คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1 : ความมาร์ค
ตอนที่1
"ความมาร์ค"
“ห่า พวกมึง ลุกๆ ตื่นๆ” ผมเปิดประตูเข้ามาในเพ้นต์เฮาส์สุดหรูหราของคุณชายต้วน สองมือหิ้วของพะรุงพะรัง
สองตีนก็ถีบๆเตะๆไอ้แจ็คสันที่นอนขวางประตูห้องนอนออกไปให้พ้นทาง
“ยองงี่ ยองงี่~” ไอ้แจ็คสันละเมอกอดขาเรียวครางเรียกชื่อบุคคลปริศนาที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
“ไม่มียองงงยองงี่เหี้ยห่าอะไรทั้งนั้นแหละ ลุก! บ่ายแล้ว ตื่นได้แล้ว เหี้ย นี่ไปกินเหล้าหรือเอาสติไปทิ้ง! ตื่นเดี๋ยวนี้สัสสสส” ผมตัดสินใจเปิดขวดน้ำที่ถือติดมือมาด้วยราดใส่หน้าของมันไปแบบเต็มแรง
“อีเหี้ยยยย ไฟไหม้ๆ เหี้ยๆๆๆ” ไอ้แจ็คผวาตื่นด้วยความไวแสง วิ่งพล่านไปทั่วห้องเหมือนคนสติแตก
โอ๊ย ผมละเพลียใจกับมันจริงๆ
ผมเลิกสนใจในจุดนั้น แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของมาร์คที่คุ้นเคยดีโดยไม่เคาะประตู
จะเคาะทำไม ก็ถ้ามันหลับอยู่ ยังไงก็ไม่มาเปิดให้อยู่ดี - -
เป็นไปตามคาด เจ้าตัวยังนอนในชุดเสื้อผ้าเต็มยศที่คาดว่าน่าจะใส่ไปเที่ยวผับตามประสาลูกผู้ชายพันหี (ดี) กับไอ้แจ็คมันเมื่อคืน
ก่อนไปเที่ยว มีหน้าไลน์มาสั่งอีกนะ ว่าวันนี้ให้เข้ามาปลุกตอนบ่าย จะให้มาติววิชาประวัติศาสตร์เกาหลี
ถุย! ไม่เข้าเรียนเอง ถ้าไม่เห็นว่าเป็นเพื่อน นี่ไม่มาติวให้หรอกครับ
เวลาแม่งเมาทีไร อะไรอะไรก็กูตลอด!
ไปด้วยก็ไม่ให้ไป พอจะไปกับคนอื่นก็มาห้ามอีก
อีเหี้ย ยิ่งกว่าพ่อกูอีก อีกนิดนี่กูบวชได้เลยนะ เหล้าก็ห้ามบุหรี่ก็ห้าม เบียร์ก็ห้าม ห้ามห้ามห้าม!!!
“มาร์ค ตื่น” ผมยื่นไม้บรรทัดที่มันเอาไว้ทำงานไปสะกิดๆมันให้ตื่น หึ บอกกันตามตรง เวลาผมมาปลุกทีไร แม่งชอบเนียนฉุดไปกอดทุกที ไม่ได้รังเกียจอะไรเพื่อนหรอกครับ แต่มึงเหม็น /เบะปากระดับสิบจิกกัดระดับร้อย
เมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ผมจึงเดินไปเปิดม่านให้แสงแดดแยงตามันแทน
“จินยองงี่...” มันครางออกมาแค่นี้ ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคุมโปงปิดกั้นตัวเองออกจากโลกภายนอก
ซั๊ส!! โมโหแล้วนะ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่นซักที เดี๋ยวมึงเจอกู
“มึงเช็ดตัวให้กูหน่อย กูว่ากูแฮงค์หนักแน่ๆหวะ เมื่อคืนจัดหนักไปหน่อย” มาร์คพูดออกมาทั้งที่ยังฝังตัวอยู่ในโลกใต้ผ้าห่ม
