขึ้น ยุนกิกัดริมฝีปากตัวเองอย่างห้ามไม่ได้ ใบหน้าเห่อร้อนยิ่งกว่าตอยดื่มเบียร์ผสมวอดก้าเสียอีก เขานิ่งค้างไปสักพัก ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้ มือขาวค่อยๆดึงแขนของจองกุกออกจากเอว เอี้ยวตัวไปหยิบกล่องบุหรี่กับไฟแช็กที่วางอยู่บนหัวเตียง ตั้งใจว่าจะออกไปสูบบุหรี่สงบสติอารมณ์ที่ระเบียง ดวงตาของอีกคนค่อยๆเปิดขึ้นมอง มือหนาเอื้อมมาดึงกล่องสี่เหลี่ยมออกจากมือของเขาแล้วเอื้อมไปวางมันไว้ที่เดิม สายตาของคนตรงหน้าที่จ้องมามันชวนวูบวาบจนเขาอยากจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าหนีให้รู้แล้วรู้รอดไป
“คืนนี้ไม่ออกไปสูบแล้วได้รึเปล่าครับ?”
“อ—อื้อ” ยุนกิรู้สึกราวกับว่าตัวเองโดนตั้งโปรแกรมอัตโนมัติ ไม่ว่าน้องจะขออะไรเขาก็ทำให้ได้ทั้งหมดอะไรแบบนั้น นิ้วเรียวของจองกุกแตะลงบนปลายจมูกของเขาเบาๆ ลากเรื่อยลงมาจนถึงริมฝีปากที่เอาแต่เม้มแน่น
“พาผมไปบ้านพี่บ้างได้มั้ย…” เขาเปิดริมฝีปากออกตามปลายนิ้วของอีกฝ่ายที่กดย้ำเบาๆอยู่ตรงคาง “ผมอยากรู้ว่าพ่อแม่พี่จะชอบใครมากกว่ากัน ระหว่างผม…กับพี่เขา”
“จองกุกเมามากเลยนะ รู้ตัวมั้ยเนี่ยพูดอะไรออกมา” ร่างเล็กหัวเราะเบาๆ พยายามกลบเกลื่อนหัวใจที่กำลังสั่นไม่หยุด ไม่ดีเลย อยู่ใกล้กันแบบนี้ไม่ดีเลย จองกุกอันตรายเกินไปสำหรับเขา
“ผมรู้ตัว” มุมปากของเจ้าตัวยกยิ้มขึ้น มันดูค่อนข้างร้ายกาจเกินไปสำหรับเด็กอายุสิบแปด ยุนกิผงะเล็กน้อยเมื่อสองมือของน้องเลื่อนมากอบกุมใบหน้าของเขาเอาไว้ “หวังว่าตื่นมาแล้วพี่ก็จะไม่ลืมมันเหมือนกัน”
มินยุนกิแทบหยุดหายใจเมื่อรับรู้ได้ถึงริมฝีปากร้อนๆของจอนจองกุกที่กดจูบลงที่มุมปากของเขาเบาๆ
“ฝันดีนะครับ”
ด้วยความสัตย์จริง, มินยุนกิได้หยุดหายใจไปแล้ว
#สวนขวดกุกก้า
TALK.
เขินจอนจองกุกมาแง้งงงงงงง แต่งไปเขินไป ไม่มีอะไรจะพูดแล้วววววววว T__________T ไปฟังเพลง Octox ของ Gym and Swim ประกอบกันนะคะ เข้ากับบรรยากาศมากๆ ฟังทั้งอัลบั้ม SeaSick เลยก็ได้ค่ะ /ขายของๆ นี่แบบสงสัยเนาะว่าโฮซอกกับจองกุกเขาคุยไรกันทำไมดีกันเฉย จีมินวีนี่ก็ดูไม่น่าเป็นห่วงอะไร แต่เราว่าผู้ชายค่อนข้างต่างกับผู้หญิง คือเรามีเพื่อนผู้ชายเยอะก็เลยพยายามสังเกตมา ก็พบว่าผู้ชายถ้าเคลียร์กันแล้วหรือต่อยกันไปแล้วมันก็จะจบลงตรงนั้น คือมีน้อยมากที่จะเก็บไปคิดแค้นหรือคิดเล็กคิดน้อยแบบผู้หญิง ยิ่งอยู่กลุ่มเดียวกันหรือวงโคจรเดียวกันถ้าได้เห็นว่า เออ ไอ้นี่ก็ไม่ได้แย่นี่หว่า ก็คงจะดีต่อกันได้ไม่ยาก ค่ะ ก็ตามนั้นเนาะ จองกุกนี่แหม่ ดีต่อใจพี่จริงๆฮือออออ ;______;
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

นน้องเมาแล้วเป็นคนแบบนี้เหรออ เขินเว้ยยย???? #นัมจุนเสียไปแล้วพันนึง55555+
นี่มอมตัวเองแน่ๆ เด็กคนนี้ร้ายกาจจจจจจน
ไม่ลืมแน่นอนค่ะ ไม่ลื้มมมม น้องก็ห้ามลืมนะ
อ้าววว พี่กิจะหยุดหายใจไม่ได้นะ 55555 กุกจะอยู่กับใครรร // คนน้องนี่อันตรายจริงๆ หื้มมม -เด็กบ้าา
น้องกุกนี่มันอันตรายต่อใจยุนกิจริงๆ 55555
เราชอบบรรยากาศตอนนี้จัง ชอบความเฮฮาในวงเหล้า ชอบความถามคำถาม ชอบความหึงความเกี้ยวกราดของน้อง
เสียงนิ่งๆเรียบๆนั่นมัน โอ้ยยย มีมาฝันดงฝันดีตอนท้าย เขินมากอ่ะ