ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Favorite Emotional [MarkNior Got7] *END*

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 : ตัดสินใจ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.34K
      25
      10 มี.ค. 59

    ตอนที่ 9


    ตัดสินใจ








    ระหว่างทางเดินไปโรงเรียน หัวสมองของผมมึนเบลอไปหมด มันเหมือนดวงตาทั้งสองจะเเค่เหม่อมองไปข้างๆทาง เหมือนว่าสมองโล่งว่างไม่คิดอะไร






    เเต่ทำไม





    ทุกครั้งที่หลุดออกจากภวังค์ถึงได้พึ่งรู้สึกตัว





    ว่าจริงๆเเล้ว ผมกำลังคิดถึงเรื่องของมาร์คอยู่






    หลังจากที่เมื่อวานคุณเเม่ของมาร์คมาส่งผมที่หน้าประตูโรงเรียน ผมก็ตรงกลับบ้านทันทีไม่เเม้เเต่จะเข้าไปเรียนต่อในคาบบ่าย







    ผมหาข้ออ้างให้กับตัวเอง ว่าขี้เกียจไปทำเรื่องหรือหาเหตุผลมาโกหกใครๆ



    จริงๆเเล้วผมก็เเค่อยากอยู่คนเดียวซักพัก





    ผมลองนึกย้อนเเล้วก็ทบทวนเรื่องระหว่างเราทั้งสอง



    มันก็จริงนั่นเเหละ




    มันก็จริงที่ว่าเราทั้งสองนั้นไม่เหมาะสมกันมาเเต่ไหนเเต่ไรเเล้ว









    'วันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนมีการบ้านอะไรไหไม จินยอง' ผมมองข้อความจากคนที่คุ้นเคยคนเดิม



    ยังคงเป็นมาร์ค ที่มักไลน์มาหาผมเป็นเเบบนี้ประจำ




    ตั้งเเต่วันเเรกเเล้วที่เราได้เรียนห้องเดียวกัน



    ผมจำได้ว่าเขาเรียนอยู่ห้องเดียวกับผม เเต่เขาคนนั้นดูเป็นคนเก็บตัว เเถมไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปหาด้วย



    ผมมองข้อความเเรกที่เขาส่งมาหา ข้อความที่ถามว่าวันนี้มีการบ้านอะไรไหม เเละนั้นคือการคุยกันครั้งเเรกของผมกับ 'มาร์ค ต้วน'






    เเม้ในวันถัดๆมา เพื่อนของผมจะบอกว่ามาร์คน่ากลัวมากเเค่ไหน ไม่น่าเข้าใกล้มากเเค่ไหน เเต่ในสายตาผม เขาก็เป็นเเค่ผู้ชายนิ่งๆคนหนึ่ง





    ผมไม่รู้ว่าเราทั้งสองคนจะใช้คำว่า 'สนิท' ได้ไหม เพราะเอาตรงๆก็เเทบจะคุยกันทุกวัน





    'คอลหน่อย ขก.พิมพ์'



    นานวันเข้าจากพิมพ์คุยกันผ่านตัวอักษรก็เป็นคอลหากันในตอนกลางคืนหลังกลับมาจากโรงเรียน



    เราช่วยกันทำการบ้าน ต่างคนต่างอยู่เป็นเพื่อนกันเเม้จะมีหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆคั่นตรงกลางก็ตาม





    เเต่หน้าเเปลกที่เวลาอยู่โรงเรียนเราสองคนกลับไม่ค่อยได้คุยกัน





    ส่วนหนึ่งมาจากความมีเสน่ห์ อ่า... คงต้องพูดว่าความหล่อของมาร์คสินะถึงจะถูก





    ใครๆก็ชอบมาร์ค ไม่ว่าจะรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือว่ารุ่นเดียวกัน




    ใครๆก็อยากเข้าหามาร์ค ตลอดทางที่เจ้าตัวเดินไป ใครๆต่างก็จ้องมอง ถ้ากล้าหน่อยเดินเอาของมาให้




    ผมที่ในตอนนั้นกำลังจะยกยิ้มให้ เเต่พอหันไปเห็นสายตาเย็นชาของอีกฝ่าย



    จู่ๆในใจตอนนั้นก็คิดว่า ถ้าเราทักเเล้วมาร์คไม่ทักตอบก็คงจะเสียหน้าน่าดู




    ถึงเเม้ตอนนั้นมาร์คจะหันมาเเล้วก็ตาม เเต่สุดท้ายผมกลับหันหน้าหนีไม่ได้ยิ้มทักทายเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนเเรก




    ไม่รู้สิ ทั้งๆที่ก็คุยด้วยกันเเทบจะทุกคืนเเท้ๆ



    เเต่ทำไมพอมาเจอตัวจริงถึงได้ประหม่ามากขนาดนี้กันนะ








    เเต่เเล้ววันหนึ่ง เราก็ได้ร่วมกลุ่มทำงานด้วยกัน



    นั่นทำให้ผมกับอีกฝ่ายใกล้ชิดกันมากขึ้น




    มากจน...




    มากจนอีกคนบอกออกมาว่าชอบผม










    ระหว่างเรา ผมไม่รู้ว่ามาร์คคิดยังไง เเต่สำหรับผมมันเริ่มจากความหวั่นไหว





    เเล้วตอนนี้ความหวั่นไหวที่ว่า กำลังเดินทางมาถึงจุดที่เรียกว่า 'ชอบ' เเล้ว






    ผมปวดหนึบไปทั้งหัวใจ




    รู้หัวใจตัวเองเเล้วเเท้ๆว่ารัก เเต่สุดท้ายกลับรักไม่ได้







































    จีนยองงงงงงงงงงงงง" เเละในตอนนั้นเองที่ยองเเจวิ่งมากอดคอตรงหน้าประตูโรงเรียน ผมถึงพึ่งหลุดออกจากภวังค์ของตัวเอง




    สวัสดีตอนเช้ายองเเจ" ผมระบายยิ้มให้กับเพื่อนสนิทที่เเสนดีกับผมเสมอ เเม้จะเเปลกใจที่วันนี้ไม่เห็นเเจ็คสันก็ตาม






    'ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ'



    หึไอ้บ้าเเจ็คสัน ไม่ต้องโทรมาง้อเลยนะ ไม่หายหรอกเว่ย!!!.....”







    ผมมองยองเเจที่ในตอนเเรกควักโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมเอ่ยปากบ่นถึงบุคคลที่สาม ตั้งท่าจะไสล์ดรับสายอย่างดี เเต่จู่ๆมือข้างขวาก็ชะงักพร้อมก็กับดวงตาที่เบิกโตในตอนเเรกเเล้วก็หรี่ลงพร้อมทั้งใบหน้าที่ขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด






    อ่าว นาฬิกาปลุกเหรอวะ ตื่นเเล้ว!!! ไม่ตื่นจะมาโรงเรียนได้ไหว ฮ่วย!!!" จินยองมองเพื่อนตัวเองที่จู่ๆก็ทะเลาะกับโทรศัพท์ของตัวเองเสียเเบบนั้น



    เเต่ก็อดขำกับท่าทีของเพื่อนสนิทได้ไม่นาน เมื่อหัวไหล่ข้างขวาของตนถูกมือของใครบางคนโอบเอาไว้



    เมื่อคืนไม่ยอมตอบ หลับเหรอ" ไม่ต้องหันไปมองเลยเสียด้วยซ้ำ จินยองจำมันได้ดี น้ำเสียงกับกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวเเบบนี้ มีเพียงคนคนเดียว



    โว๊ยยยย โอบขนาดนี้เอาผ้าสามสีมาผูกเลยไหมหละเดี๋ยวจะติดต่อเเบมเเบมไว้ให้ อะไรนักหนา อีกหน่อยไม่ไหว้จินยองเช้าเย็นเลยหละ" ยองเเจยังคงหยอกล้อพวกเขาทั้งคู่เป็นเรื่องธรรมดา



    ใช่เเล้วทุกอย่างมันธรรมดา



    เเต่เเหวนที่นิ้วนางข้างวงนั้น...





    มันทำให้รอยยิ้มที่เเสนจะฝืนใจของจินยองค่อยๆหุบลง









    เราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" เขาเลือกที่จะหันหลังเดินหนีออกมาในจังหวะที่รู้สึกว่าขอบตาเริ่มร้อนผ่าว




    แม้เสียงเรียกด้านหลังจะดังมาเป็นระยะก็ตาม เเต่จินยองก็ไม่คิดจะหันกลับไป






















    #มนอีโมชั่น


    #ไรท์เตอร์อิสคัมเเบ็ค





















    เสียงสัญญานหมดเวลาเรียนดังขึ้น นักเรียนทุกคนเปิดกระเป๋าเเล้วยัดของทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในเป้ของตัวเอง




    จินยองเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาเดินจากห้องเรียนในทันที เเล้วก็นับว่าเป็นโชคดีที่วันนี้พี่เเจบอมมายืนรอรับเขาที่หน้าห้อง





    '!!'