ผมก็ไม่ได้ตอบตกลงอะไรไปแต่ก็ตัดสินใจเดินไปหยิบกะละมังในครัวมาใส่น้ำเตรียมเช็ดตัวให้ตามคำสั่งของมัน
ผมวางกะละมังใส่น้ำไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง ค่อยๆปิดม่านก่อนจะดึงผ้าห่มออกจากตัวเพื่อนสนิท
มาร์คหรี่ตามองผมก่อนจะหลับตาลงต่อ
ผมค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำเนื้อดีออกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดึงเสื้อออกก่อนจะวางลงตรงพื้นข้างเตียงอย่างไม่ใส่ใจ มือบางค่อยๆบิดน้ำออกให้ผ้าพอหมาดๆก่อนจะวางโป๊ะลงไปที่หน้าผากได้รูป ออกแรงเช็ดใบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ
การกระทำอันอ่อนโยนจากเพื่อนสนิท เรียกรอยยิ้มน้อยๆจากมุมปากมาร์คได้ไม่ยาก ร่างสมส่วนค่อยๆลืมตาขึ้น จับจ้องมาที่ใบหน้างดงามที่บัดนี้อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือหนึ่งของตนเท่านั้น
ความรู้สึกที่แล่นเข้ามาในตอนนี้ มันอธิบายไม่ได้ รู้แค่ว่ามีความสุขมากแค่ไหนที่ได้เห็นจินยองอยู่ใกล้ๆกัน
เพื่อนกัน เขาก็ต้องรู้สึกดีที่อยู่ด้วยกันอยู่แล้วนี่ จริงไหม
อึดอัด...
นี่คือความรู้สึกของผมเมื่อถูกอีกฝ่ายจ้องเอาๆขณะกำลังเช็ดตัวให้ ผมค่อยๆไล้ผ้าผืนน้อยไปตามแผงอกของอีกฝ่าย
หน้าท้องแข็งเป็นลอนพอให้ดูสุขภาพดีขยับขึ้นลงสอดคล้องเข้ากับจังหวะการหายใจเข้าออกของอีกฝ่าย
เมื่อเช็ดท่อนบนเสร็จ ผมค่อยๆเลื่อนมือไปแตะที่ขอบกางเกงขายาวสีดำของคนที่นอนอยู่บนเตียง มองสบตาเหมือนคล้ายคนกำลังขออนุญาต
เมื่อเห็นมาร์คไม่ว่าอะไร ผมจึงเริ่มปลดกระดุม รูดซิบ แล้วค่อยๆรั้งกางเกงของอีกฝ่ายลงมาจนสามารถถอดออกไปได้สำเร็จในที่สุด
ใบหน้าของผมร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อน แต่นั่นก็เมื่อนานมาแล้วสมัยที่ยังแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันตอนเด็กๆ แล้วอีกอย่างมันคงจะดีกว่านี้ ถ้าตอนนี้มาร์คไม่จ้องผมอยู่
เพราะสายตาของเขาหรืออะไรกันแน่ ที่ทำให้ผมประหม่าได้มากขนาดนี้
“หนาวไหม” ผมเอ่ยประโยคทำลายความเงียบออกไป ยิ่งอยู่นานยิ่งอึดอัด แต่เมื่อเหลือบเห็นว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของอีกฝ่ายที่เหลือแต่ชั้นในสีแดงเพลิงตัวเดียวเท่านั้น จึงอดไม่ได้เลย ที่จะถามไถ่ว่าหนาวหรือเปล่า
“ไม่หรอก ร้อนด้วยซ้ำ” ร้อน?
