คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่2 : เพื่อนกัน...ก็ต้องช่วยเหลือกัน
ตอนที่2
เพื่อนกัน...ก็ต้องช่วยเหลือกัน
ฟอด~
สัมผัสนุ่มหยุ่นของริมฝีปากสัมผัสโดนพวงแก้มนิ่มสีชมพูฝาดของแมวน้อยที่ตอนนี้ยังคงนอนหลับอุตุฝังตัวเองอยู่นิทราแสนหวาน
มาร์คผละริมฝีปากของตัวเองออกจากใบหน้าของเพื่อนสนิท นึกขำในการกระทำของตัวเองที่จู่ๆก็ก้มลงไปฉวยโอกาสกับคนที่กำลังนอนหลับไม่รับรู้สิ่งใดในโลกตอนนี้
เขาหอมแก้มจินยองทำไมนะ
Morning kissไง
ทำไม เพื่อนกัน หอมแก้มกันไม่ได้เหรอ?
----- #มนเพื่อนกัน -----
ผมมองแผ่นหลังของเพื่อนสนิทผมแดงที่ตอนนี้กำลังเข็นรถเข็นสำหรับซื้อของในห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ตรงหน้า
มาร์คเดินไปพร้อมกับฮัมเพลงอย่างคนอารมณ์ดี เหมือนชีวิตนี้หลั่นล้าเสียเหลือเกินจะทน
หึ
กูนี่แหละที่จะไม่ทน!!!
นึกถึงแล้วยังเคืองไม่หาย กว่าเมื่อคืนจะได้นอนก็เกือบตี1 รู้ไหมว่ากว่าไอ้พี่บีจะยอมวางสายโทรศัพท์ไปได้ ก็ล่อเสียจนเขาแทบหูไหม้เพราะชาร์ตไปคุยไปจนเครื่องร้อนไปหมด แล้วอะไรคือการที่ไอ้บ้ามาร์คมาปลุกเขาตั้งแต่เช้าวะ!
วันนี้วันเสาร์ครับ วันเสาร์ วันเสาร์ร์ร์ร์ร์ร์ร์ร์ร์ร์ร์ร์ บอกผมทีว่าวันนี้มันคือวันหยุด!
วันหยุดก็ขอกูพักผ่อนบ้างเถอะเพื่อน แค่นี้นี่ก็แยกไม่ออกแล้ว ว่าขอบตาคนหรือหลุมอุกาบาต
แล้วเหตุผลที่คุณเพื่อนมึงใช้คืออะไรรู้ไหม...
‘จินยอง มึงออกมาซื้อของเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ’
พอผมปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยง เเม่งก็พูดว่า
‘เออ ก็คำว่าเพื่อนอะ กูให้มึงเต็มร้อย แล้วมึงอะ ดูมึงดิ’
เอาอีเหี้ย นี่มีการมาตัดพ้อต่อว่า เดี๋ยวมึงเจอกูแร็ปด่าไอ้หอกหน้าปลาช่อน
พอบอกว่าไว้ไปบ่ายๆ เช้าๆขอนอนก่อน
‘อืม ก็กูมันไม่สำคัญนิ มึงถึงไม่รักกูแล้ว’
โห้ มีแอคชั่นเบ้ปากเป็นรูปตีน ทำตาละห้อยสร้อยเศร้าน้ำตาคลอเบ้า เพิ่มระดับความน่าสงสารขึ้นมาถึง 90%
มาถึงตรงนี้ ไม่ได้สงสารหรืออะไรมันหรอกนะ แต่ว่าเพราะรำคานล้วนๆ เลยยอมแซะตัวเองออกมาจากที่นอน ไปอาบน้ำแต่งตัวออกมากับมัน
มึงจะรีบมาทำไมวะไอ้ห้างเหี้ยห้างห่าอะไรเนี่ย
ทำไม! เขากำลังจะทุบตึกทิ้งหรือไง ถึงต้องมาให้ได้ขนาดนี้ห๊ะ!
