ตอนที่ 11 : PROCESS 10
PROCESS 10
คิมแทฮยองตื่นขึ้นมาในเวลาเที่ยงของวันอาทิตย์ เขาคว้าแว่นสายตาที่ใส่ประจำเวลาอยู่บ้านมาสวมก่อนจะลุกไปห้องครัว เปิดตู้เย็นรินน้ำดื่มอย่างเอื่อยๆ ทุกอย่างรอบตัวมันดูเฉื่อยชาไปเสียหมด อาจจะเป็นเพราะตัวเขาเองด้วยที่ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรสักอย่าง หางตาเหลือบไปเห็นโพสท์อิทสีเหลืองอ่อนที่แปะอยู่บนฝาตู้เก็บแก้วในขณะที่กำลังจะหมุนตัวเดินออกจากห้องครัว ลายมือคุ้นเคยของใครบางคนที่ถูกเขียนด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินที่มีเพียงด้ามเดียวเพื่อพกไปมหา’ลัย พร้อมกับวาดรูปหมาประหลาดๆไว้ข้างๆอีกด้วย
‘
พี่ไปเรียนก่อนนะ ไว้เที่ยงๆมารับไปกินข้าว ตื่นแล้วไลน์มาบอกด้วยล่ะไอ้หมา รักนะ’
ที่จริงมันถูกแปะไว้บนประตูตู้เย็นเพราะอีกฝ่ายรู้ว่าสิ่งแรกที่เขาทำตอนตื่นมาคือดื่มน้ำ แต่เขาแกะมันไปแปะไว้ตรงนั้นเองเพราะตั้งใจจะเอาไปเก็บไว้ในห้องนอนรวมกับอันอื่นๆที่พี่เขาเคยเขียนเอาไว้ให้ แต่กลับต้องรีบออกไปถ่ายงานซะก่อนเลยแปะๆเอาไว้กะว่ากลับมาจะมาเก็บ แต่สุดท้ายก็ทะเลาะกันจนลืมมันไป มือเรียวแกะแผ่นโพสท์อิทออกแล้วเดินเอาไปแปะไว้บนผนังหัวเตียงก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ภาพในวันนั้นย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของเขาอีกครั้ง มันฉายซ้ำไปซ้ำมาเหมือนหนังช่องฟรีทีวีที่แม้ว่าเราจะเบื่อมันแค่ไหน แต่ก็ต้องจำใจดูเพราะอย่างน้อยข้อดีของมันก็คือสนุกและแก้เบื่อได้ คงคล้ายๆกับความทรงจำที่เขาไม่อยากนึกถึงแต่อย่างน้อยมันก็ยังมีพี่โฮซอกอยู่ในนั้นล่ะมั้ง
‘พี่โฮซอก ใจเย็นๆก่อนได้มั้ย’ เขาค่อยๆบิดข้อมือของตัวเองออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายทีเผลอบีบมันแน่นจนเป็นรอยแดงเถือกตามแรงอารมณ์
‘แล้วเมื่อไหร่มึงจะเลิกยุ่งกับจองกุกวะ?’
‘ทำไมพี่ใช้มึงกูกับผมล่ะครับ…’ เขาถามเสียงเบา แทฮยองไม่เคยเห็นจองโฮซอกโกรธขนาดนี้มาก่อน พี่เขาไม่เคยพูดมึงกูหรือพูดหยาบคายใส่เลย ทำให้เขารู้สึกตกใจมากจริงๆตอนได้รับโทรศัพท์
‘เออ ขอโทษ’ ร่างโปร่งพูดออกมาทันทีที่เห็นแววตาเสียใจของคนตรงหน้า มันติดจะห้วนๆเพราะอารมณ์ที่ยังขุ่นเคือง ‘แล้วจะตอบคำถามได้ยัง หรือที่เลี่ยงไปเลี่ยงมาเพราะจะไม่เลิกยุ่ง?’
‘พี่ จองกุกเป็นน้องผมนะ’
‘น้อง? น้องที่คิดไม่ซื่ออ่ะเหรอ เหอะ ตลกว่ะ’
‘แล้วพี่จะให้ผมทำยังไง’ เขาเอื้อมมือไปจับแขนของโฮซอกเอาไว้ ก่อนจะเลื่อนลงมาจับชายเสื้อของอีกฝ่ายแน่นเหมือนเด็กที่กำลังโดนดุ
‘แค่เลิกยุ่งกับมันนี่ยากตรงไหนวะแท?’
