ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องราวดีๆ (Fwd mail และเรื่องราวต่างๆ)

    ลำดับตอนที่ #6 : การออกเดทตอนแต่งงาน

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 50


    การออกเดทตอนแต่งงาน


    หลังจากที่แต่งงานมาได้ 21 ปี
    ผมก็ค้นพบวิธีใหม่ในการทำให้ความรักสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
    เพราะวันหนึ่งภรรยาผมบอกว่า ผมต้องออกเดทกับผู้หญิงคนหนึ่ง
    มันเป็นไอเดียของเธอล้วนๆจริงๆนะ
    " ฉันรู้ว่าคุณรักเธอ " ภรรยาผมว่า
    " แต่ผมรักคุณนี่ " ผมเถียง
    " ฉันรู้ค่ะ แต่คุณก็รักเธอคนนี้ด้วยเหมือนกัน"

    ผู้หญิงคนนั้นที่ภรรยาอยากให้ผมไปหา คือ แม่ของผมเอง
    ซึ่งเป็นหม้ายมา 19 ปีแล้ว
    เนื่องจากงานที่รัดตัวและต้องดูแลลูกๆ
    ทำให้ผมไปเยี่ยมแม่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น
    วันที่ผมโทรไปหาแม่เพื่อชวนท่านออกไปทานข้าวเย็นและดูหนัง
    แม่ถามว่า "มีอะไรหรือ? ลูกสบายดีรึเปล่า? "
    แม่ผมเป็นผู้หญิงประเภทที่คิดว่าการที่คนโทรมาหากลางดึก
    หรือเชิญอย่างกระทันหัน

    หมายความว่ามีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น
    ผมตอบแม่ว่า
    "ผมว่าดีออกถ้าเราได้ใช้เวลากันตามลำพังสองคนแม่ลูกบ้าง"
    แม่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า " แม่ยินดีมากเลยจ้ะ "
    เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ผมขับรถไปรับแม่ที่บ้าน
    ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อผมไปถึงบ้านแม่
    ผมก็สังเกตุได้ว่า
    แม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน
    แม่สวมเสื้อโค้ทนั่งรอผมอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว

    แม่ม้วนผมแล้วสวมชุดที่แม่ใส่ในวันฉลองครบรอบการแต่งงานครั้งสุดท้าย
    พลางยิ้มรับผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใสราวกับทูตสวรรค์

    แม่บอกเพื่อนๆว่าแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกชาย พวกเขาประทับใจกันใหญ่
    แม่พูดขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถ " พวกเขารอฟังแทบไม่ไหวเลย "
    เราไปภัตตาคารที่ถึงแม้จะไม่หรูหรา
    แต่ก็ดีเยี่ยมและบรรยากาศก็อบอุ่นสบายๆมากๆ
    แม่ควงแขนผมเดินราวกับว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
    หลังจากที่เรานั่งลงเรียบร้อยแล้ว
    ผมต้องเป็นฝ่ายอ่าน เมนูอาหาร
    เพราะสายตาของแม่อ่านได้เพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ๆเท่านั้น

    เมื่อผมอ่านเมนูอองเทรไปได้เพียงครึ่ง
    ผมเงยขึ้นมองเห็นแม่กำลังมองดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มระลึก
    ถึงความหลัง
    "ตอนที่ลูกยังเล็กนั้น แม่ต้องเป็นคนอ่านเมนูให้ลูกฟัง "  แม่ว่า
    "งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะผลัดเวรให้แม่นั่งฟังสบายๆบ้าง "  ผมตอบ
    ในระหว่างมื้ออาหารนั้น
    เราคุยกันอย่างถูกคอ-ไม่ใช่เรื่องราวพิเศษอะไร-เพียงแต่สลับกัน
    ถามว่าชีวิตของเราเป็นยังไงทำอะไรที่ไหนมาบ้าง
    เราคุยกันสนุกมากจนไปดูหนังไม่ทัน
    เมื่อผมไปส่งแม่ที่บ้าน แม่พูดว่า
    "แล้วแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกอีกนะ แต่คราวนี้ลูกต้องยอมให้แม่เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ"
    ผมตอบตกลง
    "ดินเน่อร์เป็นยังไงบ้าง?"  ภรรยาถามเมื่อผมกลับถึงบ้าน
    "ดีเยี่ยมกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย"  ผมตอบ
    ไม่กี่วันต่อมา แม่ผมเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
    มันเกิดขึ้นกระทันหันมากจนผมช่วยอะไรไม่ทันเลย

