คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : EP.5 ไม่ต้องชวน เดี๋ยวไปเอง
Best’s Talk
ตอนนี้ผมต้องขับรถออกมารับยัยเพื่อนตัวแสบไปหาอะไรกิน อันที่จริงไม่ได้จะตามใจหรอก ผมก็หิวด้วยเหมือนกันละน่าก็เลยพาออกมา ตอนแรกที่เราสองคนเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน ผมคิดว่าเราจะได้เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันเสียอีก ที่ไหนได้ ยัยนี่ไปเจอเพื่อนกลุ่มใหม่ซะงั้น แต่ก็ไม่เป็นไร ผมก็มีกลุ่มเพื่อนของผมเหมือนกัน
นาวเป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่มัธยมต้น เรารู้จักกันมานานมาก ความสนิทที่ผมมีให้เธอมันมากกว่าพวกไอไบรท์หรือคนอื่นๆเสียอีก ตอนม.ปลาย เราสนิทกันมาก ผมตามใจนาวมาก เธอสั่งอะไรผมก็ทำเป็นปฏิเสธในตอนแรกแต่ก็ทำให้ทั้งนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่ต้องสปอยล์นาวขนาดนั้น จนกระทั่งพวกเพื่อนของผมเริ่มล้อ ว่าผมชอบนาวบ้าง นาวเป็นเมียผมบ้าง ผมเป็นห่วงความรู้สึกนาว ว่านาวจะรู้สึกยังไง กลัวนาวจะลดความสนิทระหว่างเราลง แต่กลับกลายเป็นว่านาวไม่สนใจคำพูดพวกนั้นเลย คิดว่ามันเป็นเพียงคำพูดเล่นๆ กวนบาทาจากกลุ่มเพื่อนเท่านั้น เธอยังคงบริสุทธิ์ใจเป็นเพื่อนกับผมเหมือนเดิม แต่เหมือนว่าความรู้สึกของผมนี่สิที่มันไม่เหมือนเดิม
พอเข้ามหาลัยการได้อยู่คนละกลุ่มกันไม่ได้ใกล้ชิดเท่าเมื่อก่อน ก็ทำให้ให้ผมเป็นห่วงเธออยู่เหมือนกัน แต่ก็รู้สึกว่ามันดีต่อตัวผมด้วยเหมือนกันนะ เหมือนได้ถอยมาถามใจตัวเอง แต่ผมยังไม่ได้คำตอบหรอกว่าความรู้สึกนั้นมันคืออะไร จนกระทั่งได้ฟังเพลงที่นาวเปิดบนรถตอนนี้....
“อันนี้เพลงอะไร?”
ผมถามเธอทันที่ที่จบท่อนแรก เพราะเนื้อเพลง ทุกคำทุกความหมาย เหมือนมันเป็นเฉลยในคำตอบที่ผมถามตัวเองมาตลอด
“Lemonade ของ Jeremy Passion เพราะป้ะ”
“อืม ชอบ ความหมายดี”
เธอยังคงมองไปยังถนนที่มีแสงสีส้มสาดเข้ามาตามทางที่เราขับไปร้านเจ๊โปว ผมว่าเธอยังคงไม่คิดอะไรเหมือนเดิม
แต่สำหรับผมเพลง Lemonade ที่แปลว่า น้ำมะนาว ความหมายของเพลงมันก็คือคนที่ชื่อ 'มะนาว' ที่อยู่ข้างๆผมตอนนี้
“ถ้ามีแฟนจะเปิดเพลงนี้ให้แฟนฟัง”
กึก
