ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกเทพอสูรมหาสงคราม

    ลำดับตอนที่ #5 : เทพฤทธิ์คนที่ ๘

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 552
      2
      30 มี.ค. 47

    ศึกเทพอสูรมหาสงคราม

    ตอนที่ ๕ เทพฤทธิ์คนที่ ๘



        อนันตวาโย ตรัยสูร และ นันทาเทพธิดา   ต่างก็ทิ้งตัวลงมาจากท้องฟ้า    ตรงเข้าช่วยเหลือ เปมิกา ฝ่าย น้ำทิพย์ที่สาม ที่โกรธถึงขีดสุด แผ่พลังร่างสิงห์ออกมาคุกคามคนทั้ง ๔ พลังที่ออกจากตัวของ น้ำทิพย์ที่สาม รุนแรงจนต้นไม้บริเวณใกล้เคียงหักโค่นลงเป็นบริเวณกว้าง พยัคฆ์วารี เห็นช่องว่างที่เปิดอยู่ด้านหลังของ น้ำทิพย์ที่สาม กระโดดลอยตัวใช้ดาบคู่ เขี้ยวพยัคฆ์ ระดมฟันลงมาอย่างเร็วและแรง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนของตน ดาบคู่เขี้ยวพยัคฆ์ปรากฏแสงสีน้ำเงิน พลังมหาศาลที่แฝงมากับดาบคู่เขี้ยวพยัคฆ์กระจายออกอย่างรวดเร็ว คล้ายกับจะกลืนกิน น้ำทิพย์ที่สาม ถ้าโดนเข้าไป ร่างของ น้ำทิพย์ที่สาม ต้องถูกแยกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน น้ำทิพย์ที่สาม รู้สึกถึงพลังรุนแรงมาจากทางด้านหลังของตน หยุดการไล่ล่าคนทั้ง ๔ หันหลังกลับมาต้านรับพลังที่ใกล้จะถึงตัว



    “ ไอ้ สิงห์เถื่อน จะรีบไปสู้กับใครที่ไหน ? ลืมไปแล้วหรือไง ว่าเจ้ากับข้ายังสู้กันไม่จบ “



    ตาทั้งสองของ น้ำทิพย์ที่สาม เปล่งประกายด้วยความโกรธ จับกระบองฟาดปะทะสุดแรง



    “ ไอ้เสือน้ำแข็ง ติว่าชีวิตยืนยาวนักหรือไง ? ได้ ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้ “



    ดาบคู่และกระบองปะทะกัน ๑ ท่า เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น



    “ ตูมมมมมมมม “



    การต่อสู้เห็นผลในทันตา ร่างของ พยัคฆ์วารี ปลิวกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่น้อย กว่าจะหยุดตัวได้ ต้นไม้ก็หักโค่นลงไป ๓– ๔ ต้น ทรุดตัวอยู่กับพื้นกระอักเลือดออกมา



    “ อ๊อกกก “



    “ พยัคฆ์วารี !!!!!!! “



    เปมิกา ร้องขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของพยัคฆ์วารี  น้ำทิพย์ที่สาม ละความสนใจจาก พยัคฆ์วารี มุ่งตรงมายังพวกเขาทั้ง ๔ เหวี่ยงกระบองไปมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับฟาดลงที่พื้นดิน พลังแผ่พุ่งออกจากกระบอง เป็นคลื่นพลังสีแดง พุ่งตรงมายังพวกเขาทั้ง ๔



    “ พวกเจ้าหลบไปก่อน “



    เมื่อได้ยินเสียง ตรัยสูร ตะโกนบอก เปมิกา อนันตวาโย และ นันทาเทพธิดา ต่างพากันหลบออกไปจากบริเวณนั้น ตรัยสูร เรียกลูกธนูออกมา พาดกับคันธนู น้าวสายธนูกับลูกธนูสุดแรง และปล่อยลูกธนูออกต้านทานพลังที่พุ่งตรงมา ลูกธนูกลายเป็นเพลิงกัลป์ ต้านทานพลังที่พุ่งมาได้อย่างเฉียดฉิว



