ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกเทพอสูรมหาสงคราม ภาคพิเศษ๑ ภาคงานแต่งของกวินฟ้า

    ลำดับตอนที่ #3 : กวินฟ้า๓

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 291
      0
      5 ธ.ค. 51

    ศึกเทพอสูรมหาสงคราม ภาคพิเศษ ๑

    ภาคงานแต่งของกวินฟ้า ๓

     

                    กวินฟ้า ......กวินฟ้า

                    มรกต สะกิดเรียก กวินฟ้า เบาๆ หลังจากที่เห็นเขาจ้องมองดูศพโจรเคราะห์ร้ายทั้งสองด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าจะรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร

                    อ๊ะ...

                    เสียงเรียกของ มรกต ปลุกให้ กวินฟ้า ตื่นขึ้นมาจาก ภวังค์

     

                    เวลานี้ รอบตัวของทั้งสี่ เต็มไปด้วยกลุ่มโจรแม่น้ำทะเลซัด และกลุ่มโจรแม่น้ำฟ้าคราม แม้ กวินฟ้า จะช่วยเหลือกลุ่มโจรเหล่านี้แต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายจะถือว่าพวกเขาเป็นมิตรสหายด้วย

                   

                    เจอกันอีกแล้วน้องชาย ดูเหมือนคำเตือนของข้า เจ้าจะไม่จำใส่ใจเลยนะ

                หะลูอา เอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะที่คนของตัวเองกำลังจัดการเรื่องศพลูกน้องทั้งสองคนที่ตายไปด้วยฝีมือของสัตว์ประหลาดลึกลับ

                    ช่วยไม่ได้นี้น่า ข้าเองมันก็พวกหัวดื้อซะด้วย ก็เลยไม่ได้ใส่ใจคำพูดของพี่ชายซักเท่าไร

     

                    กวินฟ้า พูดพลางเดินเข้ามาหา หะลูอา

                คราวก่อนพี่ชาย ปล่อยข้าไป ครั้งนี้ข้าช่วยท่านเอาไว้ ก็ถือซะว่าเจ๊ากันไปก็แล้วกัน

                หึๆ ..เจ้านี้ช่างเข้าใจพูดเสียจริงๆ  แต่.......เอ๊ะ......รู้สึกว่าน้องชายคนนั้นข้าจะเพิ่งเคยเห็นหน้าใช่ไหม คราวก่อนคงไม่ได้อยู่บนเรือด้วยกระมัง

                    หะลูอา หมายถึง นิล ซึ่งยืนเคียงข้างอยู่กับพี่ๆทั้งสอง

                    เขาเป็นน้องชายข้า เรานัดเจอกันที่นครโรมพัตร มรกตตอบ

                    อ๋อ...อย่างนี้เองมิน่าพวกเจ้าถึงไม่ฟังคำเตือนของข้าเอาเสียเลย

                    หะลูอา พยักหน้าอย่างเข้าใจ ตอนแรกก็สงสัยอยู่เชียวว่าทำไมพวกเขาทั้งสามถึงไม่ยอมฟังคำเตือนของตน กลับยังดั้นด้นเดินทางเข้าไปในนครโรมพัตรอีก ที่แท้ก็เป็นเพราะห่วงพวกพ้องนี้เอง  นับว่าไม่เสียแรงที่ตัดสินใจปล่อยทั้งสามคนไปในตอนนั้น

     

                    อุษา เห็นพี่ชายและคนปริศนาทั้งสี่สนทนากันอย่างดิบดีราวกับว่าสนิทสนมกันมานาน จึงอดสงสัยไม่ได้เอานิ้วสะกิด พี่ชาย แล้วแอบถามเบาๆ ตามประสาคนใคร่รู้

                    พี่ รู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยหรือ?

                หะลูอา พยักหน้าเบาๆก่อนตอบว่า

                    เคยเจอกันเมื่อวันก่อน ตอนปล้นเรือเดินทาง พี่รู้สึกถูกชะตากับเขานิดหน่อยก็เลยปล่อยไป ไม่คิดว่าฝีมือจะร้ายกาจขนาดนี้

                พี่ล่ะก็ไม่น่าปล่อยเขาไปเลย หล่อๆอย่างนี้น่าจะจับมาให้ข้า รับรองว่าข้าจะนั่งเฝ้านอนเฝ้าทั้งวันทั้งคืนเชียวแหละ

                แม่เสือสาวพูดพลางมีสีหน้าเพ้อ

                    อย่านอกเรื่องน่า อุษา หะลูอา เอ็ดน้องสาวพลางส่ายหน้าอย่างระอาในความบ้าผู้ชายของนาง ก่อนพูดกับ กวินฟ้า ต่อว่า

     

                    แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี้ คงไม่ใช่บังเอิญมาเดินเล่นกระมัง

                    ข้ามาทำธุระ แต่ไม่คิดว่า จะเจอ พี่ชายที่นี้ เอาเป็นว่าข้าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็แล้วกัน ไปกันเถอะ มรกต มุก นิล อยู่ที่นี้นานๆข้าคิดว่าเราอาจจะไม่ปลอดภัย

     

                    กวินฟ้า เดินนำหน้าพาเพื่อนทั้งสาม ผ่านกลุ่มโจรไป แต่หัวหน้าโจรแม่น้ำฟ้าคราม กลับส่งเสียง ร้องห้าม

     

                    ช้าก่อน

                    อือ....มีอะไรอย่างนั้นหรือ?

     

                    ไผ่สีทอง พาลูกน้องเดินเข้ามาล้อม ทั้งสี่เอาไว้

                จะไปง่ายๆได้ยังไง  เมื่อกี้เจ้าคงได้ยินเรื่องที่พวกข้าคุยกันหมดแล้วใช่ไหม? เห็นทีข้าคงปล่อยพวกเจ้าไปไม่ได้

     

                    นึกอยู่แล้วเชียว ว่าพวกโจรนี้ไว้ใจไม่ได้  รู้อย่างนี้ปล่อยให้ถูกปีศาจนั้นฆ่าตายซะก็ดี แน่จริงก็เข้ามาเลย หากข้าไม่สับพวกเจ้าให้เป็นชิ้นๆล่ะก็ ข้าคงไม่หายแค้นแน่

                    มุก ชักดาบออกมา ตั้งท่ารบเป็นคนแรกตามนิสัยที่มุทะลุของตน ตามมาด้วย นิล ที่ชักอาวุธออกมาเช่นกัน มีเพียง มรกต ซึ่งใจเย็นกว่าผู้เป็นน้องทั้งสองยังคงยืนนิ่งไม่ทำอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่ใช้สายตาชำเลืองมองดูเท่านั้น