‘…’
‘นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ววะ เมื่อไหร่มันปัญหานี้ระหว่างเรามันจะหายไปสักที พี่เหนื่อยแล้วนะ’
‘พี่โฮซอก ผมขอโทษ’ เขาดึงชายเสื้ออีกคนเบาๆ ได้แต่ก้มหน้าซ่อนน้ำตาเอาไว้ แต่ก็คงปิดมันไม่มิดเพราะหยดน้ำใสๆกำลังหยดลงบนปลายเท้าของเขาไม่หยุด
‘ถ้าไม่เลิกยุ่งกับมัน ก็เลิกยุ่งกับพี่ เลือกเอา’
เขาไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ในทันที แม้ว่าคำตอบมันจะแน่ชัดอยู่แล้วก็เถอะว่าเขาเลือกพี่โฮซอก แต่จองกุกก็เป็นน้องที่เขารักเหมือนกัน เขาคิดว่ามันต้องมีทางออกที่ดีกว่าการเลือกใครสักคนแบบนี้ แทฮยองรู้ดีว่าที่อีกฝ่ายหัวร้อนขนาดนี้ไม่ใช่เพราะว่ามันเกิดขึ้นครั้งแรก แต่เพราะว่ามันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วต่างหาก ก่อนหน้าที่เขาจะเจอพี่โฮซอกเขาเป็นพวกขี้เหงา ขาดคนคุยนานๆไม่ได้ พอคุยไปคุยมารู้สึกไม่ใช่ก็ลดระดับเหลือเพื่อนพี่น้องไปเสียหมด โฮซอกไม่ใช่คนขี้หึงขนาดที่จะแยกแยะอะไรไม่ออก พี่เขาเป็นผู้ใหญ่พอข้อนี้วีรู้ดี แต่ด้วยความที่มองคนทะลุปรุโปร่งไปหมดนี่แหล่ะทำให้อีกฝ่ายต้องคอยมาคอยหึงคนที่เขาสนิทด้วยเพราะมองออกว่าฝ่ายนั้นคิดไม่ซื่อกับเขา คนเป็นพี่ให้โอกาสเขาหลายครั้งแล้ว ยกโทษให้ทุกครั้งที่เขาทำตัวไม่ดี แต่เขามันดื้อ วีรู้ตัวเองดี
ตัวเขากับพี่โฮซอกคุยกันมาสองเดือนกว่าถึงค่อยมาคบกัน มันอาจจะดูเร็ว แต่วีคิดว่าคนที่ใช่มันไม่จำเป็นต้องใช้เวลาคิดนานเลย เอาจริงๆ ก็ทะเลาะกันบ่อยเพราะเรื่องนี้เรื่องเดียว เลิกกันก็เพราะเรื่องของจองกุกนี่แหล่ะที่หนักที่สุด อาจเป็นเพราะพี่ยุนกิชอบจองกุกอยู่ด้วยล่ะมั้งพี่เขาเลยไม่อยากให้เพื่อนต้องเสียใจ ถึงแม้จะพยายามบอกกับตัวเองให้อดทน พิสูจน์ให้พี่เขาเห็นว่าตัวเองรักเขาจริงๆ แต่สุดท้ายคิมแทฮยองก็ยังแก้นิสัยขี้เหงาของตัวเองไม่ได้อยู่ดี เขาเป็นคนติดแฟนมาก พอจองโฮซอกหายไปก็อดไม่ได้ที่จะหาคนมาอยู่ด้วยมาคุยเล่นให้หายฟุ้งซ่าน หาคนที่คอยรับฟังเขาระบายได้อย่างไม่ปริปากบ่น ซึ่งคนคนนั้นก็มีแค่จอนจองกุก เขารู้ตัวดีว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ดี แต่ก็ตั้งใจเอาไว้ว่าพอรวบรวมสติได้แล้วจะไปง้อพี่โฮซอกอย่างจริงๆจังสักที แต่มันก็เกิดเรื่องขึ้นก่อนจนได้
ร่างเพรียวนั่งลงที่ปลายเตียง ถอดโทรศัพท์ที่กำลังเสียบชาร์จแบตออกมากดเข้าโปรแกรมแชทแล้วพิมพ์ไปหาจองโฮซอกด้วยความเคยชิน อีกฝ่ายอ่านข้อความตลอดแต่ไม่เคยตอบกลับมาเลย เขากดออกแชทแล้วไปเข้าอินสตาแกรมแทน กดดูรูปแก้วชาเขียวที่พี่เขาเป็นอัพพร้อมกับแท็ก ปาร์คจีมิน เพื่อนสนิทของจองกุกเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ อาจจะสิบ หรือยี่สิบ หรือมากกว่านั้น ความสงสัยยังคงไม่หายไป ทำไมพี่โฮซอกถึงรู้จักจีมินได้ ทำไมถึงได้ไปด้วยกัน คำว่าทำไมลอยอยู่เต็มสมองเขาไปหมด วีตัดสินใจกดติดตามเด็กนั่นไปให้รู้แล้วรู้รอด เขาก็แค่อยากรู้เท่านั้นแหล่ะว่าปาร์คจีมินคนนี้เป็นคนยังไง ชอบอะไร ใช้ชีวิตแบบไหน ทำไมพี่โฮซอกถึงเปิดใจให้ง่ายๆอย่างนั้น ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะไปหาเรื่องหรืออะไร เขาไม่ใช่คนประเภทนั้นอยู่แล้ว แถมยังมีภาพลักษณ์ที่ต้องรักษาอีกด้วย และที่สำคัญพี่โฮซอกคงจะไม่ชอบใจแน่ๆถ้าเขาไปทำตัวพาลเป็นเด็กๆ
แทฮยองเดินไปตากผ้าเช็ดตัวที่ระเบียงก่อนจะกลับมานอนกลิ้งลงบนเตียงอีกครั้ง พอไม่มีพี่โฮซอกแล้วชีวิตดูเงียบเหงาไปหมด เขาไม่ค่อยมีเพื่อนมากนักเพราะทำงานตลอด เพื่อนสนิทก็มีแค่ไม่กี่คน นอกนั้นก็คบไปผ่านๆเอาไว้แค่ให้ตัวเองเรียนจบ แถบแจ้งเตือนแสดงให้เห็นว่าแอคเคานต์ p_jamjam กดรับรีเควสท์เขาแล้ว วีกดเข้าไปดูทันที เขาชะงักนิ้วและไม่เลื่อนหน้าจอไปไหนเพราะแค่รูปล่าสุดที่เจ้าตัวเพิ่งอัพโหลดก็ทำให้โลกของเขาหยุดหมุนได้แล้ว รูปจีมินที่กำลังอุ้มเจ้าหมาลูกรักของพี่โฮซอกอยู่ แถมยังเช็คอินที่ร้านอาบน้ำสุนัขร้านประจำที่เขากับพี่โฮซอกชอบไปด้วยกันทุกสัปดาห์อีก เมื่อกดเข้าไปดูก็พบคอมเมนท์ของเจ้าของมันอีกด้วย นิ้วเรียวพิมพ์ข้อความลงช่องคอมเมนท์ทันที แต่เขาก็ต้องกดลบมันออกและเปลี่ยนไปเป็นแค่กดไลค์แทนเพราะกลัวจะโดนเกลียด แทฮยองรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตอนทะเลาะกันก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่าพี่โฮซอกไม่มีใครอื่น พอมาเห็นแบบนี้เขาก็เริ่มที่จะไม่มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายยังมีแค่เขาคนเดียวจริงๆรึเปล่า
มือเรียวกดโทรออกหาเบอร์ที่ปกติโทรออกตลอดจนขึ้นเป็นเบอร์แรกของประวัติการสนทนาเสมอ เสียงสัญญาณรอสายดังอย่างต่อเนื่องแต่กลับไม่มีคนรับ เขากดวางแล้วกดเข้าโปรแกรมแชทอีกครั้ง
‘พี่ไม่รักผมแล้วเหรอ?’