    “ ตูมมมมมมม “



    เกิดการระเบิดขึ้นอีกครั้ง ร่างของ ตรัยสูร ลอยกระเด็นไปยังด้านหลัง เขาไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะใช้คันธนูสวรรค์ลดผลกระทบที่เกิดขึ้น



    “ ไอ้หมอนี้เป็นใครกัน ? ฝีมือร้ายกาจมาก ถ้าข้าใช้คันธนูสวรรค์ตั้งรับไม่ทันต้องแย่แน่ ๆ “



    น้ำทิพย์ที่สาม บุกฝ่าดงพายุฝุ่นที่เกิดจากการต่อสู้เมื่อกี้ เข้าหาคนทั้ง ๔ นันทาเทพธิดา และ เปมิกา พุ่งร่างสกัดการบุกของ น้ำทิพย์ที่สาม ไว้ นันทาเทพธิดา เรียก อาวุธประจำตัวออกมา เป็น ลูกแก้ว สีสดใส  ลูกแก้วหมุนไปที่มืออีกข้างหนึ่ง ก่อนเปลี่ยนสภาพ เป็นทวนยาว  ด้ามหนึ่ง นันทาเทพธิดา  จับอาวุธของนางไว้แน่น ใช้ความอ่อนของทวน หวดซ้ายป่ายขวา คุกคามน้ำทิพย์ที่สาม



    “ เรื่องความไวของอาวุธข้า ไม่เป็นรองใคร เจ้าคิดจะรับมือข้าได้ซักกี่น้ำ ? “



    เป็นจริง ดังคำพูดของ นันทาเทพธิดา ทวน มีความไว มากกว่ากระบอง อีกทั้งยังคล่องตัวกว่า แม้กระบองของ น้ำทิพย์ที่สาม จะต้านรับทวนของ นันทาเทพธิดา ได้ แต่ก็เสียโอกาสเป็นฝ่ายรุก อีกทั้ง เปมิกา ที่คอยหมุนตัวอยู่ข้าง ๆ นันทาเทพธิดา จ้องหาจังหวะเล่นงานอยู่ ทำให้ความคล่องตัวของ น้ำทิพย์ที่สาม ลดลงไปเกือบครึ่ง แต่แววตาของ น้ำทิพย์ที่สาม ยังไม่มีความกังวลใด ๆ ปรากฏให้เห็น



    “ กระบองข้าช้ากว่าเจ้าข้าไม่เถียง แต่เจ้าคิดว่าข้าใช้กระบองเป็นอย่างเดียวเหรอ ? “



    “ หมายความว่าไง ???? “



    นันทาเทพธิดา สงสัยว่า น้ำทิพย์ที่สามหมายถึงอะไร เผลอตัวพูดขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่คำตอบที่อยากรู้ก็ประจักษ์ให้เห็น กระบอง ที่มือของ น้ำทิพย์ที่สาม เปลี่ยนเป็น ทวนยาว ตามความต้องการของเจ้าของ ความคล่องตัวกลับคืนมาอีกครั้ง  สะเก็ดไฟที่เกิดจากการปะทะของทวนทั้งสองเกิดขึ้นไม่ขาดสาย ทวนของ น้ำทิพย์ที่สาม ทั้งไวและเร็ว



    “ ไอ้หมอนี้ มันถนัดใช้อาวุธอะไรกันแน่ หรือถนัดทุกอย่าง ? “



    นันทาเทพธิดา คิดไม่ถึงว่า น้ำทิพย์ที่สาม จะมีฝีมือการใช้ทวนไม่ด้อยไปกว่านางเลย แม้แต่ เปมิกา ที่คอยช่วยอยู่ข้าง ๆ นันทาเทพธิดา และหาโอกาสจ้องเล่นงานยังต้องเปลี่ยนเป็นตั้งรับทวนที่พุ่งเข้ามาแทน