สิ้นประโยคนี้ ผมนี่อยากจะควักลูกกระตาตัวเองออกมาตีจริงๆ เพราะอะไรนะเหรอ
เพราะผมเหลือบไปเห็น ‘อะไร’ บางอย่างของมาร์คที่ตอนนี้กำลังแข็งขืนดุนดันชั้นในขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน ก่อนจะกัดฟันใช้ผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดเช็ดไปที่ท่อนขาแกร่งด้วยความรวดเร็ว ยิ่งเช็ดไปโดนบริเวณโคนขาด้านในเท่าไหร่ แก่นกายของอีกคนก็ยิ่งดุนดันสั่นระริกมากขึ้นเท่านั้น
“เสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันออกไปข้างนอกก่อนนะ นายก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าละ” แม้จะพยายามปิดเสียงที่สั่นไว้แค่ไหน ก็ปิดดวงตาที่วูบไหวกับใบหน้าที่แดงฉ่าไว้ไม่ได้ จินยองรีบเช็ดจนเสร็จ เอ่ยขอตัวกับมาร์ค เพื่อที่จะให้เพื่อนสนิทของตนได้จัดการกับ ‘อะไร’ ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ไหวแล้ว
“นายยังเช็ดให้ฉันไม่เสร็จเลยนี่ เหลืออีกตั้งที่นึง” ห๊ะ!?
ที่บอกว่าเหลืออีกที่นึงนี่ อย่าบอกนะว่า...
“เร็วดิ” ผมจำใจเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอีกครั้ง ผมไม่ได้โง่ปัญญาดักดานขนาดที่จะไม่รู้ว่ามาร์คหมายถึงอะไร
เพราะมันเหลืออยู่แค่ที่เดียวจริงๆ ที่ผมยังไม่ได้เช็ดทำความสะอาดให้อีกฝ่าย
แต่ครั้งจะปฎิเสธมันก็ไม่ใช่เรื่อง ก็เพื่อนกัน ไม่ได้จำเป็นต้องคิดมากเสียหน่อย
ผมดึงชั้นในของอีกฝ่ายออกมากองไว้ที่หัวเข้าในครั้งเดียว หลับหูหลับตาเช็ดด้วยความรวดเร็ว แต่เหมือนมันคงจะไม่เสร็จง่ายๆแล้วหละ
“มาร์ค!! ใครใช้ให้มึงแตกวะ!! เลอะมือกู ฮืออออ” ผมรีบผละมือออกมาจากต้วนน้อย ส่งสายตาตัดพ้อไปที่มันระดับสุด
“ก็คนมันมีอารมณ์อะ มันห้ามกันได้ปะวะ” มันเถียงกับมาด้วยใบหน้าที่ไม่สะทกสะทานอะไรใดๆในโลกทั้งนั้น
หน้าด้านจริงๆ หรือเพราะมันทำเรื่องบนเตียงบ่อย อะไรแบบนี้มันก็เลยกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว
“กูจะเช็ดให้มึงอีกครั้งเดียวนะ ถ้าคราวนี้เลอะอีก มึงลุกมาเช็ดเองเลย!!!”
“ถ้านายไม่อยากให้มันเลอะก็อมไว้ดิ”
*คำนี้แด่มาร์คเพื่อนรัก*
อีมนุษย์เพื่อนจัญไรไร้ยางอาย
--------- #มนเพื่อนกัน ---------
“เพื่อนๆ มาแดกข้าว กูซื้อน้ำแก้แฮงค์มาให้แล้ว รีบๆแดกซะ จะได้ติวๆกัน” ผมเทข้าวต้มจากหม้อใส่ลงไปในชามของเพื่อนรักจาร์ค (แจ็คมาร์ค) ทั้งสอง ที่ตอนนี้นั่งอยู่คนละมุมโต๊ะซ้ายขวา เหมือเด็กกำพร้ารอครูใหญ่มาตักข้าวให้ไม่มีผิด
หลังจากผ่านเหตุการณ์เช็ดตัวอันหน้าสะพรึงกลัวนั้นมาได้ ผมก็แทบที่จะไม่มองหน้ามาร์คเลยถ้าไม่จำเป็น
คนเราอะ มันก็ต้องมีจริตยางอายกันบ้างปะวะ
“มาแล้ววววววววว” แทบสำลักข้าว เมื่ออยู่ดีๆไอ้แตงกวาเน่าชเวยองแจก็วิ่งเข้ามาในห้องพร้อมด้วยเสียงดังระดับแปดสิบเดซิเบล สร้างความตกใจเป็นอย่างยิ่งให้กับพวกเราสามคนที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยความเงียบสงบ
“มึงมาสาย” ไอ้แจ็คว่าก่อนจะก้มหน้าทานข้าวต้มในถ้วยต่อ ดูจากสายตาที่เหวี่ยงแรงนั่นแล้ว สองคนนี้มีไรกันปะวะ ดูเหมือนจะโกรธๆกันแปลกๆ
“โหยมึงอะ ก็เมื่อคืนดูซีรี่ห์ดึกไปหน่อย วันนี้เลยตื่นสาย” ยองแจรีบปรี่เข้ามาหาไอแจ็คสันที่หันหน้าหนีไปอีกทาง
“ขอโทษที่ไม่รับโทรศัพท์” ยองแจกอดหมับเข้าที่คอของเพื่อนชาวจีนที่ตอนนี้ใครๆก็ดูออกว่ากำลังงอนตนอยู่
“รู้ตัวด้วยเหรอ ว่าโกรธเรื่องอะไร” น้านนนนน ช้อนตามองยองแจระดับสาม สายตาตัดพ้อระดับห้า แบะปากพองลมที่แก้มด้วยเว้ยเห้ย!