แล้วมีการบังคับให้กูใส่เสื้อคู่กับมึงด้วยนะ
“จินยองใส่ตัวนี้ดิ นะ นานๆที”
หลังจากที่ผมออกมาจากห้องน้ำ มันก็ชูเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมาให้ผมดู เป็นเชิงบอกให้ผมเอามันไปใส่
ผมมองเสื้อตัวนั้นอย่างพิจารณา แล้วก็ต้องพบว่ามันก็ใส่เสื้อที่มีลายคล้ายกันกับตัวนั้นอยู่แต่หากว่ามันเป็นคนละสี
อืม มาร์คมันซื้อให้ในวันครบรอบที่เป็นเพื่อนกันระหว่างผมกับมันเมื่อปีที่แล้ว
ถึงกับงงเลยอะดิ เป็นเพื่อนกัน มีวันครบรอบกันด้วย?
เออ ผมก็งงกั๊น (เหมือน+กันแล้วทำเสียงสูง)
แต่พอเห็นว่ามันทำแบบนี้มาเรื่อยๆ ให้ความสำคัญกับวันครบรอบของเรามาตลอด ผมเองก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบใจมากแค่ไหนในการกระทำของมัน
ผมไม่เคยห้ามถ้ามาร์คจะมีแฟน จะคบกับใครหรือว่ากำลังคุยอยู่กับใคร
เพราะมันไม่เคยทำให้ผมรู้สึกเดียวดายเลย
ผมไม่เคยเหงา เพราะไม่เคยมีอะไรมาทำให้เราทั้งสองคนห่างกันได้
มาร์คบอก สำหรับมัน ผมคืออันดับหนึ่งเสมอ
แล้วสำหรับตัวผม มันเองก็เป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน
ก็พวกเรา เป็นเพื่อนรักกันหนิ
เพื่อนแท้ เขาก็รักกันแบบนี้แหละครับ หรือคุณว่ามันไม่จริง
“จินยอง นายว่าฉันใช้กลิ่นไหนดี” ผมหันไปตามแรงสะกิดทันที มาร์คยื่นแป้งสำหรับผู้ชายออกมาสองกระป๋อง
ผมมองมันอย่างพิจารณาก่อนจะรับมันมาแล้วเปิดดมทีละกระป๋อง
“มา” มาร์คฉกกระป๋องแป้งในมือของผมไปถือไว้อันนึง ก่อนจะค่อยๆเทมันลงมาที่ฝ่ามือข้างขวาของผม
ปลายนิ้วแกร่งไล่วนไปตามหลังฝ่ามือบาง เกลี่ยเนื้อแป้งจนปาดทับไปกับผิวหนังนุ่มมือของเพื่อนสนิทจนดูกลมกลืนไปกับสีผิว ก่อนจะค่อยๆยกฝ่ามือของจินยองขึ้นมา จรดปลายจมูกลงไปจนชิดหลังฝ่ามือ ดอมดมกลิ่นหอมเพื่อทดสอบแป้งเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ในทีแรก
แต่แล้วก็เหมือนตกหลุมพรางของตัวเอง เมื่อตัวของจินยองนั้น ช่างหอมหวานมากกว่ากลิ่นแป้งที่ตนทาให้เป็นไหนไหน
เขาไม่รู้ตัวเลยจริงๆ ว่าปลายจมูกโด่งเป็นสันของตัวเอง ค่อยๆถูไล้ขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ฝ่ามือ ลำแขน จนตอนนี้กำลังหยุดอยู่ที่พวกแก้มนิ่มของร่างบอบบางที่ตนพึ่งฉกฉวยโอกาสไปเมื่อเช้า