    เเรงรั้งจากด้านหลังเเรงมากพอที่ตัวทั้งตัวของจินยองหันไปข้างหลัง




    มาร์คยอมรับว่าเขากระชากเเขนอีกฝ่ายเเรงเกินไป...




    เเต่การที่วันนี้ทั้งวันอีกฝ่ายหลบหน้าไม่สบตากับตน นั่นก็ทำให้ตัวเขาเองหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย




    เห้ยไอ้ฝรั่ง ปล่อยน้องฉันนะโว๊ย" เจบีกดเสียงต่ำ พยายามอย่างมากที่จะไม่เสียงดัง



    เพราจินยองไม่ชอบเสียงดัง เจบีรู้



    เเละที่สำคัญ จินยองเองก็ไม่อยากเป็นจุดเด่น





    ถึงจินยองจะไม่ได้พูดหรือเล่าอะไรให้ฟัง






    เเต่เจบีคิดว่า น้องของเขา คงมีเรื่องให้คิดอยู่ไม่น้อย เเล้วก็คงไม่สบายใจเอามากๆ เกี่ยวกับเรื่องบางเรื่อง





    เเล้วเรื่องที่ว่านั้น ก็คงเป็นเรื่องของมาร์ค ต้วน ไอ้หน้าฝรั่งที่จินยองรัก






    เขาหนะ น้องรักใครก็รักด้วย







    เเต่ทว่า ยังไงก็ไม่ชอบเเม่งหวะ ไอ้มาร์คเนี่ย!



    เป็นอะไร" ราวกับคำพูดของอิมเเจบอมเป็นเพียงอากาศธาตุ มาร์คไม่สนใจอะไรนอกเสียจากคนตรงหน้า จินยองไม่เเม้เเต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตา เอาเเต่กัดปากตัวเองราวกับฝืนใจนักหนาที่ต้องมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ






    ฉันถามว่าเป็นอะไร ตอบสิวะ!! จินยอง!!” เส้นความอดทนขาดผึง ไม่ใช่เพราะจินยองไม่ยอมพูดอะไร




    เเต่เพราะเเค่หน้าจินยองก็ไม่ยอมเงยขึ้นมามอง




    ทำไม รังเกียจอะไรเขานักหนา





    ใช่สิ ในเมื่อที่ผ่านมามันมีเเต่เขาเพียงฝ่ายเดียวที่พยายามมาตลอด






    มาร์ค อย่าเสียงดังสิ" ครั้งเเรกที่จินยองเงยหน้าขึ้นมา ดวงตากลมใสเเดงกร่ำ คลอไปด้วยน้ำสีใส



    มาร์คไม่รู้ว่าทำไม ใบหน้าจินยองถึงได้ดูเศร้ามากขนาดนั้น




    ก็เเล้วทำไมมีอะไรถึงไม่พูดไม่บอกกันออกมาตรงๆ



    จะเก็บไว้เเล้วมาทำหลบหน้าหลบตากันทำไม













    งั้นมีอะไรก็พูดสิ"




    จินยองอย่าเงียบ ถ้านายไม่พูด ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ"







    น้องฉันมันไม่อยากบอกตอนนี้ มึงก็ยังจะไปคาดคั้นมันอีกเน๊อะ ไปจินยองกลับบ้าน นายไม่จำเป็นต้องพูดกับคนที่ตัวเองไม่อยากพูดด้วย" เจบีกระชากเเขนของมาร์คต้วนออกจากเเขนของน้องตัวเองอย่างเเรง เเล้วมันก็เเรงมากพอที่จะทำให้หลุดออกภายในครั้งเดียว




    เจบีกุมมือของน้องพร้อมทั้งพาเดินออกไปจากตรงนั้น




    ทันทีที่ถึงลานจอดรถ เพียงเเค่จินยองขึ้นซ้อนท้ายมอไซต์คันงามของพี่ชาย




    เเรงสะอื้นเบาๆนั่นยิ่งทำให้เจบีรู้









    กับหมอนั่น คงมีเรื่องกันสินะ"