มันไม่ขึ้น Read ในทันทีเหมือนทุกครั้งแสดงว่าเจ้าของไม่ได้แตะโทรศัพท์ตลอดเวลาอีกแล้ว ตอนนี้พี่เขาอาจจะกำลังอยู่กับปาร์คจีมิน ไปทำอะไรด้วยกันแบบเดียวกับที่พวกเขาเคยทำ ไปสถานที่เดียวกับที่พวกเขาเคยไป น้ำตาที่เหือดแห้งไปตั้งแต่เมื่อคืนกลับไหลลงมาอีกครั้ง มือเรียวที่เคยถูกกอบกุมเอาไว้เสมอตอนนี้กลับถูกใช้ยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเอง
“พี่โฮซอก… แทขอโทษ”
เวลาสิบหกนาฬิกาตรง ร่างเล็กวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาบนสถานีรถไฟฟ้าที่ใกล้บ้านเขาที่สุด ก่อนจะเบรกแทบไม่ทันเมื่อเห็นเป้าหมายของตัวเองยืนกดโทรศัพท์อยู่แถวๆช่องแลกเหรียญ ยุนกิรีบเดินไปหาอีกฝ่ายทันที จองกุกในชุดไปรเวทที่แปลกตาไปทำเอาเขาต้องชะงักเท้า
นั่นใช่จองกุกแน่ป่ะวะ…
สิ่งที่เหมือนเดิมก็คือเสื้อยืดสีกรมไม่มีลายกับอดิดาสสแตนสมิทธ์สีเนวี่บลูคู่โปรดของน้อง แต่ไอ้กางเกงยีนส์ขาสั้นกับกระเป๋าคาดอกนี่แหล่ะที่แปลกไปเสียจนยุนกิต้องจ้องอยู่นาน ร่างสูงเงยหน้าขึ้นสบตาเขาก่อนจะโค้งให้เล็กน้อย มือกดล็อกหน้าจอโทรศัพท์แล้วยัดมันใส่กระเป๋าหลังกางเกงก่อนจะเดินเข้ามาหา
“ไปเลยมั้ยครับ?”
“…” นี่จองกุกจริงป่าววะ จับต้องได้ป่าววะ
“พี่ครับ?”
“…” ทำไมหล่อจังวะ หล่อจนเครียดละนะ ;______;
“พี่ยุนกิ” แม้ว่าคนตรงหน้าจะเอื้อมมือมาแตะไหล่แค่เบาๆ แต่เขาเองก็เผลอสะดุ้งจนได้
“ห—หะ?”
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”
“อ่อ เปล่าอ่ะ ไปกันเลยป่ะ?” อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะเดินนำไปยังทางเข้า “เฮ้ยเดี๋ยวๆๆ เรายังไม่ได้แลกบัตรเลยอ่ะ แป๊บนึงดิ”
“ผมแลกมาให้แล้ว” จองกุกยื่นบัตรรถไฟฟ้าให้เขาก่อนจะสอดบัตรเดินนำไปก่อน ยุนกิได้แต่ตามเข้ามาอย่าง-งงๆ
“เดี๋ยวขากลับเราจ่ายให้แล้วกันนะ” เขาว่าพลางเงยหน้ามองคนที่ยืนบนขั้นที่สูงกว่าของบันไดเลื่อน
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง พี่เลี้ยงผมบ่อยแล้ว”
“ไม่เอาดิจองกุก ช่วยกันจ่ายดิ นี่ทำแบบนี้เราคิดนะเว้ย” ยุนกิพูดติดตลกก่อนจะต้องนิ่งไปเมื่อน้องก้มลงมาใกล้ จองกุกเอื้อมมือมาแตะบนหน้าแก้มของเขาเบาๆแล้วหยิบอะไรสักอย่างออกให้
“ขนตาน่ะครับ”
“อ่า… เหรอ ขอบใจนะ”
ยุนกิพูดเบาๆ เขาสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แถมเผลอสะดุดตอนก้าวขึ้นจากบันไดเลื่อนด้วยซ้ำ จองกุกจู่โจมเขาแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็เหอะ แต่ใจของเขามันกำลังเต้นแรงเอามากๆ แรงขนาดที่ว่าอีกนิดนึงคงหลุดออกมาจากอกได้ จองกุกนี่ตัวอันตรายจริงๆ ;______;
วันนี้เขาตั้งใจจะไปเดินเล่นที่จตุจักรอยู่แล้ว แต่นัมจุนก็ไม่ว่างเพราะติดธุระ ซอกจินก็ไปออกกองต่างจังหวัด โฮซอกก็มีนัดแล้วด้วยเหมือนกัน เขาเลยลองชวนจองกุกเล่นๆ เผื่อใจเอาไว้แล้วแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่ายังไงน้องก็ไม่มาแน่ๆ แต่คำตอบกลับกลายเป็นตกลงเสียอย่างนั้น อาจเพราะวันอาทิตย์เป็นวันว่างของเจ้าตัวพอดี แถมเพิ่งสอบมาด้วย คงอยากไปเดินเล่นพักผ่อนให้หายเครียดบ้างล่ะมั้ง และนับว่าเป็นโชคดีของพวกเขาที่บนรถไฟฟ้ามีที่นั่งเลยไม่ต้องยืนไปจนสุดสาย สถานีที่พวกเขาขึ้นมาห่างกับสถานีหมอชิตเกือบยี่สิบสถานีได้ เอาเป็นว่าสามารถนั่งหลับได้เลยแหล่ะ ความจริงเขากะจะขับรถไปเหมือนปกติ แต่เมื่อสองวันก่อนเพิ่งขับไปให้ชาวบ้านเขาเฉี่ยวมาเลยต้องส่งเข้าอู่ วันนั้นจองกุกก็อยู่บนรถด้วย บรรยากาศตึงเครียดน่าดูเลยล่ะ แล้วยุนกิก็ยังได้ยินอีกฝ่ายสบถคำหยาบเป็นครั้งแรกอีกด้วย เขารู้แหล่ะว่าเด็กผู้ชายยังไงก็พูดคำหยาบกันอยู่แล้ว แต่เพราะไม่เคยได้ยินจองกุกพูดให้ได้ยินกับหูนี่แหล่ะเลยค่อนข้างเซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกัน
จอนจองกุกที่นั่งดูโฆษณาบนทีวีในรถหยิบโทรศัพท์ออกมาพิมพ์แชทตอบใครบางคน นิ้วกลางข้างซ้ายเลื่อนไปดันแว่นสายตาที่ตกลงมาปลายจมูกให้เข้าที่ ยุนกิหันไปลอบยิ้มกับตัวเอง เขายังยืนยันว่าชอบท่าทางแบบนี้ของน้องมากๆ ไม่มีเหตุผลเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบ แต่แค่ชอบมองเวลาอีกคนขยับตัวทำนู่นทำนี่ แม้ว่าสิ่งที่ทำมันจะวุ่นวายมากแค่ไหน แต่พอเป็นจองกุกที่เป็นคนทำมันกลับดูสงบได้อย่างแปลกประหลาด เขาเลยสบายใจที่มองน้องอยู่ตลอดล่ะมั้ง มือขาวหยิบบัตรโดยสารจากกระเป๋ากางเกงมาอ่านเล่น วันนี้เขากับน้องเหมือนแต่งตัวสลับกันอย่างไรอย่างนั้น เขาใส่กางเกงชิโนสีครีมพับขา แต่จองกุกกลับใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น เหมือนสลับตู้เสื้อผ้ากันยังไงก็ไม่รู้ รถไฟฟ้าเคลื่อนมาจอดที่สถานีสยาม ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆทำให้มีคนเข้าออกเยอะกว่าปกติ ตาเรียวเหลือบไปเห็นหญิงวัยกลางคนใส่ชุดคลุมท้องเดินเข้ามาก็ตั้งใจจะลุกให้นั่ง แต่กลับไม่ทันเด็กม.ปลายข้างๆที่มัวแต่นั่งกดโทรศัพท์แต่กลับลุกไวกว่าเขาเสียอีก ร่างเล็กอมยิ้มให้กับความเป็นเด็กดีของน้องก่อนจะลุกไปยืนจับราวข้างๆกัน แล้วรีบตอบทันทีเมื่อเห็นจองกุกเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“เรายืนเป็นเพื่อน”
น้องพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าหลังกางเกงอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาแทบจะไม่คุยกันเลยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ยุนกิแค่เห็นอะไรผ่านหน้าไปแล้วทำให้นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ก็ยกมาพูด จองกุกก็ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี มีเสนอความเห็นบ้างในบางเรื่อง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เดท ไม่มีเหตุการณ์โรแมนติกอะไรก็ตามเกิดขึ้น แต่เขาก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้ ชอบธรรมชาติของจองกุกที่เป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่น ชอบความเป็นไปของผู้คนที่เป็นตัวแปรของสถานการณ์ต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น ผู้โดยสารมากมายที่เริ่มเบียดเข้ามาอีกครั้งเมื่อถึงอีกสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เบียดเข้ามาจนทำให้เขาได้ยืนใกล้กับน้องมากขึ้น ใกล้ขนาดที่ว่าแผ่นหลังของเขาแนบไปกับอกของอีกฝ่าย และมันก็ใกล้ขนาดที่ว่าเขาได้กลิ่นน้ำหอมของจองกุกได้อย่างชัดเจน
อ่า… แบบนี้มันเรียกว่าโรแมนติกได้รึเปล่านะ
พวกเขามาถึงตลาดนัดสวนจตุจักรตอนสิบหกนาฬิกาห้าสิบนาที และตอนนี้ก็เดินเที่ยวกันมาได้สักพักใหญ่แล้ว ในมือซ้ายของเขามีแก้วน้ำอัดลมอยู่ ส่วนมือขวาก็เป็นขวดน้ำเปล่าของจองกุก ร่างเล็กใช้หลังมือปาดเหงื่อที่แตกพลั่กบนหน้าผาก พลางมองเด็กตรงหน้าที่ปิดกระเป๋าสตางค์ของตัวเองเก็บใส่กระเป๋าคาดอก และหยิบกระเป๋าสตางค์ของยุนกิขึ้นมาจ่ายค่าน้ำอัดลม เขายิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมทำตามที่ขอ ซึ่งนั่นก็คือการที่เราจะแชร์กันทุกอย่างและจ่ายใครจ่ายมัน เขาไม่ต้องการให้น้องรู้สึกว่ามากับเขาแล้วต้องเสียเงินจ่ายให้ นั่นเป็นสิ่งที่ยุนกิไม่ชอบ ให้เขาเป็นฝ่ายเลี้ยงตลอดยังดีเสียกว่า เขายื่นขวดน้ำส่งให้อีกฝ่ายก่อนจะแบมือขอโทรศัพท์ของตัวเองที่ฝากไว้ในกระเป๋าของน้อง วันนี้เขาไม่ได้เอากระเป๋ามา ทุกอย่างถูกเหน็บไว้ในกระเป๋ากางเกง จองกุกเอ่ยขอกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ของเขาทันทีเมื่อมาถึงสถานีหมอชิต น้องบอกว่าไม่อยากให้ใส่กระเป๋ากางเกงเอาไว้เพราะกลัวจะโดนล้วง ซึ่งยุนกิก็เห็นด้วยในข้อนี้ จองกุกดึงกระเป๋าให้เลื่อนมาอยู่ตรงหน้าอกแทนที่จะสะพายมันไว้ด้านหลังเหมือนทีแรกและมือก็คอยจับเอาไว้ตลอด ทำให้ยุนกิรู้สึกว่าของของเขาถ้าอยู่กับน้องยังไงก็ปลอดภัยแน่ๆ
มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายสแนปแชท ตอนแรกเขาก็อยากจะถ่ายหน้าตัวเองกับจองกุก แต่พอเห็นแก้มแดงของๆตัวเองจากในกล้องแล้วขอบายดีกว่า ถ่ายแค่บรรยากาศเอาละกัน ในจังหวะที่เขาจะฝากมือถืออีกครั้ง ยุนกิก็เหลือบไปเห็นจองกุกกำลังวุ่นวายอยู่กับการถ่ายรูปเช่นกัน เขาเห็นผู้คนรอบข้างต่างจดจ้องสายตามาที่คนข้างๆอยู่ตลอดเวลา ด้วยความที่น้องหุ่นดีผิวดี ส่วนสูงก็ไม่น้อย หน้าก็หล่อ แถมยังเห็นหน้าบ่อยๆตามโซเชี่ยลมีเดียอีก ก็ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้คนอื่นเขาจะสนใจกันออกนอกหน้านอกตาขนาดนี้ ยุนกิได้แต่ขำเมื่อเห็นว่ามีสาวๆแอบเดินตามจองกุกกันอยู่เงียบๆ แต่หูของเขามันก็ดีมากซะด้วยสิเลยได้ยินแทบทุกอย่างที่พวกหล่อนคุยกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหัวข้อที่ว่า ‘พวกเขาเป็นแฟนกันรึเปล่า’ ด้วยความสัตย์จริง มินยุนกิไม่เคยเข้าใจว่าทำไมการที่ผู้ชายสองคนแค่เดินด้วยกันแล้วมันดูเหมือนแฟนยังไง ใครๆเขาก็เดินด้วยกันกับเพื่อนรึเปล่า เออ เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ คิดซะว่าเป็นเรื่องขำๆละกัน ตลกดี
ขายาวเดินมาหยุดที่ร้านขายต้นไม้ เดินดูไปดูมาก็หยิบโทรศัพท์มาถ่ายสตอรี่ของอินสตาแกรมอีกแล้ว ที่จริงยุนกิก็อยากถ่ายบ้างนะ แต่เกรงใจน้องต้องมาคอยหยิบๆเก็บๆของให้ แต่ก็ไม่เป็นไร ดูจองกุกถ่ายรูปไปๆมาๆก็เพลินดิ
“พี่ครับ ผมฝากถือแป๊บนึง”
จองกุกยื่นโทรศัพท์ให้เขาถือเพื่อที่จะหยิบเงินมาจ่ายค่าต้นกระบองเพชรต้นเล็กๆสองสามต้นที่ตัดสินใจซื้อ ร่างเล็กชะงักเมื่อเห็นหน้าจอที่เจ้าตัวเปิดค้างเอาไว้ เขาเม้มปากแน่น รู้สึกหน่วงในใจขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล เพราะสิ่งที่เขาเห็นมันคือหน้าบทสนทนาจากโปรแกรมแชทที่เจ้าของมันกำลังคุยกับคิมแทฮยอง มินยุนกิขอสาบานไว้ตรงนี้เลยว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะเปิดอ่าน แต่มันเปิดมาไว้แบบนี้อยู่แล้ว และตัวเขาเองก็ห้ามใจไม่ได้เช่นกันที่จะไม่อ่านมัน
veextae: จองกุก อยู่ไหนเหรอ
veextae: ว่างมั้ย
JJKXXK: อยู่ข้างนอกครับ
JJKXXK: มีอะไรรึเปล่า
JJKXXK: วี
JJKXXK: วีเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ตอบ
veextae: รู้สึกแย่อ่ะ
JJKXXK: เรื่องพี่โฮซอกเหรอครับ
veextae: อื้อ
veextae: อยู่ไหนเหรอ?
veextae: มาหาพี่หน่อยได้มั้ย?
“เสร็จแล้วครับ” ยุนกิหันไปมองเสียงที่ดังขึ้นข้างตัว จองกุกหิ้วถุงใส่ต้นไม้เข้ามาหาพลางยื่นมือมาขอโทรศัพท์คืนจากเขา ร่างเล็กเดินตามหลังอีกฝ่ายไปเงียบๆ ก่อนจะตัดสินใจถามขึ้นในที่สุด
“จองกุก”
“ครับ?”
“เราขอโทษนะที่วุ่นวาย แต่มันบังเอิญเห็นพอดีอ่ะ” อีกฝ่ายหยุดเดินแล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ “จองกุกอยาก… อยากไปหาวีรึเปล่า?”