     

                    พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะเอาชนะพวกข้าทั้งสี่คนได้

                    ไม่ลองก็ไม่รู้ หรือต่อให้ข้าเอาชนะพวกเจ้าไม่ได้แต่พวกเจ้าเองก็อย่าหวังว่าจะไปจากที่นี้ได้ง่ายๆเช่นกัน

                   

                    ไผ่สีทองเกร็งพลังไว้ที่ฝ่ามือก่อนเกิดพลังแสงสีทองวูบวาบขึ้นมา

                    เจ้าหมอนี้เจ้าเล่ห์ไม่เบา  มรกต กระซิบบอกกวินฟ้าเบาๆ

     

                    ไผ่สีทองรู้ดีว่าหากให้ทั้งสี่ร่วมมือกันคงอยากที่จะสกัดพวกเขาไว้ได้แต่ถ้าหากแยกพวกพวกเขาออกจากกันแล้วย่อมไม่แน่ ที่สำคัญเขาเองก็ประเมินความสัมพันธ์ของคนกลุ่มนี้ไว้แล้ว เรื่องที่จะหนีเอาตัวรอดไปฝ่ายเดียวคงไม่มีทางทำเด็ดขาด

     

                    เดี๋ยวก่อนไผ่สีทอง ถือว่าเห็นแก่ข้า ปล่อยพวกเขาไปเถอะ พวกเขาคงไม่มีพิษมีภัยแก่พวกเราหรอกหะลูอา ร้องห้าม

                    ข้าคงจะทำตามที่ท่านขอร้องไม่ได้ท่านหะลูอา เรื่องในวันนี้เราจะแพร่งพรายให้คนนอกรู้ไม่ได้ และจะให้ข้าเชื่อใจคนที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรกก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกันไผ่สีทอง ไม่ยินยอมทำตาม

     

                    ชิ....เห็นทีจะเลี่ยงไม่ได้จริงๆซะแล้ว

                    กวินฟ้าจ้องมอง ไผ่สีทอง ดูๆไปแล้วหากเขาไม่ลงมือจริงๆจังๆเห็นทีว่าคงจะหลีกหนีออกไปจากที่นี้ไม่ได้แน่

                    เจ้านี้ฝีมือไม่เบา ถ้าหากยังออมมืออยู่อีกล่ะก็ต้องแพ้มันแน่ๆ ช่วยไม่ได้ถึงต่อให้ มรกต มุก นิล สงสัยว่าเราเป็นใครก็ต้องตีฝ่าวงล้อมหนีไปให้ได้

                ถึงแม้กวินฟ้าจะไม่ต้องการให้เพื่อนทั้งสามเคลือบแคลงว่าเขาเป็นใคร แต่หากต้องตกอยู่มือของโจรเหล่านี้สู้ขอให้เป็นอย่างแรกดีกว่า

                    มรกต มุก นิล พวกเจ้าถอยไปข้าจะจัดการเอง

     

                    กวินฟ้าไม่รอช้า ก้าวขึ้นหน้าเดินพลังเข้าหาพวกโจรอย่างช้าๆ  ผมด้านหลังค่อยๆเริ่มสยายขึ้นปลิวไสว บ่งบอกถึงพลังที่เริ่มปลดปล่อยออกมา

                    กวินฟ้า!!!!”

                ทั้งสามเริ่มผิดสังเกต พวกเขาเริ่มรู้สึกว่า พลังของ กวินฟ้า ออกจะมากมายมหาศาล เกินมนุษย์ธรรมดาทั่วไป

     

                    เพราะอะไรกัน? ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าหมอนี้มันเหมือนไม่ใช่คนธรรมดา

                    ไม่เพียงแต่แค่ มรกต มุก นิล แม้แต่ไผ่สีทอง ก็รู้สึกได้เช่นกัน

                    ยังไงก็ต้องจับตัวมันไว้ให้ได้

                ไผ่สีทอง เร่งผนึกพลังเวทย์ไว้ที่หมัด เตรียมปล่อยในทันที ที่อีกฝ่ายเริ่มจู่โจม แต่ก่อนที่ทั้งสองจะลงมือ บนท้องฟ้ากลับปรากฏกลุ่มคนปริศนา ๔-๕คนขึ้นมา

     

                    ฟ้าวววววววววววว

                    การเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ รวดเร็ว เกินสายตามนุษย์ จะมองทัน ต่างเพียงแค่รู้สึกว่าเหมือนมีลมพายุที่กำลังหมุนพัดผ่านพลันมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้า

     

                    อ๊ะ.....

                    กลุ่มคนที่มาทั้งหมด หยุดลงอยู่ระหว่างกลาง การต่อสู้ของ ไผ่สีทอง และกวินฟ้า บุรุษในชุดขาวที่ดูคล้ายหัวหน้าเยื้องย่างดุจราชสีห์ สง่าดุจพญาหงส์  ทรงอำนาจอย่างที่อธิบายไม่ได้

                    เสด็จ.......ท่านอากวินฟ้า ยั้งคำพูดเอาไว้ได้ทัน เขาไม่คิดว่าจะพบเจอกับโภคินันท์ที่นี้ เพราะไม่ใช่จุดที่นัดหมายกับเสด็จอาเอาไว้แต่แรก แต่ไม่รู้เพราะเหตุผลกลใดเสด็จอาโภคินันท์ ถึงเสด็จมาถึงที่นี้ได้

     

                    โภคินันท์ เห็นหลานรัก ทำท่าจะเอ่ยถาม ก็รีบยกมือเป็นสัญญาณเชิงให้เงียบไว้ก่อน พลางหันมาสั่งคนสนิทที่เหลือ

                    พวกเจ้าจงสำรวจดูให้ทั่ว

                    ขอรับ เหล่าทหารคนสนิท รู้ใจเจ้านายต่างเปลี่ยนสรรพนามเสียงตอบรับ ก่อนพากันแยกย้ายสำรวจดูร่องรอย บางก็ถือวิสาสะเข้าไปดูศพโจรที่ตาย โดยที่เหล่าโจรต่างไม่กล้าแม้กระทั่งจะร้องห้าม เพราะรู้ดีว่าบุคคลที่มาใหม่ไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยได้ง่ายๆ

     

                    เจ้านี้.....เป็นใครกัน ทำไมถึงได้.....

