ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Favorite Emotional [MarkNior Got7] *END*

    ลำดับตอนที่ #1 : My Favorite Emotional intro

    • อัปเดตล่าสุด 10 ส.ค. 58




    My Favorite Emotional intro








    เพรามาร์คต้วนไม่เคยสนใจใครนอกจากตัวเอง


    เจ้าชายเหรอ หึ






    ถ้าตัดองค์ประกอบภายนอกที่แสนจะเพอร์เฟ็คทิ้งไป 


    ผมก็เป็นแค่ผู้ชายนิสัยเสียคนหนึ่งดีๆนี่เอง








    ----------- #มนอีโมชั่น ---------





    “ครูจะให้พวกเราจับกลุ่ม กลุ่มละสี่คน ให้ทำรายงานมาส่งครูในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เข้าใจใช่ไหม หัวหน้าห้องบอก”



    หลังจากที่อาจารย์วัยกลางคนเคลื่อนย้ายร่างกายออกไปจากห้องมัธยมปลายปีสองห้องบี นักเรียนในห้องที่เหลือต่างก็พากันจับกลุ่มพร้อมทั้งบ่นสารพันการบ้านที่พากันรุมเร้าเหมือนพายุที่ไม่ว่าจะฟ้าหลังฝนอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้ลืมตาอ้าปากกันเสียที



    จะมีก็เพียงชายหนุ่มที่นั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะเงียบๆตรงมุมข้างหน้าต่างหลังห้องเท่านั้น ที่ยังคงมีท่าทีสงบนิ่งไม่กระตือรือร้นที่จะหากลุ่มอยู่เหมือนกับใครเขา





    มาร์คก็แค่มองว่า ถ้ากลุ่มไหนคนขาด ก็คงเอาเขาเข้าเองนั่นแหละ



    อย่างไรซะ มันสมองระดับอัจฉริยะอย่างเขา ไม่ต้องทำอะไร คะแนนก็อยู่ในระดับที่สูงมากจนหน้าตกใจยู่แล้ว






    “ทำไงดีจินยอง กลุ่มเรามีแค่สามคนเองหวะ” ผมมองยองแจกับแบมแบมที่นั่งอยู่ระหว่างผม พวกเราหันซ้ายแลขวา ใครๆต่างก็ดูจะจับกลุ่มกันได้หมดแล้วทั้งนั้น





    เหลือใครกันนะ...



    ในระหว่างที่สายตากลมใสดั่งลูกแก้วดวงน้อยๆที่เปล่งประกายอยู่เสมอกำลังมองไปรอบๆ จินยองชะงักเข้ากับบุคคลหนึ่งที่นอนฟุบหน้าอยู่หลังห้อง




    มาร์คมีกลุ่มหรือยังนะ





    “หยุดเลยจินยอง นั่นนายมองใครแล้วคิดอะไรอยู่ ฉันรู้นะ” แบมแบมจัดการบิดใบหน้าของจินยองให้หันกลับมามองตนทันที




    “อ้าวทำไมอะ ก็ดูท่ามาร์คยังไม่มีกลุ่มเลยนี่ ทำไมไม่ชวนมาอยู่ด้วยกันอะ” เอียงคอถามอย่างสงสัย 




    เขาไม่เคยอยู่ร่วมห้องกับมาร์คต้วนมาก่อน ไม่ค่อยได้คุยกัน จะมีก็เพียงมาร์คที่ทักไลน์มาถามแทบจะทุกวันว่าวันนี้มีการบ้านอะไรบ้างก็เท่านั้น



    ถึงจะคุยกันผ่านโลกโซเชี่ยวบ้าง แต่กับตัวจริง พวกเขากลับไม่เคยแม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ



    ไม่ใช่ว่ามาร์คไม่มองจินยองหรอก จินยองต่างหาก ที่ไม่กล้ามองมาร์ค




    คงเพราะต่ำแหน่งเจ้าชายนั่นหละมั้งที่ทำให้จินยองไม่อยากเข้าไปใกล้อีกคนมากเพราะค่อนข้างเกร็งและไม่รู้จะทำตัวอย่างไร




    ในระหว่างที่สายตาเหม่อมองไปทางมาร์คต๊วนที่กำลังฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างเหม่อลอย




    มาร์คเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะเพราะรู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนจ้อง


    มาร์คสบตากับจินยองอยู่เนิ่นนาน



    ใบหน้าน่ารักที่เวลาปรกติ ไม่เคยคิดแม้จะเงยขึ้นมาสบตากันเวลาสวนทางหรือเดินผ่าน



    แม้เจ้าตัวจะดูเหมือนเหม่ออยู่ก็ตาม แต่เขาก็ยังมอง มองจินยองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเจ้าตัวสะดุ้งตกใจก่อนริมฝีปากสีสดอวบอิ่มนั่นจะฉีกยิ้มกว้างให้เขาแทน




    แม้ภายนอกมาร์คจะไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไปก็ตาม แต่ในใจของเขากำลังยิ้มออกมาอย่างมีความสุข



    เขาชอบมองยิ้ม ยิ้มของจินยอง


    ยิ้มที่แค่มองก็มีความสุขแล้ว





    เพี้ยะ!