ดวงตาคมมองเขานิ่งๆผ่านเลนส์แว่น ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจากอ้าปากตอบ เสียงโทรศัพท์ของเจ้าตัวก็ดังขึ้นมาเสียก่อน น้องทำท่าขอโทษแล้วกดเลื่อนรับสายแต่ก็ไม่ได้เดินหนีไปคุยที่อื่น มือหนาข้างที่หิ้วถุงต้นไม้เอื้อมมาดันเขาให้เข้ามายืนติดริมร้านค้าฝั่งหนึ่งในตรอกทางเดินแคบๆ เขายืนใกล้กับน้องมาก มากเสียจนได้ยินเสียงของคนปลายสาย ซึ่งเสียงนั้นทำเอาจิตใจของยุนกิปั่นป่วนไปหมด
“ครับ… วี”
((จองกุกอยู่ไหนเหรอ))
“อยู่ข้างนอกครับ”
((ที่ไหนเหรอ ไปกับใคร))
“จตุจักรครับ มากับ—”
เสียงของจองกุกชะงัก ยุนกิช้อนตามองคนข้างๆที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว เอาจริงๆ ความรู้สึกของเขาในตอนนี้มันเริ่มแย่ลงทุกวินาที เขาไม่กลัวว่าตัวเองจะต้องเสียใจ เพราะมันก็ไม่ต่างอะไรกับที่เป็นอยู่เท่าไรนัก
((กับใครเหรอ))
“ผมมากับพี่ยุนกิครับ”
((แล้ว… อีกนานมั้ยอ่ะจองกุก ถ้าเสร็จแล้วมาหาเราหน่อยได้มั้ย เราไม่อยากอยู่คนเดียวเลย))
ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขายืนนิ่ง และปล่อยให้วินาทีบนหน้าจอโทรศัพท์มันเดินไปเรื่อยๆ
((จองกุก…))
ยุนกิถอนหายใจเมื่อได้ยืนเสียงของแทฮยองอีกครั้ง เขาเอื้อมมือไปบีบที่บ่าของน้องเบาๆ
“จองกุก ไปหาเขาเหอะ”
จองกุกหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง สายตาของน้องเรียบนิ่ง แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความวูบไหวที่ซ่อนอยู่ภายใน
“วี ขอโทษนะ ผมไปไม่ได้”
มือหนากดตัดสายอีกฝ่าย แสร้งทำราวกับไม่ใยดีต่อความรู้สึกของคนที่ตัวเองเคยเห็นว่าเป็นที่หนึ่ง ยุนกิได้แต่อ้าปากค้าง เขาไม่เข้าใจสิ่งที่จองกุกทำสักนิด ทั้งๆที่เขาเผื่อใจเอาไว้แล้วว่าตัวเองจะต้องโดนเทแน่ๆร้อยเปอร์เซ็นต์ น้องจะต้องหันมาขอโทษเขาแล้วรีบแจ้นไปหาคิมแทฮยองที่ป่านนี้ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดไปแล้ว แต่ทุกอย่างมันกลับพลิกผันไปหมด ด้วยความสัตย์จริง มินยุนกิไม่เคยเข้าใจจอนจองกุกเลย
“ผมจำได้ว่าผมเคยบอกพี่ไปแล้ว…”
ร่างสูงพูดขึ้นในขณะที่ดึงแขนเขาที่กำลังเดินตามหลังมาด้วยสับสนให้ขยับมาเดินข้างๆกัน
“…ว่าผมเป็นพวกพูดคำไหนคำนั้น”
ปาร์คจีมินหันมองตามเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งหน้าร้านที่ดังขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบสองชั่วโมง ร่างโปร่งของคนที่เขาเห็นจนชินตาในช่วงนี้เดินเข้ามาอย่างรีบๆ แล้วส่งยิ้มกว้างมาให้เขาที่กำลังนั่งเล่นเจ้าหมาพันธุ์ผสมตัวเล็กนี่อยู่ที่พื้น อีกฝ่ายย่อตัวนั่งชันเข่ารับแรงกระโดดของเจ้าลูกชายก่อนจะต้องหงายหลังลงไปเพราะทรงตัวไม่อยู่ เสียงหัวเราะของจองโฮซอกดังลั่นร้านทำให้เขาอดที่จะยิ้มตามไม่ได้
“ขอโทษนะที่มาช้า รถติดเฉยเลยอ่ะ อุตส่าห์เลี่ยงละนะ”
“ไม่เป็นไรครับ นี่ก็เพิ่งเสร็จได้สักพักเอง” จีมินยิ้มบางๆให้คนตรงหน้าที่เอื้อมมือมาขยี้ผมเขา ก่อนจะลุกไปจ่ายค่าบริการที่เคานต์เตอร์ เขาอุ้มลูกหมาของโฮซอกและเดินไปรอที่หน้าร้าน ไม่ถึงนาทีอีกฝ่ายก็ตามออกมา
“หิวยัง ไปหาอะไรกินกันนะ”
“แต่เดี๋ยวอีกสองชั่วโมงก็จะถึงรอบหนังที่เราจองไว้แล้วนะครับ แถมยังต้องพาเจ้านี่ไปส่งบ้านก่อนอีก” โฮซอกก้มดูนาฬิกาข้อมือเมื่อได้ยินดังนั้น แล้วพูดต่อด้วยใบหน้าสดใส
“ทันน่า เชื่อพี่”
บรรยากาศในรถกลับมาเงียบอีกครั้งเมื่อหมดเรื่องที่จะพูด เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนพวกเขาเอาแต่พูดเรื่องหนังที่เพิ่งดูมาเมื่อวันก่อนไม่หยุด เอาแต่เถียงกันว่าพระเอกหรือนางเอกผิดและใครทิ้งใครก่อนกันแน่ จีมินหันไปมองโทรศัพท์ของโฮซอกที่กำลังสั่นไม่หยุด ทว่าเจ้าของกลับไม่ได้มีท่าทีสนใจมันสักนิด แต่จะว่าไม่สนใจเลยก็ไม่ถูกนัก เพราะเขาก็เห็นว่าคนขับก็เหลือบมองมันอยู่บ่อยๆเหมือนกัน ชื่อบนหน้าจอที่โชว์หราพร้อมกับรูปคู่บนพื้นหลังมันทำให้เขารับรู้ได้ทันทีว่าใครกันที่เป็นคนโทรมาไม่หยุดหย่อน
“พี่… ไม่รับสายพี่เขาหน่อยเหรอครับ?”
“พี่ไม่รับเขาก็คงโทรหาจองกุกเองนั่นแหล่ะ”
“พี่โฮซอก” จีมินหันมามองคนข้างๆทันที เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีความคิดแบบนี้อยู่อีกหลังจากที่ได้เคลียร์กับเพื่อนเขาไปแล้ว “จองกุกมันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่ยุ่งคือไม่ยุ่งครับ ผมรู้จักเพื่อนผมดี”
“โอเคๆ พี่ขอโทษนะจีมิน พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรครับ แต่ผมอยากบอกให้พี่รู้ว่าเพื่อนผมมันแมนพอนะ แล้วตอนนี้มันก็ไปเดินเจเจกับพี่ยุนกิอยู่ด้วยแหล่ะ” ร่างเล็กว่าพลางลูบขนสีขาวที่ถูกตัดจนเรียบร้อยไปมา “นี่พี่โฮซอก ผมถามอะไรพี่หน่อยได้มั้ย?”