แทบไม่รอช้า มาร์คตัดสินใจกดปลายจมูกของตัวเองลงไปที่แก้มนุ่มนิ่มของเพื่อนสนิทอีกครั้ง ก่อนจะรีบผละออกอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา
จินยองมีสีหน้าตระหนกตกใจ ยกมือขึ้นกุมแก้มที่พึ่งถูกเขาฉวยโอกาสไป
คงไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าไอ้ท่าถลึงตาเมื่อกี้นะ มันน่ารักมากจนแทบอยากจับฟัดซะที่นี่เลยจริงๆ
“มึงใช้แป้งไรวะ หอมดี” สติที่หลุดลอยกลับเข้ามา ผมส่ายหน้าน้อยๆตั้งสติให้กับตัวเอง ก่อนจะเดินไปหยิบแป้งที่ตัวเองใช้เป็นประจำมายื่นให้มัน
“เป็นไร” มาร์คยื่นมือมาผลักไหล่ผมเบาๆ แต่ทว่าก็แรงพอที่จะทำให้เซ
“เขินกูอะดิ อิอิ” ผมตวัดสายตาไปหามาร์คก่อนจะกำมือเป็นกำปั้นออกแรงชกไปที่หัวไหล่ของมันแรงๆ
“อิอิพ่อง!” เขินมึงก็ท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนละห่า กูแค่งง เออใช่ ที่ผมเป็นเมื่อกี้นะแค่งง จะมาขงเขินอะไร ที่ใจเต้นแรงแบบนี้ก็แค่ตกใจเฉยๆ ใช่ผมแค่ตกใจ
อืม ที่หน้าแดงใจเต้นแรงอยู่ตอนนี้ ก็คงเพราะตกใจผสมงงหละมั้ง
หลังจากที่ช่วยไอ้มาร์คซื้อของเข้าคอนโดเสร็จ มันก็ลากผมขึ้นมาทานอาหารในส่วนของเรสเตอร์รองชั้นบนของห้าง
“อยากแดกไรบอก เดี๋ยวป๋าเลี้ยง” มาร์คยกมือขึ้นมาคล้องรอบคอของผมไว้ ในขณะที่ผมเองก็เดินมองร้านอาหารไปเรื่อยๆ
“งั้นกูอยากแดกดาวอังคารชุบแป้งทอด มึงหาให้กูได้มะ” ผมแกล้งส่งมุกกลับไปแต่ตาก็ยังไม่หยุดสอดส่ายหาร้านอาหาร
เพราะตอนเช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยซักนิด มันจึงทำให้เราทั้งสองคนหิวเป็นพิเศษ
“มึงเลือกได้ยังจะแดกอะไร นานแล้วนะสัสจู” มาร์คยกมือขึ้นมาโบกหัวของผมเบาๆ ผมทำเพียงหันไปมองค้อนอีกฝ่าย ตัดสินใจลากมาร์คมายังบันไดเลื่อนแล้วลงไปที่ชั้นล่าง เดินออกจากห้างไปยังรถสปอร์ตคันหรูของมัน
“มึง จะไปไหน ไม่แดกเหรอ” มาร์คขืนแขนของตัวเองไว้ ผมหันไปมองหน้ามันที่ตอนนี้กำลังงอย่างสุดขีดแต่ยังไม่ปล่อยมือของตัวเองออกจากมือของผม
“กินที่นี่มันแพง แถมยังได้น้อยด้วย ไหนๆวันนี้เราก็ซื้อของสดมาแล้ว เดี๋ยวฉันทำให้กินดีกว่า” ผมส่งยิ้มน้อยๆไปให้ ก่อนที่มาร์คจะเป็นคนกระชับมือเข้ามาแล้วเดินนำผมไปที่รถ