    “ ทำไม ทวนมันทั้งเร็วทั้งหนักขึ้นอย่างนี้ ? “



    เปมิกา เริ่มเห็นท่าไม่ดี ทวนของ น้ำทิพย์ที่สาม นอกจากจะเร็วแล้วยังหนักขึ้นเรื่อย ๆ



    “ กระบวนทวนพิฆาตมาร ท่าที่ ๓  กงจักรกักอสูร “



    ทวนถูกหวดวาดเป็นวงกลม จน นันทาเทพธิดา และ เปมิกา ต้องกระโดนหลบถอย น้ำทิพย์ที่สาม เห็นเป็นโอกาส หมุนตัวไปกับทวน วนเข้าหาพวกนาง เร็วขึ้นมากกว่าเดิม สถานการณ์ของพวกนางตกเป็นรอง น้ำทิพย์ที่สาม



    “ ดวงใจมาร  นันทาเทพธิดา ถอยออกมา “



    อนันตวาโย ส่งอาวุธประจำตัวเข้าไปช่วยเหลือพวกนาง จักรแก้ว หมุนตัวบินเข้าไปปะทะกับทวนของ น้ำทิพย์ที่สาม สกัดการจู่โจมเอาไว้ ทำให้พวกนางต่างพักหายใจได้หน่อยหนึ่ง ฝ่ายตรัยสูร เหาะเข้าไปหา พยัคฆ์วารี ที่บาดเจ็บอยู่



    “ พยัคฆ์วารี เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? ยังไหวอยู่หรือเปล่า ? “



    พยัคฆ์วารี ลุกขึ้นมาอย่างลำบาก เขาไม่บาดเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว



    “ ไม่ต้องห่วง ตรัยสูร แค่นี้ยังห่างไกลหัวใจนัก “



    พวกเขาทั้งสอง เหาะกลับมาหา อนันตวาโย เปมิกา นันทาเทพธิดา ในทันที สมทบกันเพื่อเข้าต่อสู้กับ น้ำทิพย์ที่สาม อีก ฝ่าย น้ำทิพย์ที่สาม หมุนเหวี่ยงทวนปะทะ พร้อมปัด จักรแก้ว ให้ออกพ้นตัว จักรแก้ว ลอยกระเด็นกลับคืนไปสู่มือเจ้าของ  น้ำทิพย์ที่สามตั้งท่าจะบุกใหม่ มีหญิงงามสองคน ลอยตัวมาทางด้านหลัง พลังสายฟ้า และ พลังอัคคี ถูกส่งออกมาพุ่งตรงไปยังร่างของ น้ำทิพย์ที่สาม  น้ำทิพย์ที่สาม ตวัดทวนกลับมาด้านหลังอย่างเร็ว ถึงต้านรับได้ส่วนใหญ่ แต่ก็ถูกพลังของพวกนางไป ๔ ส่วน



    “ อย่าลืมสิ ยังมีพวกข้าอีก ๒ คน “



    อัคคีนาคา ร้องข่มขู่  น้ำทิพย์ที่สาม ขณะที่ มยุราเทวี ผนึกพลังสายฟ้ากับดาบอัสนียบาต ส่งพลังกระแทกร่างของ น้ำทิพย์ที่สาม กดทับร่างของ น้ำทิพย์ที่สาม ไว้  น้ำทิพย์ที่สาม ใช้พลังที่มีอยู่กระแทกพลังที่กดทับตัว ผนึกที่ปิดกั้นไว้ทำท่าจะแตกสลาย ทางสองสาวงามรีบเข้าไปรวมกลุ่มกับ อนันตวาโย



    “ เอาไงดีล่ะ อนันตวาโย ผนึกที่ข้าปิดเจ้าหมอนี้ใกล้จะแตกแล้ว “



    มยุราเทวี รีบถาม อนันตวาโย อย่างร้อนรน ผนึกที่กักขัง น้ำทิพย์ที่สาม เริ่มปริแตก ทำท่าจะต้านไม่อยู่