                    ไผ่สีทอง รู้สึกว่า ชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง ไม่ใช่บุคคลธรรมดาแน่นอน แม้การแต่งกายจะดูสามัญ แต่ทว่าความสง่าที่เปล่งออกมาต้องไม่ใช่ชนชั้นพื้นเพธรรมดาแน่

                    ไผ่สีทอง อย่าเพิ่งทำอะไรดูสถานการณ์ไปก่อน

                    หะลูอา กระซิบบอกเตือน เขาเองก็รู้สึก เช่นเดียวกันกับ ไผ่สีทอง แต่นอกเหนือจากนั้น ยังสังเกตได้ว่า ชายผู้นี้มีความสัมพันธ์กับ กวินฟ้า อีกด้วย สังเกตจากสีหน้าของ กวินฟ้า ในทีแรกที่พบเจอกับชายผู้นี้

     

                    เพียงครู่เดียวทหารที่ติดตามก็กลับมารายงาน

                    ได้ความว่าอย่างไร?โภคินันท์ เอ่ยถามเสียงเย็น

                    ไม่ผิดแน่นอนขอรับ ร่องรอยพวกนี้ เป็นฝีมือของมันแน่

                    อีกแล้วงั้นหรือ? 

                    โภคินันท์ คำรามเบาๆนี้นับเป็นศพที่สิบเจ็ดเข้าไปแล้ว นับตั้งแต่สืบหามา

                   

                    ข้าว่ารังของมันต้องอยู่ใกล้ๆละแวกนี้แน่เพียงแต่เรายังหาไม่เจอผู้ที่มาด้วยเอ่ยแสดงความคิดเห็น

                    เจ้ารีบกลับไปนำกำลังของพวกเราทั้งหมดมายังที่นี้ ต่อให้พลิกหาทั่วทั้งแผ่นดินข้าก็ต้องจัดการเจ้านกยักษ์นี้ให้ได้

                    ขอรับ

                    ทหารสามคนขานรับ ก่อนทะยานร่างเหาะไปยังบนอากาศ

                   

                    นี้มันเรื่องอะไรกันพระ...  ขอรับ

                กวินฟ้า เอ่ยถาม

                    กวินฟ้า เจ้ารู้จักเขาด้วยหรือ? มุกเอ่ยถาม พลางมองบุรุษตรงหน้า จะว่าไปแล้วท่าทางของเขาดูทรงอำนาจยิ่งกว่าพวกขุนนางผู้ใหญ่เสียอีก

                    เขาเป็นอาของข้าเอง กวินฟ้าตอบ

                    อาของเจ้า!!!!!....แสดงว่า พรรคพวกที่เจ้าจะมาหาก็คือ อา ของเจ้าใช่ไหม?

                    ใช่... แต่ข้ารู้สึกว่าท่านอา ไม่ใช่มาเฉพาะเรื่องของข้าแต่เพียงอย่างเดียวแต่มีเรื่องอื่นอีกกวินฟ้าตอบมุกให้หายข้องใจแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ในคราวเดียวกัน

     

                    เจ้ามาอยู่ที่นี้ได้อย่างไรกวินฟ้า? โภคินันท์ถาม

                    หลานกำลังเดินทางมาหา....เสด็....เฮ้ย... ท่านอา แต่ยังไม่ถึงที่หมายนะ.... ขอรับ... แล้ว... ท่านอา... ทำไมถึงมาที่นี้ได้..ขอรับ...ที่นี้ไม่ใช่จุดนัดพบของเรานี้ขอรับ?

                    ใช่ แต่ระหว่างที่รอเจ้าอยู่นั้นจู่ๆคนของอาที่ตามแกะรอยไอ้ครุฑบ้าที่อาเคยเล่าให้เจ้าฟัง ก็มารายงานให้อารู้ว่ามันกำลังปรากฏตัวอยู่แถวนี้ อาก็เลยให้คนของอาอยู่รอเจ้าที่จุดนัดพบแทนส่วนอาก็ออกมาไล่ล่าตามมันอยู่นี้แหละ อาเองก็ไม่คิดว่าจะมาเจอกับเจ้าที่นี้ด้วยเช่นกันน้ำเสียงของโภคินันท์ บ่งบอกความเกรียวกราดอยู่ในตัว

     

                    “’งั้นก็แสดงว่า เจ้าสัตว์ประหลาดที่หลานเพิ่งจะสู้ด้วยเมื่อครู่นี้คือ...ครุฑ......จริงๆ.....หรือขอรับ....... กวินฟ้า กลืนน้ำลายเข้าไปเอื๊อกใหญ่ เขายังจำได้ดีถึงวินาทีแรกที่สังเกตเห็นรอยแผลจากศพโจรสองคนนั้นได้

                    นี้เจ้าสู้กับมันมาด้วยอย่างนั้นหรือ? โภคินันท์ ตกใจ แต่แรกเพียงคิดว่า กวินฟ้า ที่อยู่ในบริเวณนี้อาจจะแค่พบเห็นตัวมันเท่านั้นไม่คาดคิดว่าจะถึงขนาดได้ลงไม้ลงมือต่อกันสู้ด้วย

                    ใช่...ขอรับ บังเอิญมันกำลังจะทำร้ายโจรพวกนั้น หลานก็เลยเข้ามาช่วยพวกเขาไว้

                ชะช้ามันจะมากเกินไปแล้วคิดจะทำร้ายแม้กระทั่งหลานของข้าเชียวหรือ

                แววตาของ โภคินันท์ น่ากลัว อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ หาก ครุฑ ที่ว่า มาเจอ โภคินันท์ ในเวลานี้คงไม่แคล้วต้องสังเวยชีวิตเป็นแน่

     

                ครุฑอย่างนั้นหรือ!!!!!”

                    คำพูดของ โภคินันท์ ยังความตกใจให้กับ ทั้ง มรกต มุก นิล รวมทั้งกลุ่มโจรแม่น้ำทั้งสองที่ได้ยินอีกด้วย

                   

                    กวินฟ้า หมายความว่าไงกัน เจ้าตัวที่พวกเราต่อสู้ด้วยเมื่อกี้นี้คือ ครุฑ อย่างนั้นหรือ?

                    ทั้งสามต่างพากันซักถาม กวินฟ้า กันยกใหญ่ ทั้งยังเริ่มสงสัยแล้วว่าจริงๆแล้ว กวินฟ้า เป็นใครกันแน่

                    สามคนนี้คือ?