“ยิ้มไรมึงวะมาร์ค” ผมถามอีกฝ่ายที่ตอนนี้แลอารมณ์ดีแบบแปลกๆ มาร์คเอื้อมมือมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ผม เราสบตากันในจังหวะนั้น
ทันทีที่ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ คราวนี้ ผมยกมือขึ้นดันหน้าของมาร์คก่อนที่มันจะใกล้กันไปมากกว่านี้
“ขอหอมหน่อยสิ อยากได้กำลังใจตอนขับรถ” ผมมองมันที่ใบหน้าบู้บี้ด้วยฝ่ามือของผม
สายตาอ้อนวอนถูกส่งมา
แล้วเมื่อไหร่กัน ที่ผมจะเลิกแพ้ให้กับความเป็นมันซักที
-------- #มนเพื่อนกัน --------
“เสร็จแล้ว แดกซะ” ผมวางซุปกิมจิที่พึ่งทำเสร็จร้อนๆลงบนโต๊ะที่มีไอ้คุณชายนั่งรออยู่
“โหวววว มึงทำของโปรดกูอีกละ รู้ใจกูดีจริงๆ ไม่ต้องเป็นละเพื่อน เป็นเมียกูดีกว่า” สิ้นประโยค ไอ้มาร์คทำท่าปากจู๋พยายามโน้มตัวข้ามโต๊ะเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆผม
“พอครัชพอ กูไม่เอามึงทำผัวหรอกห่า จะมีทั้งที กูขอแบบชิคๆ ไม่เอาไอ้บ้าสติหลุดแบบมึง” ว่าพร้อมเอาตะเกียบฟาดหัวมันไปทีหนึ่ง
หลังจากนั้นเราก็ต่างคนต่างกินกันไปเรื่อยๆ ผมทำซุปกิมจิให้ตัวเองกับมันคนละหนึ่งถ้วยใหญ่ๆ
“ป้อนเค้าโหน่ยยยย~” ผมเงยหน้าจากจานข้าวของตัวเอง แล้วก็ต้องขำจนข้าวในปากแทบพุ่งเมื่อเห็นไอ้มาร์คกำลังทำหน้าออดอ้อนให้ผมป้อนซุปให้มัน
มาคงมาเค้าอะไร คิดว่ามุ้งมิ้งน่ารักมากมั้งนะ
“ทำหน้าเหี้ยอะไรของมึง อัปรีห์วะ” พูดไปอย่างนั้นแต่ก็ยอมตักซุปในถ้วย ค่อยๆเป่าไล่ความร้อนออกจนมั่นใจว่าอุ่นกำลังดีแล้วจึงยื่นไปจ่อปากอีกคน
ครับ นี่กูมีเพื่อนหรือมีลูกวะ -_-
หลังจากทานข้าวกันจนเสร็จ มันก็เป็นคนอาสาล้างจานทั้งหมดแล้วบอกให้ผมไปนั่นรอที่ห้องนั่งเล่นแทน
ผมเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบไอติมรสชาเขียวออกมาหนึ่งถัง นี่แหละครับของโปรดผม ไอ้มาร์คมักจะซื้อติดตู้เย็นไว้ประจำ เผื่อวันไหนที่ผมแวะมาที่คอนโดมันจะได้มีอะไรหวานๆกิน
ผมนั่งลงตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น เปิดทีวีไปเรื่อยๆก่อนจะเจอซีรี่ห์เรื่องฮิตที่กำลังฉายรีรันในตอนของเมื่อวาน
จริงๆแล้วผมก็ไม่ใช่คอซีรี่ห์อะไรขนาดไอ้ยองแจมันหรอกนะ แต่เพราะได้ยินมันพร่ำเพ้อทุกวันว่าสนุกอย่างนั้นอย่างนี้ก็เลยลองดูเสียหน่อย ดูแค่ตอนเดียวไม่ติดหรอกน่า...