    “โอ๊ย! ยองแจ ตีเราไมเนี่ย!!” จินยองลูบแขนข้างที่ถูกเพื่อนตีเบาๆ พร้อมกับเบ้ปากออกน้อยๆตามนิสัยเด็กๆของเจ้าตัว




    “นายยังไม่รู้อะไร มานี่” ยองแจจับจินยองให้หันมานั่งในท่าดีๆ ก่อนจะกอดคอสุมหัวกันสามคนเหมือนเวลาที่ต้องการจะนินทาใครซักคนซึ่งแน่นอนว่ามันคือ ความลับระหว่างเดอะแก็งค์




    “มาร์คต๊วนนะ เป็นคนที่...อืม...จะว่ายังไงดีหละ อ้า! ใช่ เย็นชา ใจดำ เงียบ ขรึม ไม่พูดไม่จา ตาขวาง หน้านิ่ง โอ๊ย! เอาเป็นว่า เป็นคนที่หนักใจม๊ากกกกกมากกกกก ถ้าจะต้องมาทำงานร่วมกัน คือเข้าใจกูปะ?” ยองแจพูดออกมาคล้ายระบายความรู้สึกทั้งหมดที่ตัวเองมีต่ออีกฝ่ายให้เพื่อนตัวเล็กฟัง



    “แบมเคยอยู่ห้องเดียวกับเขาเมื่อปีที่แล้ว แล้วเคยมีโอกาสได้ทำงานกลุ่มร่วมกัน”



    “บอกตรงๆ จากใจเลยนะ...”




    “โคตรจะอึดอัดอะ ไม่รู้ดิ แม่งแบบเงียบอะ ให้ทำอะไรก็ไม่ทำ ให้ช่วยอะไรก็ไม่ช่วย ไม่เคยฟังใคร เอาตัวเองเป็นใหญ่ โอ๊ยย ตอนนั้นเพื่อนแบมโกรธมัน แค่ด่ามันคำเดียว มาร์คล่อซะมันเข้ารพ.เลย”



    “พูดง่ายๆคือ เป็นคนไม่ฟังใคร พอสั่งมากๆเข้าก็รำคาน ก็หงุดหงิด พอหงุดหงิดเท่านั้นแหละ ไอ้คนคนนั้นนะ จะไม่มีปากพูดมากไปเป็นอาทิตย์ๆเลย” ยองแจว่าเสริม จากประสบการณ์ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในห้องเดียวกับมาร์คคนนั้นตอนม.ต้น




    จะมีก็เพียงจินยองเท่านั้น ที่พึ่งเคยอยู่ห้องเดียวกับ ‘ผู้ชายอันตราย’ คนนี้เป็นครั้งแรก



    และปีนี้หน้าแปลกที่มาร์คดูเงียบมากเมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านๆมา



    ปรกติเวลาเรียนถ้าเขาเกิดเบื่อขึ้นมาก็ลุกออกจากห้อง เดินออกไปแบบหน้าตาเฉยไม่สนใจแม้กระทั่งคุณครูที่ยืนสอนอยู่หน้าชั้นแต่อย่างใด




    ทั้งๆที่มีเรื่องชกต่อยอยู่ตลอด แต่เพราะฐานะทางบ้านที่คอยบริจาคเงินอันมหาศาลให้กับโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอจึงทำให้เจ้าตัวยังคงสามารถดำรงชีวิติยู่ต่อไปได้ แม้จะแหกกฎโรงเรียนมันทั้งเล่มแล้วก็ตาม




    ถ้าหมอนั่นไม่ใช่อัจฉริยะที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ก็สอบได้เต็มไม่เสียหมดทุกวิชาละก็ ป่านนี้ก็คงถูกไล่ออกจากโรงเรียนแห่งนี้ไปแล้ว






    จินยองเคยได้ยินมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก




    มาร์คที่เขาพูดถึงกัน..