    “ ถ้าแยกกันสู้เอาชนะเจ้าหมอนี้ ยากแน่ มีเพียงวิธีเดียว “



    อนันตวาโย ไม่มีเวลาพูดอะไรมากบอกให้ทุกคนเหาะลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างของทั้ง ๗ ลอยรวมกลุ่มอยู่ด้วยกัน ใช้เวลาไม่นาน ร่างของทั้ง ๗ เปลี่ยนรูปแบบในการรวมกลุ่ม  อนันตวาโย อยู่บนสุด ถัดต่ำลงมา เป็น ตรัยสูร เปมิกา นันทาเทพธิดา พยัคฆ์วารี มยุราเทวี และ อัคคีนาคา หมุนวนเปลี่ยนตำแหน่งกันเป็นรูปวงกลม มีพลังแผ่เชื่อมต่อกับร่างของพวกเขาทั้ง ๗ ไม่ขาดสาย  ร่างของทั้ง ๗ เปล่งแสงประสานเกื้อหนุนกัน ดูแปลกตาแต่น่ากลัว ขณะที่พวกเขาทั้ง ๗ กำลังต่อสู้กับ น้ำทิพย์ที่สาม อยู่ การต่อสู้ของพวกเขาหาได้รอดพ้นสายพระเนตรของ สามมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ที่ทรงทอดพระเนตรจากบนสวรรค์ไม่



    “ พบกันเร็วกว่าที่หม่อมฉันคิดเสียอีกนะ พระเจ้าข้า “



    พระนารายณ์ ตรัสทูล พระอิศวร



    “ เร็วจริงๆ แต่เป็นการพบที่ไม่ค่อยดีเท่าไร “



    พระอิศวร ทรงตรัสบอก พระนารายณ์ ขณะที่การต่อสู้ของพวกเขาทั้ง ๘ ทำให้พระอิศวรทรงกังวลพระทัย



    “ เห็นที เราทั้งสามต้องลงไปห้ามเสียแล้ว ขืนให้ต่อสู้กันต่อไปแทนที่จะได้ปราบกัลย์ปาอสูร กลับจะได้เห็นเหล่าเทพฆ่าพวกเดียวกันตายเสียก่อน “



    พอพระองค์ตรัสจบ มหาเทพทั้งสามก็พากันเสด็จลงไปยังโลกมนุษย์ในทันที  ฝ่าย น้ำทิพย์ที่สาม ที่โดนพลังของ มยุราเทวี กักกันไว้อยู่ ผนึกที่กักร่างของ น้ำทิพย์ที่สาม ถูกพลังของ น้ำทิพย์ที่สาม กระแทกจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ  น้ำทิพย์ที่สาม รีบลุกขึ้นจากพื้น จ้องมอง พวก อนันตวาโย ที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า



    “ ไอ้เจ้าพวกนี้คิดทำอะไรของมัน “



    น้ำทิพย์ที่สาม คิดพลางเตรียมตัวต้านรับการจู่โจมของพวกเขาทั้ง ๗  ส่วนพวก อนันตวาโย ที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้านั้น การหมุนวนของพวกเขาทั้ง ๗ ก่อเกิดพลังหมุนวนที่รุนแรงมหาศาล พลังที่แผ่ซ่านออกมากดดันจน น้ำทิพย์ที่สาม รู้สึกได้ ความรู้สึกของเขาบ่งบอกว่า นี้ไม่ใช่พระเวทย์ที่ธรรมดาเลย



    “ ก้งล้อปราบมาร เทวะฤทธิ์  ภาคเทพอสูร พิชิต อสูร “



    เหมือนร่างเทพอสูร ปรากฏออกมาจากตรงกลางของวงล้อเตรียมเข้าโรมรันกับ น้ำทิพย์ที่สาม น้ำที่สาม ผนึกพลังเต็มที่ร่างสิงห์ผงาดให้ได้เห็นอีกครั้ง บุกเข้าปะทะด้วย