เพราะซีรี่ห์เรื่องนี้เล่นมาได้ซักพักแล้ว ตอนที่ผมกำลังดูอยู่จึงเป็นตอนท้ายๆของเรื่อง แม้จะไม่ได้ดูมาตั้งแต่ต้น แต่ก็เดาออกได้ไม่ยากว่ามันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรบวกกับได้ฟังไอ้ยองเเจพูดถึงอยู่บ่อยๆ
“ดูไรอยู่” มาร์คที่พึ่งล้างจานเสร็จล้มตัวลงนั่งข้างๆผมบนโซฟา ผมไม่ได้ตอบอะไรไปแต่เลือกที่จะสนใจจดจ่ออยู่กับเนื้อเรื่องตรงหน้าที่กำลังเข้มข้น
มือที่ตักไอติมเข้าปากไปเรื่อยๆอย่างไม่ใส่ใจจนมีคราบครีมสีเขียวติดอยู่ตามขอบปาก มาร์คมองภาพเพื่อนสนิทตัวน้อยที่กำลังกินเลอะเทะเป็นเด็กๆแถมยังกำลังจดจ่อสมาธิอยู่กับซีรี่ห์ที่เขาเองก็ไม่ได้สนใจว่ามันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
จินยองนี่กินได้ไหม ทำไมน่ารักแบบนี้
‘เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีกแล้วหละ’
‘เพราะหัวใจของฉัน มันรู้สึกกับนายมากกว่าคำๆนั้นไปแล้ว’
จบประโยคนั้นของนางเอก พระเอกก็ดึงตัวของเธอเข้ามาประกบจูบอย่างดูดดื่มท่ามกลางแสงสีในยามคำคืนของวันคริสมาส ทันทีที่ทั้งคู่ผละริมฝีปากออก พระเอกพูดตอบนางเอกกลับไปว่า
‘ดีใจจัง’
‘ฉันก็คิดว่า มีแค่ฉันคนเดียวเสียอีก ที่อยากเลิกเป็นเพื่อนกับเธอ’
‘เพราะฉันนะ ก็ชอบเธอ มากกว่าคำว่าเพื่อนเหมือนกัน’
สิ้นประโยคสารภาพความในใจของอีกฝ่าย ทั้งสองโผเข้ากอดกันท่ามกลางหิมะแรกของฤดูที่กำลังตกลงมาคล้ายเป็นสักขีพยานให้กับความรักอันยาวนานของคนทั้งสอง
“โถ่วโว๊ยยยยย!!!!” ผมถึงกับร้องออกมาด้วยความเสียดายที่เพลงจบของซีรี่ห์ขึ้นพร้อมกับตัวอย่างตอนถัดไปของเรื่อง
กำลังสนุกเลยโว๊ยย ใครใช้ให้จบเนี่ย สงสัยคงต้องเข้าไปหาตามเว็บดูแล้ว โถ่ว ถ้ารู้ว่าจะสนุกขนาดนี้ ผมจะไม่พลาดตั้งแต่ Ep.1 อะพูดเลย
“จินยอง” ผมหันไปตามเสียงเรียกของใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆผม
“เห้ยยยยย---” น้ำเสียงของผมถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอทันทีเมื่อมาร์คผลักผมลงนอนราบกับโซฟาเอนตัวเองลงมาคล่อมทับร่างของผมจนแนบสนิทเกือบจะรวมเป็นคนคนเดียวกันก่อนจะประกบริมฝีปากของตัวเองลงมาทาบทับกับริมฝีปากของผม
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จนผมไม่ทันได้ระวังตัวเอง
“อากกกก” (มาร์ค) ผมสบตากับคนที่อยู่เหนื่อยร่างของตัวเองด้วยความงุนงง มาร์คจ้องตากลับมาในขณะที่ริมฝีปากของเราทั้งสองยังไม่ละออกจากกัน
เพราะสายตาของอีกฝ่ายมันร้อนแรงเกินไป ผมจึงตัดสินใจหลับตาของตัวเองลงแล้วปล่อยให่มันทำอะไรตามอย่างที่ใจมันอยากทำ