ทันทีที่ผมได้ยินประโยคนั้น สมองของผมมันรีบสั่งการให้เท้าเหยียบเบรกในทันทีด้วยความตกใจ แต่ผมต้องทำเป็นขับต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่คิดว่านาวจะไปเปิดเพลงนี้ให้คนอื่นฟังผมก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็ก ๆ
“เหยียบเบรกทำไม ตกใจหมด”
“ตกใจดิ ทำเป็นวางแผนจะไปเปิดเพลงให้แฟน มีแฟนรึยังเหอะ”
“อาจจะมีเร็วๆนี้ก็ได้ ใครจะรู้”
นาวตอบอย่างอารมณ์ดี ใช่สิ ผมรู้ หลังจากวันที่เราไปร้านเหล้า X UP กัน วันนั้นทันทีที่ผมเห็นนาวแต่งตัวแบบนั้น แต่งหน้าแบบนั้น ผมก็รู้ทันทีว่าวันนี้ผมคงหวงนาวแบบที่เคยทำไม่ได้แล้ว ผมคงทำได้เพียงอดทน ให้มีผู้ชายมาแอ๊วนาวต่อหน้า ผมทำได้แค่นั้น... ไหนจะไอทิน วิศวะหน้าตี๋นั้นอีก นาวอาจจะจำทินไม่ได้ แต่ผมจำได้ ทินเรียนวิศวะอินเตอร์ ที่ถึงแม้มันจะไม่ใช่เดือนคณะแต่ความจริงแล้ว มันได้รับเลือกแต่เลือกที่จะไม่เป็นเองต่างหาก เพราะขี้เกียจ! เป็นไงล่ะ หล่อระดับเดือนแต่อยากเดินดิน
“ทิน วิศวะอ่ะหรอ”
ผมแกล้งถามไปงั้น วันนั้นก็เห็นๆอยู่ ว่าทินสนใจนาวขนาดนั้น ไหนจะที่นาวพิมพ์ตอบแชทมันต่อหน้าผมอีก เห้อ ผมบอกเลยว่าผมจึ้ก!
“ก็ไม่แน่ ยังไม่รู้”
ค่อยโล่งใจหน่อย ตอบแบบนี้ แปลว่านาวยังไม่ได้ชอบพออะไรไอ้ทินขนาดนั้น หึ
“รีบตัดสินใจทำไม ค่อยๆเลือกไปก่อนสิ”
ผมแกล้งพูดให้นาวคิด ผมอยากให้นาวเลือกนานๆ คิดไตร่ตรองให้ดี เผื่อเวลาจะช่วยให้เธอเพิ่มที่ยืนให้คนอย่างผมบ้าง...
“ค่อยๆเลือกอะไรล่ะ มีให้เลือกที่ไหน”
“…..” ก็ดีแล้วนี่ ผมคิดในใจ
“ไม่ใช่พี่เบสท์ซะหน่อยนิคะ ที่จะมีสาวๆมารุมล้อม รุ่นพี่รุ่นเพื่อนรุ่นน้องเต็มไปหมด”
ก็ไม่ปฏิเสธว่าที่นาวพูดมันก็มีความจริง ด้วยความที่คณะนิเทศศาสตร์ที่ผมและนาวเรียน ส่วนใหญ่คนในคณะจะเป็นผู้หญิง(ผู้หญิงสวยด้วย) มีผู้ชายอยู่แค่หยิบมือ และในผู้ชายนั้นยังมีชายแท้อยู่ไม่กี่คน ทำให้ผู้ชายในคณะของผมเป็นเหมือน Rare Item ที่ใครๆ ก็อยากได้
“พี่เบสท์ก็ไม่ได้จริงจังกับใครซะหน่อยนิคะ”
ผมแกล้งพูดประชดแบบที่เธอพูดใส่ผมก่อน ทำเอาคนข้างๆเบ้ปากกลอกตามองบนเหมือนเคย
End Best’s Talk
“แหวะ รู้แล้วค่ะว่าหล่อ”