    “ น่าสนใจ ดูสิว่าระหว่างพวกเจ้ากับข้า ใครจะอยู่ใครจะไป “



    สิ่งที่ น้ำทิพย์ที่สามใช้ คือ……



    “ เทพฤทธิ์ สิงห์ราช ทลายสวรรค์ “



    ก่อนพลังของพวกเขาจะปะทะกันเกิดแสงเจิดจ้าขึ้นกลางท้องฟ้า ปรากฏมหาเทพทั้งสามพระองค์ลอยอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ของพวกเขา พระอิศวร พระพรหม และ พระนารายณ์ ทรงเสด็จมาแล้ว ทั้งหมดต่างคลายพลังลงอย่างรวดเร็ว ต่างคุกเข่าคาราวะมหาเทพทั้งสาม



    “ ในที่สุดพวกเจ้าก็พบกันจนได้ “



    อัคคีนาคา สงสัยว่าพระพรหมทรงตรัสถึงสิ่งใด จึงทูลถามพระพรหม ด้วยความแคลงใจ



    “ พระองค์หมายถึงอะไรเพคะ หรือเกี่ยวกับบุรุษผู้นี้เพคะ “



    “ ใช่แล้ว อัคคีนาคา เราขอแนะนำให้พวกเจ้าทั้ง ๗ ได้รู้จักกับ น้ำทิพย์ที่สาม ซึ่งเป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกปราบ กัลย์ปาอสูร อีกคนหนึ่ง  “



    ทั้งหมดต่างตกตะลึงไม่คิดว่า ชายหนุ่มที่ต่อสู้จนเกือบเป็นเกือบตายจะ เป็นอีกผู้หนึ่งที่อยู่ในกลุ่มของเทพผู้ปราบ กัลย์ปาอสูร ด้วย



    “ เราได้คัดเลือก น้ำทิพย์ที่สาม ให้ออกมารับหน้าที่นี้โดยความต้องการของเราทั้งสาม โดยเป็นการคัดเลือกจากนอกแท่นพิธีการคัดเลือก และคัดเลือกก่อนหน้าที่เราจะทำการคัดเลือกพวกเจ้ามาทำหน้าที่นี้เสียอีก เมื่อพวกเจ้าทั้ง ๘ มาพบกันก็ดีแล้ว พวกเจ้าทั้ง ๘ จงร่วมมือกันเพื่อกำจัด กัลย์ปาอสูร ให้ได้  “



    พระอิศวรทรงตรัสรับสั่งกับพวกเขาทั้งหมด เทพทั้ง ๘ ต่างน้อมรับเทวะโองการเป็นอย่างดี หากแต่ น้ำทิพย์ที่สามคล้ายจะทูลถามอะไรบ้างอย่างจากพระพรหม แต่พระพรหมทรงยกพระหัตถ์ขึ้นห้ามเป็นเชิงปฏิเสธ



    “ เจ้าอย่าถามอะไรจากเรา น้ำทิพย์ที่สาม ชะตาของเจ้าได้ถูกลิขิตแล้ว สิ่งที่เจ้าอยากรู้จะคลี่คลายเมื่อเจ้าปราบ กัลย์ปาอสูร สำเร็จ “



    “ ไม่ต้องรีบร้อน น้ำทิพย์ที่สาม สิ่งที่เจ้าอยากรู้ย่อมได้รู้ ถึงตอนนั้นต่อให้เจ้าไม่อยากรู้ เจ้าก็ต้องได้รับรู้สิ่งเหล่านั้นอยู่ดี  “



    พระนารายณ์ ทรงตรัสกับ น้ำทิพย์ที่สาม ก่อนพระองค์ทั้งสามจะกลับขึ้นไปบนสวรรค์ และทรงทอดพระเนตรพวกเขาทั้ง ๘ จากเบื้องบนอีกครั้งหนึ่ง น้ำทิพย์ที่สาม เดินเข้ามาหา เปมิกา พยัคฆ์วารี มยุราเทวี และ อัคคีนาคา