“อื้ม ได้สิ”
“เท่าที่ผมรู้จักพี่มา ผมว่าพี่เป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่หึงจนไร้เหตุผลนะ แต่ทำไมเรื่องจองกุก…”
“อืม จะว่าไงดีล่ะ” เจ้าตัวตอบพลางเปิดไฟเลี้ยวเมื่อถึงหน้าหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง “จีมินลองคิดดูนะ ถ้าเรามีเพื่อนที่เรารักมากอยู่คนนึง เราห่วงมันมากเลยนะ อยากให้มันเจอแต่เรื่องดีๆ แต่แล้ววันนึง แฟนจีมินดันไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่เพื่อนจีมินชอบ ถึงภายนอกมันจะบอกว่าโอเค ไม่เป็นไร แต่เราเป็นเพื่อนสนิทกัน เรารู้ดีใช่มั้ยว่าเพื่อนเราไม่ได้อาการดีเหมือนที่ปากพูด”
“แน่นอนอยู่แล้วสิครับ”
“อ่า นั่นแหล่ะ แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะในเมื่อเราเป็นคนกลางแบบนี้ เราก็รู้ว่าแฟนเราไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรอก แต่เราก็ต้องบอกแฟนเราใช่มั้ยว่าให้ถอยออกมาหน่อย เพื่อรักษาความรู้สึกของเพื่อนเรา แล้วก็รักษาความสัมพันธ์ของเราเองด้วย”
“…” มือของจีมินยังคงลูบขนของเจ้าตัวเล็กบนตักอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ พวกเขามาถึงบ้านของโฮซอกสักพักแล้วแต่ก็ยังคงนั่งอยู่บนรถ ไม่มีใครคิดจะเปิดประตูลงไปไหน
“พี่เป็นห่วงยุนกิมัน ไม่อยากให้มันต้องเสียใจโดยที่มีแฟนพี่ต้นเหตุ แต่พี่ก็ผิดด้วยที่เผลอใช้แต่อารมณ์”
“ผมเข้าใจพี่นะว่าพี่ห่วงพี่ยุนกิ แต่พี่ลืมนึกถึงจิตใจของพี่แทฮยองไปรึเปล่าครับ?”
“ใช่ พี่ลืมนึกถึงตรงนั้นไปเพราะมัวแต่จะแก้ปัญหา พี่รู้ว่าวิธีที่พี่ทำมันอาจจะไม่ดีหรือไม่ถูกต้องทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก แต่พี่ก็พยายามที่จะรักษาทั้งสองฝั่งเอาไว้แบบสุดๆแล้ว”
“ผมไม่ว่าพี่หรอก เพราะคนเราก็เก่งเสมอนั่นแหล่ะถ้าเป็นเรื่องของคนอื่น แต่พอถึงเวลาตัวเองก็คงจะคิดไม่ตกเหมือนกัน” คนเป็นพี่หัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินประโยคนั้น “นี่ถ้าให้เลือกระหว่างเพื่อนกับแฟน ผมเดาได้เลยว่าพี่โฮซอกต้องเลือกเพื่อนก่อนแน่ๆเพราะจากที่ผมฟังพี่เล่าเรื่องตัวเองมาพี่ดูเป็นคนที่รักเพื่อนมาก และการที่พี่จะแสดงออกมาแบบนั้นมันไม่แปลกหรอกครับ แต่ผมว่าพี่แทฮยองเขาก็เสียใจเหมือนกันนะ”
“อืม นั่นสินะ” ร่างโปร่งว่ายิ้มๆพลางเอื้อมมือไปลูบขนเจ้าลูกชายที่นั่งนิ่งอยู่บนตักของร่างเล็ก “เรารู้จักกันไม่นานเลย แต่ทำไมจีมินดูรู้จักพี่ดีจัง”
“คงเพราะเราคล้ายๆกันมั้งครับ พวกที่คิดถึงความรู้สึกของเพื่อนมากกว่าตัวเองน่ะ”
“อ่า คงงั้นล่ะนะ”
“พี่ไปหาพี่เขาเถอะครับ นัดเราวันนี้ยกเลิกไปก่อนก็ได้ ผมว่าพี่แทฮยองเขาคงต้องการพี่นะ แล้วในเวลาแบบนี้ ในฐานะแฟนพี่ก็ควรจะไปอยู่ข้างๆเขานะครับ”
มือเล็กเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของอีกฝ่ายที่ยังคงสั่นไม่หยุดขึ้นมาถือไว้
“ส่วนอะไรที่มันแค่ชั่ววูบ ก็ทิ้งมันไปเถอะครับ”
นิ้วเลื่อนกดรับสายก่อนจะยื่นมันให้อีกคนที่มองหน้าเขานิ่ง จองโฮซอกถอนหายใจเบาๆแต่ริมฝีปากยังคงมีรอยยิ้มบางๆติดอยู่ไม่หาย เขาเอื้อมมือมารับมันไปแล้วกรอกเสียงลงไปแบบเรียบๆ
“ว่าไง แท”
#สวนขวดกุกก้า
TALK.