    อะ ใส่ไว้" เจบียื่นหมวกกันน็อคไปด้านหลัง จินยองรับมันไว้ก่อนจะสวมมันเข้าไป หลบซ่อนใบหน้าภายใต้ม่านน้ำตาเอาไว้ เเขนเล็กๆกอดเอวพี่ชายเอาไว้เเน่น เจบีอมยิ้มเล็กๆให้กับความน่าเอ็นดูของน้องชายฝ่าเเฝดของตัวเอง




    ยังไงเสีย ใจสายตาของเขา



    จินยอง...ยังเป็นเด็กอยู่เสมอ
























    อะ" เจบีโยนกระป๋องน้ำผลไม้ให้จินยองที่กำลังนั่งมองสายน้ำไหลๆไปเรื่อยๆตามทิศทางของมัน





    เเม้ว่ามันจะเย็นมากเเล้วก็ตาม เเต่สถานที่ที่เจบีพาจินยองไปกลับเป็นสวนสาธาณะบรรยกาศดีๆ เเทนที่จะเป็นที่บ้าน




    ขอบคุณครับ" จินยองรับมันไว้ก่อนจะเเกะกินเงียบๆ




    มีอะไร อยากเล่าให้พี่ฟังไหม" เจบีเอ่ยออกมาในขณะที่กำลังเเกะไส้กรอกจากร้านสะดวกซื้อกิน เขานั่นด้วยท่าทีสบายๆเพื่อไม่ทำให้บรรยากาศมันตึงเคลียดไปมากกว่านี้




    เงียบ...





    จินยองเลือกที่จะนั่งนิ่งๆมองลงไปที่เเม่น้ำดังเดิม




    จินยองนิ่งเสียยิ่งกว่าภาพJPG. บางทีเรื่องๆนี้มันคงมีผลต่อจิตใจของน้องมันจริงๆ





    ใครๆก็ต้องมีเรื่องที่อยากเก็บไว้ในใจคนเดียวทั้งนั้น






    โอเค ถ้าน้องจีนไม่อยากบอกพี่บี พี่บีก็จะไม่ถาม"




    ปะ เรากลับ...” ยังไม่ทันที่เจบีจะพูด จินยองก็โผเข้ากอดตนอย่างเเรงจนเเทบเซลงไปนอนราบกับพื้น




    ผมขออยู่เเบบนี้ซักพักนะฮะ"



    ผมคิดว่า ผมตัดสินใจได้เเล้ว"







    น้ำเสียงที่ดังขึ้นเหนือเสียงอื่นใดในความเงียบงันรอบๆบริเวณ สายน้ำตาอุ่นๆ หยดเเล้วหยดเล่าไหร่รวงลงมาตามเเรงโน้มถ่วงของโลกไม่หยุดหย่อน หากทว่ากายบางไม่สอื้นรุนเเรงเหมือนในตอนเเรกแล้ว






    เจบีได้เเต่คิดในใจว่า เมื่อไหร่กันจินยองถึงจะยอมเอ่ยเล่าความรู้สึกของตัวเองให้เขาฟังบ้าง เขาเองก็เป็นพี่ เป็นพี่ชายเพียงคนเดียว



    เป็นครอบครัว...







    หรืออันที่จริง จินยองจะมองว่าเขาเป็นคนอื่นกันนะ

































    #มนอีโมชั่น








































    มาร์ค...”




    เย็นนี้ว่างไหม"










    สองประโยคจากริมฝีปากบางทำเอามาร์คต้วนถึงกับชะงักค้างเเล้วหันไปมองทางต้นเสียง





    ร่างบอบบางของคนที่เมื่อวานเอาเเต่หลบหน้าหนีหาย เเต่ทว่าในตอนนี้เจ้าตัวกลับมายืนอยู่ตรงหน้า






    อยากคุยกันเเล้วเหรอ" อดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำพูดเเสดงถึงความน้อยใจออกไป






    เราไม่เคยไม่อยากคุยกับมาร์ค"




    จริงๆนะ...” เมื่อเห็นอีกคนทำท่าไม่เชื่อ จินยองก็รีบเอ่ยย้ำออกไปเพื่อต้องการจะยืนยัน