ฟอดดดด~~~~~
O.O
ยองแจมัน...
หอมแก้มแจ็คสัน!!!!
“หายงอนนะ คืนดีกันๆ” ผมมองช้อนกลางคันสั้นของตัวเองที่หล่นจากมือ จมหายเข้าไปในชามข้าวต้มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพื่อนกัน เขาง้อกันแบบนี้เหรอวะ
ถ้าผมกับมาร์คอะ มันก็ไม่น่าแปลกใจเพราะเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งเต่เด็กๆเพราะบ้านอยู่ซอยเดียวกัน แม้ม.ต้นจะเรียนคนละที่แต่ม.ปลายก็อยู่โรงเรียนเดียวกันจนซี้ปึ้ก
แต่ไอ้แจ็คแจอะ มันพึงรู้จักกันเมื่อเดือนที่แล้วเองนะ พวกมันกล้าเล่นถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้เลยเหรอ
หรือพวกมันแอบคบกัน
“อะแห้มๆ พวกมึงครับ ห้องนอนอยู่ซ้ายมือตรงไป มีอะไรก็ไปจัดการกันได้ครับ ผมไม่หวง” มาร์คพูดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะไล่สายตามาหยุดอยู่ที่ผม
เพราะสายตาที่แพรวพราวนั่นหรือเปล่าที่ทำให้ผมเลิกลักเหมือนคนไปไม่เป็นจะหลบตาก็ไม่กล้าจะจ้องกลับก็ไม่ทำ
โอ๊ย!! นี่ผมเป็นอะไรวะเนี่ย สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวของผมมันเปลี่ยนไป หรือเพราะอะไร ทำไมผมถึงไม่เข้าใจตัวเองแบบนี้
“ไม่เข้าใจตรงไหนถามได้” ผมวางชีทที่ตั้งใจเขียนสรุปอธิบายละเอียดมาให้มาร์คลงบนโต๊ะในห้องหนังสือของมัน
หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จ แจ็คสันกับยองแจก็ขอแยกย้ายกลับห้องของตัวเองไป เหลือไว้เพียงผมที่ต้องมานั่งติวให้ไอ้คุณชายต้วนผู้ไม่เคยเข้าเรียนแต่ก็ไม่อยากติดเอฟ
ก่อนหน้านี้ ผมลองอธิบายเนื้อหาทั้งหมดให้มันฟัง ดูเหมือนว่ามันน่าจะเข้าใจบ้างแล้ว บวกกับชีสสรุปที่ผมทำมาให้มันอ่านก่อนสอบ ถ้ามึงยังได้เอฟก็ตัดเพื่อนกันไปเลยเถอะ!