                    โภคินันท์ เห็นทั้งสามพยายามคาดคั้นหลานรัก จึงชิงแย่งถามขึ้นมาก่อน

                    เป็นเพื่อนของหลานที่พบกันระหว่างทางนะขอรับ นี้คือ มรกต มุก และนิล ขอรับ

                    ทั้งสามคนละจากการซักถามพากันทำความเคารพต่อ โภคินันท์

     

                    นี้คือ ท่านอาของข้า ท่านอาโภคินันท์

                    หลานทั้งสามคนขอคาราวะ

                   

                โภคินันท์ มองดูทั้งสาม ดูแล้วรูปร่างดูเหมือนจะอ้อนแอ้นไปนิด แต่กลับใส่ชุดของพวกนักรบ

                    พวกเจ้าเป็นคนในตระกูลนักรบอย่างนั้นหรือ?

     

                    ขอรับ พวกข้าทั้งสามเป็นนักรบรับจ้าง คอยคุมดูแลสินค้าที่ค้าขายระหว่างเมืองมรกต ตอบ

                    แม้จะไม่เชื่อแต่ โภคินันท์ ก็พยักหน้ารับ พลางถามว่า

                    พวกเจ้าคงสังสัยล่ะสิว่า ข้ากับกวินฟ้าเป็นใครกันแน่?

                    ใช่แล้วขอรับ ดูท่าทางท่านคงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

                    นิลกล่าวอย่างไม่ท่าทีกลัวเกรง  ทั้งยังหันมามองหน้า กวินฟ้า คล้ายๆกำลังจะบอกว่า เขากำลังปกปิดความจริงบางอย่างอยู่

     

                    ก็จริงอย่างที่เจ้าคิดนั้นแหละ แต่ข้าและกวินฟ้ายังไม่สะดวกที่จะบอกพวกเจ้าในเวลานี้ แต่ข้ารับรองต่อพวกเจ้าได้ว่าตัวข้าและหลานของข้า ไม่ใช่คนเลวอย่างแน่นอน ขอให้พวกเจ้าวางใจได้

     

    แต่กระนั้นข้าก็ยังไม่รู้สึกไว้ใจพวกท่านอยู่ดี มุก กล่าว เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขาต่างคิดว่า กวินฟ้า เป็นแค่บัณฑิตธรรมดาที่หน้าตาดีคนหนึ่งเท่านั้น

    โภคินันท์ เองไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด กลับพูดตอบกลับไปว่า

    ถ้าเช่นนั้น หลานข้าเองก็ไม่สมควรไว้ใจพวกเจ้าเช่นกัน เพราะพวกเจ้าเองก็ไม่ใช่คนของตระกูลนักรบตามที่พวกเจ้ากล่าวอ้าง ข้าพูดผิดหรือไม่?

     

                    ทั้งสามตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่า โภคินันท์ จะมองพวกเขาออกด้วยว่าจริงๆแล้วพวกเขาไม่ใช่นักรบรับจ้างอย่างที่ กวินฟ้า เข้าใจ

                   

                    อะไรกันนี้พวกเจ้าไม่ใช่พวกนักรบงั้นหรือ?

                    แล้วทีเจ้าล่ะ ทำไมถึงต้องปกปิดฐานะด้วย หนอย...ทำมาเป็นบอกว่า เป็นพวกบัณฑิต จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่? มุกย้อนถาม อย่างไม่ยอมจนมุม

                อะไรกัน....นี้พวกเจ้า.....เฮ้อ....  กวินฟ้า พยายามจะเถียงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาคำพูดอะไรมาเถียงได้เพราะต่างฝ่ายก็ต่างหลอกลวงกันด้วยกันทั้งคู่

     

                    เอาเป็นว่า ต่างคนต่างก็มีเหตุผลและความจำเป็นส่วนตัวก็แล้วกัน

    โภคินันท์ ตัดบท พลางหันหน้ามาถาม กวินฟ้า

                    มาเข้าเรื่องดีกว่า ที่เจ้าติดต่ออา มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือกวินฟ้า?

     

                    แม้ กวินฟ้า จะยังข้องใจอยู่ แต่ก็ไม่ลืมสิ่งสำคัญที่ต้องทำในเวลานี้ รีบอธิบายเรื่องอย่างคราวๆตั้งแต่ต้นจนจบพร้อมทั้งบอกความต้องการ

                    ด้วยเหตุนี้ทั้งหลาน มรกต มุก และนิล จึงต้องการที่จะออกจากนครโรมพัตร เพราะดูแล้วสถานการณ์ภายในนครดูไม่น่าไว้วางใจ ขอรับ

    อ๋อ...เรื่องแค่นี้เองหรอกหรือ? โภคินันท์ พยักหน้าเข้าใจ

     

    หลานจึงอยากจะให้ ท่านอาช่วยพาเพื่อนหลานออกไปจากนครโรมพัตรก่อนขอรับ

                    หือ.....แล้วเจ้าล่ะ?โภคินันท์ สงสัยหรี่ตามองเพราะเมื่อกี้ยังได้ยินอยู่ว่า กวินฟ้า เอง ก็อยากจะออกไปจากนครโรมพัตรเช่นกัน

     

                    หลานอยากจะอยู่ที่นี้ต่อขอรับ  กวินฟ้าตอบ

                    ทำไมล่ะ ก็ไหนเมื่อกี้เจ้าเองก็บอกอาว่าอยากจะออกไปจาก นครโรมพัตร เหมือนกันมิใช่หรือ?โภคินันท์ ถาม

     

                    ตอนแรกหลานก็คิดเช่นนั้น แต่ตอนนี้หลานอยากจะอยู่ช่วย ท่านอา ตามจับเจ้าครุฑนั้นให้ได้เสียก่อน

                    โภคินันท์ จ้องมอง กวินฟ้า ด้วยความรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ตามปกติแล้ว นาคนั้นกลัวครุฑยิ่งนักแต่ทำไม่ จู่ๆถึงกลับหาญกล้าเข้าไปต่อกรด้วย

     

                    ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงอยากจะจับเจ้าครุฑนั้นขึ้นมาล่ะ เจ้าไม่กลัวมันอย่างนั้นหรือ?

                    กลัว ขอรับ แต่หลานคิดว่าถ้าหากเราปล่อยมันเอาไว้จะต้องเป็นภัยอย่างใหญ่หลวงต่อผู้คนแน่

                    โภคินันท์ หัวเราะด้วยความชอบใจ เอามือตบที่บ่าของหลานชาย

                   

                    ฮะๆๆ ไม่เสียทีที่เป็นหลานของข้า ถ้าเจ้าประสงค์เช่นนั้น อา ก็ไม่ว่าอะไรส่วนเพื่อนเจ้าสามคนอาจะให้คนของอาส่งพวกเขาออกไปนอกนครโรมพัตรเอง

                เดี๋ยวก่อนขอรับมรกต เอ่ยขัดจังหวะ

                    เจ้ามีอะไรอีกหรือ?