ฉันเบ้ปากกลอกตามองบน พ่อคนหล่อ พ่อคนฮอต พ่อคน Rare Item ไม่ทันได้คุยอะไรกันต่อก็ถึงที่หมายพอดี ฉันเปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินข้ามถนนไปยังร้านเจ๊โปวพร้อมกับเขา ตอนแรกแค่แกล้งๆชวนมาหาอะไรกิน พอมาถึงที่จริงๆ มันก็หิวเหมือนกันนะเนี้ย โชคดีที่วันนี้คนไม่เยอะ ทำให้เรารอคิวไม่นานก็ได้โต๊ะทันที
หลังจากสั่งอาหารเสร็จฉันเลยหาจังหวะ ทำภารกิจที่ฉันตั้งใจ
“ วันที่ 25-10 ว่างป้ะ”
“ เดือนไหนล่ะ”
“เดือนนี้”
“ทำไม”
“จะชวนไปเกาหลี”
“ห้ะ เกาหลี”
“อืม ไปโซล”
ฉันมองเขาสายตาปริบๆ อันนี้มันแค่การขอร้อง เลเวล 1
“ไม่ชวนพวกงูพิษไปล่ะ”
“ชวนแล้ว ไม่มีใครว่างอ่ะดิ พลาดจองตั๋วไปก่อนแล้วด้วย”
“แล้วคุณพ่อ คุณแม่ล่ะ”
“ยังไม่ได้ชวนเลย รู้ว่าชวนไปก็เท่านั้น พ่อกับแม่หยุดทำงานถึง 15 วันได้ที่ไหน หวงกิจการขนาดนั้น”
“….”
“ไม่รู้จะชวนใครแล้วเนี้ย”
ฉันส่งเสียงยืดๆ พร้อมครางในลำคอ สายตาปริบๆในตอนแรกถูกแทนที่ด้วยสายตาเศร้าสร้อยหมดอาลัยตายยาก
“…..”
“เห้ยรู้ล่ะ ไม่งั้นจะชวนทินไป”
“ห้ะ!!!”
“ตะโกนทำไม คนในร้านตกใจแล้วเนี้ย”
ตาบ้านี่ พักนี้เดี๋ยวตะโกน เดี๋ยวตกใจอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆก็กลายเป็นพ่อขวัญอ่อน จนฉันขวัญผวาไปด้วยละเนี่ย
“ไม่ต้องชวน เดี๋ยวไปเอง”
“….” ฉันไม่ตอบอะไรแต่อมยิ้มด้วยความดีใจ พร้อมถามย้ำเขาอีกครั้งว่า “แน่ใจนะ ห้ามเทนะ”
“เดี๋ยวกดจองตั๋วเลย”
“เย้!!!!”
โอ้ยดีใจมาก อมยิ้มของฉันมันกลั้นไว้ไม่อยู่กลายเป็นยิ้มยิงฟันเต็มปาก ฉันแทบจะกระโดดไปกอดเบสท์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่ทำไม่ได้ เพราะมีโต๊ะกั้นอยู่ฉันเลยเอื้อมมือทั้งสองข้างไปนาบแก้มของเขา พร้อมกับบีบมันเบาๆ เหมือนความหมั่นเขี้ยว
“ขอบคุณน้า”
“อืม ไม่ต้องชวนใครเพิ่มละนะ”
“ได้!!!”
ฉันรับปากเขาอย่างไม่อิดออด ในที่สุดฉันก็ไม่ต้องไปเกาหลีคนเดียวอีกแล้ว วู้ววว ยังไงพ่อกับแม่ของฉันก็อนุญาตให้ไปกับเบสท์อยู่แล้ว เพราะพ่อกับแม่ของเขาก็รู้จักกับพ่อกับแม่ของฉัน เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
______________________________________________________________
Talkkkk ;
อุ๊ย ไรท์ว่าคนที่น่าเป็นห่วงน่าจะเป็นเพื่อนนาวนั่นแหละ จะโดนเพื่อนเบสท์จับกินที่เกาหลีหรือเปล่าน้า
ความคิดเห็น