    ไม่มีใครรู้หรอก




    เเม้เเต่ตัวเขาเองก็ยังหลอกตัวเอง








    รอยยิ้มที่กำลังฝืนอยู่ในตอนนี้




    เขากำลังหลอกตัวเองอยู่ว่า ไม่เป็นไร





















    เมื่อวานเป็นอะไรทำไมไม่ยอมคุยกับเรา" มาร์คเอ่ยขึ้นขณะเเกะไส้กรอกจากถุงเเล้วยื่นให้คนตรงหน้า จินยองของเขายังคงนั่งทำหน้าน่ารักอยู่ตลอดเวลา หรือว่าจริงๆ จินยองของเขาน่ารักอยู่เเล้วกันเเน่







    เอาเถอะมาร์คไม่อยากจะเถียงกับตัวเองในประเด็นที่ตัวเองก็รู้อยู่เเล้ว





    เรา...มีเรื่องให้คิดหนะ"





    เหรอเรื่องอะไรหละ บอกเราได้นะ เผื่อเราจะช่วยคิด"




    จินยองมองหน้ามาร์คก่อนจะยิ้มบางๆ




    ไม่เป็นไรหรอกมมาร์ค...”





    พอดีเรา...”





    ตัดสินใจได้เเล้วหละ"





    จินยองกัดไส้กรอกในปากอีกคำหากทว่ารสชาติของมันกลับไม่ถูกปากเอาเสียเลย




    เขารู้สึกขมจนจุกที่คอไปหมด









    เมื่อวันก่อนเเม่นายมาหาเราเเหละ" ฝ่ามือบางฉวยจับฝ่ามือหนาขึ้นมา ปลายนิ้วค่อยๆลูปไล้ไปตรงบริเวณนิ้วนางข้างซ้าย




    นิ้วนาง...ข้างที่มีเเหวนหนึ่งวงตีตราจองเอาไว้อยู่เเล้ว





    เขาหลับตาลงหากทว่าน้ำตาคงไหลซึมทะลุจนล่วงลงมาโดนฝ่ามือหนาของมาร์คที่กำลังปะติดปะต่อเรื่องราวต่างในหัว





    จินยองฉัน-”




    ไม่ทันที่เขาจะได้อธิบายใดๆ จินยองโน้มคอของเขาลงมา ก่อนจะประทับจูบอุ่นร้อนเเต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดลงบนกลีบปากสีเเดง





    เมื่อก่อนตอนที่เราจูบกันเคยมีความสุขกันไว้เท่าไหน




    ตอนนี้มันกลับเจ็บปวดมาก...




    มากกว่าตอนที่เรามีความสุขด้วยกันเสียอีก












    เราก็รักมาร์คนะ" จินยองระบายยิ้มเเสนเศร้า เศร้าจับใจเสียจนมาร์คหัวใจกระตุก




    เเต่มาร์คคงไม่รักเราเเล้ว...”





    มาร์คไปหาคนที่มาร์ครักเขา เเล้วเขาก็เหมาะสมกับมาร์คเถอะ"





    เเค่เราได้เป็นเพื่อนกัน"





    มันก็มากพอเเล้ว กับคนเเบบเรา" จินยองลุกเดินออกไป แม้เเต่เเรงจะก้าวตามมาร์คยังไม่มี




    จินยองเดินออกไปเเล้ว เเม้เเต่ตอนนี้เขาก็ยังก้าวเท้าไม่ออก







    มันเกิดอะไรขึ้น













    บอกนายหญิง วันนี้ฉันจะเข้าไปคุยด้วย" มาร์คตัดสายโทรศัพท์ทิ้งก่อนจะถอดเเหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายออกแล้วปามันออกไปไกลๆ







    ถ้าในเมื่อเเม่ของเขาไม่ทำตามสัญญาที่เราตกลงกันไว้






    ก็อย่าหวังว่าเขา จะยอมทำตามในสิ่งที่คุณเเม่ต้องการเลย























    ----- 100% ----













    ไม่มีสิ่งใดจะเเก้ตัวหรือเอ่ยคำขอโทษ T^T


    เราก็ได้เเต่พูดว่า




    เรารักรีด



    เเละนี่เป็นเพียงเเรงผลักดันเดียวในการเเต่งฟิคเรื่องนี้



    เม้นต์ให้เราด้วยน๊าาา



























    ตอนที่ 10


    The endind of emotion story





    บางทีมันอาจจะมาเร็วมากกว่าที่คุณคิด








    อิอิ

























































    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×