                    ในเมื่อ กวินฟ้า ต้องการจะอยู่ที่นี้ พวกข้าสามคนก็ขออยู่ด้วยมรกต บอกความประสงค์

     

                    หืม....... โภคินันท์ จ้องมองสามพลางคิดว่าพวกเขากำลังมีแผนการอะไรกันแน่ ถึงได้เอ่ยเช่นนี้ออกมา

                    พวกเจ้าบ้าไปแล้วงั้นหรือ? ทำไมถึงไม่รีบกลับไปซะ ที่นี้มีอันตรายรอบด้านพวกเจ้าก็เห็นอยู่กวินฟ้าว่า ทั้งไม่อยากให้ทั้งสามเข้ามายุ่งในเรื่องนี้ด้วย

                    พวกข้าไม่เคยทอดทิ้งเพื่อนเพื่อหนีเอาตัวรอดหรอกรู้เอาไว้ซะด้วย มรกตยิ้มบอก

     

                    อีกอย่างพวกข้าก็ยังอยากรู้ว่าเจ้าเป็นใครกันแน่ ขืนพวกข้ารีบกลับไปก็คงไม่รู้ความจริงในข้อนี้นะสิมุกเสริมต่อ

    บทจะดื้อขึ้นมาทั้งสามก็ดื้อมาอย่างไม่น่าเชื่อ กวินฟ้า ได้ยิน ถึงกลับกลุ้ม

                    พวกเจ้านี้.... ข้าจะทำอย่างไรกับพวกเจ้าดีนะ...

                เอาเถอะน่า คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย เจ้ามีพวกข้าตั้งสามคนยังต้องห่วงอะไรอีก นิลช่วยหนุนพี่ๆอีกแรง

     

                    แต่เจ้าครุฑนั้นมันร้ายกาจมากนะ ข้าเกรงว่า....พวกเจ้าจะได้รับอันตราย...กวินฟ้า พยายามหาเหตุผลแย้งอีกครั้ง

                    นี้ๆอย่าลืมสิว่า พวกข้าเองก็มีฝีมือเช่นกัน หากเมื่อกี้ไม่ได้พวกข้าช่วยเสริมอีกแรงมีหรือมันจะรีบโกยแนบไปอย่างนั้น

     

                    จริงอย่าที่ นิลบอก ฝีมือของพวกเขาทั้งสามคนร้ายกาจไม่ใช่น้อย หากไม่ได้ทั้งสามส่งพลังเข้ามาชัดจังหวะไว้ ไม่แน่ว่าเจ้าครุฑประหลาดนั้นจะยอมรามือง่ายๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อยากให้เพื่อนทั้งสามคนต้องมาเสี่ยงด้วยอยู่ดี

     

                    แต่ว่า..........

                    เอาอย่างนั้นก็ได้

                ท่านอา!!!!!....

                    ในเมื่อพวกเขาอยากจะช่วยเจ้า เจ้าก็อย่าขัดใจพวกเขาเลย โภคินันท์ สรุป

     

                    เอาเป็นว่าพวกเจ้าทั้งหมดก็อยู่ที่นครโรมพัตรต่อแล้วก็แล้วกัน ส่วน............

                โภคินันท์ หันมามองกลุ่มโจรแม่น้ำทั้งสอง

                    พวกโจรเหล่านี้ เจ้าคิดว่า อา ควรจะทำอย่างไรกับพวกมันดี?

                สายตาอันคมกริบของ โภคินันท์ จ้องมองมายัง หะลูอา และ ไผ่สีทอง จนทั้งสองรู้สึกหนาวเย็นยะเยือกขึ้นมา

     

                    เอ้อ...ท่านอา..หลานคิดว่า....

                    กวินฟ้า ยังไม่ทันพูดจบ ร่างของ โภคินันท์ ก็หายวูบไปกับตา ก่อนจะมายืนประจันหน้ากับหะลูอา และไผ่สีทอง ในระยะประชิดตัว

     

                    หากข้าฟังที่หลานข้าเล่ามาไม่ผิดเจ้าใช่ไหมที่คิดจะจับตัวหลานข้าเอาไว้

                    ไผ่สีทอง ถึงกับสะดุ้งเมื่อตรงประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้ามในระยะประชิดถึงขนาดนี้

     

                    ...ข้า....ต้องขออภัยด้วย....แต่ข้ามีความจำเป็นต้องทำ....ขอให้ท่านโปรดเห็นใจพวกข้าด้วย หากท่านยังสงสัยสิ่งใดพวกข้าสามารถอธิบายให้ท่านฟังได้

                    ไผ่สีทอง พยายามอธิบายเหตุผล หากอีกฝ่ายไม่รับฟังแล้วเห็นทีว่าจากคนเคยไล่ล่าผู้อื่นมาชั่วชีวิตคงเปลี่ยนเป็นผู้ถูกไล่ล่าเสียเอง

                    หึๆๆ...เหตุผลของเจ้าก็น่าฟังอยู่ แต่ใช่ว่าข้าจำเป็นจะต้องฟังเหตุผลของพวกเจ้าไม่

                    เพียงแค่ โภคินันท์ ส่งสัญญาณ ทหารวิหคที่เหลืออีกสองคนก็พร้อมจะจัดการกลุ่มโจรทั้งสองในทันที แม้จะมีแค่สองคนแต่ หะลูอา และ ไผ่สีทอง ก็รู้ดีว่า คนของตนมิอาจจะต่อกรกับอีกฝ่ายได้

     

                    ท่านอา  ปล่อยพวกเขาไปเถอะ กวินฟ้า ขอร้อง

                    เจ้าทำไมจะต้องไปใจดีกับพวกมันอีก เมื่อครู่นี้พวกมันคิดจะจับกุมพวกเจ้าอยู่มิใช่หรือ?