    หมายถึงมาร์ค ต๊วน คนนี้สินะ




    ทำไมกัน ทั้งๆที่คนทั่วไปดูมีท่าทีกลัวคนคนนั้นกัน แต่ผมกลับรู้สึกว่ามาร์คก็ไม่ได้ดูเป็นแบบนั้นแต่อย่างใด




    ถึงผมจะเกร็งอีกฝ่าย อาจจะเป็นเพราะไม่สนิท แต่ก็ไม่ได้กลัวขนาดที่ว่ามือไม้สั่น หรือรนรานเวลามาร์คเข้ามาใกล้ๆหรือเอ่ยขอยืมอะไรเหมือนคนอื่นๆ




    “โอ๊ย ไม่ชอบยังไงก็ต้องเอาเข้ากลุ่มแหละ ก็มันไม่มีใครแล้วนี่” จินยองค่อยๆขยับตัวเองออกจากวงแขนของเพื่อนสนิททั้งสอง หยิบกระดาษขึ้นมาเขียนชื่อสมาชิกในกลุ่มส่งครู




    “เห้ยจินยอง เอาจริงดิ” ยองแจถามย้ำอีกครั้ง จินยองทำเพียงเงยหน้ามองอีกฝ่ายนิ่งๆ



    “แล้วนายมีทางเลือกอื่นไหม ช่างมันเถอะน่า แค่งานเดียว เดือนเดียวเอง” จินยองพยายามโน้มนาวขณะที่มือสวยก็เขียนชื่อเพื่อนทั้งสองลงไปในกระดาษอย่างตั้งอกตั้งใจ



    “ตั้งเดือนนึงเถอะ โอ๊วม๊ายยยย” แบมแบมโอดครวญออกมาแต่ยังไงเสีย ทั้งสามก็คงต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมในครั้งนี้อย่างไม่ทางหลีกหนีได้






    จินยองเดินไปที่มุมสุดหลังห้องที่มีมาร์คนั่งอยู่ตรงนั้น



    เขาสัมผัสได้เลยว่าแต่ละก้าวเดินนั้น เต็มไปด้วยทุกสายตาที่มองมาอย่างลุ้นระทึก






    มาร์คต้วนเคยฟังใครที่ไหน...


    สงสารจินยองจริงๆ เดี๋ยวหลังจากงานนี้ก็คงรู้ฤทธิ์เจ้าชายเองนั่นแหละ







    “เอ่อขอโทษนะ งานนี้นายอยู่กลุ่มเดียวกับเรานะ เขียนชื่อให้หน่อยได้ไหม เราไม่รู้ว่าชื่อนายเขียนยังไง” มาร์คมองเพื่อนร่วมห้องหน้าแมวที่เขาชอบมองบ่อยๆในระยะที่ใกล้มากกว่าทุกครั้ง



    เขาก็แค่รู้สึกสบายตาดี เวลาได้มองใบหน้าหวานๆของอีกฝ่ายที่มีอีโมชั่นมากมายไม่ว่าจะยิ้ม จะงอน จะหัวเราะ จะโกรธ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่ารักน่าฟัดไปหมดเลยให้ตายสิ




    จินยองนั่งยองๆลงกับพื้น วางหน้าไว้ใกล้กับโต๊ะของอีกฝ่ายโดยโผล่มาแค่หัวกับดวงตาที่กำลังช้อนมองมาร์คต้วนอย่างน่าเอ็นดู




    จะว่าอ้อนก็ถูก เพราะมันเป็นนิสัยที่เขาชอบทำอยู่แล้ว เวลาที่ต้องขอร้องให้ใครทำอะไรให้




    มาร์คชะงักเล็กน้อยที่เห็นอีกฝ่ายอ้อนตนแบบนี้


    ท่าช้อนตานี่มันน่า...




    ความรู้สึกแว่บนึงที่อยากจะกระชากเจ้าตัวเล็กนี้ขึ้นมาฟัดให้มันหน่ำใจเสีย แต่ถ้าทำจริงๆก็คงพิลึกพิลั่นหน้าดู




    มาร์คจุดยิ้มที่มุมปากบางๆ ก่อนจะหยิบปากกาในมือจินยองขึ้นมาเขียนชื่อของตัวเองลงไปในกระดาษอย่างว่าง่าย




    “ชื่อมาร์คต๊วนสะกดแบบนี้ แล้วต่อไปนี้ห้ามลืมชื่อของฉันนะ ปาร์คจินยอง” มาร์คสบตากับจินยองอย่างมีความหมาย เอื้อมมือไปหยิกแก้มยุ้ยๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว



    “งือ~ ปล่อยน๊าาาา~” จินยองยู่หน้าคว่ำไปตามระเบียบ ก่อนจะขอตัวผละออกมาส่งรายชื่อสมาชิกในกลุ่มให้หัวหน้าห้องเอาไปส่งครูอีกที




    สัมผัสได้ว่าคนทั้งห้องกำลังมองมาที่เขาเป็นสายตาเดียวกัน



    แม้แต่แบมแบมกับยองแจก็ยังอ้าปากค้าง



    ทำไมเหรอ...?



    จริงๆแล้วมาร์คต้วนก็ไม่เห็นหน้ากลัวอย่างที่บอกเลย ก็ออกจะปรกตินี่





    TBC.

    -------- #มนอีโมชั่น -------



    เรารู้ๆกันนิ๊ (>.O)




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×