    หลายวันต่อมา
    ผมได้รับจดหมายพร้อมใบเสร็จจากภัตตาคารที่ผมกับแม่เคยไป
    มีโน๊ตเล็กๆแนบมาด้วยว่า
    " แม่จ่ายค่าอาหารชุดนี้เรียบร้อยแล้ว 
    แม่รู้อยู่แล้วว่าแม่คงไปไม่ได้
    แต่อย่างไรก็ตาม แม่ก็จ่ายสำหรับสองคน คือลูกกับภรรยา
    ลูกคงเดาไม่ถูกหรอกว่า
    วันนั้นมีความหมายต่อแม่มากแค่ไหน , รักลูกจ้ะ "

    วินาทีนั้น ผมเข้าใจถึงความสำคัญของการกล่าวคำว่า " รัก "
    ต่อคนที่เรารักในช่วงเวลาที่เค้าต้องการมัน
    ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัวของคุณ
    จงให้เวลากับพวกเค้าในเวลาที่พวกเค้าต้องการคุณ
    เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่อาจผลัดวันประกันพรุ่งได้
    บางคนบอกว่า
    หลังจากที่คุณคลอดบุตรแล้วต้องใช้เวลาราว  6 สัปดาห์จึงจะคืนสู่สภาพเดิม...
    คนนั้นไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณได้เป็นแม่คนแล้ว
    ไม่มีคำว่าคนเดิมอีกต่อไป

    บางคนบอกว่า คนเราเรียนรู้การเป็นแม่ได้เองตามสัญชาติญาณ...
    คนนั้นไม่เคยพาลูกสามขวบไปซูเปอร์มาร์เกต

    บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นน่าเบื่อ...
    คนนั้นไม่เคยนั่งรถที่ลูกวัยรุ่นขับหลังจากที่ได้ใบขับขี่มาหมาดๆ

    บางคนบอกว่า ถ้าคุณเป็นคนดี ลูกออกมาก็จะดีเอง...
    คนนั้นนึกว่าเด็กคลอดออกมาพร้อมกับคู่มือการใช้และใบรับประกัน

    บางคนบอกว่า แม่ที่ดีไม่ควรขึ้นเสียงกับลูก...
    คนนั้นไม่เคยเปิดประตูหลังบ้านออกมาทันได้เห็นลูกหวดลูกกอล์ฟเข้าใส่หน้าต่าง
    ครัวของเพื่อนบ้านพอดิบพอดี

    บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นไม่ต้องมีการศึกษาก็ได้...
    คนนั้นไม่เคยช่วยลูกประถมสี่ทำการบ้านเลข

    บางคนบอกว่า แม่รักลูกคนที่ห้าไม่เท่าลูกคนแรก...
    คนนั้นไม่เคยมีลูกห้าคน

    บางคนบอกว่า
    ช่วงที่ยากที่สุดของการเป็นแม่คือตอนเลี้ยงและตอนคลอด...
    คนนั้นไม่เคยยืนดูลูกขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนอนุบาลวันแรก
    หรือขึ้นเครื่องบินไปบู๊ทแคมป์ของทหาร

    บางคนบอกว่า งานของแม่นั้นหมูๆ ปิดตาสองข้าง หรือมัดมือไว้ข้างหนึ่งก็ยังไหว...
    คนนั้นไม่เคยสอนการออกเดินขายคุ้กกี้ให้กับเหล่ายุวนารี 7
    คนที่กระจุ๊กกระจิ๊กคิกคักกันอยู่ตลอดเวลา

    บางคนบอกว่า แม่เลิกกังวลได้แล้ว หลังจากที่ลูกแต่งงานออกเรือนไป...
    คนนั้นไม่รู้ว่าการแต่งงานคือการนำลูกชายหรือลูกสาวคนใหม่เข้ามาอยู่ในสายใยใจของแม่

    บางคนบอกว่า งานของแม่สิ้นสุดลงเมื่อลูกคนสุดท้ายออกจากบ้านไป...
    คนนั้นไม่เคยมีหลานยาย หรือหลานย่า

    บางคนบอกว่า แม่รู้ดีอยู่แล้วว่าคุณรักท่าน เพราะงั้น ไม่ต้องบอกท่านก็ได้....
    คนนั้นไม่เคยเป็นแม่คน




    จาก เว็บ   
    www.thaireaderclub.com
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×