“ขอบใจนะ จินยองงี่ของฉันน่ารักที่สุด” เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ๆมาร์คก็หันหน้ามาหาผมอย่างรวดเร็วมือหนาคว้าท้ายทอยของผมไว้โน้มใบหน้าลงมาประกบจูบริมฝีปากของผมอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเลื่อนมือลงเปลี่ยนมาเป็นโอบกอดผมเอาไว้หลวมๆ
หนึ่งวินาทีที่ริมฝีปากของแตะกัน เทียบไม่ได้เลย กับแรงสั่นสะเทือนภายในใจของผม
ผมถอนหายใจออกมาหวังผ่อนคลายร่างกายที่แข็งทื่อให้อ่อนลง
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมาร์คถึงได้ชอบเล่นอะไรถึงเนื้อถึงตัวกับผมแบบนี้ แต่เพราะว่าเราเป็นเพื่อนกันมานาน เล่นกันแบบนี้มานาน เพียงแต่เมื่อก่อน มากสุดก็แค่กอด นานๆจะหอมแก้มกันซักครั้ง
แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันชักจะมากไป แต่พอครั้นจะห้ามปราม แต่ก็ไม่รู้จะสรรหาเหตุผลอะไรมาพูด ก็เลยปล่อยเลยตามเลย แล้วคิดว่าซักวัน มันก็คงเบื่อและเลิกทำไปเอง
มาร์คเปลี่ยนแฟนบ่อยมาก บางทีก็คบสามคนในหนึ่งวัน คบซ้อนสลับรางแทบไม่ทันก็เคย แบบ One nightstand ก็บ่อย เรียกได้ว่า เขาไม่เคยขาด ทั้งหญิงหรือชายก็ตาม
คงจะมีแต่ผมนี่แหละ ที่ต่อให้มีใครเข้ามามากมายเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครถูกใจคุณเพื่อนคนนี้ซักที เวลาที่ผมกำลังจะมีแฟนทีไร เป็นต้องถูกมาร์คจัดการหนีหายไปทุกราย
แล้วแบบนี้ เมื่อไหร่ผมจะสละโสดกับเขาซะที ชีวิตนี้ไม่คิดจะขึ้นคานหรอกนะ
“ปล่อย กอดไรนัก ร้อน” ผมขยับตัวดิ้นขลุกขลักเมื่อเริ่มรู้สึกอึดอัด หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ต่างฝ่ายต่างอ่านหนังสือที่กำลังจะมีเทสย่อยในวันจันทร์ที่กำลังจะมาถึง
ผมเรียนอักษรเอกอังกฤษ มาร์คเรียนนิเทศสาขาการถ่ายภาพ
มาร์คเป็นเดือนคณะ ส่วนผมก็เป็นจินยองนักศึกษาธรรมดา
เพราะนิสัยชอบskinshipของมาร์คนั่นแหละ ใครเขาถึงได้มองว่าผมเป็นคนของมาร์ค
แต่ต้องให้จัดโต๊ะแถลงข่าวเลยไหม ว่าแค่เพื่อนสนิทกันเฉยๆ
ทำไม เพื่อนสนิทกัน เขาไม่ทำกันแบบนี้เหรอ?
---------- #มนเพื่อนกัน ----------
“จูเนียร์” ผมหันไปมองใครบางคนที่ตอนนี้กำลังยืนค้ำหัวของผมอยู่
“พี่เจบี หวัดดีครับ” ผมรีบยืดตัวนั่งหลังตรงทันทีที่เห็นว่าบุคคลตรงหน้าเป็นใคร
ใช่แล้วครับ เขาคือ ‘พี่เจบี’ พี่ว๊ากประจำคณะอักษร อะหือไม่อยากจะเล่าเลยว่าตอนอยู่ปีหนึ่ง พวกผมเสียน้ำตากันไปกี่หยดเพราะพี่แก ความทารุณกรรมของพี่แกในตอนนั้น มันยังคงติดตราตรึงใจของเนียร์คนนี้ไม่เคยลืม
พี่เขาหล่อนะครับเห็นแบบนี้ แต่ก็หล่อแบบดาร์กๆอะ พี่เขาดูเหมือนอัญมณีสีดำที่ลึกลับดึกดูดแต่ก็อันตราย...