                    ใช่ ขอรับ...แต่คราวก่อน พี่ชายคนนั้นก็เคยปล่อยข้าเช่นกัน อีกอย่างเขาเองก็คงไม่ได้หมายเอาชีวิตพวกข้า คงคิดแต่เพียงจะจับพวกข้าทั้งสี่คนเอาไว้เท่านั้นเอง

     

                    ใช่ๆ....พวกข้า ไม่ได้หมายเอาชีวิตของน้องชายผู้นี้ เพียงแต่ ไผ่สีทอง ไม่ต้องการให้เรื่องที่เรามาพบกันที่นี้ล่วงรู้ไปถึงบุคคลภายนอก หะลูอา ยืนยัน

     

                    โภคินันท์ ครุ่นคิดนิดหนึ่ง แล้วจึงค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาว่า

                    ในเมื่อหลานข้าขอเอาไว้ ข้าก็ไม่ติดใจเอาความกับพวกเจ้าอีก ส่วนเรื่องของพวกเจ้านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกข้า พวกเจ้าจะทำการสิ่งใด ก็ไม่เกี่ยวกับพวกข้าเช่นกัน ดังนั้นหลานของข้าเองก็ไม่มีความจำเป็นที่จะบอกให้ใครรู้ด้วย ที่นี้พวกเจ้าคงจะสบายใจแล้วใช่ไหม?

                    หะลูอา อุษา และไผ่สีทอง ต่างโล่งอก

                    พวกข้า....เข้าใจแล้ว

     

                    ครั้งนี้ข้าถือว่าแล้วกันไป แต่หากคราวหน้ามีเรื่องเช่นนี้อีก ข้าคงไม่ใจดีแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองแน่ พวกเจ้าเข้าใจใช่ไหม?

                    โภคินันท์ ย้ำบอก

                    ........พวกเรารีบถอยออกจากที่นี้เดี๋ยวนี้

                    ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ หะลูอา รีบสั่งการในทันที กลุ่มโจรแม่น้ำทะเลซัด และฟ้าคราม ต่างพากันร่นถอยออกจากบริเวณป่าอย่างรวดเร็ว จนเหลือแต่เพียงกลุ่มของ กวินฟ้า เท่านั้น

     

                    หึ...ช่างสมเป็นโจรดีแท้ ไปมารวดเร็วใช้ได้

                โภคินันท์ เปรียบเปรย ก่อนหันมากำชับกับ กวินฟ้า ว่า

                    ที่นี้พวกเจ้าก็กลับเข้าไปในนครโรมพัตรได้แล้ว อาจะให้คนของอาแฝงกายเข้าไปในนครโรมพัตรด้วยเพื่อคอยช่วยเหลือพวกเจ้าด้วยอีกแรงหนึ่ง มีอะไรก็เรียกใช้พวกเขาได้ แล้วก็ระวังตัวให้ดีด้วย กวินฟ้า หากเจ้าเหลือบ่ากว่าแรงหรือต้องการความช่วยเหลือก็จงส่งรหัสสัญญาณออกมา อาจะรีบตามไปช่วยพวกเจ้าในทันที  แล้วอย่าลืมสอนเพื่อนของเจ้าทั้งสามคนให้พวกเขาเข้าใจสัญญาณของพวกเราด้วยล่ะรู้ไหม?

                    ขอรับ ท่านอากวินฟ้ารับคำ

     

                    ถ้าเช่นนั้น หลานขอตัว ก่อน ไปกันเถอะ มรกต มุก นิล

                    ทั้งสี่ ทำความเคารพก่อนพากันกลับเข้าไปในนครโรมพัตรอีกครั้ง

     

                    โภคินันท์ จ้องมองทั้งสี่หายไปในความมืดจนลับตา จึงได้สั่งการอีกที

                    พวกเราเองก็ไปได้แล้ว ข้ายังมีเรื่องต้องสะสางอีกมาก

                    พระเจ้าข้า

                    ฟ้าวววววววว

                    ร่างสามร่างเหาะพุ่งทะยาน หายลับเข้าไปในยามค่ำคืนและไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลย

     

    --------------------------------

     

                    ผลไม้จ๊ะ  ผลไม้หวานๆกรอบๆ จ๊ะ  .....

                ขนมหวานจ๊ะ  .......ขนมหวานไหมจ๊ะ?.....

                    เสียงคนร้องตะโกนโหวกเหวก ดังเซ็งแซ่ในยามเช้า ตลาดในวันนี้ช่างคึกครืนยิ่งนัก ภายในนครโรมพัตรเวลานี้ต่างเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาหลากเชื้อชาติ ที่จะมาเข้าร่วมพิธีงานฉลองสมโภชนคร ไม่เฉพาะแค่นั้นยังคร่าคร่ำไปด้วยเจ้าชายจากต่างเมืองมากมายที่หวังจะอภิเษกสมรสกับพระธิดาทั้งสองพระองค์อีกด้วย

     

                    กรี๊ดดดดดดด กรี๊ดดดดด

                    เสียงกรีดร้อง ดังสนั่นลั่นไปทั่วทั้งตลาดยิ่งกว่าตอนงานแสดงศิลปะดนตรีเมื่อสองเดือนที่แล้วเสียอีก

                    ทำไมข้าจะมาเดินในตลาดอย่างนี้ด้วย มรกต

                    กวินฟ้า ในชุดบัณฑิต สีขาวฟ้า  เดินอย่างสง่างามอยู่บนสะพาน รอบข้างมีนักรบรับจ้างติดตามอยู่สามคน รูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดหญิงสาว ผมที่ยาวปลิวสยายยามต้องลมเพิ่มเสน่ห์ให้กับชายหนุ่มจนมี หญิงสาวมากหน้าหลายตาต่างพากันมารุมล้อมจ้องมองดู ราวกับว่าเขาเป็นนักแสดงศิลปะอย่างไรก็อย่างนั้นแหละ

     

                    เข้าเมืองตาหลิวก็ต้องหลิวตาตาม วันนี้เป็นวันแรกของพิธีสมโภช ผู้คนส่วนใหญ่ไม่มาร่วมงานสมโภช ก็มาร่วมพิธีคัดเลือกราชบุตรเขย เจ้าทำตัวเป็นจุดเด่นอย่างนี้ดีแล้ว ไม่แน่หากเหล่าเสนาอมาตย์มาเห็นเข้า อาจจะเชิญเข้าไปร่วมพิธีก็ได้

                    จะบ้าเหรอ? ข้าไม่อยากร่วมพิธีด้วยซักหน่อย กวินฟ้า แย้ง เขาเกลียดการแต่งงานยิ่งกว่าอะไรดี

     

                    เชื่อๆ พี่มรกต ไปเถอะน่า หากเจ้าต้องการจะจับครุฑนั้นจริงๆต้องหาทางเข้านอกออกในภายในวังให้ได้ ไม่แน่ว่ามันอาจจะแอบหลบซ่อนตัวอยู่ภายในวังก็เป็นได้ ถึงทำให้ อา ของเจ้าหาตัวมันไม่เจอซักที