ทีมวี ทีมจีม เลือกเลยค่ะ5555555555 อย่าเกลียดพิโฮปเลยยย เลาปวดใจมาก ;_____; พอๆกับนกุกโดนเกลียด แต่สงแทมาก แบบจะร้องตาม ตอนเขียนพาร์ทวีคือยากสุดแล้วเพราะเราไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลยไม่ค่อยอิน คือจะเป็นแทได้ยังไง ก่อนเขียนนี่แบบบิ๊วเป็นชั่วโมง ปิดไฟ เปิดเพลง มองรูปโฮปมินไป โอยตาย ดิ่งสุด รีบมาลงก่อน เดี๋ยวฟีลหมด ;w; นี่เพลย์ลิสต์แทแทที่เราฟังตอนเขียนนะคะ (http://goo.gl/okwVRv ) เผื่อจะไปฟังกัน ฟีลแบบนี้เราต้องฟังแต่เพลงไทยจริงๆค่ะถึงจะอินสุด5555555555 อีก 75% เดี๋ยวตามมานะค้า ตอนนี้ไปนอนแล้ววว เป็นเวรเป็นกรรมของคนมีคลาสเช้าแต่คิดงานได้ตั้งแต่ตีหนึ่งเป็นต้นไป555555 เลิ้บก้ะ <3
TALK. (2)
ฮือออออออ จองกุกหล่อมากกกกกก ชุดก็หล่อ ใจก็หล่อ หล่อมากกกกกกกกก นี่คิดภาพจองกุกใส่ชุดนี้ละแบบ ตายยพี่ตายแล้ว ;_______; เอาจริงวันเราเหนื่อยมาก ไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ แต่ก็อยากอัพเพราะเป็นวันเกิดนกุก เย้ อยากขอบคุณจริงๆที่น้องเกิดมาและสร้างแรงบันดาลใจให้เรามากมายขนาดนี้ พี่รักน้องกุกที่สุดเล้ยยยยยย ง่วงมาก เดี๋ยวว่างมาพรูฟนะคะ เอนจอยค่า555555555
TALK. (3)
ตอนนี้เข้าใจพี่โฮซอกรึยังคะ เราเห็นย้ายทีมย้ายฝั่งกันวุ่นวายมาก5555555555555 เอาจริงๆทุกคนมีเหตุผลในการกระทำของตัวเองนะคะ แต่เนื่องด้วยปัจจัยหลายๆอย่างบวกกับจังหวะเวลาทำให้เราไม่สามารถที่จะอธิบายทุกอย่างออกมาได้หมด มนุษย์เรามันไม่ใครแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบหรอกค่ะ แต่เราว่าเขาก็คงพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ที่น้องจีมบอกว่า คนเราเก่งเสมอเวลาเป็นเรื่องของคนอื่นนี่เราคิดว่าจริงมากๆ พอไม่ใช่เรื่องของเราทุกอย่างดูง่ายดายไปหมด เธอทำงั้นสิ ทำงี้สิ เราสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายๆด้วยการพูดเพราะเราไม่ต้องแบกรับความรู้สึกกับเขาไงคะ เรามีหน้าที่แค่แนะนำเท่านั้น
ถ้าเราเป็นพี่โฮซอกคงลำบากใจเหมือนกัน ทุกคนอาจจะเห็นว่าคนที่โอ๋พี่ก้าที่สุดคือพี่จินใช่มั้ย แต่เราว่าไม่ใช่นะ คนที่โอ๋พี่ก้าที่สุดเราว่าน่าจะเป็นพิโฮปเนี่ยแต่เขาแค่ไม่ได้แสดงออกชัด ละเขารักเพื่อนขนาดนี้ ผู้ชายนี่จะให้เขามาเลือกระหว่างเพื่อนกับแฟนมันยากนะคะ คนที่ทะเลาะกับแฟน เผลอใส่อารมณ์กับแฟนเพราะเพื่อนนี่มันเจอได้บ่อยมากจริงๆในชีวิตประจำวัน
มาพูดถึงวีนะคะ ด้วยความที่นิสัยแบบนี้ ขี้เหงาแบบนี้ ขาดคนคุยไม่ได้แบบนี้เราว่าพิโฮปเขาคงอยากดัดนิสัยวีเหมือนกันนะ ที่เขาอยู่กับจีมเพราะสบายใจ คุยกันรู้เรื่อง แล้วมีอะไรให้ทำตลอด พอเขามีอะไรทำก็ไม่ต้องไปสนใจวีมากแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นเขาใจอ่อนกลับไปโอ๋น้องอีกแน่ๆ ถ้าถามว่าทำไมไม่อยู่กับเพื่อนล่ะ ทำไมต้องจีมิน มันเป็นช่วงจังหวะเวลาของคนเรานะคะที่มีใครใหม่ๆผ่านเข้ามาในชีวิตบ้าง ส่วนเรื่องความรู้สึกนี่เราก็ยังอธิบายไม่ได้ เราว่าที่เขาต้องทำไปแบบไร้เหตุผลนี่คงอยากหักดิบไปเลยก่อนที่ทุกอย่างมันจะเลยเถิด ซึ่งอาจจะเป็นวิธีที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่พี่เขาก็คงกดดันเหมือนกันนะคะ5555555 ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าโฮปวีมินจะเอายังไงกันต่อ
ทอล์คยาวกว่าฟิคอีกแล้วอ่ะ5555555 ขอโทษด้วยนะที่มาทีละนิด ละช่วงนี้เราอีเวนท์เยอะมาก มันเป็นฤดูกาลแฟชั่นวีคพอดี ติ่งผู้โมอย่างเราไม่สามารถห้ามใจได้555555 แล้วเรียนก็เริ่มยากด้วย แต่ก็พยายามอยู่นะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามกันเนอะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อยากวิ่งเข้าไปกอดจีมินจริงๆเลย
แล้วก็ประโยคของจีมคืองืออออคนดีของพี่TT
สับสนมาก มะรุมมะตุ้มไปหมด ตอนแรกก็ว่าโฮปมินก็น่ารักดี แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้วอ่ะเอาโฮปวีเหมือนเดิมเถอะค่ะ อ่านพาทแทแทแล้วอินมาก หน่วงมาก ประโยคพี่ไม่รักผมแล้วหรอนี่แบบ กรีดร้อง เราเข้าใจความเหงาของแทแทนะ ขนาดเราที่ไม่ใช่คนขี้เหงา แทบจะรักสันโดษด้วยซ้ำแต่ตอนที่รู้สึกเหงาขึ้นมานี่ก็แย่ไม่น้อย แล้วแทแทที่เป็นคนขี้เหงานี่ ฮือออออ
เราเชื่อว่ามันจะเป็นโฮปวีค่ะเราเชื่อ ชิมชิมต้องมีใครโผล่มาแน่ ประโยคสุดท้ายของน้องเหมือนน้องรู้สึกเลย เพราะงั้นโฮปกลับไปหาวีนะคะ อย่าทำให้เรารู้สึกลบกับนายเลย แค่พี่ดูละเลยความรู้สึกแทแทนี่เราก็แทบอยากปาพี่แล้วค่ะ อินมากกก
ส่วนจกุกและยุนกินั้น เออ จกุกทำตัวดีขึ้นมานิดหน่อยนะ ชอบความแมนกับการรักษาคำพูดมากอ่ะ โคตรเท่