    “ ข้าขอโทษพวกเจ้าทั้ง ๔ คนด้วย ที่ข้าวู่วาม ไม่ทันคิด “



    พวกเขายิ้มเป็นการตอบรับ เป็นการบ่งบอกเขาว่าไม่ได้โกรธสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปเลย น้ำทิพย์ที่สาม หันหน้ามามอง อนันตวาโย นันทาเทพธิดา และ ตรัยสูร เอ่ยปากขอโทษ พวกเขา เช่นกัน



    “  ข้าขอโทษพวกเจ้าทั้ง ๓ คนด้วยเหมือนกัน พวกเจ้าคงไม่โกรธข้านะ “



    “ ไม่เป็นไรหรอก น้ำทิพย์ที่สาม พวกข้าไม่โกรธเจ้าหรอก เรื่องทั้งหมดที่เกิดก็เพราะความเข้าใจผิดนะ “



    นันทาเทพธิดา เอ่ยตอบอย่างอ่อนหวานกับ น้ำทิพย์ที่สาม  น้ำาทิพย์ที่สาม รู้สึกดีใจที่พวกเขาทั้ง ๗ ไม่ได้โกรธตนเอง หันเหลียวมองมายัง พยัคฆ์วารี ซึ่งได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ทำให้เขารู้สึกละอายใจ ยื่นมือข้างหนึ่งไปยังร่างของ พยัคฆ์วารี พลันถ่ายพลังที่มีในตัวเขาสู่ร่างของ พยัคฆ์วารี อาการบาดเจ็บของ พยัคฆ์วารี หายไปอย่างรวดเร็ว พยัคฆ์วารี เองมอง น้ำทิพย์ที่สามอย่างทึ่ง ๆ ไม่คิดว่านอกจาก น้ำทิพย์ที่สาม จะเก่งกาจในการต่อสู้แล้ว พระเวทย์รักษาอาการบาดเจ็ดก็เยี่ยม อาการบาดเจ็บของ พยัคฆ์วารี หายไปแถมยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกต่างหาก



    “ วิเศษจริง ๆ พระเวทย์รักษาอาการของเจ้ายังยอดกว่าพระเวทย์รักษาอาการของข้าเสียอีก “



    น้ำทิพย์ที่สาม ยิ้มรับกับคำชมของ พยัคฆ์วารี แต่ อนันตวาโย เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า น้ำทิพย์ที่สาม ยังไม่เคยรู้จัก กับพวกเขาทั้ง ๗ จึงพูดแนะนำตัวขึ้น



    “ ข้าลืมไปเสียสนิท พวกข้ายังไม่ได้แนะนำตัวเลย ข้า อนันตวาโย ทายาทเทพแห่งวายุ “



    ที่เหลือต่างเห็น อนันตวาโย แนะนำตัวเองต่อ น้ำทิพย์ที่สาม จึงเอ่ยแนะนำตัวเองบ้าง



    “ ข้า ตรัยสูร ทายาทเทพแห่งยักษา และนี้ เปมิกา หรือ ดวงใจมาร เพื่อนของข้า ทายาทเทพแห่งยักษา เช่นกัน“



    “ ข้า นันทาเทพธิดา ทายาทเทพแห่งนารี “



    “ ข้า พยัคฆ์วารี ทายาทเทพแห่งพยัคฆ์ “



    “ ข้า มยุราเทวี หรือ นกยูง ทายาทเทพแห่งวิหค “



    “ ส่วนข้า อัคคีนาคา ทายาทเทพแห่งนาคา “



    น้ำทิพย์ที่สาม พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงของ นันทาเทพธิดา เอ่ยถามขึ้น