เอาตรงๆไหม แค่สบตาพี่แก ผมก็นึกถึงฉากฆาตกรรมสยองขวัญแล้ว ฮรือออ หน้ากลัว
“นั่งได้ไหม” และอีกหนึ่งอย่างที่ผมกลัวก็คือ พี่เขาเป็นคนเถรตรง ขวานผ่าซากแล้วก็มีหน้าเดียว ขนาดเอ่ยประโยคขอร้องยังกลายเป็นประโยคคำสั่งได้เลยคิดดู
“คะ...ครับๆๆ นั่งได้ครับ นั่งเลยครับ นั่งเลย” ผมพูดรัวเร็วจนลิ้นพันกันไปหมด ก็ในเมื่อพี่เขาเอาแต่ส่งสายตาดุๆมาให้แบบนี้ อีเนียร์ก็รนเลยสิวะ อีเหี้ย ทำหน้าอื่นได้ไหม หน้านี้เนียร์ไม่โอเค
“กินอะไรหรือยัง” หลังจากที่พี่เจบีหย่อนก้นลงนั่งข้างผมเป็นที่เรียนร้อย เจ้าตัวก็เป็นฝ่ายเอ่ยเปิดประโยคสนทนา แต่คุณลองคิดดูนะ หน้าเฮียแกตอนนิ่งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
เอาประโยคนี้ไปถามเด็กคนไหนเขาก็ร้องไห้ใส่ เชื่อดิ
“ยังเลยครับ” อีกแล้ว ผมเกร็งแบบนี้อีกแล้ว เรียกได้ว่าแทบทุกครั้งที่ต้องอยู่กับคนคนนี้ ผมจะเป็นแบบนี้ตลอด ห้องปกครองที่ว่าแอร์หนาวมากแล้ว เจอสายตาพี่แกไป นึกว่าอยู่ขั้วโลกใต้
“อืม แซนวิช กินซะ” พี่แกหยิบแซนวิชออกมาจากกระเป๋าตัวเองส่งมาให้ผม จะไม่รับก็กระไรอยู่ หน้าพี่แกแบบ
ถ้ามึงไม่แดกกูจะกระทืบมึง อะไรแบบนี้เลย
ฮืออออ เมื่อไหร่เพื่อนจะมา ผมไม่ชอบอยู่กับเฮียแกสองคนแบบนี้เลยยยย T.T
“ชอบบ้างหรือยัง”
“ฮะ?” ผมถึงกับแทบสำลักแซนวิชที่ยัดเข้าไปเมื่อครู่ เมื่ออยู่ดีๆ เฮียแกก็คว้าคางของผมไปจับหันให้เผชิญหน้าสบตากับตัวเอง
นึกสภาพเฮียแกหน้านิ่งกับผมที่มีแซนวิชเต็มปาก
โรแมนติกมั้ยถามใจตัวเองดู -_-
“นี่ฉันกำลังจีบนายอยู่นะ นายอะ เริ่มชอบฉันบ้างหรือยังจูเนียร์”
มีเพลง ฉันเหมือนถูกยิงไหม?
เฮียแกจีบคนแบบนี้เหรอถามจริง ไม่บอกนี่คิดว่ามาข่มขู่ไถ่ตังค์ นะเหว่ยบอกตรง
ผมยังคงหุบปากสงบคำพูดไว้อย่างเดิม ส่วนหนึ่งเพราะยังมีแซนวิชอยู่เต็มปาก อีกส่วนหนึ่งคือช็อค
โอ้วโห้วโกโก้ครัน เฮียบีเขาชอบกูเว่ย!
ห่าราก เขาชอบกูตอนไหนวะ ตอนปีหนึ่งเขาใช้ให้กูไปดำบ่อบัวแล้วเอาโคลนใต้น้ำขึ้นมาพอกหน้า ให้กูวิ่งรอบสนาม เต้นกังนัมกลางสี่แยก โอ๊ยยย ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบายความโหดร้ายของพี่แกได้เลยจริมๆ
หรือพี่แกเป็นโรคซาดิสวะ ถึงได้ชอบความรุนแรง
‘ปึก’
“ระ...รุ่นพี่!!!” ขนมปังที่อมไว้ บัดนี้ถูกกลืนลงท้องไปในบัดดลเมื่อมีหนังสือปริศนาลอยมาปะทะกับหัวของพี่เจบีอย่างแรงจนหน้าหันไปอีกทาง
ผมรีบปรี่เข้าไปประคองใบหน้าโหดนั่นมาเพื่อดูอาการแต่ทว่าคงไม่ทัน เมื่อมีมือหนาที่คุ้นเคยฉกฉวยมือของผมไว้แน่น ออกแรงฉุดกระชากแล้วดันตัวให้มาอยู่ด้านหลัง
แทบไม่ต้องเดาเลยว่าที่เห็นอยู่ตรงนี้คือแผ่นหลังของใคร
มาร์ค...