                   

                    ฟังที่ มุก ว่าก็พอเข้าเค้า ที่ที่คนไม่คาดคิดอาจเป็นแหล่งกบดานของเจ้าครุฑชั่วร้ายนั้นก็เป็นได้ใครจะไปรู้

                    เอาก็เอา ไหนๆ ข้าก็หลวมตัวเชื่อพวกเจ้ามาถึงขนาดนี้แล้ว จะเชื่ออีกหน่อยจะเป็นไรไป

                   

                    กรี๊ดดดด กรี๊ดดดดดดเสียงกรีดร้องของหญิงสาวยังดังไม่หยุดหย่อน

                    ต๊าย ต๊าย  เธอ ดูสิ  คุณชายบ้านไหนนะเธอ ถึงได้หล่อบาดตาบาดใจขนาดนี้

                นั้นนะสิ คนอะไรไม่รู้เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น รูปงามยังกะเทวดาแน๊ะ

                    สาวชาวบ้านและลูกขุนนางหลายต่อหลายคน ต่างพูดคุยกันเสียงจ้อทั้งยังจ้องมองมาทาง กวินฟ้า ตลอดเวลา

     

                    ให้ตายสิ แม่พวกนี้ หนวกหู ชะมัดเลย

                กวินฟ้า รู้สึกรำคาญเสียงกรี๊ดไม่น้อย จนต้องรีบหาที่หลบ

                    ข้าว่าเราแวะหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า

     

                    ข้าเห็นด้วย

                    นิลเองก็อยากจะหลบออกไปให้พ้นจากรัศมี แม่สาวๆพวกนี้เช่นกัน เพราะแผนการที่วางไว้รู้สึกว่ามันจะดีจนเกินคาด จนถูกแม่พวกสาวๆทั้งหลายล้อมหน้าล้อมหลัง จนแทบจะเดินไม่ได้อยู่แล้ว

                    งั้นตามข้ามา

                    มุกเดินนำหน้า โดยยังมีแม่บรรดาสาวๆสวยๆเดินตามกันมาต้อยๆ

                    เชิญ ร้านนี้เลยขอรับ คุณชาย เห็นว่าเลื่องชื่อใน นครโรมพัตรนัก มุกเริ่มเล่นบทบาทที่เตี๋ยมกันมา

                   

                    ก็ดีข้าเองก็อยากลองลิ้มชิมรสอาหารที่นครโรมพัตรเช่นกัน เห็นเขาว่ากันว่าเลิศรสนักหนาคุณชายจำแลงทำเป็นรับลูก

                   

                    ลูกจ้างภายในร้านต่างรีบกุลีกุจอ ต้อนรับทั้งสี่คน

                    เชิญเลยขอรับ นายท่าน นายท่านทั้งสี่ต้องการรับอะไรบ้างขอรับ

                    อาหารขึ้นชื่อทุกอย่าง ภายในร้านนี้เจ้าเอามาให้หมด  ข้าได้ยินมาว่าเหล้ากลีบเกสรที่หมักด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ของ ที่นี้รสชาติเป็นเลิศ จึงอยากให้คุณชายของข้าได้ลองดูเสียหน่อย

                    ได้ขอรับนายท่าน กรุณารอซักครู่ ข้าจะรีบจัดมาให้นายท่านทั้งสี่โดยเร็ว

     

                    ระหว่างที่สั่งอาหารอยู่นั้น มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังจ้องมองมายังพวก กวินฟ้า อยู่

                    ท่านพ่อ ดูคนนั้นสิขอรับ

                    ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียก หันมามองดู กวินฟ้า อย่างไม่วางตา

                    รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ดีกว่าลูกขุนนาง ทั่วไป เป็นคุณชายบ้านไหนกัน?

                    ไม่ใช่คนที่นี้ขอรับ เห็นว่ามาจากต่างเมือง หัวหมู่ คนสนิทเอ่ยบอก

     

                    ไม่แน่อาจจะเป็นเจ้าชายทรงปลอมแปลงพระองค์มากระมังท่านพ่อ

                    ที่บุตรชายกล่าวก็น่าคิด

                    จับตาดูอีกซักนิด หากเป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า ก็นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับนครของเรา

                    อมาตย์วิชาญ กล่าว

     

                เพียงเวลาไม่นานอาหารที่ กวินฟ้า สั่งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า ทั้งหูฉลาม แป๊ะซะ ปลานึ่งซีอิ้ว ไก่นึ่งมะนาวดอง ปลาทับทิมจาระเม็ด และอื่นๆอีกมากมาย กลิ่นของมันช่างหอมยั่วยวนน้ำลายของ กวินฟ้า นี้เสียกระไร

                    อา..... กวินฟ้า น้ำลายสอแทบจะทันทีทันใดที่ได้เห็น

                    เอ้อ....คุณชาย...มรกตกระซิบ

                    อาไยเย้อ

                    เช็ดน้ำลายหน่อยขอรับ

                    ซูบบบบบบ

                    กวินฟ้า ซี้ดปาก เอามือปาดน้ำลายเบาๆ ก่อนจะรู้สึกตัว

                    เอ้อ.....ฮะแฮ่ม  .........ข้าว่ายังขาดอีกอย่างหนึ่งนะ..

                    นาควายุ ปรับท่าทางแทบไม่ทันเมื่อโดนเพื่อนเอ่ยสะกิด

                    มาแล้ว ขอรับ เหล้ากลีบเกสร เราหมักบ่มมากกว่าสิบปี ข้ารับรองได้ว่านายท่านจะต้องไม่เคยลองลิ้มชิมรสที่ไหนมาก่อนแน่ขอรับ

     

                    ระหว่างที่ทานอาหารอยู่นั้นเอง ก็ปรากฏคนอีกสองคน เดินเข้ามาในร้านด้วย

                    หลีกๆๆหน่อย เชิญพระเจ้าข้า พระโอรส ร้านนี้ขึ้นชื่อในนครโรมพัตรที่สุดแล้ว พระเจ้าข้า

                    ชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีมรกต ค่อยๆเยื้องย่างเดินผ่านบรรดาสาวๆที่กำลังรุมล้อมมองดู กวินฟ้า อยู่นอกบริเวณร้าน

                    เจ้าจ้อน ทำไมวันนี้สาวๆเมืองนี้ถึงได้มาชุมนุมกันที่นัก

                    เพราะพวกเขารู้ว่า พระองค์จะเสด็จมาที่นี้นะสิ พระเจ้าข้า ก็เลยมาชื่นชมความสง่างามของพระองค์อย่างไรเล่าพระเจ้าข้า มหาดเล็กคนสนิททูลประจบเอาใจ

                    แหมเจ้านี้ล่ะก็ เรื่องจริงๆแบบนี้ไม่ต้องเอามาพูดก็ได้ ฮ่าๆๆๆ โฮ่ๆๆๆๆ

                เจ้าชายหัวเราะชอบใจกับคำพูดประจบ สอพลอของลูกน้อง

     

                    ไอ้บ้า...