    “ แล้วเจ้าล่ะ น้ำทิพย์ที่สาม เจ้าเป็นทายาทเทพสายไหน ? “



    ลำคอของ น้ำทิพย์ที่สาม ตีบตัน คล้ายมีอะไรจุกอยู่ไหนลำคอ ก่อนเอ่ยปากบอกต่อพวกเขา ทั้ง ๗ อย่างยากลำบาก



    “ ข้าชื่อ ….. น้ำทิพย์ที่สาม …..ข้าไม่รู้….ไม่รู้ “



    “ ไม่รู้ เจ้าไม่รู้อะไร ? “



    มยุราเทวี ถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินคำพูดของ น้ำทิพย์ที่สาม ที่เอ่ยออกมา น้ำทิพย์ที่สาม เอ่ยบอกพวกเขาทั้ง ๗ ด้วยหน้าตาที่สุดแสนเศร้า



    “ ข้าไม่รู้ว่าข้าคือใคร ? นอกจากชื่อและข้ารู้ว่าตัวเองเป็นมนุษย์แล้ว ข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองของข้าเลย ? “



    “ อะไรนะ!!!!! “



    ทั้ง ๗ ต่างตกตกใจพูดออกมาพร้อมกัน สิ่งที่พวกเขา ยินดี ในทีแรกที่ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ หายไปเกือบหมดสิ้น น้ำทิพย์ที่สาม หลบหน้าไม่ให้ใครเห็น น้ำตาที่เอ่อล้นออกมา ความทุกข์นี้หนักหนาสาหัสนัก บุรุษหนุ่มที่ไล่ล่าเหล่าอสูรอย่างไม่มีจุดหมายอย่างเขา มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ แล้วทำไม ? เขาถึงถูกคัดเลือกให้มาปราบ กัลย์ปาอสูร กัลย์ปาอสูร เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขา ปริศนานี้จะคลี่คลายได้หรือไม่ คงต้องอาศัยเวลาเท่านั้น



    จบตอนที่ ๕ ครับ  เนื่องจากมีเสียงติมาว่าเรื่องที่ผมแต่งนั้นยาวเกินไปจึงต้องเอาตอนที่ยาว ๆ เหล่านี้มาทำเป็นตอนย่อย ๆ แทน หวังว่าคงไม่โกรธกันนะครับ ความจริงผมจะไม่ใช่ชื่อนี้ในตอนที่ ๕ แต่ถ้าเขียนต่อไปอีก มันก็จะยาวไปเป็นอีกตอนหนึ่งแทนจึงต้องจบตอนที่ ๕ ไว้เพียงแค่นี้ ชื่อจริงๆ ของตอนนี้คือ มายาซ่อนมายา แล้วเนื้อเรื่องมันก็จะยาวมากด้วย อีกทั้งผมต้องไปอบรมเป็นเวลาเกือบ 1 อาทิตย์ คงจะเขียนเรื่องนี้ต่อในภายหลังครับ และนี้เป็นโบนัสให้กับผู้อ่านอีกครั้งหนึ่ง ประวัติฉบับย่อของเทพผู้ปราบ กัลย์ปาอสูรคนที่ ๘



    คนที่ ๘ น้ำทิพย์ที่สาม ประวัติเป็นมาไม่ชัดแจ้ง ไม่แน่ว่าจะเป็น เทพ อสูร หรือว่า มนุษย์ พลังพระเวทย์สุดหยั่งคาด พลังสิงห์เป็นพลังประจำ ใช้สังวาล เป็นอาวุธ สามารถเปลี่ยนอาวุธอะไรก็ได้ตามใจต้องการ พระเวทย์ที่โดดเด่นเป็นวิชาเฉพาะตัวของ น้ำทิพย์ที่สาม คือ พระเวทย์จันทราส่องแสงสงบจิตไร้ความคิดอื่นใด และ พระเวทย์จักรวาลผันแปรสิ่งอื่นใดล้วนเกี่ยวเนื่อง นอกจากนั้น ยังมีวิชาลับที่ไม่ได้ใช้ออกมาอีกมากมาย



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×