“รุ่นพี่ ครั้งนี้มันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ที่พี่มายุ่งวุ่นวายกับเพื่อนของผม” มาร์คยกมือขึ้นคล้องคอของผมเอ่ยพูดกับรุ่นพี่เจบีด้วยสีหน้าหาเรื่อง
อ่า... นี่พวกเขาจะทะเลอะกันอีกแล้วเหรอ
มาร์คเวลาโกรธ กับ พี่เจบีที่หน้าโหดอยู่แล้ว นึกไม่ออกจริงๆว่าถ้าพวกเขาใช้กำลังกันขึ้นมาใครกันแน่ที่จะเป็นฝ่ายแหลก
“แล้วนายมาเสือกอะไรด้วย” เจบีใช้เท้าข้างที่ใกล้กับหนังสือของมาร์คเตะมันกลับไปหาเจ้าของ
ดวงตาแกร่งทั้งสองสบประสาน ราวกับว่าหากใครเป็นฝ่ายหลบก่อน คนนั้นจะเป็นผู้แพ้ในสงครามประสาทในครั้งนี้
คนเริ่มมามุงดู เพราะมาร์คกับรุ่นพี่เจบีต่างก็เป็นที่นิยมในมหาลัยเเห่งนี้
“แจ็คสันยองแจ!!! รอด้วยยยย” และแล้วก็มีรถไฟแห่งแสงสว่างขับเข้ามาช่วยชีวิตผมที่กำลังมืดมิดในสงครามครั้งนี้ ผมรีบผละตัวออกจากมาร์ค วิ่งตรงไปทางเพื่อนสนิทอีกสองคนที่ดูเหมือนกำลังจะเข้าตึกเรียนไป
ไม่รู้แหละ ผมขอหนีปัญหาก่อนงานนี้ พวกเขาอยากจะทำอะไรกันก็เชิญเลย กะจะมานอนสงบๆหน่อย เสียเวลานอนชะมัด
“นั่นมาร์คกับเฮียบีนี่ อย่าบอกว่าเรื่องเดิม” แจ็คสันเอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่เราทั้งสามคนเริ่มเดินห่างออกมาจากตรงนั้นเรื่อยๆ
ผมไม่ได้หันกลับไปมองแต่อย่างใด เพราะถือคติว่าถ้าเดินจากมาจะไม่หันหลังหลับไปมอง
เกี่ยวไหม -_-?
ผมเลือกที่จะไม่ตอบคำถาม แต่แค่พยักหน้ารับเฉยๆ
“มาร์คนี่แปลกวะ ทำไมต้องหวงมึงขนาดนี้วะ เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อปะเนี่ย” ยองแจพูดประโยคถัดมาอน่างล้อๆ แต่ก็อย่างนี้แหละ ประโยคนี้ ผมได้ยินมาบ่อยแล้ว
หึ อย่างมาร์คอะเหรอจะชอบเขา
ถ้าชอบจริงคงได้กันไปนานแล้ว ไม่เป็นเพื่อนกันอย่างทุกวันนี้หรอก โถ่ววววว
Chapter1 : 100%
----- #มนเพื่อนกัน -----
TBC.
6/5/2558
เเล้วรีดละคะ คิดว่าเพื่อนกันเขาทำกันเเบบมาร์คเนียร์ไหม (0_<)
ชอบกดเม้นต์ ใช่กดเฟบ
ความขยันของไรต์ขึ้นอยู่กับรีดเดอร์น๊าาา
รักรีดคะ
ความคิดเห็น