                    เฮ้ย....นี้พวกเจ้าว่าอะไรนะ.....

                    ประสาท

                    เฮ้ย.........

                    พระโอรสปรับตัวแทบไม่ทันเพราะเสียงก่นด่าของบรรดาหญิงสาวดังจนแทบแสบแก้วหู

                    พวกข้า มาดูพ่อหนุ่มรูปงามโน้นต่างหาก

                หญิงสาวทั้งหมดตอบ ต่างพาชี้กันไปที่ กวินฟ้า

     

                    หนอย .....เจ้าหมอนี้ ทำข้าเสียหน้าหมด

                    เจ้าชายต่างเมือง รู้สึกสีหน้า ไม่น้อย ที่จู่ๆ ถูกแย่งชิงบทเด่นไป

     

                    เจ้าจ้อน ไหนเจ้าบอกว่าพวกนางต่างพากันมาดูความสง่างามของข้าไงเล่า แล้วไงไหงกลับไปชื่นชมมองเจ้าหมอนั้นได้

                    พระอาญามิพ้นเกล้า เป็นเพราะพวกนางมีตาหามีแล้วไม่ ถึงไม่มองเห็นความสง่างามของพระองค์พระเจ้าข้ามหาดเล็กแก้ตัวน้ำขุ่นๆ

                   

                ไอ้บ้า...นี้วอนหาที่ตายซะแล้ว หาว่าพวกข้ามีตาแต่ไม่มีแววงั้นหรือ เจ้าต่างหากที่ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงา หน้าก็ดั๊ง จมูกก็หักแล้วยังมาทำปากดีอีก

                เหวอ...นี้...อะไรกันนะ..นี้พวกเจ้าจะทำอะไรข้า.........

    เจ้าจ้อนเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อแม่บรรดาสาวๆต่างพากันมาห้อมล้อมตนเอง

                    ไม่รู้จักฤทธิ์แม่ซะแล้ว ไม่ตบสั่งสอน คงไม่รู้สำนัก  นี้แนะปากดีนักใช่ไหม?

                    หนึ่งในนั้นหยิกเข้าไปที่ปากเจ้าจ้อนจนเขียว

                    โอ้ยยยยย......ปล่อย.....ข้านะ...เจ็บ.....โอ้ยยยยยย.....

    ........พวกเราสนองความปากดีของมันหน่อย

                ได้เลย

                    หญิงสาวทั้งหมดขานรับต่างพากันกรูเข้ามาตะลุมบอนทหารปากดีในทันที

                    ตุบตั่บๆๆๆๆๆ

                    พระโอรส พระเจ้าข้า....ช่วยข้าพระองค์ด้วย...พระเจ้าข้า....พระโอรส...โอ้ยยยยย...โอ๊ยยยยยย....

                    ตุบตั่บๆๆๆ

     

                    ..เอ้อ......เรื่องนี้ข้าว่า........ เจ้าช่วยตัวเองก็แล้วกัน...เจ้าจ้อน

                    เจ้าชายรีบปัดเรื่องออกจากตัวในทันที ก่อนค่อยๆเดินเข้ามาหา กวินฟ้า ในฐานะตัวการที่เขาให้เสียหน้า

               

                นี้เจ้านะ….”

                ..............................

                    อีกฝ่ายไม่ตอบแต่อย่างใด เพราะกำลังสาละวนกับการหม่ำอาหารอยู่

                    ซวบบบบบบ

                    เฮ้ย....เจ้านะ....ได้ยินที่ข้าพูดไหม???....

                    ซวบบบบบบบบ

                    เฮ้ย....เจ้าได้ยินข้าไหม?????

     

                    โธ่เว้ย....หนวกหูชะมัด  เห็นไหมว่าข้ากำลังกินข้าวอยู่ พวกเจ้านะใครก็ได้ให้เงินมันไปซักสองสามอัฐซิแล้วไล่มันไปให้พ้นๆที
                ขอรับ คุณชาย

                    มุกตอบ ก่อนลุกขึ้นยืน พลางหยิบเงินไปวางไว้บนมืออีกฝ่าย

                    เอาเงินนี้ไปซะ แล้วก็ไปได้แล้วเจ้าขอทาน

                   

                    ....อ่า......ขอรับนายท่าน ขอบคุณนายท่านมากขอรับ ข้าไม่รบกวนแล้ว…”

                    พระโอรสรับเงิน ก่อนค่อยๆหันหลังเดินจากไปอย่างช้าๆ

                    แหม...ดีจังวันนี้ได้มาตั้งหลายอัฐ

     

                    แต่เดินไปแค่นิดเดียวเหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมาได้

                    เฮ้ย...เดี๋ยวก่อน...ข้าเป็นเจ้าชายนิ......ไม่ใช่ขอทาน

                รีบเอาเงินทิ้งก่อนหันกลับมาโวย

                    เจ้าพวกบ้า .....ฟังข้าให้ดีนะโว้ย....ข้านะเป็นเจ้าชายนะไม่ใช่ขอทาน....

                    เอากระดูกไปแทะเล่นหน่อยไหม?นิลเอ่ยพลางยื่นให้

                    ยังไม่วายเผลอไปรับอีก

                    ก็ดีเหมือนกันขอรับ ท่าทางคงจะอร่อย ข้ายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย

     

                    พอรู้สึกตัวขว้างทิ้งจนเกือบแทบไม่ทัน

                    ปัง

                    ....จะบ้าเหรอ............ข้าเป็นเจ้าชาย.......ไม่ใช่หมานะโว้ยได้ยินไหมมมมมมมมม ข้าเป็นนนนน เจ้าชายยยยยยยยย

                เหรอ???????? แล้ว เป็นเจ้าชาย  แล้วไงอีก????????

                    อะไรกันเจ้าพวกบ้านี้...หึ่มมมมมม.......

    อีกฝ่ายโมโหจนหน้าเขียวหน้าแดงแต่ พวกกวินฟ้า ก็หาใส่ใจไม่แต่อย่างใดยังคงทานอาหารกันต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×