ริมฝีปากหนาเริ่มจากกดจูบเบาๆที่ริมฝีปากอิ่มสวยของเพื่อนสนิท ค่อยๆไล้ปลายลิ้นไปตามขอบปากที่เลอะคราบไอศกรีมรสโปรดอย่างค่อยเป็นค่อยไปสร้างความรู้สึกวาบหวามให้กับคนใต้ร่างได้เป็นอย่างดี ปลายคิ้วสวยขมวดเข้าหากันแทบเป็นปมเมื่อลิ้นหน้าของอีกคนค่อยๆสอดเข้ามาภายในโพล่งปาก ไล่กวาดต้อนลิ้นเล็กของเขาจนหมดหนทางหนีต้องโอนอ่อนยอมส่งออกไปพัวพันดูดดึงหยอกล้อกับใครอีกคนอย่างช่วยไม่ได้ เสียงจ๋วบจ๊าบดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายนาทีที่ริมฝีปากทั้งสองดูดเม้นขบกัด เราทั้งสองต่างรู้จังหวะของกันและกัน เพราะทำเรื่องแบบนี้ค่อนข้างบ่อย มาร์คไม่ปล่อยให้มือของตัวเองต้องอยู่เฉย ส่งมันเข้าไปลูบไล้สะโพกกับบั้นท้ายกลมกลึงของจินยองที่ตอนนี้กำลังหน้าแดงไปทั้งหน้าด้วยแรงอารมณ์
อย่าทำหน้าแบบนี้สิเพื่อน ยังไงผมก็เป็นผู้ชายคนหนี่งนะ
มือบางทั้งสองพยายามผลักไหล่กว้างของเพื่อนสนิทออกเมื่อรู้สึกว่ามันชักจะมากไป
มาร์คถอนจุมพิตอันแสนยาวนานออกจากริมฝีปากอิ่มของจินยองอย่างนึกเสียดาย ก้มมองผลงานว่าตนเร่าร้อนกับคนตรงหน้าไปมากขนาดไหน ริมฝีปากสีสดนั่นถึงได้แดงบวมเจ่อขนาดนี้
เขาแทบละสายตาออกไปจากใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้เลยตอนนี้ ใบหน้าขาวใสขึ้นสีแดงจัดกับดวงตาฉ่ำน้ำปรือปรอย อกน้อยกระเพื่อมขึ้นลงอย่างหนักเพื่อกอบโกยอากาศเช้าปอดหลังจากที่ขาดอ็อกซิเจนไปนาน
จินยองสัมผัสได้ถึงสายตาโลมเลียที่อีกฝ่ายส่งมา เขาเขินเสียจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทำได้เพียงยกมือขึ้นปิดหน้าเอาไว้ พลิกตัวหันหลังฝังตัวลงกับโซฟาหวังเพียงหลบหน้ามาร์คให้ได้เท่านั้น
กับมาร์คนะ ต่อให้จูบกันบ่อยแค่ไหน แต่ทำไมถึงไม่ชินเสียที
มาร์คมองแมวน้อยในอ้อมกอดของตนที่ตอนนี้นอนหันหลังให้เขาพร้อมกับฝังใบหน้าลงกับโซฟาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วอย่างนึกเอ็นดู
เขาทิ้งตัวลงนอนทับอีกฝ่าย วาดแขนรอบเอวของจินยองไว้ซุกหน้าของตัวเองลงกับซอกคอหอมๆของเพื่อนสนิท
“ขออยู่อย่างนี้ซักพักนะจินยอง”
ผมไม่ได้ตอบมันไป แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวหนีแต่อย่างใด
บางทีผมก็สงสัยนะ ว่ามีเพื่อนซี้คู่ไหนเป็นเหมือนผมกับมันไหม
แต่ก็อย่างว่าหละ ถ้าเราทั้งสองคนชอบในการกระทำหรือความสัมพันธ์ที่กำลังดำเนินไปในตอนนี้
แค่มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน อย่างอื่นก็ช่างมันเถอะ
100%
------- #มนเพื่อนกัน -------
TBC.
11/5/2558
'เพื่อนแท้ เขาก็รักกันแบบนี้แหละครับ หรือคุณว่ามันไม่จริง'
บอกนางทีว่าที่นางกับพี่มาร์คทำอยู่มันเเค่เพื่อนหรือมากกว่านั้น ถถถถถ
ขอบคุณสำหรับทุกเม้นต์เลยจริงๆนะ ไรต์ซึ้งจัง ขอโทษนะคะที่อาจจะมาอัพช้าไปหน่อย เป็นคนเเบบถ้าไม่มีโมเม้นต์มาร์คเนียร์มาให้เห็นในทวิตเเล้วจะเเต่งไปต่อไม่ออก555 ใครมีโมเมนต์เด็ดๆส่งมาให้ได้ที่ทวิตเตอร์เเท็ก
#มนเพื่อนกัน ได้นะคะ อย่างน้อยก็ถือเสียว่าทำให้ไรต์มาอัพเร็วขึ้น 5555 พูดมากจัง อ่านให้สนุกนะคะ ติชมกันได้ รักนะอุอิ
ความคิดเห็น